630311_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สัมมาทิฏฐิ 10 ที่เป็นประธานของสัมมาสมาธิ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/10v0UgqBWApKa2sGF3NqX6ehsLMfzNesXOFen-WLnBqo/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1XS2QxM9BugVkJgOZrta5yqAIhrD_gi8F
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 11 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก อากาศร้อนมาก แม่ค้าที่เฮือนบวรบอกว่า ดีแล้ว โคโรน่าไวรัสจะได้ตาย หลายแห่งก็เปิดกระจกให้ลมพัดจะได้ทำให้เชื้อโรคกระจายออกไป เชื้อไว้รัสมีหายได้แต่เชื้อกิเลสนี่อยู่นาน พระโพธิสัตว์ยังหอกหักเต็มไปหมด เช้า กลางวัน เย็น มันก็ไม่ตาย
พ่อครูว่า…กิเลสตัวนี้เป็นกิเลสอวิชชา ความโง่ความไม่รู้ความไม่เข้าใจยึดมั่นถือมั่นใครจะพูดจะเตือนจะให้สติอย่างไรก็เฉยๆไม่รู้เรื่องก็ยังงงจมอยู่อย่างนี้ ในสิ่งที่ตนเองหลงติดยึด (สมณะมณะฟ้าไทว่าเหมืมือนพญานาค ได้ยินถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าระพุทธเจ้าโยนลงมาในน้ำ) นั่นยังดีนะยังได้ยิน แต่ว่านี่ไม่ได้ยินสักกิ๊กแก๊กเลย พูดดี ถาดทองคำหล่นไปก็ได้ยิน แต่นี่หอกร้อยเล่มเช้าเที่ยงเย็นยังไม่ได้รู้สึกเลย
สมณะฟ้าไท…เอาแบคโฮขุดยังไม่ขึ้นเลย อย่างไรอุดมการณ์ของพระโพธิสัตว์ก็ย่อมมีความแรงกล้าอย่างไรท่านก็รู้อยู่แล้วว่ามนุษย์ก็จะเป็นอย่างนี้ แต่เป็นมนุษย์ที่โดนหอกก็รู้สึกตัวใช้ได้พวกเราไม่ใช่พวกผิวด้านเท่าไหร่ก็พอเป็นไปได้ก็ยังพอเป็นกำลังใจให้พระโพธิสัตว์ทำงานอยู่ต่อไป เป็นเรื่องที่เราจะมาอยู่ที่นี่ก็ลำบากทุกคนเพราะว่ามนุษยชาติไม่ใช่ง่ายที่จะลดกิเลสตัวเราเองก็ยังไม่ง่ายเลย แม้จะมีศรัทธาก็ยังเอากิเลสออกยากจะกล่าวไปไยกับคนที่ไม่ศรัทธาพระโพธิสัตว์ก็มีเมตตาจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ต่อไป
พ่อครูว่า…อาตมาเกิดมาชาตินี้พูดแล้วไม่รู้กี่ที แล้วมันรู้แล้วว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไรชีวิตเกิดมาเพราะว่าอวิชชา ที่นี้อาตมารู้แล้วว่าชีวิตเกิดมาด้วยความโง่ แล้วก็เลยไม่เอาแล้วชีวิตแบบนั้น ชีวิตที่จะไปแบบโง่ๆไม่เอา แล้วก็มาศึกษาจนกระทั่งหมดอวิชชา อาตมาพูดสบายๆว่าหมดอวิชชาก็บรรลุอรหันต์
ยิ่งชัดเจนเลย ตั้งแต่อาตมารู้ตัวอายุ 36 ปีออกมาทำงานทางนี้ก็ชัดเจนในตัวเอง อันนี้แหละคือชีวิตที่ดีที่สุดธรรมะคือชีวิตเราเคยท่องกันมาจนถึงบอกว่า ธรรมะคือคุณากรนั้นไม่ใช่แต่ที่จริงแล้วธรรมะคือชีวิต ธรรมะไม่ใช่เพียงคุณากรแต่ธรรมะคือชีวิตเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ชัดเจนว่าชีวิตถ้าขาดธรรมะไม่เข้าใจธรรมะ ไม่รู้ธรรมะ ไม่เอาธรรมะมาปฏิบัติจนเราบรรลุธรรมได้ธรรมสมบูรณ์หมดอวิชชานั่นแหละถึงจะเต็มชีวิตเลย ทีนี้หมดอวิชชาแล้วเป็นพระอรหันต์เต็มชีวิตเลย ถ้าเมื่อใดยังไม่หมดอวิชชายังไม่เป็นพระอรหันต์ยังไม่เต็มชีวิตได้หรอกยังไม่มีธรรมะยังไม่เต็มชีวิตชัดเจนชัดเจน
