ก.พ.162020ศาสนา630216_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ต้องศึกษาอาหาร 4 จึงทำจิตให้เป็นอุตุได้ อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/19ID2uHI96-i5mZ8cCpXFp5E1I0MO7Qz1cUAm4xIcurs/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1n_RijhaF8ypLrRZ-re7HFv6bB-Ntg3Uj สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ผ่านงานพุทธาภิเษกคนสนใจฟังธรรมและสนทนาธรรมกันมากขึ้นเป็นสิ่งที่น่ายินดี อาตมาก็ได้ไปอบรมธรรมะให้พ่อค้าแม่ค้าเฮือนบวร ให้เป็นพ่อค้าแม่ค้าอาริยะ ถามว่าใครอยากเป็นพระโสดาบันบ้างไม่มีใครยกมือเลย พ่อครูว่า…ก็ขอโอภาปราศรัยกับ SMS วันที่ 8 – 12 ก.พ. 2563 _7230 ขอให้พี่น้องชาวอโศกทำใจ ไม่ควรตำหนิหลวงปู่มั่นเพราะมันจะบาปมาก ให้พ่อครูพูดแต่ผู้เดียว พ่อครูว่า…ก็ดีก็พยายามแยกแยะว่า อาตมาสมควรตำหนิได้ _5562 มีชายคน1 เข้ามาทักทายดิฉันและลูกสาว และบอกว่า เป็นญาติธรรม ชาวอโศกทำตัวน่านับถือ พูดคุยธรรมะให้ลูกสาวฟังบ่อยๆ ต่อมาลูกสาวบอกว่า เขาพูดเชิงจีบ ถามว่ามีแฟนหรือยัง? เขามีเงินมากนะอยู่กับเขาแล้วสบายฯ ดิฉันและลูกงงมากค่ะ ญาติธรรมอโศกคงไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ใช่มั้ยคะหรือเขาแอบอ้างคะ จาก : พิศมัย ริเวอร์เฮ้าส์ กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพศรัทธาค่ะ พ่อครูว่า…อาตมาก็ว่าสังคมชาวอโศกไม่มีพูดเช่นนี้ แบบที่มีกิเลสบ้างก็คงจะไม่ตรงขึ้นอย่างนี้ ก็คงไม่ใช่ชาวอโศกแน่นอน _จิตรา อัศวิน กราบ :_/\_นมสก พ่อครู ที่เคารพยิ่ง เป็นภาพอันงดงามยิ่งนักที่ได้เห็น ได้ฟัง พระโพธิสัตว์แสดงธรรมในวันมาฆะบูชาท่ามกลางหมู่และฆราวาสใต้แสงจันทร์ในมาฆะฤกษ์นี้..สาธุๆๆ _แมน สปริงเกอร์ : กราบพระโพธิสัตย์ระดับ7สายพุทธิปัญญา _จักรพล พุทธพัฒนา : กราบนมัสการพ่อครูผู้โพธิสัตว์ ผู้ปฏิบัติวิรัติชัดเจนหนอ ผู้ทรงคุณธรรมละเอียดละออ ข้าน้อยขอพองามทำตามภูมิ(อนาคาริกชน) _ที่ไหนมีทีมไก่ ที่นั่นมีกู : ผมงงครับ กรรมเป็นไดนามิก _9309กราบนมัสการกราบอนุโมทนาบุญกับพระคุณเจ้า พ่อท่านสมณโพธิรัก ที่ได้สร้างน้ำตกท่ามกลางความร้อนระอุของภาคอีสาน เป็นที่พึ่งพิงของเด็กเด็กและบุคคลทั่วไป ข้าพเจ้าเป็นผู้ชมรายการทีวี ของชาวอโศกและได้ช่วยบำรุงค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าสถานีเล็กๆน้อยๆ ตามกำลังของข้าพเจ้า ก่อนอื่นข้าพเจ้าขออนุญาตท้าวความสักนิด จังหวัดอุบลราชธานีและภาคอีสานเป็นต้นกำเนิดของพระอาจารย์เกจิต่างๆที่เคร่งครัดในธรรมวินัย แต่ในทางกลับกันจังหวัดอุบลราชธานีและภาคอีสานเป็นจังหวัดที่มี โรงเชือดวัวและบริโภคเนื้อวัวมากที่สุดในประเทศยกเว้นจังหวัดที่มีศาสนาอิสลาม แสดงว่าความเมตตาตาสัตว์ที่มีคุณ ของคนบางส่วนมีน้อยหรืออาจจะหนาส่วนก็เป็นไปได้ข้าพเจ้าเห็นว่าในช่วงเดือนที่เป็นช่วงหน้าร้อน หรือช่วงปิดเทอมจะมีผู้ปกครองพาบุตรหลานมาเล่นน้ำตกบางทีมาเป็นรถบัสเป็นหมู่คณะ ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทางชาว อโศกจะได้เผยแพร่ธรรมะที่ถูกต้องให้กับเยาวชนทั่วไป ไม่ใช่เห็นว่าทางวัดเป็นฟรีสวนสนุกมาแค่ผ่อนคายเฉยเฉย ข้าพเจ้าขอส่งความเห็นว่า ควรจะ ล้อมเชือกหรือทำยังไงก็ได้ไม่ให้เข้าน้ำตกได้ง่ายง่าย ก่อนเข้าควรจะเชิญให้หมู่คณะรับรู้รับฟังความเป็นมาของชาวอโศก ศีลห้าและวิบากกรรมของการผิดศีล หรือให้เยาวชนและผู้ปกครองได้ดูวิดีโอชีวิตร่ำไห้จะได้ปลูกฝังจิตวิญญาณของความเมตตา บางทีไก่ย่างเนื้อย่างหมูย่างที่ผู้ปกครองแอบเตรียมมาให้เด็กเด็กเอาไว้กินตอนเล่นน้ำตก เมื่อได้ดู วิดีโอชีวิตร่ำไห้แล้วเค้าอาจจะนำไปทิ้งก็ได้ หรือถ้าทำไม่ได้จริงๆก็ควรจะมีลำโพงใหญ่ใหญ่เสียงตามสายเปิดเสียงดังดังช่วงที่มีการเปิดน้ำตกเปิดธรรมะง่ายง่าย