630629_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 99
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1ZEPl3VcD1VC3MGTAohlwXiDq-7EUp3e2vUfYNcxBWSg/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1OqRcRuNOKYNPDq0y-Dr8GEEkvdg-fGnb/view?usp=sharing
สู่แดนธรรม…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
พ่อครูว่า…SMSวันที่28มิ.ย.2563 ประเด็นต่างๆ sms จะมีปัญหาที่มีประเด็นที่ต่างออกไป พวกคุณก็จะได้รับประโยชน์
_สติพล จนพัฒนา • ใครเชื่อพ่อครู..คนๆคนนั้นต้องมีภูมิหรือบารมีครับ.
พ่อครูว่า…ขยายความ อาตมาเกิดมาชาตินี้มาทำงานมา 50 ปี ตั้งแต่เป็นฆราวาส ปฏิบัติธรรมแล้ว เราก็รู้ว่าเราบรรลุธรรม อย่างที่เขียนหนังสือเป็นหลักฐาน คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก ที่จริงก็ตอบปัญหาในหนังสือดาราภาพ เปิดคอลัมน์ถามตอบปัญหาธรรมะ และก็ในหนังสือไทยโทรทัศน์ด้วย ก็ได้มารวมเป็นเล่ม ชื่อ ชีวิตนี้มีปัญหา มารวมกันได้สองเล่ม ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช พอมาบวชแล้วก็ได้พยายามทำธรรมะนี่แหละ คนจะเชื่อ จะเชื่อพ่อครูต้องเป็นคนมีบารมีมีภูมิปัญญา เพราะอาจารย์ต่างๆที่บรรยายกันเอาไว้ตั้งหลายร้อยปีพันปีเรียนมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มพระพุทธเจ้ายังมีความแข็งแรงคนก็เริ่มต้นเจริญขึ้นเจริญขึ้นไปถึงประมาณ 500 ปี มันเจริญไปสูงสุดได้ประมาณ 500 ปีแล้วจะเริ่มเสื่อมลงมา พอมาถึงนี่มัน 2,500 กว่าปี เพราะฉะนั้นจะเริ่มเสื่อมมาพอพันปีนี้ จะกลับไปนิยมหรือไปยึดติดอะไรที่ผิดมาเป็นถูก พอสองพันปีนี้คิดดูซิ เขาก็ไปยึดผิดเป็นถูกอย่างแน่นสนิท พอ 2500 ก็ยิ่งแย่
อาตมาเกิดมาในยุค 2500 เป็นโพธิรักษ์ เขาถึงจะเอาอาตมาให้ตาย อาตมาปฏิบัติถูกต้องมา แม้แต่แค่คำว่านานาสังวาสเขาก็ไม่รู้เรื่อง ที่พูดว่าเขาไม่รู้เรื่องเพราะมีหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่รู้จักนานาสังวาส เขาไม่ได้ปฏิบัติตามวินัยนานาสังวาสไม่ได้ ผิดหมด
ตั้งแต่มีนิกายธรรมยุต และมหานิกาย มารวมกันเล่นงานอาตมาก็ผิดแล้ว เขาเป็นนิกายเขาไม่ได้รู้จักไม่ได้ทำนานาสังวาส เขาแยกกันเลย เอาตั้งแต่คำว่า นิกายก่อน
นิกายแปลว่าอะไร…?