_มีเรื่องราวพวกเรามีผู้ติดตามสังเกต ปฏิกิริยาที่มีต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ที่เชียงใหม่ ชมร.ก็มีรักข้ามรั้ว (คือเอาอาหารส่งให้ข้ามรั้วไม่ให้เข้าร้าน) ดูปลอดภัยดี ประสานช่วยเหลือกัน เธอกับฉันต่างร่วมมือกัน ก็เหมาะสมดี เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวมีคนหลากหลายเชื้อชาติ มาที่อุบลราชธานีได้เปรียบก็ตรงที่เป็นที่โปร่งโล่งอากาศถ่ายเทแดดแรงมาก คือที่นี่ไม่น่าจะกลัวอะไร เพราะอากาศโปร่งแล้วก็ลมพัดกระแสน้ำไอน้ำเต็มแดดแรงมันอยู่ไม่ได้ เจอธรรมชาติบรรยากาศสะอาดสะอ้านพวกนี้มันอยู่ไม่ได้นะ โควิดเข้ามาตรงนี้มาเจอบรรยากาศตรงนี้ตายก่อน จริงอันนี้จริง เพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่ที่เป็นบรรยากาศปลอดโควิด มีเป็นเรื่องธรรมชาติสูงส่ง คุณจะไปเอายาเคมีอะไรมาใส่สู้ไม่ได้
ที่นี่มีน้ำตกกระจายฟองอากาศก็ยิ่งดีใหญ่ และ ความแออัดยังไม่มีมาก มีผู้คนที่มาเป็นกลุ่มที่เป็นรถบัสก็แทบไม่มีเลยเพราะว่าโรงเรียนปิดเทอม จะมีเพียงแต่ส่วนตัวเป็นนักเรียนนักศึกษามาเล่นน้ำตกสไลเดอร์แม้ว่าวันอาทิตย์จะมีรายการร่มโพธิ์ร่มไทรก็ไม่แออัดเหมือนทุกที ก็ขออนุญาตคอมเม้นชาวอโศกในเชิงติติงด้วยความปรารถนาดีอย่างนี้ร้านค้าชาวอโศกที่เป็นห้องติดแอร์ ฝั่งร้านค้าไหนที่เป็นห้องติดแอร์ควรพิจารณาระบบป้องกันตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเชื้อโควิด มีผู้มีผู้ที่ไม่แสดงอาการไอจะตรวจเจอเชื้อก็มีสถิติที่มากอยู่ไม่เหมือนโรคอื่นที่แสดงอาการไออาการเป็นไข้ ซึ่งเขาเหล่านี้เข้ามาใช้บริการซื้อของในห้องแอร์ก็มีโอกาสไอจาม หรือว่าเอามือไปจับประตูสัมผัสแตะต้องสิ่งต่างๆในร้าน อยากให้แต่ละชุมชนช่วยกันจัดระบบป้องกันตัวเองให้มากกว่านี้ เช่นลูกค้าที่จะเข้ามาให้สังเกตตัวเองว่าเป็นหวัดเป็นไข้เป็นไอเป็นมีอาการจามหรือไม่ก็ไม่ควรเข้ามา ผู้เข้ามารับบริการทุกคนควรล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
ที่พลังบุญก็มีการจัดรายการพิเศษ คนมีมาอัดแน่นร้าน ดูเหมือนคนจะมาซื้อผักและอาหารแห้งไปตุน เพราะป้องกันออกจากบ้านและใช้การซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ยอดจำหน่ายของพลังบุญวันอาทิตย์ก็สูงกว่าวันอื่นๆมากจึงเป็นห่วงว่าผู้ขายน่าจะได้ตระหนักถึงการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น เช่นควรล้างมือบ่อยๆ ส่วนแมสป้องกันตัวเองขณะปฏิบัติงาน และที่สำคัญควรจะมีจุดคัดกรองลูกค้าก่อนเข้าร้าน ผู้ป่วยอยู่ไม่ควรเข้ามาในร้านเลย ซึ่งจะไปห้ามเขายากเหมือนกัน
ที่สันติอโศกน่าจะคัดกรองคนมีไข้มีไอมีน้ำมูกก็ไม่ควรเข้ามาในชุมชน และในร้านค้าควรจะอยู่ในที่โล่งไม่ใช่ห้องแอร์จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
8 อ. ที่สำคัญ จะช่วยป้องกันภาวะวิกฤตของไวรัสนี้ได้ จะผ่านไปได้เพราะว่าชาวอโศกเป็นผู้มีระเบียบวินัยมีความไม่ประมาท ไม่ควรมีใครนำเชื้อมาสู่ชุมชน เพราะจะลำบากมากถ้ามีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นระบบสาธารณโภคี ควรจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดการนำเชื้อเข้ามาในชุมชนก่อนอื่นใด
พ่อครูว่า…ก็ดี ก็พยายาม จะว่าเราไม่จัดการไม่ทำอะไรก็ไม่ใช่ เราก็ทำตามเหมาะควรแนะนำมาก็ดี ขอบคุณกัน
SMS วันที่ 9 มี.ค. 2563 (สำมะปี๋ซี๋วิต)
_เชวง กิจจะบรรณ์ : ดูทางเน็ตดีครับช่วยแบ่งเบาค่าดาวเทียมครับ
_ดินชุ่ม ธรรมอโศก : หากต้องถอยจากดาวเทียมไปสู่อินเตอร์ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ตามชมเสมอครับ เพราะธรรมที่พ่อครูหรือสมณะสิกขมาตุเทศนานั้น สามารถลดกิเลสจริงครับ
_จักรพล พุทธพัฒนา : ในพระสูตรท่านกล่าวไว้ว่า โสดาย่อมรู้โสดาฯลฯ อรหันต์ย่อมรู้อรหันต์…ถ้าไม่ถึงภูมินั้นแล้วรู้แสดงว่าเดาเอาทั้งสิ้น.
