630601_รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์(สำมะปี๋ซี่วิต) ครั้งที่ 6 ศีรษะฯ สีมาฯ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1TQpoOKFdSP2Y4fcclDZ6IB_hJTF6LyPazL29YJM6Xbo/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1wo-IIMRBnZdaVVjBtIRvEIPJUX5cP25T
สู่แดนธรรมว่า… วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
พ่อครูว่า…วันจันทร์เดือน 7 ขึ้น 11 ค่ำวันที่ 1 มิถุนายน รู้สึกว่ารายการสำมะปี๋นี่ปัญหาก็ลดลงๆ ดูเหมือนว่าจะเข้าใจมากขึ้นปัญหาลดลง สักวันหนึ่งก็น่าจะหยุดได้ เพราะทุกคนเข้าใจรอบถ้วนหมดปัญหาแล้ว
สมณะะถ่องแท้…จากการศึกษาเรียนรู้กับพ่อครู 40 กว่าพรรษา เห็นได้เลยว่า เห็นภาพที่ชัดเจนว่าสังคมที่ล้มเหลวเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่เกิดจลาจลไปทั่ว (เสียงได้ยินไม่ชัดเจน) …
สีมาอโศก
_ฟ้าปลื้ม…เสียงยังไม่ดี รอก่อน
พ่อครูว่า..ให้แก้เรื่องเทคนิคก่อน
_จดหมายกราบเรียนพ่อครู ๓๑ พ.ค. ๖๓
กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพ ขอได้โปรดประชาสัมพันธ์รับสมัครทีมงานบันทึกข้อมูลเป็นรายงาน “งานอโศกรำลึก”ที่จะมาถึงนี้เพื่อลง”สารอโศก”ฉบับอโศกรำลึก รับไม่จำกัดจำนวน ติดต่อได้ที่”หายโง่” โทร. ๐๙๙๒๐๙๑๑๗๗ หรือมาที่ “เฮือนข่อยหว้าแหล่ว”ได้ทุกเวลาที่เหมาะสม บัดนี้คุณอ้อย (ฟางฝน..บุษกร กุลมาตย์)ได้รับร่วมทีมแล้ว และจะชักชวนอาจารย์ปานปั้นร่วมงานด้วย..ญาติธรรมที่ไม่ได้อยู่บ้านราชฯก็ร่วมงานได้เพราะสามารถทำงานทางออนไลน์ได้ค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
กราบนมัสการมาด้วยความศรัทธาและเคารพอย่างสูง
หายโง่
SMSวันที่31 พ.ค.2563
_เมิ้ง เมินเงิน : ฟังเทศพ่อท่านมานาน ไม่เคยเบื่อ และรู้สึกว่าขาดไม่ได้
อยากทราบว่า สัจจะกับความจริง ต่างกันยังไงครับกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
พ่อครูว่า…อาตมาไม่เคยใส่ยาเบื่อ คุณจะฟังอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อหรอก แต่ขาดไม่ได้นี่ชักจะติดแล้ว
สัจจะกับความจริง…สัจจะเป็นภาษาบาลี ความจริงเป็นภาษาไทย ต่างกันที่เป็นภาษาบาลีกับเป็นภาษาไทย
_9309 อยากจะขอเตือนสติคนของกลุ่มท่าน บางคนที่เสพติดการนินทาจนเคยชิน เรื่องมีอยู่ว่าวัดพระธรรมกายพาคนกินอาหารมังสวิรัติและปลูกผักกินเองภายในวัด แทนที่คนของท่านจะชื่นชมว่าเค้าพาคนกินมังสวิรัติจะได้ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อมาเป็นอาหาร กลับไปนินทาเค้าว่า เค้าเรี่ย เงินมาซื้อ 1000 ผัก น่าจะชื่นชมเค้าบ้างนะในสิ่งดีดี การพึ่งพาตนเองปลูกผักกินเองก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี มองแต่มุมลบมันไม่เจริญหรอก พูดไปก็มีแต่คนเค้าไม่ชอบ หยุดพูดเรื่องไม่ดีของคนอื่นบ้างเถอะ ขอขอบคุณ
พ่อครูว่า…ไม่หยุด จะทำไง อาตมาก็ไม่หยุดที่จะพูดถึงเรื่องไม่ดีของคน อาตมาเข้าใจอาตมามีความรู้ที่ถูกต้องด้วยว่า อาตมาว่าความผิดของคนตำหนิความผิดของคนมันเป็นสิ่งที่ดีงาม พระพุทธเจ้าตรัสไว้เลยว่าความชมนี้ทำให้ซวย
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็คำ สรรเสริญ นั้นเป็นของน้อย ไม่พอเพื่อสงบกิเลส ความว่า ความสรรเสริญนั้นเป็นส่วนน้อย ต่ำช้า นิดหน่อย ลามก สกปรก ต่ำต้อย จึงชื่อว่า ความสรรเสริญนั้น เป็นของน้อย
