630329_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ วิญญาณฐิติ 7-วิโมกข์ 8-สัตตาวาส 9-อนุปุพพวิหาร 9
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1skEKDuWqCpEy0rC20mQkEiJ2EvvADHjZgpP4al30UtY/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1e89De602qnW90wnhL5sXddV9051EoD6t
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก พ่อครูก็มาอธิบายธรรมะให้พวกเราพ้นภัยในชีวิต ตอนนี้เศรษฐกิจทั่วโลกจะตก ติดลบกันไม่ใช่น้อย ซึ่งเหตุการณ์นี้มนุษย์ไม่รู้มาก่อนว่าจะเกิดขึ้น แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านบอกให้ทำเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งพาตัวเองทำกินเองใช้เอง คนก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่ถึงยุคนี้จะเห็นได้ว่า ใครดำเนินชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงก็จะสบาย
พ่อครูว่า…630329 sms
_พิเชฐ สุดประเสริฐ _ ผมขอฝากคำถามถึงพ่อครูหรือท่านสมณะเพื่อตอบในรายการ “สำมะปี๋ซี่วิต” ว่า……ในกรณีของคนวัด (อโศก) ซึ่งทำงานศูนย์บาท และไม่มีรายได้อื่นอีก เพราะอายุยังไม่ถึง 60 (ไม่ได้รับเงินผู้สูงอายุ) ตาม อาวาสสถาน สังฆสถาน พุทธสถาน ต่างๆ ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อปฏิบัติภารกิจจำเป็นและสำคัญ เช่น คนที่ต้องไปดูแลบุพการีที่ป่วยหนักในต่างจังหวัด หรือ คนที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจภายนอก ฯลฯ ก่อนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเรื่องโรคระบาด ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่สามารถกลับคืนสู่ที่ตั้งซึ่งมีระบบสาธารณโภคีอยู่อย่างพร้อมเพรียงได้ ทางอโศกจะมีมาตรการช่วยเหลือคนเหล่านั้นอย่างไรบ้างครับ
พ่อครูว่า…ก็ไม่มีปัญหา ที่นี่เราก็เบิกจ่ายได้เราใช้เงินกองกลาง…(สู่แดนธรรมว่า ในช่วงเกิดโรคระบาด) จะทำอย่างไรก็ออกไปแล้ว ก็ไปอยู่บ้านเขาไป โผล่ออกไปพ้นเขตแล้ว
ถ้าสงสัยอะไรมากๆ ก็เข้ามาเลย เข้ามาอยู่สักเดือนสองเดือนปีสองปีแล้วก็จะไม่สงสัย อาตมามั่นใจว่าเรามีระบบสาธารณโภคีสมบูรณ์แล้ว มันไม่คล่องไม่ขัดไม่มีปัญหา แต่มันยาก คนข้างนอกมองมาว่าอย่างไรนะ ใช่ คุณจะเดายาก จะอยู่ได้ไหม นั่นเป็นปัญหาที่คุณยังไม่พอจะอยู่ที่นี่ได้คุณก็ต้องมีปัญหาแน่ ชาวอโศกเขามาเรียนรู้ก็จะรู้ว่าเราเป็นผู้ที่ไม่มีปัญหา อย่างมาอยู่ที่นี่ถาวรยังอยู่ไม่ได้หรอกเขาก็จะรู้ของเขา แต่ถ้าคนนี้บอกว่าอยู่ที่นี่สบายเลยพร้อมจะไม่มีรายได้เขาก็รู้ของเขา