เม.ย.242020ศาสนา630424_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ หมดสุขหมดทุกข์ได้เมืองไทยเป็นชมพูทวีป อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/14oDUsDx-d8qKzRehjs-X3-MjopBXbNacscvQ22joRok/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1ge1BzSWzNSQBRxFFnSbj0RXFJWdAWg_H สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้จัดรายการแบบออนไลน์ ช่วงนี้ที่บ้านราชฯต้องออนไลน์รายการ เพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนไม่แน่นอน เราจะถ่ายทอดสดข้างล่างเป็นไปได้ยากก็เลยทำออนไลน์กัน ตอนนี้ข่าวโควิดจากต่างประเทศเขาก็เรียกร้องประชาธิปไตยเรียกร้องอิสระเสรีภาพกันมากมาย คนเขาเลยบอกว่า ถ้าอยากได้ประชาธิปไตยอยากได้อิสระเสรีภาพก็ไปที่อเมริกากันก็จะได้อิสระเสรีภาพสุดท้ายก็ได้มรณภาพ พ่อครูว่า…ก่อนอื่นขอเวลาโอภาปราศรัยกับ SMS _บอมบ์ นักรบ….กราบนมัสการพ่อท่านและสมณะครับ เหตุใดนักบวช,พระสงฆ์ไทย ส่วนมากจึงยังบริโภคเนื้อสัตว์ ทั้งๆที่ นักบวชชาวต่างชาติ เช่นฝ่ายมหายาน เป็นต้น ส่วนมากเขาเข้าใจชัดเจนแล้วว่า การเป็นนักบวชไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์อยู่แล้ว มีโอกาสได้สนทนากับนักบวช ชาวเกาหลีใต้ เขาก็บอกว่า การเป็นนักบวชไม่บริโภคเนื้อสัตว์อยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดาของนักบวช หรืออาจจะเป็นเพราะว่า ที่ไทยส่วนมาก เข้าใจในพระไตรปิฏกกันว่า(มีความเข้าใจกันผิด ตีความกันผิดๆ)ว่าเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ควรบริโภคแก่นักบวชแล้วสมัยพุทธกาล มีไหมครับ? ที่นักบวชบริโภคเนื้อสัตว์ หรือว่าในยุคพระพุทธเจ้า (อินเดีย) สมัยนั้น เขาไม่กินเนื้อสัตว์กันโดยปกติอยุ่แล้วครับ.พ่อท่านช่วยอธิบายเพื่มเติมตามความเหมาะสมด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ พ่อครูว่า…พูดมายาวและหลายครั้งเยอะแยะเรื่องนี้ ก็ขอสรุปสั้นๆว่า ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้านั้นพระพุทธเจ้าเองไม่เคยบริโภคเนื้อสัตว์เลยทั้งในขณะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เพราะท่านเป็นพราหมณ์ชั้นสูง จนกระทั่งมาบวช จนตลอดพระชนม์ชีพไม่ได้เคยบริโภคเนื้อสัตว์เลย มีแต่คนหาเรื่องมีแต่คนกล่าวตู่ ประเด็นหลักที่เคยยกตัวอย่างให้ฟัง ประเด็นเดียวนี้ ถ้าเข้าใจยังมีปฏิภาณปัญญาไหวพริบจะเห็นชัดเจนเลยว่า มันยืนยันว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ก็คือประเด็นว่า มีคราวหนึ่งพยายามดิสเครดิตพระพุทธเจ้า ไปตะโกนบอกว่าเจ้าข้าเอ๋ยพระสมณโคดมฉันเนื้อสัตว์แล้ว ทั้งๆที่เนื้อนี้ไม่บริสุทธิ์ด้วยส่วน 3 ก็ตะโกนโหวกเหวกบอกชาวบ้านชาวช่อง พระสมณโคดมบริโภคเนื้อสัตว์แล้ว สมมุติถ้าเผื่อว่าพระพุทธเจ้าท่านบริโภคเนื้อสัตว์อยู่เป็นปกติ เมื่อพระพุทธเจ้าบริโภคเนื้อสัตว์เป็นปกติแล้ว อเจลกะไปตะโกนโหวกเหวกก็จะเป็นการดิสเครดิตพระพุทธเจ้าใช่ไหม เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าบริโภคเนื้อสัตว์เป็นปกติพวกชาวบ้านก็จะบอกว่า เจ้าข้าเอ๊ย ไปตะโกนทำไมว่าพระพุทธเจ้าบริโภคเนื้อสัตว์ แต่เพราะนี่พระพุทธเจ้าไม่ได้บริโภคเนื้อสัตว์ใช่ไหม อเจลกะจึงไปตะโกนบอกชาวบ้านว่าเจ้าข้าเอ๋ยพระสมณโคดมบริโภคเนื้อสัตว์แล้ว _พระตำนานไท…กราบขอให้พ่อท่านอธิบายการปฏิบัติแบบ อาฬารดาบส+อุทกดาบส เปรียบเทียบ กับการปฏิบัติแบบหลวงตามหาบัว+หลวงปู่มั่น ว่าเหมือนกันต่างกันอย่างไร พ่อครูว่า…การนั่งหลับตาสะกดจิต อาฬารดาบส+อุทกดาบส เปรียบเทียบ กับการปฏิบัติแบบหลวงตามหาบัว+หลวงปู่มั่น นั้นเหมือนกัน เป็นฌานหลับตา อาฬารดาบสได้ฌาน 7 อุทกดาบสได้ฌาน 8 อรูปฌานเหมือนกันชื่อว่าอรูปฌานเหมือนกันแต่กายต่างกันสัญญาต่างกัน แต่อาฬารดาบส+อุทกดาบสไม่ทำบาปมากเหมือนอย่างมหาบัว เพราะหลอกคนมากกว่า ทำการเรี่ยไรได้ทองคำเข้าคงคลังประเทศถึงได้คะแนนเสียงมากแต่เป็นการทำทุจริตกรรมในความหมายของปรมัตถธรรม การปฏิบัติธรรม อันนี้แหละคนไม่ได้เข้าใจง่ายๆ แต่ผู้ที่ฟังด้วยดีฟังด้วยปัญญา สุสสูสังละภะเตปัญญัง ฟังด้วยดีจะชัดเจนด้วยปัญญาว่ามหาบัวมีนัยยะอย่างนี้ อาตมาจึงชี้ข้อผิดข้อหลอกลวงข้อสั้นพรางอะไรของมหาบัวให้รู้ทัน ไม่ใช่ว่าเป็นการถล่มหรือเจตนาจะทำร้ายมหาบัว แต่ให้คนได้รู้ทัน และผู้ที่คนไปหลงใหลจะได้ไม่ไปเพิ่มวิธีการทุจริตอย่างนี้ต่อไปอีก นี่คือเจตนารมณ์ของอาตมา _จากอาสาสมัคร 0 บาท…. ในช่วงการระบาดของไวรัส Covid 19 ในประเทศสหรัฐที่มีข่าวออกมาตามสื่อต่างๆ ในหลายรัฐที่มีการออกมาประท้วงของประชาชน