มุมดีนิดหน่อย กว่าจะหามาได้สักมุม แล้วจะเอาอะไรกันนักกันหนามีความดีนิดหน่อยเท่านั้น แต่สิ่งที่มันไม่ดีมันทำลาย ต้องรีบ เหมือนกับคนที่มีไฟร้อนไหม้อยู่บนหัว ต้องรีบจัดการดับไฟบนหัวให้เสร็จ อย่างนั้นต่างหาก เพราะฉะนั้นพยายามที่จะตำหนิ อย่าไปเห็นแก่ตัว อย่าไปกลัวคนตำหนิ การตำหนินั้นพาให้เจริญ เพราะฉะนั้นโชคดีแล้วที่ธรรมกายถูกตำหนิและได้รับคำตำหนิ เพราะตนเองนั้น น่าจะต้องถูกตำหนิอย่างแรงอย่างมากด้วย แล้วก็มีคนตำหนิให้นั้นเป็นกุศลอย่างยิ่งแล้ว ไม่ใช่เรื่องไม่ดีเลย อย่ามองสิ่งที่มันดีๆๆ แล้วไปมองว่าเป็นเรื่องย่อยเรื่องเสีย ขอเตือนคุณ 9309 ให้คุณมองให้ดีพิจารณาให้ดี ขออภัยที่พูดไปนี้พูดความจริง อย่าหาว่าอาตมาบังอาจสอนพูดเลย เป็นเรื่องดี
อาตมานี้เกิดมาจะมาทำงานจะมาจัดการทำลายสิ่งที่ผิด โดยเฉพาะสิ่งที่ผิดในศาสนาพุทธ อาตมาเองมีคนว่า ว่าทำไมได้แต่ด่าว่า ใช่อาตมาเกิดมาด่าว่า มาตำหนิสิ่งที่ผิด เพราะมันผิดมากจึงต้องกอบกู้ การกอบกู้จึงต้องบอก เหมือนหมอเจอคนไข้โรคเยอะ ก็ต้องบอกว่ามีโรคอะไรบ้างมีหมดเลย ตั้งแต่โรคขี้กลากขี้เกลื้อนจนถึงโรคโควิด ก็ต้องบอกให้รู้โรคแล้วจะได้รักษา
ชมเชยนั้นพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย ทำให้เหลิงทำให้หลงตัวด้วย จริงๆแล้วความดีที่มีอยู่กับคนอื่น ไม่ต้องไปรู้ไม่ต้องไปจี้ เขาดีอย่างนี้อยู่ที่คนเขาก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสะกิดไม่ต้องไปทำอะไรว่ามันจะเสียหาย แต่ความชั่วอยู่ที่คน ไม่สะกิดไม่เตือนให้บอกให้รู้ตัวมันซวยไหม แต่ความดีที่อยู่ที่เขาไม่ต้องไปพูดอะไรเขาก็ดีอยู่อย่างนั้นช่างปะไร แต่ถ้าไปชมอีกมันจะเหลิง เป็นผลกระทบที่ไม่ค่อยจะสวย
แต่เรื่องไม่ดี แม้เราจะเหลือไม่ดีนิดเดียว เราก็ยังมองเห็นและเตือนเราได้ทั้งๆที่เรามีดีตั้งเยอะแยะ ขออภัยอาตมามีดีเยอะ พูดนี้ไม่ได้หลงตัวเองอะไร มีดีเยอะ แม้แต่ที่อาตมาตำหนิติเตียนคนอื่นก็ไม่ใช่ของไม่ดีเลยเป็นของดีจริงๆแล้วดีถึงขั้นว่าไม่มีใครมากล้าติเท่าอาตมาหรอก คนในยุคนี้ และขออภัยอีก ไม่มีใครสามารถติได้ละเอียดลออลึกซึ้งครบครันได้เท่าอาตมาหรอกในยุคนี้ นี่เรื่องจริง
อาตมาจึงเหมาะสมเป็นผู้ที่ทำหน้าที่นี้แล้ว หากว่าอาตมาไม่ทำ อาตมาผิด จงดูไว้เสียด้วยคุณ 9309
สู่แดนธรรม…ความจริงลูกชาวอโศกที่ได้รับความเจริญและความมั่นคงอยู่มาได้ยาวนานก็เพราะว่าคำตำหนิของพ่อครูนี่แหละ พวกเราจะเพ่งหาข้อบกพร่องของเราที่เราคิดว่าดีแล้วนี่เพื่อนจะบอกเราได้พวกเราจึงได้รับความเจริญ
พ่อครูว่า…และอาตมาก็ไม่ได้ไปเที่ยวตำหนิศาสนาอื่นเขา แต่อาตมาตำหนิชาวพุทธด้วยกัน เพราะเป็นชาวพุทธด้วยกัน เอาความรู้ความจริงของพระพุทธเจ้าไปย่ำยีตีแหลก ทำให้ผิดทำให้ผิดเพี้ยนเสียหายไป มันต้องรีบกอบกู้ขึ้นมา มันเป็นความถูกต้องแล้วที่อาตมาทำ คุณพยายามทำความเข้าใจให้ดีๆ ให้เกิดความเฉลียวฉลาด อย่าไปมองแต่เรื่องอคติที่คุณไปรักอันนั้นแล้วไม่อยากให้เป็นตำหนิอันนั้น หรือไปคิดตามแนวคิดของคุณมันไม่ถูกต้อง อาตมาได้ยกอ้างคำของพระพุทธเจ้าและศึกษาให้ดีๆและจะชัดเจน อาตมาว่าอาตมาไม่ได้ทำผิดทำเสียหาย ทำมาเกือบ 50 ปีแล้ว อายุก็จะเต็ม 86 ปีในมิถุนายนที่จะถึงนี้
คุณอย่าเอาขี้หมามาแลกทองคำมันเล็กน้อยเหลือเกินที่คุณพูด ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นควรจะต้องทำสิ่งที่ควรทำนี้ให้ถูกต้อง สิ่งที่ควรตำหนิต้องตำหนิอย่างมากอาตมาได้ตำหนิธรรมกาย มันเป็นความประเสริฐ เพื่อให้เขารู้ตัว ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกเลยดีไม่ดียังจะรู้สึกชังอาตมาด้วย ไปชังคนตำหนิได้อย่างไร
เราควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำตำหนิ (นิคฺคัยหวาทิง เมธาวิง) ขนาบ อยู่เสมอไปว่า..
คนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดีถ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย (เพราะว่าเมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐ โทษที่ลามกย่อมไม่มี – เสยฺโย โหติ น ปาปิโย)
(พตปฎ. เล่ม 25 ข้อ 16)
เป็นลูกพระพุทธเจ้าต้องพูดให้เข้าหลักเข้าเกณฑ์พระพุทธเจ้า อาตมาทำถูกแล้ว อาตมาตำหนินี้ คุณพูดประเด็นของคนโลก ถูก..พูดไปก็มีแต่คนไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบคำตำหนินี้ไม่มีความเจริญหรอก พูดไปก็มีแต่คนไม่ชอบ คนโลกๆเขาจะโง่ใครไปตำหนิเขา เขาจะไม่ชอบทั้งที่ตำหนิผิดหรือถูก เขาก็ไม่ชอบตำหนิถูกด้วยซ้ำเขาก็ไม่ชอบ ตำหนิผิดเขายิ่งไม่รู้เรื่องยิ่งปัดออก คนที่ทำหน้าที่ตำหนินี้ เสี่ยง เสียสละ คนที่ไม่ชอบอย่างที่คุณพูดมันเป็นคนโลกๆ ถูกต้องคนเรานี้ควรจะให้คนเขาชอบหรือให้คนเขาไม่ชอบ …ให้ชอบ แล้วคนเราก็พยายามจะสร้าง มุมอะไรที่ทำให้คนชอบ ส่วนใหญ่คนจะสร้างท่าลีลามุมเหลี่ยม สร้างให้ตัวเองให้คนอื่นเขาชอบ เพราะฉะนั้นคนที่ทำแล้วคนเขาไม่ชอบนี่เป็นคนเสียสละ
_สติพล จนพัฒนา : โควิททำให้ผู้มีบารมีมาแล้วบรรลุธรรมเร็วขึ้นครับ!!
พ่อครูว่า…คนนี้ชัดเจนขึ้น จริงนะ คนที่มีบารมีมีความรู้มีปฏิภาณปัญญาอยู่ในที โควิด มันมากระตุกให้คนรู้สึกตัว ตอนนี้อเมริกากำลังได้รับบทเรียนจากเรื่องโควิด นี้มากเลย ขณะนี้เขาไม่รู้ตัวว่าประเทศแค่ สามร้อยล้าน แต่จีน อินเดีย มีประชากรพันกว่าล้านก็ยังไม่กล้าให้คนติดโควิดมากเลย เขาตายไม่มากเท่า ตอนนี้ข่าวว่าเขาหาวัสดุทำโลงศพไม่ค่อยได้แล้ว ก็เอาเหล็กที่ใช้ทำหุ้มลูกระเบิด เอาไปทำโลงศพสิ เก็บไว้มากไม่ใช่เหรอ เอามาทำโลงศพ มันหายากแล้ว
สู่แดนธรรม…นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
__ฟ้าปลื้ม…เสียงฟังได้ไม่ชัดเจน…มีคนป่วยอายุยาวติดเตียง อีกคนก็เป็นเบาหวานทำให้ตาบอด พักด้วยกันที่เรือนสุขภาพ มีคนดูแลประจำ 1 คน มีอาอินทร์และคนอื่นๆช่วยกันดูแล
พ่อครูว่า..คนเรานี่เกิดมาแล้ว เรามีประโยชน์แก่กันและกัน โดยเฉพาะคนใกล้ชิด คนที่เราได้อาศัยพึ่งพากัน อาศัยกินอาศัยใช้ อาศัยอยู่ใกล้ชิดด้วยกันนี้ มันยิ่งจะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การใจดำแก่กันมันไม่ควรหรอกมันควรจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างแท้จริง ในประดาทั้งโลกนี้ คนเป็นสัตว์ประเสริฐ มีพืช วัตถุ ดิน น้ำ ไฟ ลมเราก็ควรจะต้องช่วยคนก่อนช่วยสัตว์ช่วยพืชก่อนดินน้ำไฟลม ก็เป็นภาษาที่พูดนี้คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะไม่เข้าใจ มันเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นคนเจ็บคนป่วยเขาไม่อยากเป็น เขาเจ็บเขาป่วย มันเป็นเรื่องของไตรลักษณ์เป็นเรื่องของธรรมชาติสัตว์โลก สัตว์โลกมันช่วยกันไม่เป็น มันช่วยกันบ้างเหมือนกันนะสัตว์โลกสำหรับสัตว์ที่สมองพัฒนามากหน่อย ก็ช่วยกันเท่าที่ช่วยได้ แต่คนนั้นช่วยได้เยอะมีปัญญามีความเฉลียวฉลาดเยอะ ก็ต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยกัน ก็คือไม่ใช่คน ต่ำกว่าคน ใครอยากจะต่ำกว่าคนก็ไม่ต้องช่วย ถ้าใครคิดว่าควรช่วยกัน คนเจ็บคนป่วยยิ่งเขาติดเตียง.. นี่คนตาบอดเป็นเบาหวาน มันจะต้องช่วยสิ ต้องช่วยกัน ไม่มาช่วยกันไม่ใช่คน แรงพอเปล่า?
