630313_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สมาธิพุทธและสัญญา 10 สองสูตร
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1QCBObcmpfvwboROQxsJNXFo82aO9C8fp9A2GV537sKQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=18ngGOBGmlzeRs1m7DlfQKqAyRjBSHqjd
สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้คนกลัว โควิด 19 กันทั่วโลก จีนบอกชนะแล้ว อินเดียบอกปิดประเทศ
ทีมงานหมอและพยาบาลสุขภาพบุญนิยมและสมณะกองเลขาฯพ่อครู
จึงได้ออกประกาศ มาตรการดูแลและป้องกันพ่อท่าน ระยะสั้น (ช่วงวิกฤตของการระบาดไวรัสโควิด)
(เนื่องจาก คนที่ติดโควิด 19 จะมีโอกาสเสียชีวิตได้มากขึ้น หากเป็นอายุมากมีโรคประจำตัว)
1) งดการขอเข้าพบพ่อท่านจากบุคคลภายนอก เว้นมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ขอให้ใส่ หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เข้าพบ
2) งดบุคคลภายในที่มีอาการป่วย มีไข้ ไอ เป็นหวัด เจ็บคอ เข้าพบพ่อท่าน
3) ก่อนขึ้นมาที่ชั้นสี่ ให้ล้างมือด้วยสบู่และฟอกตามหลักอนามัยอย่างน้อย 20 วินาที และเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสี่ ให้ฟอกมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าห้องพ่อท่าน
4) ผู้ที่มาขอเข้าพบพ่อท่าน ขอให้อยู่ห่างจากท่าน อย่างน้อย 2 เมตร หากเข้าใกล้กว่านั้น ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย
5) หากมีการถวายของ ให้ทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ก่อนถึงมือพ่อท่าน
6) หมั่นทำความสะอาดบริเวณพักอาศัยและที่ทำงานของพ่อท่าน รวมถึงประตูและมือจับประตู ปุ่มลิฟต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ รีโมททีวี ด้วยแอลกอฮอล์
7) ขอท่านปัจฉาสมณะที่ติดตามพ่อท่าน เมื่อออกจากที่พัก/ที่ทำงาน ให้พกแอลกอฮอล์เจล 70% ขึ้นไป ติดตัว และใช้ล้างมือพ่อท่านและสิ่งของ เมื่อพ่อท่านจำเป็นต้องสัมผัสวัตถุสาธารณะ เช่น ราวจับ ลูกบิด ฯลฯ ให้พ่อท่านใส่หน้ากากอนามัยในที่คนหนาแน่น และให้ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นระยะๆ และคอยเตือนถ้าพ่อท่านจะเผลอใช้มือสัมผัสที่หน้า เตรียมถุงมือไว้ใช้ในกรณีที่ปัจฉาเห็นเหมาะสม
8) สำหรับสถานที่รับแขกจากบุคคลภายนอก ขอให้ท่านปัจฉาพิจารณาจัดบริเวณที่เหมาะสม เพื่อทำความสะอาดได้ง่าย งดรับแขกภายในห้องพักและห้องทำงาน
จากทีมงานหมอและพยาบาลสุขภาพบุญนิยมและสมณะกองเลขาฯพ่อครู
พ่อครูขอบคุณที่ช่วยกันดูแล
พ่อครูว่า…ขอบคุณอย่างยิ่ง ทำให้พลอยลำบากลำบนกันถึงขนาดนั้น ก็เป็นความหวังดีแต่ละผู้แต่ละคนมีอะไรดูแล ว่าไปแล้วอาตมาว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็คำว่าศักดินานี่นะ ทุกคนคงพอเข้าใจมากน้อยก็แล้วแต่ อาตมาไม่ได้อยากจะเป็นผู้ที่มีศักดินาอะไรกับตัวเองเลย ก็ทุกคนก็ควรรู้ แต่แล้วมันห้ามไม่ได้ สิ่งที่สำคัญก็คือความจริง ความจริง ถ้าเราเองเป็นคนที่เขาเห็นว่ามีค่าเป็นคนที่จะต้องระมัดระวังดูแลรักษาอย่าให้ตายง่าย อย่าให้ป่วยให้เจ็บอย่าให้อ่อนแอเพื่อจะได้เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ช่วยกันรักษาไว้เพื่อที่จะให้เป็นผู้ที่ได้ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติได้มากยิ่งขึ้น ได้มากเท่าไหร่ก็ควรจะได้มากยิ่งขึ้น มันเป็นเจตนาดีและก็เป็นความจริงถ้าเราเองเราจะทำเป็น สะดิ้ง ว่าห้ามยกฉัน นี่ศักดินา ฉันก็จะเป็นเหมือนกับใครๆก็ได้คลุกคลีเกี่ยวข้องเละเทะไปหมด ดูแล้วมันก็ไม่สมควร มันเป็นการสะดิ้ง แอคอาร์ท ทำดราม่าเกินไป มันก็ควรจะเหมาะสมตามความเหมาะสม (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) ความจริงเราเป็นคนมีคุณค่าเป็นคนมีประโยชน์พอสมควรที่เขาจะรักษาดูแลไว้ ให้ทำประโยชน์แก่เขา มันก็ดีมันก็สมควรแก่ฐานะอย่างนี้เป็นต้น