เช่น รายการกรรมนี้มีผลหรือรายการ ธัมมง่ายง่าย อาจจะเป็นของท่านจันทร์หรือท่านชาตะวโร บางทีผู้ปกครองที่พาเด็กมาอาจเข้าหูบ้างเผื่อบางทีอาจจะมีดวงตาเห็นธรรม ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นน้ำตกที่ท่านสร้างเป็นแค่สวนสนุก ช่วงนี้เป็นโอกาสอันดีที่มีเยาวชนและมีบุคคลแปลกหน้า มาถึงชุมชนของท่าน ท่านจะได้ประกาศคำสอนที่ถูกต้อง เผื่ออาจจะมี คนเข้าใจเรื่องอาหารมังสวิรัติที่ กลุ่มของท่านทานอยู่หรือวิบากกรรมของการผิดศีล นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดถูกประการใดขอกราบขออภัยด้วยขอบพระคุณอย่างสูง พ่อครูว่า…ขอบคุณมีความคิดอย่างคุณเหมือนกัน ความคิดถึงคุณอาตมาก็คิดได้ ไปอาตมาไม่ใช่เป็นคนที่จะไปใช้วิธีอย่างนั้น ที่จะใช้จิตวิทยา ที่จะ ใช้ลักษณะว่าเราเป็นผู้ที่มีชั้นเชิง จะเป็นการยัดเยียดจะเป็นการบังคับไม่เอาแน่ แค่หว่านล้อม อาตมาก็ไม่ทำ ให้เขาสัมผัสอย่างอิสรเสรี เป็นแต่เพียงว่าพวกเรานี่แหละมีปฏิสันถารบ้าง แต่พวกเราก็ค่อนข้างบื้อ แขกไปใครมาก็ไม่ค่อยทักทาย ตั้งแต่อาตมาเป็นคนไม่ค่อยปฏิสันถาร อาตมาก็รู้ข้อบกพร่องของอาตมาต่างกับท่านจันทเสฏโฐ อาตมามันไม่มีใจแบบนั้นเลย พวกเราก็เลยต้องช่วยอาตมาหน่อย ให้เหมือนวัดวาต่างๆ วัดไหนก็ทำให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ถ้าเขาสนใจเขาก็จะค่อยๆเข้ามา เราก็ค่อยๆอธิบาย ไม่ใช่พอเขาถามปุ๊บเป็นชุดเลย ก็ต้องค่อยๆพูด อย่ายัดเยียด เป็นตามลำดับ ศาสนาพุทธใช้ความยินดีเป็นตัวนำ ในมูลสูตร 10 ความยินดีเป็นต้นทาง มีฉันทะเป็นมูล ถ้าไม่มีความยินดี ก็ทำมนสิการไม่ได้ จิตใจไม่สามารถทำใจในใจให้เปลี่ยนจิตใจได้ มีจุดยินดีเป็น อัญญธาตุ จะได้ เปิดแง้มด้วยยินดี ไม่ใช่ไปงัดเอา _ดาว ฝรั่งเศส ติดตามชมทุกวันอยู่ค่ะ พ่อครูเทศน์ถูกพูดถูกทุกอย่างค่ะ พระสมัยนี้หากินมากกว่าพระจริงๆหายากมากค่ะ ถ้าวัดทุกวัดเหมือนกับวัดของท่าน โลกนี้คงจะเจริญมากเจ้าค่ะ กล้วยน้ำว้าอยู่ฝรั่งเศสกิโลกรัมละ 350 บาทแล้วก็หาทานยากมากค่ะแต่อยู่บ้านลาดนี่โอ๊ยเฟือยมีเยอะ เจ้าค่ะคนบ้านลาดโชคดีมากค่ะชุมชนบ้านราชโชคดีมากค่ะ สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาสมาธิ) ตอน อรหันต์มีสมาธิแบบไหน _ต่อยอด เสบียงบุญ : ท่านคงนึกว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรือไงครับ พระดีพูดดีเขาจะไม่เปรียบเทียบบุคคลอื่นเข้าใจไหมพระ ปากของคุณกำลังจะมีกลิ่นนะ พระแบบคุณนั่นแหละจะทำให้สงฆ์แตกแยกกันเพราะคำพูดของท่าน ถ้าเป็นพระดีแล้วเขาจะไม่พูดอย่างนี้ พ่อครูว่า…ตอบก่อนว่าอาตมารู้ดีว่าอาตมาเป็นอรหันต์ บอกไปประกาศทางโทรทัศน์ไปปี 2558 ว่าอาตมาเป็นอรหันต์ ที่พุทธาภิเษกฯศาลีอโศก อาตมาไม่ใช่นึกเอา แต่เป็นอย่างจริงมั่นใจรู้ รู้ว่ามั่นใจคนเป็นอรหันต์เป็นอย่างไร คนเป็นอรหันต์เพราะมีปัญญารู้ใจตัวเองอ่านใจตัวเองออกรู้จักเวทนา 108 เป็นต้น แยกเนกขัมสิตเวทนา เคหสิตเวทนา ทำเนกขัมสิตเวทนาให้เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาเวทนาได้ทำเป็น อาตมาทำเป็นและมีจิตอุเบกขา สั่งสมอุเบกขาเป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตที่มีปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ผู้ใดทำได้ โดยไม่ยากไม่ลำบากก็เป็นฌาน 4 อาตมาทำได้จึงรู้ว่าตัวเองเป็นอรหันต์ แล้วฌานของอาตมาทำได้โดยไม่ต้องไปนั่งหลับตาทำด้วย ฌานเกิดจาก จรณะ 15 วิชชา 8 สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 ข้อ ถ้าผิดไปจากนี้ก็ไม่ใช่ของศาสนาพุทธ ฌานที่เขาทำนั่งหลับตาไม่เกี่ยวกับจรณะ 15 วิชชา 8 เลย ไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีการสังวรศีลสำรวมอินทรีย์ ไม่มีการประมาณในการบริโภคเลย ไม่ได้เกิดปัญญา 8 ไม่ได้มีสัทธรรม 7 ฌาน 4 เกิดจากจรณะ15 ฌานไม่ได้เกิดจากการหลับตาโดยไม่มีวิปัสสนาญาณ ไม่มีวิชชา 8 มันหลงทิศทางไปไกลเลย อาตมาเอาหลักฐานของพระพุทธเจ้ามาไล่เรียง เอาตั้งแต่อาจารย์มั่น ที่เขาคิดว่าเป็นยอดอรหันต์หรือมหาบัวก็ตามไม่เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ไม่เคยอธิบาย ไม่เห็นอิทัปปัจจยตาของจรณะ 15 วิชชา 8 สมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่นที่เกิดจากการปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 มีอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา สั่งสมเป็นจิตตั้งมั่นด้วยจิตบริสุทธิ์จิตปราศจากกิเลส อเนญชาภิสังขารจนเต็มจิตตั้งมั่นเรียกว่าสมาธิ สัมมาสมาธิ ซึ่งไกลจากสมาธิที่เขาทำกันทั่วไป เป็นสมาธิเดียรถีย์ซึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าออกบวชก็ได้ไปนั่งหลับตาตามเขา อาฬารดาบส อุทกดาบส แต่ไม่ได้บรรลุ ฌานวิสัยเป็นอจินไตย กว่าจิตจะตั้งมั่นเป็นฌาน เผากิเลส จิตสะอาดสั่งสมเป็นสมาธิ มันก็ไกลจากเขามากเลย คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องมีการเปรียบเทียบ กลิ่นปากก็มีเป็นธรรมดา จะเหม็นหรือจะหอมก็ไม่รู้ ความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมามันคนละทาง อาตมาก็ว่าพระดีต้องพูดอย่างนี้ คุณว่าแบบคุณมันเป็นลัทธิแบบคุณ จะเป็นลัทธิแบบคุณ คนศรัทธาแบบนั้นก็ไม่มีแบบอาตมา _มุนินTj : ฟังอยู่โคราชคะ วันนี้สดุดบ่อยมากคะ (ทำวัตรเช้าวันอังคารที่ 11 กพ) _ประดิษฐ์ อินทหอม:วันนีัฟังไม่ดีเลยครับ สะดุดๆ กราบนมัสการครับ _บุญนิยม รองกิจ : พ่อครูเทศน์ไม่ผิดกินเนื้อบุตรกันทั้งนั้น _อโศกสัมปวังโก : ในงานพุทธาภิเษกปีนี้ท่านฟ้าไทได้ รณรงค์ให้ญาติธรรมฟังธรรมกัน โดยให้ความสำคัญของศัพท์บัญญัติมากขึ้น เป็นความมุ่งหมายที่ต่อยอดกับความเป็นจริงที่พ่อท่านเคยเทศน์สอนไว้ว่า “พ่อท่านนั้นมีสภาวะอย่างล้นเหลือแล้ว” พยัญชนะจึงเกิดมีตามมาทีหลังหรือไม่อย่างไร พ่อครูว่า…ใช่ อาตมาเองมีสภาวะล้นเหลือ พยัญชนะไม่ค่อยเป็นเลย ทุกวันนี้ก็เรียนรู้เพื่อเอาพยัญชนะมาเป็นฉลากยาแปะ เนื้อยาที่อาตมามีเยอะ เพราะว่าเนื้อยาสาระสภาวะมันยาก ต้องอาศัยพยัญชนะอาศัยชื่อมัน จึงต้องติดตามชื่อมัน อาตมาจึงถูกเล่นงานแต่ก่อนเรื่องพยัญชนะ แต่เดี๋ยวนี้ก็คิดว่าดีกว่าแต่ก่อนไม่น้อย แต่ก็ต้องพยายามต่อไป พยัญชนะเกิดมาทีหลัง สภาวะเกิดมาก่อน ทีนี้พอศาสนาเกิดมาแล้ว พยัญชนะก็มีมาก่อนสภาวะก็มาทีหลัง อาตมามีสภาวะก่อนแล้วพยัญชนะทีหลัง สังคมก็ต้องศึกษาจากพยัญชนะแล้วจึงได้สภาวะ คนที่เขามั่นใจว่าเขาเอาสภาวะ เขาไม่ศึกษาพยัญชนะเช่นสายนั่งหลับตา เพราะปิดตาเสียแล้วนั่งหลับตาอย่างเดียวพวกนี้ปิดประตูที่จะสัมมาทิฏฐิ สัมมาที่เป็นทิฏฐิตัวต้นของมรรคมีองค์ 8 ก็มีไม่ได้ นั่งหลับตาปิดประตูเลยเอามาพูดชัดเจนไม่ได้ใส่ร้ายไม่ได้ใส่ความแต่พูดความจริง เอาแต่นั่งหลับตา ไม่เชื่อว่าการเรียนพยัญชนะภาษาพระพุทธเจ้าแล้วให้พยัญชนะไปหาสภาวะให้ได้ คุณก็เอาแต่สภาวะซึ่งเป็นสภาวะที่ผิดมาแต่เดิมเป็นสภาวะที่ยังไม่เกิด ปัญญา ตั้งแต่ข้อที่ 1 ในปัญญา 8 ที่ต้องคบหาสัตบุรุษ ฟังธรรมก็ไม่มี เอาแต่เดาเอาปฏิบัติเอาไม่เกิดอัญญธาตุ ความรู้ของศาสนาพุทธเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่ได้เป็นอันเก่า ทุกวันนี้เรียนพยัญชนะกันจนจบด็อกเตอร์เปรียญ 9 ก็แล้วแต่ก็เรียนแต่พยัญชนะที่สอนกันมาผิดเพี้ยนไกลไปจากพยัญชนะ โดยเฉพาะพยัญชนะคำที่สำคัญ คำว่า กาย คำว่าจิต คำว่าบุญ คำว่าบาป คำว่าสมาธิ คำว่าฌาน ก็แปลผิด แล้วจะปฏิบัติให้เข้าหาสภาวะที่เป็นสัจธรรมได้อย่างไร