630603_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 8
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1kbbFftK8alpbJ_V369BXnZmgwLVe_dlRWUW-MjUUTag/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1X_5y4uNI8JZafJdboj_TRbfBMkmnZSdv
สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันพุธที่ 3 มิถุนายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ประเทศอเมริกาที่เขาว่าเป็นประเทศที่พัฒนาก็กำลังเดือดร้อนวุ่นวาย เขาพูดได้อย่างไรว่าเขาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งในประเทศมีการปล้นสะดมกันภายในประเทศมีการเผาสถานที่เผารถยนต์ ก่อการจลาจลกันทั่วประเทศ
พ่อครูว่า…SMSวันที่1 มิ.ย.2563(เอื้อไออุ่น)
_สติพล จนพัฒนา : พ่อครูเคยบอกว่าด่าเอาบุญ..ผมเห็นด้วยครับ!!. / ผมเห็นว่าตัว”โยนิโสมนสิการ”นี้สำคัญมากที่สุด..ยิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆเหมือนกันครับ.
พ่อครูว่า…อาตมาเคยขยายความมนสิการการทำใจในใจแล้วก็ยกพระสูตรต่างๆที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสถึงโยนิโสมนสิการมาขยายความให้ฟัง ผู้ที่ฟังเป็นมีไหวพริบดีๆก็จะเข้าใจเลยว่าโอ้โห โยนิโสมนสิการนี้เป็นตัวสำคัญ ภาษาแปลว่า การทำใจในใจ เป็นคนที่สามารถจัดการใจของเราทำใจในใจของเราได้ อย่างโยนิโสฯ แปลว่าแยบคายละเอียดลงไปถึงที่เกิด ทำได้เก่งทำได้สามารถมาก
ผู้ใดที่สามารถปฏิบัติโยนิโสมนสิการได้เข้าใจความหมายและประพฤติธรรมใจในจัดการใจในใจของเรา เป็นไปอย่างที่ภาษาได้บอก ว่ามนสิการคือทำใจในใจแล้วทำอย่างขั้นโยนิโสฯ ผู้นั้นก็จะสามารถปฏิบัติธรรมได้ โยสิโสมนสิการเป็นข้อสุดท้ายข้อ 7 ข้อสำคัญของสุริยเปยยาลสูตร ที่ท่านไล่เรียงว่า คนต้องพบแสงอรุณก่อนได้พบแสงอาทิตย์ ถ้าใครไม่สามารถเห็นแสงอรุณก่อนก็ไม่สามารถปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้ท่านเปรียบเทียบมรรคมีองค์ 8 ไว้กับพระอาทิตย์
ผู้ที่ไม่มีความรู้ความเห็นความเข้าใจได้ดีใน 7 ข้อนี้ก่อนไปปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ก็ล้มเหลวหมด ไม่พบแสงอรุณก็ไม่มีสิทธิ์เห็นพระอาทิตย์ ต้องทำความเข้าใจให้ดีถึงลักษณะของโยนิโสมนสิการ อยู่ในสัมมาทิฏฐิ 2 ข้อ ปรโตโฆษะ กับ โยนิโสมนสิการ ปรโตโฆษะต้องฟังผู้อื่น อย่าไปหยิ่งผยองว่าตัวเองรู้แล้วเจริญแล้วเข้าใจแล้วเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว ฟังบ้างว่าคนอื่นเขาพูดถึงโยนิโสมนสิการว่าอย่างไร ต้องฟัง ฟังให้ดีเลยจะได้เข้าใจว่าที่จริงเรายังทำโยนิโสมนสิการไม่ตรง ยังไม่ถูกต้องนะนี่ อาตมามองไปในบรรดาเถรสมาคม ในบรรดาอาจารย์ต่างๆมีเยอะที่ยังโยนิโสมนสิการไม่ได้ ยังทำไม่ถูกต้อง