แรงพอหรือยัง อาตมาว่ามันแรงแล้วนะพูดอย่างนี้ จริงนะ ทีนี้บอกว่ามีอานิสงส์อะไรก็เป็นความรู้ปัญญาของมนุษยชาติ อานิสงส์ก็เป็นประโยชน์ที่ได้ช่วยคน จะช่วยให้เขาทำยังไง แม้แต่จะช่วยเขา เขาจะตาย ฟังดีๆนะ ตอนนี้เป็นมุมกลับนิดหน่อย แม้เขาจะตาย แล้วคุณก็มีความรู้ความสามารถ หมอมโนก็จะช่วยให้เขาตายไปอย่างสงบตาเป็นอย่างดี ดร.มโนนี่นะ เขามีอาชีพนี้ อาชีพที่จะช่วยคนตายให้ไปดีๆ เห็นไหม มุมเหลี่ยมสัจธรรมของมนุษย์ชาติมีเยอะ ก็ชัดเจนแล้วคนนี้ถึงที่สุดแล้วเขาจะต้องตายแล้ว มันไม่มีทางทำให้ฟื้นมาได้ก็ส่งเสริมให้ตายอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สรุปแล้วมันจะต้องช่วยกันนี่แหละมันเป็นสุดยอดมนุษย์
ในสิ่งที่อาตมาพากันทำ อาตมาภาคภูมิใจในพวกเราที่มีสังคหะ แปลว่าการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น พวกเรานี้ได้ทำ ผู้ใดที่รู้สึกตัวว่า เราไม่ค่อยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นยังต่ำอยู่ยังไม่ประเสริฐ ยังเป็นคนที่ไม่มีสิ่งที่ดีไม่มีสิ่งที่ประเสริฐเป็นต้น จงพยายามขวนขวาย เราควรจะได้ช่วยผู้อื่นในมุมนั้นมุมนี้ คนที่เจ็บป่วยคนลำบากก็ยิ่งช่วยได้ คนที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้วหรือมีผู้ช่วยคนอื่นๆช่วยมากแล้ว ก็ไม่ต้องไปแย่ง คนที่เขาไม่มีคนช่วยก็คอยช่วยเขาอย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งเป็นนัยธรรมดาที่คนมีปฏิภาณสามัญ ก็เข้าใจ แล้วยิ่งเป็นคนอโศกแล้วก็ไม่เข้าใจไม่มีน้ำใจจะช่วยผู้อื่นนั้น อาตมาว่าคนนี้ไม่ได้มีหัวใจชาวอโศก ไม่มีสาระสำคัญของชาวอโศกที่มีสาระคือ พึ่งแก่พึ่งเจ็บพึ่งตายกันได้ เราอยู่กันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ อบอุ่นเพราะมีเนื้อหาสาระสำคัญ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเงินเงินทองทองวัตถุสมบัติอะไร อยู่ที่น้ำใจและพฤติกรรม แล้วก็ทำให้มันจริง ส่วนอื่นๆนั้นเราเข้าใจเป็นเรื่องรอง เรื่องจะต้องทำมาหากิน ทำได้แล้วก็อย่าไปตะกละตะกราม ไม่ติดอะไรมากมาย ก็อยู่พอกินพอใช้อย่างที่พวกเราทำสบาย นอกนั้นก็พึ่งพาอาศัยกัน อย่างพวกเรานี่อาตมาเห็นมีน้ำใจช่วยเหลือกันต่างๆนานา เรียนรู้กัน เอาแบบอย่างกันในสิ่งที่ดี
sms ที่อ่านเมื่อวานยังไม่หมดเลย
_สมณะถ่องแท้…เสียงชัดเจนแล้ว ที่จะพูดตอนแรกคือ พูดถึงประเด็น ภาวการณ์ของโลกสหรัฐอเมริกาที่กำลังวุ่นวาย วัตถุนิยมทำให้คนขาดจิตสำนึก และใช้ความรุนแรงอย่างขาดการยับยั้งชั่งใจ แต่ระหว่างรายการพ่อครูดำเนินไปนิดหน่อย มีคนดูใน Facebook บอกว่า ขณะนี้เกิดบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงกับคนละเรื่องอย่างนั้นเลย คือตำรวจคุกเข่าขอโทษผู้ชุมนุมประท้วงที่เกิดตามมาคือความสำนึกความเห็นใจกัน เรื่องมนุษยธรรม มนุษย์มีอยู่แล้วแต่สัญชาตญาณดิบมันขึ้นมาทำงาน ทำให้เขาทำเลวร้ายอย่างนั้น
มาดูสังคมชาวอโศกเรา เท่าที่อยู่กับพ่อครูมา 40 กว่าปี ทิศทางที่พ่อครูสอน พาพัฒนาสังคมชุมชนมันมาถูกทางแล้ว เราเน้นเรื่องจิตวิญญาณเรื่องน้ำใจเรื่องความเอื้ออาทรเอื้อเฟื้อกัน มีระเบียบวินัย แม้โควิดจะระบาดอย่างไรเราก็ปลอดภัย อยู่ในขอบเขตที่มีการระมัดระวังตัวเอง และมีวิถีชีวิตที่ดี ไม่ไปเสี่ยงกับเขา เห็นความชัดเจนว่าสังคมอุดมธรรมะ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
พ่อครูว่า…ใช่อาตมาก็ขอขยายความ อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า เอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้าของความเป็นสังคมอาริยกะ ไม่ใช่สังคมมิลักขะ เป็นสังคมคนเจริญ ซึ่งได้ผ่านทำมาตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า เนื้อแท้ท่านสรุปเอาไว้ที่จรณะ 15 วิชชา 8 อาตมาเอามาขยายความ บางทีไม่ได้พูดถึงพยัญชนะ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นกระบวนการใหญ่ของพุทธศาสนา แต่ก็เอาเนื้อหาสาระมาทำ ย่อยลงมาสั้นๆเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งได้พาทำอย่างมีหลักเกณฑ์คือมีศีล แล้วก็ทำให้จิตเกิดเจริญขึ้นเรียกว่าสมาธิ ให้จิตใจชัดเจน ซึ่งได้จากศีลแต่ละข้อ ศีล สมาธิ ปัญญาที่เป็นกระบวนการที่แยกกันไม่ได้ แล้วก็พาทำ เช่น