คำว่า”พูดก็พูดเถอะ”มีความหมายว่าอย่างไรครับ
พ่อครูว่า..ผู้มีภูมิสูงกว่าผ่านมาแล้วก็ต้องรู้ในภูมิที่ตนผ่านมาแล้ว อาตมาไม่มีปัญหาเพราะอาตมามีภูมิ พระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์แล้ว ไม่ได้พูดเล่นก็มีสิทธิ์พูดทุกอย่าง
“พูดก็พูดเถอะ” สู่แดนธรรมว่า..ตอนแรกก็ไม่อยากพูด แต่ก็เผลอพูดไปแล้วบ้าง ก็พูดก็พูดเถอะ
พ่อครูว่า…ความหมายไปหลายอย่างได้
_ไม่ประสงค์ ออกนาม • 2 วันที่ผ่านมา
ผมว่าท่านเองก็ไม่ได้รู้จักศาสนาคริสต์ และ อิสลามดีขนาดนั้น
พ่อครูว่า…คุณพูดก็ถูก อาตมาไม่รู้ดี คุณก็ว่าเป็นความเห็นของคุณ แต่อาตมาก็พูดเท่าที่อาตมารู้ดี แล้วคุณก็บอกว่าอย่างนั้น อาตมารู้ ศาสนาคริสต์อิสลามฮินดูอาตมาก็ต้องรู้ตามที่อาตมารู้ดีขนาดนั้นอาตมาก็แสดงออกไปส่วนคนจะบอกว่าไม่รู้ดีขนาดนั้นคุณรู้ได้อย่างไรว่าอาตมาไม่รู้ดีขนาดนั้นก็อาตมาดูได้ขนาดนั้นอาตมาก็พูดได้ขนาดนั้นมันก็ดีขนาดนั้นมันจะไม่ใช่ได้อย่างไร คุณนี่เนอะ
ที่ติงอาตมานี่ไม่ชัดเจน ก็ต้องรู้ดีขนาดที่เรารู้ถึงจะพูดไปขนาดนั้นถ้าดูดีกว่านั้นก็จะพูดไปมากกว่านั้นอีก
สมณะฟ้าไทว่า…ก็ต้องพูดใหม่ว่าเขาไม่รู้ดีขนาดที่พ่อครูรู้หรอก
พ่อครูว่า…แปลว่าเขาชมนะ เขาคิดว่าอาตมาไม่ดีขนาดนั้นก็เลยว่าผมว่าผมไม่รู้ดีขนาดนั้น แต่อาตมาพูดไปแล้ว เขาก็เลยเผลอชมมา
แสดงความเห็นมาก็ดีแล้วเราจะไม่เห็นอย่างที่จะต้องมาพูดไปก็ไม่เป็นไร
_Suthisak Srimapik (สุทธิศักดิ์ ศรีมาพิค)• 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา(จากยูทิวป์)
ความคิดเหมือนพระเทวทัตเนาะ เรื่องทูลขอให้เลิกฉันเนื้อเทวทัตก็ทำแล้ว แต่ใครจะกินแต่ผักผมก็ไม่ติเพราะเป็นเรื่องดีสำหรับฆารวาสที่ไม่ฆ่าสัตว์ แต่พระภิกษุควรฉันตามอัตภาพตามพื้นเพบ้านนั้นๆ
พ่อครูว่า…ก็เป็นความเห็นของคุณไม่มีปัญหาอะไร ต่างคนต่างเห็นว่าอันนี้ดีก็ทำไปเราก็แสดงความเห็นว่าดีอย่างไรไม่ดีอย่างไร ก็แสดงออกเพื่อที่จะอธิบายขยายความให้รู้ความจริงว่าที่เราเห็นว่าอันนี้ดีแล้วก็ทำอย่างนี้ เพราะอย่างนี้อันนี้มันไม่ดีอันนี้มันไม่ดีอย่างนี้ก็เลยได้ทำอย่างนี้ก็เลยจะชัดเจนขึ้น แสดงความจริงให้จริงที่สุด
_อัปสร จินตนพันธ์ • 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (จากยูทิวป์)
พ่อครูดูมีบารมี ถ้าเป็นคนดูนักเลง น่าเกรงขาม ท่านสร้างเก่ง คนคร้าม
_chan channel (ชาญ แชนแนล)• 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (จากยูทิวป์)
พระอะไรวะ วุ่นวายกับเครื่องมือ คอม โต๊ะทำงาน หนังสือพิมพ์ ข่าวสาร ทีวีสามสี่จอ ตั้งบริษัทเหอะ แข่งแม่งกับซีพีไปเลย
พ่อครูว่า…ก็สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลก็ฟังและการแสดงออกของคนก็ไม่มีปัญหา อาตมาไม่ได้อยู่ในสเปคของเขา เขาก็อยู่ของเขาไป สำหรับอาตมาไม่ถูก เขาก็เลยคนอะไรวะ ไม่เห็นอยู่ในแบบที่เขาคิดว่าควรเป็น ก็มองกันได้ วิจัยวิจารกันมา ก็ขอบคุณ อาตมาก็เป็นตามที่อาตมาเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่ดี จะไม่ทำในสิ่งที่เห็นว่าเสียหายไม่ดีเพราะว่าอาตมาชัดเจนว่าไม่ควรจะทำในสิ่งที่ไม่ดี ทำในสิ่งที่ดีกว่า ส่วนใครจะมองเห็นว่าที่อาตมาทำดีที่อาตมามั่นใจว่าดีเป็นไม่ดี ก็นั่นเป็นความเห็นต่างกันได้ ไม่พลาดมีปัญหาอะไร จะมาก็แสดงความเห็นมา
_ตะวันใหม่ ก้าวต่อไปๆ • 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (จากยูทิวป์ คลิปประวัติพ่อท่าน)
มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยหรือ ตอนนั้นฉันยังเด็กมากไม่รู้เรื่องเลย สมัยนี้มีเรื่องวัดพระธรรมกาย คิดว่ามันเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเสียอีก
ไม่รู้ผิดถูกอะไรหรอกเพราะเราเป็นผู้ไม่รู้ แต่รู้สึกสลดหดหู่ เศร้ามาก นี่หรือเมืองไทยเมืองพุทธ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมั่นใจใช่ไหมว่าเป็นไปตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าได้กล่าวหาผู้ใดว่าผิดถ้าเขาไม่ได้ผิดศีล เพียงแนวทางปฏิบัติไม่เหมือนกัน พระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดในประเทศไทย ครั้งพุทธกาลไม่ได้มีประเพณีวิธีปฏิบัติเหมือนเถระสมาคมด้วย เราไม่รู้อะไรแต่นี่ไม่เป็นไปตามหลักเมตตาธรรมเลย
ใครจะมีเรื่องขัดแย้งอะไรกันช่างเขา แต่ไม่อยากเห็นวงการสงฆ์ไทย เห็นพระสงฆ์ต้องขัดแย้งกัน อย่ากล่าวหากันพวกท่านถือศีล 227ข้อ
พ่อครูว่า..คุณคนนี้รู้ดี ในเมืองไทยมันได้ผิดเพี้ยนไปๆจากของสมัยพระพุทธเจ้า เอาของเดียรถีย์เอาของผีมาผสมกัน หนักกว่าสมัยของพระพุทธเจ้าเลย เถรสมาคมเป็นอย่างนั้น
อาตมาว่า เมื่อมาทำแล้วยืนยันว่าปฏิบัติประพฤติสอนโฆษณาอยู่ถือว่าเป็นพระพุทธศาสนาต้องดูแล อาตมาต้องป้องกันต้องพยายามที่จะไม่ให้ผิดไปจากพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าตามที่อาตมาเห็นควรต้องทำมาจะไม่ดูดายอันนี้เห็นต่างจากคุณ ที่บอกว่าช่างมันเถอะ
มีความผิดเพี้ยนไปๆที่บอกว่าพระภิกษุถือศีล 227 ข้อซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่ผิดจริงๆแล้ว 227 ข้อคือพระวินัยมีข้อลงโทษเหมือนกับกฎหมายแต่ศีลของพระพุทธเจ้าคือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แต่เดี๋ยวนี้ไม่ปฏิบัติกันแล้วของเถรสมาคมวงการศาสนาพุทธจึงได้ละเมิดศีลหมดแล้วมีเดรัจฉานวิชาต่างๆนานาสารพัดเต็มไปหมดที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ อันนี้ควรเป็นสิ่งที่ควรเว้นขาดเวรมณีพวกนี้ แต่พวกเขาไม่เว้นมีกันเยอะเต็มไปหมดเลย อาตมาพูดเรื่องจริงนะต้องพูด เพราะว่าเราเป็นชาวพุทธ ถ้าตราบใดที่ยังเรียกว่าศาสนาพุทธเราจะต้องมีเมตตาช่วยกันขัดเกลาช่วยกันแก้ไขสิ่งที่ผิด เตือนกันอย่างแรง เป็นแต่เพียงว่าอย่าหาเรื่องมาฟ้องร้องกัน อย่าหาเรื่องทะเลาะวิวาทกัน อาตมาก็ไม่ทำลายมีแต่ตำหนิแรงๆตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าที่มีคำภาษาบาลีว่าปฏิกโกสนา ค้านอย่างแรงอย่างจังเต็มที แต่อย่าไปฟ้องร้องกันทำร้ายทำลายกัน แต่ใช้ปากหอกมุขสตี อาตมาทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าทุกอย่าง
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไทว่า…พ่อครูต้องมีหน้าที่ปราม เคลียร์พื้นที่ให้ลูกๆที่เหลือทำงานได้สะดวก
พ่อครูว่า…พวกเราเข้าใจก็ไม่มีปัญหา มีแต่ปัญญา มีความรู้มีเจตนารมณ์ถึงความตั้งใจที่อาตมาทำ ซึ่งอาตมาเองก็พูดแล้วไม่รู้ว่าผู้ฟังที่ฟังอาตมาพูดนี้จะเข้าใจแค่ไหนที่อาตมาพูดนั้น คืออาตมาเกิดมาเป็นคนมีชีวิตเหมือนกันกับทุกคน อาตมาไม่เอาชีวิตไปเสียเวลาไปกับการแย่งยศสรรเสริญหาเงินหาทองหาความยกยอปอปั้นสรรเสริญเยินยอ แสดงธรรมไม่ได้กลัวใครตำหนิ ไม่ได้กลัวใครว่า ไม่ได้อยากได้ความยกย่องสรรเสริญเลย ถ้าหากว่าอาตมาจะพูดเพื่อต้องการยกย่องสรรเสริญทำไมอาตมาจะทำไม่เป็น อาตมาก็มีปฏิภาณให้คนชมเชยสุภาพเรียบร้อย พูดดีพูดงามไม่ว่าใคร อาตมาทำงานโทรทัศน์มาเป็นนักเสแสร้งเพื่อจะให้คนนิยมชมชอบอาตมาทำมาแล้ว
