มี.ค.42020ศาสนา630304_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อานาปานสติของพระอรหันต์ อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1BEnj6XiKwXfiLJh3tZBV9fE9ubDE6S_9tnhr6VQXqJo/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=190jRqqVnTyNEHsakf8Rw_glFoCf1KVx9 สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563 ชุมชนบวรราชธานีอโศก อุบลราชธานี ตอนนี้คนไทยเป็นทุกข์เพราะกลัวผี กลัวผีน้อย ทางการเขาก็คงจะจัดการกันได้ อีกสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวคือเงิน bank ติดเชื้อง่าย ก็เอาออกไปให้หมดดีกว่าจะสบาย เราประชุมกันก็บอกว่าจะปิดหรือเปิดน้ำตกดี ตกลงกันไม่ได้ก็ให้ไปถามสาธารณสุขจังหวัด ใจเราก็ทำให้สบายๆทำตามหน้าที่ของเราไป เราก็งดจัดงานปลุกเสกฯ ตลาดอาริยะไป แตงโมของเราก็ยังออกอยู่ ก็จะไม่มีคนกิน ใครจะไปไหนในชาวอโศกก็เอาแตงโมใส่รถไปด้วย เราก็ระมัดระวังแต่ไม่ระแวงจนเป็นโรคประสาท อาตมาว่าในกลุ่มของชาวอโศกก็สะอาดแล้วทั้งจิตใจสะอาดและสิ่งแวดล้อมสะอาด ขนาดนี้แล้วยังกังวลอีกหรือ เอาใจใส่ทุกอย่าง พ่อครู…ก็เริ่มที่ sms(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) _sms วันที่ 3 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ : สมณะ สิกขมาตุ สันติอโศก) _4718โควิด19 หายแล้วเป็นได้อีกนะคะ อย่าชะล่าใจนะคะ ติดตามข่าวจากจีนบ้างค่ะ อานาปานสติของพระอรหันต์ _2860ท่านมีกิริยาหลุกหลิกหล่อกๆแล่กๆ ดูแล้วเหมือนลิง ขอแนะนำให้เจริญอานาปานสติบ่อยๆอาจจะดีขึ้นนะครับ (กระทำกายสังขารให้ระงับ)ภิกษุ ท. ! เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้วอยู่อย่างนี้ ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้; คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี.(พุทธวจน) พ่อครู..อานา อาปานะ แปลว่า ลมหายใจเข้าออก มันมีนัยลึกซึ้งซับซ้อนมาก ตอนพระพุทธเจ้าในยุคนั้นคนเขาก็นั่งหลับตาทำสมาธิ เอาจิตตามลมหายใจเข้าออก สะกดจิตเข้าไปให้นิ่งเอาอะไรเป็นกสิณก็ได้ มันเป็นวิธีการของโลกีย์ธรรมดาสามัญปกติที่มีตลอดโลกแตก ที่ไม่หายสาบสูญไปจากโลกเป็นสามัญโลกที่ไม่ใช่โลกุตระ ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าเลย พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็เจอเขาปฏิบัติอย่างนี้เต็มป่า ทำให้จิตสงบด้วยวิธีอย่างนี้ทั้งนั้น ทีนี้จิตสงบของพระพุทธเจ้านั้น สงบตรงที่กิเลสตัวเหตุสำคัญมันตายสนิทเลย ในจิต ตายอย่างไม่มีการกลับมาทำให้เดือดร้อน ทำให้ไม่สงบอย่าง หยาบ กลาง ละเอียด ก็หมดไป สงบ แต่ความสงบของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไรฟังให้ดี เป็นความสงบจากกิเลส สงบจากตัวเหตุที่เป็นโทษ แต่ไม่ได้ทำให้ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สงบอย่างที่คุณหมายถึง ที่บอกว่าเป็นหนึ่งเดียว สงบคือนิ่งแข็งทุกอย่าง ร่างกายไม่กระดุกกระดิก พูดก็ไม่พูด จิตใจก็ไม่คิดนึกอะไร อันนั้นแหละเป็นการทำอย่างฤาษีง่ายๆ แต่สงบของพระพุทธเจ้านั้น ให้ไปอ่านที่ จูฬสุญญตสูตร มหาสุญญตสูตร ท่านบอกชัดเลยว่า สูญจากอะไร ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นลึกซึ้งที่สุด คนยิ่งมีจิตใจสงบ กายกรรมยิ่งคล่องแคล่ว วจีกรรมยิ่งคล่องแคล่ว มโนกรรมเป็นตัวประธานที่คล่องแคล่วที่สุด เรียกว่า มุทุ คล่องแคล่ว มุทุ แปลตามพยัญชนะว่า อ่อน แต่ในสภาวะธรรมของศาสนาพุทธนั้น มุทุนี้ เป็นคำที่ท่านใช้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว แต่คนเข้าใจไม่ได้ อาตมาจะไม่ลงลึกถึงพยัญชนะ ถึงอักษรอะไรหรอก มันจะยาวไป สรุปแล้วจิตตัวนี้ มุทุ แปลว่าอ่อน ไว เร็วดัดง่าย จะให้เป็นอย่างไรก็ได้เร็วไว ทั้งเร็ว ทั้งเป็นได้ในเชิงปัญญาก็เร็วทำให้เจโตหรือจิตเป็นอย่างที่ตามต้องการก็เร็ว เร็วทั้งสองสภาพทั้งปัญญาและ เจโต อย่างนี้เป็นต้น ผู้ที่ทำได้แล้วอย่างเป็น มุทุภูตธาตุ จึงทำได้ตลอดเวลาที่ยังไม่ตายตลอดที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ไม่ใช่ไปนั่งอยู่กับที่ ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธิตั้งกายตรงดำรงสติอยู่กับที่ แต่เคลื่อนไหวอยู่ไหนก็ทำได้ทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็ยิ่งเป็น กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา จิตคล่องแคล่ว เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณก็คล่องแคล่ว ร่างกาย กายกรรมก็คล่องแคล่ว วจีกรรมก็คล่องแคล่ว พูดก็เร็วไวได้ สื่อได้เร็ว แต่สงบ ไม่มีกิเลสกวนเลย ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อาตมาพูดช้าๆแล้ว คิดว่าก็คงจะพอฟังตามได้ เพราะไม่ได้พูดเร็วเกิน ศึกษาให้ดี อย่างที่คุณอ้างมาอาตมาเข้าใจ อาตมาผ่านสภาวะที่คุณว่ามาแล้ว แล้วสภาวะที่ดีกว่าคุณพูดนั้นมีอยู่อีก ในยุคนี้อาตมาก็ต้องทำงานอย่างที่อาตมาทำได้นี่แหละ ที่มีบุคลิกหลุกหลิก ต้องปรับตัวเร็วไว แต่คุณเอาภาษาไม่ดีว่าหลุกหลิก แต่คนที่เข้าใจแล้วจะไม่คิดเช่นนั้น เพราะอาตมานั้นเคยเกิดเป็นลิงมาหลายร้อยชาติ ติดเป็นวาสนามานาน จนปัจจุบันนี้ก็ลดลงไปเยอะแล้ว มันติดเป็นวาสนา คือมันอยู่ในตัวเรา วาสะ แปลว่าอยู่ วาสนะ อาศัยอยู่ สู่แดนธรรมว่า…มันเป็นปัญหาของการศึกษาธรรมะที่ส่วนมากแล้วจะไปมองอากัปกิริยาภายนอกว่าไม่สงบ หลุกหลิก แล้วบอกให้พ่อท่านเจริญอานาปานสติจะได้ดีขึ้นแล้วก็เขายังไม่ลึกซึ้งในคำว่า กายสงบ ดูหลักฐานในอานาปานสติ (ก็ตามดูในจอ) วูปสโม คือ การระงับอกุศลกรรมทั้งหลาย เขาไม่เคยรู้จักคำว่ากาย ตามที่พ่อท่านสอนว่ากายคือทั้งภายนอกและภายใน เช่นสงบจากกามทั้งหลายเป็นต้น พ่อครูว่า..คำว่า กาย ตามที่สู่แดนธรรมพูดมา คำเดียวนี่แหละในศาสนาพุทธ ภาษาไทยแปลว่าร่าง แปลเป็นวัตถุภายนอกที่ดินน้ำไฟลม และเข้าใจผิดว่ามันไม่เกี่ยวกับจิตเลย นี่คือมิจฉาทิฏฐิในคนไทย กาย แปลว่าดินน้ำไฟลมไม่เกี่ยวกับจิตเลย เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลย ผิดอย่างตีลังกาเลยว่าใครเข้าใจผิดว่ากายนั้นคือดินน้ำไฟลมโดยที่ไม่เกี่ยวกับจิตเลย คนนั้นปิดประตูเป็นพระอรหันต์เลย เพราะว่าเป็นมิจฉาทิฐิที่จบเห่เลย กายนี้ หากเขาเข้าใจว่า กายนี้คือจิตเท่านั้น คุณยังสามารถจะทำอาสวะบางส่วน นิพพานได้ แม้ว่าคุณเข้าใจว่ากายนี้หมายถึงจิตเพียงเท่านั้น หมายถึงจิตเจตสิก หรือหมายถึงจิต มโน วิญญาณ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่ง กายนั้นตถาคตเรียกว่า จิต มโนวิญญาณ ซึ่งมันเป็นความลึกซึ้งซับซ้อนที่เจตนาจะพูดถึงส่วนใด แล้วคำเดียวกันนั้นหมายถึงอีกส่วนหนึ่ง กายหมายถึงจิต จิตหมายถึงจิต แล้วเมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดเป็นจิต คุณต้องทันต้องเร็วไวและเท่าทัน หากคุณไม่เท่าทันก็สับสน เขาพูดไปหมายถึงจิตอะไรแล้วคุณก็ยังนึกว่าเป็นร่างภายนอก ซึ่งมันไม่ใช่กายแล้ว พูดไปถึงกายที่มีดินน้ำไฟลมด้วย มีจิตด้วย เนื่องกันอยู่เป็น 2 ส่วน อะไรที่ไม่ใช่กายแล้ว เมื่อไหร่เป็นกาย แต่ไม่มีเวทนา เป็นจิต มันยังไม่ใช่จิตที่เดียวมันเป็น พีชธาตุเป็นชีวะ ยังไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึก อุตุธาตุ พีชธาตุ จิตธาตุ เราต้องเรียนรู้สามสภาวะ อุตุ พีชะ จิตให้ดีเลย แล้วทำจิตให้เป็นได้ จิตเราจะให้เป็นพีชะ จะให้เป็นอุตุ คุณต้องทำให้ได้ กรรมคือการกระทำใจในใจของเรา มนสิการ ทำได้สำเร็จ เพราะศาสนาพุทธสอนแล้ว อาตมาก็ทำได้แล้วจึงเอามาสอน เมื่อทำได้เราก็จะรู้ได้ด้วยเราเองเป็นปัจจัตตังว่า จิตเราเป็นพีชะแล้ว มีชีวิต สัมผัสกับอะไรก็รู้อยู่ แต่ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ มีแต่รู้ความจริงตามความเป็นจริงนั้น เท่านั้น สภาวะนี้แหละ พีชธาตุอันนี้แหละ จึงเป็นสภาวะจิตที่ได้อาศัยในชีวิต ไม่สุขไม่ทุกข์ ตัวคำว่า ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่แหละคือฐานนิพพาน เป็นพื้นฐานของนิพพาน ต้องสั่งสมอาการไม่สุขไม่ทุกข์ นี่แหละเป็นจุดสำคัญที่สุด หัวใจแท้ของศาสนาพุทธ พอทำได้แล้วจนกระทั่งที่สุด ความสุขความทุกข์นั้นเป็นสภาวะคู่ แยกกันไม่ได้ เมื่อใดๆก็แยกกันไม่ได้ แต่คนไปหลอกตัวเองจะเอาแต่ความสุข พวกสุขนิยม พวกเทวนิยมเป็นปุถุชนก็จะเอาแต่ความสุข แต่ทุกข์นั้นก็ตามไปเล่นงานคุณอยู่ทุกเมื่อ พวกมันเล่นงานคุณหนัก แต่คุณกันทุกข์ไม่ให้เล่นงานคุณได้ก็แค่ชั่วคราว หลงว่ามันมีสุขเท่านั้นที่จะเสพ จนกระทั่งหลงได้บำเรอแต่ความสุขป้องกันหรือหาวิธี อย่างเช่นพระพุทธเจ้าพระราชบิดานั้นก็ป้องกันไม่ให้อะไรมากระทบกระเทือนมาแผ้วพานไม่ให้เกิดความทุกข์เลย จนไม่รู้จักความทุกข์ พระพุทธเจ้าถูกพระราชบิดาประคบประหงมไม่ให้รู้เลยว่าลักษณะความทุกข์เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทอย่างหยาบอย่างโลกีย์เป็นอะไรก็ไม่รู้จัก ก็ไม่สามารถป้องกันได้เพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าท่านบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วในปางที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะจะต้องเป็นรูปเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็รู้จนได้ ก็ไปเห็นนิมิตไปเห็นสัญญาณจากการเจ็บ การแก่ การตาย กับอาการนักบวชผู้ที่หาทางบรรลุไม่ต้องแก่เจ็บตาย ท่านก็เกิดปฏิภาณทันที พระพุทธเจ้าบอกกับองคุลิมาลว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอยังไม่หยุด เพราะองคุลิมาลก็รู้ได้ทันที พระพุทธเจ้าเห็นเทวทูตทั้ง 4 แก่เจ็บตายนักบวชก็รู้แล้ว ที่จริงแล้วท่านมีของเก่าที่ท่านได้บรรลุธรรมมาแล้ว กระทั่งวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ท่านจึงระลึกขึ้นมาได้หมด ครบ ถึงได้รู้แจ้งทุกอย่างในสิ่งเหล่านี้ ก็ชัดเจนหมด รู้ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าที่มีสัมมาสัมโพธิญาณ สัมมาสัมโพธิญาณ คืออะไร อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 รู้ดี แล้วพยายามสั่งสมสัมมาสัมโพธิญาณให้เป็นระดับ 8 ระดับ 9 จึงสามารถพูดด้วยความจริงใจ อธิบายให้ฟังได้ชัดเจนและละเอียด สรุป เกิดมาเป็นชีวะเป็นคน เป็นสัตว์ ตั้งแต่เซลล์เดียว จนเป็นปัจจุบันนี้ของทุกคน ถ้าคุณไม่สามารถที่จะดับความสุขความทุกข์ได้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยสามารถปัจจุบันนี้เลย แล้วก็ทำจนกระทั่ง ทุกอย่างที่จะมาสัมผัส เกี่ยวข้องกับเรา เราสามารถไม่ให้เกิดความทุกข์ความสุขได้ ทุกอย่างเลยเท่าที่คุณจะอยู่ในโลกนี้ กี่ชาติที่คุณต้องพิสูจน์ ที่จะมาเกี่ยวข้องกับเรา เราก็หมดความสุขความทุกข์ได้ คุณจึงจะชื่อว่าอรหันต์ หมดความสุขความทุกข์ที่อยู่กับโลกเขาสัมผัสกับตัวเราก็ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ทุกสิ่งที่สัมผัสกับเรา อย่างนี้เป็นต้น ที่อาตมาพูดนี้ พูดจากสภาวะธรรมที่อาตมามีเอง เอามาขยายความยืนยันว่ามีลักษณะอย่างนี้ ถ้าคุณอยากจะรู้อย่างนี้ก็ปฏิบัติเข้า อาตมาก็บอกวิธีปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาเมื่อคุณปฏิบัติแล้วได้อย่างที่อาตมาพูด คุณได้เองเป็นปัจจัตตังก็จะรู้เองว่า อ๋อ มันตรงกัน ของคุณก็เป็นของคุณ ของอาตมาก็เป็นของอาตมา แต่มันจะตรงกันเราพูดกันสื่อสารกันก็จะรู้ 2 คนก็ตรงกัน 3 คนก็ตรงกัน 5 คนร้อยคนพันคนแสนคนก็เป็นความจริงตรงกัน อันนี้เป็นความจริงยืนยันได้ โดยเฉพาะของจริงที่มันหมดความสุขความทุกข์เป็นของจริงที่มีในโลก ของจริงที่มันสบายกว่า ในทางออกอันนี้ เมื่อหมดสุขหมดทุกข์แล้ว ก็ไม่ต้องแสวงหา เมื่อไม่ต้องแสวงหาพลังงานก็มีเหลือเฟือก็เอาพลังงานมาปลูกพืชผัก ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ได้ อาตมาก็เลิกพักแล้วการปลูกพืชผัก ให้พวกคุณปลูก อาตมาก็มาสอนธรรมะ นักบวชก็ช่วยสอนมาสอนเก่งกว่า ฆราวาสก็เก่งทำอย่างอื่น แต่ละขั้นแต่ละหน้าที่ ใครเหมาะสมคนนั้นก็ช่วยกันทำ อาตมาเหมาะสมหน้าที่ที่จะอธิบายธรรมะ โดยเฉพาะพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า ให้ลึกซึ้งไปถึงที่สุดได้ ได้ ได้ อาตมาก็ทำ เพราะอาตมามีทั้งวาทะ ทั้งปณิธานตัวเอง มีทั้งสัญญากับพระพุทธเจ้าไว้ ว่าจะต้องสืบทอดต่ออายุศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าองค์นี้ สมณโคดมนี่แหละ ให้ยืนยาวไปจนกระทั่งถึง 