ต่อต้านการล็อคดาว ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนและมีประชาชนที่เคร่งศาสนาออกมาประท้วงเช่นกันเนื่องจากรัฐงดไม่ให้ประชาชนไปโบสถ์โดยมาตรการ Social Distancing โดยเขาเหล่านั้นอ้างว่า “การสั่งไม่ให้พวกเขาไปโบสถ์เป็นการพรากความศรัทธาในพระเจ้าไปจากเขาพวกเขา” พวกเขาทนไม่ได้ในการถูกรอนสิทธิเสรีภาพในความเชื่อของศาสนาคำถามคือ ความศรัทธาแท้จริงคืออะไร ผู้อื่นสามารถพรากความศรัทธาไปได้หรือคะ พ่อครูว่า…ความศรัทธาที่ไม่มีองค์ประกอบและเรื่องของเหตุปัจจัยต่างๆในปัจจุบันธรรมที่มีทั้งภายนอกทั้งภายใน ที่เป็นองค์รวมกระบวนการของแนวคิดที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบทั้งเหตุปัจจัยภายนอกภายในองค์รวม แล้วรวมกันประเมินประมาณตัดสิน ด้วยสัปปุริสธรรม 7 ประการ คนเรานี้ไม่มีความรู้ในสัปปุริสธรรม 7 ประการนี้เลย เพราะฉะนั้นเขาจะมีหลักฐานเหตุผลต่างๆนานาเข้ามาสรุปรวม สัปปุริสธรรม 7 ประการคงไม่ไล่รายละเอียด เมื่อไม่ศึกษาและไม่มีองค์ความรู้ที่เพียบพร้อม ก็ได้แต่ศรัทธาอย่างเดียวไป ปักดิ่งสายเทวนิยมก็จะเชื่อเฉพาะที่ศาสดาสอนไว้ อย่าว่าแต่จะมีสัปปุริสธรรม 7 ประการเลย มหาปเทส 4 ยิ่งเป็นปัจจุบันและลึกซึ้งกว่าสัปปุริสธรรม 7 ประการ เขาจะไม่มีความรู้เลยเขาก็จึงเป็นอย่างที่เขาเป็นไม่มีปัญหาอะไร _ญาติธรรมจากเยอรมัน กลอยใจ ราชสำเภา..ปัญหาคือพ่อของเด็กหญิงอิสเบล เขาได้ฟ้องศาลจะขอสิทธิ์ ดูแลลูกเพียงฝ่ายเดียว เเต่ตามกฎหมาย พ่อกับแม่ได้สิทธิ์ครอบครองลูก กันคนละครึ่งอยู่แล้ว เหมียวอยากดูแลลูกคนละครึ่งอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกบ้านกันอยู่ ไม่อยากสูญเสียลูกแน่นอน แต่ขอความเมตตาจากพ่อท่าน ถามว่า เหมียวจะต้องต่อสู้กับทางศาลให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะได้ลูกมา หรือว่า ให้ลูกเขาไปเถอะไม่ต้องสู้ให้เหนื่อย แล้วก็กลับไปอยู่วัดที่บ้านราชคะ ถามพ่อท่านต่อว่า คือยังไม่เข้าใจชัดว่า จิตวิญญาณของแม่ถ้าทิ้ง ลูกให้พ่อดูแลแต่ฝ่ายเดียวนี้ มันผิดบาปมากไหมคะ พ่อครูว่า…อาตมาก็ขอพูดตามความเห็นของอาตมาจริงๆว่า คุณมีน้ำหนักที่จะอยู่ทางโลก หรือคุณมีน้ำหนักที่จะอยู่ทางธรรมะ ถ้าหากมีน้ำหนักจะอยู่ทางโลกก็ต้องต่อสู้กันไปทางศาลตามที่คุณคิด ศาลจะตัดสินอย่างไรก็ไปทางโลก อาตมาไม่บังอาจจะไปพยากรณ์ได้ ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไรต่างๆต่อไปอีก แต่ถ้าคุณมีน้ำหนักทางธรรมะแล้วให้ไปเถอะ เขาก็เป็นลูกของเขา เขาเป็นลูกแท้ๆไม่ใช่ลูกเลี้ยงใช่ไหม เขาเป็นพ่อแท้ๆก็ให้ลูกเขาไปแล้วคุณก็มาทางธรรมะสบายๆไม่ต้องเป็นห่วง เพราะรายละเอียดของกรรมวิบากมันมีเยอะ แม้แต่กรรมวิบากของลูกของพ่อของคุณอีก เพราะฉะนั้นอันนี้ถือว่าได้คุณได้ปล่อยวางลงจากทางโน้น ถ้ามันจะมีเหตุการณ์ไม่ดีงามขึ้นมาคุณก็ค่อยยื่นมือเข้าไปอีกทีก็ได้ ดีไม่ดีเราอาจจะคิดผิดก็ได้ เราคนเดียวอาจจะเลี้ยงลูกดีสู้เขาไม่ได้ก็เป็นได้ อ่อนน้อมถ่อมตนไว้ _พระโย โพธิธรรม : ขออนุโมทนา ด้วยครับ สักกะ เป็นใหญ่ในตน ชัดเจนครับ _สวนบุญ โคตรบุญอารยะ : อยู่ศรีราชาภาพและเสียงชัดเจนกราบนมัสการค่ะ _Nimarat นิมารัตน์: พ่อครูเรื่องธรรมท่านนะคือที่หนึ่ง แต่เรื่องสังคมข่าวสารต้องมีข้อมูลที่เป็นจริงที่ถูกต้องก่อนถึงจะพูดออกไป ลูกศิษย์เสริฟอะไรให้พ่อท่านต้องวิเคราะห์ก่อนค่อยพูดออกไป พ่อครูว่า…ขอยอมรับว่าอาตมาไม่เก่งทางสังคมที่เดียว คุณเห็นว่าไม่เหมาะควรอย่างไรบอกต้องอย่างไรก็บอกมาได้ ติงมาได้ คุณเห็นว่าไม่รอบถ้วน อันไหนที่อาตมาเห็นว่ารอบถ้วนดีก็จะแสดงออกไป _supunnee สุพรรณี : มีตุ่มน้ำฝนบริจาค …รับไหมคะ พ่อครูว่า…ไม่มีรายละเอียดมาควรมีรายละเอียดมากกว่านี้หน่อย SMS วันที่ 20 เม.ย. 2563 ( สำมะปี๋ซี๋วิต : พ่อครู) _พรสิทธิ์ เจียรวรรณศิลป์ : กราบนมัสการพ่อครูครับ รบกวนช่วยคลายความสงสัยในทฤษฎีกับสภาวะให้ด้วยครับ ขออภัยคำถามยาวหน่อยนะครับ มี 5 ข้อ เกี่ยวเนื่องกัน 1) เมื่อจับตัณหาได้แล้ว(ในขณะที่มันกำลังเกิดอยู่เลย) ต้องทำอย่างไรครับ? 2) วิธีลดกิเลส หรือวิธีลดตัณหาในข้อ 1 คือ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าจะบอกว่า สรุปรวมได้ที่วิธีนี้ วิธีเดียว ถูกต้องหรือไม่ครับ? 3) ส่วนคำอธิบายที่ว่า ต้องเห็นอาการของกิเลสแล้วลดละด้วยปัญญา (ไม่ใช่การกดข่ม) อาจกล่าวได้ว่าเป็นการอธิบายเสริมของวิธีดังกล่าวข้างต้น ใช่หรือไม่ครับ 4) การเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อาจกล่าวอีกลักษณะว่า คือ การเห็นรูป-นามของกิเลส (กายกลิ) ก็ได้ ใช่ไหมครับ? 5) ที่ว่า กิเลส เป็นกายกลิ (พ่อครูไอ ช่วยตัดออกด้วย) ซึ่งกายต้องประกอบด้วยรูปและนาม ถ้าจะบอกว่า “นามของกิเลส”ในที่นี้ ก็คือ สภาวะรู้ของจิตเรา ที่ไปจับอาการตัณหาได้หรืออธิบายอีกลักษณะว่า เนื่องจากธาตุรู้ (หรือก็คือ จิตแท้ที่เทียบเป็นตัว i ใน i s h หรืออิช) จริงๆ แล้วธาตุรู้ รับรู้ได้ทีละสภาวะ ดังนั้น ขณะที่เราจับอาการตัณหาได้ ขณะนั้นก็คือ i ของเรานี่แหละ ที่ไปรับรู้อาการตัณหาของกิเลสซึ่ง “อาการตัณหา” นั้น ก็คือ “รูป” เทียบบัญญัติกับสภาวะแบบนี้ ถูกต้องหรือไม่ครับ? พ่อครูว่า…รูปคำนี้แม้เป็นกิเลสที่ถูกรู้แต่กิเลสมันก็ไม่ใช่วัตถุกิเลสเป็นนามกิเลสเป็นจิต แต่ตอนนี้มันอยู่ในฐานะที่ถูกก็รู้ กิเลสมันถูกรู้ก็เลยเรียกมันว่า รูป ตรวจถ้ารู้หรือว่าตัวปัญญาหรือสัญญาของคุณอย่างวิเศษเข้าไปกำหนดอ่านตัวนี้รู้ อ่านตัวกิเลสนี้ได้ เพราะฉะนั้นจึงเรียกกิเลสตัวนี้ว่ารูป แล้วธาตุรู้สัญญาปัญญาที่ไปกำหนดอยู่ในปัจจุบันและคุณก็อ่านมันได้ ตัวนี้จึงเป็นรูปไปเรียกโดยบัญญัติว่าเป็นรูป นี่แหละคือสภาพสิริมหามายาที่กลับไปกลับมา ด้วยภาษาพูดได้ว่าประเดี๋ยวก็รูปประเดี๋ยวก็นาม แล้วก็เป็นตัวของตัวเองคนเดียว ต้องกำหนดชัดเจนเมื่อใดเราจะกำหนดรู้ ส่วนที่ถูกรู้ อันไหนคืออาการรู้ อันไหนคืออาการกิเลส ฝึกไปเรื่อยๆแล้วคุณก็จะเข้าใจ คุณพูดมานี้คุณก็จับตัณหาจับกิเลสได้อยู่ ข้อที่ 2 การเห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา วิธีนี้วิธีเดียวถูกต้องไหม ถูกต้อง คือการเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือเห็นอย่างไร กิเลสของคุณนี้คุณเห็นแล้วคุณจับมันได้แล้ว กิเลสตัณหาตัวนี้ ที่คุณจับได้ในขณะปัจจุบันที่คุณสัมผัสอยู่กิเลสนั้นเกิดอยู่ แม้แต่ในขณะปัจจุบันมันเที่ยงไหมคนเห็นอาการมันเที่ยงไหมมันผ่านไปนาทีนึง หรือมันผ่านไป 2 วินาที 5 วินาที จึงผ่านไปเป็นชั่วโมง กิเลสมันอาจจะแรงขึ้นกว่าเก่าก็ได้ในฐานะที่คุณอาจจะฝึกฝนสู้กิเลสไม่ได้ คุณก็ยังสัมผัสกิเลสที่มันยั่วคุณ กิเลสคุณหนาขึ้นมันก็คือความไม่เที่ยงแต่ความไม่เที่ยงนั้นเป็นโลกีย์ กำลังถูกกิเลสนั้นกดหัวเอา แต่ถ้าคุณรู้เท่าทันกิเลสนั้นแล้วแล้วเห็นกิเลสนี้ ภูมิปัญญาของคุณมีฤทธิ์มีอำนาจ ญาณทัศนะของคุณมีอำนาจ มันก็จะทำให้กิเลสนี้จางลงเบาลง คุณก็อ่านอาการเบาอาการจางคลายนี้ วิราคานุปัสสี ก็เห็นมันไม่เที่ยง อนิจจานุปัสสี วิราคานุปัสสี ดีไม่ดีอำนาจปัญญาคุณสูงขึ้นจนเห็นว่ามันจางคลายจนมันดับไปเลย อำนาจพลังงานปัญญาคุณมีฤทธิ์แรงมาก เมื่อเห็นรู้ทันมันก็ดับเลยเรียกว่านิโรธานุปัสสี นี่แหละทำอย่างนี้ถูกต้องคนก็ทำทวนทำซ้ำ ปฏินิสสัคคานุปัสสี ทำอย่างนี้แหละเป็นการรักษาผล อาเสวนาภาวนาพหุลีกัมมัง นี่แหละคือกิเลสตัวเหตุแห่งทุกข์จนมันไม่มีตัวตนให้คุณเห็นอีก นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะเดินดิน…เมื่อกี้นี้เขาท้วงเรื่องการตรวจสอบข่าวก่อนที่จะพูดออกไป ทุกวันนี้มีเรื่องของเฟกนิวส์มาก พ่อครูว่า..อันนี้ดีก็ช่วยกันหน่อยก็เรื่องที่ผิดพลาดเรื่องที่ไม่ตรง พวกที่หาเรื่อง พวกนี้เป็นคนโรคจิต คนสร้างเรื่องขึ้นมา หลอกสังคม เพราะว่า Social Media มันสนุก มันเป็นการเล่นชนิดหนึ่งเขาได้ทำมันก็สนุก คนหลงตามสิ่งที่ตัวเองคิดมันก็ดีใจ เป็นโรคจิตชนิดหนึ่งคนพวกนี้มันมีอยู่จริง แล้วจะมีเยอะอยู่นะ พวกนี้ไม่มีอะไรจะทำมั้ง เหมือนกับพวกที่หาอบายมุขไปเสพ สร้างเรื่องพวกนี้ให้สนุกสะใจตัวเอง เป็นธรรมดาของคนมีปัญหาข้อที่จะสนุกสนานของเขาเอง เป็นวิธีการหนึ่งที่เขาทำ ก็ห้ามไม่ได้หรอกคนโรคจิตพวกนี้มันก็ต้องเป็นบ้าง เราก็พยายามตรวจสอบอย่างที่ว่า พ่อครูว่า..เรื่องที่เป็นส่วนตัวบางทีเอาเรื่องจริงๆมาพูดนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นสาระแท้บางคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวทำไมเอามาพูด มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่คุณอาจจะเจอเข้าสาระก็ได้ เรื่องวิบากกรรมเป็นเรื่องประมาทไม่ได้ _ธารร่มธรรม ทำร่มทาน : กราบนมัสการพ่อครูค่ะ ชื่อ “ธารร่มธรรม”เป็นชื่อที่ไปขอจากพ่อครู ตั้งให้เมื่อครั้งไปร่วมกิจกรรมวันแม่ที่บ้านราชปี 2560 ค่ะ (ตอนนั้นลูกชายเรียนอยู่ ม.2) ส่วนคำว่า “ทำร่มทาน” เพื่อนและญาติธรรมที่สนิทกันเป็นผู้ตั้งให้ …เขาบอกว่าเราชอบแจกของกินเจ้าค่ะ ปีนี้นักเรียนสัมมาสิกขาปิดเทอมนานหลายเดือนเป็นประวัติศาสตร์ ในวันที่พ่อครูประกาศปิดบ้านราชวันแรกก็ได้ไปรับลูกชายกลับบ้านมาให้ตากับยายได้เจอหลานชายบ้าง แต่ก็ต้องเว้นระยะห่างกันเพื่อความปลอดภัยของทุกคนค่ะ …อยากกราบเรียนพ่อครูให้ทราบว่าเมล็ดพันธุ์แห่งต้นอโศกที่พ่อครูได้ปลูกฝังไปในเซลของลูก ๆ สัมมาสิกขาได้ออกผลผลิตสู่สังคมข้างนอก คือเด็กข้างนอกในวัยเดียวกันทำงาน กับลูกชายซึ่งกินมังสวิรัติจะแข็งแรงมีทักษะดีกว่าเด็กทั่วไป ทำให้ญาติ ๆที่เคยกล่าวหาว่าส่งลูกไปกินแต่ผักแต่หญ้าเป็นลิงเป็นค่างขาดสารอาหาร แถุมลูกยังใช้ภาษาธรรม ทำงานต้องมีอิทธิบาทสี่ ทำให้ญาติพี่น้องบางคนอยากไปรู้จักวิถีชาวอโศกค่ะ _จากลูกศีรษะอโศก กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพบูชายิ่ง ไหนๆ บุญนิยม TV จะปิดลูกขอเขียนมาอีกนิดค่ะ เวลาหงุดหงิดพอได้เห็นน้องรุณ พิธีกรบุญนิยมทีวี แล้วเหมือนมีน้ำเย็นมาฉโลมจิตใจให้คลายลง น้องรุณมีบุคลิกที่เย็นและงดงาม มีแววตาที่ซื่อใสและน้ำเสียงที่เย็น ส่วนคุณอิ๊ด ในน้ำคำ เขามีบุคลิกที่เข้มทั้งน้ำเสียงและแววตา (ร้อนนิดๆ) ลูกชอบดูรายการของท่านสมณะทุกรูปที่ย่อยธรรมะจากพ่อท่าน ทำให้เข้าใจและเห็นรูปธรรมมากขึ้น และชอบดูฆราวาสพูดสภาวะของตัวเอง ทำให้ชัดในภาษาสภาวะมากขึ้น ลูกมีความรู้สึกว่าพิธีกรของอโศกทุกท่าน มีความเป็นธรรมชาติมากทั้งรูปธรรม และนามธรรม (จากใจ) กราบขอคำชี้แนะจากพ่อท่านด้วยค่ะ กราบของพระคุณอย่างสูงยิ่ง พ่อครูว่า..ขอบคุณที่ให้ข้อมูลมา ที่คุณเก็บเอารายละเอียดต่างๆจากบุคคล ก็ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจและก็เกิดปฏิภาณปัญญารู้ว่าบุคลิกอย่างรุณกับในน้ำคำมีความแตกต่างกันอยู่ ก็มีข้อเด่นข้อด้อยมีข้อเปรียบเทียบในแต่ละมุม เช่นข้อด้อยของพระเทวทัต ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความเด่นในข้อด้อยนั้นเลย เช่นถ้าเราไม่เห็นความชั่วของพระเทวทัตแล้วเราจะไปเห็นความเด่นของพระพุทธเจ้าได้หรือ ไม่ต้องเข้าใจในมิติเรื่องมุมมอง นัยยะต่างๆที่ละเอียดลึกซึ้งพวกนี้ จะเป็นข้อด้อยข้อเด่นความชั่วความดีในโลกนั้นมันเป็นสมมติสัจจะ ที่คนเคยเป็นเคยมีมา ทุกคนเคยชั่วมา และก็มาเปลี่ยนแปลงเป็นดีมาได้ ดีไม่ดีเราอาจจะชั่วอย่างพระเทวทัตก็ได้แต่เราไม่รู้ แต่ถ้าผู้ใดชั่วอย่างพระเทวทัตก็คงใช้เวลานานกว่าจะมาถึงวาระนี้ทิ้งความชั่วนั้นมาอยู่อย่างนี้คงอีกหลายล้านปี เราไม่รู้เมื่อไม่รู้ก็แล้วไป แต่วิเคราะห์ให้ฟังมันจะเป็นไปได้ เราอย่าไปพูดชั่วดีโดยไม่เห็นคุณค่าของความชั่วเลยความชั่วความดีก็เป็นประโยชน์แก่กันและกันที่เราจะใช้ศึกษา เสร็จแล้วตรงนี้ขอให้ฟังดีๆ ชั่วดีเราอย่าไปยึดมั่นถือมั่น ในชั่วและดี แต่ในชั่วและดีเราควรจะทิ้งความชั่วให้เด็ดขาดแล้วทำแต่ดี แต่ในความชั่วและดีนั้น ที่บอกว่าทิ้งความชั่วให้เด็ดขาดนั้นความชั่วความดีไม่ได้เที่ยง สมมุติไม่ได้เที่ยง ในยุคนี้อาจจะดีในยุคต่อไปอาจจะชั่วมันก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปยึดมั่นถือมั่นในความชั่วความดี แล้วแต่เหตุปัจจัยองค์ประกอบที่เขายกว่าเป็นความชั่วหรือความดีในความเป็นสังคมเพราะความดีความชั่วเป็นสมมติสัจจะ มันไม่ใช่ปรมัตถสัจจะไม่ใช่ความสุขความทุกข์ ฟังดีๆ ความชั่วความดีเป็นโลกียะ ความสุขความทุกข์นี้เป็นโลกุตระ ต่างกันมากเลย ผู้ใดปฏิบัติแค่ดีชั่วไม่เข้าใจสุขทุกข์เมื่อเรียนรู้สุขทุกข์ไม่ละทิ้งความสุขความทุกข์ ต้องละทิ้งทั้งความสุขความทุกข์จนหมดความสุขความทุกข์ แต่ความดีความชั่วนี้ไม่นะ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณต้องมีความดีอยู่ตลอด พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่าเราไม่สันโดษในกุศล กุศลนี่คือความดี กุศลอกุศลคือความดีความชั่ว ส่วนความสุขความทุกข์ เป็นเรื่องของโลกุตระ ตรงนี้ประเด็นนี้ต้องแยกแยะให้ได้ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักความสุขความทุกข์ไม่รู้จักโลกุตระ เป็นสุขนิยม ศาสนาเทวนิยมทุกศาสนาเป็นสุขนิยมทั้งนั้น เขาจะยึดความสุขเป็นนิรันดร และก็แยกแยะความสุขความทุกข์ไม่ได้ไม่เป็น ประเด็นนี้แหละจะได้เรียนรู้ ได้แตกแขนงแตกความรู้ไปอีกเรื่องความสุขความทุกข์นี้ พวกเรานี้พยายามทำความเข้าใจให้ดีๆ แล้วก็จะได้ช่วยกันขยายผลของโลกุตระนี้ ผู้ที่ลดความผิดในความสุขความทุกข์ลดอัตตาลดโลกธรรม ลดต่อไปได้จริง ก็มันคือเป้าสำคัญต้องทำตัวเหตุแห่งการติดยึดในความสุขความทุกข์ ความสุขที่อยากความทุกข์ที่อยาก ลดได้ก็เป็นความสุขความทุกข์ที่ปานกลาง ลดได้อีกก็เหลือน้อยลงเป็นรูปเป็นอรูปอย่างนี้เป็นต้น เราก็อยู่กับสังคมอยู่กับโลก ใครมีอัตตาอย่างไร เมื่อเราลดอัตตาได้เราก็จะรู้ว่าแต่ก่อนเราเคยเป็น เพราะฉะนั้นเราจะไม่สงสัยอะไร เราก็จะช่วยเขาได้ ผู้ใดมีปฏิภาณดีรู้ว่าอย่างนี้เราเป็นมันหนัก เราแก้อย่างนี้ก็จะช่วยเขาได้ บางทีเราไม่เป็น นี่คือคนที่ผัสสะจะรู้เราเคยเป็นอย่างนี้ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ความชั่วอย่างนี้เขาก็เป็นกันได้เราไม่เคยเป็นขนาดนี้นี่ก็คือการรอบรู้ ความเป็นโรคของผู้อื่นซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นทุกอย่างตามที่เขาเป็นอย่างเขา เป็นเราก็รู้ เราก็ได้เพิ่มความรู้นี้ ไม่ควรจะเป็นซ้ำๆหรือเป็นคล้ายกันกับคนนั้นคนนี้อีกหลายเยอะแยะเราก็จะช่วยก็ได้ _SMS วันที่ 21-22 เม.