เพราะที่นี่มีอิสระเสรีภาพทุกคนตัดสินโดยไม่มีการบังคับล่อลวง ให้เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่า เราจะมาอยู่ที่นี่ต้องมีความพร้อมพอสมควร อยู่ดีๆมาเล่นๆหัวๆไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่มาบุกรุกมาเล่นๆไม่ได้ เราไม่ได้ทำอะไร คุณก็อยู่ไม่ได้เองเป็นเรื่องตามฐานะเป็นสัจธรรมจัดสรรในตัวมันเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องมาศึกษาให้ดีๆจะได้รู้
_กราบนิมนต์พ่อครูพิจารณาประเด็นเหล่านี้ด้วยค่ะ
1) เรื่องต่ออายุการ lock down วันนี้ได้ยินคนเตรียมออกไปข้างนอกกันแล้วค่ะ เพราะไม่มีการประกาศต่ออายุอย่างเป็นทางการ บางคนก็อยากจะออกจะแย่ เลยทำเนียนว่า ครบ7วันแล้ว
พ่อครูว่า…นานาจิตตัง เป็นไปได้เยอะแยะ
2) เรื่องเงิน5000 ที่รัฐจะให้ผู้เดือดร้อน ขาดรายได้จากโควิด มีเงื่อนไขชัดเจน ว่าต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกออกจากงาน เลิกจ้างงาน หรือรายได้ไม่มี ช่วงรัฐสั่งปิดเมือง แต่ชาวเรา เตรียมไปขอกันหลายอยู่ แม้จะอธิบาย ว่าไม่เหมาะสม เหมือนโลภจะเอาเงิน ทั้งที่ไม่ได้ลำบากจริงตามเงื่อนไข แต่บางคนยืนยันว่าเป็นสิทธิ ซึ่งถ้าเป็นคนพิการหรือคนแก่ ก็เป็นสิทธิจริง แต่เงิน5พันนี้ ต้องการให้ผู้เดือดร้อนได้รับผลกระทบจากโควิดโดยตรง แค่ไปสมัคร ก็เหมือนโกหกแล้วนะคะ ว่าตัวเองเดือดร้อนขาดรายได้ ทั้งที่เราทำงานฟรีอยู่แล้ว
เพื่อโปรดพิจารณาด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า…เขาให้จ่ายสำหรับผู้เดือดร้อนจากโรคโควิด เขาจะต้องสอบสวน ไม่ใช่ว่าใครๆก็ขอได้หมด จะบ้าหรือจะไปขายขี้หน้า ชาวอโศกไม่เห็นจะเดือดร้อนวุ่นวายอะไรแต่เห็นแก่ได้ นี่เขาก็ด่าให้เท่านั้น (ส.ฟ้าไท…ปกติเราก็ไม่มีรายได้อยู่แล้วแล้วจะไปขอเขาอย่างไร) คนไหนอยากได้ก็กิเลสมาก ตาลุกเลย คนแบบนี้ยังไม่ใช่ ผู้ที่จะมาอยู่ในชาวอโศกคนยังมีภูมิธรรม แค่ห้าพัน ไอ๊หยา มันใช้ไม่ได้เลยอาตมาก็พูดความจริง
อย่าไปทำขายขี้หน้าหน้าแตก ไม่ใช่สิทธิ์แต่ตัวเองโง่เอง ตัวเองไม่ได้เข้าข่าย
นี่กิเลสกระเพื่อมตาวาว ขายขี้หน้า เอาหน้าไปซุกกองแกลบดำ
_สมเกียรติ สรณสุขสวัสดิ์…
เคยเห็นตัวจริงๆที่ลานอโศกวัดมหาธาตุ.สมัยคุณไสว..แก้วสม.ถกธรรมกัน30-40ปีแล้ว…ตอนนั้นยังไม่ดัง…
_ฟ้าใส แซ่หว่อง….ขอน้อบน้อมกราบนมัสการ พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผู้ไม่ไม่มีบุญ ค่ะ ลูกมีคำถาม 2 ข้อค่ะ
-
โรค ของคน มี “โรคกาย” กับ “โรคใจ “ มีเหตุ มาจาก 1.กรรม 2.จิต 3.อุตุ 4.อาหาร ใช่หรือไม่ อย่างไรคะ?