อาตมาพยายามพูดให้ง่ายชัดๆช้าๆ ให้เห็นว่าคำว่าเหมาะสมหรือสมควรพยัญชนะคำนี้บาลีคือ ปโหติ คือเหมาะสมพอเหมาะพอควรลงตัวอย่างดีที่สุดเลย ที่ในหลวงท่านใช้คำกลางๆว่า พอเพียง มันเหมาะสมที่คุณจะเอาแค่นี้แหละตามเหตุปัจจัยตามกาลตามฐานะ เป็นองค์ประกอบที่ได้ประมาณนี้ ก็ช่วยกันไปพยุงกันไป คนที่เสียสละสามารถทำได้แข็งแรงกว่ามีมากกว่าก็ช่วยพยุงกันไปช่วยกันไป มันเป็นธรรมดาธรรมชาติที่คนที่มีมากแข็งแรงมากก็ช่วยผู้ที่มีน้อยกว่าแข็งแรงน้อยกว่าก็เป็นธรรมดา ไม่ควรใจดำไม่ควรเห็นแก่ตัวไม่ควรเอาเปรียบเอารัด เสียสละ เป็นคนที่ได้เสียสละมากกว่าสรุปแล้วเราเป็นผู้ที่ได้เสียสละมากกว่า
คุณนั้นได้เป็นผู้ที่มีคุณค่าประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างแท้จริงถ้าเป็นผู้ที่ได้เสียสละไม่เอาเปรียบเสมอ มันเป็นผู้ที่ไม่สมควรจะว่ามันเสียหายมันเป็นความเลว แต่ผู้ที่ได้เสียสละให้แก่ผู้อื่นมากโดยที่ตัวเองไม่ทรุดไม่เสื่อม แม้จะหนักจะเหน็ดเหนื่อยก็ไม่เป็นที่ทำให้ทรมานทรกรรม ทำให้ไปไม่ออกมีแต่จะชำรุดลงไป มีแก่มีแต่เสื่อมมีแต่ทรุด ก็ไม่ใช่ มันก็มีอุปจยะ มีความเจริญความเกิดได้พอสมควรก็ควรทำ
มันก็ถึงเวลาวาระ ก็เอาเถอะ ที่ต้องเสื่อมไปหยุดพักจบ ตาย ก็เป็นเหตุปัจจัยตามกาละเทศะอันเหมาะควรแล้วก็เอา แต่ถ้ามันยังไม่ควร พอที่จะช่วยประคองทำให้เป็นประโยชน์ต่อไปได้อีก ไม่ดูหนักหนา ไม่ดูย่ำแย่แล้วก็ควรดูแลกัต่อไป
อาตมาว่าขันธ์ขณะนี้องค์ประกอบขณะนี้ก็น่าจะประคองไปได้ ก็น่าจะคุ้มประโยชน์ที่จะอยู่ อาตมาว่าอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นใครที่จะมาช่วยอย่างโน้นอย่างนี้ก็ขอบคุณอย่างยิ่ง ก็มีคนช่วยอยู่มากมาย บางทีก็ปฏิเสธบางทีปฏิเสธแล้วก็เห็นใจเขาเหมือนกันว่าเหมือนเขาไม่มีค่าหรืออย่างไร บางทีมันเกินพอมันมากมันเหลือมันล้นไป ก็ต้องขออภัยจริงๆ มันจะทับถมตายเหมือนกัน ก็เอาแต่พอเหมาะพอควร
สรุปให้ได้ก็คือผู้ที่จะช่วยดูแลเกื้อกูลรับจุนเจือก็เป็นไปด้วยดีอยู่แล้วก็ขอบคุณเป็นอันมาก
SMS วันที่ 11 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ)
สมาธิของพระพุทธเจ้า
_Keng Ratchanee เก่ง รัชนี : ขอบคุณมาก อยากเข้าใจสมาธิที่ไม่นั่งหลับตา แต่ฟังอย่างไงก็ไม่เข้าใจว่าสมาธิแปลว่าอะไร กราบขอบพระคุณมากๆ
พ่อครูว่า…ฌานวิสัย เป็นอจินไตยไม่ใช่สามัญ
อย่างสามัญที่นั่งสงบนิ่ง ไม่หายใจได้ยิ่งดี ให้นิ่งให้หยุดมันก็ง่ายๆ เรียกโลกียสมาธิ พาทำกันทั้งโลก มีวิธีการใดก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะกายกรรมให้นิ่ง วจีกรรมก็เงียบไม่พูดให้ได้ยินเสียง หนักเข้าก็หายใจให้เบาอ่อน คิดก็ไม่ให้คิดให้เฉย มันก็ประตูเดียวถ่ายเดียวระนาบเดียว แล้ววิธีทำกี่วิธีก็แล้วแต่ กี่อาจารย์ก็หาวิธีกำกับให้ไปสู่จุดหมายที่เข้าใจนี้ เขาก็ทำกันมากมาย สรุปแล้วเป็นกี่วิธีก็แล้วแต่ที่จะให้ได้สมาธิอย่างที่หยุดจะให้ฟุ้งซ่านให้หลับไม่ฟุ้งซ่านให้หรี่หลับเป็นหลักฟังดีๆ ความไม่ฟุ้งซ่านความหรี่หลับไม่ออกกำลังกายแรงๆไม่ออกเป็นวาจาที่แรงมันก็หลับ แต่ สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้หมายเอากายกรรมไม่แรงไม่ฟุ้งออกไปมากหรือไม่หลับต้องมีสติเต็มร้อย ของพระพุทธเจ้านั้นเอาที่กิเลสไม่มี ถ้าจิตมันจะสงบมันก็คือกิเลสหมดแรง กิเลสลดความแรงลง จนกระทั่งกิเลสไม่มีกิเลสหมดฤทธิ์เลยตายสนิท นั่นคือสรุป
แสดงภาพที่ประโยชน์ควรจะแรงจะพูดดังเท่าที่ควรจะพูดให้เป็นประโยชน์ จะคิดอย่างเร็วอย่างไวอย่างแรงตามเท่าที่คุณเองไม่เดือดร้อนก็คิดไปเลยไม่ว่าจะอย่างไรก็คิดได้คือไม่มีกิเลสนี่คือประเด็นโดยไม่มีกิเลส