ย. 2563 5562จาก : เพชรธารา กราบนมัสการถามพ่อครู มีเพื่อนคนนึงอยู่ที่วัด มักตกภพ เพ่งโทษ ถือสาพยาบาท ต่อผู้ปฏิบัติธรรมแรงกล้า และชอบพูดให้คนเกลียดกัน. ได้บอกเตือนเขาเพราะห่วงว่าจะได้รับวิบากร้าย เขาตาขุ่นเสียงเขียวกลับมาว่า สิ่งที่เขาคิดถูกต้องเขาไม่กลัววิบากอะไรทั้งนั้น พฤติกรรมเช่นนี้เขาจะมีวิบากอย่างไร พ่อครูว่า..เขาก็จะได้ศัตรู คุณก็อธิบายขยายความตามภูมิรู้ ว่าเขามักจะตกภพ เขามักจะเพ่งโทษ เขามักจะถือสาพยาบาทต่อผู้ปฏิบัติธรรม อย่างแรงกล้าด้วย ชอบพูดให้คนเกลียดกัน แล้วนับเป็นที่ 5 ก็บอกว่าได้เตือนได้บอกเขาแล้วเขาก็ตาขุ่นเสียงเขียวกลับมาเลย สิ่งที่เขาคิดถูกเขาไม่กลัววิบากอะไรทั้งนั้น เขายึดถือว่าเขาถูก เขาไม่กลัววิบากอะไรทั้งนั้น คนนี้หลงตัวเองหนัก 1.สมมุติว่ามันถูกก็แล้วไปเถิดเขาก็ดีไปรอดตัวไป แต่ถ้ามันไม่ถูกเขาแสดงความยึดมั่นถือมั่นว่ามันถูก 2. แสดงออกเต็มที่ เต็มแรงของเขาเลย เพราะฉะนั้นน้ำหนักของความแรงมันเป็นวิบาก เป็นวิบากที่ร้ายที่มีค่าวิบากเยอะอยู่เหมือนกัน คุณถามเรื่องวิบากกรรมเป็นอจินไตยนะ อันนี้อาตมาตอบไม่ได้ว่าจะมีวิบากอย่างไร ตอบได้ตามรายละเอียดที่คุณได้คบหากันเขาเป็นคนตกภพเป็นคนที่เพ่งโทษถือสาพยาบาทชอบพูดให้คนเกลียดกัน ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดมาคนนี้ใช้ไม่ได้ แม้จะเตือนจะบอกแล้วเขาก็ตาขุ่นเสียงเขียว คนนี้ถ้าพูดแล้วคุณก็ห่างๆไปดีกว่า ถ้าคุณพูดมาถูกต้อง ถ้าคุณเชื่อว่าคุณมองเขาไม่ผิดเขามักจะตกภพเป็นคนเพ่งโทษถือสาพยาบาทต่อผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแรงกล้าชอบพูดให้คนเกลียดกัน เตือนเท่าไหร่ก็มีแต่ตาขุ่นเสียงเขียว ถ้าคุณมีข้อสังเกตคุณอ่านเขาอย่างนี้ขนาดนี้แล้ว อาตมาว่าปล่อยเขาไปปล่อยเขาไปเถิด อย่าไปตอแยอะไรกับเขามากเลย เพราะว่าเขายึดมั่นถือมั่นอัตตามานะของเขาแรงมาก พูดอย่างนี้ทำให้อาตมานึกถึงมหาบัว ถ้าหากมหาบัวจะได้ยินอาตมาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่หรือเดี๋ยวนี้สมมุติว่าเดี๋ยวนี้ มหาบัวจะมีชีวิตได้ยินอาตมา ตำหนิ ท้วง ถ้ามหาบัวจะมีลักษณะของ มหาบัว อาตมาว่าน่าจะเป็นคนที่ตอบโต้คนอย่างคนคนนี้ เท่าที่อาตมาประเมิน เพราะว่ามหาบัวมีอัตตามานะ อติมานะสูง ยึดตัวเองสูง ไม่กลัวอะไรอย่างนี้ จะว่าไปก็เป็นวิบากของมหาบัว วิบากอันนี้จะต้องทำให้มหาบัวจมอยู่ในทางร้าย อาตมาไม่อยากบอกว่าคำว่านรก จะจมไปในวิบากร้ายอีกหลายกัป นี่เป็นการอธิบายด้วยความเมตตาด้วยวิชาการ ลูกศิษย์มหาบัวก็อย่ามาหาว่าถล่มทลายเลย เพราะว่ามหาบัวทำกรรมของเขาเอง อาตมาจะถล่มอย่างไรหรือไม่ถล่มอย่างไรก็ต้องรับวิบากอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอาตมาถล่มโดยผิดๆมันก็เป็นวิบากของอาตมาเอง อาตมาจะโง่อย่างนั้นอาตมาก็ได้รับวิบากเอง ไม่ต้องห่วงหรอก เช่นอาตมาไปตำหนิพระอาริยะ ไปตำหนิข้อถูกของเขาว่าเป็นข้อผิดมันก็เป็นบาปของอาตมา เพราะฉะนั้นกรรมเป็นอันทำ ไม่ต้องห่วงหรอกสิ่งที่เป็นสัจจะพวกนี้ SMS วันที่ 23 เม.ย. 2563 ( พุทธศาสนาตามภูมิ : สมณะสิกขมาตุ) -1614พุทธพจน์ บุคคล รู้แจ้งธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว จากผู้ใด พึงนอบน้อมผู้นั้นโดยเคารพ เหมือนพราหมณ์นับถือการบูชาไฟ ฉะนั้น พ่อครูว่า..หมายความว่าได้ยินธรรมะพระพุทธเจ้าจากผู้ใดก็ตาม พระพุทธเจ้านี่ฉลาด เหมือนกับพราหมณ์นับถือการบูชาไฟ ที่จริงศาสนาพุทธไม่ได้นับถือการบูชาไฟ แต่จำเป็นที่ต้องเอาสิ่งที่เขานับถือนั้นมาเป็นคู่เปรียบเทียบ เป็นการสอนซ้อนลงไปว่า คุณนับถือการบูชาไฟซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่น่านับถือ คุณเลิกเลยการนับถือบูชาไฟ แต่เอาการนับถือบูชาไฟที่คุณเคยนับถืออย่างแรงกล้ามาใช้ ซ้อนลงไปนี่เป็นการสอนที่ลึกซึ้ง คนที่ไม่มีปฏิภาณไม่รู้เรื่องหรอก ดีไม่ดีจะบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนให้บูชาไฟไปโน่นเลย คนที่ไม่เข้าใจอุทาหรณ์ซับซ้อนอย่างนี้ เพราะฉะนั้นอันนี้จึงต้องระมัดระวังเหมือนกัน