พ่อครูว่า…ใช่ อุตุนี้รวมหมดเลย จากวัตถุต่างๆ
-
ขอ พ่อครู อธิบาย คำว่า “อนิจสัญญา “และ “ถิระสัญญา “ ค่ะ
ปล. ส่วนอันนี้ไม่ใช่คำถามค่ะ เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ ช่วงนี้ เรา ต้องเก็บตัว ไม่มี “ทรัพย์สิน” เข้ามา เป็นโอกาสของพวกเราที่ หา “อริยทรัพย์” เข้าแทนน่าจะดีนะคะ
พ่อครูว่า…อนิจจสัญญา คือการกำหนดรู้ความไม่เที่ยง ถิระสัญญาคือการกำหนดความเที่ยงและเสถียร
_SMS วันที่ 27 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ : พ่อครู)
_7630 กราบนมัสการพ่อท้านด้วยความเคารพครับ สืบเนื่องมาจากวันที่ 220363.อยากถามต่อ ว่าที่พ่อท่านเคยพยากรณ์ว่าพระอริยะมี7องค์คือ-หลวงปู่มั่น-หลวงปู่เทสก์-หลวงปู่ชา-หลวงปู่พุทธทาส-เจ้าคุณนรรัตน์-อ.ยันตระ-ครูบาศรีวิชัย
ณ.เวลานี้พ่อท่านก็ว่าหลวงปู่มั่นเป็นเดียรถี. ขอถามว่าที่เหลือนั้น องค์ไหนยังเป็นอริยะอยู่ครับ? โดยเฉพาะเจ้าคุณนรรัตน์(ฤษีเมือง)ท่านเป็นอริยะของแท้หรือเปล่าครับ/ไม่ต้องตอบแทงกั้กนะครับ/กราบขอบพระคุณครับ
พ่อครูว่า…อาตมาเคยพูดว่า หลวงปูเทศก์ ในสายอาจารย์มั่น ว่าหลวงปู่เทสก์มีภูมิธรรมเหนือกว่าอ.มั่น หลวงพ่อชามีสัมมาทิฏฐิขึ้นมา เข้าคุณนรฯ เป็นสายศรัทธา ท่านไม่อะไรกับใคร ท่านอยู่ในความเชื่อมั่นของท่านอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับใคร แล้วท่านก็มั่นคงของท่านจนวาระสุดท้าย อาตมาก็เคยโอภาปราศรัยกับท่านเป็นชั่วโมง
อาตมาเคยพยากรณ์ก็มีความผิดพลาดได้ อย่างพยากรณ์ยันตระก็ไม่เที่ยง เขาทำในขณะที่อาตมาเห็นขณะนั้น พอต่อไปมันไม่ใช่แล้ว อาตมาก็ต้องพูดตามที่เขาเป็นหรืออาตมายังรู้ไม่ถึงไม่ครบ พยากรณ์เพี้ยนได้ ธรรมดา อาตมาไม่ได้เป็นคนที่พูดแล้วทุกอย่างเป๊ะ อาตมาพูดผิดก็มีผ่านมา อาตมายังไม่ใช่สัมมาสัมพุทธะ หรือใครจะเก่งเท่าสัมมาสัมพุทธะ พูดอะไรไม่ติดเลยก็เอาสิ อาตมายังทำไม่ได้อย่างนั้นหรอก
_รับชมจาก จ.ตรัง ภาพเสียงชัดเจนดีค่ะ กราบสาธุค่ะ
_เจน ฮู เชอร์ • คนอโศกชอบฟังธรรมมะ. เราคนนอกอโศกยังชอบฟังเลย / คนฟังธรรมมะไม่เป็น คือ พวก ที่ตกภพ ตกชาติ. ??ความสุขของคนอโศกคือได้ฟังธรรมมะพ่อครูค่ะ. (ตอบคนที่ว่าทำไมฟังธรรมเยอะ)
พ่อครูว่า…อย่างเช่นพระพุทธเจ้าทำไมบริสุทธิ์ก้นก็ไปตำหนิว่าทำไมพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ คนอย่างนี้ก็มีนะ
_นิตยา เกษร • กราบนมัสการพ่อท่านค่ะ ติดตามชมอยู่ จ. สระบุรี