สำคัญที่สุดคือคุณต้องอ่านอาการกิเลสที่มันทำตัวเป็นจิต เป็นตัวเรา เป็นเจ้าของเราเลยเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันคือกิเลสนี่แหละ อ่านอาการกิเลสนี่แหละให้ออกมันเป็นนามธรรมจิตของเรามันเป็นนามธรรม อ่านให้ออก ตั้งแต่จับตัวมันให้ได้ตั้งแต่หยาบๆ เป็นราคะโทสะหรือขี้โลภ หรือโกรธ หลงนั่นคือมันแยกยากมันโง่ หลงใหลมัวเมาก็อย่าให้มัวเมาหลงใหลงมงาย ไม่มีความตื่นเต้นไม่มีความงมงาย ที่สำคัญคือที่อาการความดูดกับความผลักอาการโกรธกับอาการรัก อาการทั้งสองนี้ให้ชัดแล้วให้มันลดลงจนไม่โกรธเลย นี่เป็นทำให้ได้ก่อนมันไม่มีประโยชน์อะไรในอาการความโกรธ เรื่องรัก ยังมีประโยชน์บ้างเป็นการเกื้อกูลช่วยเหลือเป็นการคบหากันมีประโยชน์แก่กันและกัน ในเรื่องรักมีความซับซ้อนที่สำคัญมาก
ประโยชน์ที่เราจะทำประโยชน์เราจะรักหรือไม่รักเป็นภาษาสื่อ แต่เราเองเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดี มีเจตนามีความมุ่งหมายที่จะทำประโยชน์ให้แก่เขา ให้ได้รับความเรียบร้อยให้ได้รับความเจริญให้ได้รับความสุข จะเรียกว่าสุขก็ตามก่อนเป็นความสุขที่มันควรจะเป็นสุข ไม่ใช่ความสุขที่ประคบประหงมหมักหมมไปด้วยกิเลสเป็นสุขที่จัดจ้าน แต่เป็นโลกุตระเป็นความสุขสงบเป็นความสุขที่ลดกิเลสได้เป็นลำดับ จนกระทั่งไม่มีกิเลสเลยเป็นความสุขสงบที่เป็นอุเบกขาเลย
ที่พูดไปนี้เป็นภาษาที่พูดไปไม่มากเท่าไหร่ แต่มีความละเอียดไปเรื่อยๆให้ผู้ที่ศึกษาได้เข้าใจตามตั้งใจศึกษาเอาจริงคนที่มีปฏิภาณปัญญาเห็นจริงรู้ว่าอย่างนี้แหละดีควรไปสู่จุดสูงสุดที่พระพุทธเจ้า ถ้าเป็นผู้เชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้าท่านให้เป็นคนแบบนี้เป็นพระอาริยะเป็นคนโลกุตระยอดที่สุดแล้ว ศึกษาให้ดีและทำไปตามฐานะของเราที่ควรจะทำปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ทำไปได้เรื่อยๆ
สรุปแล้ว จิต ที่เรียกว่าเป็นสมาธิ ที่เขาถามว่าจิตนั่งหลับตาสมาธิเป็นการสะกดจิตให้มะลื่อทื่อ ศาสนาพุทธไม่เอาไม่ใช้ มันมีอยู่ครองโลก คนที่อวิชชาไม่รู้จักสมาธิแบบโลกุตระก็ทำกันอยู่ทั่วโลก เลิกได้ไม่ต้องแยแส เพราะว่ามันฉุดด้วย เสียเวลา นอกจากคนที่จำเป็นต้องอาศัยมัน ถ้าคุณไม่อาศัยก็ไม่ได้เลยคุณจึงต้องอาศัยมัน
แต่ถ้าผู้ที่เข้าใจแล้วไม่ต้องอาศัยก็มาเรียน ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วมันจะสะสมเป็นคุณธรรมตกผลึกมากขึ้นแข็งแรงขึ้นมาเองอย่างได้สัดส่วน ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะไม่ได้สมาธิที่เป็นสมาธิที่ยิ่งเป็นจิตตั้งมั่นยิ่งเป็นจิตที่สะอาดปราศจากกิเลสเท่าใดๆ เป็นจิตยิ่งคล่องแคล่วยิ่งปราดเปรียวแววไว
ทางกายก็เป็นกายปาคุญญตา ทางจิตก็เป็นจิตปาคุญญตา คือแคล่วคล่อง เวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ แคล่วคล่อง แม้การเคลื่อนไหวเป็น กายวิญญติ วจีวิญญัติก็แคล่วคล่อง ทุกวันนี้อาตมาพูดไม่เร็วไม่ไวเหมือนเมื่อก่อนอายุ 30 40 นะ ใครเอาเทปเมื่อก่อนมาฟังดูฟังแทบไม่ทันหรอกเร็วไว จะหยุดไม่ไหลก็ได้ แต่อาตมาสังขารไม่ให้เร็วก็ได้ และก็เห็นควรว่าโลกุตระธรรมเราลึกซึ้งจะไม่ละเอียดก็เอาแบบไปช้าๆดีกว่าให้เหมาะสม
แล้วสมาธิของพระพุทธเจ้าเป็นจิตตั้งมั่นปฏิบัติแบบลืมตาไม่หลับตาเลย ตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่หลับตาในศีลข้อที่ 1 แล้วก็มีปัญญาปฏิบัติเข้าใจให้ดีให้ถูกต้อง แล้วก็ปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ให้มีสัมผัสแล้วเกิดการสัมผัสและเกิดเวทนาในเวทนา มีกิเลสผสมที่จะเป็นตัวเสริมเอาออกให้ได้ มีตัวตัณหาก็อ่านออกให้ได้ ล้างด้วยการกดข่มก็ยังพอบรรเทา แต่ต้องล้างด้วยปัญญา กิเลสมันจะกลัวปัญญา เป็นความฉลาดที่รู้เท่าทันกิเลสมัน ทำให้กิเลสลดละจางคลายพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองมันจะต้องระงับได้ด้วยความมีปัญญาอันยิ่ง ไม่ใช่ไประงับด้วยวิธีกดข่มล่อหลอกหรือชะลอไว้ไม่ใช่ มันจะมีฤทธิ์อำนาจของความรู้ปัญญาความชัดเจนความจริงชนะ