อาตมาเป็นสัตบุรุษและก็พูดอธิบายโยนิโสมนสิการ ท่านทั้งหลายแหล่จะต้องมาฟังอาตมา จะได้เกิดสัมมาทิฏฐิว่าให้โยนิโสมนสิการเป็นอย่างนี้หรือ ในปัญญาวุฑฒิ 4 ท่านต้องยืนยันว่าได้คบหาสัตบุรุษ สัปปุริสังเสวะ แล้วคบหาต้องไปฟังคำเทศน์คำบรรยาย โดยเฉพาะคำว่ามนสิการผู้ที่เป็นสัตบุรุษแท้จะเข้าใจถูกต้องอธิบายโยนิโสมนสิการได้ถูก เมื่อฟังเข้าใจโยนิโสมนสิการได้แล้ว คุณจึงจะปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติธรรมได้ประโยชน์ได้มรรคผลตามธรรมะ
สมควรแก่ธรรม ถ้าไม่อย่างนั้นไม่มี ธัมมานุปฏิปัตติ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นมิจฉาปฏิบัติ เพราะว่าโยนิโสมนสิการไม่จริง โยนิโสมนสิการไม่สัมมาทิฏฐิไม่ถูกต้อง
ในอวิชชาสูตร ต้องพบสัตบุรุษให้บริบูรณ์ จึงจะได้ฟัง สัทธรรมที่บริบูรณ์ จึงจะเกิดศรัทธาที่บริบูรณ์แล้ว โยนิโสมนสิการจึงจะบริบูรณ์ จึงได้หยิบเอามาขยายความให้ฟัง ถ้าคุณไม่มีความเข้าใจชัดเจนโยนิโสมนสิการไม่ได้ เจ๊ง ไปไม่รอด
คุณไปนั่งสมาธิก็มีการทำใจในใจแต่ทำใจในใจอย่างมากๆ ยังไม่ถูกต้องตามทฤษฎีมรรคมีองค์ 8 ของพระพุทธเจ้า อาตมาพูดย้ำซ้ำซาก ขออภัยคนฟังน่าเบื่อ แต่คนที่เขาพาเป็นอยู่เป็นหัวหน้าสำนัก เจ้าคณะ อาจารย์แต่ก็พากันทำ มันต้องย้ำซ้ำซากอย่างนี้
_GrongtongRattanachan กรองทอง รัตนจันทร์:กราบนมัสการพ่อครู ที่หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิกำลังเปิดบุญนิยมทีวี และร่วมกิจกรรมอโศกรำลึกออนไลน์พยายามร่วมออนไลน์ โดยเชิญญาติธรรมที่ชำนาญในการใช้คอมพิวเตอร์ ทดลองแล้วทดลองอีก สอบถามผู้รู้ สองวัน แต่ก็ไม่สำเร็จ
ได้เพียงชมผ่านโน้ตบุค ลิ้งค์เข้าจอทีวี ไม่เป็นไร ขอให้ได้เห็นพ่อครู ก็ดีใจแล้ว
_หลักบุญ :กำลังรับชมที่ ทำ-เป็น-เท่ ครับ
_เจน ฮู เชอร์ : เสียงพ่อครูเหมือนคนอายุไม่ถึง85-86ปี เลยค่ะแปลกมากฯหน้าตาหนุ่มเสียงก็หนุ่ม ค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาว่ามันก็จริงนะ อาตมาว่าอาตมาก็ยังไม่แก่เท่าที่ควร หนุ่มกว่าวัย สักเท่าไหร่ (โยมว่าเหมือนอายุ60)
_สุดชดา ทรรศนะวิเทศ: ส่งผักตะโก้งมาสันติบ้างก็ได้นะคะ ที่สันติมีตู้ปันสุขค่ะอยู่ข้างธรรมทัศน์ค่ะ
พ่อครูว่า…คือเป็นผักที่ขึ้นง่าย อาตมาตั้งชื่อให้มันว่าผักกินดี
SMS วันที่ 2 มิ.ย. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ สันติอโศก)
_แก้วลา ไชยวงค์ · เป็นทุกข์เศร้าใจกับนักการเมือง สงสารท่านนายกลุงตู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรเจ้าคะ