_คอยใคร • กราบเคารพพ่อครูครับ ผมได้ฟังเพลงของพ่อครูและวงฆราวาส มีเพลงของวงฆราวาสอยู่เพลงหนึ่งที่เนื้อหาตรงกับเหตุการณ์ ณ วันนี้ครับ ผมยกท่อนนั้นมาเลยนะครับผมจำชื่อเพลงไม่ได้ครับ เนื้อเพลงร้องว่า ” ความตายอยู่ที่ปลายจมูก ” แต่เนื้อหาทั้งเพลงกล่าวถึงให้คนรีบทำความดี แต่มันตรงกับตอน ณ วันนี้คือ เราต้องปิดปากปิดจมูก ตรงกับเพลงที่ร้อง ความตายอยู่ที่ปลายจมูก ไม่ปิดอาจมีตายได้ครับ เนื้อเพลงเหมือนหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ
พ่อครูว่า…เพลงของปิ๊ก ฝากหินแต่งไว้ เพลงสายน้ำแห่งความดี
_2860 …พ.ค.พูดกำกวมได้เก่งมาก ใจอยากจะโจมตีการนั่งทำสมาธิแบบอานาปานสติ แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ เพราะพระพุทธเจ้าสรรเสริญอานาปานสติไว้มาก จึงหันไปโจมตีการนั่งทำสมาธิแบบฤาษี ซึ่งไม่มีสำนักไหนเขาสอนกันในประเทศไทย ที่ผมว่าพ.ค.พูดกำกวมก็คือพอมีใครต่อว่าก็บอกว่าตัวเองไม่เคยว่าอานาปานสติไม่ดี ถ้าแน่จริงพ.ค.ลองพูดออกมาชัดๆซิว่าอานาปานสติไม่ดี เชื่อเถอะพอจนแต้มก็ว่าเอาไว้พักผ่อน ท่านทราบไหมว่าถ้าอานาปานสติบริบูรณ์สามารถเดินไปถึงโพชฌงค์บริบูรณ์ได้ เลิกโจมตีแบบเหยียบเรือสองแคมชะที สงสารชาวอโศกที่ได้เกิดเป็นคน,ได้พบพุทธศาสนา แต่ไม่ได้ของดี ไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นกิจเลว เป็นกิจของชาวบ้าน และที่ท่านปราถนาพุทธภูมิ ปราถนาทำไม อริยสัจ4ของสมณะโคดมก็มีแล้ว ก็ศึกษาและปฏิบัติไป หรือว่าท่านจะตรัสรู้อริยสัจ5ให้มันเลิดส์กว่าสมณะโคดม
พ่อครูว่า…ก็เป็นคนมองไปในแง่หนึ่ง จะติเตียนอาตมาก็เท่านั้นเอง อาตมาก็ไม่แย้งไม่วิเคราะห์วิจัยอะไร ตามที่อ่านให้ฟัง สำหรับความเห็นอาตมา อาตมาก็จริงใจ ตามความเห็นความจริงใจของอาตมา ใครที่ได้ประโยชน์จากที่อาตมาอธิบายก็อนุโมทนา หรือใครที่ไม่ได้ประโยชน์ไปวิจัยวิจารณ์ก็เสียประโยชน์บ้างก็ขออภัย จะผิดจะถูกก็เป็นกรรมของอาตมา ถ้าหากจะมาอธิบายผิดก็ได้บาป แน่นอนกรรมเป็นอันทำ ทำผิดบาป ทำถูกก็ได้กุศลไป มันเป็นเรื่องสัจจะ อาตมาเชื่อในกรรมวิบาก อาตมาก็มีความรู้เท่านี้แหละจริงใจ อาตมาไม่ทำความบาปให้แก่ตัวเองไม่ทำวิบากให้แก่ตัวเอง แต่คุณจะมองว่าเป็นบาปก็เป็นได้มันมีความรู้ไม่เท่ากันก็ตามความเห็น ก็ขอบคุณที่วิจัยวิจารณ์มาดี อาตมาก็รู้สึกดี มีผู้ที่เห็นต่างแล้วก็บอกความเห็นที่เขาค้านแย้งมาจะได้เรียนรู้
การเรียนรู้ความเห็นต่างมันทำให้เกิดความฉลาด มันจะได้เปรียบเทียบ ว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าต่างคนต่างรู้แล้วไม่มีอะไรเห็นต่างกันเลยพากันไปก็ไม่ดี นี่ดีแล้วล่ะที่เห็นต่างกัน
นิมนต์จิบน้ำ
_สมณะฟ้าไท…เชิญคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนมาลงทะเบียนได้ในวันพรุ่งนี้เวลา 12.00 -14:00 น.