5000 ปีให้ได้ อาตมาก็พูดความจริงสู่ฟัง ไม่ได้อยากอวดอยากโอ่ อะไร ก็เป็นความจริง ซึ่งก็เป็นความจริง อาตมาก็เอาหลักฐานในพระไตรปิฎกมายืนยันว่า ซึ่งเป็นการยืนยันว่า อาตมาเป็นสยังอภิญญาผู้นั้นในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 แล้วอาตมาก็เป็นผู้นั้น จึงสามารถอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 อันนี้ให้รู้ได้ ให้เอามาปฏิบัติได้ รู้ว่าทานอย่างไรจึงเป็นการละกิเลส ปฏิบัติศีลอย่างไร ปฏิบัติพรตอย่างไร มนุษย์จึงจะลดกิเลสได้บรรลุได้ก็จากการกระทำกรรม สุกฏทุกฎานัง กัมมานัง ผลังวิปาโก แล้วก็แยกโลกนี้ อยังโลโก กับโลกหน้าโลกโลกุตระ โลกที่ต่างจากโลกียะ อาตมาก็พาให้เรียนรู้ว่าอย่างนี้คือโลกของโลกียะ คือโลกโลกุตระ โดยคุณจะต้องมารู้จักเครื่องที่จะทำให้เกิด การเกิดใหม่ การเกิดอันนี้คือ เกิดสัตว์โอปปาติกะ คือจิตวิญญาณเกิด จิตวิญญาณเกิด จึงไม่ใช่พ่อแม่ที่เป็นรูปร่างตัวตนที่เป็นสรีระร่างกาย ตัวตนบุคคลเราเขา เกิดจาก ชราภุชะ อัณฑชะ สังเสทชะ แต่เป็นการเกิดทางจิตวิญญาณ อะไรเป็นแม่เป็นพ่อ ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา แต่เป็นนามธรรม ศีลเป็นต้น ปัญญาเป็นต้น ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ ช่วยกันทำให้เกิด อธิจิต อธิศีล อธิปัญญา คือช่วยให้มีจิตเกิดสัตว์โอปปาติกะที่เกิดบรรลุ พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เกิดทางจิตวิญญาณได้ หรือโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 โพชฌงค์ 7 เป็นพ่อ มรรคมีองค์ 8 เป็นแม่ ก็ช่วย สร้างให้เกิด อธิจิต โอปปาติกะ เกิดอาริยบุคคล ที่เป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา จะเป็นการเกิดทางจิต โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 ช่วยกันทำให้เกิดอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องรู้ความเป็นแม่ความเป็นพ่อ ที่ไม่ใช่สัตว์ตัวตนบุคคลแล้วนะ แต่มันเป็นองค์ธรรมะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต้องรู้ว่าโพชฌงค์ 7 มีอะไรบ้าง ศีลเป็นอย่างไร ปัญญาเป็นอย่างไร ทำให้เกิด อธิศีล แล้วอธิศีลก็เกิดในจิต คุณก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองทั้งนั้น อาตมาก็แยกแยะมาตลอด มันก็ไม่ง่าย พยายามทำให้ง่าย ไม่มีเจตนาจะทำให้พวกคนงงเลย มีแต่จะทำให้กระจ่างๆ เท่าไหร่ก็ได้แค่นี้ขนาดนี้ อาตมาก็ไม่เก่งเท่านี้ พยายามจะเก่งที่สุดไม่ได้ออมมือ ใครทำได้ เข้าใจได้ ก็อนุโมทนา ก็ช่วยกัน ก็จะเกิดความจริงเป็นหลักฐาน อาตมาทำงานมาเกือบ 50 ปีก็เกิดชุมชนชาวอโศก เป็นอาริยบุคคล เป็นแผ่นดินพุทธมีคนที่เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์จริง คนฟังเขาก็ไม่เชื่อ เหมือนกับอเจลกะที่มาเจอกับพระพุทธเจ้า เขาก็แลบลิ้นใส่พระพุทธเจ้า ขนาดกามนิตหนุ่ม ที่จริงมันมีอยู่ในพระไตรปิฎกไม่ใช่ชื่อกามนิต คนแต่งกามนิต ชื่อ เฮอร์มัน เฮสเส นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท…พ่อครูสัญญากับพระพุทธเจ้าไว้ว่า จะมาทำหน้าที่นี้ พ่อครูว่า…เป็นเรื่องที่อาตมาไม่อวดดี ไม่อวดเรื่องที่ไม่จริง แต่มีดีที่จะอวด อวดดีโดยไม่มีดีเขาเรียกว่าอวดดี แต่อาตมามีดีจริงๆมาอวด แล้วก็ไม่ได้มีความอวด แต่เอาดีมาแสดง เอาดีมาขยาย เป็นภาษาที่สื่อสภาวะความจริง ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา สุสูสังลภเตปัญญัง อย่ามาตั้งใจจับผิดอาตมา ฟังแล้วจับผิดอาตมา ให้ฟังด้วยดีฟังด้วยความเข้าใจ หากว่าเขาฟังธรรมอย่างเพ่งโทษไม่มีทางเข้าใจหรอก ก็จะหาทางแย้งมาสารพัด อะไรก็แย้งได้ หาทางแย้งได้หมด ไม่มีอะไรที่จะแย้งไม่ได้หรอก ถ้าหยุดแย้ง เข้าใจความจริงปฏิบัติตามความจริงให้ได้คุณจะจบ หากไม่หยุดแย้งคุณก็ไม่มีทางจบ เหมือนกันกับคณะพวกนักการเมืองที่กำลังหาทางแย้งอยู่ในทุกเหลี่ยมมุมมันไม่จบหรอก มันจะแย้งกันไปจนตายไปข้างหนึ่ง คนที่ยังเหลือก็แย้งกันไปต่อ การแย้งกัน จึงไม่มีทางหมดไปจากโลก ความขัดแย้งอันพอเหมาะนั้นคือความจบ ที่อาตมาได้นิยามไว้ว่า ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ จบ ถ้าไม่ขัดแย้งคือฝูงควาย นำไปตัวเดียว คือฝูงควายแท้ๆ ไม่ได้ด่านะ อาตมาพูดสภาวะธรรม ขออภัยควายที่เอามายกตัวอย่าง ที่จริงควายก็ฉลาดเท่าที่มันเป็น มันมีเขาต่อสู้ แต่สู้เสือสิงโตไม่ได้ แต่บางครั้งก็ซัดสิงโตกระเด็นบาดเจ็บก็มี คุณ2860มีการแสวงหาอย่างนี้ดีแล้ว อนุโมทนาด้วย คุณจะเอาพยัญชนะอะไรมาพูด อาตมาไม่มีปัญหาหรอก จะเป็นบอก อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี อาตมาก็ผ่านมาหมดแล้ว หากคุณเข้าใจเป็นพระอรหันต์อย่างอาตมา คุณก็จะไม่แย้งอาตมาเลย _แย้มน้อย เรือง : กรานมัสการพ่อครู วันก่อนฟังพ่อครูตอบปัญหาเรื่อง สมองกับหัวใจ เวลาคนเราเกิดความรัก จิตขับเคลื่อนที่หัวใจหรือว่าที่สมองคะ พ่อครูว่า..สมองก็ดี หัวใจก็ดี เป็นสรีระ เป็นอุปกรณ์ทางสรีระ สมองเป็นอุปกรณ์ให้วิญญาณใช้งาน ส่วนหัวใจนั้น เป็นอุปกรณ์ให้เลือดสูบฉีดเลี้ยงร่างกาย เพราะฉะนั้น หัวใจคืออุปกรณ์หรือโรงงานทำงานยังชีวิตให้ยืนยาว เราจะตายก็ตายกันที่หัวใจ สมองก็ตายได้ถ้าหากสมองมันหมดสภาพ จริงๆแล้ว มันก็เลิกหลุดออกไปจากสมองเลย จิตวิญญาณก็ปล่อยออกจากร่างกาย ออกจากสมองเลย หัวใจก็ไม่มีอะไรขับเคลื่อน อันนี้มีนัยสำคัญก็คือ ในพลังงานระดับหนึ่งที่จิตวิญญาณทำงาน พอพลังงานของจิตวิญญาณ ผู้ใดสามารถทำพลังงานนั้น ให้มีคุณสมบัติเหมือนดั่ง พีชะ ควบคุมพีชะ อยู่กับพีชะ ได้ ก่อเกิดพลังงานในระดับไม่สุขไม่ทุกข์ไม่โลภไม่โกรธ ไม่มีพยาบาทจองเวร ไม่มีความดูดดึงข้ามชาติ นี่แหละเป็นฐานอาศัย พีชธาตุ เป็นฐานอาศัย ที่สุด สามารถทำให้เกิดเป็นความสูญเลย เกิดเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลม หมดความเป็นชีวะได้ด้วย นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นิยาม 5 อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ธรรมะ คือ ทรงไว้อย่างอาศัย ไม่ใช่ทรงไว้อย่างปักมั่นดึงดูดเป็นอัตตาไม่มีแตกสลาย นิรันดร อันนั้นไม่ใช่ นี่ก็ต้องค่อยๆศึกษาธรรมะที่เป็นโลกุตระธรรม ให้รู้ว่า อาศัยคืออะไร นิสัยคืออะไร วิสัยคืออะไร อนุสัยคืออะไร ตั้งแต่อาศัย อาสยะ แล้วก็นิสยะ แล้วก็วิสยะ แล้วก็อนุสยะ อธิบายมาหลายทีแล้ว สรุป สมอง คือ อุปกรณ์ให้จิตวิญญาณทำงาน หัวใจ คือ อุปกรณ์ให้เลือดเป็นหลัก แล้วก็เลือดนี่แหละจะเป็นพลังงานที่ทำงานกับอะไรต่ออะไรใน ร่างกาย ทางแพทย์จะรู้ดี เขาจะตรวจกันที่เลือด มีอะไรมาแทรกแซง เลือดนี่เป็นตัวหลักของทางด้านการแพทย์เลย สรุป สมอง ก็คู่กับวิญญาณ หัวใจก็คู่กับเลือดไปเลี้ยงร่างกาย คนเราจิตขับเคลื่อนที่จิตใจหรือสมอง ตอบก็คือสมอง _สู่แดนธรรมว่า…คนไทยใช้คำว่าหัวใจ อารมณ์ที่มีความสุขมากๆเป็นยอดของหัวใจคืออารมณ์ที่มันยอด เวลาคนเรามีความรักสมองก็สั่งทำให้หัวใจสูบฉีดรู้สึกว่ามีชีวิตชีวา ก็แปลว่าทั้งสมองและหัวใจช่วยกันทำงาน พ่อครูว่า..อารมณ์นั้นคือจิตวิญญาณโดยสมอง ถ้าเข้าใจนามธรรมให้ดี มันจะเข้าใจจริงๆมันแยกกันขาดทีเดียวในส่วนที่ยังไม่ขาดทีเดียวได้ยาก แยกยาก แต่แยกขาดได้ด้วยความเข้าใจ ทำให้จิตวิญญาณเราขาดจากพลังงานที่มันจะเป็นความสุขความทุกข์ ก็อาศัยพลังงานที่ไม่สุขไม่ทุกข์เรียกว่าเป็นพืชะ ส่วนอุตุธาตุในร่างกายเราก็ทำได้ เราก็ทำให้มันพีชะธาตุได้ พีชธาตุก็ไม่ต้องอาศัยเลย จะมีอยู่บ้างก็อยู่ไป เช่นเป็นขี้ไคลเป็นต้น หรือพูดอีกให้ชัด อุตุ แปลว่าเลือดระดูไม่มีชีวะแล้ว ก็สลายทิ้งไป ไหลทิ้งไป ไม่ได้ผสมไข่ก็สลายไป เลือดนี่มีชีวิต แต่ให้เชื้อของชีวะให้อาศัย มีอาหารเลี้ยงตัวนั้นแต่พอมันไม่ทำหน้าที่แล้วไข่ไม่ผสมก็ฝ่อทิ้งไป ออกมาเป็นเลือด เลือดที่เป็นอุตุดินน้ำไฟลม ไม่เป็นชีวะ เลือดมันก็มีหัวใจ เป็นหัวอยู่ในเลือด เข้าใจได้ ไม่สับสน ที่ว่าเจ็บใจ เวลาคุณเจ็บใจ ไม่ได้เจ็บที่หัวใจ แต่วิญญาณคุณเจ็บ สมณะฟ้าไท… เวลาเครียดก็เลยจับหัว พ่อครูว่า..เวลาอกหักก็จับที่หน้าอก หัวใจ _หายโง่..