ศีลข้อที่ 1 จนกระทั่งพวกเรามี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ได้สมบูรณ์แบบเลย จนกลายเป็นสังคมสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีสาธารณโภคี มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา ครบสาราณียธรรม 6 แล้วก็ทำกระบวนการของศีลสมาธิปัญญาจรณะ 15 วิชชา 8 นี้ได้ผลมาจนกระทั่งเป็นวรรณะ 9
คือเป็นคนสมบูรณ์แบบแล้วเลี้ยงง่าย สุภระ สุโปสะ เป็นคนเจริญง่าย บำรุงง่ายพัฒนาง่าย พูดกันรู้เรื่อง เป็นคนสมบูรณ์แบบตรงที่เป็นคนมาจน มักน้อยแล้วก็มีใจพอ สันตุฏฐิ ใจไม่ไปกระดี๊กระด๊าอยากไปแย่งชิงเอาเปรียบใคร มีใจก็พอ พอที่ตัวเองสร้างสรรหรือหมู่กลุ่มเราแบ่งกันกินกันใช้ก็พออยู่แล้ว อย่างนี้เป็นต้น มันมีความลงตัวมีความเป็นจริง ไม่ได้เสแสร้ง เป็นไปตามอัตโนมัติของสัจธรรมที่คนพวกเรามีจริง แล้วก็ไม่ประมาท เป็นคนขัดเกลาตัวเองอยู่ ทั้งกายกรรมมีสิ่งบกพร่องก็ขัดเกลากายกรรม วจีกรรมที่บกพร่องก็ขัดเกลาวจีกรรม โดยเฉพาะที่มีมโนบกพร่อง ยังมีกิเลสยังมีสิ่งไม่ดี ก็ขัดเกลาตัวเอง มีสัลเลขธรรม มีธูตะ ขัดเกลาศีลสมาธิปัญญามีวิมุติ ธูตะ ศีลแต่ละข้อพัฒนาตัวเองให้เจริญขึ้นจนกลายเป็นคนที่มีอาการที่ดีครบ ปาสาทิโก กายกรรมก็ดูดีดูงาม วจีกรรมก็ดูดีดูงามมโนกรรมก็ดูดีดูงาม จนสุดท้ายจบไม่สะสม เป็นคนไม่สะสม อปจยะ แล้วเป็นคนขยันอยู่เสมอ ปรารภความเพียรขยันอยู่เสมอ ไม่ขี้เกียจ เป็นธรรมดาธรรมชาติของคน คนเจริญ อันนี้ควรทำอันนี้ควรพักอันนี้ควรเพียรก็ทำ ตอนนี้กลางวันตอนนี้กลางคืนก็หลับก็นอนก็พัก กลางวันก็ทำงาน รู้จักเวลาพัก-เพียร
เราไม่พักอยู่ (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป
เราไม่เพียรอยู่ (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท
เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว (โอฆมตรินติ)
เมื่อใดเรายังพักอยู่ (สันติฏฺฐามิ) เมื่อนั้นเรายังจมอยู่โดยแท้
เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ (อายูหามิ) เมื่อนั้นเรายังลอยอยู่โดยแท้
เราไม่พัก เราไม่เพียร ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ
(พตปฎ. เล่ม 15 ข้อ 2)
อาตมาเคยบอกว่าสังคมอโศกที่อาตมาพัฒนาทำมา 50 ปีนี้อาตมาบรรลุผลแล้ว ก็จะปลดเกษียณแม้จะปลดเกษียณก็ยังอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ดูรุ่นที่รองลงไป ช่วยเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน สอนลูกสอนหลานรุ่นน้องที่ต่อไปอีก
สู่แดนธรรม..ผมได้คำที่เกริ่นไว้ตอนแรก สังเกตุที่พ่อครูได้พบปะกับลูกๆที่มาพบพ่อท่านในงาน พ่อท่านจะสังเกตว่าเขามีแววตาที่เบิกบานมั้ย เขายังมีการปฏิบัติที่ยังดีอยู่ไหม
พ่อครูว่า…มันก็เห็นจริง มันทำให้อาตมาทำงานนี้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่เป็นหมัน พอเห็นก็รู้ว่าคนนี้ยืนยันได้มรรคผล คนนี้ปฏิบัติอยู่ดีเป็นผู้ที่สบาย เป็นคนเจริญเป็นคนไม่มีโทษภัยต่อสังคม เป็นคนที่มีคุณค่าประโยชน์ต่อสังคม แล้วตัวเองก็สบายใจ ยังมีสิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง สัลเลขตัวเอง มีธูตะ มีศีลสมาธิปัญญาของตัวเองที่เจริญขึ้น ถ้าจบแล้วก็ไม่สะสมอะไรแล้วก็มีแต่ยอดขยัน คนในอโศกนี้ ไม่สะสมแล้วเป็นคนศูนย์จริงๆมีชีวิตอยู่ในอโศก เป็นคนไม่สะสมแล้วไม่กังวลไม่คำนึงถึงว่าจะมีเงินมีทองมีสมบัติอะไร อยู่ในอโศกนี้มีตัวจริงตัวบุคคล แล้ววันหนึ่งก็มีแต่ วิริยารัมภะ ตื่นมาก็มีเวลาทำงานถึงเวลานอนก็นอน ตื่นเช้าก็มาทำงาน จนกว่าจะถึงวันตาย มันจบแล้วนะ อปจยะ วิริยารัมภะ สัจจะของพระพุทธเจ้าชัดเจนเหลือ 2 ข้อสุดท้ายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบแล้ว ก็คือคนอปจยะ วิริยารัมภะ
สู่แดนธรรม..ตอนพ่อท่านเดินออกกำลังกายตอนเช้าก็เห็นพวกเราเก็บผักขมีขมัน เราตั้งข้อสังเกตว่า เราที่ทำนี้เหน็ดเหนื่อยไปมีเหงื่อท่วมตัวนี่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองสักหน่อยเลย ทำไม ทำไปทำไม
พ่อครูว่า..มันเป็นความเจริญความประเสริฐเป็นเครื่องชี้บ่งความเจริญความประเสริฐของคน
ตอนนี้มีโควิดมาต้องตั้งกระท่อมปันสุข ดีไม่ดีในอนาคตอาจจะจัดทีมลงไปในตลาดลงไปแจกผักกัน จริง
อาตมาว่าถ้าใครขยันไม่ต้องทำอะไรเลย ผักตาโก้งนี่เยอะเลย ดองแล้วก็ใส่กระทงเอาไปแจกตามตลาด
คุณซึ้งบุญ ทำไปแจกที่กระท่อมหลายรอบแล้วคนข้างนอกบอกแซบๆ
พ่อครูว่า…มันยังมีเยอะจริงๆ แหม เอาไมยราบยักษ์มาลองดูไหม