_จากคุณมยุรี กทม. ติดตามฟังพ่อครูมานาน จะเลิกดาวเทียมก็ไม่มีปัญหา
_นมัสการกราบเรียนพ่อครู..บ้านราชฯปิดสนิทมาได้เริ่มสัปดาห์ที่ 2 แล้วมีผู้ที่ถูกกักตัวทั้งหมดที่อยู่ในบ้าน อยู่ในชุมชนและอยู่นอกชุมชน ยังไม่มีใครป่วย จนไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ทุกท่านมีสัปปายะ ที่พักในชุมชน สองราย อยู่ริมมูล1 อยู่ริมบุ่ง1 ได้และบำเพ็ญอยู่กับความร้อนมากๆ มีลมมีฝนมีเย็นสบายๆพอเป็นไป ได้รับการเกื้อกูลอาหารจากเพื่อนบ้าน ส่วนอีกครอบครัวที่เพิ่งมา เข้าพื้นที่เมื่อวานนี้ก็ไปพักอยู่ที่สวนไวพลัง มีญาติธรรมที่คุ้นกันมาช่วยเกื้อกูลกัน ตอนแรกอาจจะมีงงๆและน้อยใจนิดๆแต่ก็ปรับได้ ตัวอย่างเหตุการณ์เป็นบทฝึกหัดชนิดจู่โจม ไม่ต้องเตรียมตัว ให้ชาวอโศกได้สอบ และฝึกกายวาจาใจให้สัมมาได้ไม่ยาก กราบนิมนต์พ่อครูอธิบาย การปฏิบัติธรรมแบบอโศกในโลกนี้ที่มีการแปรปรวนวุ่นวายกัน
พ่อครูว่า…อาตมาว่าไม่ต้องถึงอาตมามั้ง ให้ท่านฟ้าไทพูดก็ได้ ชาวอโศกเจอโควิดแล้วเป็นอย่างไร
สมณะฟ้าไท …เราอยู่ได้สบายเราก็มีกินมีใช้แต่คนข้างนอกเขาเดือดร้อนวุ่นวาย
พ่อครูว่า..เรา lock down กัน ก็ไม่มีอะไรเราก็อยู่กันไป คนที่มาอยู่ในชาวอโศกต้องมีภูมิธรรมระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะไปอยู่ในชุมชนไหน อยู่ในระบบเดียวกันสาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
มีชีวิตอย่างชาวอโศกดำเนินไปแบบนี้มีสุคโตมาตลอดเวลา เมื่อมาถึงเวลานี้จะเห็นได้ว่าข้างนอกเขาเดือดร้อนกันมาก พวกเราที่นั่งอยู่นี่ทั้งหมด ใครเดือดร้อนบ้าง เมื่อโควิดเข้ามาใครเดือดร้อน (มีแต่ร้อน) เดือนห้านะตอนนี้ ต้องรู้สิภาษาว่าเดือดร้อนหมายถึงใจ ยังไม่ถึงเดือดหรอกไม่ถึง 40 องศาดี
สู่แดนธรรมว่า…เราไม่เดือดร้อนเพราะมีอานิสงส์ของศีลข้อที่ 1 อยู่ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่ขอบคุณผู้ที่มีจิตปลูกสร้างอาหารมาบริการ จนเรากินไม่ทัน
พ่อครูว่า..อาตมาพูดแล้วก็แหม เหมือนกับเราพูดเล่นพูดหัว พูดบ้าๆบอๆ มันไม่ใช่ มันรู้สึกว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์ เครื่องประดับโต๊ะที่เขาจะต้องตกแต่งกันเราก็ไม่ต้องเอาอะไรมากเอาวัตถุสมบัติที่เรามีกินมีใช้ที่เราปลูกกัน มาประดับ แตงโมพริกมะเขือกะหล่ำปลีมะม่วง อะไรต่างๆนานามาประดับ ที่อื่นเขาไม่มีนะ ถ้ามีเคมีก็จะมาทำให้เกิดพิษภัย แต่ที่นี่ไม่มีสบาย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ลอกเลียนได้ยาก อาตมาว่าข้างนอกเขาจะลอกเลียนได้ยาก
เข้าสู่ประเด็น เรื่องนี้เป็นสาระที่จะพูดกันให้ดี
