ทรัพย์อื่นใดจะเสมอด้วยข้าวเป็นไม่มี
ข้าวไม่ใช่สินค้า แต่ข้าวคืออาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน
ปีนี้ข้าวได้ผลผลิตดีกว่าปีก่อนๆ เป็นคำพูดของหัวใจคนชาวนา โดยเฉพาะวันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่เราจะได้เห็นบรรยากาศการเกี่ยวข้าวด้วยเครื่อง ที่แปลงข้าวอินทรีย์ไร้สารพิษที่นาคำยอดกับทีมชาวนาที่ปักหลักกินนอน ทำกันอยู่ที่นั่นเป็นวิถีชีวิตของชาวนาซึ่งได้นำเอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เป็นอาชีพที่ผูกพันกับชีวิตมาอย่างยาวนาน จากรุ่นสู่รุ่นมานับพันๆปี กระทั่งยุคนี้ที่สังคมเราพบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ก็ยังยืนยันได้ว่าเป็นอาชีพที่สูงส่ง เลี้ยงคนในชุมชนราชธานีอโศกได้ พร้อมที่จะแบ่งปันให้พี่น้องบวรต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นของการดำรงชีวิต เป็นรากฐานของชีวิตดั่งเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ได้เคยตรัสไว้ว่า ทรัพย์อื่นเสมอด้วยข้าวเป็นไม่มี
เช้าวันที่ 5 เมษายน 2563 ทีมชาวนาคุณร้อยหล้า ประวาฬ(น้อย)และคณะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยเครื่องเทคโนโลยีที่นาคำยอด ในราชธานีอโศก เพราะช่วยประหยัดแรงงาน หลายคนก็อายุค่อนข้างมากจึงเลือกวิธีนี้ ซึ่งเมื่อสมัยก่อนก็จะเน้นการร่วมด้วยช่วยกันแบบลงแขกกัน เวลาผ่านไปก็ปรับไปตามเหตุการณ์ให้รวดเร็วขึ้น ที่สำคัญอากาศ ฟ้า ดิน ผันเปลี่ยนรวดเร็วมาก หากเกิดพายุเข้ามาก็อาจเก็บไม่ทัน
คุณร้อยหล้า เล่าให้ฟังว่า เกิดมาก็เห็นพ่อแม่ทำนากันแล้ว ตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่ในตระกูลชาวนา จึงชอบที่จะเป็นชาวนา เริ่มแรกมาอบรมค่ายคุณธรรมสัจธรรมชีวิต ที่จ.ศรีษะเกษ งานปลุกเสกฯ ต่อมาได้มีโอกาสเข้ามาช่วยสมณะด่วนดี สุชโว สอนนักเรียน ช่วงนั้นงานที่ทำก็คือ ขับรถเทศบาลฯบ้านราชฯ (รถดูดส้วม) ปี 2550 ประมาณ 13 ปีที่แล้ว ทำสวนช่วยอาจารย์อุดม ศรีเชียงสาอยู๋ ที่ข้างองค์พระพุทโต ปีนั้นมีการขนเรือเอื้ยมจุ้นที่จ.ปทุมธานี ซึ่งช่วงนั้นเว้นระยะการเกี่ยวข้าวเลยไปช่วยขนเรือ พ่อครูอยากให้คนเข้ามาอยู่บ้านราชฯ 1000 คน ก็คิดว่าเราน่าจะมาเป็นคนในนั้น มาเป็น 1 ใน 1000 จึงตัดสินใจมาเพราะอยู่ที่บ้านอ.น้ำเกลี้ยงก็ไม่มีอะไรมากเลยตัดสินใจมาราชธานีอโศก สมัยที่พ่อนาธานทำนาอยู่ในบ้านราชฯก็ตนเองก็มาช่วยทำเป็นผู้ตามเท่านั้น แต่ตนก็ช่วยพ่อแม่ทำนาที่จ.ศรีษะเกษด้วย มีพี่น้องอาดาวพรที่คำกลางและญาติธรรมหลายคนไปช่วยทำ เริ่มจับกลุ่มกันเป็นทีมชาวนา