เวลาก่อน 9 โมงเช้า มีภาพของสมณะมือมั่นตามด้วยสมณะอุชุปฏิปันโน นำเด็กๆเดินขึ้นศาลาอย่างสำรวม เด็กๆยกมือไหว้ลุงเราโน่ ซึ่งจอดรถอยู่ใกล้ศาลาเป็นภาพศิลปะการดำเนินชีวิตที่งดงามมาก ภาพเด็กอนุบาลที่เดินเรียงแถวเรียบไปกับถนนอย่างสงบในเมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวง ฟินแลนด์ เขามีวินัยตั้งแต่อนุบาล เขาเคารพสถานที่ อีกมุมที่เมืองเก่าแก่ในฟินแลนด์ คนที่นั่นข้ามถนนตรงทางม้าลาย เหตุการณ์ที่ทำให้ทึ่ง คืออีกาตัวหนึ่งกระโดดข้ามถนนบนทางม้าลาย รถยนต์จอดให้ อีกาก็ไม่เร่งรีบ เราโน่บอกว่ามันเลียนแบบคนที่นี่ น่าเสียดายที่คนรุ่นใหม่ของคนประเทศนี้ ลืมรากเหง้าที่ดีที่ ซึ่งบรรพชนสร้างไว้ไม่ว่าจะเป็นความขยันซื่อสัตย์อดทน เขาทำตามอย่างสหรัฐอเมริกาแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง ได้คนรุ่นใหม่ที่ไร้ราก มาเป็นรัฐบาล เราโน่ทำนายอย่างเปิดเผยในเฟซบุ๊คว่า “ฟินแลนด์กำลังดิ่งหัวลงในทุกด้าน หากไหวตัวไม่ทัน” มาถึงลูกหลานที่จะได้รับมรดกที่หลวงปู่สร้างขึ้น หนุนด้วยสมณะ สิกขมาตุและญาติผู้ใหญ่ ลุงเราโน่ฝากบอกพวกหนูว่า “ขอทุกย่างก้าวที่พวกหนูเดินหรือทำอะไรก็ตาม โปรดใช้สติทุกขณะ อย่างน้อยไม่ขับรถเร็ว เพราะน้องเล็กๆไร้เดียงสาขี่จักรยานเร็วกลางถนนเช่นกัน” น้องกล้วย 4 ปี จากเมืองกาญฯ เคยไปดื่มโกโก้ที่เฮือนข่อยวาแล่ว น้องกล้วยเก็บภาชนะอย่างสะอาด เก็บเข้าที่อย่างเรียบร้อย กิริยาสุภาพ พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย หากว่าน้องกล้วยขี่จักรยาน.ชิดซ้ายจะเป็นตัวอย่างให้กับน้องๆด้วยค่ะ ดิฉันยังไม่มาฟังธรรมเพราะเป็นหวัดเล็กน้อย ใช้วิธีทำใจแบบหมอเขียวคือ ไม่โกรธ (ถ้าโกรธจะถูกทวงชื่อคืน จึงพอทำได้บ้าง) ไม่กลัวเป็น ไม่กลัวตาย ไม่กลัวโรค ไม่เร่งผล ไม่กังวล ด้านร่างกายทานขิงแคปซูล(คุณเปรมจิตหามาให้) ใช้ยาใกล้ตัวที่มีอยู่ ไม่ให้ท้องผูก บางวันสามารถนอนหลับตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้า(พ่อครูว่าเก่งมาก อาตมาตื่นคืนหนึ่งอย่างน้อย 5-6ครั้ง) ที่สำคัญได้ประโยชน์ในการแยกเวทนาแท้เทียมอย่างชัดเจนค่ะ _อโศกสัมปวังโก…ปัจจุบันคำว่าทำนาคนอื่นได้ถูกมาใช้กล่าวอ้างเพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวของผู้ใช้ชีวิตในสังคมบุญนิยมบางคน ผู้ที่ไม่ต้องการจะให้ใครตำหนิชี้โทษจนกระทั่งความสำคัญของผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ได้ลดน้อยลงไป ทุกวัน กระผมคิดว่าการกระทำดังกล่าวจะนำสังคมให้เสื่อมลงในภายภาคหน้า จึงอยากให้พ่อท่านจำแนกว่าพฤติกรรมเช่นใดจึงถือว่าเป็นการทำนาคนอื่นและพฤติกรรมเช่นใดจึงเป็นการชี้ขุมทรัพย์ พ่อครูว่า..คุณก็รู้อยู่แล้วว่า อันพอเหมาะเป็นอย่างไร ถ้าหากไม่ชี้ขุมทรัพย์เสียเลย มันก็ไม่มีใครมาชี้ได้เลย ขี้เหนียวตาย หมักขุมทรัพย์ไว้คนเดียวไม่บอกให้คนอื่นรู้ หากว่าควรจะชี้ให้เขาบ้างก็ไม่ชี้ก็กลายเป็นใจดำ ก็เอาที่พอเหมาะ _อโศกสัมปวังโก…เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อท่านได้แยกคำว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะไว้ 2 อย่าง เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะสัตว์และเนวสัญญานาสัญญายตนะอย่างพระอริยะ พ่อครูว่า..คำว่าสัตว์คือยังไม่พ้นสัตตาวาส 9 คำว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ คือได้พ้นหลุดพ้นมาได้เรื่อยๆ กระทั่งเหลือที่สุดก็คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะสัตว์ เนวสัญญานาสัญญายตนะสัตว์ เป็นสัตว์ตัวที่ 9 ในสัตตาวาส 9 ส่วนอสัญญีสัตว์นั้นเป็นสัตว์ตัวที่ 5 ในสัตตาวาส 9 เพราะในโลกียะดับสัญญาได้เป็นอสัญญีสัตว์ จะไม่สามารถรู้ อากิญจัญ ฯ เนวสัญญาฯได้เลย แต่ไปนั่งหลับตาแล้วได้ เขาว่าได้ อากาสา วิญญานัญจา ได้ความว่างจากการสร้างภพว่าง ให้ดับ นิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็ไม่มี แล้วสร้างภพ จะว่ารู้ก็ไม่ใช่ ว่าไม่รู้ก็ไม่ใช่ เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะ เขาก็จบ คา อยู่เช่นนั้น นี่คือสัตตาวาส 9 ส่วนวิญญาณฐีติไม่มีอสัญญีสัตว์ ไม่มีเนวสัญญานาสัญญายตนะ วิญญาณฐิติ คือ เรียนรู้ในขณะที่มีวิญญาณตั้งอยู่ แล้วจมูกลิ้นกายเกิดกระทบต่างๆภายนอกแล้วเกิดวิญญาณ วิญญาณที่พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนไม่ใช่ให้ไปเรียนวิญญาณสัมภเวสีล่องลอยไป หรือว่าคุยกันในสัญญานั้น ไม่เอา มันไม่จริงสามารถปั้นสร้างได้เองเนรมิตเองได้เรียกว่านิรมาณกาย มันเลอะเทอะ มันไม่ใช่ของจริง ของจริงต้องสัมผัสอยู่เป็นปัจจุบันทางตาหูจมูกลิ้นกาย ต้องเรียนอันนี้ จึงจะสามารถดับความเป็นสัตว์ได้เรียกว่า วิญญาณฐิติ 7 นี้ได้ครบ คุณก็สามารถหมดความเป็นสัตว์ได้ครบวิญญาณฐิติ 7 กับสัตตาวาส 9 _อโศกสัมปวังโก…คำว่ายัญพิธี และบวงสรวง ที่ปรากฏในสัมมาทิฐิ10สามารถใช้ในเชิงเทวนิยมหรืออเทวนิยมก็ได้เป็นการยืมเอาภาษาของโลกเอามาใช้สื่อความหมาย แต่ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดในเชิงธรรมะใช่หรือไม่อย่างไร พ่อครูว่า..ถูกต้องต้องแยกโลกียะกับโลกุตระให้ออก _อโศกสัมปวังโก…การแสดงธรรมะในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาญาติธรรมหลายท่านบอกว่าลึกละเอียดเกินไปแทบจะเข้าใจไม่ได้เลย แต่บางคนก็อยากให้พ่อท่านเทศนาให้ลึกลงรายละเอียดเพราะเนื่องจากการเทศนาแต่ละครั้งมีการบันทึกเทปไว้ประโยชน์อาจจะไม่เกิดในคนในยุคนี้แต่จะเกิดในคนรุ่นหลังรวมทั้งคนในรุ่นนี้ที่ตายไปแล้วเกิดมาใหม่อีกก็จะได้เหลือหลักฐานไว้เรียน อีกอย่างญาติธรรมจะได้ใฝ่ฟังธรรมะจากนักบวชเพิ่มขึ้น เมื่อพ่อท่านได้ปรินิพพานไปแล้วก็จะมีผู้ที่ก้าวขึ้นสืบต่อเป็นโพธิสัตว์ต่อไป เพื่อต่อเนื่องไม่ขาดสายของศาสนา พ่อครูว่า..ก็มีผู้ที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ผู้ไม่เข้าใจเลยหรือว่าเข้าใจได้เลยก็มี _อโศกสัมปวังโก…ท่านสิริเตโช ได้ให้ความหมายของวิเวก 3 ในหนังสือธรรมพุทธสุดลึกได้ถูกตรงกับที่พ่อท่านอธิบายไว้ เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้เขียนก่อนที่จะมีการลงรายละเอียดจากพ่อท่าน จึงทำให้ชี้ให้เห็นว่าท่าน สิริเตโช คือคนทรงนิรุติปฏิภาณของสายปัญญาใช่หรือไม่ พ่อครูว่า…ใช่ อาตมาก็มีผู้ที่ไปด้วยกันมาด้วยกันบ้าง ท่านฟ้าไทเป็นต้น ท่านสิริเตโช ก็มีอยู่บ้าง _จากรายการสำมะปี๋ฯ ที่ผ่านมาพ่อครูได้ตอบคำถามเรื่องเพลง ทำให้ดิฉันเกิดแนวคิดอยากพ่อครูแต่งเพลงเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นการช่วยสืบสานพัฒนาต่อไป พ่อครูว่า..มานิมนต์เมื่ออาตมาปลงอายุสังขารการแต่งเพลงของอาตมาไปแล้ว มันก็คงจะไม่ขึ้นอีก เพลงสุดท้ายในชาตินี้ที่อาตมาแต่งคือ เพลงสมรรถภาพ มาเถอะมาอย่าช้าอยู่ไหนรีบมาคว้ามีดพร้าและจอบเสียม… ที่จริงแล้วอาตมาอยากจะแต่งเพลง 5 ภาพ 1.อิสรเสรีภาพ 2.ภราดรภาพ 3.สันติภาพ 4.สมรรถภาพ 5.บูรณภาพ อาตมาแต่งเสร็จไป 4 เพลง ขาดแต่บูรณภาพ ก็เคยคิดหลายทีพยายามจะแต่ง แต่มันเมื่อยมาก มันต้องตั้งอกตั้งใจ แต่เดี๋ยวนี้แม้แต่ตัวโน้ตก็ลืมไปมาก จะมายุให้อาตมาแต่งอีก ก็เอาเถอะเดี๋ยวนี้มีพวกเราก็ขึ้นมาแต่งได้ดี เขาแต่งมาเหมาะสมกับคนรับได้มากด้วย ของอาตมาแต่งนี้หลายคนเขาบอกเพลงปราบเซียน เขาบอกว่ายาก มีแฟลต ชาร์ปมาก ขนาดนายเต้ เอาเพลงอาตมาไปเรียบเรียง เขาก็ไปถามปฏิพลว่าไปอย่างไรนี่หักศอกเลย ปฏิพลก็ว่าอย่าไปคิดมากให้ตามตัวโน้ตท่านไป อาตมาอธิบายค้างในจรณะ 15 ศาสนาพระพุทธเจ้า มีจรณะ 15 วิชชา 8 อยู่ในพุทธคุณ 9 มี วิชชาจรณสัมปันโนอยู่ในพุทธคุณ 9 เป็นคำยืนยันว่า เป็นธรรมะสภาวะธรรมของท่าน นอกนั้นก็มีแต่อธิบายความหมายท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นสุคโต เป็นผู้ที่สอนคนอื่นได้อย่างไม่มีใครเทียบเคียงเป็นผู้ตรัสรู้เอง อะไรต่ออะไรทั้งนั้น แต่เนื้อแท้นั้นคือจรณะ 15 วิชชา 8 เพราะฉะนั้นจรณะ 15 จึงนำมาเป็นหลักทฤษฎีของธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดเข้าใจจรณะ 15 ไม่ได้ ทำจรณะ 15 ไม่สัมมาทิฎฐิ ปิดประตูนิพพาน โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ชัดเลยว่าไม่มี ปัณณกธรรม 3 ไม่มีธรรมสามข้อนี้ คุณปฏิบัติธรรมไม่ได้ ไม่มีอปัณณกธรรม 3 ไม่มีสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะ ต้องมี อปัณณกธรรม 3 จึงจะเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิด พิจารณาในอาหารในคำข้าวก็สามารถบรรลุธรรมได้ ปฏิบัติธรรมให้เป็นคนตื่น อย่าไปหลับอยู่ในภพ ต้องตื่นออกมาข้างนอกเลย เรียกว่าชาคริยา มีธาตุรู้ ชา แปลว่ารู้ ชาคริ ชาคระ ตื่นออกมาทางกายกรรม วจีกรรมมโนกรรม ต้องเพียรให้ตื่น หากว่าเอาแต่ไปหลับอยู่ข้างในมันคนละทิฏฐิเลย พูดอย่างหนักหนาสาหัสว่าอย่าไปนั่งหลับตาเลย มันออกนอกรีต เลิกได้แล้ว อาตมาจึงต้องเหนื่อยไปอีกนาน สงสัยต้องเหนื่อยจนตายเพราะเขาไม่เปลี่ยนทิฐิง่ายๆ เพราะมันเป็นลัทธิครองโลก มันเป็นความติดยึด ที่อยู่ในปุถุชน ในโลกียะ เลิกไม่ได้ทั้งหมด คนที่จะมารู้ธรรมะพระพุทธเจ้าจึงมีส่วนหนึ่งเท่านั้นเป็นคนจำนวนน้อย มันก็ต้องพูด ไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะต้องเตือนเขา คนที่เข้าใจได้ดีก็จะเลิก เขารู้สึกตัว แต่ถ้าไม่รู้สึกตัวก็จะกลายเป็นผู้ที่ฝืน และกระทำที่สิ่งที่ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ก็เป็นเหมือนโจรที่ทำลายศาสนาพุทธอยู่ อาตมาก็พยายามที่จะให้ฆ่าความเป็นโจรด้วยหอก หอกของอาตมาหักไปหมดแล้วไม่ใช่แค่ 300 เล่มแต่ไม่รู้กี่พันเล่ม 1 เล่มแล้วหักไปแหลกหมดเลย ไม่เป็นไร อาตมาก็ค้นหาหอกมาอีก ออกจากปาก มุขสตี แทง หักก็หัก หามาใหม่อีก อาตมาไม่หมดหรอกหอก คือให้เขาได้ประโยชน์ ไม่มีความปรารถนาร้าย มีแต่ความปรารถนาดี อาตมามีฉายาว่า ขวานจักตอก หรือว่า สายฟ้าในวาทะ แต่ที่แท้แล้วเขาก็บอกว่าหลุกหลิก เหมือนลิง เป็นภาษาที่ยืนยันสภาวะ ใครที่ไม่ติดในเรื่องภายนอก กลั่นเอาเนื้อในได้ คนนั้นก็ได้สาระ ที่อาตมาทำ อาตมาจะยังไม่เลิกสิ่งเหล่านี้ อาตมายังต้องใช้ข้อด้อยของอาตมาทั้ง10ข้อนี้อยู่ ด้วยความเห็นว่า มันเหมาะสมกับกาละ บุคคล ฐานะ สังคม คนฐานโลกีย์หยาบๆ มันเหมาะที่สุด ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ ต้องทำ ต่อ อปัณณกธรรม 3 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่าถ้าไม่มี 3 ข้อนี้ก็ผิดจากศาสนาพุทธ ไปนั่งหลับตาแล้วก็ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ก็ผิดแล้วข้อที่ 2 ไม่พิจารณาในเรื่องอาหาร ในเรื่องการกินการใช้ในเรื่องกามคุณ 5 ภายนอกก็ผิดอีก แล้วยิ่งนั่งเข้าไปอยู่ในภพ หลับหลับหลับ ไม่ออกมาตื่นแต่กลับหลับเข้าไปอย่างยิ่ง ชาคริยะแปลว่าตื่น นิทราแปลว่าหลับ ไสยาสน์แปลว่านอน หากนอนแล้วยังมีชาคริยะ ตื่น ก็ไม่สมบูรณ์ ตื่นในภพ ยังไม่พอ ต้องมาตื่นทางภายนอกด้วย เรียกชาคริยะ ไปตื่นแต่ในจิตเฉยๆไม่พอ มันไม่สามารถที่จะมารับรู้ เมื่อไม่ได้ฝึกรับรู้ภายนอกเลย คุณจะรู้ได้อย่างไรว่ากามคุณ 5 คุณยังติดยึด ขออภัยอย่างมหาบัวติดหมากจนตาย ที่จริงแล้วมหาบัว อาตมาเคยได้ยิน ก็มีการสะดุดเหมือนกันว่ามันก็น่าเป็นสิ่งเสพติดก็ควรจะหยุดแล้ว ก็หัดหยุดเหมือนกันแต่หยุดไม่ได้ มันติดหนักก็เลยกลบเกลื่อนว่าไม่ใช่สิ่งเสพติด โกหกลูกศิษย์และคนที่นับถือว่าไม่ใช่สิ่งเสพติดก็เลยเป็นบาปที่ซับซ้อนของมหาบัว รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นสิ่งเสพติดก็กลบเกลื่อนเลย บอกว่าไม่ใช่สิ่งเสพติด ผู้ที่โกหกในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่โกหก พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่าคนคนนี้จะทำชั่วใดๆอีกได้ทั้งนั้นทุกอย่าง ไว้ใจไม่ได้ นี่เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้านะ ขออภัยที่ต้องยืมเอามหาบัวทำเอาไว้ในโลกมาอธิบาย หลายอย่าง ที่มหาบัวไม่รู้มานะ อติมานะของตนเองที่เป็น มานะ อติมานะ ที่หาทองเข้าคลังได้ก็ยินดีใหญ่ ได้อุปกิเลสตัวนี้เต็มบ้องเลย ซึ่งมันเป็นสภาวะที่มีในมนุษย์จริง ยกตัวอย่างมันก็จะง่าย สมณะฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin4 มีนาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630302_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 91NextNext post:630306_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ จรณะ 15 โดยพิสดาร Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024