ชีวิตของคน พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านเอาความตรัสรู้มาสอนเพื่อให้คนเป็นคนบ้าบอไม่ได้อะไรที่นอกไปจากการดำเนินชีวิตที่ดีสบาย เป็นสุขเจริญงอกงามไม่เป็นโทษภัยกับใคร ก็เหมือนกันกับผู้ที่มีปัญญาที่เขาอยากจะสอนคน พวกหัวหน้าเผ่าหัวหน้าหมู่ ผู้ที่เป็นนักปราชญ์เป็นอาจารย์เป็นศาสดา เขาก็เป็นคนที่ปรารถนาสอนให้คนเจริญดีอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ของพระพุทธเจ้านั้น ท่านมีภูมิธรรมของท่าน สามารถทำให้ทุกคนเจริญแบบนี้แบบของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระธรรม ซึ่งมันเป็นความรู้ที่ทวนกระแสโลกีย์
อันนี้แหละเป็นประเด็นที่เข้าใจยากมาก ทวนกระแสก็คือโลกเขาก็จะมีกระแสที่ไหลไปในทางทิศทางเดียวกันคือโลกีย์ เขาต้องได้ลาภยศสรรเสริญโดยเฉพาะได้สุข แต่ของพระพุทธเจ้านั้นหมดความสุขหมดความทุกข์ เพราะพระองค์ตรัสรู้ว่าความสุขความทุกข์มันเป็นของหลอก สุขอัลลิกะ ที่จริงสุขกับทุกข์ เป็นตัวมายาอันเดียวกัน แต่ความทุกข์นี้คนรู้สึกและบอกกันได้ง่าย ท่านจึงเอาประเด็นนี้ความรู้สึกนี้มาเป็นประเด็นให้ศึกษา แล้วล้างกิเลสตัวนี้ เมื่อล้างจิตไม่ให้มีความทุกข์ความสุขก็ไม่มีเพราะความทุกข์ความสุข มันเป็นมายา สองขั้ว
ซึ่งมันเป็นเทวะสภาพสอง เราหลงสุขเราก็หลงทุกข์ เราหลงในทุกข์เราก็หลงในสุข โลกุตระตรัสรู้ในเรื่องสุขทุกข์นี่แหละ นี่แหละคือสุดยอดสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องอะไรเลย ถ้าจะเอาสำนวนอย่างท่านพุทธทาส ท่านก็บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องอื่นเลยนอกจากสอนแต่เรื่องทุกข์ แล้วก็เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์ นี่เป็นสำนวนท่านพุทธทาส
อาตมาก็พูดของอาตมาว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ดับสุขดับทุกข์ เพราะว่าคนคิดว่าสุขมันเป็นอย่างหนึ่ง ความทุกข์มันเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องสิริมหามายาเป็นเรื่องเทวะ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเลย ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่รู้ว่าความสุขความทุกข์มันอันเดียวกัน ไปยังหลงทุกข์อยู่ก็จะหลงสุข ใครยังหลงสุขอยู่ก็จะหลงทุกข์ สวรรค์และนรกของพระพุทธเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าหมดนรกและสวรรค์ หมดสุขหมดทุกข์ เป็นอุเบกขา คือ อทุกขมสุข
เพราะฉะนั้น จิตที่ไม่เอียงโต่ง ไปข้างใดข้างหนึ่ง นี่แหละสุดยอด
พูดมาถึงแล้วก็เอาฉบับนี้มา จะต้องอธิบายกันอีกหลายปี มีอยู่สองข้อ ข้อ 43, 44
พระไตรปิฎกล. 16 ข. [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี 1 ความไม่มี 1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ) เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความ มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ)