_Jaitham ใจธรรม :ชอบฟังพ่อครูอธิบายพระไตรปิฏกมากค่ะ ฟังแล้วทำให้เข้าใจ แม้แต่เรื่องที่เข้าใจได้ยาก อย่างเรื่องเอามือไปลูบพระอาทิตย์ได้ เมื่อก่อนงงมากค่ะแต่มาเข้าใจเพราะฟังพ่อครู ว่าหมายถึงอยู่กับกิเลสก็ไม่ร้อน ค่ะ / ดูของบนโต๊ะ บ้านราชนี่ช่างอุดมสมบูรณ์มากๆนะคะ ดูมันหัวใหญ่มากกกกก ไม่เคยเห็นขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ
พ่อครูว่า…คนเราอยู่ดีๆจะเอามือไปยื่นถึงพระอาทิตย์ได้อย่างไรไม่รู้ไกลกี่ล้านปีแสง ไม่ร้อนก็หมายถึงว่าเราสามารถสัมผัสกิเลส แล้วเราก็ไม่เดือดร้อนรู้ความจริงตามความเป็นจริง สัมผัสของคนอื่นกิเลสของคนอื่นแล้วเราก็รู้เขา จะช่วยเขาได้ไหม ช่วยเขาได้จะช่วยได้ด้วยวิธีใดเราสามารถก็ช่วยกันไป โดยเฉพาะกิเลสของเรา ไม่รู้ร้อนรู้เย็นไปหลงกิเลสนี้ทำให้เราร้อนแต่ไปหลงว่าเย็น หลงทุกข์เป็นสุข นี่คือวิปลาส 1 ใน 4 เห็นสิ่งที่ความทุกข์เป็นความสุข เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเป็นความเที่ยง เห็นสิ่งที่ไม่น่าได้ น่ามีน่าเป็น เห็นสิ่งที่น่ามีน่าได้น่าเป็น และเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนว่ามีตัวตนเป็นตัวตน
พูดแล้วจะโยงใยธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ถึงกันหมดเลย ในธรรมะพระพุทธเจ้ามีข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งที่ชาวพุทธทุกวันนี้ไม่เข้าใจแล้ว แล้วก็ทำไม่เป็น คือ มนสิการ
มนสิการนี้เป็นข้อที่ 2 ของมูลสูตร 10 ข้อที่ 1 มีฉันทะเป็นมูล ข้อที่ 2 มีมนสิการเป็นเหตุที่พาให้เกิดให้เป็น สัมภวะหรือปภวะ เป็นแดนเกิด มีมนสิการ
นอกนั้นก็มีผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง ไล่ไปจนถึงมีนิพพานเป็นปริโยสาน และในมนสิการนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด คุณต้องคบสัตบุรุษ จึงจะได้ฟังสัจธรรม ถ้าคุณไม่พบสัตบุรุษคุณไม่ได้ฟังสัทธรรม เมื่อคุณไม่ได้ฟังสัจธรรม คุณก็ไม่เกิดปัญญา คุณก็จะทำการโยนิโสมนสิการไม่เป็น คุณไม่พบสัตบุรุษคุณไม่ยินดีในสัตบุรุษ คุณไม่เริ่มมีศีล คุณไม่เริ่มเรียนรู้อัตตา คุณไม่เริ่มมีสัมมาทิฏฐิและไม่สังวรในความไม่ประมาทต้องไม่ประมาท ตั้ง 6 ชั้นแล้วคุณจะดำเนินโยนิโสมนสิการได้ เป็นตัวที่ 7 ของสุริยเปยยาลสูตร
ถ้าทั้ง 6 นั้นไม่พร้อม มนสิการ โยสิโสมนสิการก็ไม่ได้ คนจะต้องเข้าใจโยนิโสมนสิการคืออะไรเสียก่อนจึงจะเกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิก็จะต้อง 1 มี ปรโตโฆษะ 2 ต้องมีโยนิโสมนสิการคนอื่นที่จะต้องฟังนั้นเป็นใคร เป็นสมณะโพธิรักษ์เป็นต้น คนอื่นคือคนที่เป็นสัตบุรุษเป็นคนที่อยู่ในฐานะของครู เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้ไป สยังอภิญญาไม่ได้เป็นผู้รู้เองเป็นสัตบุรุษ คุณจะต้องดูตัวเองให้ออก ถ้าคุณยังไม่รู้คุณยังไม่สามารถ ยิ่งคุณยังไม่ได้อยู่ในฐานะของครู ไม่ได้เป็นสัตบุรุษยิ่งเป็นสยังอภิญญาคุณก็ยังไม่ใช่ ยกเว้นสยัมภูยกเว้นในฐานะพระพุทธเจ้า ส่วนพระโพธิสัตว์ที่จะมีสยังอภิญญาเขาก็มีเป็นจริง
อย่างอาตมาบอกไปนี้ ขนาดบอกไปคุณยังไม่เชื่อเลย แล้วไม่บอกมันจะไปได้อะไร อาตมาบอกว่า อาตมาไม่มีจิตอยากอวดโอ่ อาตมาไม่มี อาตมาศึกษาปรมัตถ์ อาตมาฆ่ากิเลสนี้ตายก่อนในชาติก่อนแล้ว มาพูดบอกไปในสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิพูดไปเขาก็ไม่รู้เพราะเขาโง่ คนที่ฉลาดจริงๆจึงจะรู้จักสัตบุรุษ ไม่มีใครพูดอย่างอาตมาหรอกพูดที่มีหลายมุมเหลี่ยมนี้เป็นความจริงทั้งนั้น ซื่อตรงนะ ไม่ใช่ว่าจะมาเล่นลิ้นเล่นโวหารอาตมาพูดสัจธรรมทั้งนั้น อาตมาเกิดมาในชาตินี้ตั้งแต่รู้ตัวก่อนจนมา 50 ปีแล้ว อาตมารู้ตัวอัตโนมัติทำงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นแต่เป็นเรื่องจริงของสัจธรรมทั้งนั้น หากว่าจะมาอยู่กับลูกหลานถึงจะมีลูกเล่นตลกบ้าง แต่เมื่อแสดงธรรมอาตมาไม่มีการเล่น มีลูกเล่นบ้าง เล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็รู้ ใครก็ดูดีลาว่าเป็นเรื่องสนุกก็สมส่วน เพราะเป็นศิลปินต้องยอมเอาสุนทรียศิลป์ใส่เข้าไปในสารศิลป์เพราะว่าศิลปะจะต้องมีศาสตร์และศิลป์ ถ้ามีแต่ศาสตร์ก็มีแต่สารคดีถ้าเป็นสุนทรีย์ไม่มีสาระเลยก็เป็นพวกฟุ้งซ่านบ้าบอ พวกศิลปะจึงมีแต่สุนทรีหาเทคนิค แค่คนติดยึดคนชอบแต่ไม่รู้จักแก่นสารสาระว่าสิ่งที่คุณสื่อสารออกไปเป็นงานชิ้นนี้ สาระแก่นสารที่คุณต้องการให้เขาได้รับคืออะไร ศิลปินทุกวันนี้ไม่รู้เรื่องนี้แล้ว ใครที่มีปฏิภาณก็ยังดีทำเรื่องที่มีแก่นสารสาระ