ผิดหมดเลย อาตมาต้องเอามาอธิบาย พวกคุณสะดุดไหม พวกข้างนอกที่เขามีไหวพริบจะสะดุด กายก็พูดไม่เหมือนเขา บุญบาป สมาธิก็พูดไม่เหมือนเขา มันไม่เหมือนเลยมันคนละเรื่องเลย เขาจะสะดุด อาตมาอธิบายไปแล้วพาปฏิบัติจนเป็นสาธารณโภคี เป็นหมู่ชนที่มีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นอาริยบุคคล เขาก็ฟังเผินไม่เชื่อว่ามีสังคมพุทธที่มีโลกุตรธรรมเป็นอาริยบุคคล เป็นเมืองพระศรีอาริย์ เขาไม่เชื่อ เขาก็เชื่อแต่ว่าพระศรีอารย์คือพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป เขาเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่ผิดหรอกแต่มันก็แล้วไปเป็นอย่างนั้นว่าอย่างนั้นจริงๆก็ยังไม่ได้ ศรีอาริยเมตไตรยก็คืออาริยะ อาตมาใช้คำว่าอาริยะ ไม่ใช่ศรีอริยเมตตรัยนะ คืออาริยะแท้นะ นอกนั้นอริยะไม่ใช่จริง เป็นอจินไตยอย่างหนึ่งที่ชื่อนามลงตัว เป็นพระพุทธเจ้าเกิดมาต้องเป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม มีพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆได้พยากรณ์ไว้แล้วว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม มีอัครสาวกคือพระสารีบุตรพระโมคคัลลานะ มันจะลงตัวหมดเลย เป็นเรื่องจริง อย่างอาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็รู้บ้างว่าใครต้องชื่ออะไร มีส่วนที่เกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ก็จะไม่พูดมากเรื่องนี้เพราะคนชอบกันนัก นิมนต์จิบน้ำ สมณะฟ้าไท…เราฟังพ่อครู พ่อครูว่า… สู่แดนธรรมแสดงความเห็น ว่าเพื่อนของสู่แดนธรรมว่า…ทึ่งพ่อครูที่ทำสังคมสาธารณโภคี แต่เขาไม่เชื่อว่าเป็นอาริยะมีนิพพาน พ่อครูว่า..ต้องให้มาพิสูจน์ว่าเป็นสังคมสาธารณโภคีอย่างไร แน่นอนหากไม่มีนิพพาน ไม่มีอาริยะสร้างสังคมสาธารณโภคีไม่ได้ ยุคพระพุทธเจ้าสร้างได้แต่ในวงการสงฆ์ ยังไม่สามารถทำได้ในวงการฆราวาส แต่ในยุคนี้สามารถทำได้ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่เพราะว่ามันคนละบริบทคนละยุคสมัย ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของทาส ในยุคของพระพุทธเจ้าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในยุคนี้คนใช้สิทธิได้เต็มไม่ใช่สังคมทาส ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึง บุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ ถึงทฤษฎีสาธารณโภคี จริงๆแล้วก็คือทฤษฎีนิพพานทฤษฎีพระอาริยะ เอามาประกาศ พวกคุณก็ปฏิบัติตามทฤษฎีนี้ได้ผลจึงมารวมตัวเป็นสังคมนิพพานมีพระอาริยะไง นี่คือ ความจริงที่คนคนนี้เข้าใจพยัญชนะสภาวะไม่ได้ สังคมศาสนาพุทธหมู่ใหญ่ ไม่มีใครมาประกาศว่ายินดีในสาธารณโภคีสังคมแบบนี้หรอก สาธารณโภคีจึงยิ่งใหญ่ที่สุด สาธารณโภคีเป็นเศรษฐศาสตร์สุดยอดของสมัยนี้ที่เป็นสังคมประชาธิปไตย เป็นไปได้ด้วย สังคมต่างๆเหล่านี้ก็ต้องการสุดยอดสาธารณโภคีแต่เป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่มีทฤษฎีสำคัญ ทีนี้มายุคที่อาตมาประกาศสร้างสังคมสาธารณโภคีให้สังคมคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยน้ำลายไหล ว่าสังคมนี้ทำได้อย่างไรเป็นสังคมสาธารณโภคี ประชาธิปไตยก็ต้องการให้ประชากรของตนเสียภาษีให้มากที่สุด สังคมคอมมิวนิสต์ก็ต้องการ ให้ประชากรเสียภาษีแก่กองกลางมากที่สุด แค่มากที่สุดนะ แต่สาธารณโภคีเสียภาษีเข้ากองกลาง 100% เขามองว่าชาวอโศกจะมีนิพพานอะไรได้ง่ายจัง เพราะชาวอโศกมีอัญญา ปัญญา ธาตุรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม เป็นเรื่องบารมีของชาวอโศกและเป็นเรื่องความจริงที่อาตมาจะมาประกาศปัญญาโลกุตระของพระพุทธเจ้า พวกเราเอาความรู้นั่นแหละเมื่อฟังความรู้มีปัญญาตรงกัน