630415_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ทำดีด้วยหัวใจสมาธิพุทธ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่…
https://docs.google.com/document/d/1Dr5Xe3Zr-0_BFNLF1VmdMi_l6GC60dIZ2BTBt0TQhww/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1yOlwi76DUS_kJvZmUAVXHNt2DnLLZUdh
ก่อนออกรายการพูดคุยกันเล่นๆบอกว่าอยากตายเมื่อไหร่ก็ตาย (สมณะฟ้าไทว่า… น่าอิจฉาจังเลยครับ)พ่อครูว่า…อานนท์เราจะอยู่ให้อายุของเราอยู่เป็นกัปหรือเกินกว่ากัปเราก็อยู่ได้ แต่ก็สุดท้ายก็ไปตามควร ท่านอยู่จนเมื่อยแล้ว
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 15 เมษายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้คำพูดหนึ่งที่เราควรจะตระหนักไว้ก็คือ อย่าทำการ์ดตก คืออย่าประมาท ที่สิงคโปร์ปล่อยให้การ์ดตกตอนนี้ยอดขึ้นเป็นร้อยเลย พ่อครูพาให้พวกเราไม่ประมาทมันถูกต้องแล้ว แม้พ่อครูยังบอกว่าอันนี้จะชนะแต่ก็อย่าประมาท ทำให้เต็มที่ที่สุดที่จะทำได้ เราอยู่กับพ่อครูใกล้ชิดฟังธรรมโดยตรง ที่อื่นจะต้องฟังทางไกล เราเองได้ฟังอย่างใกล้ชิดเสมอๆ ถ้าเราไม่ได้ลดตัวตน เราจะกลายเป็นคนที่ พ่อครูใช้สำนวนว่าใกล้เกลือกินขี้ มันแสบกว่าใกล้เกลือกินด่าง เหมือนพระฉันนะที่มีอัตตาเพราะถือว่าเป็นผู้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาก่อน พระพุทธเจ้าก็สอนโดยการพรหมทัณฑ์
เราก็ยิ่งต้องลดตัวตนเพราะว่าอยู่ใกล้ชิดกับพ่อครู เราเป็นลูกจะให้พ่อครูยอม กับเรายอมให้อันไหนจะดีกว่ากัน เราจะได้รู้ลดละตัวตนได้จนหมดตัวตน เราอยู่ใกล้ชิดต้องเป็นตัวอย่างของการลดตัวตนให้ได้มากที่สุดนั่นแหละคือสิ่งที่เราจะได้ประโยชน์จากพ่อครู
พ่อครูว่า…SMSวันที่13-14เม.ย.2563
_คณิตไทเทิดธรรม สีสุวรรณ์ • นมัสการครับหลวงปู่ ผมดูรายการหลวงปู่อยู่ที่มาเลเชีย อำเภอตุมปัต จังหวัดรัฐกลันตัน ครับ/ ดูทางเฟซบุ๊กครับ ภาพชัดดีครับกราบนมัสการครับผม
พ่อครูว่า…สมณะฟ้าไทว่า เขาไม่บอกว่าอยากจะกลับมาใจจะขาด พ่อครูว่า..เขาก็มีภรรยาอยู่ที่นั่น ก็อาจบอกว่าโควิดมาช่วยเราไม่ให้กลับก็ได้
_GuiRawadee กุ่ย เรวดี• ปราบไมยราบยักษ์ริมคลองกล้ามเนื้อไหล่อักเสบ ต้องขออนุญาตซ่อมสุขภาพก่อนนะค่ะ
_แตง บัณฑิตย์ • สาธุเจ้าค่ะพ่อครูที่เคารพหนูเคยเจอพ่อครูที่สู้ ๆ กับลุงกำนันค่ะ/กาแฟไมยราบอาจลดความอ้วนค่ะหนูเป็นโรคจิตไม่ชอบพวกทักษินเลยสาธุ / โควิดเข้ามาดีก็มีเยอะนะเจ้าคะ
พ่อครูว่า…ไม่หรอก คนไม่ชอบทักษิณไม่ใช่คนโรคจิตหรอกแต่เป็นคนรู้ผิดรู้ถูกรู้ดีด้วยซ้ำไป
_ขวัญ เขตบุญ • น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ กราบนมัสการ ท่าน สณ ท่าน สน. ด้วยความเคารพค่ะ เจริญธรรมสำนึกดี คุณสู่แดนธรรม ที่ช่วยความจำให้พ่อครู ทำให้ผู้ฟังทางบ้านได้อานิสงค์นี้ด้วยค่ะ
_1614ขอให้บุคลากร?ทาง?การแพทย์? พยาบาล? พร้อมด้วยเจ้า?หน้าที่?ทุกฝ่าย?มีความสุขสวัสดี เนื่องในวันสงกรานต์?ทุกท่านนะคะ /
_ChalanlaShada ชาลันลา ชาดา • เพื่อนฝรั่งที่ทำงานเล่าว่า ญาติพี่น้อง ใน อเมริกาลำบากมาก ประเทศไทยมีผู้นำฉลาด
_จักรพล พุทธวัฒนา • ทำที่กาย..พูดที่วาจา..วางที่ใจระวังจิตจะยึดการกระทำและคำที่พูดออกไปเพราะนั่นคือการสั่งสมกิเลสอาสวะใส่จิตของเราทุกขณะที่ยึดนั้นๆ.