จะไปยากอะไร อาตมาไม่ได้มาหาสรรเสริญเลย ควรตำหนิก็ตำหนิ อาตมาไม่เกรงใจหรอก อาตมามั่นใจในสัจธรรมอะไรที่ควรตำหนิก็ว่า อะไรที่ควรยกย่องก็ยกย่อง คำยกย่องอาตมาก็ไม่ค่อยห้กกมทหหมิิมท้รไภๆว
ได้พูด เพราะว่าพูดยกย่องทีไรก็ต้องยกย่องตัวเองเหมือนกับว่าเราถูก จะไปยกย่องเขาก็ไม่มีความถูกให้ยกย่อง ก็เลยไม่ค่อยได้ยกย่องมาก อาตมาก็เป็นคนแคบด้วยเป็นคนไม่รู้จักว่าใครดีจริงๆ
ส่วนมาก ขออภัยพูดให้ชัดเจนที่เขาว่าดีนั้นมีดีน้อยจนกระทั่งมันไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง มันมากจนกลบสิ่งที่เขาดีอยู่ อาตมาก็เลยมองไม่เห็นว่าใครดีสักเท่าไหร่ นี่พูดเป็นสัจจะนะ ความไม่ดีของเขามันมากมากลบในสิ่งที่ดีของเขาที่มีน้อย ก็เลยไม่รู้ว่าใครดี แต่ท่านเพาะพุทธท่านจะมีความปฏิสันถารต่อสังคมมาก อาตมาก็ไม่ค่อยรู้มากเท่าไหร่อาตมาก็เลยไม่ค่อยได้ชม เพราะว่าถ้าหากชมก็ชมแต่พวกเราว่าดี ก็เลยเอาแต่ตำหนิอย่างเดียว มันอยู่ใน fight บังคับ จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้
_อโศกสัมปวังโก
1.การแสดงธรรมในอดีตพ่อท่านได้แสดงเส้นทางสู่สมาธิด้วยการเดินมรรคทั้ง 7 ขั้นต้นในมรรคมีองค์ 8 จะปฏิบัติธรรมให้เข้าสู่สัมมาสมาธิก็ต้องปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ก็แสดงมาแต่ไหนแต่ไรตามธรรมะพระพุทธเจ้าตามที่ท่านสอนระบุไว้ชัดในมหาจัตตารีสกสูตรว่าสมาธิของศาสนาพุทธที่เรียกว่าสัมมาสมาธิเรียกเต็มๆว่าอริโยสัมมาสมาธิก็จะต้องปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์เป็นเหตุเป็นองค์ประกอบในการปฏิบัติไม่ใช่ไปนั่งหลับตาเป็นเหตุหรือนั่งหลับตาเป็นองค์ประกอบในการปฏิบัตินั้นไม่ใช่ต้องปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์
พ่อครูว่า…นี่ไปศึกษาให้ดีๆคำสอนของพระพุทธเจ้าการไปนั่งหลับตานั้นเป็นเรื่องนอกรีต อาตมาพูดจนกระทั่งไม่เกรงใจแล้วนะทุกวันนี้ ทุบหัวเอาทุบหัวเอาไม่รู้จะรู้สึกบ้างหรือไม่
ผลก็คือสัมมาสมาธิเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อท่านได้แสดงเส้นทางสู่สมาธิอีกอย่างหนึ่ง คือ การปฏิบัติจรณะ 15 เป็นเบื้องต้นอยากทราบว่าเส้นทางเข้าสู่สมาธิ 2 เส้นทางนั้นมีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
พ่อครูว่า…ไม่ต่างกัน เป็นแต่เพียงว่าองค์ประกอบที่สื่อให้รู้เป็นพยัญชนะภาษามันต่างกันเท่านั้นเอง แต่ถ้าโดยเนื้อแท้แล้วมันเหมือนกันจะบอกว่าเป็นมรรคทั้ง 7 องค์ก็ครบพร้อมอยู่แล้วทั้งในทุกอิริยาบถในขณะที่ทำงานอาชีพเรียกว่าสัมมาอาชีวะก็ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดสัมมาสมาธิเรียกว่าให้เป็นสัมมาอาชีวะซึ่งมี 5 ขั้นตอนมี 5 แบบอย่างนี้เป็นต้น สัมมากัมมันตะในการกระทำทุกอย่างการกระทำทุกอย่างก็ต้องให้สัมมาให้เกิดกรรมกริยาทุกอย่าง จะต้องมีความเป็นสัมมาที่ออกจากมิจฉาในการปฏิบัติ ศีล 3 ข้อ
วาจาในขณะพูดก็สัมมาก็พ้นมิจฉา 4 พูดเท็จ ส่อเสียด หยาบ เพ้อเจ้อ
สังกัปปะ 3 ก็ให้พ้นมิจฉา 3 คือ กาม พยาบาท วิหิงสา
ก็เข้าสู่การปฏิบัติทุกเวลานาที ทุกอิริยาบถ
ที่อาตมาอธิบายก็รวบเอาวิชชาจรณะสัมปันโน สรุปเลยว่า สมาธิจะเกิดได้นั้น เป็นการอธิบายคำสอนพุทธคุณ 9 คือ วิชชาจรณสัมปันโนจะเรียกว่าศีลสมาธิปัญญาก็ได้ จะเรียกว่ามรรคมีองค์ 8 ก็ได้ จะเรียกว่าโพธิปักขิยธรรมก็ได้ ถ้าเข้าใจสภาวะแล้วปฏิบัติอยู่ในอิริยาบถอยู่ในทุกกรรมกิริยาในทุกเวลาทุกอย่างในชีวิตที่เป็นอยู่
จรณะ 15 มี
-
ถึงพร้อมด้วยศีล . .