ก็เลยมายินดีแล้วมาปฏิบัติ มีฉันทะเป็นมูล มนสิการเป็นแดนเกิด ก็เลยมาสู่แดนเกิดแล้วมีผัสสะเป็นปัจจัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลงและปฏิบัติจากเวทนานั้นให้เป็นสมาธิเป็นประมุข โดยมีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตระ แล้วก็เกิดวิมุติเป็นสาระจนมีอรหันต์ เป็นตัวที่หยั่งลงเป็นอมตะ เขาว่าเป็นอาริยะกันง่ายจังเห็นแต่ทำงานกันวุ่นๆ แต่ชาวอโศกทำงานเป็นกัมมัญญตาไม่ใช่ทำการงานวุ่นๆ กัมมัญญตาเป็นความคล่อง กายกัมมัญญตาเป็นความคล่องของ เวทนา สัญญา สังขาร จึงทำงานได้อย่างเหมาะควร ไม่เป็นพิษเป็นภัย ทำได้อย่างดีเหมาะสมควร นี่เป็นยอดเศรษฐกิจ เพราะเป็นการทำงานมีงานทำไม่ตกงาน แล้วงานนี้ไม่ต้องพูดถึงรายได้แลกเปลี่ยน เพราะทำงานแล้วใครมีเรี่ยวแรงก็ทำ อยากให้หัวกะทิทางเศรษฐศาสตร์มีปัญญา ว่าเศรษฐศาสตร์สุดยอดอยู่ที่ชาวอโศก แต่เขาไม่รู้ อยากจะให้เขาเกิดปฏิภาณปัญญารู้ได้ ว่าอันนี้เป็นทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี่ เป็นเศรษฐศาสตร์สาธารณโภคี มีคนเอามาเปิดเผยขยายความแล้ว เป็นเรื่องสุดยอดเลย เขาจะตาเหลือกตาลาน เมื่อเขาเข้าใจเขาก็ว่าสิ่งนี้เป็นจริงอย่างนี้ เหมือนกับอาตมาเทศน์บรรยาย คนจะไม่รู้ว่าอาตมาได้เทศน์ในสิ่งที่ประเสริฐสุด วิเศษ วิสิทธิ์ วิสุทธิ์ จริงๆ แต่เขาไม่รู้หรอก อามาพูดแล้วเหมือนคุย หลงตัวยกตัว อาตมาก็ไม่ได้ยกย่องตัวเอง แต่พูดความจริง สำทับความจริง เมื่อความจริงนั้นวิเศษก็บอกว่าวิเศษ วิเศษ แปลว่าไม่เหลือ ไม่มีเศษ หรือเมื่อไม่มีอะไรเหลือก็สุดยอด วิสิทธิ์แปลว่าเลิศยอด วิสุทธิ์แปลว่าสะอาดบริสุทธิ์ คนเขาดูตามอาการว่าไม่เหมือนอาริยะ พูดแล้วไปว่าเขาอีก กระดุ๊กกระดิ๊ก ไม่นิ่ง แต่ถ้าอาตมาพูดเต็มๆจะกระทบไม่เหลือเลย แต่นี่เบาแล้ว อาตมาแปลภาษาสู่สภาวะ หากเต็มที่จะกระเทาะความผิดความบกพร่องของเขามากเลย เพราะมันวิเศษ วิสิทธิ์ วิสุทธิ์ มันสะอาดผ่องแผ้วหมด แต่เขาไม่เข้าใจว่าอาตมาเป็นคนสะอาด พูดสะอาด ชี้แจงสะอาด อาตมาพูดสะอาด กระจ่างขาวผ่อง ปภัสสรา สะอาดสว่างจนกระทั่งเลื่อมพรายเลย พ่อครูว่า…จะอธิบายปุตตมังสสูตร กินอาหารนี่จะเกิดกิเลสกาม เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้จักกาม แล้วต้องมีอาหารนี้ โภชเนมัตตัญญุตานี่แหละ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติให้เกิดกาม มาให้เราได้ศึกษาฝึกฝนแล้วเนกขัมมะ แล้วออกจากกาม ต้องปฏิบัติออกจากกาม นี่สรุปในสูตรนี้ คุณจะต้องกินอาหารเลี้ยงชีวิต เพราะฉะนั้นในอาหารที่คุณกินนี่แหละ คุณจะต้องสำคัญมั่นหมายทุกคำข้าวทุกครั้งที่กินอาหาร เพื่อเรียนรู้ กามฉันทะ คุณยินดีในอาหาร ยินดีในสิ่งที่เอาไปเคี้ยวกลืนกิน เพราะฉะนั้นผู้ใดไม่เข้าใจ ไม่สำคัญในจุดนี้ ไม่ชัดเจนในจุดนี้ อาหารคือคำข้าว แล้วก็ต้องศึกษากาม เบญจกามคุณ หรือกามคุณ 5 เพราะฉะนั้นคนที่ไปนั่งหลับตา ทุกคนก็ต้องกินอาหาร แล้วจะต้องมาปฏิบัติในการกินอาหาร ไม่ใช่ปฏิบัตินั่งหลับตา นั่งหลับตาไม่ใช่ศาสนาพุทธ พูดอีกกี่ปีเขาถึงจะรู้เรื่อง กินอาหารนี่แหละถึงจะมีการให้คุณปฏิบัติ แล้วไปนั่งหลับตา ปิดทวารทั้ง 5 ตาหูจมูกลิ้นกายก็ไม่ได้ปฏิบัติ คุณอยู่นอกศาสนา ไม่ได้เดินอยู่ในรอบรั้วศาสนาพุทธนะ เดินอยู่คนละฟากฟ้า ห่างไกลจากวิเวกไกลแสนไกล หลับตา อาตมาไม่ได้ขี้ตู่หาเรื่อง พูดสัจจะให้ฟัง จะมีผู้ปฏิบัติการหลับตามาฟังอาตมาสักครึ่งคนไหมนี่ สู่แดนธรรมว่า…เพื่อนผมว่าเขาไม่ศรัทธาพ่อท่านแล้ว ตอนแรกเขาก็ว่าจะมาศึกษา แต่เมื่อพ่อท่านโจมตีอาจารย์เขา เขาก็ไม่มา แต่เขาก็ทึ่งผลงานที่พ่อท่านสร้าง ทำสังคมแบบนี้ได้ พ่อครูว่า…มีอัตตามานะถือดีถือตัว หลงอาจารย์ผิด เป็นธรรมดา สู่แดนธรรมว่า…เขาพยากรณ์ว่า หากสิ้นพ่อท่านแล้วก็เป็นวัดร้าง พ่อครูว่า..