พ่อครูว่า…ดี พูดถูก ปฏิบัติให้ได้ตามนี้นะ
_พิศมัย ชำนาญคิด • เดี๋ยวนี้เวลาโยมเข้าบ้านมา โยมจะล้างมือทันทีค่ะ เมื่อก่อนเข้าบ้านจะล้างแต่เท้า เดี๋ยวนี้ล้างมือแบบตั้งใจล้างเลย และชอบที่จะปิดแมสด้วย รู้สึกว่ามันดีกับชีวิตจริงๆกราบขอบพระคุณและกราบนมัสการสมณะและสิกขมาตุค่ะ???
_Banthita Vogt บัณฑิตา ว็อก กราบนมัสการท่านสมณะแลท่านสิกมาตุเจ้าค่ะ รับชมที่เยอรมนีภาพและเสียงชัดเจนค่ะ
_Seedin Lee (คลิปยูทิวป์พ่อครูเดินริมมูล)…กราบนมัสการพ่อครู เมืองนอกอากาศหนาวไก่เลยขันเสียงไม่ยาวเหมือนไก่บ้านเรา ตอนนี้ช่วงโควิค19ระบาด ไก่อเมริกาคงจะขันไม่ออก
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์
_ณฐาพัชร์ อัฐพรวรรักษ์ …หลังจากซ่าๆ ช่วงวิกฤตโควิด อโศกเปิดบ้านเปิดเมืองแล้ว คาดว่าจะมีญาติธรรมรอบนอกย้ายสำมะโนครัวเข้าชุมชนอโศกสาขาใดสาขาหนึ่ง ลูกก็เป็นอีกคนหนึ่งที่จะย้ายเข้าไปอยู่กับชุมชนชาวอโศกค่ะ
พ่อครูว่า…ดีคงจะมีคนเลือกเพียงคุณคนนี้ว่า
_Jaiklan Navabooniyom ใจกลั่น นาวาบุญนิยม…ชาวปฐมอโศกน้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพศรัทธาอย่างสูง
_แรงอารี เกษมณี ·…ดีใจที่ได้เห็นหน้า พี่น้อง ศีรษะฯ สวนน้ำฟ้า ศรีโคตรฯ นะคะ
_Eiw Isaraporn อิ๋ว อิสราภรณ์ … กราบนมัสการพ่อครูค่ะ สาธุกับทีมสื่อบุญนิยมทุกคนค่ะ เข้ามารับชมรับฟัง ดีมากๆเลยค่ะ
_Amorn Na Suwan อมร ณ สุวรรณ… ดูรายการนี้แล้วอบอุ่นและได้เห็นหน้าเห็นตากัน
กราบเท้าพ่อท่านและสมณะพร้อมสิกขมาตุทุกรูปด้วยความเคารพครับ
_หลำ มงคลอินทร์ · กราบนมัสการพ่อครูตลอดทั้งสมณะ สิกขมาตุ ตลอดทุกๆ ท่านที่อยู่บ้าน ขอให้อยู่ดีมีแฮง หลายๆเด้อ ขอบคุณพ่อท่าน ก็ยังพอมีบุญที่ได้เห็นพระโพธิสัตว์ ท่านมีเมตตามาโปรยธรรมทานถึงบ้านเลย…ขอบคุณนะคะ ๕ G ด้วยจะขอติดตามทุกๆเมื่อ ที่มีโอกาสค่ะ สาธุ นะเวลานี้มองไปไหนเห็นแต่ผู้คนใจดี มากๆเป็นพิเศษ ทำดีด้วยหัวใจนี้ มัน มีคำขยายออกมาอีกไหมคะพ่อครู…
พ่อครูว่า…มี ดี พูดตรงนี้ก็ดี ทำดีด้วยหัวใจ เอาประเด็นนี้แหละอธิบายธรรมะอธิบายสัจธรรม ‘ทำดีด้วยหัวใจ’
ทำดีด้วยหัวใจมันมีความหมายในตัวมันลึกซึ้ง อาตมาเอาตัวเองเป็นหลักจะมาว่าอาตมาทำดีด้วยหัวใจ อาตมาก็ด่า ด่าด้วยความปรารถนาดี ตำหนิหนักๆ ให้เห็นสิ่งที่ไม่ดีสิ่งที่ทุจริต ที่เขาหลงงมงาย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท…พ่อครูก็ทำดีด้วยหัวใจ อย่างที่เราสำคัญ โดยเฉพาะพวกเราชาวอโศกเพื่อประโยชน์จากพ่อครูทั้งธรรมะที่อยู่ที่อาศัยอาหาร ให้ตัวเราเองทำอย่างนี้ก็ไม่ได้ เราไม่มีบารมีถึงขนาดนี้ต้องมีคนมีบารมีถึงขนาดพอจึงจะทำอย่างที่พ่อครูทำสาธารณโภคีได้
พ่อครูว่า…ตั้งแต่อายุ 36 ปีอาตมาก็รู้ตัวเองแล้วได้ออกมาและไม่เคยหันหลังกลับไม่เคยแวบ ออกมาแล้วเดินหน้ามาทางนี้จนถึงทุกวันนี้ตั้งแต่อายุ 36 จนถึงป่านนี้
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความจริงที่อาตมาเองอาตมามีมาตั้งแต่เดิม อาตมาจึงเชื่อกรรมวิบาก ก็จะพูดถึงเรื่องทำดีด้วยหัวใจ ตอนนี้กำลังขี่ม้ารอบค่าย
พวกสามล้อสมัยก่อน เขาอยู่เฉลิมไทย จะไปสนามหลวงหรือจะไปโอเดียน เขาก็ต้องบอกว่าไปสนามหลวงก่อน ต้องไปตั้งหลักที่สนามหลวง ถ้าไม่อย่างนั้นไปไม่ถูก อาตมาก็คล้ายๆกัน
