630531_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดผู้นำตลอดกาลต้องบริหารโดยไม่บริหาร
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1rMqt3bKUpiS4PE7T-ysqIL1GiD1fgITtOCM-4aK78Kw/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1wGE4Lqb6aH6fjQY5a7EZ8pURSeqlgRqD
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้คนที่เป็นทุกข์คงจะเป็นคนอเมริกา ติดเชื้อโควิดตายมากแล้วยังมีการก่อจลาจลอีกมีการเผาอาคารและรถยนต์มีการปล้นสะดมกันไปทั่วอเมริกา
พ่อครูว่า…ก็ก่อนจะพูดsms พูดต่อจากท่านฟ้าไทที่เกริ่นไปแล้ว เราจะศึกษาธรรมะกับทางธรรมะเพื่อประชาชนสังคมมนุษยชาติ ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ธรรมะของศาสนาเทวนิยมใดๆก็เพื่อมนุษยชาติเหมือนกัน ให้อยู่ดีกินดี ใน Concept ของศาสดา ทุกพระองค์ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ให้มนุษยชาติ อยู่ดีกินดีเป็นสุข
แต่องค์ประกอบที่จะทำให้สำเร็จนั้นต่างกัน กายต่างกันแต่สัญญาอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้นผลที่ได้ โดยสัญญาโดยการกำหนดรู้ด้วยพยัญชนะด้วยทฤษฎี มันก็เป็นทฤษฎีว่าจะต้องเป็นไปเพื่อความเป็นอยู่สุขของมนุษยชาติ แต่ที่นี้คำว่าเป็นอยู่สุขของมนุษยชาติ มันก็มีทฤษฎีมีองค์ประกอบแต่ละทฤษฎีของแต่ละศาสดา ไม่ตรงกันไม่เหมือนกันก็เลยได้ผลต่างกัน
ของสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีอีกอย่างกับของเมืองไทยเป็นคนละเรื่อง เทียบยอดต่อยอด นำพาโดยพระเจ้าอยู่หัว อย่างเช่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ชัดเจนมาก ว่าเป็นประชาธิปไตยที่บริหารโดยไม่ต้องบริหาร ปกครองโดยที่ไม่ต้องปกครอง ก็อยู่กันอย่างสงบสุขดี แน่นอนก็มีการขัดแย้งกันบ้างมีการทะเลาะกันในช่วงพระชนม์ชีพของท่านตั้ง 70 ปีก็เป็นบ้าง แต่ก็ลงเอยด้วยดีพอสมควร ไม่ถึงขั้นรุนแรงโหดร้ายเหมือนอย่างกับโลกๆเขาเป็นไป
เสร็จแล้วมาสังเคราะห์กันผลสุดท้าย ปลายรัชกาล ประเทศชาติก็ลงตัวสำเร็จรูปร่าง อาตมาเห็นว่ามันได้สังเคราะห์กันด้วยทฤษฎีหลากหลาย มีทั้งเรียนมาจากต่างประเทศจากปราชญ์ผู้รู้ของโลก มีนักบริหารต่างๆมาช่วยกันทำ กว่าจะสังเคราะห์สำเร็จลงมาได้ทุกวันนี้อาตมาถือว่าสังคมประเทศไทยนี้ถูกสังเคราะห์มาด้วยดีแล้วลงตัวแล้ว เป็นไปได้ดี นับวันก็ดีขึ้น
การมองความเป็นรัฐศาสตร์ก็ตามเศรษฐศาสตร์ก็ตาม มันมองต่างกัน อาตมามองกับนักทฤษฎีของโลกเขามองนั้นต่างกัน มีนัยต่างกัน อย่างเช่นความเป็นประชาธิปไตยทุกวันนี้ โลก ประชาธิปไตย จะมีตัวเงื่อนไขหลักว่า จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งมันเป็นรูปแบบชัด เพราะว่าให้คนทั้งประเทศมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งรูปแบบชัดดี ก็เลยเข้าใจกันง่ายแล้วก็เชื่อว่าอันนั้นแหละคือประชาธิปไตย อาตมาว่าอย่างนั้นมันมักง่ายมากเลย มันไม่ได้ดูพฤติกรรมจริงของการบริหาร บริหารพอเป็นไปได้ด้วยดีสังคมก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่ถ้าพฤติกรรมของผู้บริหารไม่ดี สังคมก็เป็นไปได้ ไม่ดี ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ
ทีนี้ประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้งพลเอกประยุทธ์บริหารมาตั้ง 5 ปี สังคมสงบเรียบร้อยดีเป็นไปด้วยดี ถ้าจะว่าไปแล้วก็ครบเทอมของผู้เป็นนายกปกติที่เป็นได้ 4 ปี บริหารได้ครบเทอม นี่ต่อมาอีก หลังเลือกตั้งแล้วก็ตาม จริงๆแล้วมันชัดเจนอีก นายกประยุทธ์จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งก็ไม่ได้อยู่ในพรรคไหน จริงๆแล้วทุกพรรคเอามารวมกันโดยวิธีการของรูปแบบระเบียบแบบแผน ก็ได้เป็นนายกขึ้นมา