สะพานบุญ…นิแปลว่าแตกแยก กาย คือรูปนาม นิกายแปลว่า รูปนามที่แตกแยก
พ่อครูว่า..นิแปลว่าไม่ ปฏิเสธ กายก็ต้องแปลว่าคืออะไร กายคือสภาวะสอง คือรูปกับนาม แต่นิกายมันไม่รู้เรื่องรูปกับนามแล้ว รูปกับนามคือสิ่งที่อาศัยในชีวิตมนุษย์ ท่านแยกว่าผู้ที่มีจิตวิญญาณจะต้องรู้จักรูปและนาม คำว่ารู้จักรูปและนามนีแหละ ความเป็นคนมีธาตุรู้ แล้วธาตุรู้ระดับจิตนิยามด้วย
คนเป็นจิตนิยาม ไม่ใช่ระดับสัตว์ด้วย คนก็เป็นสัตว์ชั้นสูงมีจิตใจเจริญ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนแล้วได้จิตนิยาม จะต้องรู้สิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นก็เป็นตัวรู้ อีกสิ่งหนึ่งก็เป็นตัวที่ถูกก็รู้ เรียกว่า รูปี กับ รูปานิ เป็นวิโมกข์ 8 ข้อที่ 1
รูปี คือ รูป มีอะไรสิ่งหนึ่งอยู่
รูปานิ คือ ผู้ที่จะรู้รูป คนที่เอาแต่เฉพาะรูป เช่นผู้ตาบอดก็ไม่ใช่รูปานิ ก็ไม่มีตาจะเห็นรูปหรือผู้ไปหลับตา ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเห็นรูป ปัสสติแปลว่าการเห็น รูปีรูปานิปัสสติ คือวิโมกข์ข้อที่ 1
เพราะฉะนั้นจะต้องมีผู้ที่สามารถมีธาตุรู้ในจิตมีนามธรรม พีชนิยาม มันก็มีธาตุรู้เรียกว่าสัญญา มันกำหนดรู้เหมือนกัน มันก็รู้แค่ว่าอันนี้ใช่อันนี้ไม่ใช่มันเอาหรือไม่เอา มันเอาแต่สิ่งที่ใช่ สิ่งที่ไม่ใช่มันก็ไม่เอา หากจะมาเล่นงานมัน มันก็สู้ไม่ได้ สัมผัสกับเขี้ยวควาย ก็เคี้ยว พืชมันจะทำอย่างไร ก็ต้องเฉยให้ควายเคี้ยวกินเป็นอาหาร คนก็เช่นกัน ไปสัมผัสกับคน แล้วมันจะไปทำอะไร ดีไม่ดี คนก็เอามันมาเคี้ยวเลย มันไม่ทำร้ายใครทำร้ายใครไม่เป็นหรอกพืช ไม่ตอบโต้ใครทำร้ายใคร
แต่ จิตนิยามตอบโต้ ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวเป็นไวรัส พวกนี้ขย้ำแหลกเลย ทำลายอย่างอื่นมหาศาล สัตว์มันก็ไม่เกี่ยง คนก็ไม่เกี่ยง ช้างมันก็ไม่เกี่ยง
สรุปแล้ว คนที่จะเชื่อคนที่จะเข้าใจคนที่จะรู้ว่าอันนี้มันถูกต้องอันนี้มันใช่ อันนี้น่ารับ เป็นกุศลของเราแล้วหนอที่ได้ยินได้ฟัง
คนจะเริ่มรู้โลกุตรธรรมต้องได้สะสมถ้ารู้มา ถ้าเป็นโลกียะจะไม่รู้จักโลกุตรธรรมรู้จักดีชั่ว
โลกุตระนั้นจะรู้เลยว่าเรานี้ไปยึดชั่วยึดดี
สิ่งชั่ว เราไม่ควรต้องไปอยู่ฐานนี้ เรายังไปถือว่าต้องมีต้องได้ต้องเป็นทำไม เรายังต่ำอยู่ มันก็จะรู้ว่าอย่างนี้ไม่ต้องเอาไม่ต้องมีไม่ต้องได้หรอก มันจะมีอยู่ในโลกคนที่เขาสนใจยินดีคนที่เขาว่ามีค่าเขาก็จะเอา แต่เราเห็นว่าไม่มีค่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์ สัมผัสก็สักแต่ว่ารู้ มันก็มีอยู่ในโลกเราไม่เกี่ยว