บางทีเราไปยกอุทาหรณ์ในสิ่งที่ไม่ควรยก เขาก็จะไปติดในสิ่งที่เรายก เขาติดในบุคลาธิษฐานส่วนใหญ่ในโลก เหมือนกับการบูชาไฟ ฟังดีๆนะ บุคคล รู้แจ้งธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว จากผู้ใด พึงนอบน้อมผู้นั้นโดยเคารพ เหมือนพราหมณ์นับถือการบูชาไฟ ฉะนั้น เอาสิ่งไม่ดี ไปยกให้การกระทำดีสอนอยู่อย่างนี้เป็นสภาพสิริมหามายาที่ยาก คนไม่มีภูมิธรรมเพียงพอจะงง จับพยัญชนะกับสภาวะไม่ถูก ที่พระพุทธเจ้าท่านยกการบูชาไฟกับพราหมณ์ผู้ที่เคยติดการบูชาไฟมา ท่านก็คงประมาณแล้วว่า พราหมณ์ผู้นี้จะต้องเข้าใจจะต้องรับรู้ได้แยกแยะออกว่า แม้จะพูดสลับไปสลับมาเหมือนนักมายาเล่นกล แต่เป็นภาษาสิริมหามายาไม่ใช่เล่นกล แต่เป็นการชี้แจงสัจจะสื่อสภาวะกับสัจจะให้ถูกต้อง บูชาไฟเป็นสมมติสัจจะ ส่วนปรมัตถสัจจะให้เป็นการเคารพ หากแยกแยะไม่ออกแล้วบอกว่าให้นับถือบูชาไฟอีกก็จบ เดี๋ยวนี้ในสังคมคนก็เก่งหาวิธีการซับซ้อน เอาความไม่ดีให้คนหลงว่าเป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกด้วยความเก่งความเฉลียวฉลาด ฉลาดแบบเฉโก โลกีย์นะ ทุกวันนี้ใช้ความฉลาดแบบนี้ทั้งนั้นแบบธัมมชโย เก่งจริงๆเลย พูดถึงเรื่องความซับซ้อนในการสร้างวิมาน ธัมมชโยนี้กินดิบกว่ามหาบัว 100 เท่าเลย โอ้โหสุดยอดเลย ในภาคความหลอกลวง ธัมมชโยเข้ากับยุคสมัย เพราะมันใช้ตรรกะใช้เหตุผล แล้วก็ใช้โลกียะ ใช้โลกีย์รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสลาภยศสรรเสริญโลกียสุข มาผสม เป็นนักปรุงเป็นนักทำกับข้าว ให้รสอร่อยรสเนียนกินลึกซึ้งเลย คนถึงติดมาก หลอกจนกระทั่งคนก็หลงเชื่อ คุณต้องปิดบัญชีเลยมีเท่าไหร่เทกระเป๋าให้ธัมมชโยฉันปิดบัญชีเลย แล้วหลอกให้คนทำอย่างนั้นจริงๆด้วย จนกระทั่งทางบ้านทางครอบครัว บอกว่ามันก็จะยุ่งสิ แล้วยังมีผู้สนับสนุนคืออนันต์ อัศวโภคิน เป็นลูกคู่สนับสนุน อันนั้นฉลาดพูดให้คนอื่นผิดบัญชีแต่ตัวเองไม่ปิดบัญชี คนฉลาดแกมโกงเป็นอย่างนี้ เพราะอะไร อนันต์นั้นได้ประโยชน์จากธัมมชโย เพราะเป็นผู้รับก่อสร้าง จากโครงการที่ธัมมชโยมี เขาเรียกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ตกลงเลยกลายเป็นว่าอนันต์ อัศวโภคินหลอกใช้ธัมมชโยเป็นเครื่องมือ แล้วธัมมชโยก็บอกอีกว่า อนันต์ อัศวโภคิน มีพวกที่จะเอาเงินมาทับถมให้อีก สมณะเดินดินว่า…เวลาธัมมชโยเล่าเรื่องความ ครูไม่ใหญ่ฝันในฝันวิทยา ทั้งหมดเป็นเรื่องความฝัน แต่ว่ามหาบัวก็ฝัน ฝันว่าพระอินทร์มาขอยืมฟัน จริงไม่จริงก็ไม่รู้นะ พ่อครูว่า…มหาบัวนั้นจริงจัง แต่ว่าธัมมชโยนี้รู้ว่าตัวเองหลอก คนที่โกหกทั้งๆที่รู้นั้นไม่มีความชั่วใดที่เขาทำไม่ได้ มหาบัวนั้นก็แบ่งรับแบ่งสู้จริงไม่จริงก็ไม่รู้นะมันเป็นความฝันแต่ว่าฟันมันหาย นี่คือเล่ห์เหลี่ยมคือบาปเวรที่เขาทำ ที่พูดนี่ไม่ใช่เอามาประจานหรือดิสเครดิต แต่เอามาเปิดเผยให้คนรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม ของผู้ที่ทำไปแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาเป็นเรื่องจริง เอาเรื่องจริงมาเปิดเผยมาขยายให้เห็นว่าอย่างนี้เป็นต้นเป็นตัวอย่าง ให้ได้เรียนรู้เท่าทันกัน ที่พูดนี้ก็รู้สึกว่าน่าสงสาร จากใจจริง สงสารทั้งธัมมชโยและมหาบัว เขาไปทำสิ่งที่ผิดไปแล้ว อาตมาก็อาศัยอันนี้ในการสอน ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงที่จะได้ความไม่ชอบใจจากลูกศิษย์ลูกหาของเขา แทนที่จะได้คะแนนเสียง ก็เป็นวิบากของอาตมา อาตมาก็ยอมขาดทุนอันนี้ เพื่อให้ผู้ที่ตั้งใจฟังได้ประโยชน์ ถ้าเป็นนักค้า เป็นนายทุนอาตมาเป็นคนที่ขาดทุนมากกว่ากำไร เพราะคนที่ศรัทธาอาตมาน้อยกว่าคนที่ไปศรัทธามหาบัวกับธัมมชโย พูดไปแล้วลูกศิษย์ลูกหา ลูกค้าของเขาเยอะกว่า เขาก็จะไม่ชอบใจอาตมามากกว่า แต่จะได้คนที่เกิดภูมิปัญญาจำนวนน้อย อาตมาต้องการอันนี้ คนที่ได้ภูมิปัญญารู้สึกเท่าทัน เข้าใจดีขึ้น ว่าเราไปหลงผิด อันนี้แม้จะน้อยคนก็มีค่าที่สูงมากเป็นค่าทางโลกุตระ แต่คุณค่าทางโลกียอาตมาขาดทุนยับเยินเพราะว่าลูกศิษย์ลูกหาเขาเยอะ เขาฟังไม่เข้าใจเขาฟังไม่ขึ้นหรอกจะมีคนเข้าใจบ้างจากจำนวนลูกศิษย์ลูกหาเขาบ้างแต่น้อย แต่แม้น้อยอาตมาก็คุ้ม หมื่นคนต่อ 1 อาตมาก็เอา แม้แสนคนอาตมายังเอา 1 เลย ในยุคนี้มันสิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนี้เลยเหมือนกับการเก็บเข็มในมหาสมุทรเลยไม่ใช่แค่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน -Putkeanphet Prachkul พุทธแก่นเพชร ปราชญ์กุล: ยอมเป็นผู้แพ้..อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้..