อันนี้เป็นสัมมาทิฏฐิไม่ร้างหรอก จะนิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ทุกวันนี้มีไม่รู้กี่ชุมชนชาวอโศกที่อาตมาไม่เคยไปเลยใน 40-50 ปีมานี้ เขาก็ยังอยู่ก็ยังศึกษาอยู่ แค่นี้ก็ยืนยันแล้วว่ามันไม่มีทางที่จะล้ม อาตมาตายไปก็มีบันทึกภาพเสียงรีรันอีกเยอะแยะ ทำไมจะไม่อยู่ อยู่ นี่สัมมาทิฏฐินะ ไม่สัมมาทิฏฐิอย่างสายมหาบัว ทุกวันนี้ก็ยังสืบทอดกันอยู่เลย แต่นี่สัมมาทิฏฐิ ล. 16 3. ปุตตมังสสูตร [240] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่าง เพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิดอาหาร 4 อย่างนั้นคือ 1. กวฬิงการาหาร หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง 2. ผัสสาหาร 3. มโนสัญเจตนาหาร 4. วิญญาณาหาร ภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่างเหล่านี้แล เพื่อดำรงอยู่แห่งสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ [241] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กวฬิงการาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า ภรรยาสามี 2 คน ถือเอาเสบียงเดินทางเล็กน้อย แล้วออกเดินไปสู่ทางกันดาร เขาทั้งสองมีบุตรน้อยๆ น่ารักน่าพอใจอยู่คนหนึ่ง เมื่อขณะทั้งสองคนกำลังเดินไปในทางกันดารอยู่ เสบียงเดินทางที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไป แต่ทางกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองยังข้ามพ้นไปไม่ได้ครั้งนั้น เขาทั้งสองคนคิดตกลงกันอย่างนี้ว่า เสบียงเดินทางของเราทั้งสองอันใดแลมีอยู่เล็กน้อย เสบียงเดินทางอันนั้นก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว แต่ทางกันดารนี้ยังเหลืออยู่ เรายังข้ามพ้นไปไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย เราสองคนมาช่วยกันฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียว ผู้น่ารัก น่าพอใจคนนี้เสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง เมื่อได้บริโภคเนื้อบุตร จะได้พากันเดินข้ามพ้นทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น ถ้าไม่เช่นนั้นเราทั้งสามคนต้องพากันพินาศหมดแน่ ครั้งนั้น ภรรยาสามีทั้งสองคนนั้น ก็ฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียวผู้น่ารัก น่าพอใจนั้นเสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง เมื่อบริโภคเนื้อบุตรเสร็จ ก็พากันเดินข้ามทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น เขาทั้งสองคนรับประทานเนื้อบุตรพลาง ค่อนอกพลางรำพันว่า ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ดังนี้ เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นอย่างไร คือว่าเขาได้บริโภคเนื้อบุตรที่เป็นอาหารเพื่อความคะนองหรือเพื่อความมัวเมา หรือเพื่อความตบแต่ง หรือเพื่อความประดับประดาร่างกายใช่ไหม ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า จึงตรัสต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้น เขาพากันรับประทานเนื้อบุตรเป็นอาหารเพียงเพื่อข้ามพ้นทางกันดารใช่ไหม ใช่ พระเจ้าข้า พระองค์จึงตรัสว่า ข้อนี้ฉันใด เรากล่าวว่า บุคคลควรเห็นกวฬิงการาหารว่า [เปรียบด้วยเนื้อบุตร] ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณเมื่ออริยสาวกกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณได้แล้ว สังโยชน์อันเป็นเครื่องชักนำอริยสาวกให้มาสู่โลกนี้อีกก็ไม่มี ฯ พ่อครูว่า…เขาเดินทางไกลกันดาร ลึกๆเขาก็จะไปสู่นิพพานอันเจริญสูงสุด แต่ชาวศาสนิกชนทั่วไปหรือแม้แต่ผู้ศึกษาศาสนา ก็ว่าจะไปนิพพานแต่เขาไม่สัมมาทิฏฐิ ก็วกวนไม่ไปถูกทาง