และถ้ามันร้ายมันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรก็อย่าไปใกล้ เราก็ไม่ต้องไปอยู่ใกล้ แม้ไม่อยู่ใกล้แล้วมันจะมาสัมผัสเรามันจะมาใกล้เรา เราก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน แม้มันมาแต่มันก็จะแพ้ภัยตัวมันเอง จริงๆแล้วแม้แต่จะมาใกล้ จะมาสัมผัสก็ไม่ถึงด้วย นี่เป็นบารมี ถึงๆก็เหมือนกับมีอะไรกันไว้คั่นไว้ไม่ให้มาถึง มีอะไรดันกระดอนออกไป มีกำแพงกั้นคุณกระดอนกลับ เหมือนกับลูกระเบิดที่เราไปสนามรบ ไปรบ ไปรัฐประหาร ไปทำการประหารรัฐบาล มาหลายรัฐบาล จนมีรัฐบาลสุดท้ายส่งตำรวจมา แล้วลูกระเบิดนั้นเป็นลูกระเบิดของตำรวจไม่ใช่ระเบิดของประชาชน ตำรวจเขวี้ยงมาดูสิเป็นไปได้มันไปชนกับเสาเต๊นท์ ทำไมมันแม่นจัง ก็เราก็นอนอาตมาก็ให้นอนเงียบหยุดไม่ต้องไปตอบโต้อะไรเลย เขาเขวี้ยงมาก็สะท้อนกลับไป ระเบิดใส่ตำรวจ ลากโล่กันวิ่งไปเลย คือมันตกใจ มันประหลาด ลูกระเบิดมันดันกลับมา ตกใจ จิตมันไม่สู้แล้ว คนเรามันมีความนึกคิดสำนึกสูง ตำรวจเขาก็รู้อยู่แล้ว โดยสามัญสำนึก หมาใหญ่เวลาเจอหมาเล็กที่ยอม ไม่ทำอะไรตอบ ได้แต่แฮ่ๆๆ หมาใหญ่มันก็ไม่ทำ หมาใหญ่มันก็ยังมีสำนึกเลย ใช่ไหม เคยเห็นไหม มันไม่ทำก็ปล่อยไป ยอมมันแล้วมันก็ไม่ทำ ขนาดหมายังมีสำนึกมีความรู้มีคุณธรรมอย่างนี้แหละ คนจะไม่มีได้อย่างไร
ไม่ใช่เท่านั้นนะเรามีองค์ประกอบในการประท้วงรัฐบาล จนเกิดกรณีที่โยนลูกระเบิดแล้วก็ชนะไปไม่รู้กี่รัฐบาล เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รัฐศาสตร์เขาจะต้องศึกษาว่าประชาชนปฏิวัติรัฐประหารซึ่งเป็นการรัฐประหารด้วยความสงบด้วยความจริงด้วยความยอมสู้อดทนไม่รุนแรงไม่ร้ายแรงไม่มีอาวุธจริงๆเลยเป็นคุณสมบัติคุณวิเศษเป็นคนทำของมนุษยชาติที่สูงสุดแล้วที่มนุษย์จะต้องศึกษาว่าคนมีคุณธรรมขนาดนี้เป็นธรรมวุธสุดยอด จะต้องศึกษาต่อไป เพราะความรู้อย่างนี้พวกเขาก็ยังพอบอกว่าประชาชนไปปฏิวัติรัฐบาลซึ่งรัฐบาลมีทหารตำรวจคุ้มกันอยู่ แล้วคนที่มือเปล่าไม่มีอาวุธไม่มีระเบิดไม่มีปืนจะไปสู้ทหารที่มีอาวุธยุทธภัณฑ์ต่างๆได้อย่างไร มัน incredible มันเหลือเชื่อ
คนที่เขารู้จักจิตวิญญาณชั้นสูงแล้วเขาก็ใช้จิตวิญญาณชั้นสูงมาจัดการ แม้เขาจะตายก็ไม่มีปัญหา เพราะความตายความเกิดมันเป็นเรื่องสามัญ ตายแล้วหากก็ยังอยู่ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เขาก็จะได้ความประเสริฐกว่าเก่า มันเป็นสัจจะความรู้ของผู้รู้ เขาไม่มีปัญหาเขาไม่ตื่นเต้นไม่ตกตกใจ