พออาตมามาทำงานด้านนี้ได้ความชัดเจนในตัวเองและประกาศตั้งแต่ต้นว่าเป็นโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่จะมาสาธยายธรรมะ จนอาตมามีหลักฐานในพระไตรปิฎกที่ มีสยังอภิญญาพระพุทธเจ้าตรัสไว้ อาตมาก็เลยได้ยิ่งมีหลักฐาน คนที่เชื่อในพระไตรปิฎกก็จะพอนับถือเชื่อถือ แต่คนไม่เชื่อก็จะหาว่าอวดอ้าง เป็นธรรมดา ที่เขาไม่ศรัทธาเพราะเขาไม่เข้าใจหรือเขาเข้าใจไม่ได้ พูดอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าเป็นความยึดถืออุปาทาน อภินิเวส ยึดมั่นในทิฏฐิก็ดี ความรู้ความเข้าใจต่างๆก็ดี จนกระทั่งเอามาใช้กับชีวิตที่แล้วเอามาประพฤติอย่างพระอยู่ในสำนักต่างๆเป็นต้น หรือแม้แต่ฆราวาสก็ตามที่ยึดถือความเข้าใจที่เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้อาตมาพูดแรงโดยไม่ไว้หน้าว่าที่ทำอย่างนั้นผิด ผิด 100% เลยตีทิ้งเลย ที่เถรสมาคมพาออกป่าหลับตา เป็นเดียรถีย์หมดเลย ของพระพุทธเจ้ามีมรรคมีองค์ 8 มีการทำงานมีอาชีพมีการคิดพูดทำ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามสัมมาทิฏฐิให้ได้
อาตมาก็เอาสัมมาทิฏฐิ 10 มาขยายความ ตั้งใจจะพูดให้เข้าใจ ให้ผู้ที่หลงผิด ให้ผู้ที่ออกนอกทางออกนอกรีตไปแล้ว ต้องทำให้กระเทือน เขาก็ติดแน่นก็ต้องเขย่าให้ขาดจากความยึดถือนั้นให้ได้ แสดงให้หนักย้ำซ้ำซากอย่างไรก็ต้องทำ พูดไว้ในอาหาร 4 คนที่ติดยึดแล้วเหมือนกับโจรชั่วร้าย พระราชาก็เห็นว่าต้องเอาไปฆ่า ด้วยหอก 100 เล่ม เช้ากลางวันเย็นก็ยังไม่ตาย พระราชามาเจอ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามันยังไม่ตายอีก
เหมือนกับอาตมาแทงผู้ที่ยึดถืออย่างผิดๆรวมทั้งกระแสหลักทั้งหลายแหล่ก็ไม่กระเตื้องเลย จะแทงอย่างไรเขาก็เฉยๆ ไม่รู้จะรู้สึกนิดๆหรือไม่ สะกิดผิวฉัน หอกเราหักไปไม่รู้กี่ร้อยเล่มแล้ว อาตมารู้ตัวว่าตัวเองอาภัพอัปภาคย์มากหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ไม่เคยท้อทำด้วยใจ ถึงมั่นใจ 50 ปี กำลังย่างเข้า 50 ปีแล้ว กำลังเห็นผล ตั้งแต่เขาต่อต้านเอาผู้รู้ที่ดังๆมาต่อต้าน เอาอาตมาไม่อยู่ สำนวนของสังคมบอกว่าเอาไม่อยู่ เหมือนมีพลังพิสดารขึ้นมา เช่นน้ำจะท่วมมันก็ไม่ท่วม เหตุการณ์ครั้งนี้จะเอาอยู่หรือไม่ อาตมาก็เหมือนกันเหมือนกับลักษณะอย่างนั้นในสิ่งที่มันเป็นภาวะที่กำลังพลิกแพลงไปตามธรรมชาติ เสร็จแล้วก็ผู้ดูแลจะเอาอยู่หรือไม่ก็ว่าจะต้องปราบให้อยู่ แต่เอาไม่อยู่ อาตมายังทำงานได้สะดวกสบาย
อาตมาคิดว่าไม่เดา เริ่มจะเข้าใจเขาที่เขารู้สึก 1. ปล่อยมันเถอะ มันบ้า Untouchable มีทั้งสองอย่าง แบบที่เป็นจัณฑาลคนไม่กล้าแตะต้อง แบบที่สูงส่ง อีกอย่างหนึ่งเขาก็บอกว่าพอฟังได้ อีกที่ดีๆบอกว่าดีนะ ฟัง เข้าท่า ดี แต่ เขามาเอาตามเราไม่ได้
ตกกระไดพลอยโจนอยู่กับเถรสมาคมแล้ว ติดอยู่ในบัลลังก์โลกีย์แล้ว ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่รู้ เอาประโยชน์ไปเท่าที่ควรได้ ก็คงได้เท่านี้จากสังคมยุคนี้
ส่วนคนที่ไม่ติดยึดคนที่แสวงหา แสวงหาแล้วเจอจริงๆได้จริงๆอย่างพวกคุณก็ได้มาเป็นของจริง อาตมายืนยัน จะเอาหลักธรรมพระพุทธเจ้าหมวดใดพระสูตรใดมายืนยัน เอาสาราณียธรรม 6 มายืนยัน กลายเป็นสังคมที่อยู่กันอย่างเมตตา สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