พ่อครูว่า…ไม่ต้องทุกข์ไม่ต้องเศร้าหรอกแต่ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าสังเวชใจก็เข้าใจ ที่เราเห็นพฤติกรรมของคนในสังคม นักการเมืองต่างๆ นักการเมืองที่มีปฏิกิริยามีบทบาทมีอะไรต่ออะไรอยู่ตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมืองที่แสดง เขาเรียกว่า ดราม่า แสดงให้มันเป็นที่สะดุดตา ให้เป็นข่าว เพื่อหาเสียง ไม่ใช่อะไรหรอก คนที่ทำงานเป็นนักการเมืองจริงๆเขาก็ทำไป ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ไป ฝ่ายเสนอก็ทำหน้าที่ไป อันนี้มันสงบดี แต่มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของสังคม โดยค่ารวมแล้ว อาตมาตีถัวเฉลี่ยแล้วว่า เมืองไทยการเมืองดีมากลงตัวเป็นประชาธิปไตยที่ดี เปรียบเทียบให้เห็นกับอเมริกาที่เป็นประชาธิปไตยเบอร์ 1 โอ้โห มาเทียบเมืองไทยได้ที่ไหน ฮ่องกงก็ตาม อเมริกากับฮ่องกงก็เป็นลูกกะโล่ของอเมริกา จนกระทั่งผู้บริหารอยากจะให้เป็นเบ๊ของอเมริกาเลยอยากจะฉีกออกจากจีน จีนเขาก็ไม่ยอม
สมณะฟ้าไท…คนสวิตเซอร์แลนด์ มาชี้หน้าว่าคนฮ่องกงบอกว่าคุณเป็นคนจีนจะไปอเมริกาทำไม
พ่อครูว่า…ต่างคนต่างความคิดเป็นธรรมดาธรรมชาติ
_Naricha Hulden นริชชา ฮุลเดน : ดิฉัน สินอโศก คนบ้านราชค่ะ แต่ตอนนี้ติดอยู่ที่อเมริกา ที่รัฐจอเจียร์ค่ะ
_กราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดบูชายิ่ง พ่อท่านคะ คนอเมริกา ทำไมบอกว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เวลาประท้วง ถึงปล้นขโมย ตามห้างใหญ่ๆของอเมริกา ส่วนเมืองไทย ไม่เป็นเช่นอเมริกาเลย การพัฒนาจิตวิญญาณต่างกันหรือเปล่าคะ กราบนมัสการค่ะ …สมใจ(แม่ครัว)
พ่อครูว่า…จิตวิญญาณต่างกัน จิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปไตย อาตมาเข้าใจความเป็นประชาธิปไตย ภาษาที่ว่าประชาธิปไตยคืออำนาจของประชาชน ระบบ ระบอบก็แล้วแต่ ประชาธิปไตยอำนาจเป็นของประชาชนมันคืออย่างไร คืออย่างนี้ ประชาธิปไตยนี้คือไม่มีความรุนแรง เอาตัวนี้ขึ้นมาเป็นตัวต้น ประชาธิปไตยที่เป็นสังคมประชาธิปไตยที่ดี ที่เจริญจะไม่มีความรุนแรงไม่วความสุภาพ สงบ ไม่ทำลายเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นที่ต่างจากที่พูดก็ฟังไว้ ที่มันไม่ใช่ มันก็ต่างกัน ประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างนี้ ประเทศไหนเป็น ประเทศไทยเป็นได้ เป็นประเทศที่ไม่รุนแรง ไม่ใช้การทำลายใช้ความสุภาพสงบและก็ไม่ทำร้ายเด็ดขาด ยิ่งประชาธิปไตยสูงสุดนั้น ประชาธิปไตยสูงสุดจริงๆ จิตใจจะเป็นเยี่ยม
ประชาธิปไตย ไหนว่าจะมีใครมาฆ่ามาทำร้าย ไม่โต้ตอบ ไม่จองเวรไม่ถือโทษไม่อาฆาตให้หมด นี่คือจิตใจของคนที่เป็นประชาธิปไตย
ลักษณะสำคัญของประชาธิปไตยนั้นคือเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้นคนที่จะทำระบอบประชาธิปไตยที่ดีจึงต้องเป็นคนที่ไม่มีตัวตนเป็นคนไม่มีอัตตาเป็นคนมีอิสระเสรีภาพ เป็นคนเสียสละทำงานเสียสละเพื่อมวลชนประชาชน นี่คือคนไม่มีตัวตน มีอิสรเสรีภาพ นี่คือลักษณะของคนที่จะมาทำประชาธิปไตยได้ดี ประชาธิปไตยนั้น คนจะต้องมีบารมี มีคุณธรรม