พอพูดถึงอันนี้แล้วอาตมานึกถึงที่เราไปใช้ปัญญาใช้ความจริงไปประหารรัฐบาลได้เอาประชาชนไปทำรัฐประหารรัฐบาลได้ถึง 4-5 รัฐบาล โดยใช้ความจริงความสงบความถูกต้อง และก็พยายามให้คนเกิดความเข้าใจเกิดปฏิภาณปัญญาว่าคุณแพ้คุณผิดนะคุณไม่ถูกต้องนะ คุณอย่ามาทำต่อต้านอย่ามาทำเป็นยกตัวเองขึ้น คุณควรถอยไปควรแพ้ควรเลิกควรหยุด เพราะฉะนั้นศัตรูยอมแพ้เพราะอำนาจของความถูกต้องอำนาจของความจริงที่เขาต้านทานไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นความซับซ้อนในแผ่นดินไทยมากกว่า ความสงบไม่ได้รุนแรงเลยเขามีมีดมีปืนมีระเบิดอะไรเข้ามาทำ จนกระทั่งเขาไม่กล้าทำ หรือแม้เขาจะถูกสั่งให้ทำคนอื่นๆที่เป็นลูกน้องก็จะไม่กล้าทำ เพราะเขามีใจ มีปัญญา มีภูมิธรรม รู้ว่าอย่ามาทำกับคนที่ดี มาทำสิ่งที่ผิดให้แก่คนถูก เกิดภูมิปัญญาละอายที่จะทำสิ่งที่ผิดที่จะไปเสริมพลังหนุนบัลลังก์ให้แก่คนผิดประชาชนทั้งหลายแหล่เป็นลูกน้องเขาเอง ก็ไม่เอาด้วยจนสุดท้ายลูกน้องก็ละอายแม้ว่าจะเอาอำนาจเงินอำนาจฐานะตำแหน่งหน้าที่อะไรก็แล้วแต่ก็ไม่ได้ จนหมดฤทธิ์หมดอำนาจทั้งเงินทองและอำนาจแห่งอำนาจก็ไม่สามารถทำให้คนมาทำอะไรได้ ตัวเองนั้นเป็นผู้บงการอยู่ข้างหลังสั่งการอยู่เท่านั้น ที่บอกว่าเสียงปืนดังผมจะมาเดินนำนี่ขี้โม้
ประเทศไทยนั้นประชาชนมีปัญญา อำนาจของประชาชนจึงรวมกันไปขจัดสิ่งที่เลวร้ายนี้ออกไปได้ นี่คือประชาธิปไตยไทย มีหลักฐานยืนยันซึ่งถ้าใครเก็บรายละเอียดมีทั้งเป็นวีดีโอมีทั้งเป็นจดหมายเหตุเก็บไว้ให้ดีเลยในอนาคตจะมีค่ามากเลย ตอนนี้เขายังไม่เห็นคุณค่าเท่าไหร่ แต่เขาจะเห็นคุณค่าของประชาธิปไตยไทยที่ได้เกิดปรากฎการณ์จริงขึ้นมาแล้วรัฐบาลทักษิณไป รัฐบาลนอมินีที่เป็นคุณสมัครก็ไป รัฐบาลคุณสมชายก็ไป รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไป หมดเลยแล้วเขาก็พยายามจะปั้นใครขึ้นมาอีกยังไม่เป็นตัวเป็นตน
พวกเรามีตายไปเล็กน้อยก็มีบ้าง ต้องขอบคุณยกย่องนับถือ น้องโบว์ก็ดี สารวัตรจ๊าบ ก็ดี ที่เป็นตัวรับเคราะห์ไป แม้แต่ผู้บาดเจ็บพิการก็ต้องขอบคุณอย่างยิ่ง
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ของประเทศชาติซึ่งเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ สรุป จิตวิญญาณหรือปัญญาของคนประชาชนคนไทยมีจิตวิญญาณที่มีปัญญาได้ร่วมกันทำรูปแบบของประชาธิปไตยที่เข้ามาเอาอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชนมาร่วมกันต่อสู้ด้วยความสงบเอาความจริง โดยมีปรัชญาว่ายาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปไขความจริงออกมาให้มากๆหมดเป็นอาวุธหลักเลย ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไป ยาวนานใช้เวลาเป็นปีๆอาตมาจำได้ออกไปตั้งแต่พุทธศักราช 2549 กว่าจะจบก็ 2557 เป็นเวลา 8 ปีออกไปตั้งแต่ 2549 จบเรียบร้อย 2557 ใช่ไหมแล้วก็นายกตู่ขึ้นมา
ซึ่งนายกฯตู่ไม่ได้ เป็นคนปฏิวัติไม่ได้ทำรัฐประหาร นายกตู่มาเดินตามรูปแบบตามยูนิฟอร์มของประชาธิปไตยเรา เมื่อจะยึดอำนาจก็พูดเบาๆเพราะว่าคนที่จะถูกยึดอำนาจไม่มีอำนาจอะไรแล้วโดยสัจจะสภาวะก็คือมารับหน้าที่ต่อ เพราะเป็นผู้ที่ควบคุมความสงบของประเทศอยู่แล้วก็ดำเนินมาประชาชนเห็นว่าเหมาะสมแล้ว นายกตู่ทำไปเลยตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้งจนกระทั่งมาเลือกตั้งอีกประชาชนก็ยังให้คะแนน จนกระทั่งพวกที่จะโค่นล้มก็เห่าเห่าไว้มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของประชาธิปไตยที่ต้องมีฝ่ายค้าน และฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้หรอกฝ่ายค้านก็มีว่าอย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นที่เราทำกันด้วยการมีคำขวัญต่างๆว่า “สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น” ขึ้นป้ายไว้กลางสนามรบเป็นฉากของเวทีเลย แล้วเราก็กระจายความจริงอันนี้แล้วเราก็พูด ใช้เป็น สันติอหิงสาซื่อสัตย์บริสุทธิ์ประพฤติให้เห็นความลึกลับแห่งความแม่นประเด็นก็ตาม เพื่อที่จะเอามาเป็นเครื่องยืนยันต่อสู้ นี่คือเครื่องมือการรบ นี่คืออาวุธ ธรรมาวุธของเราที่ใช้ รวมแล้วเป็นความสงบเป็นการชนะที่ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องของภูมิปัญญาของมนุษยชาติที่ประชาชนรวมกันมากกว่า ประชาชนอีกหมู่มีน้อยกว่าแม้จะมีอำนาจของปืนอำนาจของอาวุธอำนาจเงินทอง แอ็คไม่ขึ้น มือเปล่าชนะ จิตวิญญาณบริสุทธิ์ชนะ ความถูกต้องชนะ นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่คนจะเข้าใจโลกจะเข้าใจประชาธิปไตยที่ทำรัฐประหารด้วยธรรมวุฒิอย่างนี้เขาจะค่อยๆเข้าใจ มันเป็นไปแล้วไม่ใช่เรื่องมุขขึ้นมาแล้วก็ไม่ใช่รัฐบาลเดียวจริงๆมีถึง 5 รัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วยเป็นแต่เพียงว่าประชาธิปัตย์เขาไม่ได้ทำผิดแต่เขาก็ทำไม่ได้เรื่องจะมาพังส้วมเราอย่างนี้เป็นเพื่อนเมื่อเราไปประท้วง ส้วมพราวรุ้ง ชื่อเท่ เพราะว่าเอาพลาสติกหลากสีมาทำผนัง ข้างฟุตบาท แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็สั่งมาให้รื้อ สั่งให้ผู้การแต้มมารื้อ บอกว่ากีดขวางทางเท้าซึ่งเราเองก็ขอใช้ขี้ใช้เยี่ยวหน่อย
เรื่องเหล่านี้เป็นสงครามของความซื่อสัตย์บริสุทธิ์ปรารถนาดี เป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่าเหมาะควรกว่าที่จะชนะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากมายเลยในสงครามอย่างนี้เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ในมนุษยชาติ เพราะว่ามนุษย์ยุคนี้จะต้องมาเป็นอย่างนี้ ในโลกก็มีคิมจองอึน โดนัลด์ทรัมป์ซึ่งยังตกยุคอยู่เยอะ แม้แต่ตะวันออกกลางก็ระมัดระวังเอาไว้ แม้แต่รัสเซียก็ยังมีอยู่หรือในจีนใหญ่ก็ตาม เราก็สร้างแต่ธรรมาวุธนี้ให้ยิ่งใหญ่เพราะคนมีแนวโน้มมีเทรนด์ที่จะมาเห็นคุณค่าอันนี้ยิ่งกว่าอาวุธปืนอาวุธมีดอาวุธความรุนแรงพวกนี้มันเขาเลิกแล้วล่ะลุง ลุงแซม ลุงทรัมป์เขาเลิกแล้ว
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท
พ่อครูว่า..หากยาวไปแล้ว ความจริงมันไม่แท้ มันไม่ชนะ ก่อนจะเป็นอย่างนั้นมันเป็นความไม่จริงแต่นี่ความจริงแท้มันก็จะยิ่งยาวนานก็จะยิ่งชนะ
สมณะฟ้าไท พระโพธิสัตว์ต้องประมาณในหมู่บริษัท มีปัญญารู้
พ่อครูว่า…แล้วมันมีอีกอย่างคือกำแพงไร้สภาพรังสีแห่งคุณงามความดี เป็นเรื่องอจินไตย ทำให้เขาเข้ามาไม่ได้เขาเข้ามาไม่ติดเป็นเรื่องที่ไม่มีรูปร่างไม่มีสภาพ แต่มีฤทธิ์อันนี้ อาตมาขออธิบายเป็นภาษาวิชาการให้ฟังเท่านี้ แต่มันมีประสบการณ์ของความจริง มันเกิดขึ้นแล้วสิ่งเหล่านี้พิสูจน์กันไป อาตมาถึงบอกว่าก็ยังต้องอยู่พิสูจน์ดูไป แต่มันจะไม่มีหนักหนาสาหัสอย่างที่ผ่านมา แล้วจะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งละเอียดไปเรื่อยๆ
จะมีเหตุปัจจัยต่างๆที่จะต้องพิสูจน์กันไปสรุปของคุณคนนี้ที่อยากรู้เรื่องสมาธิ
สมาธินั่งหลับตานั้นไม่ใช่เรื่องของการสั่งสมจิตสะอาดจากกิเลส ซึ่งจะตกตะกอนตกผลึกมาสะสมขึ้นมา แข็งแรงตั้งมั่นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
จิตที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างยิ่งกระทบกระแทกอย่างไรก็สะอาด เป็นจิตที่มีประสิทธิภาพรวมตัวกันเป็นนิวเคลียร์ฟิวชันแข็งแรง ไม่ใช่แข็งทื่อ แต่เป็นแข็งแรงตั้งมั่นลงไปเรื่อยๆ คือจิตที่สะอาดเป็นสมาธิที่เกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 ปฏิบัติตามพุทธคุณของพระพุทธเจ้าปฏิบัติจรณะ 15 เป็นฌาน 4 และได้เป็นสมาธิโดยมีวิชชา 8 เป็นปัญญาเครื่องช่วยให้เกิดศรัทธา โอตตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญาขึ้นเรื่อยๆ
