630412_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 5
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/18605YfsmtEzhNcPz9WIMKYfbL3ms133cDAvukGB8kvs/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1FDP7lJo1EQBBIE3XAQL7afz5Uwi5z8Lb
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563 สถานการณ์ Covid ทำให้คนมีนิสัย 5 ส.ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้โลกนี้สะอาดขึ้นอีกด้วย รวมถึงทำให้ 3 อาชีพกู้ชาติของพ่อครูดีขึ้นด้วย
พ่อครูว่า…_SMS วันที่ 11 เม.ย. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ ภาคทบทวน : สมณะ สิกขมาตุ บ้านราช)
_Tatar Panyachomsang ทาทา ปัญญาชมแสง• น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพครับ กราบนมัสการท่านสมณะและสิขมาตุทุกรูปครับ แม่สายเสียงชัดภาพชัดครับ
_เจ็ง เจ็ง • อเมริกาประมาทและชะล่าใจ
_สมสมัย นันตะโภค • กราบนมัสการค่ะ บทความที่ท่านแสนดินอ่าน นิมนต์ท่านอ่านให้จบด้วยค่ะ สาธุค่ะ
_ สุนิตา โมนิทเซอร์• น้อมกราบนมัสการ เจ้าค่ะ ภาพเสียงชัดเจนดี จากออสเตรียค่ะ
_จากลูกศีรษะอโศก กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
เมื่อครั้งที่สมาร์ทโฟนออกครั้งแรก ลูกอยากได้ แต่ก็อดใจไม่ซื้อเพราะกลัวติด ต่อสู้กับอาการที่อยากได้มาหลายครั้ง อาการขึ้นลงหลายปี ต่อมาอาการก็ค่อยๆ สงบลงไม่อยากได้ จนลืมสมาร์ทในที่สุด แต่มา ณ ปัจจุบันนี้ ทางบุญนิยม TV จะปิดดาวเทียม ลูกก็จำใจจำนนต้องซื้อสมาร์ทโฟน แต่พอซื้อมาแล้วก็ทุกข์เพราะเปิดไม่เป็น อาการงุดหงิดก็เกิดขึ้น ก็คิดว่าเราจะฟังธรรมะเก่าๆ ของพ่อท่านก็ได้ ฟังทบทวนในอนาคตก็คงจะเปิดเป็น คิดว่าค่อยๆ เรียนรู้ไปใจเย็นๆ บอกตัวเองแบบนี้ คิดว่าพอได้ กราบขอคำชี้แนะจากพ่อท่านด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง
พ่อครูว่า…อาตมาว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมากมายเมื่อถึงเวลาก็คงจะช่วยกันหาทาง
อุเบกขา 5 อันมีมรรคผล
_ฟังฝน…ในขณะใดที่เราสามารถเดินโพชฌงค์ 7 ได้อย่างแข็งแรง มีสภาวะครบทั้ง 7 ข้อ นั่นคือสภาพนิพพานหรืออุเบกขา 5 ส่งผลให้ปฏิบัติจรณะ 15 ได้ครบสมบูรณ์ในขณะนั้นด้วยเช่นกัน… ดิฉันเข้าใจถูกต้องไหมคะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง เพียงแค่คำพูดบัญญัติภาษาที่บอกว่าสามารถเดินโพชฌงค์ 7 คนที่ศึกษามาให้ดีว่าโพชฌงค์ 7 คืออะไร สติ ธัมมวิจัย วิริยะ ปีติ สมาธิ ปัสสัทธิ อุเบกขา เราก็รู้ว่าหมายถึงอะไรในแต่ละคำ เสร็จแล้วสภาพนิพพานก็คืออุเบกขา 5