ในยุคนี้ทำได้แม้ในฆราวาส ตอนสมัยพระพุทธเจ้ายังทำไม่ได้เพราะว่าเป็นยุคของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในยุคนี้คนรู้จักสิทธิมนุษยชนแล้ว คนมามีสิทธิ เพราะมันมีอิสระมาได้ พิสูจน์ครบถ้วน
พิสูจน์วรรณะ 9 มาแสดงธรรมคนก็มาฟังกันเต็มๆ แม้จะไม่ใช่ยุคโควิด ยุคปกติก็มากันเต็ม ไม่ใช่มาฟังก็กระริบกระร่อย ค่อยๆหายไปก็ไม่ใช่ กลายเป็นว่าเริ่มต้นก็ยังมีไม่มาก แต่เมื่อจบแล้วก็กลับมีมากกว่าเดิมอีก อันนี้เป็นสัจจะ ใครจะว่าอาตมาหลงตัวหลงตน อาตมาทำงานมา 20 กว่าปี มีคนรู้คนเข้าใจ เปลี่ยนวิถีชีวิตมารับเอาสิ่งนี้จนกระทั่งเกิดเป็นชาวอโศก เกิดเป็นชุมชนชาวอโศกเป็นหมู่บ้านเป็นชุมชนกระจายอยู่ทั่วประเทศขณะนี้
ซึ่งอาตมาว่าลักษณะนี้ ถ้าไม่มีเถรสมาคมที่คุมพลังวัฒนธรรมครอบไว้นี่นะ รับรองว่า ลักษณะของชุมชนชาวอโศก ในประเทศไทยจะออกไปอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้น เถรสมาคมทำบาปไว้ทำให้ธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมไม่กระจายไป นี่ไม่ได้ใส่ความเถรสมาคม แต่ก็เข้าใจผิดก็น่าสงสารเขามีอวิชชาไม่รู้ แต่ว่าหลายองค์ที่เป็นสมณะเป็นพระก็เข้าใจแล้ว ไม่มีคนจะมาต่อต้านประท้วงอะไรแล้ว หรือ เขาอาจจะมองว่าปล่อยมันเถอะ แก่แล้วอายุ 86 เข้าไปแล้วจะอยู่อีกไม่กี่ปีก็ตาย อย่าไปรังควานคนแก่อย่างนั้นก็ได้นะ อย่านึกว่าอาตมาแก่นะ ใครจะตายก่อนใครคนที่ว่าอาตมาแก่ ดูดีๆ
จริงๆแล้วอาตมาไม่ใช่พูดเล่น พูดจริง อาตมาอายุขัยไม่ใช่ถึงขนาดนี้ ใครจะเห็นด้วยเห็นด้วยเห็นตามหรือไม่ก็แล้วแต่ อาตมาอายุ 72 ปีก็จะไปแล้ว แต่เห็นว่ามันก็ยังไม่ได้ก็เลยต่ออายุขัย พากเพียรต่ออายุได้จนถึงอายุ 86 ปี
วันที่พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ว่าเราจะอายุยืนยาวจนถึง 1 กัปหรือเกินกว่านั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นจบกิจของท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว ก็ปล่อยให้อาตมาหนักอยู่นี่แหละ ก็ทำเพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของสัจจะ อาตมาไม่ใช่พูดเล่นไม่ใช่พูดอะไรที่เป็นบาป บอกว่าตัวเองเป็นสยังอภิญญา เอาสัจธรรมพระพุทธเจ้ามาแก้ไข หยั่งลง
ซึ่งมันได้ผิดเพี้ยนไปมากแล้ว ไปไกล แค่คำว่า บุญ แค่คำว่า สมาธิ คำว่า ฌาน มันออกนอกของพระพุทธเจ้าไปแล้ว จริงๆแล้วคำว่าสมาธิคำว่า ฌาน ไม่ใช่เข้าใจได้ง่ายๆมันเป็น อจินไตย
สมาธิเป็นอุตตริมนุสสธรรม อยู่ไหนเจโตปริยญาณ 16 คู่ท้ายๆ
และในสมาธินั้น ไม่มีในจรณะ 15 มีในอินทรีย์ 5 พละ 5 (สู่แดนธรรมว่า สมาธิ นับเอา 4 ข้อสุดท้ายของจรณะ 15 คือฌาน 1 2 3 4)
พ่อครูว่า…สมาธิแปลว่าจิตที่ตั้งมั่น เพราะฉะนั้นจิตที่ตั้งมั่นคือจิตที่สะอาด จิตที่บริสุทธิ์แล้วจึงค่อยตกผลึกๆๆ เรียกว่า จับตัวกันตกผลึก เป็นนิธิ เป็นสันนิธิ สั่งสมลง แล้วจิตนี้คือจิตสมาธิหรือจิตที่ตั้งมั่น
คนที่จะพูด เอาง่ายๆนั่งหลับตาแล้วจะเกิดสมาธิเลย เกิดฌานเลย สับสนไปใหญ่ ฌานงั้นจะเผากิเลสจนจิตสะอาด สั่งสมอเนญชา จนเป็นสมาธิ
ในจรณะ 15 สมาธิ จะเกือบเต็มในจรณะ 15 วิชชา 8 ถึงขั้นอาสวะสิ้น มีญาณหยั่งรู้เป็นวิมุตติญาณทัสสนะ จิตก็รู้แล้วว่าจิตสะอาด