โลกนี้โดยมากยังพัวพันด้วยอุบายอุปาทานและอภินิเวส แต่พระอริยสาวกย่อมไม่เข้าถึง ไม่ถือมั่น ไม่ตั้งไว้ซึ่งอุบายและอุปาทานนั้น อันเป็นอภินิเวสและอนุสัย อันเป็นที่ตั้งมั่นแห่งจิตว่า อัตตาของเรา ดังนี้ ย่อมไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าทุกข์นั่นแหละ เมื่อบังเกิดขึ้น ย่อมบังเกิดขึ้น ทุกข์เมื่อดับ ย่อมดับ พระอริยสาวกนั้นมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล กัจจานะจึงชื่อว่าสัมมาทิฐิ ฯ
[44] ดูกรกัจจานะ ส่วนสุดข้อที่ 1 นี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่ ส่วนสุดข้อที่ 2 นี้ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ … ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับเพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ … ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ จบสูตรที่ 5
พ่อครูว่า..แหม เห็นแล้วก็เหนื่อย อ่านของพระพุทธเจ้าแล้วก็เหนื่อยที่จะอธิบายแต่อาตมาชัดมาก พูดง่ายๆ จับประเด็นง่ายๆที่ความมีกับความไม่มี 2 อย่าง
พระอรหันต์ทุกองค์ จะรู้ความมีและความไม่มีของโลก โลกมี ก็หมายถึงโลกสมุทัย โลกไม่มีก็หมายถึงโลกนิโรธ หากมีสมุทัยมีเหตุอยู่ก็ต้องดับ พระอรหันต์ทุกองค์ไม่มีปัญหาเรื่องมีกับไม่มี
ใครไปติดกับความมีเขาก็ทุกข์ของเขาไป ใครไปติดยึดกับความไม่มีเขาก็ทุกข์กับของเขาไป พระอรหันต์ก็อยู่กับทั้งสองอย่างความมีกับความไม่มี ตัวเราเองใจของเราไม่ได้ไปติดยึดในด้านความมีและความไม่มีเลย ฟังเข้าใจไหม…เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
เป็นแต่เพียงว่าเราฟังแล้วเราพอรู้พอเข้าใจ แต่เราทำได้หรือไม่ เราทำได้หรือยัง ถ้าคุณทำได้แล้วก็ ผู้มีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย เพราะรู้แล้ว พระพุทธเจ้าท่านตรัสก็ไม่เห็นจะต้องเชื่อท่าน เพราะเราเชื่อในสิ่งที่เรามีเราเป็นไม่ต้องเชื่อใคร เราพิสูจน์ความจริงมีที่ตัวเราเองแล้วมีแล้วเป็นแล้วก็ไม่ต้องเชื่อใคร เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิ เชื่อตัวเราเอง นี่คือคำสอนพระพุทธเจ้าแค่ 2 ข้อนี้ข้อ 43 44 บริบูรณ์นะถ้วนรอบอยู่ตรงนี้
มาพูดถึงเรื่องที่อาตมาจะพูด
อาตมาว่าพูดไปแล้วก็น่าเห็นใจ คนที่ไม่ค่อยเข้าใจไม่รู้เรื่องธรรมะพระพุทธเจ้า น่าเห็นใจเขา เพราะมันยาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
แต่ถ้าไม่พูดไม่อธิบายจะไปรู้ได้อย่างไร ขนาดที่อธิบายแล้วก็ยังขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นมันก็สูญไปเลย 2500 กว่าปี สูญหายไปเยอะแล้ว อาตมางมขึ้นมาเปิดเผยมาฟื้นใหม่
ที่อาตมาอยากจะพูด ให้งง เป็นที่สะดุด สำหรับผู้ที่ศึกษา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อาตมาพูด แต่เป็นคำสอนพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสไว้ ที่ท่านพูดไว้มีมากกว่านี้ แต่ที่หยิบมาเป็นเรื่องสำคัญ
-
เรื่องวิญญาณฐิติ 2. เรื่องของวิโมกข์ 8 3. เรื่องสัตตาวาส 9 และ 4. เรื่องอนุปุพพวิหาร 9