อาตมาก็ยืนยันว่าอุเบกขาคือฐานนิพพาน ปฐมฐานและเป็นที่สุดของนิพพานในตัว สั่งสมอุเบกขาที่มีคุณสมบัติ 5 นี้ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาว่าทุกวันนี้มีคนศึกษาฝึกอบรมปฏิบัติตามจนได้สภาวะนี้ ขึ้นมาเรื่อยๆ ก็มีประชากรพอได้ แน่นอนอาตมาก็ยิ่งพอใจว่าธรรมะโลกุตระก็นับวันยิ่งเจริญปักลงในประเทศไทย เป็นแหล่งอาริยธรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพระพุทธเจ้ายิ่งมั่นใจยิ่งชัดเจน ติดตามให้ดีๆ ที่อาตมาอธิบายไปคนเขาฟังไม่ออก เอาอันนั้นอันนี้มาขยายเขาก็จะยิ่งมึนงง สับสน เขาไม่มีระบบไม่ได้เรียนรู้อย่างที่เราทำ มันก็เลยไม่เป็นระบบเลย ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน ให้ตั้งใจศึกษา
อาตมาแนะอย่างนี้ ความรู้เก่าๆที่เคยเรียนมาโยนทิ้งไปเลย มาฟังที่นี่แล้วค่อยๆฟังไปตามลำดับ อาตมาก็วนเวียนไล่อธิบาย อธิบายจรณะ 15 ขึ้นต้นด้วยศีล อปัณณกปฏิปทา สัทธรรม 7 ฌาน 4 วิชชา 8 อธิบายให้เห็นถึงความสัมพันธ์เกื้อกูลกันที่เป็นมรรคผลไปเรื่อยๆ ติดตามฟังให้ดีๆ อาตมาจะตั้งอกตั้งใจพยายามจะไม่ตายง่ายๆจะอยู่อธิบายไปให้ได้ พอสมควร พยายามอยู่ ตอนนี้สุขภาพร่างกายก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องปลงอายุสังขาร มีแต่ตั้งใจอยู่ต่อไป แต่อย่าประมาทฟังที่อาตมาพูดแล้วอย่าประมาท บางทีก็เหมือนสุเทพได้ นอนแล้วทำไมรุ่งเช้าไม่ตื่นอีกเลย เข้าไปดูก็รู้ว่าไปแล้ว โอ้เพื่อนเอ๋ย เขานำ ไม่เอาอย่างนะ เราไม่เอาด้วย
_Inspried Memoried อินสไปร์ เมโมรี่ • 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เกือบจะ 30 ปีแล้ว(2535) ในสมัยผมเป็นเณรน้อยยังเห็นพ่อท่านร่างกายสุขภาพประมาณนี้ แต่ปัจจุบันนี้พ่อท่านยังเหมือนเดิม (อันเกิดจากการฉันมังสวิรัติเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด) เป็นอะไรที่ผมมีความสุขมากที่เห็นพ่อท่านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้านสังขารเลย…สาธุครับ
พ่อครูว่า…สังเกตให้ดีรายละเอียดมันไม่เหมือนเดิมหรอก อย่ามาแกล้งยอฉันว่าฉันเป็นดวงจันทร์ที่ถูกเมฆบัง
_guru x • กูรู เอ็กซ์….คน้อยยอมรับว่าตั้งแต่ศึกษาธรรมมาทั้งปริยัต ปฏิบัติ ระดับงูๆปลาๆ เริ่มจากวัดบ้านไปยังวัดป่า เริ่มจากนั่งสมาธิ เดินจงกรม
เริ่มจากทำบุญตามประเพณี ไปวัดถือศีลซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ่านตั้งแต่พระเครื่องหลวงปู่หลวงตา ครูบา จากธรรมกายถึงสวนโมกข์ จบที่ท่านปยุตโต
จนเปิดใจฟังอโศก เข้าไปคลุกคลี จึงรู้ว่าหาผู้สาธยายธรรมอย่างลึกซึ้งทั้งปริยัติและสภาวะอย่างนี้ได้ยากยิ่ง สาธุ
_0817230 ควรปรับแผงรายการให้หมอเขียวท่านจันทรพ่อครูแสดงธรรมทั่งวันสู้โควิค
คนอยู่บ้านทั่งวันจะได้ฟังธรรมควรงดรายการทุกอย่างเอาอาจารย์ยักษ์พูดกสิกรรมพอเพียงบ้าง
พ่อครูว่า…สิ่งเหล่านี้มีให้คุณดูแต่ไม่ทั้งวันดั่งที่คุณต้องการหรอก คุณจะดูทั้งวันเลยไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยเหรอ ต้องมีช่วงไปกินข้าวไปรีแลกซ์อะไรบ้าง หมกมุ่นเกินไปไม่ดีนะ
พุทธมีอรหันต์เป็นสามัญของจุดสูงสุด