สัทธรรม 7 นี่แหละ ความเจริญมากขึ้นก็เป็นพหูสูต คือความเป็นผู้ยิ่งใหญ่โดยมีความรู้ที่ยิ่งใหญ่คือพหูสูต เสร็จแล้วก็ทำให้ได้เป็นวิริยะสติปัญญาที่สูงส่งขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดจิตสะอาดมากยิ่งขึ้นตกตะกอน ไม่ใช่ตกตะกอนแต่เป็นการตกผลึก เพราะเราเอาจิตสะอาดสั่งสมไปเป็นกองตั้งมั่นแน่วแน่ แนบแน่นปักมั่นเจตโสอภินิโรปนา มากขึ้นเรื่อยๆ
จิตอย่างนี้มีโลกวิทู มีโลกุตระ แล้วสามารถช่วยผู้ได้เป็น โลกานุกัมปา
โลกุตรจิต คือ จิตที่เป็นสมาธิแบบที่พระพุทธเจ้าสอน
โลกะวิทูก็คือ รู้เรื่องโลกช่วยโลกได้กว้างขึ้น
โลกานุกัมปาคือช่วยเหลือโลกรู้จักโลกมากขึ้นทั้งโลกน้อยโลกใหญ่โลกอย่างเลวโลกอย่างที่เกเรเลวร้ายอะไรก็แล้วแต่เรารู้ได้มากขึ้นและช่วยให้ดีขึ้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แหมอาตมาพูดไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งที่อธิบายไม่ถึงใจตัวเองที่น่าจะอธิบายได้ดีกว่านี้ สักวันก็คงจะมีคนที่อธิบายได้เก่งกว่าอาตมามาช่วยอาตมา
ก็ใช้ภาษาไทยในการอธิบายอย่างนี้ ภาษาอังกฤษอาตมาก็ใช้ได้เป็นแบบไส้เดือนกิ้งกือเท่านี้แย่กว่างูปลาๆด้วย วันนี้ก็เอาไม่มีใครเก่งกว่านี้ก็เด็ดดอกหญ้าแซมผมไปเรื่อยๆยังไม่มีดอกอะไรก็เอาดอกหญ้าแซมผม เก็บดอกหญ้าข้างทางไปก่อนมันก็ดีกว่า ได้แค่นี้ก็ฝเอา อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นสัจจะ
_แอ ตอน : อยู่ลาวไม่มีคนคุยธรรมเลย
พ่อครูว่า..มาเมืองไทยใกล้ๆกันแค่นี้ ก็หาพวกหาหมู่ ไปหาคุณเกดมณี
_สู้เพื่อแม่ และวงศ์ตระกูล : จะมีสัตว์เข้ามาฟังไหมนะ / สัตว์จะฟังธรรมพ่อท่านรู้เรื่องไหมคะ
พ่อครูว่า..สัตว์โอปปาติกะ คือ สัตว์ ที่เกิดจากความเป็นพ่อและเป็นแม่ เช่นศีลและปัญญาทำให้เกิดสัตว์โอปปาติกะ ก็อย่าไปดูถูกว่าไม่มีใครฟัง ก็ยังมีคนฟังได้และเอาไปปฏิบัติเป็นจิตที่เป็นโอปปาติกะให้แก่ตัวเองเกิดการเลิกจากความเป็นสัตว์มาได้เรื่อยๆเจริญขึ้นเรื่อยๆ จนหมดความเป็น สัตตาวาสทั้ง 9 ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ก็ค่อยๆเอามาอธิบาย
มีคนอยากให้อาตมาอธิบาย ซึ่งจะต้องอธิบายพร้อมทั้งวิโมกข์ 8 สัตตาวาส 9 วิญญาณฐิติ 7 อธิบายให้ถึงวิโมกข์ 8 ให้ดีเพราะว่าวิโมกข์ 8 เป็นอุปกรณ์เครื่องมือเป็นตัวที่จะต้องปฏิบัติให้รู้ แล้วถึงจะรู้สภาวะตัวเองหรือวิญญาณตัวเอง หรือความเป็นสัตว์ของตัวเอง
วิญญาณฐิติคือ ความเป็นวิญญาณของตัวเอง
สัตตาวาส 9 ก็คือความเป็นสัตว์ของตัวเองจนกระทั่งเลิกความเป็นสัตว์และจะพ้นความเป็นสัตว์ก็ต้องปฏิบัติในขณะที่มีวิญญาณฐิติ
มีวิญญาณตั้งอยู่ให้ปฏิบัติก็คือ ขณะนี้มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีเวทนาสัญญาสังขารอยู่ครบมีขันธ์ 5 แล้วเราก็สามารถทำการอภิสังขาร หรือว่ากิเลสเกิดในรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมันเป็นชื่อองค์รวมแล้วก็ล้างกิเลสพวกนั้นจากขันธ์ 5 ได้ เป็นผู้รู้อุปธิ กิเลสอุปาทานขันธ์ 5 แล้วล้างอุปาทานด้วยอภิสังขาร 3 ตัวแท้คือปุญญาภิสังขาร ได้แล้วก็อปุญญาภิสังขารแล้วสั่งสมอเนญชาภิสังขาร
ผู้ศึกษาอุปธิ กิเลสขันธ์ 5 อภิสังขาร ก็ล้างกิเลสจากขันธ์5 ด้วยอภิสังขารหมด คุณก็เข้าสู่นิพพาน ตัวอุปธิวิเวกก็คือกิเลสขันธ์ 5 ก็อภิสังขารเป็นความสำคัญของสังขาร ธรรมดาคนจะไม่มีอภิสังขาร มีแต่สังขารธรรมดาด้วยอวิชชา มันก็เกิดสังขารก็ต้องมาเรียนรู้ว่าจะทำสังขาร จะปรุงแต่งจัดการกับจิตกับกายอย่างไรจัดการได้ด้วยอภิสังขารจัดการอะไร จัดการรู้ตัวเลว ตัวกลิ ตัวกิเลส กำจัดตัวนี้ให้ได้ กำจัดอย่างไรก็ต้องมีอุบายเครื่องออกในการกำจัดเอาล่ะขยายความแค่นี้ก่อน