ผู้ที่เป็นนักสะสมเพชร เขาจะไม่สะสมเสียเวลากับเม็ดขี้หมูราขี้หมาแห้ง จะเลือกเพชรเม็ดงามที่สะอาดบริสุทธิ์มาสะสม จะเอาเพชรน้ำงามมาสะสมเป็นนักสะสมเพชรที่ชั้น 1 ไม่ใช่เป็นนักสะสมเพชรกเฬวราก จะเอาสมาธิสั่งสมเป็นสัมมาสมาธิ เป็นจิตสะอาดตกผลึกสั่งสม เป็นสัมมาสมาธิ เพราะฉะนั้นคำว่าสมาธิจึงไม่ใช่จิตที่เป็นจิตตั้งมั่น ที่พูดกันตื้นๆง่ายๆ แต่เป็นอจินไตย
อาตมาพูดโดยพ้นอจินไตย ไม่ได้เดาไม่ใช่ติดอยู่แบบคนยังไม่พ้น อาตมายืนยันได้เอามาขยายความได้เพราะทำแล้วมีอยู่ในตัวแล้ว ฌานก็ดี สมาธิก็ดี มีอยู่ในตัวแล้วมันก็ไม่ต้องเข้าต้องออก ฌานก็ไม่ต้องเข้าฌานไม่ต้องออก
ในพระสูตรหนึ่งใช้คำว่า วุฒฐาน ภิกษุณีธัมมทินนาเถรีได้ทักท้วง ว่า ของพระพุทธเจ้าไม่มีการเข้าหรือออกหรอก การออกคือการล่วงพ้นไปแล้ว ไม่ใช่เข้าแล้วก็ออกแล้วก็เข้าแต่มันเป็นลักษณะเดียวมันล่วงพ้นไปแล้ว วีติกมะ ออกจากกาม ออกจากอัตตา ออกจากความสกปรกไม่ใช่การวกไปเวียนมามันไม่ใช่ นี่คือพยายามอธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆให้เข้าใจลักษณะธรรม เป็นจิตสะอาดที่ตกผลึกเป็นสมาธิ
สมาธิไม่ใช่ของง่ายๆที่แนะนำ แต่มันเป็นอุตตริมนุสสธรรมมันเป็นคุณวิเศษ แต่ที่พูดกันทั่วไปนั้นมันไม่ใช่คุณวิเศษ ฌานพุทธออกแล้วไม่ต้องเข้าอีก
พระอานนท์ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวว่า “อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?”
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าเนวสัญญานา-สัญญายตนฌาน เพราะล่วงอากิญจัญญายตนฌานเสียได้โดยประการทั้งปวงอยู่. อาวุโส เรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าเนว-สัญญานาสัญญายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว ฯลฯ [ว่าด้วยเนวสัญญานาสัญญาฯ ล.17 ข.516]
พ่อครูว่า…ไม่ใช่เข้าแล้วค่อยออก คือ ออกแล้วผ่านไปเลยล่วงพ้นไปเลย ไม่ใช่เข้าแล้วต้องออก
เหมือนกับอธิบายคำว่าบุญ บุญไม่มีกลับมา บุญมันทำงานหน้าที่เดียว มันเป็นพลังงานของฌานที่ทำสำเร็จ เมื่อเผากิเลสสำเร็จได้หมดสิ้น แล้วเกิดในทุกปัจจุบัน ในปัจจุบันใดที่ผู้ปฏิบัติธรรมพลังงานที่เป็น ฌาน เผากิเลสได้เสร็จก็ถือว่าการเผากิเลสขาดไป เรียกว่าบุญ หากยังไม่ขาดก็นึกว่ายังเป็นเสขบุคคล ถ้าหมดเลยก็อเสขบุคคล
อธิบายลักษณะพวกนี้บุญไม่มีภาวะ 2 บุญมีแต่เพียงภาวะเดียวทำหน้าที่เสร็จแล้วก็สูญ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…พ่อครูอธิบายการเข้าการออก คือของพุทธมีนิจจัง
พ่อครูว่า…ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่พัฒนาเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่พัฒนาแล้วกลับไปกลับมาขึ้นๆลงๆ ไม่ใช่ แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไปตามลำดับไม่สะดุดเลยเหมือนฝั่งทะเล เหมือนหาดทรายถูกน้ำทะเลซัดเรียบเหมือนกับกระจก มหาสมุทร ลาดลุ่มลึก ไม่โกรกชันฉันใด ในพระธรรมวินัยนี้ก็เหมือนกันมีการศึกษาไปตามลำดับมีการกระทำไปตามลำดับในการปฏิบัติตามลำดับ ไม่ใช่จะมีการบรรลุ อรหัตตผลโดยตรง
เป็นลำดับก็ไปเรื่อยๆ เหมือนกับบอกว่า ไปอย่างนี้ก็บรรลุอรหันต์โดยตรงสิแต่ทำไมบอกว่าไม่ใช่จะบรรลุอรหัตตผลโดยตรง ไม่ใช่ลัดตัดทาง แต่ไปตามลำดับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ไม่ใช่ว่าฉันอยู่ขั้นที่ 1 ฉันก็จะขึ้นไปครั้งที่ 3 เลย ไปขั้นที่ 5 เลย ถ้าขึ้นไปชั้น 4 ก็ไม่ได้ ก็ตกมาอยู่ชั้น 2 ไปชั้น 3 อีก ลงชั้น1 อีก ไม่ใช่แบบนั้น แต่ไปตามลำดับเหมือนหาดทรายฝั่งทะเล
อาตมาทำงานมาก็เป็นลำดับอยู่ ถ้ามันเป็นลำดับเป็นสัจจะเป็นจริงมันจะเป็นถาวรมันจะไม่กลับไปกลับมา ชาวอโศกมีคนเข้าใจว่าเมื่อพระโพธิรักษ์ตายมันก็จะหมดลงไป ขอยืนยันว่าไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดหรอก เพราะว่าสัจธรรมของจิตวิญญาณแต่ละคนพวกคุณมีสัจจะธรรมที่ได้ของแต่ละคนแล้ว
แม้แต่ปัจจุบันอาตมาขอถามพวกคุณ คุณจะกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็นเถ้าแก่เนี้ย เป็นคนที่เดียวกับไปงานนั้นวันนี้คุณจะไปอย่างนั้นอีกไหม ไม่ ต้องเห็นเลยว่ามันไร้สาระเราเห็นความโง่ของเราแล้ว เราไปเสียเวลาโง่เง่าอยู่อย่างนั้น
อาตมาสรุปความเสีย คือ 1. เสียเวลา 2. เสียแรงงาน 3. เสียทรัพย์สินเงินทอง
เวลาทุกคนมีเท่ากัน เสียเวลาแรงงานของตัวเอง เอามาเสียกับสิ่งไร้สาระ เหมือนอย่างอาตมาว่าไปเสียเวลาอยู่ตั้ง 36 ปี พวกคุณก็เสียเวลากับเรื่องของพวกคุณไป เสียเวลาเสียแรงงาน เสียทุนรอนเสียไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินทางวัตถุและแรงงานความคิดแรงงานทางกาย เสียสิ่งเหล่านี้ไปเปล่าๆ ไม่เข้ายาเลย
หลายคนมาตั้งแต่อายุน้อยๆค่อยมาตั้งแต่อายุ 20 ยกมือขึ้นซิ (มีหลายคน) เคยมาตั้งแต่อายุ 30 (หลายคน) ป้าเข่งบอกว่า มา 27 อยู่จน 70
สู่แดนธรรมมาตั้งแต่ 24 ตอนนี้ 56 ปี แล้ว
แต่ละคนมาแล้วอยู่กัน 20 ปี 30 ปี 40 ปี ถามย้อนกันไปนิดนึง ก่อนคุณจะมาที่นี่ คุณคิดว่ามันจะเลยเถิดมาเป็นอย่างนี้ไหมแรกๆที่มา อาตมาว่าไม่คิดนะ แต่อาตมามาทางนี้ อาตมาไม่เคยคิดอย่างที่พวกคุณสะดุด อาตมามั่นใจว่าไปทางนี้แน่ๆไม่คดโค้งเลย แต่พวกคุณยังไม่ปักใจอย่างอาตมา แต่เมื่อมาแล้วยังไงๆ ถอนไม่ขึ้นแล้วไม่ไปไหนแล้ว
ใครตั้งใจว่าจะให้อาตมาเผาอยู่ที่สุดชีวิต เมรุสุดชีวิต (สิกขมาตุกล้าข้ามฝันว่า… พวกนี้แสดงว่าอายุไม่ยาว)
นักรบธรรม..พ่อครูต่ออายุขัยมาปูนนี้ เป็นการพิสูจน์สัจธรรมของพระพุทธเจ้า ว่าผัสสะเป็นปัจจัย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการทดสอบ ให้เกิดความชัดเจน สัจธรรมของพระพุทธเจ้าชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม
พ่อครูว่า…คุณเข้าใจเชื่อมั่น ผู้ให้ฟังเข้าใจเชื่อมั่นอาตมาเอาพระไตรปิฎกมายืนยันมีมากมีผลจริงมีพฤติกรรมจริง เอาพระสูตรไหนมาอ้างอิงยืนยันได้ เถรสมาคมยืนยันอย่างอาตมาไม่ได้ อันนี้อาตมามั่นใจ พาพวกเราปฏิบัติธรรมแล้วก็ยืนยันได้ทั้งทั้งที่เป็นธรรมะ ทวนกระแส เป็นธรรมะที่ยาก
สู่แดนธรรมว่า…เมื่อกี้นี้พ่อท่านได้พูดถึงวันแรกที่พ่อท่านมาตั้งแต่วันแรก วันนี้ ขอฟังอจินไตยตอนพ่อท่านคิดมาทำงานศาสนาพ่อท่านตั้งใจอย่างไรครับ ที่ว่าไม่ถอยหลังเลย
พ่อครูว่า…ที่อาตมาพูดว่าอาตมามาทางนี้แล้วไม่มีความคิด วอกแวก ไม่มีความคิดกลับไปทางโน้นแล้วตั้งใจมาทำอะไร
ก็มาตั้งใจจะฟื้นฟูธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อแท้เป็นโลกุตรธรรม อาตมาก็ไม่มีภาษาอื่นที่จะยืนยัน ก็ต้องใช้โลกุตระธรรม ซึ่งมันแตกต่างจากโลกียธรรมที่เขาเป็นกัน เข้าใจไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง หากเข้าใจก็จะรู้ว่าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้คือ ท่านตรัสไว้ในอาณิสูตรว่า