_Sirikarn สิริกาญจน์ • ชมรายการทุกเรื่องของบุญนิยมทีวีทางไลน์ได้ชัดเจน และชมทุกวันได้องค์ธรรมจรณะ15วิชชา8ของพระพุทธเจ้าสมณโคดมโดยการขยายความคมชัดแม่นประเด็นจากพ่อครู ขอบคุณจริงๆที่ได้เจอพระเถระองค์เป็นๆ ณ กาลนี้ ตอนนี้เตรียมตัวติดเครื่องมือดูทีวีผ่านมือถือไว้แล้วเพื่อชมให้ชัดๆ ในทุกบรรยากาศที่รายงานความจริงค่ะ
พ่อครูว่า…คนที่ตั้งใจศึกษาธรรมะ อาตมาเห็นว่าเป็นความคิดที่ประเสริฐเป็นความคิดที่ฉลาดจริงๆ เพราะว่าอะไรก็ไม่ดีเท่าฟังธรรมะในชีวิตกี่ชาติกี่ชาติก็ตาม คุณจะไปได้โลกีย์มหาศาลอย่างไรก็ไม่เทียบ มันเป็นสมบัติผลัดกันชมมันก็หลงเศษหลงติดยึด เพราะฉะนั้นมาศึกษาพบกับโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า มันจะได้สารัตถะ ถ้าคุณเองจบเป็นอรหันต์ ก็พูดจนซ้ำซากแล้วเป็นอรหันต์แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งไร้สาระมันเป็นมายาทั้งสิ้น เสร็จแล้วคุณก็รู้ว่าในโลกมนุษย์แม้แต่เป็นมายาก็ต้องอาศัย เราก็ต้องเข้าใจเขาแล้วแต่ละฐานะแต่ละบุคคลก็เข้าใจเขา ก็ทำการอนุโลมปฏิโลมอยู่แล้วก็อธิบายเขา หาฐานให้เขาตั้งอยู่ หาบันไดให้เขาขึ้นสูงไปเรื่อยๆ อย่างนี้ทำอย่างนี้ อาตมาว่าอาตมาทำอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา เสร็จแล้วไปอยู่ที่สูงที่สุดด้วยกันนั่นแหละอรหันต์ สามัญสิ้นอาสวะ จนเป็นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ก็ค่อยสูงขึ้น
ตอนนี้เอาคำว่า จรณะ 15 วิชชา 8 เข้าสู่ฐานการประพฤติเข้าสู่ฐานการอธิบายให้แก่คนทั่วไปและพวกเราด้วย ไปได้ ตอนนี้กำลังเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว คงจะขยายผลแน่นอน จรณะ 15 วิชชา 8 ตั้งใจให้ดี
_อุบาสิกาพิมพ์ตะวัน • วิทยุฟังไม่ค่อยชัด โดนสถานีใกล้เคียงแทรกแซงคลื่นบ่อยๆ แต่บางช่วงก็ชัดเจนดีค่ะ/
_Artit อาทิตย์ • มีซื้อของออนไลน์ไหมคะ
พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆติดตาม ไลน์ ID : @banrajshop เฟสบุ๊ค บ้านราช Shop
บทกวีของอ.เป็นต้น
พ่อครูว่า…สัจจะแท้เป็นหนึ่งเดียว สัจจะมี 2 ไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าสัจจะมี 1 เดียวเป็น 2 ไม่ได้ ที่บอกว่ามี 2 นั้นก็คือสิ่งที่แตกต่าง ผู้รู้ท่านไม่เถียงกัน ผู้รู้ท่านจะไม่รู้แล้วไม่แย้งไม่เถียง สุดท้ายถ้าเรามั่นใจว่าของเราถูกต้องของคนอื่นก็เข้าใจอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไรก็จบเขาก็เห็นอย่างหนึ่งเราก็เห็นอย่างหนึ่งไม่มีปัญหา เขาจะบอกว่าเขาสูงกว่าเราก็ไม่เป็นไรเราเข้าใจเขาไม่ได้ เข้าใจแล้วจะเห็นว่าของเราน่าจะถูกกว่านะ มันก็เป็นเรื่องของเรา สิทธิของแต่ละคนไปบังคับความฉลาดบังคับไม่ได้หรอกความฉลาด ศึกษาดีๆแล้วเราจะรู้จุดจบ ไม่ศึกษาให้ดีก็ไม่มีที่จบ
_อ่านบทความของคุณบ้านเล็กเมืองน้อยต่ออีกหน่อย
ส่วนอีกค่าย…ทั้งจีนและรัสเซียได้แสดงให้โลกได้เห็นแล้วว่า เผด็จการที่ใส่ใจพลเมืองของตน สามารถเอาชนะโรคระบาดได้ และมีประสิทธิภาพสูงกว่าผู้นำโลกเสรี…ที่ห่วงภาพพจน์และผลประโยชน์ของกลุ่มทุน มากกว่าความปลอดภัยของพลเมือง (ธนาธร…ปิยบุตร……เห็นอ๊ะป่าว???)
จนถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องช่วยกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคให้ได้มากที่สุด ความร่วมมือง่ายๆ คืออยู่บ้าน.. ป้องกันรักษาสุขอนามัยของตัวเองให้ดี ฝึกปรับตัวให้เข้ากับบรรทัดฐานใหม่ของสังคม และไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะการระบาดนี้จะดำเนินไปนานเท่าใดก็ไม่มีใครสามารถชี้ชัดได้
แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ไม่น้อย ที่ประพฤติตนดั่ง นั่งหลับตาสมาธิ คือเป็นพวกขี้ลืม ที่ลืมหูลืมตาของตัวเอง…ignore โลกภายนอก..ตามใจกิเลสภายในตนอย่างแน่วแน่ จนเป็นมิจฉาสมาธิที่จดจ่อตั้งมั่นกับความเคยชิน………ท่านดินไทให้ข้อคิดว่า ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก คุณค่าของชีวิตจะได้รับการเหลียวแลจากเจ้าของ………ยาแรงของมาตรการ Lock Down จะช่วยให้เกิดมหกรรมขัดเกลาชำระกิเลส……มืดค่ำเป็นเวลานอนก็ต้องนอน สถานอโคจรไม่ควรเปิดก็ต้องปิด 7Eleven เปิด ๒๔ชม. ยังต้องยอมเปลี่ยนเป็น 5Ten …….เป็นไฟต์บังคับให้ชาวโลกเจริญสติ ทวนกระแสโลกีย์ ด้วยการ…....สำรวมอินทรีย์ สงบใจอยู่บ้าน สวมใส่ mask………โภชเนมัตตัญญุตา กินร้อนช้อนกลาง รู้ประหยัดไม่กักตุน………...ชาคริยานุโยค ตระหนักไม่ตระหนก แยกแยะด้วย วิ-จรณะ-ญาณ ไม่ถูก I O……
……..ถึงแม้ว่า ๕๐ ปีที่พ่อท่านพร่ำสอน ยังไม่สามารถพาคนให้มาปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา๓ ได้มากเท่า Covid19 ระบาด….. (พ่อครูว่า…พูดไปได้แต่อย่าหลงตัวเองก็แล้วกัน)
แต่ท่ามกลางวิกฤติของการระบาด ก็ได้เผยให้โลกได้ประจักษ์ใน มรรคผลของโพธิกิจ…น้ำใจในความเสียสละของพ่อให้แม่ให้ที่แพร่กระจายเป็นข่าวอยู่ทั่วโลก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เริ่มต้นจาก วัฒนธรรมชาวอโศกที่พ่อท่านพาทำ……..เมื่อออกไปร่วมกู้ชาติ ทั้งการให้ การรับใช้ การแจกโรงทาน…..ก็เริ่มฮิตกันในที่ชุมนุม……..จนจิตอาสากลายเป็นเอกลักษณ์ในการชุมนุมของพันธมิตร แล้วส่งต่อให้ กปปส……มาจนถึงวันมหาวิปโยคของชาวไทย การสูญเสียในหลวง ร.๙ องค์สัญลักษณ์แห่ง พลังคุณงามความดีของการเสียสละ ได้ปลุกสำนึกแห่งจิตอาสาของมวลมหาประชาชนชาวไทย ให้ระเบิดออกเป็น “Bomb Of Love” จนแปรสภาพสนามหลวงให้เป็นโรงทานขนาดใหญ่ คราคร่ำไปด้วยจิตอาสา………สืบเนื่องเชื่อมต่อ น้ำใจของการแจกจ่าย ช่วยเหลือแบ่งปันกัน……จนถึง ๑๓ หมูป่า ที่สื่อต่างชาติได้รายงานข่าวออกไปทั่วโลก…….ครั้นเมื่อ Covid19 ระบาด…..ระลอกคลื่นของ “ระเบิดแห่งรัก” ที่ยังคงกระเพื่อมอยู่ ได้เแผ่ขยาย ขจรขจายไปทั่วทั้งโลก……ทั้งชาติรัฐต่อชาติรัฐ……ทั้งสถาบันกษัตริย์ต่อทวยราษฎร์……ทั้งมนุษย์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน…….แม้แต่กระฎุมพี ทั้งซีพี สิงห์ ช้าง ต่างเจียดเงินช่วยชาติสู่ภัย Covid19…….
อักษรจีนคำว่า “วิกฤติ” ประกอบด้วยตัวอักษร ๒ ตัว ที่แปลว่า “อันตราย” กับ “โอกาส”ถ้าพลิกวิกฤติได้ย่อมเกิดโอกาสอันดี virus เปลี่ยนโลกได้…..สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ก็ย่อมพ้นจากอำนาจครอบงำของทุนกลิได้เช่นกัน……ถ้ามนุษย์ตื่นรู้แล้วหันมาร่วมมือร่วมใจกัน
หวังว่าการหยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้านอย่างสงบ จะทำให้คนมีเวลาทบทวนถึงความเป็นมนุษย์ ให้ตระหนักรู้ว่า…. ข้าวปลามีค่ามากกว่าเงิน….. ความเห็นใจกันมีพลังเหนือความคิดเอาเปรียบ….. ความเสียสละมีประโยชน์มากกว่าความเห็นแก่ตัว…..และยังมีวิถีการดำรงชีวิตอื่น ที่เจริญกว่าการเหยียบย่ำกันทำมาหากิน………. ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ ดร. สมคิด จะกล่อมกลุ่มทุนผู้เป็นนาย ให้เปลี่ยนแนวคิดเรื่อง “ปัจเจกชน” ที่ส่งเสริมให้ตะเกียกตะกาย ย่ำเหยียบกันขึ้นยอดปิรามิด แทนที่จะกระจายทรัพยากรที่เหลืออยู่ในโลกอย่างเป็นธรรม…….Set ค่านิยมใหม่ ให้คุณธรรมเป็นบรรทัดฐานของสังคม
ส่งเสริมวาระแห่งชาติตาม“หลักปรัชญาความพอเพียง” ขององค์ภูมิพลมหาราช…..ช่วยกันละความเกินในชีวิต ลดฟรุ้งฟริ้งสังคม หยุดโลภะกรรม ที่แอบอ้างอุตสาหะก่อมลพิษ……. มาส่งเสริมอินทรีย์เกษตรแบบคนจน ที่สุขสำราญพอเหมาะ เบิกบานเพียงใจพอ……อย่างที่บรรพชนเคยดำรงในอดีต พึ่งพากันเองในประเทศให้ได้…ถอยหลังสู่ ครรลองธรรมอันยั่งยืน ให้แหล่งผลิตอาหารสะอาดของโลกเป็น Signature ของประเทศไทย ที่พร้อมจะส่งไปช่วยมนุษยชาติ……….ก็จะช่วยบรรเทา โลกที่เร่าร้อน ให้เย็นลงได้……. บ้านเล็กเมืองน้อย
พ่อครูว่า…ต่างคนต่างออกความเห็นกัน ต่างคนต่างมีความเข้าใจอย่างไรก็เอามาแชร์กัน แบ่งแจกกันรู้ เรียน ขบคิด แล้วก็เอาไปปฏิบัติประพฤติร่วมกันแล้วจะเกิดผลต่อมวลมนุษยชาติให้เกิดเป็นปึกแผ่น นี่เป็นสัจจะที่อาตมาว่าจะไปได้ไกลจะไปได้จริง ยั่งยืนไปได้จริงๆ
เพราะฉะนั้นก็ขอย้ำว่ามาศึกษาธรรมะเถอะ ใครจะหาว่าอาตมาเป็นคนคลั่งไคล้พระพุทธเจ้า เป็นคนคลั่งไคล้ศาสนาพุทธ ก็ยอม Crazy and Crazy คลั่งไคล้หลงใหลศาสนาพุทธ ก็ไม่เป็นไร เป็นศัพท์ที่เขาว่าประชดประชัน แต่เราไม่ได้หลงใหลอย่างคลั่งไคล้ เราชัดเจนในความจริง ชัดเจนในสัจจะ ชัดเจนในสิ่งที่ได้ที่เป็นที่มีอย่างตื่นตื่น ไม่ได้หลงใหลคลั่งไคล้อะไรเลย ไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาหมายมาจะประชดประชันอะไรแดกดันเรา