ไม่ใช่ว่าเอาแต่การเลือกตั้ง แล้วบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ให้มาเป็นคณะบริหาร อย่างนี้เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยเบ็ดเสร็จอย่างนั้นตื้นเขินมาก เมืองไทยนี้เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่นายกฯตู่บริหาร ที่เราทำรัฐประหารสำเร็จ แล้วนายกฯตู่ก็มารับไม้ต่อ ยังไม่ได้เลือกตั้งนะ แต่นายกฯตู่เป็นนายกฯมากี่ปีแล้ว นั่นแหละคือประชาธิปไตยแล้ว ยิ่งมีการเลือกตั้งและได้เป็นอีก ก็ยิ่งยืนยันชัดเจนเลยว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยครบสูตร จะเอาเลือกตั้งก็มีด้วย นายกฯตู่ก็ไม่ได้ไปอยู่ในพรรคไหน นี่แหละสุดยอดเลย ประเด็นที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในพรรคไหน ประชาธิปไตยจะไม่มีการรวมหัวกันเป็นพรรค แต่ประชาธิปไตยจะมีอิสระเสรีภาพ คนนี้จะอยู่พรรคไหนเมื่อไหร่ในปัจจุบันมีอิสรเสรีภาพ อันไหนที่ถูกต้องก็เข้าไปอยู่ เสนอสิ่งที่ถูกต้องนั่นแหละคือประชาธิปไตยไม่ต้องมีวิปควบคุมเสียง อย่างนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยมันมีการบังคับไม่ใช่อิสรเสรีภาพเลย ประชาธิปไตยต้องอิสระเสรีภาพสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องมีวิปคุมพรรค มีอิสรเสรีภาพ ประชาธิปไตยเมืองไทยถึงแม้จะมีแบบนั้นบ้าง แต่โดยองค์รวมค่ารวมแล้วอาตมาว่าดีกว่า คนไทยเป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่าอเมริกาจริงๆเลย นี่เป็นความเข้าใจของอาตมา ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ไม่มีปัญหาอะไร
คนที่มีบารมีที่ไม่มีตัวตน ไม่มีอัตตา ไม่มีอัตตนียา เป็นคนที่หมดตัวตน ไม่มีอคติ อิสรเสรีภาพ และเสียสละสร้างสรรให้แก่ประชาชน รับใช้ประชาชน คนอย่างนี้มีมหากุศลวิบาก เป็นผู้มีบารมีที่ได้สะสมมาสั่งสมมา แล้วก็มาทำงานประกอบพฤติกรรมต่างๆในโลกได้อย่างมีคุณภาพเพราะเป็นคนมีคุณธรรม เป็นคนที่ไม่มีตัวตนขยันหมั่นเพียรแล้วเห็นแก่ส่วนรวมอยู่กับส่วนรวมทำงานช่วยเหลือเฟือฟาย มีชีวิตอยู่รับใช้ประชาชน รับใช้มวลมนุษยชาติไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจริงเป็นจริง
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสัจจะ ที่ประชาธิปไตยจะเกิดได้ก็ต้องอยู่ที่ตัวบุคคล 1. ต้องมีความรู้ 2. ต้องมีการปฏิบัติประพฤติตน มีคุณสมบัติหรือมีคุณธรรมที่จะเป็นประชาธิปไตย 1 ไม่มีตัวตนไม่มีอคติมีอิสรเสรีภาพ แล้วก็เป็นผู้เสียสละให้แก่ประชาชน คนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้มีแต่คนไทยจริงๆ พวกที่ยังดีดยังเต้นอยู่ในการเมือง ดีไม่ดีก็ไปเรียนมาจบดอกเตอร์ทางรัฐศาสตร์องค์การการเมืองมาจากเมืองนอก เลวเละ ได้แต่เต้นๆดีดๆทำการเมืองไปก็ด้วยกิเลสไม่ใช่ตัวจริงเลย
ของเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ แล้วไม่เกินจริง อาตมาว่าเป็นประชาธิปไตยที่นำเป็นแบบอย่างให้แก่โลก และเป็นประชาธิปไตยที่อาตมาพูดเขาก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ ว่าเป็นประชาธิปไตย 2 ขา ประชาธิปไตยขาเดียวนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ ประชาธิปไตยขาเก ไม่เต็มเต็ง อย่างเช่นอเมริกา ไม่มีพระมหากษัตริย์เลย ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจิตวิญญาณ ประชาชนเป็นรูป พระมหากษัตริย์เป็นนาม ต้องมีสภาวะ 2 ถ้ามันเป็นสภาวะเดียว มันพิการ
เกิดเป็นคนได้ชีวิตชีวะมาเลยจากพืช พืชมันก็มีพลังงาน ish ควบคุม แต่มันยังไม่เกี่ยวข้องที่จัดสัมพันธ์กับสิ่งอื่นในโลก ถ้าเป็นจิตนิยามนี้สมบูรณ์แบบ จากสัตว์เดรัจฉานมันก็มาเป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉานมันทำอะไรไม่เก่ง พัฒนามาเป็นมนุษย์เจริญจึงจะเป็นนักประชาธิปไตยหรือเป็นผู้ดี เป็นอาริยกะ อาริยชนที่สมบูรณ์แบบ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท …
_Paphada Jeenmaroeng ประภาดา จีนมาเรือง • ขอนอบน้อมกราบพ่อท่านและสมณะทุกๆรูปและสิกขมาตุทุกๆท่านในโลกนี้ไม่มีใครสอนได้ในเนื้อหาที่ชัดมากๆทำให้คนฟังแล้วเอามาปฏิบัติทำตามได้ผลจริงเจ้าค่ะคุณสู่แดนธรรมก้ออธิบายตามหลังพ่อท่านได้ดีอย่างมีปัญญาคะคนที่ว่าพ่อท่านพวกคนโง่ฟังธรรมะไม่เป็นคนจำพวกนี้คนอิจฉาค่ะ เสียงชัดดีฟังอยู่ที่ออสเตรเลียอยู่รัฐเมลเบิรน์ค่ะ ซินดี้ค่ะขอบคุณทีมงานจัดรายการทุกๆท่านที่ทำให้ได้ฟังธรรมะพ่อท่านสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…ก็เป็นเสียงสะท้อนตอบกลับมา สิ่งที่ตำหนิติเตียน ก็มีบ้าง ไม่มีปัญหาอะไร ที่ว่าอาตมา อยากจะได้สิ่งเหล่านั้นมากๆ สิ่งที่ชมสิ่งที่ยกย่องรู้สึกจะมากแล้ว ท่านบางทีก็บอกว่ามันหยาบมากเลยไม่พิมพ์มา ก็จริง คือคนที่ฟังอาตมาเทศน์ คนที่ฟังแล้วไปกระเทือนกิเลสเขา เขาก็ไม่ชอบใจ เพราะฉะนั้นเขาจะแสดงออกมา โต้ตอบ มันก็เลยหยาบตามนิสัย สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล ที่จริง ถ้าพริ้นท์มาให้อาตมา แต่ท่านไม่ค่อยอยากพริ้นท์ เพราะอาตมาซื่อ อ่านทั้งหยาบๆ แต่ให้พริ้นท์มา อาตมาก็จะพยายามกรองๆ อะไรหยาบมากก็ไม่อ่าน ไม่อย่างนั้นมันมีแต่ชม
แต่คนที่ชมเชยมา ไม่มีใครพูดอย่างประชดประชันหรอก คงเป็นการชมเชยหรือความเข้าใจ เป็นความเต็มใจ ที่แสดงออกมาก็ขอบคุณทุกคนที่ตอบมา
มาเข้าสู่บทเรียน…[๑๖๓] ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ จรณะนั้นเป็นไฉน วิชชานั้นเป็นไฉนเล่า.