สรุปแล้ว เรื่องรัฐประหาร หรือเรื่องประชาชนปฏิวัติที่ไทยได้ทำเป็นตัวอย่าง กี่รัฐบาล 4 รัฐบาล รัฐบาลแรกของทักษิณก็พลเอกสนธิ บุญยรัตกลินมาปฏิวัติ ที่จริงประชาชนไปปฏิวัติอยู่แล้วพอทหารออกมาเขาก็เอาดอกไม้ไปเสียบปลายปืน เขาก็ไปแสดงความยินดี
พอปี 57 การปฏิบัติก็บอกว่าผมขอยึดอำนาจทั้งนั้นแหละไม่ได้ไปถือปืนอะไร แต่มียศตำแหน่งเป็นคสชเท่านั้น แล้วนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ก็ไม่ได้มีตำแหน่งขาลอยหมดแล้วไม่มีอำนาจทางนิตินัย แต่เต๊ะท่าไว้ว่าฉันอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ เอาไปปรับทัศนคติเท่านั้นไม่ได้เอาเข้าคุก ก็ถือว่าเป็นความเมตตา แม้ทักษิณหากเขาจะจับจริงๆก็ทำได้ แต่เขาไม่ทำ ก็น่าจะรู้ว่า ประเทศไทยเมตตาเขาเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นลูกหลานเขาไม่ได้อยู่ประเทศไทยหรอกน่าจะสำนึกในความกรุณาปรานีสิ่งที่เมืองไทยเต็มไปด้วยเมตตา
สรุปแล้วคนมีบารมี ภาษาคำว่าบารมี เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ลึกซึ้งบารมีทางธรรมะของผู้ที่เป็นศาสดาเป็นอาจารย์แม้แต่บารมีทั้งโลกเขาก็เอาไปใช้ ก็หมายถึงมีอะไรที่เป็นสิ่งที่พิเศษไม่มีบารมีก็ไม่ได้เป็น อย่างเช่นหัวหน้านักเลงเขาก็มีบารมี ถ้าหัวหน้านักเลงไม่มีบารมีมันเป็นไม่ได้เป็นหัวหน้านักเลงไม่ได้ ลูกน้องนักเลงเอาตายหมด
_สู่แดนธรรม…มีข่าวดีมาแจ้งบอก
เมื่อเวลาสักครู่ที่ผ่านมา ผู้ประสานงานรายการ “วันนี้มีธรรม” ออกอากาศทางช่องONE31 ได้โทรมาหาผม เพื่อขอนำเทปรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ไปออกอากาศ ในช่วงรายการ “วันนี้มีธรรม” ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 03.00-04.00น.
ปุ๊กถามว่า : มีรายการพระเทศน์จากหลายสำนักให้เลือก ทำไมเลือกรายการนี้ครับ
ตอบ : มีผู้บริหารช่องบางท่านบอกว่า เป็นรายการที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย น่าจะนำไปเผยแพร่ให้คนรับรู้เยอะๆ จึงลองให้ติดต่อมาดู
ถาม: ได้เบอร์ผมมาจากไหน
ตอบ : ค้นหาใน google ว่า บุญนิยมทีวี เบอร์ประสานงาน
และถามตอบอีก2-3คำถาม บทสนทนาผมตอบไปว่า ยินดีอย่างยิ่ง ที่จะให้รายการไปออกอากาศได้
ผู้ประสานแจ้งอีกว่า : จะนำข้อมูลดังกล่าว นำเสนอบอร์ดช่องต่อไป และจะติดต่อกลับมาอีก
***รายการนี้จะมีผู้แปลภาษาใบ้ด้วย เพื่อให้ผู้พิการได้ฟังธรรมะ
พ่อครูว่า…ผู้ที่รู้จักสาระว่าเป็นสาระผู้นั้นเป็นผู้ที่มีสาระ คนที่จะมีภูมิปัญญารู้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี มันไม่ใช่ง่ายๆมันเป็นเรื่องยาก ท่านก็ยืนยันธรรมะของท่านมีความ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม ๙ ข้อ ๓๔) อาตมาสัมผัสแล้ว เห็นคำจำกัดความว่าธรรมะของพระองค์ท่านของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้