ตอนนี้อาตมาก็ดีใจอุ่นใจขึ้นมามากที่คำว่าจรณะ 15 วิชชา 8 ติดตลาดขึ้นมาบ้างแล้ว ชักจะเป็นยี่ห้อที่คน ว่า อะไร สินค้าใหม่ …ไม่ใหม่หรอก เก่าเอี่ยมเลย จรณะ 15 วิชชา 8 ไม่ใช่ขององค์พระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์เดียว แต่เป็นของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เริ่มต้นเมื่อไหร่เราไม่รู้ จรณะ 15 วิชชา8 ไม่ใช่พระสมณโคดมเป็นเจ้าของคนเดียว แต่เป็นของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ จนกระทั่งสลับกับความเป็นพราหมณ์ สลับกันจนเป็นความหมายของไตรเภท เป็นความรู้ 3 แล้วสลับความหมายกลับกันไปจนกระทั่งกลายเป็นพราหมณ์มหาศาล คือเป็นพราหมณ์ผู้ร่ำรวยผู้มีอำนาจพราหมณ์เป็นผู้ครองเมือง มีทั้งที่ดินอำนาจปัจจัยเป็นเจ้าพิธีกรรมมีทรัพย์สมบัติต่างๆนานา มีทุกอย่างจนกระทั่งบอกว่ากษัตริย์ต้องมากราบฉันนะ ถึงขนาดนั้นเลย จนพระพุทธเจ้าสมณโคดมต้องปรับวาทะกับอัมพัฏฐะ เอาต้นตระกูลมาเลย
แม้แต่คัมภีร์ไตรเพทของพราหมณ์ก็ยอมรับว่ากษัตริย์เหนือกว่าพราหมณ์ ผู้ที่มีจรณะ 15 วิชชา 8 ก็เหนือกว่าผู้ที่ไม่มี สรุปง่ายๆท่านยืนยันอย่างนั้น จนเท้าความไปต่างๆนานา จนอัมพัฏฐมานพจำนนต่อหลักฐาน เขาก็เรียนมาแต่เขาสับสนเองมันเป็นมายามันไม่เป็นสิริมหามายา เขาก็สลับสับสนไม่รู้กี่ชั้น
พระพุทธเจ้าค่อยๆคลี่คลายมาทีละชั้น จนกระทั่งอัมพัฏฐะชัดเจนไม่สับสน เหมือนสางแหปมไหมที่ยุ่งให้ออกมาเป็นเส้นๆ อาตมาก็มาพบ หนังสือเจริญชีพด้วยการก้าว เล่มนี้พิมพ์มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วแต่ไม่บอกครั้ง ตอนหลังนี้ไม่ได้พิมพ์ เล่มนี้รองศาสตราจารย์อาภรณ์ พุกกะมาน เป็นผู้เรียบเรียง ฉบับนี้พิมพ์เมื่อ พ.ศ 2522 เมื่อ 41 ปีที่แล้ว ฉบับที่ใหม่กว่านี้มีไหม
ที่อาจารย์อาภรณ์รวบรวม จรณะ 15 ไว้อย่างสั้นกะทัดรัด ก็น่าจะเอามาพิมพ์ เราอธิบายจรณะ 15 วิชชา 8 อย่างภาคพิสดาร อันนี้เป็นภาคที่สั้น ผู้ที่เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจเลยมีตัวอย่างมีอะไรต่ออะไร เป็นภาคที่ง่ายๆ
สู่แดนธรรม…ตอนสมัยรุ่นผม เริ่มต้น ต้องปฏิบัติตามเล่มนี้ มีเรื่องกินอยู่หลับนอน
พ่อครูว่า..ผู้ที่ได้ฟังถ้าหากขมีขมันพิมพ์ออกมาได้ จะได้ช่วยโลกให้เจริญ มันไม่กี่หน้า มีแค่ร้อยหน้าเอง (ธรรมทัศน์สมาคมขายเล่มละ 50 บาท)
สู่แดนธรรมว่า..เนื้อหาที่เขียน ตอนพ่อท่านใช้ชีวิตเป็นฆราวาสปฏิบัติตั้งแต่เป็นฆราวาส
พ่อครูว่า…เมื่อฆราวาสส่วนใหญ่ได้ฟังจะได้รู้ว่าตอนเป็นฆราวาสปฏิบัติอย่างไร คนจะไม่อ่านเพราะเสียดายชีวิตโลกีย์ มีกระเป๋าใบละ 4 ล้านอะไรอย่างนี้
สมณะฟ้าไท…หนังสือเรื่องนี้สอนให้ปฏิบัติอย่างมีขั้นตอนรายละเอียด มีตัวอย่างจริงคนจะได้ศรัทธาพ่อครู มีไฟในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน อาตมาว่าน่าอ่าน
พ่อครูว่า…มีEbook เจริญชีพด้วยการก้าว
มาต่ออัมพัฏฐสูตร
[๑๖๓] ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ จรณะนั้นเป็นไฉน วิชชานั้นเป็นไฉนเล่า.