-
คุ้มครองทวารอินทรีย์
-
ประมาณในโภชนา
-
ประกอบความตื่น
หากขาดสามข้อนี้ก็ไม่ใช่การปฏิบัติของพุทธแล้ว ไปนั่งหลับตาไม่มีสังวรศีล สำรวมอินทรีย์ไม่มีการประมาณในบริโภค ไม่มีการตื่นเอาแต่หลับ ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ยืนยันแล้วว่าการปฏิบัติของผู้ต้องปฏิบัติแบบลืมตา มีการกระทำในปัจจุบันจนเกิดเป็นสังคมสาธารณโภคีอย่างนี้ยังมองไม่ออก ยังไม่รู้ว่านี่คือผลเป็นมรรคผลของศาสนาพุทธ ที่เป็นชาวอโศกนี้อยู่กันอย่างสบายทุกวันนี้ ก็เพราะได้รับอานิสงส์จากการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ามา รู้ไว้ซะด้วย ได้มาไม่ใช่เพราะคุณไปแย่งลาภยศสรรเสริญกับเขาและคุณปฏิบัติพุทธอย่างสัมมาทิฏฐิจึงได้มามีความสุขอย่างนี้ ความสุข คำนี้ก็ขอยืนยันว่ายืมคำว่า สุข มาใช้เท่านั้นคำว่าสุขนี้แปลว่า ว่างนั่นแหละดี สุ แปลว่า ดี ข แปลว่าว่าง
สู่แดนธรรมว่าใช้สัปปายะน่าจะดี
พ่อครูว่า..ที่นี่โควิดไม่มาเพราะมีโคคลาน หากหมอชีวกมาคงบอกว่าที่นี่ยาเยอะ เหลือแต่ไมยราพยักษ์นี่แหละจะมีคนมาวิจัยเอาไปทำยาได้หรือไม่นะ
อาตมาขออธิบายขยายความอีกทีว่า สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นจริงแล้วอาตมาเพิ่งได้คิดว่าสมาธิจริงๆของพระพุทธเจ้านั้นจะต้องปฏิบัติจรณะ 15 และวิชชา 8 ครบจึงจะได้จิตที่เป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นจิตใจที่เกิดเป็นผลจากจรณะ 15 วิชา 8 เป็นจิตที่บริสุทธิ์ มีความก้าวหน้ามากขึ้นในการสัมผัสสัมพันธ์กับโลกได้ก็บริสุทธิ์เหมือนเก่า แต่สามารถมีวิธีมากขึ้นในการรับสัมผัส ในสิ่งที่จะทำให้เราไม่บริสุทธิ์ทำไม่ได้ อสังหิรัง ไม่มีอะไรหักล้างได้ อวินิปาตธรรมไม่แปรปรวน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
นี่คือผลของจิตที่สามารถคงทน อเนญชา ไม่หวั่นไหวต่อโลก ที่จะมากระทบกระเทือนเลย ไม่ว่าโลกียะจะมาในรูปแบบไหน ใครจะปรุงแต่งอาวุธร้ายเอากิเลสมาแทรกก็สู้ไม่ได้ ทำให้กิเลสเข้าในตัวเราไม่ได้เลย นี่สุดยอดของพระพุทธเจ้า
สมาธิแปลว่าจิตแข็งแรงตั้งมั่นตกผลึกเป็นสมาหิโต เป็นจิตที่ตั้งมั่นแล้ว บริบูรณ์ เป็นอัตโนมัติ เป็นตถตา เป็นอย่างนั้นเลย Axiom
อาตมาสรุปสมาธิแท้ๆของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น หลักการปฏิบัตินั่งหลับตาไม่ได้เข้าท่าเลยไม่ได้ทำให้เกิดการเผากิเลสได้โดยไม่ยากไม่ลำบากซึ่งชั้น 4 มันไม่ใช่เลยคุณจะได้ทานจะต้องไปหาที่ไปนั่งหลับตาเข้าฌาน เป็นฌานที่ได้โดยยากโดยลำบากไม่ได้โดยไม่ยากไม่ลำบาก พูดปุ๊บก็ได้ปั๊บเดี๋ยวนี้ก็เป็นปั๊บเป็นฌานไม่ได้ คุณจะต้องไปหาสถานที่ คุณจะต้องไป แต่ถ้าคุณจะต้องไปดูลมหายใจเข้าลมหายใจออกอะไรอีก เฮ้อ ที่พูดก็เมื่อยแล้วนะไปทำก็เมื่อยใหญ่ไม่ใช่ฌานของพระพุทธเจ้า
2.อโสกสัมปวังโก ต่อ…ในหนังสือธรรมพุทธสุดลึก ได้ขยายอาริยมรรคข้อ 1 สัมมาทิฏฐิด้วยอาริยสัจ 4 แต่นักปฏิบัติธรรมชาวอโศกส่วนใหญ่เมื่อนึกถึงสัมมาทิฏฐิมักจะนึกถึงสัมมาทิฏฐิที่เป็นสาสวะ 10 ข้อ อยากให้พ่อท่านให้ความกระจ่าง สัมมาทิฏฐิที่เป็นสาสวะ 10 ข้อ คือองค์ธรรมขยายสัมมาทิฏฐิ
พ่อครูว่า…เป็นภาษาขยายความเกี่ยวเนื่องให้รู้สภาพแวดล้อม