ดูกรอัมพัฏฐะ พระตถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบถึง(อรหังสัมมาสัมพุทโธ) พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
พ่อครูว่า…อาตมาก็ย้ำ ตั้งข้อสังเกตว่า วิชชาจรณะสัมปันโนเป็นสาระสัจจะของความเป็นพุทธ นอกนั้นก็เป็นอลังการ
เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลกเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม
พ่อครูว่า…เนื้อแท้คือพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
อัมพัฏฐมานพ เป็นลูกศิษย์ของโปกขรสาติพราหมณ์ เหมือนสมัยนี้ก็มีสำนักต่างๆเป็นสำนักธัมมชโยสำนักของคนอื่นๆมากมาย เป็นพระมหาศาล มีอำนาจตำแหน่งหน้าที่และมีบริวารและมีทิฐิความเห็นของตนได้ตามนั้น ต่างกันไป ส่วนใครจะสัมมาทิฏฐิที่สุดนั้น ต้องแสวงหา ผู้แสวงหาต้องเลือกดูเอาเองเลือกเฟ้นกันเอาเองได้
ผู้ที่มีวิชชาและจรณะ ก็มีจรณะ 15 วิชชา 8 นั่นแหละคือแก่นสารสาระทั้งหมดย่อลงมาก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลอปัณกปฏิปทา แล้วอธิจิตคือ สัทธรรม 7 ฌาน 4 ส่วนปัญญาคือ วิชชา 8
แต่ทุกวันนี้เขาไม่มีวิชชาจรณะ เพราะว่าไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีตื่นมีแต่หลับ ดิ่งเข้าไปให้มันดับไปหานิโรธ ทั้งที่นิโรธของพระพุทธเจ้านั้นลืมตาเรียกว่า จักขุมาปรินิพพุโพติ
เป็นการตรัสรู้อย่างลืมตา นิพพานอย่างลืมตา ไม่ใช่ศาสนาหลับตาเลย ที่อาตมาพูดอธิบาย เพราะแก้ไขมาล้มล้างที่เขาผิดๆ เอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงยืนยัน
พระตถาคตพระองค์นั้น ทรงทำโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
บพรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เองแล้ว
พ่อครูว่า…ยุคไหนก็มีความรู้ เทวดา มาร พรหม ก็เป็นเรื่องของเทวนิยมทั้งนั้นที่เขารู้กัน เป็นเรื่องของนิรมาณกาย เป็นการอุปาทานสร้างสิ่งที่เป็นภพภูมิของพรหม ขึ้นมาเอง แม้แต่สวรรค์ สวรรค์ 6 ชั้นก็เป็นภพภูมิ ศาสนาพุทธรู้จักภพภูมิ เทวดา มาร
มารมี 4 ขั้น ขีณปิติวิสยะ ขีณนิรยะ ขีณติรัจฉานโยนิ ขีณปิติวิสยะ
เทวดาเขาหมายใจว่าเป็นภพสวรรค์ แต่แท้จริงไม่มีภพนรกสวรรค์ แม้แต่พรหม สมมุติก็พูดกันได้ คุณก็มีจริง ติดนรก อยากจะขึ้นเป็นพรหม แต่ปฏิบัติกรรมกิริยาเป็นนรก แต่ใจก็อยากจะเป็นพระพรหมเป็นความบริสุทธิ์ เป็นเทวดา 3 ชั้น 3 อย่าง เทวดาสมมติ เทวดาอุบัติ เทวดาวิสุทธิ คือสมมุติเทพ อุปัติเทพ วิสุทธิเทพ
สมมุติเทพอาตมาแปลว่า สมมุติไปเป็นการมีภพของโลกียะธรรมดา
อุปัติเทพ คือ เริ่มจะมีภูมิปัญญาเกิดเป็นเสขบุคคล เป็นเทวดาชั้นที่บริสุทธิ์ขึ้น เมื่อถึงวิสุทธิเทพก็คือเป็นพระอรหันต์เป็นเทวดาขั้นพระอรหันต์