สรุปคือ มี สัตว์ที่เข้ามาฟังได้ แล้วเลิกความเป็นสัตว์ไปตามลำดับก็มีอยู่ ขอยืนยันมีหลักฐาน แม้ว่าเขาได้แล้วก็อธิบายไม่ได้อย่างที่อาตมาอธิบาย เขาก็ได้แล้วล่ะ
_ดินชุ่ม ธรรมอโศก : กราบนมัสการพ่อครู สมณะ สิกขมาตุ เจริญธรรมชาวอโศกทุกคน/รับชมที่เชียงใหม่/เมื่อครู่พ่อครูอ่านนามสกุลผมผิดครับ/ธรรมชาติอโศกเป็นของคุณไม้ร่มครับ 555/ของผมคือธรรมอโศกครับ
_เอนก บุญเสริม : จับสิ่งดีคนอื่นบ้าง อย่ามองแต่สิ่งไม่ดี จึงมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีอยู่ที่เรามอง จะเอาดีหรือไม่ดีท่าน
พ่อครูว่า..คุณเอ-นก ไม่ใช่ อเนก(อ่านอะ-เหนก) นะ ถ้า อเนก แปลว่าไม่ใช่ 1 มีมากมาย ไปจนเท่าไหร่ก็ได้ พ่อครูว่า.. อาตมานั้นรู้ในสิ่งดีกับสิ่งดีได้แต่ว่าสิ่งดีนั้นเป็นโลกียเป็นส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยชม อาตมาว่าเอาดี แต่ดีไม่มีปัญหา ดีก็มีสิ่งที่ควรเป็นในโลกพอเป็นไป เรื่องดีกับชั่วมีคนช่วยอธิบายเก่งกว่าอาตมาอีก
สู่แดนธรรมว่า…พ่อท่านพูดที่อื่นไม่มีโลกุตระ ไม่ใช่ไปว่าที่อื่นไม่มีดี
พ่อครูว่า..เขาจะมองว่าเราไปว่าเขาไม่มีโลกุตระก็ถูกแล้ว
ชาคริยานุโยคะ กับ ความเพียรต่างกันอย่างไร
_Chittra Aswin จิตรา อัศวิน : กราบ_/\_นมสก พ่อครู ที่เคารพยิ่ง ขอโอกาสโปรดขยายความเหมือน และ ความต่างของ ‘ชาคริยานุโยคะ’ และ วิริยะ’ ที่ปรากฏอยู่ใน จรณะ ๑๕ และ ‘วิริยะสัมโพชฌงค์’กราบขอบพระคุณยิ่งเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า..อนุโยค แปลว่า ความเพียรหรือวิริยะนั่นแหละ
ชาคริยาโยคะก็คือวิริยะพากเพียรให้เกิดความตื่น ส่วนวิริยะนั้นไม่ได้จำกัดความอะไรมีแต่คำว่าวิริยะความพากเพียร มันก็ต่างกันเท่านั้นเองเหมือนกันตรงที่มีความเพียรเหมือนกันแต่ความต่างก็คือไม่มีตัว ชาคริยะที่แปลว่าความตื่น
คำว่า ชาคระ ชาคริยะ นี้คือมีความตื่น
ความตื่นคำนี้ลึกซึ้งกว่าแค่ตื่นจากการนอนหลับเท่านั้น มีกายกรรมตื่นมีสติเต็ม วจีกรรมตื่นมีสติเต็ม มโนกรรมตื่นก็มีสติเต็ม นี่คือชาคริยา สั้นๆแค่นี้น่าจะชัดเจนเพราะฉะนั้นในขณะที่มีกายกรรมคุณก็มีสติเต็มร้อย เวลาพูดอยู่คุณก็มีสติเต็มร้อย สติคืออธิปไตยคือพลังงานที่เต็มแข็งแรงมีความแรงอํานาจอธิปไตยเต็มๆใช้กับกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมเต็มๆ จึงเรียกว่าเป็นผู้ตื่นเต็ม ชาคริยาฝึกให้เพียรให้เป็นให้ได้ก็คืออนุโยคะ มีอำนาจการตื่นเต็มอย่างที่พูดไป ไม่ใช่ไปทำให้ความตื่นมันลดลงเป็นความหลับความคิดก็ให้น้อยลง มันตรงกันข้ามกับของพระพุทธเจ้าเลยมันคนละเรื่องกันเลย ที่ที่ปรากฏอยู่ในอปัณกปฏิปทานั้น ก็คือความหมายเช่นนี้
สรุปแล้วเป็นความเพียรเหมือนกัน แต่คำว่าชาคริยานั้นมีคำกำกับให้เป็นพูดอื่น ซึ่งถ้าจะต่อคำจำกัดความไปอีกก็ได้ อนุโยค ต่างๆนานา ต่างกันก็บอกชัดเจน
_สมประสงค์ วรรณเพียร : กราบนมัสการพ่อครูครับ ถ้าคิดเหตุผลแล้ววางใจเรื่องนั้นๆได้ แม้เหตุผลไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องเสียทีเดียว จะถือว่าเขาลดกิเลสได้จริง ก็พอได้ใช่หรือไม่ครับ?ในอนาคตเขาจะมีผัสสะทำให้เห็นกิเลสที่ละเอียดได้เอง
พ่อครูว่า..ก็ได้ หมายความว่าคุณก็ไม่ดันทุรังต่อไปพักแค่นี้เอาแค่นี้หยุดแค่นี้ก็ได้เหมือนกัน ก็ถูกต้อง ไม่ควรให้ซีเรียสเกินไปมันก็จะยาก
_ขวัญชวนไพร : อนาสวะ สาสวะ อาสวะ คืออะไร ต่างกันยังไงคะ
พ่อครูว่า..อนาสวะคือ ไม่มีแล้วกิเลส
อาสวะคือการหมักหมมกิเลส ตกตะกอนยิ่งเน่ายิ่งหมักดองเหมือนตัวจุลินทรีย์ กิเลสมันเล็กละเอียดกว่าจุลินทรีย์ สะสมหมักดองเน่าในเป็นอาสวะ