สัมมาสมาธินั้นเกิดจากการปฏิบัติมากทั้ง 7 องค์ที่รวมไปแล้วทั้งหมดของชีวิตคุณจะต้องทำอาชีพทำกรรมกริยาต่างๆที่จะต้องพูด คุณจะต้องคิดรวมไปหมดแล้วเป็นแต่เพียงว่าคุณจะต้องรู้ว่าถ้าจะปฏิบัติเราก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิ 10 เป็นตัวเงื่อนไขอะไรเงื่อนไขอันนี้แหละที่ยิ่งใหญ่สัมมาทิฏฐิ 10 เพราะฉะนั้นอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 อาตมาอธิบายทุกวันนี้บอกว่าเป็น สาสวะ 10 ก็ใช่ เพราะมาถึงตรงนี้แล้ว แต่ก่อนนี้พูดหัวข้อ มรรคองค์ 8 ปฏิบัติมรรค 7 องค์มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน แล้วก็ต้องปฏิบัติในขณะทำงานอาชีพการกระทำ ขณะพูดขณะคิด แล้วก็ทำด้วยการมีสติและความเพียร เป็นองค์ประกอบที่ช่วยกับสัมมาสมาธิ โดยสติ โดยวายามะ ช่วยกันทำให้อาชีวะเป็นสัมมา ช่วยให้กัมมันตะเป็นสัมมา ช่วยให้วาจาเป็นสัมมาช่วยให้สังกัปปะเป็นสัมมา แล้วก็ได้ผล จิตสะอาดตกผลึกเป็นสัมมาสมาธิ
สัมมาทิฏฐิ 10 เป็นรายละเอียดของการปฏิบัติเข้าไปอ่านจิต และต้องรู้ความหมายของ 10 อย่างนี้ถ้าไม่รู้ความหมายของ 10 อย่างนี้คุณก็ทำไม่ได้ตลอด ทำไม่บริบูรณ์
เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) ทานแล้วต้องมีผลลดกิเลส แต่เขาสอนกัน ทานแล้วต้องได้อะไรกลับมา ทานแล้วให้เฉพาะญาติฉันนะ เธอไม่ใช่ญาติฉันนะ ทำไมขี้เหนียวใจไม่กว้างเลย เปรตอื่นก็ไม่ให้ วิจารณ์ให้หนำใจไป คือมันเลอะเทอะกันมาก
ทานอันเดียวนี่ก็ปฏิบัติกันทุกวันนี้ออกนอกรีตไม่ได้ผลตามพุทธ ทานกันไป กรรมมีพิธีกรรมต่างๆนานาสร้างภพชาติสร้างวิธีการสร้างความหลอกล่อสร้างวิมานอะไรต่ออะไรมาหลอกให้ทานออกไป ทานแบบปิดบัญชี ใจดำชิบหายเลย โอ้โหยุให้คนอื่นเขาทำทานกับตัวเองตัวเองให้หมด คนอื่นจะตายปิดบัญชีเลยก็ไม่สนใจ คนอะไรเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวขนาดหนัก เป็นพระเป็นเจ้าพูดอย่างไม่ขายหน้าเลย เขาบอกว่าทำทานปิดบัญชีเลยมีเท่าไหร่ให้หมดคนอื่นจะฟังรู้เรื่องไหม จะไม่ให้เขากินเขาอยู่เลยหรืออย่างไร มีเท่าไหร่ขนมาให้กูให้หมดธัมมชโยเอ๋ย ทำไมทำไมเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวขนาดหนัก ไม่เคยพบไม่เคยเห็นก็ได้พบได้เห็นหนอในชาตินี้มนุษย์เอย นี่ก็วิจารณ์ความจริงให้ฟัง คนเรามันหน้าด้านไม่อาย แล้วคนก็ไปศรัทธาเลื่อมใสยกย่อง ทำไมถึงงมงายกันขนาดนั้น นี่แหละสังคมโลกมองไม่เห็นไม่รู้เรื่องอะไร
2.ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
ท่านก็แปลว่าสังเวยที่บวงสรวงแล้วมีผล ก็เป็นสำนวนโบราณของเดียรถีย์ จริงๆแล้วก็คือวิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้ลดกิเลส เพราะฉะนั้นวิธีการน้อยเท่าไหร่ที่จะปฏิบัติธรรมให้สู่จุดสำคัญในการกำหนดวจีกรรม มโนกรรมแล้วอ่านกิเลสให้ออก วิธีปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วตากระทบกระทบเสียงนี่แหละคือวิถีของพระพุทธเจ้า และอ่านให้ทันอ่านเวทนาในเวทนา แยกเวทนาออก ตัณหาเกิดจากเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาทำให้เกิดเวทนา อ่านออกจากตัณหาได้ก็ล้างตัณหาเสีย กำจัดตัณหา อาการตัณหาเป็นอย่างไรเป็นกามตัณหาอย่างนี้เป็นต้น ล้างให้หมดหมดกามตัณหาก็เหลือภวตัณหาที่เป็นรูป อรูปก็ล้างให้หมดจนไม่เหลือตัณหาเลย เป็นวิภวตัณหาก็จบ
เขาไปมีวิธีมากมาย กลายเป็นรัฐพิธี ออกนอกรีตไปไกล อาตมาสงสาร ไปฟังพระสวดมนต์เป็นนายกฯ องคมนตรีก็นั่งให้พระสวดไปเถิด บางคนก็ผงกแล้วผงกอีกเห็นใจสงสาร พาออกนอกรีตทรมานทรกรรมกันจริงๆ สงสารศาสนาพุทธที่ทำการทรมานมนุษย์จะรู้ตัวจะลดละเลิกรากันบ้างไหม มาเป็นชาวอโศกนี่ สบม ธมด ปกต หห จจ มชยลล
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน
พ่อครูว่า..ต่อสัมมาทิฏฐิ ๑๐