เขาเดินนั่นแหละเขาตั้งใจเดินทางไป มีอาหารไปด้วย ไปแล้วอาหารหมด เดินวนในทางไกลกันดาร อาหารหมด ผัวเมียสองคนก็คิดกัน จะไปจับสัตว์มากินก็ทำไม่ได้ ก็เลยต้องกิน ไม่กินก็ตาย แล้วก็ฆ่าลูกกิน เป็นความเห็นแก่ตัว มีชีวิตเพื่อเดินทางต่อไป ทั้งโง่และชั่ว เห็นแก่ตัวอย่างสมบูรณ์แบบ เขาปฏิบัติแบบหลับตา ก็ปิดประตูเรียนรู้กามคุณ 5 อย่างมหาบัวกินหมากติดหมากเต็มที่แต่ไม่รู้เรื่องกามคุณ 5 ไม่รู้ว่าตัวฉันทะ ยินดี ติดหนัก มันไม่ใช่อาหารไม่ใช่ยา แต่กินไม่ขาดปาก ไปไหนๆ ลืมอะไรก็ได้แต่อย่าลืมหมาก เป็นอุปาทานหนักแน่นเลย ต้องขอบคุณมหาบัวที่ได้เป็นตัวอย่าง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติเนกขัมมะได้เลย เพราะเขาไม่มีผัสสาหาร มีแต่หลับตาเข้าไปสู่ข้างใน ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย ไม่มีผัสสาหาร เขาหลับตาไกลจากวิเวก ยิ่งเหมือนกับโคลอกหนังออกหมด ทุกข์เจียนตาย ทุกข์ทุกวินาทีที่มีลมต้องกาย มีแมลงมาตอม ก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้ทุกข์ เดินเข้าหาหลุมถ่านเพลิงเหมือนข้อที่ 3 มีบุรุษดึงให้ลงหลุมถ่านเพลิง เขาว่าจะวิ่งไปสวรรค์แต่วิ่งลงนรก อันที่สามเขาไม่มีสิทธิ์รู้จักเจตนา ถ้าไม่มี นาม 5 หากคุณไม่สามารถมีเจตนาให้ศึกษา เจตนามีกามตัณหา ก็ต้องเรียนรู้กามตัณหา ล้างกามตัณหาหมดก็เหลือวิภวตัณหา สู่แดนธรรมว่า..สมัยผมบวช ก็อยากได้นิพพาน อาจารย์ก็สอนว่าอย่าไปอยาก จริงๆแล้วควรกำหนดรู้ความอยาก พ่อครูว่า..กำหนดรู้ว่าเรามีกิเลสกามก็ทำกามให้หมดก็เหนือกาม ไม่ได้ปิดตา แต่สัมผัสแต่จิตอยู่เหนือกาม เหลือแต่ภายในรูปภพอรูปภพ ก็ล้างรูปภพ ก็เหลืออรูป ก็ล้างอีก ก็หมด ภพ 3ภพ มีกามภพ รูปภพ อรูปภพ เรียกภาษาว่า วิภวภพ ภพที่ไม่มีภพ หรือ หมดกามตัณหา ภวตัณหา มีแต่วิภวตัณหา อาตมาก็เห็นใจพวกที่สอนกันโดยไม่มีสภาวะ พอพยัญชนะก็เมา เขาว่าวิภวตัณหามันมีตัณหาได้อย่างไร กาม ภว ก็ไม่สงสัย แต่ไม่มีภพแล้วมีตัณหาได้อย่างไร เหมือนกับอธิบายอภิสังขาร 3 ไม่ออก ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร ปุญญ คือ อาวุธ เครื่องมือฆ่ากิเลส ฆ่ากิเลสหมดก็ไม่ต้องใช้เครื่องมือนี้แล้วก็เป็น อปุญญาภิสังขาร แต่เขาก็แปลว่า ไม่มีบุญ เป็น สังขารเป็นบาป คุณปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าไม่บรรลุ หากเข้าใจบุญเป็นมิจฉาทิฏฐิ โมฆะจากศาสนาพุทธไม่มีทางบรรลุธรรมได้เลย บุญเกิดได้เพราะคุณมีฌาน ฌานเป็นพลังงานไฟ พลังงานอุณหธาตุ พลังงานทำลายไฟ ราคะโทสะโมหะ ซึ่งก็เป็นของร้อน ฌานก็เป็นของร้อนยิ่งกว่า ทำลายราคะ โทสะ โมหะได้ ทำลายได้ก็เป็นบุญ บุญเป็นตัวจบของกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ หมดแล้วก็ อปุญญาภิสังขาร จากนั้นก็ยังต้องปรุงแต่งมีกรรมกิริยาทำงานอยู่ก็ทำงานสั่งสมเป็นความตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เป็นอเนญชาภิสังขาร มีคุณสมบัติ เป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ที่มากยิ่งขึ้น ฟังแล้วปฏิบัติตามได้อย่างนี้จะเป็นพระอรหันต์ไม่ได้พูดเล่น เข้าใจให้สัมมาทิฏฐิ ผู้ที่สามารถเข้าใจสัจธรรม เป็นผู้ที่รู้รายละเอียดพวกนี้แล้ว โดยเฉพาะ รู้ในวิญญาณ วิญญาณาหาร วิญญาณนี้คือ องค์ประกอบรวมทั้งหมด รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณคือกาย คือนามรูป นามรูป คือกาย กายคือนามรูป และ สำคัญที่นามแต่ไม่ขาดรูป กายเป็นภาวะ 2 อย่าง มีภายนอกกับภายในไม่ขาดกัน ผู้ใดเข้าใจคำว่ากายไม่ได้ โดยไปเรียนศาสนาพุทธผู้ที่มาบวชมาศึกษาแล้ว พระพุทธเจ้ามีพระวินัยข้อต้นให้พระอุปัชฌาย์ต้องสอนพระบวชใหม่ให้แยกกายแยกจิตให้ได้ ถ้าหากแยกกายแยกจิตยังไม่สัมมาทิฏฐิ ก็อย่ามาบวชเลย