เรื่องไม่ทำจิตในจิต ที่พูดไปว่าไม่มีปรโตโฆษะ
เพราะว่าคุณเป็นอวิชชามนุษย์ อย่างไร หนึ่งไม่รู้จักสัตบุรุษ 2 ไม่ได้ฟังธรรมอย่างบริบูรณ์ 3 ก็เลยไม่เกิดศรัทธาที่บริบูรณ์ เพราะฉะนั้นคุณจึงทำโยนิโสมนสิการไม่บริบูรณ์ ในอวิชชาสูตร คุณจะทำสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์ก็ไม่ได้ สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ก็ไม่ได้ ไม่บริบูรณ์หรอก สุจริต 3 คุณก็ไม่บริบูรณ์ เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังเลยว่าจะเกิดสติปัฏฐาน 4 มันจะเกิดวิชชาวิมุติ
นี่เอาอวิชชาสูตรไล่ไป คนอวิชชาไม่ใช่ไม่มีอาหารแต่มีอาหาร อาหารนั่นคือนิวรณ์ 5 นิวรณ์ 5 ก็ไม่ใช่ไม่มีอาหาร นิวรณ์ 5 มีอาหาร อาหารของนิวรณ์ 5 คือการไม่มีสุจริต 3 การไม่มีสุจริต 3 ก็มีอาหาร อาหารของไม่สุจริต 3 คือไม่รู้จักสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 เพราะฉะนั้นการนั่งหลับตานั้นเอาอินทรีย์ทั้ง 5 ทิ้งไปอยู่ในจิตอย่างเดียว โมฆะทั้งนั้นเลยในศาสนา อาตมาจะพูดอีกกี่ทีดี พวกนั่งหลับตาเคี้ยวหมากกินปูนไม่ร้อนท้องไม่รู้ประสีประสาหรอก มันข้องอยู่ในถ้ำอยู่ในป่า หยั่งลงสู่ความหลง เป็นผู้ที่ไกลจากวิเวก เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในถ้ำ นี่มันดึงเขาให้ขึ้นมายากมากเลย
เพราะฉะนั้นในคำโยนิโสมนสิการอยู่ในอะไรต่างๆนานา อยู่ในปัญญาวุฒิธรรม 4 อยู่ในสัมมาทิฏฐิ 2 อยู่ในอวิชชาสูตร 10 อยู่ในสุริยเปยยาลข้อที่ 7 อยู่ในมูลสูตรข้อที่ 2 ใช้คำว่ามนสิการ คำว่ามนสิการจึงยิ่งใหญ่ที่สุด นักรู้ของสังคมพุทธทุกวันนี้แปลคำว่าโยนิโสมนสิการเป็นเพียงว่าแปลแต่โยนิโส ไม่แปลคำว่ามนสิการ ทั้งที่แก่นแท้อยู่ที่มนสิการ เพราะเขาไม่ได้สำคัญมั่นหมายในคำว่ามนสิการแล้ว เขาทำใจในใจไม่เป็นแล้ว เป็นอย่างนั้น คนที่ไปนั่งสมาธิหลับตานี้เป็นคนที่ทำใจในใจผิดเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ได้ทำเป็น เขาทำเป็นอย่างเดียรถีย์ เป็นอย่างมิจฉาทิฐิ ส่วนคนที่ศึกษาปริยัติพยัญชนะมากแต่ทำใจในใจไม่เป็น ได้แต่ปริยัติกันเต็มไปหมดเป็นปทปรมบุคคลมีเยอะมาก
ไม่ทำให้ถึงจิตแล้วไม่ได้แยกแยะจิตให้ถึงมโนปวิจาร 18 ต้องทำให้เป็นเนกขัมมะ 18 ซึ่งต้องรู้จักเวทนาในเวทนา แต่กายในกายของเขาก็ยังเข้าใจผิด คนผู้นี้สักกายะทิฐิในสังโยชน์ข้อต้นก็ยังไม่ได้เลย เพราะเข้าใจกายเป็นเพียงวัตถุ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ากายนั้นตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง เขาจะมืดหน้าเลย กายจะเป็นจิตมโนวิญญาณได้อย่างไร พระตถาคตพูดผิดหรือเปล่า เขาจะสะดุดจริงๆเลย ก็มันได้หลงผิดไปไกลมาก คำว่ากายคำเดียวสังโยชน์ข้อที่ 1 ก็ผิดแล้ว คุณจะไปพ้นจากสักกายทิฏฐิได้อย่างไร คุณสำคัญมั่นหมายความว่า กาย ผิดไปแล้ว ก็เลิกเลย แยกกายแยกจิตไม่เป็น
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สู่แดนธรรม…เขาว่าคนจะยกย่องเอง ไม่ต้องยกตัวเองให้คนอื่นเขายก แต่คนอื่นเขาจะมีภูมิรู้ไหม
พ่อครูว่า..เกิดมาในชาตินี้ไม่เคยได้รับรางวัลเพราะว่ากรรมการทั้งหลายหัวไม่ถึงอาตมาทั้งนั้น จริง อาตมาส่งงานเข้าประกวดไม่เคยได้รางวัลเลย ในชีวิตนี้ มีได้อยู่ครั้งเดียว แต่งเพลงประกวด ได้รับรางวัลเขาก็ด่าเลย ให้กูเสียเงิน เคยเล่าไปแล้ว
ให้รางวัลอาตมาไม่ได้ จะให้อาตมาเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นอะไรที่เขายกย่องกันในทำเนียบในระบบของสังคม พูดแล้วอย่าหมั่นไส้พูดแล้วน่าเกลียดแต่เป็นเรื่องจริง พวกคุณเข้าใจพวกคุณจะไม่มีสะดุด แต่คนข้างนอกเขาจะสรุปว่าคนนี้มันหลงตัวหลงตนขนาดหนักมันยกตัวเองกันขนาดใหญ่เลย
สีมาอโศก
_รอนแสง…ที่ฟังพ่อครูมา ว่า ช่วงโควิดนี้ พวกเราชาวสีมาอโศกก็ช่วยกัน ยิ่งพ่อครูพูดเรื่องอาหารเป็นหนึ่งในโลก พวกเรายิ่งต้องขยันทำงานปลูกอยู่ปลูกกิน แม้ผู้อายุยาวก็ขยันกันปลูกผักไร้สารพิษ เราไม่ได้ออกไปไหนก็ทำปลูกอยู่ปลูกกิน ดูแลสุขภาพกันและกัน คนป่วยก็ดูแลกัน …สุขสำราญเบิกบานใจกันทุกคน
_ฟ้าปลื้ม …มรส.เปิดแล้วก็เลยต้องไปปักหลักพักค้างที่ร้าน ก็เลยเห็นที่นั่งอยู่ไม่มาก
พ่อครูว่า..โควิดให้เปิดร้านได้แล้วหรือ..