คนอยู่ในโลก 7 พันกว่าล้านจะได้สัมผัสสิ่งนี้อาตมาว่า นับอย่างอนุโลมที่สุดเลยที่เป็นโลกุตระธรรมที่เราแสดงอยู่นี้ในประเทศไทย ธรรมะของอโศกที่เราแสดง ล้านหนึ่งที่ได้สัมผัสอาตมาว่าก็อนุโลมแล้วนะ ที่เขาจะได้สัมผัส นอกนั้นยังไม่ได้สัมผัสเลยห่างไกล
สมมุติว่าได้สัมผัส 5 ล้านคน แต่ที่ได้สัมผัสแล้วจะรู้ว่านี่คือสาระที่น่าสนใจรับรองว่าถึง 10,000 คนไหม …น่าจะถึง
ที่ไม่ได้สัมผัสเลย 7,000 ล้าน คิดดูสิในโลกนี้มีด้วยหรือ พุทธศาสนาเท่านั้น คำว่าพุทธศาสนาเท่านั้น 7 พันล้านคน จะรู้จักว่ามีพุทธศาสนาถึง 1 พันล้านคนหรือไม่ อาจจะมีถึง เพราะว่าศาสนาพุทธนี้ก็แบ่งแล้วว่าในโลกนี้เขามีศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม แบ่งกันแล้วใน 7 พันล้าน เพราะว่าคนคนหนึ่งไม่ใช่ว่าเขารู้จักศาสนาเดียว เขารู้จักศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามเขาก็รู้อยู่ ก็คงมีอยู่ประมาณพันล้าน ศาสนาพุทธนี้มีคนรู้อยู่เป็นพันล้านคน แต่รู้แล้วยินดีซาบซึ้งพอใจ อาตมาว่ามันไม่ถึงล้านคนละมั้ง
ในคนไทยนี่ก็แล้วกันไม่ต้องเอาชาติอื่น เขานับถือศาสนาพุทธก็จริงแต่เขานับถือศาสนาเงินมากกว่า ในสำมะโนครัวก็บอกว่านับถือศาสนาพุทธแต่ไม่ได้สนใจเลย ดีไม่ดีสนใจศาสนาพุทธแบบที่เดรัจฉานวิชาเป็นไสยศาสตร์ เป็นขี้หมูขี้หมาของศาสนาพุทธที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เป็นของหลอกเป็นเดรัจฉานวิชา มันไม่ใช่ของพุทธอย่างนี้เป็นต้น เห็นไหมว่ามีความซับซ้อนเยอะมาก ถ้ามีผู้ที่สนใจมีฉันทะ แล้วก็มามีศีล มารู้จัก มิตรดี ตั้งแต่สุริยเปยยาล 7 มีหมู่กลุ่มของศาสนาพุทธ รู้ว่าอโศกเป็นหมู่กลุ่มของศาสนาพุทธ ไม่ใช่ว่า ศาสนาพุทธนั้นมีแค่ในเมืองไทยมาเจอแต่เดรัจฉานวิชาเป็นเทวนิยม ถือว่าเป็นศาสนาพุทธก็ไม่ใช่แล้ว
กว่าจะมาเข้าใจว่าศาสนาพุทธนี้จะต้องเป็นกลุ่มอโศก จะเท่าไหร่กันเชียว 1 ล้านจะถึงหรือไม่ เห็นไหม
__Sunita Monitzer สุนิตา โมนิทเซอร์ •น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ รับชมจากออสเตรียภาพเสียงชัดเจนดี เจ้าค่ะ
_มุกแสงธรรม แบม รู้แก่นศีล • กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ หนูรับชมผ่านเฟสบุ๊คที่เยอรมนี ภาพและเสียงชัดเจนดเจนดีมากเจ้าค่ะ
_Tone Jack โทน แจ๊ค •ขอบพระคุณมากๆครับที่ออกมาสอนสั่ง นับเป็นบุณอย่างยิ่งครับ
_มั่นใจพุทธ บุญเสร็จ • ภารกิจของพ่อท่าน ช่างยิ่งใหญ่ อยากถามพ่อว่า”เหนื่อยมั้ยคะ
พ่อครูว่า…ตอบแทนอาตมาหน่อยสิ (เหนื่อย) อาตมาเป็นคนนะคุณ อาตมาไม่ใช่ไม้หน้าสาม ตีอะไรแล้วถามว่าเหนื่อยไหม ไม้หน้าสามไม่รู้เรื่องหรอก แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันออกแรงระดับหนึ่งมันก็ต้องเหนื่อยแล้วเรื่องอะไรอาตมาเป็นคน มันเป็นการใช้พลังงาน จ่ายพลังงานออกไปก็ต้องเหนื่อยเป็นลักษณะหนึ่ง ที่ใช้ภาษาคำว่าเหนื่อยมันก็กำลังน้อยลง มันไม่แรงเท่าเก่าไม่เต็มเท่าเก่า
_ต๊ะ เกื้อกูล…ชีวิตของดิฉันรันทดเหมือนพจมาน สว่างวงศ์ในบ้านทรายทอง แต่จริงๆแล้วเป็นชีวิตของนางสาวเกื้อกูล สว่างรัตน์ เหมือนพจมานสว่างวงศ์แต่มาคล้ายชีวิตของพ่อครู พ่อของดิฉันตายตั้งแต่ 4 ขวบแล้วมาอยู่กับคุณหมอตั้งแต่ 5 ขวบ อย่างพ่อครูไปอยู่กับคุณป้า แต่ของดิฉันได้ใช้วิบากในเชิงโทสะ โต้ตอบเขา แต่ดิฉันน่าจะมีบารมีได้มาพบพ่อครูแต่ทำไมดิฉันไม่ยอมคุณหญิงที่อยู่ด้วยมาตลอดเลย
พ่อครูว่า..ทำไมต้องไปผูกพยาบาทอยู่ก็เพราะโง่ เมื่อเข้าใจความหมายก็จะเกิดการปฏิบัติหน้าที่จิตรวมถึงกายกรรมวจีกรรมพร้อมมีจิตใจเป็นตัวประธานก็จะลดลง
_ต๊ะ เกื้อกูล… ก่อนแกตายดิฉันก็ยังโง่ใส่แก แต่ดิฉันขอถามพ่อครู ก่อนแกตาย ดิฉันก็เครียด บอกแกว่าเป็นหม่อมราชวงศ์ทำไมอารมณ์ร้ายพูดจาอย่างนี้
พ่อครูว่า…เราต้องช่วยตัวเองก่อน เขาจะผูกพยาบาทก็เป็นเรื่องของเขา ยิ่งเขาถือว่าเขาใหญ่กว่าเขาจะข่มเราก็ยิ่งยากที่จะให้เขาเปลี่ยนแปลง มันจะต้องมีศิลปะสูงมาก ผู้ที่จะทำให้คนที่เป็นนายผู้ที่อยู่เหนือเราให้เขายอมรับเราให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ต้องมีบารมีชั้นสูง เราอย่าเพิ่งเลยอย่าเพิ่งไปฟุ้งซ่าน เป็นแต่เพียงว่าเขาไม่ฆ่าเราก็เป็นบุญแล้ว
อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ ชนะ สูตรนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ
_อยู่บุญ…เดิมทีผมเคยบวชอยู่สันติอโศกแต่ต่อมาสึกแล้วไปมีลูกแล้วก็ตั้งใจมาอยู่เป็น หนึ่งใน 777 คน ตอนแรกไปอยู่สวนไวพลัง ต่อมาไปช่วยคุณแอ๊ดปลูกมัน แต่ตอนนี้มาอยู่ที่โรงเห็ดมีความรู้เรื่องเห็ดทำมา 20 ปี เป็นลูกศิษย์อ.สาธิต ตั้งใจมาช่วยพ่อครู กราบนมัสการครับ
_ChannarongJindatham ชาญณรงค์ จินดาธรรม • ไม่ศึกษาให้ดีๆก่อน คนที่มาติเตียนพระอริยเจ้าด้วยความโง่เขลา นรกอเวจีรอคุณอยู่นะครับ
พ่อครูว่า…ใครก็แล้วแต่จะหมายถึงคนมาติเตียนอาตมาก็ตาม หรือไม่ได้หมายความว่า ถ้าเราไปติเตียนที่เขาถือว่าเป็นพระอริยะก็ตาม ในบัญญัติภาษานั้นถูกต้อง แต่ในบุคคล ใครเป็นพระอาริยะจริง อันนี้ต้องชัดเจน
_พรสิทธิ์ เจียรวรรณศิลป์ • กราบนมัสการพ่อครูครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พ่อครูอธิบายเกี่ยวกับอนุสัยกิเลสเพิ่มมากขึ้น กราบนิมนต์พ่อครูช่วยอธิบายน้ำหนักของความรู้สึกสุขหรือทุกข์ ที่เกิดจากอาสวะกิเลสและอนุสัยกิเลส ว่ามีน้ำหนักแตกต่างกันอย่างไรให้ด้วย จะเหมาะสมหรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…เรื่องสุขเรื่องทุกข์นั้นเป็นอาการของโลกีย์ ผู้ที่อยู่ในขั้นจะถอนอาสวะ คนที่หมดสุขหมดทุกข์นั้นอาสวะกิเลสก็หมดแล้ว เพราะฉะนั้นจะอธิบายให้คุณฟังถึงอนุสัยกิเลสนั้น อาตมาอธิบายอย่างไรคุณก็ไม่เข้าใจหรอก เอาไว้ติดตามไปดีๆ เอาอาสวะของคุณให้สิ้นก่อน นี่ไม่ใช่ดูถูกดูแคลนคุณนะ ส่วนอนุสัย นั้นเป็นสภาพสิริมหามายา มันยิ่งกว่าอาสวะ แต่อาสวะต้องสิ้นให้ได้ แต่อนุสัยก็ต้องทำให้สิ้นไปเหมือนกันแต่เมื่อสิ้นแล้วคุณก็จะไม่สิ้น
อรหันต์อาสวะกิเลสดับท่านก็นับแล้วปัญญาวิมุติ อาสวะสิ้น ไม่ใช่แค่กายสักขีอาสวะบางอย่างสิ้น ถ้านับอรหันต์ก็จะนับตั้งแต่ปัญญาวิมุติเป็นต้นไป ผู้ที่เป็นอรหันต์จะรู้ลึกซึ้งสภาวะ 2 ของจิตที่จะต้องอาศัยมัน อาสวะ ก็ตัวตน อาสยะ ก็ตัวตน อนุสยะก็ตัวตน
อา นี่นอก อนุ นี่ใน และสยะ สวะก็ต่างกัน แล้วสยะ กับสวะ นี่
ว นี่หยาบกว่า ย อาตมาอธิบายผสมไปเรื่อยๆ ผู้ที่มีบารมีมีภูมิธรรมก็จะเข้าใจไป และถ้าฟังไม่เข้าใจก็อย่าไปฮึดฮัดว่าเราโง่ สักวัน คุณจะเข้าใจ ผู้จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนในพยัญชนะ ดีไม่ดีคุณจะต้องได้เลย ก ข ค ฆ ง
วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง
วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ
วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น
วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม
เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ
_4867จาก : หอมดอกดิน กราบนมัสการพ่อครู ที่เคารพศรัทธาค่ะ คนที่ยังหวงแหนยึดติด ลาภ ยศ สรรเสริญให้กับตัวเองมากๆ คือ…ความดีเอาเข้าตัว ความชั่วยกให้คนอื่น …พฤติกรรมเช่นนี้ โสดาบันยังทำอยู่หรือเปล่าคะ
พ่อครูว่า…ยังมีอยู่ แต่ไม่ตะกละไม่หยาบไม่แรง โสดาบันลาภก็ยังติดอยู่ ยศก็ยังติดอยู่ สรรเสริญก็ยังติดอยู่ สุขก็ยังติดอยู่ สมมุติว่าลาภในโลกมีอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณเป็นโสดาบันต้องลดลงไปสัก 1 ใน 4 ก็เหลืออีก 3 ส่วน อย่างนี้เป็นต้น คุณก็ยังยึดอยู่
จะเป็นการติดยึดใน ลาภ ของหยาบ บางคนไปติดในสิ่งสมมุติจริงๆ เช่นติดในขี้เลนขี้โคลน อันนี้หนัก ทำไมขี้โคลนของข้าใครอย่ามาแย่งนะ ขี้เลนของข้าใครอย่ามาแย่ง คนที่สูงกว่านี้ก็จะบอกว่าขี้โคลนขี้เลนไม่ไปเลี้ยงด้วยหรอก แต่คนนี้มาบอกว่าเป็นวัตถุสมบัติอะไรที่เป็นธาตุดีๆคุณก็สมมุติ สูงไปกว่านี้เป็นโลหะ โลหะก็ไปยึดถือคุณไม่เอาแล้วไม่แย่งหรอก เหล็ก ตะกั่วไม่แย่ง แต่ยังแย่งทอง แย่งเงิน มันละเอียดมาก เราก็ต้องพยายามเข้าใจให้ได้เป็นระดับไป หมู่ดีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งพฤติกรรมเป็นทั้งวัตถุมีสิ่งอาศัยมีสถานที่ เรียกว่าเสนาสนะมีทั้งบุคคลเป็นมนุษย์รวมกันเป็นกลุ่มอย่างชาวอโศกมีทั้งเครื่องอาศัย วัตถุที่อาศัย วัตถุของทั่วไปพวกเราไม่แย่งชิงหรอก มีคนว่า อย่าว่าอโศกไม่ยึด หินมันยังติดเลย มันขนมาเท่าไหร่…แต่เราเอาหินมานี่ไม่ได้ไปแย่งใคร แต่เขาอยากให้เราออกไปด้วยซ้ำไป เพราะเอาของที่เขาทิ้ง คนที่จะไปชอบหินมีคนไม่กี่คนหรอก เขาก็จะถูกครอบงำความคิดว่าหินที่หายากคนที่มีบารมีจะต้องได้ ถูกครอบงำความคิดก็อาจจะติดเยอะแต่มีน้อยมันต้องลงทุนต้องลำบากต้องเหน็ดเหนื่อย อย่างอาตมาพาทำนี้เหน็ดเหนื่อยแล้วไม่ได้มีค่าจ้างด้วยนะ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่ไม่ได้สร้างนครวัดนครธม ไม่ได้สร้างปราสาทหิน อาตมาสร้างธรรมชาติ อันนี้เป็นความละเอียดลึกซึ้ง อาตมาไม่ได้มาสร้างประเทศซ้อนประเทศนะ
_สุลี…ช่วงนี้มีการสับสนมากในมาตรการการกักตัวค่ะว่าใครควรกักตัวกี่วัน..เพราะบางคนมาในเงื่อนไขแบบเดียวกันแต่ระยะเวลาการกักตัวไม่เท่ากัน ลูกขอทบทวน…เป็นลายลักษณ์อักษร มี 3 กรณี ดังนี้…
1.กรณีกักตัว 28 วัน….คือบุคคลที่เป็นญาติธรรมใหม่ ศึกษาธรรมะชาวอโศกแล้ว เคยมาร่วมกิจกรรมชาวอโศกเกินเจ็ดครั้ง ถือศีลห้า ละอบายมุข กินมังสวิรัติแล้ว หรือ ญาติธรรมที่ปฏิธรรมนอกวัดเคยมาวัดแต่ห่างหายไปนานหรือไม่ได้ติดต่อมานานอยู่ๆก็เกิดอยากเข้ามาวัด
2.กรณีกักตัว14วัน..คือญาติธรรมที่เคยเข้ามาร่วมงานกิจกรรมต่างๆกับชาวอโศก เป็นชาวอโศกเต็มตัวแล้วคือ ถือศีล 5 ละอบายมุขแล้ว..เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นเคยกันประจำอาจจะอยู่บ้านและไม่เคยไปสถานอื่นๆที่มีความเสี่ยงใดๆ…และกรณีเดินทางมาจากต่างพุทธสถานที่ไม่ได้มารถส่วนตัว อาจมาเครื่อง หรือรถโดยสาร และกรณีที่คนบ้านราชเองออกไปข้างนอกที่เป็นความเสี่ยง เช่น ไป ภูเก็ต เป็นต้น
-
กรณีรักษาระยะห่างคือบุคคลที่มาต่างพุทธสถานที่อยู่ในพุทธสถานนั้นมาตลอดไม่เคยไปที่เสี่ยงใดๆเลย…และต้องมาโดยรถส่วนตัว และคนบ้านราชเองที่มีธุระต้องออกไปนอกชุมชนเฉพาะภายใน จ.อุบล ลูกอยากให้มีความชัดเจน ใครจะไป ใครจะมา ก็ให้อยู่ในมาตรฐานอันเดียวกัน จะได้ไม่สับสน