กราบนมัสการครับ พ่อครูว่า…แม้เราถูกต้องเรายอมแพ้ก็ได้ หรือว่าเราไม่ถูกต้องเรายอมแพ้ก็เป็นไปได้ แม้ว่าเราถูกต้องเราก็ยอมแพ้อันนี้สิ เราต้องดูเหตุปัจจัยประกอบว่า ถ้าเรายอมแพ้อันนี้ ถ้าขืนดันทุรังต่อไปมันจะเกิดความเสียหาย ไปต่อต้านไปทะเลาะกันหรือไปทำอะไรขึ้นมาอีกมันก็จะเกิดการปะทะเกิดความรุนแรงเกิดความเสื่อมเสียจากเหตุการณ์นี้ จากที่เราเองให้มันเกิดสงครามพวกนี้มันไม่ดีไม่ควร เราก็ยอมเป็นผู้แพ้เสีย สงครามนี้จะเกิดผลข้างเคียงตามมามันไม่คุ้ม ได้ไม่คุ้มเสีย เสียมากกว่าได้เราก็ไม่ควรทำเป็นต้น -จักรพล พุทธพัฒนา : ปฏิบัติตามกำลังของตนผลเป็นเลิศ ช่างประเสริฐ รู้ประมาณตามกาลหนอ อย่าตะกละอยากได้มากไม่รู้พอ ต้องอดทนรอได้สบายเอย..อาเมน!! พ่อครูว่า…ไปยืม อาเมน เขามาใช้แทนที่จะบอกว่าพุทโธ ไม่เป็นไรแต่ก็ใช้ได้ -ทศพล ชินสถิต : กราบนมัสการ.พ่อครู.ผู้สร้างชมพูทวีป.ในยุคกึ่งพุทธกาล.เป็นสิ่งที่ยิ่งไหญ่.ที่อุบัติขึ้นได้จริง.อย่างมหัศจรรย์ พ่อครูว่า..ขอขยายความ ชมพูทวีปคืออะไร ให้อาตมาเป็นผู้ที่สร้างชมพูทวีป จะว่าไปมันก็มีส่วน แต่อาตมาไม่ใช่ผู้สร้างชมพูทวีป ชมพูทวีปเกิดได้จากองค์ประกอบต่างๆ สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส สุรภาโว คือภาวะที่ได้สัดส่วน เป็นภาวะของเหตุปัจจัยต่างๆ แข็งแรง มากเพียงพอ สุระแปลว่า แรงกล้า เช่น มีบุคคลมีอาหาร มีสถานที่ มีธรรมะสัปปายะ อย่างนี้เป็นต้น สติมันโต คือองค์ประกอบตัวตนของคน ในปัจจุบันนั้น รู้จักสติที่เป็นโพชฌงค์ เป็นสติที่มีความเต็มทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม รับรู้องค์ประกอบทั้งภายนอก ภายใน ประมวลแล้วเป็นสังขาร รู้ในองค์ประชุมที่เป็นสังขารวิเคราะห์วิจัยว่า สังขารนั้นมีเศษธุลี แม้แต่มีขี้ไคลของความคิดนิดๆหน่อยๆคุณก็รู้ไปตามลำดับ อะไรควรเห็นก่อนก็ล้างกำจัดก่อน นี่เป็นภาคปฏิบัติของแต่ละคนที่จะติดตามไปเรียนรู้ เพราะฉะนั้น ชมพูทวีป จึงคือ องค์ประกอบคือ สุรภาวโว สติมันโต คือคนที่มีสติที่จะเรียนรู้หรือมีสติที่เป็นโพชฌงค์ หรือเต็มๆคือมีสติปัฏฐาน 4 ครบกระบวนการทั้งยวงเลย ครบโพชฌงค์ 7 ครบโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 แล้วก็เกิดผลมาเต็มกระบวนการของโพธิปักขิยธรรม 37 ผู้ที่เข้าใจและรู้จัก อิทัปปัจจยตารู้จักปฏิสัมพันธ์ชัดเจน แล้วก็ปฏิบัติได้สัดส่วนดี ก็เกิดผลจึงเรียกตรงนี้ว่าพรหมจริยวาโส หมายความว่าเป็นพรหมจรรย์ จริยวาโส คือที่อยู่ของพฤติกรรม หรือผู้กระทำ มีคนกระทำ เป็นที่อยู่ตรงไหนก็ตรงนั้น รวมแล้วครบสัปปายะ 4 มีทั้งสถานที่ มีทั้งบุคคล มีทั้งอาหารเครื่องอาศัยต่างๆ ครบทั้งธรรมะ กามฉันทะ เวทนา เจตนา วิญญาณ หรือเป็นรูปนามที่ครบอาหารทั้ง 4 ก็สามารถล้างกามฉันทะ สามารถล้างเวทนาในเวทนา สามารถกำจัดเจตนาที่เป็นตามมาตามลำดับ แล้วก็เป็นภวตัณหา จนกระทั่งหมดเหลือแต่วิภวตัณหาเป็นเครื่องใช้เป็นเครื่องอาศัย เกิดจากการเรียนรู้ไปทีละคู่รูปนามนามรูปในวิญญาณ ในอาหาร 4 การเกิดชมพูทวีปที่ผมพูดลงไปว่า ชมพูทวีปได้ย้ายจากอินเดียมาอยู่ประเทศไทยแล้ว ไม่ใช่เป็นผมสร้าง ไม่ใช่สมณะโพธิรักษ์สร้างชมพูทวีป ไม่ได้ใหญ่เบ้อเร่อเท่ออย่างนั้นหรอก แต่เอาความเป็นชมพูทวีป ซึ่งหมายถึง ปรมัตถ์ของธรรมะพระพุทธเจ้าชมพูทวีป สภาพของ สุรภาวโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส เอาของพระพุทธเจ้ามาสร้างให้จริงประกอบด้วย บุคคล อาหาร สถานที่ และธรรมะสัปปายะ เกิดได้จริงเป็นจริงเป็นองค์รวมเป็นสภาพ ได้ความจริงขึ้นมาเป็นบุคคลวรรณะ 9 เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา เกิดเป็นคนเป็นสังคมที่มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) เป็นคนไม่สะสมยอดขยันในชาวอโศกหลายคน จะเห็นว่าเป็นคนกรรมกรสังคมอยู่ในชุมชนของสังคมอโศก ทำงานอย่างเบิกบานร่าเริงไป ตัวเองก็กินก็ใช้อยู่ในนี้สบาย แต่เป็นคนไม่สะสมยอดขยัน ทำงานแล้วก็รู้การงานที่ควรทำมีเยอะแยะ สุดยอดเลยสบายๆ ถ้าใครจับเคล็ดลับในการอยู่กับชาวอโศกได้ ว่าเราไม่ต้องสะสมเลย เรามีแต่ขยันอย่างเดียว เพราะว่าสาธารณโภคีเรามีกินมีใช้ เราเป็นคนมักน้อยสันโดษก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้กระดี๊กระด๊ากว่านี้ จริงๆแล้วอุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลือใช้เลย คนที่รู้ว่าอยู่ที่นี่เกินกินเกินใช้อุดมสมบูรณ์ คนนั้นอยู่ไปได้สบาย คนนี้ก็เป็นคนที่แน่นอนเป็นคนเที่ยงแท้ เป็นคนแท้ๆของศาสนาพุทธของบุคคลพุทธศาสนาที่แท้จริง เป็นบุคคลอนาคามีขึ้นไป เป็นอรหัตตมรรค อรหัตตผลก็เป็นอรหันต์แล้ว แต่ไม่ได้พยากรณ์ไม่ได้ไปบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นอรหันต์ เพราะว่าพระอรหันต์ก็มีหลายระดับ รู้มากหรือไม่รู้มากก็ได้ อรหันต์ที่ไม่รู้มากไม่มีโลกมากก็เป็นอรหันต์ได้แต่เขาก็ไม่มีอะไรต่อเป็นอรหันต์ง่ายๆ อรหันต์ไม่ต้องมีอะไรมากมายซับซ้อนแล้วเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไรก็เอาแค่นั้น อรหันต์ที่รู้มาก เป็นพระโพธิสัตว์ หรืออีกอย่างเป็นอรหันต์ที่รู้แค่นี้ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เป็นส่วนตัว -สุรีย์ ประภาวงษ์ : ธรรมรักษาผู้มีธรรม พ่อครูว่า..ผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะว่าธรรมรักษาผม ไม่ได้มีองค์กรอะไรมารักษาผม ขออภัยที่เหมือนดูถูกดูแคลนคนอื่น ไม่ได้ตีทิ้งนะ ถ้าใครจะมีน้ำใจรักษาช่วยประคับประคองช่วยสนับสนุนอาตมาอยู่ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่ง ที่พูดไปนี้ มันยังไม่มีรูปธรรม ที่ชัดเด่นว่าใครจะมา ร่วมชูอโศกร่วมชูโพธิรักษ์ เด่นๆ ตอนนี้ก็เห็นองค์การองค์กรทางรัฐบาล ของจังหวัด ของอำเภอ ของตำบลของหมู่บ้าน หรือองค์การของสังคมกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ก็มีอยู่พอสมควรของสังคม ในระดับหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านในระดับอำเภอทั้งอำเภอยังไม่ไหว อโศกทุกวันนี้มีเครดิตแค่นี้ทุกวันนี้ เท่าที่ตัวเองมองไม่ใช่ไปดูถูกดูแคลนนะแต่พูดตามปรากฏการณ์ที่เป็นจริงมันอยู่ได้แค่นี้ แต่ก็ไม่ได้พูดไปเพื่อที่จะดูถูกดูแคลนอะไรใครเขาหรอกหรือไปตีทิ้ง ถ้าพูดสภาวะจริงที่มันเกิดอยู่ ขนาดน้อยๆแค่นี้เราก็ยังมีธรรมรักษา ผู้ที่ปฏิบัติผู้มีธรรมะ ธรรมะนี้รักษาเราได้ทุกวันนี้ นี่คือสัจจะของธรรมรักษาผู้มีธรรม ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม เราก็อยู่อย่างไม่ได้เดือดร้อนเกินไป แม้จะมีคนมาปองร้าย ขออภัยไม่ได้ท้าทายไม่ได้เรียกร้องให้มาทำร้าย ก็ยังไม่เห็นมีใครมาทำร้ายอะไรมากมาย ในปรากฏการณ์ของเราคือ 1. สันติอโศกถูกถล่มด้วยลูกระเบิด 1 ครั้ง ยังมีอนุสรณ์ที่เรารักษาเอาไว้ สร้างสแตนเลสหุ้มไว้บอกว่าอย่าไปทำร้ายอนุสรณ์นี้ ถูกระเบิด 1 ครั้ง แล้วก็มีคนมายิง 2 ครั้งมายิงที่หน้าสันติอโศก เสร็จแล้วยิงไม่ออก 2 ครั้งก็เลยไม่มาอีกเลย เขายิงไม่ออก 2 ครั้งก็วิ่งขึ้นรถไปเลย พวกนี้ไม่ใช่อภินิหารแต่เป็นธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม จะมีอะไรเป็นเหตุปัจจัยเราไม่รู้ แต่ปืนของคุณไม่ดีลูกปืนคุณด้าน หรือใส่กระสุนกลับด้านยิงไม่ออกก็เป็นได้ ก็ไม่รู้เหตุปัจจัยอะไร ไม่รู้เหมือนกัน กับว่าเราไปชุมนุม เสร็จแล้วพวกเราก็ปลอดภัย จนบอกว่าพวกเรามีพวกมาช่วยอยู่เบื้องหลัง ก็ดีสิถ้ามีผู้ช่วยเบื้องหลัง แต่แล้วเป็นใครล่ะ อย่างที่เราไปชุมนุมกันมาตั้ง 4-5 รัฐบาล การชุมนุมประท้วงเป็นเรื่องของการแสดงปรากฏการณ์ประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นรูปธรรม ขออภัยเหมือนความหลงตัวเองว่าเราได้เป็นผู้ที่พาไปทำอันนี้แล้ว พวกเราไปทำจนกระทั่งเกิดประชาชนรัฐประหารรัฐบาล ด้วยอำนาจของความเป็นประชาธิปไตยอำนาจของประชาชนเป็นอำนาจที่ดี เป็นอำนาจความถูกต้องเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ จนรัฐบาลล้มไปหยุดได้ แน่นอนพูดอีกมันย่อมมีเหตุปัจจัยร่วมด้วยอย่างนั้นอย่างนี้ จนสุดท้ายเหมือนกับนายกตู่ เป็นผู้ควบคุม คสช. อยู่ ผมขอยึดอำนาจแล้วก็บริหารต่อมาเราก็เห็นด้วยจนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเห็นด้วยอยู่เลย ก็ไม่เห็นมีปัญหาถือว่าเป็นตัวแทนประชาธิปไตยที่ดี ทุกวันนี้ประชาธิปไตยเมืองไทยก็ดีกว่าโลกเขา โลกเขายังไม่เข้าใจประชาธิปไตยโดยเฉพาะอเมริกา เป็นประชาธิปไตยที่อัตตามานะยิ่งใหญ่เลย สำหรับประชาธิปไตยอเมริกา แล้วเป็นประชาธิปไตยขาเดียวด้วย -Pornthip Thailand พรทิพย์ ไทยแลนด์: กราบนมัสการท่านสมณะและสิกขมาตุทุกท่านค่ะ ท่านเทศน์ได้ถึงใจมากเลยค่ะ เรามันกิเลสหนาจริงๆ อีกไม่รู้เมื่อไหร่จึงจะทำจิตให้เข้มแข็ง เอาชนะกิเลสได้อย่างท่านๆ พ่อครูว่า..นี่ก็เป็นคนที่ถูกต้องมีภูมิปัญญาเห็นสิ่งนี้ว่าดีแล้วเห็นว่าจุดนี้ใช่จุดนี้เที่ยงแท้ ส.เดินดิน สรุป ส.ฟ้าไท สรุป Category: ศาสนาBy Samanasandin24 เมษายน 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630420_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 98NextNext post:630426_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ New Normal คือพวกสันโดษใจพอRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024