ดูกรอัมพัฏฐะ พระตถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลกเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม
พ่อครูว่า…เอาคำว่าเทวดาและมนุษย์ก่อน ในความเป็นสัตว์ ในวิญญาณฐีติข้อที่ 1 ผู้ที่มีกายต่างกันสัญญาต่างกัน นั้น คนพวกนั้น ใครก็แล้วแต่ที่มีสัญญาต่างกันกายต่างกัน ก็จะมองเทพ หรือเทวดาเป็นอย่างหนึ่งมองมาร หรือสัตว์นรกก็อย่างหนึ่ง มองมนุษย์เขาก็จะมองอย่างหนึ่ง ต่างกันไปหมดเพราะความเห็นเหล่านั้นแตกต่าง การกำหนดหมาย การที่จะเป็นสภาพรูปนามเพราะเรียกว่ากายเป็นสังขารร่างกาย เป็นชีวิตสังขาร ก็จะมองทั้งภายนอกภายใน ต่างกันไปหมด
ยกตัวอย่างเช่นคนหลับตา ปฏิบัติจะไม่มีภายนอก เขาก็จะเข้าใจเทวดามนุษย์สัตว์นรกคนละเรื่องกันเลยกับคนที่ลืมตาอย่างพวกเรา เขาจะเข้าใจเทวดามนุษย์สัตว์นรกก็คือจิตวิญญาณของคนเป็นๆ แต่นั่นเขาจะไม่เขาจะเห็นเป็นรูปร่างตัวตนอะไรต่างๆนานาไปเลย มีอุปกรณ์บางอย่างที่หนังละครเรื่องเล่านิยายต่างๆนานาไปเลย เพราะเขาเองเขามีความเข้าใจต่างจากสัมมาทิฏฐิ
ความต่างกับความเหมือนก็อยู่ที่สัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิเท่านั้นทั้งหมด เพราะฉะนั้นผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิก็จะเข้าใจ กาย ตรงกัน เป็นอย่างเดียวกัน แล้วก็เข้าใจ มีสัญญาการกำหนดหมาย สัญญา 1 ทิฏฐิอีก 1 จิตอีก 1 3อย่างนี้ต่างกัน
ทิฏฐิ คือ ความรู้ความเห็นความเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจอย่างไรก็จะกำหนดสัญญาอย่างที่ตัวเองเข้าใจ เพราะฉะนั้นทิฏฐิจึงเป็นตัวประธานเป็นเครื่องนำตัวสัญญา
ถ้าทิฏฐิมิจฉา สัญญาคุณก็จะมิจฉา ถ้าทิฎฐิของคุณสัมมาอย่างไรก็แล้วแต่จะอธิบายแตกต่างกันเป็นล้านอย่างก็ตามล้านทิฎฐิก็ตาม แต่ว่ามีทิฏฐิเป็นประธานให้คุณมีสัญญากำหนดหมายได้ เมื่อความเห็นความกำหนดหมายของคุณเป็นอย่างไรก็สั่งสมลงเป็นจิต จิตของคุณก็จะเป็นไปตามผลของทิฏฐิกับสัญญาของคุณ
เพราะฉะนั้นความวิปริตของทิฐิวิปริตของสัญญาวิปริตของจิตนี้มันก็จะวิปลาสไป เป็นวิปลาส 3 เป็นความคิดความอ่านความเฉไฉออกไป มี 3 นัยยะ ทิฏฐิ สัญญา จิต
ถ้าแกนวิปลาส 3 จะมีวิปลาส 4 คุณจะเห็นความทุกข์เป็นความสุขคุณจะเห็นความไม่เที่ยงเป็นความเที่ยง คุณจะเห็นความเป็นตัวตนว่าเป็นตัวตน คุณจะเห็นความไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็นไปเป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็นอีก 4 วิปลาส คุณจะเพี้ยนไปอย่างนั้นเลย
อาตมาว่า อาตมาไม่เป็นคนวิปลาส ทั้งวิปลาส 3 และวิปลาส 4 แต่อาตมายังมีสัญญาผิดพลาดบ้าง การกำหนดพยัญชนะกับสภาวะ เพราะอาตมาเป็นคนด้อยในพยัญชนะ เป็นคนเรียนน้อย เป็นคนรู้ภาษาที่เขาจบกันมาปริญญาไม่รู้กี่เล่ม อาตมาไม่มีสักอย่าง อาตมามีสภาวะเป็นหลัก มันก็เลยค่อยๆเก็บภาษามาเรียนรู้ ซึ่งเขาอธิบายมาผิดๆเยอะด้วย ก็ต้องมาตลบก็หาสัจจะ ก็ทำได้ยากมากเลย จนทำได้อย่างทุกวันนี้