สมมุติเทพนั้นแหละรวมหมดโลกียะ ส่วนอุปัติเทพ วิสุทธิเทพ ก็เป็นอริยบุคคลไปเป็นลำดับ อุปัติเทพคือ พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี วิสุทธิเทพก็คือพระอรหันต์ ก็อธิบายกันคนละอย่างกับของเขา ฟังเขาพูดไปพูดมาวิสุทธิเทพก็อยู่ในโลกีย์ เขาก็บอกว่าเทวดาบริสุทธิ์ เพราะว่าเขาไปเข้าใจโลกเทวดาเป็นโลกียไปหมดเลย มันไม่ไป ปโรโลโก เป็นโลกอื่น โลกที่มีอยัง อัญญา อัญญธาตุ ธาตุรู้ที่เป็นธาตุรู้ตัวใหม่ที่ออกจากโลกโลกียะ ออกได้เพราะคุณล้างสิ่งที่เป็นเชื้อโรค เชื้อกิเลส ล้างกำจัดได้จริงนี่เป็นโลกุตระ
แต่ในโลกีย์ไม่มีทฤษฎีไม่มีการล้างกิเลสได้ เพราะไม่รู้จักตั้งแต่ตัวที่ 1 คือ กาย
เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายะ สักกะ แปลว่าตัวเรา กายคือรูปนาม ไม่รู้จักตัวตนที่เป็นกิเลส สักกายะคือรู้จักตัวตนที่เป็นกิเลสของตัวเอง คุณจะปฏิบัติต้องรู้จักรูปนามหรือจิตวิญญาณ ใช้ศัพท์เรียกมัน มันไม่ได้เป็นจิตวิญญาณจริงเป็นจิตวิญญาณเก๊ แต่พฤติกรรมมันก็เป็นการอยู่ในจิตวิญญาณของเราต้องอ่านตัวนี้ ถ้าอ่านตัวนี้ไม่ออก ไม่พ้นสังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายทิฏฐิ ไปไหนไม่รอดหรอก
ทุกวันนี้ เขาเข้าใจกายว่าเป็นวัตถุอย่างเดียว ไม่มีจิตเข้าไปร่วมเลย นั่นแหละไปไม่รอดแล้วผิดแล้วไปไม่ได้ โลกเทวโลกของมารโลกของพรหมไปไม่ออก
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านทรงรู้ชัดเจน อาตมาเป็นโพธิสัตว์ก็เอามาขยายความให้ฟัง อาตมาก็ให้พวกคุณรู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้รู้ท่านก็ให้รู้ภูมิธรรมของพระพุทธเจ้า
อาตมาเองก็ศึกษามาหลายชาติก็มีของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เป็นลูกศิษย์สำนักไหนไม่มีครูบาอาจารย์ รู้มาแต่ชาติปางก่อน พวกเขาก็ฟังไม่ขึ้น แต่พวกคุณไม่ติดใจเชื่อถือปฏิบัติตามได้ผล ในยุคนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติก็มีสัตบุรุษหรือมีสยังอภิญญา หรือผู้อยู่ในฐานะของครูเกิด2,500 กว่าปีมาแล้ว ในยุคหลังนี้เสื่อมจนไม่มีสัตบุรุษก็เลยเสื่อมไปเรื่อยๆ เสื่อมจนไปยึดผิดเป็นถูก ออกป่าเขาถ้ำ พวกเดียรถีย์คืออาจารย์ใหญ่ที่พานั่งหลับตาทั้งหลายของชาวพุทธ อาตมาก็ต้องมารื้อ ว่ามันคือความเสื่อม เราพูดถึงวิชชาจรณะ ในอัมพัฏฐสูตรขออธิบายดักหน้าไป ข้อ 163 จะถึงตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า มันเสื่อมมากแล้ว
ท่านตรัสไว้ ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุผู้ปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่าผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาบ้าง ผู้ถึงพร้อมด้วยจรณะ
บ้าง ผู้ถึงพร้อมด้วยทั้งวิชชาและจรณะบ้าง อันวิชชาสมบัติและจรณสมบัติอย่างอื่น ซึ่งดียิ่งกว่า
หรือประณีตกว่านี้ไม่มี.