ยิ่งที่จริงแล้ว อาตมาพูดแต่เขาก็ยังงงและไม่รู้เพราะเขาติดยึดเพียงรูปแบบนิดหน่อยเท่านั้นเอง พลเอกประยุทธ์อยู่ในรูปร่างของผบ.ทบ. เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ แล้วก็บอกว่าผมขอยึดอำนาจ เขาเพียงแต่ติดยึดในรูปแบบว่าเป็นเผด็จการรัฐประหารโดยพลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์ก็เลยติดชนักตรงนี้ กลายเป็นผู้เผด็จการ การทหาร กลายเป็นผู้ปฏิวัติ ซึ่งความจริงพฤติกรรมของสังคมมันไม่ใช่ มันเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบเกิดจากประชาชนได้ปฏิวัติ รัฐบาลออกไปต่อเนื่องตั้ง 4 รัฐบาล เรียบร้อยแล้วพลเอกประยุทธ์ก็มารับช่วงต่อ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่ได้มีรัฐประหาร เขาจะต่อต้านอย่างไรก็ไม่ขึ้นตีกะลาตีปี๊บอย่างไรก็ไม่ขึ้น เพราะมันเป็นประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว
เป็นประชาธิปไตยที่ยังไม่เคยมีในโลกว่ามีประชาชนปฏิวัติ แล้วการปฏิวัติของประชาชนไม่ได้ถือมีดถือปืนถืออาวุธเอาไปวุ่นวายก่อความจลาจลด้วยเลย อยู่กันอย่างสงบสุภาพเรียบร้อยดีเอาความจริงมาประกาศแต่อาจใช้เวลา ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปประกาศอธิบายไปเป็นปี อีกหลายปี อีกหลายรัฐบาลเพื่อให้ชัดเจน รัฐบาลนี้ออกไปปฏิวัติมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาก็ถูกปฏิวัติอีก ถ้าเป็นรัฐบาลนอมินีก็เป็นถึงสี่รัฐบาล รวมรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เป็น 5 รัฐบาล แล้วเขาก็ไปมองตื้นง่ายๆว่า มันไม่ใช่ประชาชนปฏิวัติ ถ้าหากประชาชนปฏิวัติจะต้องมีประชาชนขึ้นไปเป็นนายกฯเองสิ ใครก็ไม่รู้ขึ้นมาเอง แต่นั่นแหละพลเอกประยุทธ์ออกมา บอกว่าขอยึดอำนาจแล้วมาเป็นหัวหน้าบริหารประเทศ หรือตั้งประชาชนคนใดคนหนึ่งขึ้นมาสิ นายคนนั้นนายคนนี้มาเป็นผู้บริหารมาเป็นนายกฯ เขาก็พาซื่อ
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ไม่รู้เรื่องว่ามันใช่หรือมันเงอะๆงะไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่มันใช่แล้วแต่ก็รับลูกไม่เป็น รัฐบาลก็บอกว่าหรือ ใช่หรือไม่ใช่
_สู่แดนธรรม พ่อท่านเคยบอกว่าเขาจับมายาไม่เป็น อันนี้ใช่หรือไม่ใช่เขาก็ไม่รู้
พ่อครูว่า…เขาจับความเป็นของจริงไม่ออก เรายืนยันอย่างไรเขาก็ยังเข้าใจไม่ได้ เพราะเรายังไม่มีเครดิต แต่เราทำสำเร็จอย่างจริงจัง อาตมาว่าอาตมาเป็นนักการเมืองตัวเอ้ ไม่ได้ออกไปแสดงตัว แต่พยายามทำความเข้าใจกับประชาชน เอาประชาธิปไตย 10 ข้อขึ้นมา
งานการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ
-
งานการเมืองต้องมีคุณธรรมและเป็นกุศล
-
นักการเมืองต้อง “รู้จัก” ประชาธิปไตยที่แท้ นักการเมืองทุกวันนี้เรียนประชาธิปไตยแต่ก็ไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเพียงพอ ในความเป็นประชาธิปไตย อาตมาเข้าใจถึงประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า
-
นักการเมืองต้อง “สอน” หรือเผยแพร่ประชาธิปไตยให้กับประชาชน (ประชาชนก็ใส่ใจขวนขวายเรียนรู้ ไม่ใช่รู้แค่ว่าไปเลือกตั้งเท่านั้น)
-
นักการเมืองต้องเป็นผู้พึ่งตนเองได้แล้ว
-
นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อยสันโดษ
-
นักการเมืองต้องไม่ทำงานการเมืองเป็นอาชีพหากิน .
-
งานการเมืองต้องเป็นงานอาสาเสียสละ .
-
นักการเมืองจะต้องไม่มีอคติ (ต้องพ้น อคติ ๔) . .
-
นักการเมือง คือ ผู้มีอิสระแท้จริง ไม่เป็นทาสโลกธรรม
-
งานการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่งานเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัว เพื่อหมู่พวก เพื่อพรรค แต่เป็นงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนทั้งมวล เพื่อผู้อื่นที่พ้นไปจากตัวเอง พ้นไปจากครอบครัว พ้นไปจากหมู่พวก แม้แต่พ้นไปจาก “พรรค” ของตน
ความซับซ้อนของประชาธิปไตยเมืองไทยที่อาตมาได้กล่าวไปนิดหน่อยเป็นข้อบ่งชี้ว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยเฉพาะผลของการบริหารตั้งแต่นายกฯประยุทธ์บริหารมา 5-6 ปี สงบร่มเย็นเป็นไปด้วยดี ที่นี่ คนก็มองไปว่าสังคมดูดี แต่เศรษฐกิจแย่ ก็มาเข้าสู่โหมดความเป็นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ดีมาก พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ชัดเรื่องเศรษฐกิจ บอกว่าต้องเอาเศรษฐกิจพอเพียง ฟังก็ได้แต่บัญญัติภาษาคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง ยังไงเขาก็บอกว่าต้องให้เป็นเศรษฐกิจพอเพียงดีที่สุด สหประชาชาติก็ขานรับว่าเศรษฐกิจพอเพียงดีที่สุด แต่ยังไม่รู้ในรายละเอียดจริงๆ ว่าเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร แต่รู้คร่าวๆเลาๆ
มีคำว่าพอ Sufficiency มันมีคำว่าพอ ศัพท์คำว่าพอ จุดสำคัญของมนุษยชาติคือมันไม่รู้จักพอ เพราะฉะนั้นถ้ามันมีความสำนึกสำเหนียกในคำว่าพอขึ้นมา มันก็เริ่มเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยไม่ใช่ขี้โลภ ไม่ใช่เห็นแก่ตัวไม่รู้จักพอ ขี้โลภอย่างไม่มีลิมิตไม่ใช่ มันมีความพอนิดหน่อย เพราะฉะนั้นผู้ใดที่ไม่มีตัวตน มีทรัพย์เท่าไหร่ก็เป็นศูนย์ พอ สุดยอดแล้ว ผู้ที่ไม่มีตัวตนไม่มีตัวกูของกู ไม่มีอัตตา ไม่มีอัตตนียา ตัวเราของเรา เป็นผู้ที่มีความศูนย์ก็พอ แล้วเป็นความศูนย์ก็พอที่รวมกันเป็นสังคม
ผู้นี้มีศูนย์แล้วก็พอ อยู่คนเดียวยากเวลาคนเราเจ็บป่วยแล้วไม่มีคนช่วย แต่ก็พออยู่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่เป็นสูญแล้วมาร่วมกันทำงานขยันมีความรู้ความสามารถ เพราะฉะนั้นมีผลผลิตมีผลของแรงงานที่จะเป็นสิ่งเลี้ยงตัวเองรอด เป็นแต่เพียงว่าถ้าอยู่คนเดียวเจ็บป่วยแล้วไม่มีใครช่วยดูแล
แต่ถ้าเป็นสังคมอย่างชาวอโศกเรา เป็นสังคมส่วนรวม พึ่งพาส่วนกลาง พึ่งกันและกันจริงๆได้ พึ่งแก่เจ็บตายกันได้ จึงเป็นสังคมสมบูรณ์ จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยก็ตาม จะเรียกว่าเป็นคอมมิวนิสต์ก็ตาม มันเป็นเพียงบัญญัติเป็นเพียงชื่อของพฤติกรรมสังคมเท่านั้น เกิดมาจากความรู้กับจิตที่เป็นจริง ชาวอโศกมีความรู้และเป็นจิตที่เป็นจริง จึงอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีทรัพย์สินของตัวเองเลยได้ อยู่ได้อยู่รอดจริงๆ ส่วนใครจะมีบ้างนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้อยู่เพื่อจะมาสะสมกอบโกย จะเอาเปรียบเอารัด ชีวิตเกิดมาตายแล้วจะได้มีเงิน 100 ล้านไม่ใช่ บางคนก็มีพันบาท หมื่นบาท แสนบาท ล้านบาทก็เท่านั้น ไม่มีความคิดที่จะเอาไว้มากมีเหลือก็เอาเข้าส่วนกลาง จะเป็นคนมีจุดที่พอและเป็นจุดที่ไม่สะสมตรงตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้า เป็นหลักเกณฑ์ที่สุดยอด
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…พ่อครูอธิบายคนที่มีความพอ คนที่สูญแล้วคือคนที่พอสุดยอด
นักรบธรรม…ที่พ่อครูว่า นักการศาสนาหากเป็นพระอรหันต์จะเป็นผู้นำได้อย่างสุดยอด ถ้าหากผู้บริหารเป็นนักบวชจะเป็นได้ดีไหม
พ่อครูว่า..ยิ่งดีใหญ่เลย นักการศาสนาที่เป็นพระอรหันต์บริหารด้วยและเป็นนักบวช จะดีไหม ก็ยิ่งดีเลยทุกวันนี้ยิ่งทันสมัย คนที่ไม่เข้าใจ อย่างคุณนี่ ว่า มาเป็นนักบวชแล้ว จะไปบริหารประเทศชาติ บริหารคนหมู่ใหญ่ได้หรือ ได้สิ ได้
อาตมาบริหารอยู่นี่ไง อาตมาถึงไม่ออกไปเป็นฆราวาส ถ้าหากว่าอาตมาเห็นว่าไปเป็นฆราวาสธรรมได้ดีอาตมาออกไปแล้ว เพราะอาตมาทำงานทางธรรมะ แน่นอนอัตโนมัติทำงานทางธรรมะคนก็ต้องเชื่อ ทำงานทางธรรมะแล้วบริหาร อาตมาบริหารนะทุกวันนี้ ไม่ได้ไม่บริหาร แต่ว่าอาตมาไม่มีตำแหน่งหน้าที่ อาตมาไม่มียศตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีอะไรที่มาระบุ แต่อาตมาทำงานเต็มที่ของอาตมา อาตมาทำงานบริหาร แต่การบริหารของอาตมาไม่ได้ระบุชื่อไม่ได้ระบุตำแหน่งอะไรเลย แต่อาตมาเอาความเป็นจริงแสดงอาการ ทำงานทั้งการพูดการทำ พูดแล้วทำนี้ ไม่ได้พูดทำโดยไม่มีเจตนาโดยไม่มีจุดมุ่งหมายใดมีเจตนามีจุดมุ่งหมาย ทำกับประชาชนเพื่อประชาชนแล้วก็ให้ประชาชนมาพร้อมกันทำโดยประชาชน ทุกวันนี้ที่นี่จึงเป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่งเลย
เพราะฉะนั้นจึงได้นักประชาธิปไตยประมาณนี้แหละ ก็ได้นักประชาธิปไตยประมาณชาวอโศกนี้ นอกนั้นเป็นนักประชาธิปไตยที่กำลังงมคลำหาทางอยู่ยังไม่มีทฤษฎีเอง พระพุทธเจ้าท่านมีทฤษฎีแล้วสุดยอดแล้ว แต่คนเหล่านั้นยังไม่ได้ทฤษฎีเอกของพระพุทธเจ้า แม้แต่เป็นนักบวชที่เป็นภิกษุจบเปรียญ 9 จบปริญญาเอกทางศาสนาพุทธก็ยังไม่รู้ ทำไม่ได้ ยังไปแย่งลาภยศตำแหน่ง ดีไม่ดียังโกงอยู่เลย มันตลกสุดๆเลย ซึ่งมันไม่ได้เรื่องอะไร
สรุปคำว่าเศรษฐกิจที่ดีนี้ จงมาดูตัวอย่างชาวอโศก สรุปง่ายๆ เพราะอโศกมีเศรษฐกิจที่ดี เศรษฐกิจนี้เป็นเศรษฐกิจสำเร็จรูปแล้ว โดยหมู่สมาชิกของผู้ที่มีทฤษฎีนี้ ปฏิบัติตนอยู่ในกฎเกณฑ์หลักเกณฑ์ทฤษฎี จะเรียกว่ากฎเกณฑ์กฎหมาย ธรรมนูญ ก็ได้ ชาวอโศกมีธรรมนูญอย่างนี้ ตามที่เราเป็นอยู่นี้ แล้วผลของสังคมออกมาได้ถึงสาธารณโภคี