สรุป กาย ก็ดี สัญญา ก็ดี ยกตัวอย่าง ในวิญญาณฐีติ หรือสัตตาวาส 9
ข้อ 1 กายต่างกันสัญญาต่างกัน ก็จะเห็นความเป็นเทวดา สัตว์นรก หรือเป็นมนุษย์ต่างกันไป รายละเอียดมีอีกเยอะ
ข้อ 2 บางพวกมีความเห็นของกายต่างกัน แต่สัญญาอย่างเดียวกัน เช่น พวกที่ได้ฌาน ขั้นที่ 1 ปฐมฌาน คือจิตสงบ จิตสงบจากนิวรณ์ 5 เพราะฉะนั้นผู้ที่นั่งหลับตานี้ เขาก็มีทิฏฐิของเขานั่งหลับตา ซึ่งไม่ใช่สัญญานะ ทิฏฐิก็เพ่งให้เกิดกำหนดหมายไม่มีนิวรณ์เหมือนกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ศาสนาพุทธก็มีฌานที่ไม่มีนิวรณ์ 5 เหมือนกันแต่อย่างลืมตา ไม่ได้ไปหลับตาเลย แต่รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ อย่างใดจิตเจตสิกเป็นนิวรณ์ เป็นกาม พยาบาท ถีนมิทธ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา เราก็มีสัญญากำหนดว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้เหมือนกับพวกที่นั่งหลับตาเขาก็ไม่มีเหมือนกัน แต่การรับสารนั้นทำให้เขาได้องค์รวมอีกอย่างหนึ่ง ของการลืมตานั้นก็มีองค์รวมของการปฏิบัติแตกต่างกันอีก ทั้งภายนอกภายในก็แตกต่างกันอย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นตรงนี้ ลวงมาก คือเขาไปนั่งหลับตา เขาไม่มีนิวรณ์ เพราะฉะนั้นคนก็ไปเข้าใจว่า กิเลสคือนิวรณ์ 5 ก็เขาทำนิวรณ์ 5 ไม่มีได้นี่ แต่ได้ของเขานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตสามัญ โดยจริงๆแล้วเขานั่ง ปั้นภพ เป็นภพที่ไม่มีนิวรณ์ มันเป็นอุปาทานอย่างหนึ่งด้วยซ้ำไป พวกที่นั่งหลับตาสะกดจิตตัวเองต่างๆนานาก็ทำให้จิตตัวเองมันนิ่ง ไม่คิดอะไร มันก็ไม่มีนิวรณ์
ก็คุณสัญญาว่าจิตคุณไม่มีนิวรณ์ก็จริง แต่วิธีสังคมมันแตกต่างกับเรา แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีนิวรณ์เพราะว่ากิเลสนิวรณ์มันหายไปไม่มีในจิต เนื่องจากมันถูกชำระมันถูกเผาด้วยพลังงานฌานอย่างลืมตาเป็นไฟเผาผลาญนิวรณ์
ในข้อ 2 ก็จึงกายต่างกัน แต่สัญญาอย่างเดียวกัน
ข้อ 3 บางอย่างกายอย่างเดียวกันแต่สัญญาต่างกัน อย่างพวกอาภัสราพรหม ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือพวกธรรมกาย ธรรมกายนั้นเป็นพวกตาบอดตาใส ใส เขาหลับตาเขาก็ใส เขาลืมตาเขาก็ใสๆๆ เรียกว่า กายอย่างเดียวกัน แต่สัญญากำหนดหมาย วิธีการของเขา การปฏิบัติประพฤติของเขา เขานั่งหลับตา แต่ของพระพุทธเจ้านั้นลืมตา มันสัญญาคนละอย่างกัน ของพุทธเจ้าก็ใสเหมือนกันโปร่งโล่งเหมือนกัน ไม่มีรูปไม่มีร่างไม่มีอะไรติดขัดใสสว่าง โดยไม่ต้องมีภพชาติไม่ต้องมีรูปร่างอะไรเลยมันใส อาภัสราพรหม
แถมอีกอัน
-
สุภกิณหา อันนี้อธิบายง่ายๆ สัตว์บางพวก มีกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน อันนี้อย่างเดียวกันทั้งกายทั้งสัญญา การได้องค์ประชุม กายคือองค์ประชุมทั้งนอกทั้งใน