ทานไม่มีผลไม่ได้อานิสงส์ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ยิฏฐังก็ไม่มีผลปฏิบัติ ปฏิบัติไตรสิกขาก็ไม่ได้ผลตาม ศีล สมาธิ ปัญญา มันไม่ได้เข้าเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าเลย คุณจะปฏิบัติศีลก็ต้องเข้าไปอ่านถึงจิต ไม่ใช่ปฏิบัติอย่างที่สอนกันแค่ว่าคือการสำรวมกายวาจาส่วนสมาธินั้นก็ไปนั่งหลับตา นี่แหละไปฉีกธรรมะพระพุทธเจ้า ฉีกสัจธรรมของพระพุทธเจ้าหมด ทำลายศาสนาทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าหมดเลย ซึ่งมันไม่ถูก ศีล สมาธิ ปัญญานั้นแยกกันไม่ได้ เพราะว่าศีลแล้วก็ต้องมีการอ่านจิตอย่างเช่นศีลข้อที่ 1 คุณจะไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ เกี่ยวข้องกับคน ก็มีเมตตาเกื้อกูลไม่ทำร้ายทำร้ายหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่จริงไหม เกื้อกูลกันจริงไหมหรือว่าคุณเองก็ต้องฆ่าต้องเบียดเบียน ดีไม่ดีไปกินเนื้อมันอีกเขาบอกว่าอร่อยดี ดูโทรทัศน์ เห็นคนที่เขาไม่ประสีประสาเขาก็ไปจับปูจับปลาเอามากิน กินกันสดๆพวกที่อยู่ในทะเลจับปลาอะไรมากิน วันนี้ก็ดูจับปลาหมึกเป็นๆมากิน หรือว่าจับปลามาแล่เนื้อกินสดๆ ไม่ได้รู้เขารู้เรา เขาก็มีชีวิตได้เราก็มีชีวิตก็ไม่รู้ จึงเป็นเรื่องที่ยากซึ่งคนในชาวพุทธก็ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย
ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ไม่รู้เรื่องซึ่งผลของการปฏิบัติที่เรียกว่า ยิฏฐัง เขาก็แปลกันไม่รู้เรื่อง เขาแปลกันว่าสังเวยที่บวงสรวงแล้ว ที่จริงก็คือการปฏิบัติทานก็ดีการปฏิบัติศีลก็ดีในข้อ 1 และข้อ 2 ของสัมมาทิฏฐิ 10 ที่ทำแล้วปฏิบัติแล้ว ยิฏฐัง มันมีผลไหมนี่คือหุตัง คือพยัญชนะก็อยู่ในภาษาโบราณภาษาที่อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องอาตมาก็ขยายเป็นภาษาไทย
หมายถึงว่า วิธีปฏิบัติ ปฏิปทาต่างๆ มันได้ขัดเกลากิเลสไหมในข้อ 3 นี้ก็ต้องอ่านดู มันลดละจางคลาย วิราคานุปัสสี นิโรธานุปัสสี หรือไม่
แล้วแล้วคุณถึงจะปฏิบัติธรรมะได้ถูก ถ้าหากไม่เข้าใจในสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อที่ 1.. 2.. 3 ปฏิบัติไม่ถูกแล้วจะไปปฏิบัติข้ออื่นได้อย่างไร ขนาดข้อต้นเป็นประธานก็ยังไม่รู้เรื่องแล้ว
ข้อที่ 4 อันนี้แปลเป็นโลกุตระแล้วนะ ถ้าไปแปลเป็นโลกียะก็บอกว่าผลวิบากของกรรมที่ทำชั่วแล้วมีแน่ ไม่ใช่ มันเลยความดีความชั่ว แต่มันลดกิเลสเป็นโลกุตระ อธิบายนั้นเป็นโลกียะก็เลยวนเวียนอยู่กับโลกโลกียะเลยไม่ไปไหนเลย
ผลของวิบากคือทำกรรม สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก คุณทำสุขหรือทุกข์ก็ด้วยกรรมของคุณ คุณทำแล้วผลของมันสุขหรือทุกข์
สุขก็คือมันเป็นโลกุตระทุกข์มันไม่เป็นโลกุตระ สาระสัจจะมันเป็นเช่นนี้
คุณรู้กรรมวิบาก คุณทำแต่กรรมโลกีย์ก็แปลกันแต่วนในโลกีย์
เช่นแปล สัพพปาปัสส อกรณัง ไม่ทำชั่ว กุสลสูปสัมปทา ทำแต่ดี สจิตตปริโยทปนัง ทำจิตให้ผ่องใส ก็แปลแบบนี้วนเวียน โลกียะ
แต่โลกุตระคือ บาปท่านไม่มีเด็ดขาด สัพพปาปัสสอกรณัง ไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่มีกิริยาของท่านที่เป็นบาปอีกเลย ถ้าท่านยังทำอะไรอยู่ก็ กุสลสูปสัมปทา ทำกรรมอะไรก็มีแต่ดี เพราะจิตทำได้ถาวรยั่งยืนแล้ว สจิตตปริโยทปนัง นี่คือแปลโอวาทปาติโมกข์อย่างโพธิรักษ์ คนมีภูมิอย่างไรก็แปลอย่างนั้น คนที่ฟังจะรู้เรื่องดีอันไหนก็เอาอันนั้น ไม่มีปัญหาอะไร ก็เอาที่คุณเห็นว่าดี คนที่ฟังอาตมายังไม่รู้เรื่องยังไม่เห็นว่าดีก็ไม่ต้องเอา อาตมาพูดให้คนรู้เรื่องทำได้ ก็เอาอันนั้น อาตมาไม่เก็บค่าสอนค่าบรรยายธรรมฟรี
ยิ่งไปกว่านั้น เลยจากกัมมานังแล้ว
6.โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา)
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา)
-
. สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา)