630617_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 9
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1vdigTYtC-DRtM72iWFwMG3vwIVQ7DP-fOjGCKHBw0yg/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Sinb7NIshKWkgrWnluSkSTj6hEMH6CUD/view?usp=sharing
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
พ่อครูว่า…วันนี้กองผลหมากรากไม้บนโต๊ะพูนเต็มเลย มันมีแปลกมาอยู่ 2 อย่างคือกระท้อน กับอินทผาลัม กระท้อนมันลูกโต นอกนั้นอิททผาลัมเป็นพวงเต็ม อินทผาลัมก็มีหลายแบบ อันนี้ของที่ศาลีอโศก ที่บ้านราชฯอาตมาก็ชิมมาแล้ว ปีนี้ออกมากขึ้นปีหน้าก็คงออกลูกมากขึ้น คือเราปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ขอย้ำว่าพวกเราชาวอโศกจะเป็นเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นเจ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่ยึดถือเป็นเราเป็นของเราแต่จะเป็นผู้ที่ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์ให้งดงามให้ดี มีเนื้อหาสาระของมันอย่างดี วันนี้ก็มีเงาะจากศีรษะอโศก ทุเรียนมังคุดมาจากไวพลัง กระท้อนจากจันทบุรี ดูแล้วผู้ที่ยังมีน้ำลายไหลอยู่ก็ไหลไป ฟักทองลูกใหญ่ คนมีอาวุธเก่งแค่ไหนก็ตาม มีธนบัตรเก่งแค่ไหนก็ตายมีเพชรมีทองเก่งแค่ไหนก็ตาย และที่สำคัญที่สุดก็คือเรามีแล้วอย่าไปขายแพง (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท…หากเราขายถูก เช่นทุเรียนไร้สารพิษ พรึ่บเดียว คนบ้านราชฯซื้อเรียบ เพราะมีสตังค์กันหลายคน ไร้สารพิษราคาถูก
พ่อครูว่า…พูดเรื่องกินมากเขาจะหาว่าตะกละ
sms
_พิมพ์เพชรรุ้ง…อัตตากับอัตนียาต่างกันอย่างไร
พ่อครูว่า…อัตตาคือเนียนในเป็นตัวเรา ส่วนอัตตนียาคือของเรา เช่นยึดกระท้อน ยึดเพชรพลอยเป็นของเรา หรือแม้แต่ยึดติดสิ่งที่เป็นเราเป็นของเรา มันไม่ใช่กายแล้วก็ยึดถือเป็นเรา ที่มันไม่ใช่นี้เรียกว่า อัตตนียา ที่เรายังอาศัยมันอยู่ข้างในเรียกอัตตา ห่างออกไปเรียกอัตตนียา
_ເກດມະນີ ສຸກສະຫວັນ • ນະມັດສະການພຊ່ທ່ານຢ່າງສູງຫີ່ລາວກໍ່ຖືອາຈານຄຶກລິດແບບນີ້ທັງນັ້ນ /ຂ້ານອ້ຍກໍ່ເຄີຍຟັງອາຈານຄຶກລຶດເໝືອກັນເພິ່ນອ່ານພະໄຕປີດົກແຕ່ແປໄປແບບໝຶ່ງ
นมัสการพ่อท่านอย่างสูง ที่ลาวก็ถืออาจารย์คึกฤทธิ์แบบนี้ทั้งนั้น/ข้าน่อยเคยฟังอาจารย์คึกฤทธิ์เหมือนกัน เพิ่นอ่านพระไตรปิฎกแต่แปลไปแบบหนึ่ง
พ่อครูว่า…ความเห็นต่างกันนั่นแหละเราต้องศึกษาให้ดีๆ มันก็ตัวเราเองเป็นที่จบ ก็เห็นอันใดเป็นธรรมวาที อันนี้เป็นธรรมะพูดเข้าท่า เราก็เอา บังคับกันไม่ได้พระพุทธเจ้าจึงให้อิสระเสรีภาพมาก ถ้าคุณไปเข้าใจผิด แม้แต่ที่สุดคุณไปหลงผิดยึดติดก็เป็นของคุณ แต่ถ้าไปทดลองแล้วรู้ว่าไม่ใช่ก็ออกมา มันก็เป็นสิทธิเป็นฐานเป็นบารมีของแต่ละคน คุณจะต้องไปซับซาบด้วยตนไปสัมผัสเองเห็นเองเข้าใจเองแล้วคุณตัดสินเอง พระพุทธเจ้าท่านสรุปว่า จนสุดท้ายแล้วเราจะไม่เชื่อใคร เราจะได้เป็นผู้ที่ชัดเจน โดยที่เราไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อตัวเอง นี่สูงสุดเลยนะ ซึ่งพยัญชนะภาษาบาลีว่าอะไร …ไม่เชื่อใครนี่มันสุดจบเลย พระอรหันต์ก็ยังไม่ค่อยได้ ต้องเป็นโพธิสัตว์เป็นต้นไป แม้พระพุทธเจ้าอยู่ ก็มั่นใจว่าที่เราเชื่ออยู่นี้ตรงกับของพระพุทธเจ้าแน่ มันจะมีเหตุปัจจัยต่างๆนานาบอกเราอย่างนั้น
_KnlayaratThanman กัญญารัตน์ ทันแมน •ทองแท้ค่ะ ไม่ต้องใส่ใจ คนที่ไม่รู้จัก และไม่รู้ค่าความดี อคติแก้ยากคะ
พ่อครูว่า…ก็ไม่ควรตัดไม่เหลือใย ก็ควรใยดีกันบ้าง
_เอ็น.ดี. กรุ๊ป • อ.แป้ง ความรอบรู้แน่นมาก อธิบายได้ดีครับ
_กรรณิกา เสนาะนํา : (หนึ่งน้อย)พ่อคะ…โยนิโส..คือทำใจในใจ…มนสิการ…ให้แยบคาย…ลูกก็ทำตามพ่อสอนอยู่นะคะ แต่จิตลึกๆลูกมันยังก็ยังคลายไม่หมดกับโจทย์ที่เกิดกับคนใกล้ตัว..
พ่อครูว่า…เอานะให้ทำไปเรื่อยๆ โยนิโสมนสิการ ที่คุณคนนี้บอกโยนิโส คือทำใจในใจ ส่วนมนสิการคือแยบคาย ไม่ใช่ มนสิการคือทำใจในใจ ให้โยนิโสฯ คือลงไปถึงที่เกิด มนสิการหรือมนสิการะคือการทำใจในใจ มนสิกโรติคือคำกิริยา ก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
_Nimarat นิมารัตน์:ท่านพ่อครู ข้าราชการโกงกินทุกหย่อมหญ้า ยาบ้าเต็มบ้านเมือง ประยุทธดีไม่ดีผมไม่รู้ แต่ทำไมถึงปล่อยปะละเลยแบบนี้
พ่อครูว่า…ถ้าปล่อยปละละเลยรับรองฉิบหาย แต่นี่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยหรอก เรื่องของเรื่องไม่ใช่จะปรับปรุงอะไรได้ทันทีเลย มันมีเหตุมีองค์ประกอบอะไรต่างๆนานาเยอะ มันมีความซับซ้อน บางทีเราจะต้องเหลือสิ่งนี้ไว้ เราถึงจะทำสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้หมดไปได้ หากไปทำลายอันนี้ก่อน เรียกว่าขุดรากถอนโคนไม่ได้ เราอย่างเพิ่งไปเที่ยวได้ด่ากราด ดูองค์รวมในการบริหาร อาตมาก็ยังเห็นว่านายกฯตู่ …29 นายกฯมาทำงานอยู่ทุกวันนี้อาตมาก็ยังให้คะแนนเหนือกว่านายกฯ 29 คน เท่าที่อาตมาเห็นมา อาตมาเกิดปี 2477 ก็เป็นเผด็จการอยู่หลายรุ่น
สำหรับพลเอกประยุทธ์อาตมาก็ยังไม่เคยพบกันมาเลย ทักษิณก็ยังเคยมาพบมาคุยกัน รุณเสียอีก หรืออำนาจ หมายยอดกลางก็ได้กระทบไหล่นายกฯ ที่จริง อาตมาให้หยาดน้ำใจทองคำอันหนึ่งนะ ยังไม่มีโอกาสให้ หลายปีแล้ว ก็ไม่เป็นไรไม่มีปัญหาหรอกเรื่องนี้ไม่มีก็แล้วไป หยาดน้ำใจทองคำ นี้อาตมาจะให้อย่างจริงใจเลย แก่ใครที่ควรให้ ที่อาตมาได้ให้มาก็มีให้ ป้าที่เลี้ยงอาตมามาเป็นแม่คนหนึ่ง (ภรรยาของลุงหมอ)ให้เป็นคนแรก หากลุงหมออยู่ก็คงได้ แต่นี่เสียชีวิตไปแล้ว คนที่สองก็คุณจำลอง คนที่สาม ก็อาจารย์วิชา มหาคุณ คนที่สี่ คือคุณไพบูลย์ นิติตะวัน ก็มีคนที่จะให้อยู่คือ คุณพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ แล้วก็มี พลเอกประยุทธ์
คือพูดไปแล้วจะหาว่า…คือหยาดน้ำใจทองคำนี่นะ มันเกิดขึ้นมา อาตมาก็ออกแบบหยาดน้ำใจเอาไว้ ทำเป็นหยาดน้ำใจเงิน ทำเงินเท่านั้นก็แจกพวกรา เสร็จแล้วคนก็ไปลงทุนทำเป็นทองคำมาให้ ตอนอายุ 72 ปีเขาก็ทำให้ 72 อันเป็นทองคำแท้ ไม่ใช่ทองคำชุบ จนบัดนี้ ตั้งแต่ 72 ตอนนี้ 86 แล้ว ก็เพิ่งให้ไปยังที่ไล่เรียงให้ฟัง นอกนั้นก็ยังกองอยู่ ไม่ได้ให้ใครง่ายๆ มันเป็นเครื่องหมายเครื่องชี้บ่ง คุณงามความดีของคนที่ควรจะได้อย่างจริงใจของเราว่าคนนี้เป็นคนที่มีคุณค่าที่ควรจะได้
_รา นา • สันติอโศกไม่เคยทำให้ไครเสียหาย ไม่เรียกร้องเงินไม่เห็นแก่เงินไม่สะสมเงิน ไม่เหมือนบ้างวัดที่เรียกร้องเอาแต่เงิน จนหมดตัวก็มี ทำแล้วบอกว่าได้ไปสวรรค์สอนแบบผิดๆ ไม่เห็นไปเอาผิดกลับวัดที่นอกรีต มหาเถรเงียบกิ๊บ วัดจานบินสอนแบบผิดๆว่ามีตัวมีตน สอนแบบอัดตาไม่ใช่อานัตตา ขอยกยองว่าสันติอโศกสอนดีให้คนทำแต่ความดีเด็กที่เข้าไปในวัดสันติอโศกเป็นเด็กดีทั้งหมดขอชมเชย
พ่อครูว่า…คุณคนนี้พูดความจริงใจมาทั้งหมดก็ขอบคุณ สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวพราย
นิมนต์จิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…เราอยู่ในยุคนี้ ถือว่าเป็นยุคประชาธิปไตยไทยที่ดีที่สุด เราอยู่กับชาวอโศกมีประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลก มีอิสระเสรีภาพ
พ่อครูว่า..เป็นอิสรภาพที่ไม่มีอัตตา แล้วก็มีปัญญา นอกนั้นก็มีความขยันเสียสละแล้วก็เป็นผู้มีโลกวิทู
ประชาธิปไตยที่แท้จริงนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ตามนิตินัยของพรรคใด แต่มีอิสระเสรีภาพขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นหลักเพราะจะเป็นผู้รับใช้ประชาชนจริงแท้จริงใจอย่างมีสมรรถภาพ จนประชาชนเห็นความจริงที่มีจริงของนายกฯ ผู้นั้น ส่วนพรรคการเมืองคือคณะของประชาชน (ทั้งพฤตินัยและนิตินัย) เมื่อกฎหมายไม่ได้ระบุ พรรคการเมืองที่เป็นพฤตินัยก็มีอย่างเช่นชาวอโศกก็เป็นพรรคการเมืองที่เป็นพฤตินัย ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองทางนิตินัย เรียกว่าพรรคอะไร พรรคอโศก พรรคบุญนิยม ทีนี้พรรคการเมืองจริงๆ นิยามพรรคการเมืองคือ คณะของประชาชนที่ประชาชนใช้วิจารณญาณอย่างอิสระเสรี และมีความรอบรู้ เห็นความจริงในสมรรถนะของนายกฯของประชาชนเอง แล้วสนับสนุนให้คะแนนนายกฯผู้นั้น อย่างบริสุทธิ์ใจ ของมวลประชาชนเอง ไม่ได้ขึ้นกับเงินทอง ไม่ได้ขึ้นกับอำนาจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครมาล่อหลอก ตัวเองต้องเป็นคนที่ตัดสิน ยินดีเอง พอใจเอง
ความเป็นประชาธิปไตยจริงๆ พูดไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งที่จะให้นิยาม จริงๆคมชัดลึกได้มากกว่านี้ ได้แค่นี้
_มานพ กองสวัสดิ์พานิช • ขออภัยครับช้าหน่อยสำนึกพึ่งมา ขอระลึกวันเกิดพ่อท่านครับ กราบนอบน้อมพ่อครูด้วยความเคารพอย่างยิ่ง มีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวแด่มนุษยชาติ… ผู้ให้ปัญญา เปิดเผยสัจจธรรม ทำเรื่องยากให้ง่าย.กราบขอบพระคุณครับ กระผมฟังธรรมแล้วปฏิบัติพยายามทำจิตให้คล่องแคล่วแว่วใวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พ่อครูว่า…
Sms 630615
_8085 กราบนมัสการพระโพธิสัตว์อย่างสูงยิ่ง อยากถามพ่อครูว่า ถ้าคนเราเป็นโรคร้าย เราควรปรึกษาเพื่อนฝูงผู้รู้เกียวกับโรคร้ายนี้ดีไหมครับ จะได้มีคนช่วยเหลือแนะนำหาแพทย์ทางเลือกให้ในการรักษา… หรือปิดบังไม่บอกใคร…อย่างนี้มีอัตตาไหมครับ…ติดตามชมอยู่ที่กรุงเทพฯ
พ่อครูว่า..ไม่เห็นจะต้องน่าถามเลย ควรจะเปิดเผย หากไปปิดบังอยู่คนเดียวก็ตายคนเดียวสิ มันเป็นอย่างไรหากเปิดเผยว่าตัวเองไม่สบายเป็นโรคภัย บางทีถึงขั้นเป็นโรคอย่างที่เรียกว่าเราจะต้องบอก แล้วก็ต้องให้เขาเห็นด้วยซ้ำไป บางทีเป็นโรคในที่ที่เราไม่อยากให้ใครเห็นเป็นที่สงวนด้วยซ้ำ เรายังต้องบอกยังต้องให้เขาดูเลย ใช่ไหม
สู่แดนธรรม…มีบางทีญาติธรรมเราเป็นแต่ไม่บอก พ่อท่านต้องบอกว่าเป็นอัตตา
พ่อครูว่า…ไม่บอกใครก็เป็นอัตตา มันต้องพึ่งพาอาศัยกัน หากถือสาอย่างนั้น อาตมาก็ไม่ต้องให้ใครเอาข้าวเอาน้ำให้ก็ต้องหากินเองหมด พระพุทธเจ้านั้นท่านลึกซึ้ง ท่านไม่ให้ออกป่าท่านไม่ให้ไปอยู่ป่า ท่านให้อยู่กับสังคมให้บิณฑบาต เลี้ยงตนเองด้วยปลีแข้ง จนกว่าชีวิตจะหาไม่ นี่เป็นพระวินัยของพระพุทธเจ้าเลย ให้บิณฑบาตเลี้ยงตนด้วยปลีแข้ง จนกว่าชีวิตจะหาไม่เลยเพราะอะไร ไม่ให้สะสมด้วย แม้แต่ข้าวเมล็ดหนึ่ง ฉันเสร็จแล้วคว่ำบาตรเททิ้งหมดล้างบาตร พรุ่งนี้เช้าบิณฑบาตใหม่ บิณฑบาตถ้าไม่มีใครเขาใส่ให้ก็อด หรือไม่มีใครใส่คว่ำบาตรคุณก็ต้องตายหรือสึกออกไป อย่างนี้เป็นต้น
ท่านผูกวินัยข้อนี้ไว้เพื่อให้คนที่บวชแล้วเป็นภิกษุ ไม่สะสมข้าวเมล็ดหนึ่งไม่สะสมเงินทองแม้แต่บาทหนึ่ง ไม่ต้องซื้อขาย คุณจะต้องพึ่งพาคนอื่น ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ต้องพึ่งฆราวาส แล้วฆราวาสต้องพึ่งพาภิกษุผู้บวช เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ฆราวาสเขาให้ ก็มีสิ่งที่เป็น ทายกฯปฏิคาหก เป็นผู้ให้ผู้รับแก่กันและกันมันจะต้องสัมพันธ์กันขาดกันไม่ได้ อันหนึ่งอันเดียวกันไม่ได้มันต้องมี 2 เสมอ มันลึกซึ้งนะ แม้แค่นี้ก็ซึ้งมากการบิณฑบาต
เลี้ยงตนไม่ให้สะสมไว้ให้ซื้อขาย มีเงินไปซื้อของกินไม่ได้เลย เป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนสะอาดบริสุทธิ์จริงๆเลยพึ่งพาธรรมะ ถ้าคนไม่มีธรรมะคนไม่เคารพนับถือคุณก็ตาย แต่มันไม่ตายง่ายๆหรอก คนมันมีเมตตากัน คนที่ไม่มีคุณงามความดีอะไรเลยคนก็ยังเลี้ยงไว้ ยิ่งมาบวชมีคุณงามความดีอยู่บ้างไม่ต้องกังวลหรอกไม่ตายง่ายๆหรอก มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความจริงอย่างเป็นความจริง
แ
_1614 ไฟบินมีคำถามที่จะถามครับ.. ถ้าผัสสะที่กระทบเลยไปแล้ว กายเลิก+ ไปแล้ว แล้วเราก็ตามรู้ไม่ทันล้างไม่ทัน ฉะนั้น การดึงสัญญาเก่าขึ้นมาให้เห็นเวทนาที่เราจะล้าง ก็จะไม่เกิดผลใช่หรือไม่ ?
พ่อครูว่า..มีส่วนดี แต่ไม่ใช่เป็นความจริง มันผ่านไปแล้วเป็นสัญญา ดึงมาอีกก็เป็นผลดีที่คุณจำไว้ อันนี้คุณช้าไปพลาดไป ให้ขณะปัจจุบันหลัดๆแล้วก็จัดการมัน มันไปแล้ว คุณจะฆ่าโจร แต่เมื่อโจรมาสัมผัสคุณ สัมผัสคุณก็ปล่อยโจรแล้วก็ระลึกถึงว่าเป็นโจร จะฆ่าโจร แต่มันไปแล้วคุณก็ไม่ได้ฆ่า แต่ก็ยังดีที่คุณยังระลึกได้ คุณก็ต้องตามหาโจรอีก ที่นี้คุณก็สำทับกับตัวคุณเอง ได้ผลตรงที่ว่าเรานี้ชะล่าใจประมาทและสติตามไม่ทัน มันไม่เกิดประโยชน์ แสดงว่ามันยังเข้ามาหาเราได้อยู่ เมื่อมันหาเราอีกเราก็ระวัง มาที่นี้อย่าปล่อยให้พลาดอีกเป็นอันขาด ถ้าคุณสามารถฆ่าได้ ฆ่าเลย จะปล่อยทำไมหรือโจร?
_ย่าแปดริ้ว : มีญาติธรรมคนหนึ่งบอกว่า เขาไม่ใช่ชาวอโศก..
จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า ชาวอโศกมีลักษณะเป็นอย่างไร?
แล้วคนที่เราเห็นว่า เขาน่าจะเป็นชาวอโศกเพราะมาปฏิบัติด้วยกัน
แต่ทำไมเขาบอกว่าเขาไม่ใช่ชาวอโศกคะ?
พ่อครูว่า..เกณฑ์มาตรฐานของญาติธรรมชาวอโศก
-
มีปกติรักษาศีล 5
-
มีปกติเว้นขาดจากอบายมุขทุกชนิด
-
มีปกติในการรับประททานอาหารมังสวิรัติ
นี่เป็นพื้นฐานของการเป็นชาวอโศก
-
มีปกติเข้าร่วมการประชุมของหมู่กลุ่มเสมอ
-
มีปกติแจ้งลา เมื่อมาประชุมไม่ได้
-
มีปกติสละแรงงานทรัพย์สิ่งของ ช่วยเหลือหมู่กลุ่ม
-
มีปกติไปพุทธสถานและร่วมงานสำคัญของชาวอโศก
-
มีปกติกินออยู่หลับนอนเรียบง่าย
-
มีปกติปฏิสันถารก่อน อ่อนน้อมถ่อมตน
-
มีปกติมีความมีน้ำใจ
-
มีปกติเอาภาระที่สมควรของตนและของหมู่กลุ่ม
-
มีปกติในความขยัน
-
มีปกติในการทรงสติสังวรอยู่ทุกเมื่อ