ตอนนั้นน้องสาวท้อง ทำนาไม่ได้ ตนเลยไปช่วยทำ ก็ได้เก็บผลผลิตข้าวนำมาให้ราชธานีอโศกเช่นกันประมาณปี 2558 มีเฮียเกษมมาช่วยปรับพื้นที่ที่โซนนาคำยอดนี้ ช่วงหนึ่งได้ทำนาที่บริเวณริมมูนฝั่งตะวันออก ใช้คนเกี่ยว รู้สึกว่าไม่ค่อยราบรื่น เสี่ยงกับฟ้าฝน น้ำจะท่วม จึงได้ย้ายที่ทำนามาอยู่ข้างๆบริเวณคลองถอยหลังเข้าทำอยู่ 2 ปี สุดท้ายก็มาอยู่ที่นาคำยอด ก็จะมีคุณทุยและคุณโสม แม่ของผู้ปกครองอยู่ที่ทุ่งศรีเมืองใหม่เข้ามาทำก่อน 1 ปี ต่อมาตนเองก็มาทำต่อ มีญาติธรรมคุณไม้ร่มแนะนำให้ปรับพื้นที่คลอง เอาน้ำออกจากคลองให้หมดเขาจะปรับหิน ก็ไม่มีน้ำให้เข้านา ตนเองเห็นจุดนี้ จึงย้ายเข้ามาใช้พื้นที่นาคำยอดได้ 3 ปีแล้ว
ที่นี่ก็จะปลูกข้าวเหนียวเป็นหลัก พันธ์ุหอมหนองคาย ต่อมาได้พันธ์ุจากอาบุญลาภอาก๋อยเป็น กข 43 เมื่อปีที่แล้วมาปลูก สิ่งที่ต้องมาปลูกข้าวเหนียวหอมหนองคาย เพราะเครือแหเขาปลูกข้าวเจ้าจำนวนมาก นำมาส่งให้บ้านราชอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้าวเหนียวเลยขาดแคลนคนทำ ซึ่งก็เป็นอาหารพื้นฐานของชาวอีสาน
ปัญหาที่พบ:เป็นพื้นที่ใหม่ปรับพื้นที่ใหม่หมด ถูกรถตักเอาหน้าดินไปแล้ว ดินก็ไม่ทันได้สมบูรณ์ ต้องเอาปุ๋ยมาใส่ ต้องมีเครื่องสูบน้ำ เราจะทำนาปรัง ที่ผ่านมาหนักใจเรื่องหอยเชอรรี่ กินข้าวมาก กินตั้งแต่ต้นข้าวอ่อนๆเลย ตอนนั้นได้แต่เก็บหอยออกด้วยมือ ค่อนข้างลำบาก แต่มาปีนี้ไม่ลำบากเหมือนปีก่อนๆ มีนกปากห่าง เข้ามากินหอยออกไป เหมือนมีวงจรนิเวศน์ทางธรรมชาติเข้ามาช่วย ส่วนที่มาของคำว่านาคำยอดนั้น พ่อครู สมณะโพธิรักษ์ เป็นผู้ให้คำ เพราะมีบ้านคำกลาง เน้น“คำ” เป็นของมีค่า ก็ทำให้สูง กว่า กลาง สูงสุดก็คือยอด คือปลาย ของมีค่าที่สูงสุดแล้วก็คือ ยอด ส่วนนาโม พ่อครูตั้งให้ โมโนลิส เช่น ต่ำ กลาง สูง ยอด
ส่วนผสมปักดำนั้น ทางคณะศิษย์เก่าและอามั่นแม่น กะการดี แนะนำมาให้ใช้แกลบดำ ปุ๋ย ปาดดินให้เสมอกันแล้วนำแกลบดำกลมอีก ใส่จุลินทรีย์ เพาะ 15-20 วัน ก็นำมาดำได้ ก็จะมีขั้นตอนการทำ 1. ดินต้องเสมอกัน เพราะจะควบคุมเรื่องหญ้าได้ดี 2. ระวังเรื่องหอย นกปากห่าง
ข้าวนาคำยอด ข้าวเหนียวหอมหนองคาย พื้นที่ 14 ไร่ได้ข้าว ประมาณ 13 ตัน ข้าวเจ้า กข 43 พื้นที่ 23 ไร่ ได้ข้าว ประมาณ 13 ตัน รวมพื้นที่ 37ไร่ ได้ผลผลิตข้าว ประมาน 26ตัน ปีนี้ข้าวไร้สารพิษของเราผลผลิตดีค่ะ
อาน้อยร้อยหล้า ประทับใจในความมีชีวิตที่อิสระ ของสังคมสาธารณโภคีที่ร่วมกันอยู่ร่วมกันใช้ แบบเศรษฐกิจพอเพียงขาดอะไรก็ขาดได้ แต่ข้าวนี้สำคัญทุกคนต้องกินข้าวไม่เว้นแม้พระก็ตามตราบใดที่ยังมีลมหายใจข้าวเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต