พ.ค.102020ศาสนา630510_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ระบอบธรรมาธิปไตยมีในชาวอโศก อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1nR73MHV8UuAODadDqpMpVuklKWO29SoAkqEk-sr3pd4/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1tZ_TGA0zDTOrwnMayIRjD9Nf5LeVDkPq สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก มีเรื่องเกี่ยวกับคดีหญิงชราขโมยขนมปัง ***สุดยอดคำพิพากษา*** ในเมืองนิวยอร์ค เมื่อปี ค.ศ. 1935 มีการพิพากษาคดีหนึ่งในยามหัวค่ำอันหนาวเหน็บของเดือนมกราคม หญิงชราคนหนึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักขโมยขนมปังหนึ่งก้อน หญิงชรามีท่าทีเศร้าหมอง และภายใต้ความเศร้านั้นก็มีความละอายแก่ใจอยู่ด้วย คืนนั้น “ฟิโอเรลโล ลากวาเดีย” ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กในขณะนั้นเป็นผู้พิพากษา ฟิโอเรลโล ถามหญิงชราว่า “คุณขโมยขนมปังไปจริงหรือ?” หญิงชราก้มหัวตอบอย่างหดหู่ “ฉันขโมยขนมปังจริงๆ ค่ะท่าน” ผู้พิพากษาถามต่อว่า “เพราะเหตุใดคุณจึงต้องขโมยขนมปัง คุณไม่มีอะไรจะกินหรือ?” หญิงชราเงยหน้าขึ้นบอกผู้พิพากษา “ใช่ค่ะ ฉันหิวมาก แต่ฉันไม่ได้ขโมยขนมปังไปเพื่อกินเอง ลูกเขยของฉันทิ้งครอบครัวไป ลูกสาวของฉันล้มป่วย หลานสองคนของฉันไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ฉันไม่อาจทนเห็นหลานตัวเล็กๆ ทนหิวได้” ห้องพิจารณาคดีเงียบกริบหลังได้ฟังคำอธิบายของหญิงชรา ผู้พิพากษากล่าวกับหญิงชราว่า “ทุกคนเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย สำหรับข้อหาขโมยขนมปังคุณเลือกเอาว่าจะจ่ายค่าปรับ 10 เหรียญ หรือติดคุกเป็นเวลา 10 วัน” หญิงชราตอบ “ท่านผู้พิพากษา ฉันยอมรับโทษในทุกสิ่งที่ฉันทำ หากฉันมีเงิน 10 เหรียญ ฉันจะไม่ขโมยขนมปังหรอก ดังนั้นโปรดจำคุกฉันเถิด แต่สิ่งเดียวที่ฉันห่วงคือใครจะดูแลลูกสาวและหลานของฉันในช่วงเวลาที่ฉันติดคุก” ผู้พิพากษาหยุดคิดพักหนึ่ง แล้วเขาก็ล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรสิบเหรียญขึ้นมาถือในมือ แล้วกล่าวว่า “ผมจะจ่ายค่าปรับให้คุณสิบเหรียญ คุณกลับบ้านไปได้” ผู้พิพากษาหันไปพูดกับคนที่มาฟังการพิจารณาคดีในที่นั้นว่า “นอกจากนั้น ผมขอปรับทุกคนในห้องนี้คนละ 50 เซนต์ โทษฐานที่พวกคุณเมินเฉยและไร้น้ำใจในสังคม หญิงชราคนนี้ไม่ควรจะต้องขโมยขนมปังเพื่อประทังชีวิตหลานและคนในครอบครัวหากพวกคุณให้การช่วยเหลือเธอ คุณไบลีฟโปรดเก็บเงินจากทุกคนคนละ 50 เซนต์ แล้วมอบเงินนั้นให้ผู้ต้องหา” ทุกคนในที่นั้นรวมไปถึงเจ้าของร้านขนมปังที่ฟ้องร้องนำหญิงชรามาขึ้นศาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มาฟังการตัดสินรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการจ่ายค่าปรับคนละ 50 เซนต์ พวกเขายอมรับและยืนขึ้นปรบมือชื่นชมผลการตัดสิน วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ลงข่าวการมอบเงินค่าปรับจำนวน 47.5 เหรียญ ให้กับหญิงชราผู้น่าสงสารเพื่อนำไปซื้ออาหารให้ครอบครัว ในเมืองไทยตอนนี้ก็มีเรื่องที่ดังคือ ตู้ปันสุข ตอนนี้เกิดขึ้นไปทั่วแล้ว ประชาชนก็ช่วยกันดูแล เอาของมาใส่เพิ่มขึ้นและจำนวนตู้ก็เพิ่มขึ้นด้วย เป็นระบบสาธารณโภคีลำลอง หากมีเกิดขึ้นเต็มประเทศไทย คงไปรอดแน่นอน ประเทศไทยมีคนมีน้ำใจเอาภาระคนที่จะช่วยคนอื่น พ่อครูว่า… SMSวันที่8พ.ค.2563(พุทธศาสนาตามภูมิ :พ่อครู) _จรณ์ สัมมาบัณฑิต • จากข้อความที่พ่อครูอ่าน กล่าวถึง Junta, Junta = รัฐบาลทหารที่เข้ามาบริหารประเทศ _สมณะคิดถูก • ทุกวันนี้ชาวพุทธติดรูปแบบการสวดมนต์ยิ่งกว่าการสนใจฟังธรรมและพระก็ไม่ถนัดสาธยายธรรม หลวงพ่อประยุติกำลังทำหนังสือ อย่าให้การสวดล้มล้างสาธยาย น่าจะมาทางเดียวกับพ่อครูที่เน้นการสาธยายมากกว่าการสวดวันนี้ที่บ้านราชมีคนฟังสาธยายจากพ่อครูหลายร้อยคนบางคนฟังทางทีวีที่โรงปุ๋ย เว็บไซต์ Politico ได้เผยบทสัมภาษณ์ นางเมลินดา เกตส์ ภรรยาบิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ และผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ถึงประเด็นการรับมือสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดภายใต้คณะบริหารรัฐบาลทรัมป์ โดยนางเกตส์ได้ประเมินพร้อมให้เกรดผลงานของรัฐบาลทรัมป์ในระดับแย่มาก หรือ D- เนื่องจากขาดมาตรการตอบสนองรับมืออย่างไร้ประสิทธิภาพและเชื่องช้าโดยเฉพาะส่วนของรัฐบาลกลางวอชิงตัน _จักรพล พุทธพัฒนา • ผมเคยบวชเป็นพระทางเถรสมาคมมาต้องฝึกสวดมนต์เพื่อไปสวดแล้วจะได้เงินมาครับ..ตอนนั้นไม่รู้แต่ตอนนี้รู้แล้วครับ. พ่อครูว่า…พระข้างนอกเขา หากท่อง7 ตำนานได้สวด7 ตำนานได้ก็ถือว่า เป็นพระแล้วหากินคล่อง มันเป็นความเสื่อมที่สุดแล้ว ไม่มีความเสื่อมใดๆที่จะเสื่อมยิ่งกว่านี้อีกแล้ว _สมเจตน์ เชาว์ศิริ • ติดตามมาแต่ปี2535ตามติดหนึบมาจนปัจุบันและอนาตคครับ.. _SananTanson สนาน ทานสอน• หรอพากันไปเดินขบวนไม่ผิดเนาะ (พ่อครูเทศน์ถึงเมื่อครั้งชาวอโศกออกไปเดินขบวน ไม่เห็นด้วยกับการบริหารประเทศของรัฐบาลบางสมัย) พ่อครูว่า…ก็ขอยืนยันว่าที่ทำไปไม่ผิดเมื่อประเทศชาติเดือดร้อนก็ออกไปช่วย พระพุทธเจ้าเองเมื่อบ้านเมืองเดือดร้อนมีการแย่งน้ำกันพระพุทธเจ้าเข้าไปห้ามออกไปประท้วงตัดสินให้เรียบร้อย เหมือนกัน ต้องเข้าใจว่าศาสนาต้องเป็นไปเพื่อสังคมมนุษยชาติ เมื่อมนุษยชาติกับสังคมไม่ดีมีความเดือดร้อน เรามีความรู้ความสามารถจะไปช่วยได้เราก็ไปช่วย อาตมาก็ไปช่วย ใช้เวลาออกไปช่วยสังคมให้มันเรียบร้อยให้เป็นไปได้ดี เพราะว่ารัฐบาลตอนนั้นบริหารไม่ได้เรื่อง เราก็ไปประท้วงไปช่วยจัดการให้มันเรียบร้อยไปได้ด้วยความสงบ ด้วยสันติ ไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช้อาวุธเอาความจริงกับความสงบเป็นอาวุธสำคัญไปเปิดเผยความจริงอะไรที่ถูกอะไรที่ผิด แล้วก็อยู่กันด้วยความสงบไม่รุนแรง พยายามที่จะระงับพยายามที่จะไม่ให้รุนแรงให้ได้ เป็นผลสำเร็จสวยงามด้วย ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2557 ไล่ไปไม่รู้กี่รัฐบาล 3-4 รัฐบาล พูดแล้วก็พูดอีกพูดแล้วก็ภูมิใจในธรรมะพระพุทธเจ้าว่ามันมีประสิทธิภาพมีผลประโยชน์ต่อสังคมมนุษยชาติจริง ที่ได้ทำมาจริง ไม่ได้หลงเลอะอะไร แต่พูดย้ำซ้ำให้เข้าใจว่าที่อาตมาทำนี้เป็นความถูกต้องและดีจริง ซึ่งไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ _OpusLeHolegoN โอปัซลี่ โฮเลก้อน:คนส่วนมากมีทุกข์ก่อนถึงจะอยากมีธรรม พ่อครูว่า…ธรรมดาคนเราก็มีความทุกข์แต่ไม่รู้ว่าเป็นความทุกข์ คนทุกคนนั้นมีความทุกข์อยู่แล้วแต่ไม่รู้จักความทุกข์ คนจะรู้จักความทุกข์ต้องเป็นคนที่ประเสริฐเป็นอาริยะ จึงจะรู้ทุกข์อาริยสัจ _ทนุธรรม วิรุฬห์ศิริกุล : “พระอรหันต์” บางรูปก็ยังหาทิศทางไม่ถูกต้องเลยเพราะเป็นอรหันต์ปลอม..พ่อครูพูดบอกสอนความจริงเท่าไร?.เหมือนน้ำที่เต็มแก้วไม่รับรู้ไม่ศึกษา.ว่าพระตถาคตสอนที่ถูกต้องนั้นจริงจริงคืออะไร.แต่ทุกวันแก้ไขไม่ได้แล้วครับ.เพราะ.เห็นกงจักรเป็นดอกบัว.. พ่อครูว่า…อันนี้คงจะจริงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วตกกระไดพลอยโจน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีฤทธิ์ไม่มีอำนาจไม่มีประสิทธิภาพตัวเองพอเพียงที่จะดึงตัวเองขึ้นมายังไม่ได้เลยตัวเองก็ต้องจมอยู่อย่างนั้น อย่าไปว่าจะไปช่วยศาสนาองค์รวมให้ดีขึ้นได้ ตัวเองยังดึงออกมาจากตรงนั้นไม่ได้เลย ผู้ใดที่ปลีกออกมาได้คนนั้นคือคนเก่งขึ้นมาได้นี่ก็ต้องช่วยกัน ดำเนินสิ่งที่ถูกต้อง ช่วยประกาศสิ่งที่ถูกต้องไปให้ได้ SMS วันที่ 9 พ.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิภาคทบทวน) _จักรพล พุทธพัฒนา : ใครเข้าไปอยู่ในอโศกไม่ได้..ก็เอาเนื้อหาสาระของอโศกมาไว้ในใจก็แล้วกันนะครับ. _ครูบาเฮ็ง : ช้าแต่มั่นคง _@Transformer@Julaporn ทรานสฟอร์เมอร์ จุฬาภรณ์ …ฝากคำถามให้พ่อครู ข้อที่ 1นี่นะคะ คุณคนที่เขา เริ่มทำตู้ปันสุข คงเห็นน้ำใจผู้คนจากที่เยอรมัน แต่จริงๆ เขา มี DNA ของปู่ย่าตายายคนไทยและในหลวงทุกพระองค์เรื่องการให้ นั่นแหละเขาเลยชอบให้ทาน ข้อที่ 2คิด ว่าคิมจองอึมเขากลัวลำบากกลัวผอมเลยแอบให้ล่ามมาฟัง มาเรียนรู้อะไรแบบไทย ๆ ที่ตอนนี้คิมจองอึม เลยจะหันกลับมาเน้นการเกษตรบ้างซึ่งก็ดี และสาธุค่ะ ข้อที่3 Covid-19 ช่วยย่นย่อระยะเวลาช่วยเป็นแรงดันให้พ่อครูอีกแรงมหาศาล แทนที่พ่อครูจะต้องทำงานหนัก ในการเผยแผ่ศาสนาเพียงลำพังองค์เดียว covid ย่นย่อให้ถึง 500 ปี ปูทางความรู้ต่างๆทางศาสนาแบบโลกุตระ ให้ชัดเจนมากขึ้นๆ แม้แต่ในปัจจุบันก็เริ่มสะกิดใจประชาชนบ้างแล้ว เช่นเศรษฐศาสตร์ แบบสาธารณะโภคี และการพึ่งพาตนเองในสังคมโลกุตระและการสะพัดออกสู่สังคมโดยรวมเป็นต้นซึ่งหนูคิดว่าจริงเช่นนั้นจริงๆ และเมื่อกาลเวลาก้าวหน้าไป ก็จะยิ่งทันที่พ่อครูจะได้อวตารในปางหน้า ในฐานะนักปกครองสูงสุด ไม่ใช่มาในรูปแบบนักบวช และเลขที่เหมาะสม คือ หมายเลขที่ 12 หนึ่งรอบพอดิบพอดี พอถึงวันนั้นหมายเลขที่ 12 สำหรับพ่อครู ความรู้ทางโลกุตระ ในวันนั้นจะมีความเป็นปึกแผ่นอย่างมาก รับสารข้อมูลจากพ่อครูได้โดยง่ายเพราะผู้คนได้ถูกปูทางโลกุตระไว้ตั้งแต่ยุค covid แล้ว เช่นนี้พ่อครูช่วยไขความให้สว่างหัวใจด้วยนะคะ พ่อครูอย่าพึ่งตอบว่าอจินไตยนะคะ เพราะคำถามของหนู คือคำถามที่จะทำให้มนุษย์ชาติ เกิดกำลังใจในการพัฒนาจิตวิญญาณ และผู้คนจะได้เห็นแนวทาง coefficient ของพ่อครูได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปนามมากขึ้นไปอีก หนังมหาบุรุษทจึงต้องมีไตรภาคต่อเนื่องนะคะ กราบนมัสการ อย่างสูงค่ะ… พ่อครูว่า…อาตมาก็ไม่วิจัยมากนะประมาณมีความรู้แค่ปางที่ 9 สูงสุด แต่คุณก็ให้อาตมาเป็นปางที่ 12 คุณรู้มากกว่าอาตมา จะให้อาตมาอธิบายอะไรได้อีก _คอยใคร :กราบเคารพพ่อครูครับ ผมได้อ่านข่าวของเวบผู้จัดการออนไลน์ เรื่องประเทศไทยทำชุด PPE ใช้ซ้ำได้สำเร็จ ผมย่อเนื้อหาจากเวบมาบางส่วนครับ “โดยชุดทำจากผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% กันน้ำได้ระดับ 2 ผลิตในไทยทั้งหมด เว้นแค่นำเข้าเส้นใยรีไซเคิลจากไต้หวัน ระบุ ทำจากขวดน้ำ หากไทยพัฒนาระบบแยกขยะได้ดี จะทำเองได้ทั้งหมด คนไทยทอเองแบบใช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง ผ่านการรับรองจาก อย.แล้ว” ผมจึงเห็นว่าที่เขาบอก ถ้าไทยพัฒนาระบบแยกขยะได้ดี จะทำเองได้ทั้งหมด ซึ่งพ่อครูสอนเรื่องขยะวิทยามานานแล้ว โดยเฉพาะเรื่องแยกขยะรีไซเคิล รัฐไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งมาตื่นตัวเรื่องแยกขยะเอาขวดPETมาทำชุด ชาวอโศกแยกขยะแบบนี้มานานแล้ว ขอให้ผู้เกี่ยวข้องรีบมาศึกษางานขยะวิทยาของชาวอโศกอย่างด่วนเลยครับ พ่อครูว่า…อาตมาเคยพูด ขยะวิทยา ถ้าจะทำจริงๆต้องเป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยมีการเรียนรู้โดยเอาองค์ความรู้ของวิศวกรรมวิทยาศาสตร์และอื่นๆเข้ามาร่วมด้วย ทุกวันนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไรในโลก รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ น่าจะทำลายไปให้หมด แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ยุคนี้ แต่มันจะหนักหนาสาหัสในอนาคต เรื่องขยะนี้ จะเป็นเรื่องใหญ่เลย ไปหมดเลยทั้งจะเป็นเชื้อของโรคระบาด เป็นทั้งโรคภัยทางวัตถุ ขณะนี้จะทำลายอะไรต่างๆดินน้ำไฟลมจะถูกขยะทำลายหมด และจะเป็นเหตุให้เกิดโรคระบาดด้วย จะเกิดไวรัสอะไรต่ออะไรด้วยเรื่องขยะนี้ทั้งหมดเลยในอนาคต มันจะเป็นไปหมด ตัวขยะจะเป็นตัว ต้นเหตุหมดเลย ขอพูดไว้แค่นี้ก่อน _บ้านเล็กเมืองน้อย….กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติในสังคม กลุ่มคนที่ซวยสุดคือ เม็ดทรายที่ฐานรากของปีรามิด ชะตากรรมเช่นนี้คือผลพวงของระบอบทุนนิยม ที่ร่ายมนต์ลงยันต์ผูกติดชีวิตคนไว้กับระบบเศรษฐกิจ หลอกลวงว่าความมั่งคั่งจะหยาดหยด ลงสู่ชนชั้นล่าง จากยอดปีรามิดที่ไม่เคยอิ่ม………ด้วยแผนกระตุ้นที่เป็นระบบ ปลุกเร้าให้สิ่งฟุ่มเฟือยมากมาย กลับมามีความสำคัญกว่าปัจจัย๔….เงินออมจึงไม่เคยมี ………ปัจจัย ๔ จึงถูกนักเศรษฐศาสตร์จับเป็นตัวประกัน เศรษฐกิจไม่ดีทีไร อาหารก็ไม่ครบ ๓ มื้อ …..เกือบ๑๐๐ปีของการผลิตและบริโภคภายใต้แนวคิดแบบทุนนิยมสุดโต่ง ได้ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น….. สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม………..จนโลกป่วยเกินเยียวยา เพื่อให้โลกได้พัก ให้ธรรมชาติได้ชาร์จแบต…. “อิทัปปัจจยตา” ผู้คุมกฎแห่งมหาจักรวาล จึงส่ง“Covid-19” มาหยุดกิจกรรมเหลวไหลของมนุษย์.. นอกจากมนุษย์แล้ว Covid ไม่ทำร้ายใคร…โลกใบใหญ่ กลับถูกเบรคด้วยไวรัสตัวน้อย….(พ่อครูว่า..อำนาจของโลกจะถูกหยุดด้วยสุญญตา) บนความถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ Capitalism หมดสิ้นอนาคต…..จากนี้ไป Landscape ของชนชั้นจะยิ่งแบนราบ ตัดกับหอคอยเสียดฟ้า โดยมีอมนุษย์จำนวนหนึ่งสิงสถิตบนยอด …….การตัดสินใจจบชีวิตตนเองของคนจนเมือง เป็นผลจากการสำลักหนี้สินที่ท่วมหัว โดยมีทุนสามานย์เป็นต้นเหตุ…….อย่าโยนบาปให้ “Covid” …ไม่ทันไร… พวกทุนผีเปรต ก็แหกปากร้อง กดดันให้เปิดเมือง ปลดล็อคธุรกิจ อ้างเศรษฐกิจคับขัน…ไม่สนใจเสียงทัดทาน จากบทเรียนของสิงคโปร์และญี่ปุ่น……..มันไม่ใช่สิทธิที่จะเสี่ยงภัยส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงความอยู่รอดของทั้งสังคม ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน ก็ยังไม่ปลอดภัย ….แต่เพื่อความสงบโดยรวมของชาติ รัฐจำต้องยืดหยุ่น ผ่อนปรนให้มีมาตรการผ่อนคลาย แม้จะสุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพของคนทั้งชาติ และเดิมพันด้วยความมั่นคงของรัฐก็ตาม ..ข้อสำคัญ ต้องไม่ประมาทรีบร้อน รัฐต้องไม่ลืมว่าเงื่อนไขของเวลายังอยู่ในมือ……ยืดมันออกไปให้ น า น …….. เท่าที่จำเป็น แต่…แค่เพียงวันแรกที่ลดการ์ดลง ฝูงเปรตก็แผลงฤทธิ์ แย่งเหล้าเบียร์กันให้เห็นที่ Makro …. “New Abnormal” เช่น สญชัยปริพาชก นี้ เป็นผลที่วิญญาณ ถูกทุนกัดกร่อนอย่างยาวนาน และยินดีจะล่มจมเรือหายไปด้วยกัน …………อย่าปล่อยให้ ภาพความ Balance ระหว่าง “สุขภาพ” และ “ปากท้อง” ที่รัฐบาลและประชาชนทุกภาคส่วนเพียรร่วมกันสร้าง ให้เกิดสมดุลอย่างยากเย็น ….ต้องมลายหายไป เพราะนักปลุกระดม ที่จ้องจะปล้นชิงอำนาจ…..ห้ามประมาทเด็ดขาด!!! ความทรงพลังของ Covid-19 เป็น ธรรมฤทธิ์ที่หยุดโลก มอบความ สงบ อย่างที่โลกไม่เคยได้รับ สยบ ทุนสามานย์ (Super Spreader) ด้วย World Wide Quarantine…..ชะงักงันจนต้องฉุกคิด ปลุกจิตสำนึกในศีลธรรม ในช่วง Lockdown ได้พิสูจน์แล้วว่า คนไทยมีความสามารถในการปรับตัว……….. อยู่บ้านเพื่อชาติ…..ได้คืนเสรีภาพแก่ผู้มีจิตสำนึก ให้พ้นจากคุกของโลกอบาย…….ขี้เมาบางคนผ่านชีวิตปลอดเหล้าได้ โดยไม่ลงแดง……… หวังว่าการระบาดครั้งนี้จะช่วยให้มนุษยชาติเข้าใจได้ถึงพิษร้ายของระบบทุนนิยมที่ครอบงำเศรษฐกิจทั้งโลกอยู่ ใครคิดถึง“ในหลวง”บ้าง? ยกมือ…….ถ้าพ่อยังอยู่ คงมี Solution ดีๆ…..ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกๆ …..และถ้าพี่คนโตเดินตามรอยพ่อ ก็จะดีมาก……ลองคิดดูว่าที่ผ่านมา……พ่ออนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำทางภาคเหนือ ไว้ได้อย่างไร?….ทำไมชาวเขาจึงเลิกปลูกฝิ่น แล้วหันมาปลูกผักผลไม้ แม้ไม่ถนัด? …….ที่ทางทำกินและวิถีพอเพียงอันยั่งยืนเช่นนั้น ชาวเขาได้มาอย่างไร?…….แล้วพ่อช่วยชาวเขา จัดจำหน่ายผลผลิตยังไง? ………พี่ๆลองทบทวน model “โครงการหลวง” ของพ่อดู ให้ดีๆ จะได้ไหม? สภาพการณ์ในปัจจุบันเป็นผลรวมของการกระทำในอดีต……การตัดสินใจที่ทำในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคต ……ในแง่ของชาวอโศก ถ้าปรากฏการณ์“กู้ชาติ”คือการเรียกระดมชาวบุญนิยม ตามหาญาติ…..วิกฤติการณ์ “Covid-19” ก็คือ “Final call” …… ตามหา “ลูกไก่” ว่าที่ญาติธรรม ที่ Covid-19 ได้คัดสรรไว้แล้ว…….เมื่อเปิดเมืองเต็มรูปแบบ ถ้าได้ “แม่ไก่” ผู้รู้ศาสตร์พระราชา และ สืบทอดวิชชาจรณะจาก “ไก่ตัวพี่” ….ช่วยกันลงพื้นที่ ดูแลอบรมลูกไก่ได้ จะดีเยี่ยม….ตีเหล็กตอนที่ยังร้อน ขึ้นรูปคันไถคันเบ็ด ….ถ่ายทอดสัมมาอาชีวะ ให้ครบทั้งรูป-นามของวิถีบุญนิยม มอบศีลเป็นหลักของจรณะ เป็นฐานของ “Critical Thinking” ในฌาน ไม่ใช่เพียงท่องจำแล้วหลับตา จะได้เติบโตเป็นอาริยะชน ที่มั่นคงในวรรณะ ๙ …ปัญหาปากท้องก็จะถูกขจัดอย่างถาวร …นักปลุกปั่นก็ไม่มีพวกให้ชักชวนลงถนน…..แม้เศรษฐกิจจะถดถอยเพียงใด ก็ยังอิ่มท้อง มนุษย์….ไม่สามารถหาความมั่นคงของชีวิต ได้จากโลกภายนอก……ตราบใดที่ยังไม่สร้างความมั่นคง แก่โลกภายในจิตใจของตนก่อน ………………… ……..แล้วน้ำก็จะไหลไปสู่น้ำ น้ำมันก็ไหลไปหาน้ำมัน……..ด้วยสนามพลังแห่ง “อิทัปปัจจยตา”……..กรรมที่มนุษย์ก่อไว้นั้น ยากเกินกว่าจะหลีกเลี่ยงได้ แน่นอนว่าระลอกของภัยพิบัติ จากภาวะโลกร้อนจะทยอยตามมา และจะรุนแรงยิ่งๆขึ้น…….. “Covid-19” เป็นเพียงน้ำจิ้ม ที่อยู่บนโต๊ะจีนเท่านั้น………ทำใจในใจของตนให้มั่นคงเสียแต่บัดนี้……..เพราะอีกในไม่ช้า “เมนูหลัก” กำลังจะตามมา! พ่อครูว่า…ลองทำดูสิ เมนูพริกขี้หนูเชื่อม พูดถึงเรื่องสังคมต่อก็แล้วกัน สังคมมนุษย์มีความรู้ความเข้าใจกันว่าระบบของสังคมเป็นระบบประชาธิปไตยระบบเผด็จการระบบคอมมิวนิสต์อะไรอยู่ประมาณอย่างนั้น แล้วก็เข้าใจว่าระบบที่ดีที่สุดอาจจะไม่ดีที่สุดแต่ว่าเลวน้อยที่สุดเขาว่าอย่างนั้น คือระบบประชาธิปไตย เขาก็ยังฝันกันว่าจะมีระบบที่ดีที่สุด ประชาธิปไตยอาจไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดแต่เป็นระบบที่มีข้อด้อยน้อยที่สุดว่าอย่างนั้น อาตมาก็ขอยืนยันว่า ถ้าจะเรียกประชาธิปไตยก็เป็นภาษา ถ้าไม่เรียกประชาธิปไตย แต่เอาตัวอธิปไตยเป็นอำนาจนี่แหละ และประชาธิปไตยก็แปลว่าอำนาจเป็นของมวลประชาชน ไม่ใช่อำนาจไปเป็นของคนหนึ่งคนใดเรียกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือแม้แต่จะเป็นอำนาจของกลุ่มหมู่เดียวเรียกว่าคอมมิวนิสต์ ก็ไม่ใช่ เป็นอำนาจของประชาชนที่ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะแสดงความเห็น อันแน่นอนโดยสัจจะมันไม่เท่าเทียมกันหรอก แต่ค่อยๆมารวมกันแล้วเฉลี่ย Average มันต้องเป็นอย่างนั้น จะไปบังคับให้ทุกคนมีความเห็นความเข้าใจเท่ากันไม่ได้ บังคับให้ตายก็ไม่ได้ ต้องเอาความเห็นแต่ละคนมารวมกันและเอาตัวเลขค่าเฉลี่ยรวมตรงกลาง ทีนี้พระพุทธเจ้าเหนือชั้นกว่าวิธีการอย่างนั้น คือ พระพุทธเจ้าสอนให้คนลดความเห็นแก่ตัวลดกิเลสตัวที่เป็นอยู่ในฐานของจิต ลดความเห็นแก่ตัวแล้วก็จะมีความเห็นแก่ผู้อื่นเห็นแก่ส่วนรวม และทำได้จริง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นสมาชิกของพระพุทธเจ้ามีสัมมาทิฏฐิจึงเกิดผลลดกิเลสได้จริง จนถึงขั้นสูงสุดของการลดกิเลส หมดกิเลสไปส่วนหนึ่งส่วนนอก ส่วนหยาบเป็นพระอนาคามี หมดข้างนอกไปบ้างเป็นพระสกิทาคามี เริ่มต้นเลิกได้เป็นพระโสดาบัน เป็นจริงได้ในสังคมที่มีอริยบุคคล 4 จึงเกิดค่าของความเป็นจริงของจิต ที่ไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้ เป็นคนวรรณะ 9 มีคุณธรรมวรรณะ 9 ด้วยความเป็นจริงจึงเกิดมวลชนที่มารวมกันเป็นอาริยบุคคลรวมกันที่มีคนทำมากน้อยลดหลั่นกันไปแต่มีสัมมาทิฏฐิ มีทิฏฐิสามัญญตา และมีหลักเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าวางไว้คือศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะปฏิบัติไปสู่จุดเป้าหมายเดียวกันคือนิพพาน คือความหมดตัวตน จึงเกิดสังคมกลุ่มหมู่ สังคมกลุ่มหมู่ที่มารวมกันแล้วมีความเห็นแก่ตัวน้อยมีวรรณะ 9 จึงเป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย เป็นคนจนก็ได้ไม่ต้องไปร่ำรวยอะไรก็ได้ มีใจที่พอเพียง เป็นคนขัดเกลาตัวเองจากสิ่งที่ยังขัดเกลาไม่ได้ มีหลักเกณฑ์ในการขัดเกลาที่สูงขึ้น ธูตะ จนอาการต่างๆพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆให้น่าเลื่อมใส ปาสาทิโก แล้วก็เป็นคนจนไม่สะสมอะไร แต่เป็นคนยอดขยัน ปรารภความเพียร มีอปจยะ และวิริยารัมภาะเป็น 2 ตัวสุดท้ายของวรรณะ 9 ผู้ที่เรียนรู้ปฏิบัติตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าจะเป็นคนมีวรรณะ 9 อาตมาเอาวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาอธิบายมีคนฟังเข้าใจ ปฏิบัติตามจนเกิดมีมรรคผลก็เลยมารวมกัน เป็นหมู่กลุ่มชุมชนสังคมชาวอโศกที่มีวรรณะ 9 เมื่อมีวรรณะ 9 ผลจึงเกิดเป็นสาราณียธรรม 6 ผลเกิดความเป็นอยู่รวมกัน เป็นสังคมที่อยู่กันอย่างเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมและมีลาภที่ได้โดยธรรมเรียกว่า ลาภธัมมิกา ต่างคนต่างทำต่างสร้าง มันจึงเป็นลาภตามสิทธิของแต่ละคน แต่ก็ไม่เอามาเป็นของตัวเองเอามารวมกันเรียกว่าสาธารณโภคี มีลาภธัมมิกา ลาภโดยธรรมเอามารวมกัน กินใช้ร่วมกันอย่างที่ชาวอโศกเราทำสำเร็จเรียบร้อยและอยู่กันอย่างศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ศีล 5 เสมอกับศีล 5 ศีล 8 เสมอกับศีล 8 ศีล 10 ศีล 10 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลก็เสมอกับจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีความเห็นไปในทางทิศทางเดียวกันไม่ขัดแย้งกัน เป็นสาราณียธรรม 6 เพราะมีจิตตามพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ เกิดจริงเป็นจริงได้คำสอนพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นหมันเอามาเรียนรู้กับพูดได้จริง ในยุคนี้ความเป็นจริงของคนประพฤติได้และอาศัยในชีวิตดำเนินชีวิตอยู่อย่างสบาย ทุกวันนี้ชาวอโศกอาตมาทำงานมา 40-50 ปีมีผลงาน สำเร็จ ถึงสบายๆทุกวันนี้ จนอาตมาว่าจะเกษียณ บรรยายไว้หมดแล้ว ส่วนการบริหารก็โยนให้ผู้ที่เป็นสมณะ สิกขมาตุ ฆราวาสที่จะเอาภาระรับผิดชอบด้วยสำนึกไม่ได้แต่งตั้ง แต่เป็นความสำนึกเข้าใจความจริง ว่าตัวเองควรจะทำหน้าที่ขนาดนี้ และหมู่ฝูงก็ไม่ขัดข้อง มีบางคนไม่ค่อยเหมาะสมก็โดนขัดเกลาเองเป็นไปตามธรรม บางคนยังไม่ค่อยจะลงตัวยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่แต่ก็ แอค อยากจะทำ คนอื่นก็ค่อยขัดเกลา คนที่มีปฏิภาณปัญญารู้กัน มันจะเป็นไปด้วยสัจจะของมันเอง มันจะขัดเกลาไปในตัว ให้ได้สัดส่วนมีความสงบเรียบร้อย อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ มีผลอย่างนั้นจริงๆเลยพวกเราชาวอโศกถึงอยู่กันอย่างเรียบร้อย สงบ อาตมาพูดนำเสนอ เขาจะอ้วกอาเจียนเป็นโลหิตร้อนออกมา ในสิ่งที่อาตมาพูดแล้วพูดอีกนำเสนอแก่พวกเรา เขาฟังแล้วก็อยากจะฆ่าแล้วฆ่าอีก แต่ก็ฆ่าไม่ลงเพราะว่าอาตมาอ้างอิงหลักฐานตามพระไตรปิฎก หลักฐานที่อ้างอิงก็พอดีกับพวกเราปฏิบัติตรงตามหลักฐานนี้ได้ด้วย เขาเลยพูดไม่ออกได้แต่กรอกตา ทีนี้ ลองมาพูดด้วยภาษาสมัยใหม่ สังคมชาวอโศกนี้เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า ประชาธิปไตยเป็นภาษาสมัยใหม่ ในยุคพระพุทธเจ้ายังไม่มีคำว่าประชา + อธิปไตย แต่สมัยพระพุทธเจ้ามีแต่คำว่าโลกาธิปไตย-อัตตาธิปไตย-ธรรมาธิปไตย อาตมาก็ยืนยันว่า โลกาธิปไตย-อัตตาธิปไตย-ธรรมาธิปไตย เป็นอธิปไตย 3 โลกาธิปไตยคือ การศึกษาองค์รวมของโลก จนถึงโลกาภิวัฒน์ ก็เข้าใจเป็นลำดับๆ อัตตาก็เข้าใจ อัตตาธิปไตย เข้าใจโอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา เราก็ล้างออก เหลืออรูปอัตตาเราก็ล้างออก จนกลายเป็นผู้รู้จักอัตตา แล้วก็ไม่ติดอัตตา มีอัตตาโดยธรรมที่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่มีแม้อุปกิเลส มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ที่เป็นอุปกิเลสปลายสุดก็ไม่มี แล้วก็อยู่กับโลกปรุงแต่งเป็นอภิสังขารให้ได้สัดส่วน ด้วยความมีแต่จิตของท่านไม่มีอัตตาเป็นโลกนิโรธ แต่อยู่กับโลกสมุทัย เพราะมันมีเหตุต่างๆเราก็ทำตามเหตุอยู่ไป ซึ่งผู้ที่มีความรู้องค์รวมมีความเข้าใจว่าเหมือนกับแม่ครัว ปรุงแต่ง จะปรุงน้ำพริกให้คนกลุ่มนี้ ก็ต้องเอาเผ็ดเท่านี้หวานเท่านี้เท่านี้เปรี้ยวเท่านี้ หากปรุงให้คนอีสานก็เผ็ดได้เค็มได้แต่อย่าหวาน ก็ต้องรู้ แต่หากปรุงแต่งให้คนภาคกลางกินน้ำพริกต้องมีรสหวาน อาตมาเมื่อก่อนไปกรุงเทพฯก็งงว่าน้ำพริกที่นี่ต้องใส่น้ำตาลด้วยหรือ งง เราก็รู้ว่า น้ำพริกคนอื่นก็ปรุงอย่างนี้แม่ครัวหัวป่าก์ หรือจะแกงก็ตาม ผัดก็ตาม ทำอาหารอะไร จะปรุงอะไรให้เขาอาศัยกินอาศัยใช้ นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้ เข้าใจองค์รวมพวกนี้จริงๆ แล้วก็เอามาใช้โดยสามัญ โดยปกติธรรมดา อย่างอาตมาเข้าใจอย่างที่อาตมาสาธยายก็พามาทำอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดเอาแต่ไม่รู้ อาตมาไม่ได้เป็นครูชนิดนั้น แต่อางตมาเป็นครูที่พาทำ ให้คุณรู้คุณเข้าใจ แล้วคุณเชื่อถือ เชื่อฟัง เชื่อตาม ปฏิบัติประพฤติได้เลย จนเป็นผลสำเร็จ อาตมาเป็นครูชนิดนั้น ไม่ใช่ครูชนิดที่สอนเก่งได้รับคำยกย่องว่าเป็นผู้รู้ เป็นนักปราชญ์อะไรเฉยๆ อาตมาไม่ได้เป็นครูแบบนั้น อาตมาไม่เป็นปราชญ์หรอก เขาหาว่าเป็นพวกค้านแย้ง มันหมุนรอบเชิงซ้อน หากเอาแต่ตรรกะ แต่อาตมาไม่ใช่ ทำแล้วมีผลจริง แล้วทุกวันนี้มีความหมุนรอบเชิงซ้อนจนคัดกรองได้เป็นสังคมสาธารณะมีวรรณะ 9 อยู่อย่างมีสาราณียธรรม 6 อาตมาถึงบอกว่าอาตมาประสบผลสำเร็จในการทำงานของพระพุทธเจ้า มาถึงวันนี้แล้วว่าสามารถทำได้จริงมีตัวบุคคลเป็นจริงและก็มีคนช่วยเข้าใจแล้วก็ช่วยอาตมาไปทำงานได้ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ _สมณะฟ้าไท…พ่อครูพาเรามาเป็นคนวรรณะ 9 คือคนจน พ่อครูว่า…ตนเองเข้าใจโลก เข้าใจ อัตตา ตัวเองไม่ติดในโลกในอัตตาแล้วก็รู้ว่าคนเขาติดอะไร อยู่อย่างผสมผสานเป็นนักเศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์คือพยายามช่วยกระจายทรัพยากรที่มันมีความจำกัด ก็ค่อยๆเฉลี่ยแบ่งให้ผู้ที่เหมาะสมควรที่จะได้ไปอาศัยใช้สอยเพราะพอดีไป แล้วเราก็ช่วยสร้าง ให้เกิดความเป็นอยู่ที่พออยู่พอกิน ไม่แย่งชิง เกื้อกูล รู้จักสะพัด รู้จักอดทน โดยเฉพาะการเสียสละเป็นเรื่องขี้ผงที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น อาตมาภาคภูมิใจมาก ยิ่งมีเหตุการณ์ โควิด ขึ้นมา จะเห็นได้ว่าคนไทยอย่างไรก็ไม่ปล่อยให้คนอื่นตาย เห็นไหมพฤติการณ์ที่เกิดในสังคมประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นเป็นตัวอย่างนี่คือข้อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เอานิวยอร์ก มา เปรียบเทียบกับที่กรุงเทพฯสิ พฤติการณ์ของประชาชนในนิวยอร์กกับพฤติกรรมโดยองค์รวมของคนในกรุงเทพฯสิ เอามาเปรียบเทียบกันดู จะเห็นชัดเจนเลยว่า มนุษย์ที่มีทิฐิทฤษฎีที่ต่างกัน ทางโน้นเขาก็มีทิฐิและทฤษฎีจากทางโน้น ทางนี้ก็มีทิฐิและทฤษฎีจากทางนี้แล้วมันประพฤติกันอย่างไร แต่ที่จริง มีข่าวคราวมา ที่เอาตู้ปันสุข นี่ของไทย ที่นิวยอร์กมีไหม มีแต่ที่เยอรมัน สมณะฟ้าไท..เด็กคนที่ทำเขาเป็นนักปฏิบัติธรรมเมื่อคิดจะทำ คนก็บอกว่าเดี๋ยวตู้มันก็หายไปหรอก แต่เขาก็ลองทำแล้วก็ไม่เป็นอย่างนั้น พ่อครูว่า..มันคือน้ำใจองค์รวมของคนไทย แนวคิดหรือทฤษฎีต่างๆนานาตั้งแต่คนพยายามที่จะเปลี่ยนแนวคิดหรือเปลี่ยนระบอบต่างๆจากประชาธิปไตยที่มันเป็นไปไม่ได้คือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะเปลี่ยนมาเป็นคอมมิวนิสต์อย่างนี้เป็นต้นโดยนายคาร์ล มาร์ค ก็พยายามจะเปลี่ยนให้เป็น ที่จริงก็มีแนวคิดจะเฉลี่ยเหมือนกัน แต่มันมีเชิงบังคับ มันไม่เป็นอิสรเสรีภาพ ประชาธิปไตยมีอิสรเสรีภาพจนเลยเถิด เหมือนกับไทยถูกว่า ทำตามอย่างใจได้คือไทยแท้ แต่แท้จริงไม่ใช่คนไทยไม่ใช่ถึงขนาดนั้น แต่ตอนนี้เห็นชัดเจนเลยว่า อเมริกันตามใจเป็นอิสรเสรีภาพสำคัญยิ่งกว่าสุขภาพอีกอย่างนี้เป็นต้นไปกันใหญ่เลย เพราะฉะนั้นในความรู้ต่างๆพวกนี้พระพุทธเจ้าท่านรู้รอบรู้ทั่วนะรู้จบ เราเองเป็นชาวพุทธเราเชื่อแล้วก็จริงใครศึกษาจะเห็นจริงว่าพระพุทธเจ้านี้ท่านตรัสรู้อย่างรู้จริงๆในเรื่องของจิตมนุษย์ ใครจะมีแนวคิดออกไปอย่างไรต่างๆเห็นแก่ตัวแบบไหนก็แล้วแต่ท่านรู้แจ้งหมดเลย แล้วท่านก็พยายามเอามาพิสูจน์ทฤษฎีนี้อย่างเป็นขั้นตอน จนกระทั่งได้สูตรสำเร็จคือศีล สมาธิ ปัญญา หรือมีจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นสูตรสำเร็จ นี่แหละเป็นสูตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ศีล สมาธิ ปัญญา หรือจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นสูตรสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เอามาให้ปฏิบัติประพฤติกันแล้วจะประสบผลอย่างที่ชาวอโศกประสบผลได้ มีศีลเป็นตัวหลักแล้วก็ปฏิบัติด้วย อปัณกปฏิปทา 3 ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา การนั่งหลับตากับ อปัณกปฏิปทา 3 มันคนละโลกเลย ใครที่ไปพาไปนั่งหลับตามันค้านแย้งกับอปัณกปฏิปทา 3 ยังกับฟ้ากับก้นเหวเลย เป็นเครื่องชี้บ่งว่าศาสนาพุทธนั้นถูกเข้าใจผิดไปอยู่ในก้นเหวแล้ว ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นฟ้า เพราะฉะนั้นจึงผิดไปหมดเลยในการปฏิบัติให้เกิด สัทธรรม ก็ไม่มี เพราะไม่ได้เดินตามศีลและปฏิบัติกัน ไม่มีองค์ 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคมันก็ไม่มี ฌาน 4 แบบพุทธไม่มี มีแต่ฌานแบบฤาษีที่ออกป่าเขาถ้ำไม่มีสัทธรรม 7 เลย ศรัทธา หิริ โอตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา เขาไม่มีปัญญาหรอกมีแต่ เฉโก วิริยะก็ไม่มี สติ ก็ไม่ครบกายวาจาใจ มีแต่สติภายใน ศึกษากันไปแค่นั้น เข้าใจวิชชา 8 กลายเป็นเรื่องอาเทศนาปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ไปอีกเลอะเทอะไปใหญ่ ไม่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์เลย อาตมาพูดไปเขาก็ไม่กล้าเถียง เพราะว่าอาตมาเปิดตำรายันให้ ผู้ที่เถียงคือผู้ไม่รู้ก็เลยเถียง อย่างดื้อๆโง่ๆ เถียงอย่างไม่มีหลักเกณฑ์ไม่รู้ ถ้าเป็นผู้รู้เขาไม่กล้าเถียงหรอก เพราะว่าอาตมาไม่ได้พูดเอาเองพูดอย่างมีหลักฐานอ้างอิงยืนยัน ทั้งในตำราและพระไตรปิฎกที่ยืนยัน ทั้งมีตัวบุคคลที่มาเรียนรู้ รับรู้ แล้วก็เข้าใจเชื่อถือตามว่าเป็นของพระพุทธเจ้าจึงและปฏิบัติได้มรรคผลจริงด้วยเป็นหลักฐานยืนยัน เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ก็เลยค่อยยังชั่วหน่อยเขาเงียบๆ ผ่านหลังโควิดไปแล้ว มันจะมีการพิสูจน์ตามทฤษฎีหลักที่เราจะให้เข้าหลักวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มันจะเป็นชุมชนที่มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 เพราะฉะนั้นก็จะยิ่งยืนยันชัดเจนเลย เขาก็จะแย้งไม่ได้ ยิ่งจะแย้งยาก แต่ก็น่าสงสารเขา แม้เขาจะรู้กัน ผู้รู้รู้แล้วว่าจริงด้วยนะ แต่เขาตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว เขาขึ้นมาจากหล่มนั้นไม่ได้ ชาตินี้เขาก็ตายไปอย่างนี้ แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันสุดวิสัยแล้ว ก็เลยต้องยอมจำนนไป ก็ต้องเข้าใจเขาเห็นใจเขา มันเปลี่ยนไม่ได้หรอก ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นจะไม่ให้มีการรดน้ำมนต์ ไม่จุดธูปจุดเทียน ไม่มีอัคคียัญ ไม่มีสิญจนยัญ เพราะศาสนาพุทธห้ามไว้ในมหาศีล ไม่ให้ใช้น้ำใช้ไฟเป็นสื่อในพิธีการ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาสิ่งเหล่านี้ก็มีเต็มไปหมด สมัยนี้ก็ใช้ธูปเทียนใช้กำยานใช้ขี้เลื่อยข้าวสารมาโรยภายในเตาอังโล่ เอาน้ำมันเปรียงน้ำมันเนยสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไปยกมาเป็นเทียนไขมาเป็นรูปอย่างนี้เป็นต้น แต่ก็คืออัคคียัญ ใช้ไฟเป็นสื่อ แต่ว่าอัคคียัญเขาก็ไปแปลความว่า เอาคนมามัดเผาในกองไฟกองฟืน หรือเอาสัตว์มาบูชายัญมาเผาไฟ เป็นการใช้ไฟเป็นสื่อ เป็นเทวนิยม ใช้น้ำก็กรวดน้ำให้ไปถึงคนตาย ใช้ไฟก็จุดให้ถึงวิญญาณต่างๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องลัทธิเดียรถีย์ ลัทธิเทวะนิยมต่างๆศาสนาพุทธนั้นไม่มี วิญญาณแบบนั้นและก็ไม่ใช้วิธีการ สิญจนยัญอัคคียัญ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีการจุดธูปจุดเทียนก่อนไปไม่เป็นเลย สวดภะวะตุสัพพะมังคลัง ก็หยดเทียนติ๋งๆ เสร็จเป็นน้ำมนต์ เอ้า..ได้แล้วน้ำมนต์ เอาใบหญ้าคาเอาใบมะยมมาสาดน้ำใส่แล้วก็จบที่หัวสาธุ ได้แล้ว ศาสนาสำเร็จพิธีการอันยิ่งใหญ่ ดูแล้วก็น่าสงสาร พระพุทธเจ้าได้มาแก้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นเทวนิยม เป็นเรื่องของผู้ที่มีภพชาติของเทวดามีภพของพระพรหม มีงภพของสวรรค์ ซึ่งเมื่อมีสวรรค์แล้วก็ต้องมีนรก แต่ศาสนาพุทธนั้นหมดสวรรค์หมดนรก หมดสวรรค์และนรก เรื่องภพชาติก็ไม่มี ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีใครมาพูดหมดภพหมดชาติอย่างอาตมาหรอก ที่บอกว่าไม่มีสวรรค์นรกทำทานก็อย่าให้มีความหวังอะไรทั้งนั้นแหละเพราะจะเกิดภพชาติ ทำอย่างนั้นไม่มีมรรคผลในการทานอย่างมีภพชาติมันเป็นกิเลสอย่างนี้เป็นต้น เอาทานสูตรมาขยายให้ฟัง แต่เขาฟังกันไม่รู้เรื่อง สอนการเรื่องมีภพชาติ เมื่อจะสอนเรื่องไม่มีภพชาติก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วจะอยู่กันอย่างไร แล้วบอกว่าศาสนาไม่เกี่ยวกับโลก แล้วจะเกี่ยวกับอะไร? สู่แดนธรรมว่า เกี่ยวกับโลกทิพย์ พ่อครูว่า…โลกทิพย์ก็เกี่ยวกับมโนมยอัตตา เกี่ยวกับนิรมาณกาย ใครก็ตามจะเนรมิตอะไรตามที่สมมุติขึ้นมาเองได้ เรียกว่านิรมาณกาย คนที่พูดกันรู้เรื่องก็เป็นสัมโภคกาย พูดกันเข้าใจสมมุติกันไปต่างคนต่างพยายามทำให้มันไปด้วยกันได้พูดกันรู้เรื่อง แต่ที่จริงแล้วต่างคนต่างไม่เห็นของกันและกันเป็นอทิสมาณกาย ต่างคนต่างอทิสมาณกาย เป็นตุเป็นตะ น่าสงสาร เหมือนคนบ้าพูดกัน เคยเห็นไหมคนในโรงพยาบาลบ้าพูดกัน น่าเอ็นดู เขาพูดกันเหมือนรู้เรื่องแต่เราฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ เขาพูดกันสนุกสนานต่างคนต่างพูดแต่ไม่เห็นเข้าเรื่องเข้าราวอะไร ก็แล้ว แต่ก็ไปกันใหญ่ เคยเห็นไหม เขาพูดกันหัวเราะสนุกสนานแต่พูดคนละเรื่องไป ต่างคนต่างอยู่ในภพของตัวเองไป ยังไงอย่างนั้นเลย น่าสงสาร มนุษย์ดาวดึงส์มี สุขทิพย์ อายุทิพย์ คือทิพย์คือนิรมาณกาย สร้างมาเองเป็นสัญญายนิจจานิ ตัวเองกำหนดเอง พูดกับคนอื่นเหมือนรู้เรื่อง อาหารใกล้ๆกันก็พอรู้เรื่องแต่ต่างคนต่างกายต่างกันสัญญาต่างกันโมเมกันไป กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกันยังพอพูดกันรู้เรื่อง เช่น พูดกันว่าจิตใจไม่มีนิวรณ์ 5 ก็พอพูดตรงกัน แต่พอไปทำแล้วอย่างพวกเราจิตใจก็ไม่มีนิวรณ์ 5 แต่พวกนั้นก็นั่งหลับตาเขาก็ไม่มีนิวรณ์ 5 แต่ในองค์รวมรูปนามอย่างนั้น แต่ของเราได้องค์รวมรูปนามแบบลืมตา รูปนามเป็นสิ่งที่ถูกรู้กับสิ่งที่รู้เป็นกายเป็นธรรมะ 2 แล้วนิวรณ์ 5 ของเราก็ไม่เกิด แต่ของเขาต้องไปนั่งหลับตา รูปนามของเขาก็ต้องนิ่งสงบ หยุด อยู่ในสมถะ แล้วนิวรณ์ 5 ของเขาก็ไม่มี กายคนละอย่างแต่ไม่มีนิวรณ์ 5 อย่างเดียวกัน เป็นสัตตาวาส ข้อที่ 2 เรื่องของวิญญาณฐิติ 7 และสัตตาวาส 9 ก็รวมความเป็นสัตว์ไว้ในนั้น สัตตาวาส มีกายต่างกันสัญญาต่างกัน กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน อสัญญีสัตว์ สัตว์ทั้ง 5 เขาก็ศึกษากันมีทั้งแบบสัมมาทิฏฐิและมิจฉาทิฏฐิ พวกเราก็จะเห็น กายต่างกันสัญญาต่างกัน กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ส่วน อสัญญีสัตว์ คือพวกที่มิจฉาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจสัตว์ทั้ง 4 อย่างนี้แล้ว ก็จะเข้าใจว่า ถ้าคนที่เข้าใจเรื่องกายเรื่องสัญญาแล้ว ก็จะเข้าใจเลยว่าแต่ละคนแต่ละคนจะเห็นความเป็นมนุษย์ก็ดีเห็นความเป็นเทวดาก็ดีเห็นความเป็นสัตว์นรกเป็นมาร ต่างๆนานา เป็นมนุษย์หรือเป็นพวกเทพบางเหล่า พวกสัตว์วินิปาตบางเหล่า หากเป็นสัมมาทิฏฐิก็จะพูดกันรู้เรื่องอีกอย่าง แต่หากไม่สัมมาทิฏฐิก็จะไปคนละอย่างต่างคนต่างนิรมานกาย ต่างคนต่างอยู่ในภพชาติของตัวเองเลย ความเป็นมนุษย์ความเป็นเทพความเป็นเทวดาความเป็นสัตว์อะไรก็ต่างกันไปหมดไม่มีอะไรเสมอๆเป๊ะหมด อาจจะคล้ายกันมากที่สุดพูดกันรู้เรื่องเท่านั้นแหละนอกนั้นต่างกันหมด นี่คือ กายต่างกันสัญญาต่างกัน ส่วนอันที่ 2 นั้นสัตว์บางจำพวกมีกายต่างกันแต่มีสัญญาอย่างเดียวกัน มีสัญญากำหนดหมายให้จิตใจไม่มีนิวรณ์เขาก็ทำจิตใจให้ไม่มีนิวรณ์ แต่วิธีของมิจฉาทิฏฐิเขาก็ไปทำการนั่งหลับตาจิตของเขาก็ไม่มีอาการของนิวรณ์ได้ ตรงกันสัญญาอย่างเดียวกันแต่เขาได้ร่วมกระทำที่ต่างกันเพราะเขาหลับตาแล้วอยู่ในภพมีอินทรีย์เดียว แต่ของพุทธนั้นมีทั้ง 6 อินทรีย์เลย ตาหูจมูกลิ้นกายใจ แต่ไม่มีนิวรณ์ เพราะฉะนั้น กาย จึงต่างกัน แต่สัญญานั้นไม่มีนิวรณ์เหมือนกันได้ อันที่ 3 เป็นอาภัสรา กาย อย่างเดียวกันแต่สัญญานั้นต่างกัน อย่างเช่นพวกธรรมกาย ใสอย่างเดียว ภาษาใสๆๆๆ ใสมากใสน้อยก็แล้วแต่ แต่ก็ใสอย่างเดียวกันหมด แต่จริงๆแล้วการกำหนดความใสของแต่ละคนไม่เท่ากันหรอก ไม่เหมือนกันเลย แนวลึกนามธรรมนั้นคนละอย่าง ใสของธรรมกายกับใสของทางมหาบัว จะเห็นชัดเจนเลยว่ามันต่างกัน เพราะว่าใสของทางมหาบัวจะเอียงไปในทางกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน พวกหลวงตาบัวใสอาจารย์มั่นจะเป็นพวกกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกันมันดับดำมืดตึ๊ดตื๋ออย่างเดียวกันเลย อย่างกิณหา สุภกิณหา เป็นเทวะหรือเป็นพรหมสุภกิณหา หมายความว่ามันน่าจะได้อันนี้แหละเป็นความดับความดำ เป็นสุภะ แปลว่าน่าได้ น่ามี น่าเป็น ก็คือแปลว่างาม อะไร?ก็คือกิณหะ คือความมืดความดำเขาก็ได้อย่างนั้นไป ส่วนพวกธรรมกายนี้เอาแต่ใส เป็นพวกมืดตาใส มืดยิ่งกว่า สุภกิณหา เพราะว่าถูกหลอกแม้กระทั่งจะต้องปิดบัญชีเลยเอามาให้ธรรมกายทั้งหมด ก็เอาไปบอกครอบครัวซื่อๆว่าปิดบัญชีแล้ว แล้วจะเอาอะไรกิน พ่อแม่จะไปปิดบัญชีแล้วลูกก็บอกว่าจะเอาอะไรกิน ซื่อ เขาก็บอกว่าได้เองๆ อาจารย์ไม่ใหญ่บอกว่าเดี๋ยวจะรวยเอง ใช้ภาษาอย่างเท่หลอกซ้อนหลอก ที่จริงแล้วอาจารย์ใหญ่มากแต่ก็ทำภาษาว่าถ่อมตนเป็นอาจารย์ไม่ใหญ่ โรงเรียนฝันในฝัน ที่จริงเป็นการฝันบ้าบอ ส.ฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin10 พฤษภาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630508_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาจนให้เขาด่าได้คือเศรษฐศาสตร์สุดยอดNextNext post:630504_รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์(สำมะปี๋ซี่วิต) ครั้งที่ 3 ทะเลธรรม ชเลขวัญRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024