_ฟ้าปลื้ม มีระเบียบที่เขาให้ทำตาม จึงเปิดได้ ไม่ให้นั่งกินที่ร้าน จิตอาสารอบนอกคิดถึงก็เริ่มมาวันเสาร์
พ่อครูว่า…ดีแล้วล่ะ การ์ดอย่าตก โควิดคงจะอยู่ไปอีกนานพอสมควร ไม่มีใครเชิญมันมาแต่ถึงเวลาก็มาจัดการสังคมมนุษยชาติ ตอนนี้ก็ยังสงสารทั้งด้านสหรัฐอเมริกาอยู่เลย มันกำลังระบาดไปกันใหญ่มันจะลุกลามเป็น Domino มันจะเกิดผล เพราะมันหมักหมม แล้วที่เขาไม่รู้ตัว คนอเมริกันเขามีปัญหาในตัวเองเยอะมาก แต่เขาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาไม่เข้าท่า เป็นเรื่องอคติ เป็นเรื่องคิดผิดเป็นเรื่องโง่ของเขา เขาไม่รู้ตัว ตอนนี้มันสะสมรวมตัวกันเป็นระเบิดปรมาณู นี่ไม่ได้ไปสาปแช่งไปว่าเขา อาตมาพูดถึงเนื้อหาของเรื่อง สิ่งที่เป็นจริง
น่าสงสารที่สังคมเขาทั้งที่มีหลักคำสอนหลักให้ประพฤติหลักในการสร้างจิตวิญญาณ ทำให้เป็นอิสระเสรีภาพมากเกินไป หลงใหลในสิ่งที่มันได้เปรียบ ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ สูงกว่ามนุษย์อื่น สร้างศักดิ์ศรีอะไรขึ้นมาอะไรอย่างนี้ มันทำให้เขาเป็นคนที่ไม่ได้เป็นคนแล้ว ตีนไม่ติดดิน เป็นอะไรก็ไม่รู้ มันยาก อาตมาก็อธิบายสิ่งที่มันประกอบขึ้นมาให้เป็นตัวเขาที่ทำความเสื่อมให้แก่ทั้งตัวมันเองทั้งพฤติกรรมของสังคมเองด้วย มันเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆ พูดมากก็รู้สึกแรงแล้วนะที่ว่านี้ แต่ว่าพูดไปไม่มีอคติอะไร ไม่ได้ไป ข่ม ดูถูกใส่ไข่หาเรื่องเขา เป็นแต่เพียงพูดความจริง โควิด จะเปิดเผยชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีอะไรด้วย
_Jaitham ใจธรรม :.. ดูของบนโต๊ะ บ้านราชนี่ช่างอุดมสมบูรณ์มากๆนะคะ ดูมันหัวใหญ่มากกกกก ไม่เคยเห็นขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ
พ่อครูว่า…อีสานเรียกมันแบบนี้ว่ามันแกว มีหัวที่ใหญ่มากเอามาจัดฉากประดับเวทีเรา ซึ่งคนข้างนอกเขาน่าจะสะดุดใจ เอาพวกนี้มาเป็นเครื่องประดับมันก็น่าประดับมันเป็นสาระเป็นสิ่งที่ประเสริฐเป็นอาหารการกิน เป็นสิ่งที่ทำมาได้ด้วยมือ คุณภาพไร้สารพิษ เนื้อหาสาระดีด้วย กินแล้วรับรองว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งเลย
_หอม ดอกดิน : 1. คนที่ทำงานร่วมกับเพื่อนหลายคน แต่ชอบไปพูดอวดคนอื่นๆว่า งานในฐานนี้เขาทำคนเดียว… คนนี้ยังทำงานเพื่อล่า-เสพสรรเสริญใช่หรือเปล่าเจ้าคะ
พ่อครูว่า…ใช่ ก็ค่อนๆจะไปมองตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่มีคุณค่าคุณประโยชน์ แล้วก็เห็นของคนอื่นไม่มีประโยชน์คุณค่า มันลำเอียงไปข้างตัวเอง
-
แม่ครัวที่วัด ติดคำชม ทำอาหารแซ่บๆ แบบชอบใช้เครื่องปรุงที่มีส่วนผสมกลูตาเมต ทำอาหารให้คนอื่นกิน เขาจะได้บุญหรือบาป เจ้าคะ