หมายความว่าเป็นคนที่อยู่ในสังคมกลุ่มนี้แล้ว ทำงานแล้ว มีลาภธัมมิกา ได้ผลผลิตออกมาเอาเข้าสวนกลางเป็นสาธารณโภคี เป็นข้อที่ 4 ของสาราณียธรรม 6 นี่เป็นเครื่องชี้บ่งของคำว่าเศรษฐกิจ ลาภโดยธรรม เอามาเข้ากองกลาง แล้วก็กินใช้ร่วมกัน จึงเกิดสังคม เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ตามหลักเกณฑ์ ศีลสามัญญตา ตามความรู้ความเห็น ทิฏฐิสามัญตา นี่คือสาราณียธรรม6 นี่ ชาวอโศกที่สุดธรรมะพระพุทธเจ้าเอามาทำจนเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดหรือจะเรียกว่าคอมมิวนิสต์ก็ได้ เป็นสุดยอดยิ่งกว่าคอมมิวนิสต์ คาร์ลมาร์คก็ไม่มีทางเทียบ เทียบไม่ได้เพราะนี่เป็นสุดยอด คาร์ลมาร์คไม่ได้สามารถทำให้คนมาทำงานเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ แล้วมีทิฏฐิเสมอสมานกัน ไม่มีลัทธิแปลง ลัทธิแก้ ชาวอโศกไม่มีลัทธิแก้
ผู้จะมาแก้ลัทธินี้ หลุดออกไปจากชาวอโศกมีไหม มี เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครมาแก้ลัทธินี้
เพราะฉะนั้นใดเศรษฐกิจดีจึงมีความหมายที่ยากจะเข้าใจ ในหลวงร.9ตรัสไว้ว่าเศรษฐกิจดีคือเศรษฐกิจคนจน เศรษฐกิจต้องอยู่กันอย่างผู้ที่ขาดทุน เป็นความรู้ที่สูงส่งมาก
พวกเรามีชีวิตอยู่อย่างเป็นผู้ขาดทุน เจริญมาก ผู้ที่อยู่อย่างมีชีวิตเอาแต่กำไร เสื่อมเอากำไรมากๆๆ เสื่อมมากๆๆๆ ฟังแล้วขัดหูไหม มันคนละเรื่องกับที่เขาเข้าใจกันเลยที่เป็น Concept ของเขา เพราะฉะนั้นถ้าเปลี่ยน Concept เปลี่ยนความรู้ความเข้าใจองค์รวมของเขา มาเป็นอย่างที่มีเป้าหมายอย่างชาวอโศกเข้าใจ ถ้าเข้าใจได้มากเท่าไหร่ก็จะเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ คอมมิวนิสต์ที่สมบูรณ์และสังคมจะอยู่อย่างเป็นสุข แต่นี่มันยังเข้าใจกันยังไม่ได้ยังไปคนละทิศทาง
ยิ่งเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา อัตตาเต็มบ้อง หมด ประชาธิปไตยดีสุดคือไม่มีอัตตา มีความขยันมีความรู้ความสามารถมีความเสียสละเกื้อกูล มีการสังคหะ มีพลังแห่งสังคหะ มีพลังงานปัญญา พลังงานวิริยะ พลังงานอนวัชชะ มีพลังงานปัญญา มีกำลัง 4 จึงไม่มีภัย 5
-
ปัญญาพลัง (กำลังคือ ปัญญา) . . .
-
วิริยพลัง (กำลังคือ ความเพียร ขยัน) . .
-
อนวัชชพลัง (กำลังคือ การงานที่ปราชญ์ไม่ติ) . ,
-
สังคหพลัง (กำลังคือ การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น) ,
มีต่อ…
-
อาชีวิตภัย (ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย)
-
อสิโลกภัย (ภัย คือ การติเตียนจากคนโลกๆ)
-
ปริสสารัชภัย (ภัยคือ การสะทกสะท้านต่อสังคม) .
-
มรณภัย (ภัยคือ ความตาย)
-
ทุคติภัย (ภัยคือ ทุคติ เช่น อบายภูมิ นรก เดรัจฉาน ฯ)