บวชก็โมฆะ ท่านก็ให้พิจารณาวัตถุ คือผมขนเล็บฟันหนัง ผม ก็แยกได้ เมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดไม่เป็นกาย เมื่อใดเป็นจิต เมื่อใดเป็นพีชธาตุ พีชธาตุ เป็นชีวะที่ฐานนิพพาน ฐานอาศัย ฐานสำคัญ คือจิตที่ ไม่มีบาปไม่มีบุญ อปุญญาภิสังขารแล้วมีแต่อเนญชา หมดบาปหมดบุญแล้วฆ่ากิเลสหมดแล้วบาปหมดแล้ว พีชธาตุ จึงไม่มีบาปไม่มีบุญมีแต่กุศล กุศลเป็นโลกียะ ยังไม่ใช่โลกุตระ บาปบุญเป็นโลกุตระเมื่อสำเร็จแล้วบาปบุญก็หาย โลกุตระแล้วสมบูรณ์แบบแล้วเป็น ปุญญปาปริกขีโณ เพราะฉะนั้น อันท้าย วิญญาณาหาร พระพุทธเจ้าก็บอกว่าคุณจะต้องรู้นามรูป แยกรูปแยกนามหรือแยกกายแยกจิตได้ รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ หากเป็นมหาภูตรูปก็เป็นอุตุ จะมีรูป 28 ให้ศึกษา แยกรูป แยกนาม อุตุนิยาม คือ ธาตุที่มันเลิกที่จะมารวมตัวเป็นชีวะแล้ว ในขณะเป็นๆทำให้เกิดสภาพอุตุธาตุในสังขารของเรา ในจิตเราที่ปรุงแต่ง แล้วจะปรุงแต่งสิ่งนี้โดยเด็ดขาดเลยว่า มันปรุงแต่งอย่างไรให้เป็นอุตุ ได้ไหม? ได้ ยืนยันได้ อย่างอาตมานี่ขอยกตัวอย่าง ในชีวิตมีอบาย รูปธรรมเลย เล่นไพ่ เล่นบิลเลียด กินเหล้า อาตมาว่าอาตมาลิงลมอมข้าวพอง ไปเล่นกับเขาตามประสาโลก พยายามฝึกอย่างไงๆ ปรุงแต่งอย่างไรสุดท้ายไม่ขึ้น ตายอย่างสนิท โลกเลวๆ ตายอย่างสนิท อาตมาทำอย่างไรก็ตาย นี่คือเป็นอุตุไปหมดแล้ว ตั้งแต่ชาติก่อนๆ มาชาตินี้ไม่รู้ไปปลุกอย่างไรมันก็ไม่ขึ้น เอาชีวะไปใส่ให้มันมันก็ไม่ขึ้น คุณมีไหม หลายอย่างที่โลกเขาไปติดยึดแต่คุณไม่ คุณไม่ติดยึดด้วย พ่อครูไอ ตัดออกด้วย สมณะฟ้าไทว่า… พ่อครูว่า…คุณต้องเข้าใจให้ได้ทำได้แม้แต่ตอนเป็นๆ สังขารที่ปรุงแต่งมันไม่มีชีวิตชีวา มันจืดสนิท เหมือนกับผู้ชายเห็นลิปสติกแล้วจืดสนิทเลย สำหรับผู้ชาย ยกเว้นผู้ชายที่มีนิสัยกะเทยนะ แต่ผู้ชายจริงๆนั้นจืดสนิท สู่แดนธรรมว่า…ญาติธรรมเราหรือผมเองก็ตาม ยังมีบางสิ่งที่ไม่ทำให้เป็นอุตุยังหล่อเลี้ยงให้เป็นพืชที่ปลายเล็บ เหมือนสังโยชน์ข้อที่ 3 สีลัพตปรามาส พ่อครูว่า..เล็บที่ยาวออกจากประสาทเนื้อแล้วก็ตัดออกได้เป็นพีชะ ไม่ใช่กาย กายต้องมีจิต แต่นี่ไม่มีจิตแล้ว กายขาดจิตไม่ได้ ต้องมีธาตุรู้ร่วมกันเสมอ ศาสนาพุทธทุกวันนี้เข้าใจว่า กายคือวัตถุ คือร่าง ดินน้ำไฟลม ไม่ใช่จิต เวลาพิจารณา กายวิเวกเขาก็ไปทำให้ ร่างกายหยุดเคลื่อนไหว หรือเอากายออกไปป่าเขาถ้ำ ป่าช้าป่าชัฏ ในคุหัฏฐกสูตร ซึ่งมันผิดทางไปเลยโมฆะไปเลยมันไม่ถูก นี่คือการเข้าใจคำว่ากายก็ไม่ได้ ผิดมิจฉาทิฏฐิไปแล้ว จะปฏิบัติโพธิปักขิยธรรมข้อต่อไป ก็ไม่ถูก เขาหลบเข้าป่าเขาถ้ำ กายก็ต้องมีกามฉันทะกามคุณ5 เขาก็ไม่รู้เลยเป็นโมฆะตั้งแต่ข้อที่ 1 ข้อต่อไปที่จะมีสัมผัสจะไปได้อย่างไร เขาไม่เอาเขาไปนั่งหลับตาปฏิบัติ เจตนาไม่ให้เกิด นี่คือความล้มเหลวของศาสนาพุทธทุกวันนี้ ก็เตือนสติ สายหลับตาฟังอาตมาบ้าง สุสูสังลภเตปัญญัง ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา8 ข้อที่ 1 ต้องไปพบสัตบุรุษ ฟังสัทธรรม ยุคนี้เปิดเผย มาฟังอาตมา 2. มานั่งใกล้สอบถามแล้วจะได้ปัญญาชัดเจนสูงขึ้น แต่นี่ไม่เชื่อว่าอาตมาเป็นสัตบุรุษ คุณก็เป็นโมฆบุรุษ เกิดมายุคนี้ไม่เห็นสัตบุรุษ ที่เป็น อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ เหมือนกามนิตตามหาพระพุทธเจ้า ส.ฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin16 กุมภาพันธ์ 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630214_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะ 2 ของบุคคล 7 NextNext post:630217_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 89Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024