สาสวะคือ ผู้ที่เริ่มมีสัมมาทิฏฐิแล้วเริ่มปฏิบัติธรรมลดอาสวะมาได้เรื่อยๆเป็นเสขบุคคลเรียกว่า สาสวะ ทำให้กิเลสหมักดองลดลง แต่เหลืออาสวะอยู่ ได้บางส่วนเรียกว่า เป็นผู้ที่มีส่วนแห่งบุญ เป็นผู้ลดกิเลสได้บางส่วนแห่งบุญ บุญกำจัดอาสวะได้บางส่วน ได้ส่วนแห่งบุญคือเสียกิเลสไป บุญไม่ได้ได้อะไรมามีแต่ฆ่ากิเลสตะพึด บุญคืออาวุธฆ่า
เขาเข้าใจคำว่าบุญผิดไปไกลคนละโยชน์เลย
ตอนนี้อาตมากำลังอธิบายปุญญะ ในหนังสือคนจะมีธรรมะได้อย่างไร หรือเปิดยุคบุญนิยมก็อธิบายไว้
อนาสวะคือหมดอาสวะ สาสวะเป็นตัวกลาง อาสวะคือกิเลสเต็มๆ
ก็เท่านั้นเองสามขั้นตอน แต่มีรายละเอียดจะเหลือมากเหลือน้อยอย่างไรก็เป็นรายละเอียดของสาสวะ เหลือมากเหลือน้อยหรือลดกิเลสได้มากกิเลสน้อยลงๆ จนไม่เหลือกิเลส หมดอนาสวะไม่มีอาสวะแล้วสิ้น
นิมนต์พ่อครูพักจิบน้ำ
สม.กล้าข้ามฝัน พูดถึงเจ้าฟ้าชายชาร์ลที่ใช้การทักทายด้วยการยกมือไหว้แทนการจับมือเนื่องเพราะว่าป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด 19
พ่อครูว่า…ก็หุ้นขึ้นไทยเรา พอเจอเจ้าฟ้าชายชาร์ลแสดงอาการเช่นนี้ก็ดีใจ หุ้นขึ้นก็ดี
สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาในสังคมโลกไม่ใช่ความบังเอิญไม่ใช่ความเสแสร้ง จะมีการเสแสร้งก็ได้เขาบอกว่าดราม่าทำดี อาตมาก็ว่าให้คุณเสแสร้งทำให้จริงไปตลอดตายเลย เสแสร้งทำดีนะให้กายกรรมวจีกรรมที่ทำจะเป็นการดัดจริตดีก็ทำดีต่อไปไม่ให้บกพร่องเลย ดัดใหมัน สุ เลย หากไม่ดัดมันก็ไม่ดี คนไม่ดัดจริตตัวเองเลยจริตทุตลอดกาลก็เลยไม่ดีตลอดกาล
เหลืออีก 17 นาที เตรียมไว้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายสัญญาต่างๆ ในพระไตรปิฎกจะมีสัญญา 10 อยู่ 2 ที่มีที่ต่างกันบ้าง แต่ไม่มีปัญหาถ้าจะมาก็พยายามทำความเข้าใจ มันเป็นลักษณะขององค์ประกอบในสิ่งต่างๆเช่น
อนิจจสัญญา ความไม่เที่ยง สัญญาในอนัตตา อสุภะ กำหนดในความไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น
1.อนิจจสัญญา 2. อนัตตสัญญา
3.อสุภสัญญา 4. อาทีนวสัญญา
5.ปหานสัญญา 6.วิราคสัญญา
7.นิโรธสัญญา 8. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
9.สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา
10.อานาปานัสสติ (อาพาธสูตร ล.24 ข.60)
พ่อครูว่า…พยัญชนะ อานาปานัสสติ ที่จริง อานา กับ อาปานะ ตัวไหนจะเป็นลมหายใจเข้า ตัวไหนจะเป็นลมหายใจออกก็ได้ สลับกันได้ ไม่ต้องสับสนไม่ต้องเถียงกัน
อัสสะ เป็นพยัญชนะที่บอกว่ามี 2 สิ่งทำงาน เช่น กายสเภทา เป็นต้น
เรียนรู้พยัญชนะแล้วไปพยายามรู้ว่าเนื้อแท้สภาวธรรมของมันคืออะไรและใช้ให้ถูกต้องนี้คือสิ่งสำคัญ สัญญา 10
อีกเล่มหนึ่ง สัญญา 10
-
อสุภสัญญา
-
มรณสัญญา
-
อาหาเรปฏิกูลสัญญา
-
สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
-
อนิจจสัญญา
-
อนิจเจ ทุกขสัญญา
-
ทุกเข อนัตตสัญญา
-
ปหานสัญญา
-
วิราคสัญญา
-
นิโรธสัญญา
(ธรรม 10 อย่างเหล่านี้ควรให้บังเกิดขึ้น) กำหนดรู้อสุภะให้ชัดเจน
อสุภสัญญา คนทั้งหลายแหล่ไปลงของไม่ได้ได้ไม่นานปีไม่น่าเป็นว่าเป็นของน่าได้น่ามีน่าเป็นซึ่งเป็นวิปลาส 4
กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริง, ความเห็นหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสภาพที่เป็นจริง มีดังนี้ :
ก. วิปลาสด้วยอำนาจจิต และเจตสิก 3 ประการ คือ
-
วิปลาสด้วยอำนาจสำคัญผิด เรียกว่า สัญญาวิปลาส
-
วิปลาสด้วยอำนาจคิดผิด เรียกว่า จิตตวิปลาส
-
วิปลาสด้วยอำนาจเห็นผิด เรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส
ข. วิปลาสด้วยยึดเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง 4 ประการ คือ
-
วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
-
วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
-
วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่าเป็นตน
-
วิปลาสในของที่ไม่งาม ว่างาม (เขียนว่า พิปลาส ก็มี)