พ่อครูว่า..อัมพัฏฐะ เป็นลูกศิษย์ของโปกขรสาติพราหมณ์ก็เรียนพระเวทย์มาทั้งนั้น ศาสนาพุทธกับศาสนาพราหมณ์นั้นมันหมุนเวียนไปมา เนื้อแท้แก่นแท้อันเดียวกัน แต่ความเข้าใจคนได้ผิดเพี้ยนกลับไปกลับมา พยัญชนะอันนี้ก็ไปเอาเนื้อหาอีกอย่างหนึ่ง เนื้อหาอย่างนี้ก็ไปเอาพยัญชนะอีกอย่างหนึ่งสำหรับเป็นสิริมหามายา กลับไปกลับมา
สมาธิของเดียรถีย์ ก็ไปยึดถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกในยุคนี้ อาตมาว่ามันเป็นมิจฉาสมาธิของพระพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ต้องมาอธิบาย ก็รื้อพราหมณ์กับพุทธสลับไปมา ในยุคพระพุทธเจ้าบอกว่าอันนั้นเป็นของคนนุ่งขาวห่มขาว ผู้ที่นุ่งห่มขาวนั้นไม่ใช่พุทธ มันเป็นของพวกที่มุ่นผม มันไม่ใช่พวกโกนหัวใช้ผ้าบังสุกุลย้อมน้ำฝาด แล้วพวกพราหมณ์นั้นมีเยอะเหมือนกับในยุคนี้ พระมหาศาลก็มีเยอะ สมณะนั้นมีน้อยเดียวอโศก เหมือนกันมันล้อเลียนกัน เพราะฉะนั้นเขาก็จะว่า ว่าพวกโกนหัวนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาดว่าเป็นพวกนอกรีต เป็นพวกสมณะโล้นเป็นพวกสมณะน่ารังเกียจเขาโกนหัวแล้วเอาขี้เถ้ามอม แล้วไล่ออกจากเมืองเนรเทศไป
ที่ยกเอาความเสื่อมมา ตอนนั้นศาสนาพุทธยังเพิ่งเริ่มต้นพระพุทธเจ้ายังอยู่นะ ยังไม่เสื่อม แต่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสถึงความเสื่อมไว้แล้ว ก็เอาพระเวทย์เอาเนื้อหาสาระความรู้ของศาสนาพุทธมานั่นแหละ บัญญัติเป็นศาสนาพุทธแต่เขาเข้าใจผิดแล้ว ศีลก็เข้าใจอีกอย่างสมาธิก็เข้าใจอีกอย่างปัญญาก็เข้าใจอีกอย่าง อย่างที่เราสอนนี่แหละสมาธิเราก็สอนสมาธิอีกอย่างปัญญาก็อีกอย่างแต่เขาก็อีกอย่าง วิธีปฏิบัติก็ต่างกันแล้วผลที่ได้ก็ต่างกัน
ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ ๔
ดูกรอัมพัฏฐะ วิชชาสมบัติและจรณสมบัติอันเป็นคุณยอดเยี่ยมนี้แล มีทางเสื่อมอยู่
4 ประการ 4 ประการเป็นไฉน?
-
ดูกรอัมพัฏฐะ สมณพราหมณ์บางคนในโลกนี้ เมื่อไม่บรรลุวิชชาสมบัติ และจรณสมบัติอันเป็นคุณยอดเยี่ยมนี้ หาบบริขารดาบสเข้าไปสู่ราวป่าด้วยตั้งใจว่า จักบริโภคผลไม้ที่หล่น สมณพราหมณ์นั้นต้องเป็นคนบำเรอท่านที่ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะโดยแท้ นี้เป็นทางเสื่อมข้อที่หนึ่ง.