ต่อไปในอนาคตธรรมะที่เป็นโลกุตระ ท่านใช้คำที่ว่านี้ในอาณิสูตร ว่า ต่อไปธรรมะโลกุตระจะหายไป กลองอานกะ เป็นกลองเดิม ก็เหมือนชื่อว่าพุทธศาสนา
อาณิสูตร ล.8
[672] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี … พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟังจักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษาแต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[673] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
พ่อครูว่า…อาตมาเป็นเถระ คือ ผู้ที่เกิดมาในสมัยของพระพุทธเจ้า อาตมายืนยัน คำพูดอาตมาถึงเป็นเถรวาทไม่ใช่อาจาริยวาท ยืนยันที่คำพูดของอาตมาแตกต่างจากเขา เช่นคำว่าฌาน ไม่ได้เกิดจากการนั่งหลับตาแต่เกิดจากจรณะ 15 เกิดจากศีล สมาธิ ปัญญาไตรสิกขา ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแบบเดียรถีย์ อย่างนั้นพระพุทธเจ้าท่านตีทิ้ง
สมณะฟ้าไท…เรื่องที่พ่อครูพูดนี้ หากไม่จริง พวกเราก็คงไม่ได้มรรคผล ใช่ไหม แต่พ่อครูพาพวกเราเป็นจริงมาแสดงตัวได้ชัดเจน หากไม่ใช่ของจริงก็จะหนีไปหมดแล้วจะอยู่ให้ลำบากทำไม
พ่อครูว่า…นอกจากจะเผ่นหนีแล้ว ทางโน้นก็จะรุก ตีแตก เรายืนหยัดอยู่ไม่ได้หรอก
สมณะฟ้าไท…ทำให้เห็นว่าสิ่งที่พ่อครูพาทำเป็นที่เป็นจริงทำได้
พ่อครูว่า…อาตมาได้ตั้งใจว่าจะพยายามอธิบายความ ปฏิสัมพัทธ์ของจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ รวมทั้งหมดสาระแท้ๆอยู่ตรงนี้ ถ้าเข้าใจอันนี้ให้ดีๆ หากเข้าใจไม่ดีไม่มีสัมมาทิฏฐิตรงนี้ก็ ไม่มีมรรคผล ไม่มีเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ
ต้องถึงพร้อมด้วยศีล เอาสมมุติว่า ได้ไม้มาแท่งหนึ่ง จะเอาส่วนหนึ่งมาทำไม้จิ้มฟัน เหมือนกับเอาศีลมาก้อนหนึ่ง จะเอาจากท่อนไม้ท่อนนี้จรณะ 15 วิชชา 8 จะเอาศีลมาข้อหนึ่ง แต่ศีลมีตั้งเยอะแยะ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล อาตมาก็พูดไปเขาน่าจะสะดุดว่า เขาไปหลงแต่วินัย 227 ไม่มีศีล ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีศีลแล้ว มีแต่เดรัจฉานวิชาเต็มไปหมดเลย มีแต่การจุดเทียนจุดธูปบูชาไฟ วิธีการรดน้ำมนต์มันไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย ให้ศีลเป็นประจำ มีคำสรุปของการให้ศีลว่าศีลจะพาให้เกิดความสุขและมีนิพพาน เสร็จแล้วไม่เกิด ให้ศีลแล้วมีศีล 5 ศีล 8 แต่ไม่ได้เน้นให้เกิดศีลสมาธิปัญญา ไม่ได้อธิบายว่าศีลจะมีปฏิสัมพัทธ์กับสมาธิ ปัญญา วิมุติ ไม่ได้ตัดขาดกันเลย
สู่แดนธรรมว่า..คนไทยนักปฏิบัติธรรม แย้งพ่อท่านว่า การปฏิบัติธรรมจะมาพูดอะไรเรื่องของการกิน ต้องไปสติปัฏฐาน 4 แต่เรื่องอปัณกธรรม3 คือจรณะ ข้อที่ 2 3 4
พ่อครูว่า..เขาไม่มีสังวรศีล ไปอยู่ในภพนั่งหลับตา ไม่มีการสังวรศีล สำรวมอินทรีย์ ชาคริยานุโยคะก็ไม่มี ไปนั่งหลับตา สำรวมอินทรีย์ก็ไม่มี ตื่นก็ไม่ตื่น แล้วโภชเนมัตตัญญุตามันจะมาจากไหน
สติปัฏฐาน 4 ยังไม่ได้กำชับไว้ว่า ถ้าไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 แล้วไม่ใช่ธรรมะพระพุทธเจ้า อันนี้กำกับไว้เลยว่าเป็น นี่แหละ ถ้าไม่มี 3 ข้อนี้ เป็น อปัณกะ คือ ไม่ใช่ของพุทธ ของพระพุทธเจ้าต้องมี 3 ข้อนี้ ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค เดี๋ยวจะขยายความให้เป็นภาษาพื้นๆ พระพุทธเจ้าให้อธิบายธรรมะโดยใช้ภาษาพื้นๆ ไม่ใช่เอาภาษาวิชาการพูดกันมากเกินไป ให้อธิบายเป็นภาษาพื้นๆที่คนฟังเข้าใจได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นภาษาปวาเกอะญอ ภาษาอะไรก็แล้วแต่ที่คนจะเข้าใจได้เป็นภาษาพ่อภาษาแม่
สามข้อนี้ เข้าใจให้ได้เลยถ้าเผื่อว่าการปฏิบัติธรรมใดๆ ตกไป ไม่อยู่ในกรอบของ 3 ข้อนี้ นั่นไม่ใช่ของพุทธ เพราะฉะนั้นตั้งแต่คุ้มครองทวารอินทรีย์ เป็นภาษาวิชาการ ภาษาแปลมาจากภาษาโบราณ ก็ขอขยายความให้ฟังว่า ทวารอินทรีย์ทั้ง 6 ทวารนี้ คือ ตาหูจมูกลิ้นกายนี้คุณจะต้องระมัดระวัง ตาสัมผัสรูป หูสัมผัสเสียงจมูกสัมผัสกลิ่นลิ้นสัมผัสรส โผฏฐัพพะสัมผัสกายภายนอก แล้วใจ สัมผัส ร่วมด้วย
ปฏิบัติธรรมด้วยการทำเรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปนั่งหลับตาไม่ต้องไปหาสถานที่ ปฏิบัติธรรมที่จะต้องหยุดงานไม่ต้อง คุณอยู่ในชีวิตปกติเลย และคุณก็มีอินทรีย์ทั้ง 6 มีตาหูจมูกลิ้นกายใจอยู่ตลอดเวลา เมื่อมันผัสสะ เมื่อมันกระทบกับอะไรๆ เรียกรวมๆว่า เครื่องกินเครื่องใช้ โภชนะ ท่านย่นย่อ เครื่องกินเครื่องใช้ ธนบัตรก็เครื่องใช้ อาหารการกินก็เครื่องกินเครื่องใช้ ยาก็เครื่องกินเครื่องใช้ บ้านเรือนก็เป็นเครื่องใช้เครื่องนุ่งห่มก็เป็นเครื่องใช้ ก็รวมอยู่เพียงเท่านี้ในโภชเนมัตตัญญุตา จงมีชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้สำคัญอยู่กับสิ่งเหล่านี้คุณอยู่กับมัน แล้วคุณต้องรู้จักใช้คำศัพท์ภาษาโบราณ ที่แปลว่ารู้จักประมาณในเครื่องอาศัย รู้จักประมาณในเครื่องกินเครื่องใช้
พูดกันอย่างนี้ก็เป็นภาษา เหมือนกับที่เขาแปลสัมมาทิฏฐิ 10ว่า สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มันสมัยไหนนะ สมัยพระเจ้าเหา
มันก็ไม่รู้เรื่องกัน ยัญพิธีที่บูชาแล้วมันก็ตื้อๆอยู่อย่างนั้น แต่มันคือ วิธีที่คุณได้เรียนรู้ปฏิบัติใช้กันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน โบราณโน้นก็เหมือนกับปัจจุบันนี้ คืออะไร คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ไตรสิกขาคือจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่ได้ออกไปนอกกว่านี้ หรือสรุปเข้าไปหามรรคมีองค์ 8 ก็คือ สัมมาสมาธิที่เกิดจากองค์ทั้ง 7 ของมรรค
1.จะต้องมีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน เมื่อเข้าใจดีแล้วก็ต้องปฏิบัติ 1. อาชีพ 2. การกระทำ ทุกอย่างคือกัมมันตะ วาจา สังกัปปะ โดย มีความพยายามกับสติ ไม่ว่าจะสัมผัสอะไร เกิด กาย เวทนา จิต ธรรม คุณก็จะต้องพิจารณา แยกกาย แยกจิต แยกเวทนา แล้วก็รู้ธรรมะ รู้ตั้งแต่ธรรมะ 2 ว่า 1 กุศล อกุศล
-
เป็นโลกุตระ คือต้องรู้ว่าเป็นโลกียะหรือโลกุตระ นี่ย่อให้ดู ต้องแยกคู่สอง คือเทวะ มีคู่เปรียบเทียบตลอด จึงจะสามารถรู้ว่า เทวะ คือ เครื่องอาศัยเท่านั้น ศาสนาพุทธนี้ ผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว รู้จักเครื่องอาศัย เทวะแต่ไม่ติดเทวะ เทวะสองคือสวรรค์กับนรกคือความโง่กับความฉลาดคือความรู้กับไม่รู้ อวิชชากับวิชชา คือคู่สองทั้งนั้น เปรียบเทียบ