ก.ค.102020ศาสนา630710_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ศีล วินัย ภิกษุ กับการเมือง ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/181bysYUWzReN0HBfBc9pwxwq1MW9izgwwlgp8r1Kn7c/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1KtMC5ccvPak8NkWwE9cx-CS_DWiBwpBM/view?usp=sharing สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้ประเทศไทยจะมีข่าวรายการช่องส่องผี ที่บอกว่ามีคนระลึกชาติได้ไปตามสถานที่ต่างๆ และไปบอกว่าคนที่ตายไปแล้วเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้เกิดเป็นใครบ้างอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเฉพาะไปกล่าวถึงคนดังๆ ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเมื่อกล่าวไปแล้วคนที่รู้ประวัติศาสตร์จริงเขาก็จะเอาเรื่องหาว่าไปพูดบิดเบือนประวัติศาสตร์ ทำลายประวัติศาสตร์ของชาติเขาก็รับไม่ได้ ก็เกิดการเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เพราะเขาไม่รู้จักผีที่แท้จริง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีพระอรหันต์เท่านั้นที่จะเห็นผีที่แท้จริงได้ นอกนั้นที่บอกว่าเห็นผีก็คือเป็นคนหลอกลวง ความจริงแล้วพ่อครูสอนให้เราส่องผีทุกวัน ผีที่อยู่ในจิตวิญญาณเราเอง ผีหรือมารที่แท้จริง พ่อครูว่า…ก็ขอสรุปนิดนึง คำว่าผี หรือคำว่ามาร ภาษาที่อยู่ในพระไตรปิฎก คำว่าผีเป็นภาษาไทย แต่ภาษาวิชาการทางศาสนาพุทธ ในภาษาบาลีสันสกฤตก็คือคำว่ามาร หรือ มายา หรือมารยา มารยาท มารยา เป็นภาษาสันสกฤต ถ้ามายา ก็เป็นภาษาบาลี ก็คือสิ่งที่มันไม่จริง มายา ไม่จริง มันหลอก ผู้ที่จะรู้จักความหลอกและก็จะรู้จักความจริง โดยชัดเจนทั้งสัจจะขั้นปรมัตถ์สัจจะและสมมติสัจจะ สมมติสัจจะในโลก ก็ใช้ และใช้ตามฐานะบุคคล ก็จะยอมเขาผู้ที่อยู่ในฐานะของปุถุชนกัลยาณชนจึงเรียกว่าสมมุติ ในฐานะอริยะชนขั้นพระโสดาบัน ฐานอริยชนขั้นสกิทาคามี ฐานอนาคามีฐานอรหันต์เป็นต้นก็ต้องยอมไปตามลำดับแล้วก็ค่อยๆสอนกัน แนะนำกัน นำพากันให้หลุดพ้นจากที่เราติดยึด ยอดที่สุดแห่งที่สุดแล้ว มันไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่จะยั่งยืนถาวรนิรันดร โดยเฉพาะจิตวิญญาณ หรือธาตุรู้แม้ที่สุดก็ทำให้ธาตุรู้นี้สลายกลายเป็นไม่รู้ กลายเป็นอุตุนิยามไม่ว่าจะเป็นดินน้ำไฟลม ไม่มีความรู้ในตัวเองอย่างนี้เป็นต้น แต่ขณะที่มีธาตุรู้เป็นจิตวิญญาณก็สามารถศึกษาทำความรู้ให้จิตวิญญาณนั้นทำให้เกิดสภาวะเป็นอุตุ ได้อย่างชัดเจน เป็นพีชะและจิตของเราก็มีจิตนิยามจึงเป็นความรู้ของจิตนิยามที่สูงสุดประเสริฐสุด แล้วเราก็อาศัย จะทำลายแตกธาตุ ทำลายธาตุจิตวิญญาณเราเป็นครั้งสุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสานให้ธาตุจิต หรือ อัตภาพอัตตา แตกสลายหมดเลย เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย เป็นครั้งสุดท้ายได้ สรุปอันนี้ไว้แค่นี้ก่อน SMS วันที่ 8-9 ก.ค. 2563 อุปกิเลสสายโทสะมูลกับสายโลภะมูล _ม่านพร · โทสะกับอัตตา ไม่ถึงกับโกรธ แต่ยังมีเล็กๆลึกๆเบาๆที่ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยอยู่ แต่เงียบได้เข้าใจเขาได้ อาการนี้คืออัตตาใช่ไหม เมื่ออาการโกรธลดลง ก็เห็นอัตตาได้ชัดขึ้นอย่างนี้ไหมคะ รึอย่างไรกราบคารวะค่ะ พ่อครูว่า…ได้คุณจะเรียกว่าโทสะหรืออัตตาก็ได้หรือโกรธก็ได้ แต่ก็เป็นอัตตาที่เบา เป็นมโนมยอัตตา รูปอัตตา อรูปอัตตาของคุณ มันเป็นแค่อาการของจิตละเอียดบางเบาเราก็รู้อยู่แล้วมันไม่ถึงกับโกรธ แต่มันไม่พอใจ ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย คือคุณม่านพรยังรู้สึกว่า เรายอมเขาแต่เราขัดแย้ง ก็เลยใช้ภาษาว่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย คือ ก็ยอมเขา แต่ก็รู้สึกว่ามันก็มีเล็กๆเบาๆบางๆมันเงียบๆ เข้าใจเขาได้ แต่ว่าก็ยังมีอะไรที่ไม่โล่งไปเลย ไม่สมบูรณ์ด้วยกันไปหมดเลยเป็นความข้องใจของคุณ ม่านพร เรียกว่า อัตตา ได้ แต่คำว่าโทสะ ใช้กับต้นตระกูลความโกรธเลย โทสะ โกธะ อุปนาหะ แล้วก็ไล่ไปในสายไม่พอใจขัดแย้งเป็นอุปกิเลสไปทั้งสาย มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ซึ่งละเอียดมากเลยเป็นรายละเอียดของจิตสายโทสะมูล จิตที่ยังไม่ลงกันเลยไม่เห็นด้วย แต่ถ้ายอมก็เลยเป็น อภิชาวิสมโลภะ แล้วก็ยกให้ไม่ติดใจไม่ขัดแย้งอะไรเลย แต่ว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ มันก็ยังค่อยๆอธิบายไปอีก เพราะว่าในลักษณะของจิตวิญญาณของผู้ที่มีอยู่ ยังต้องอาศัยจิตวิญญาณที่จะต้องมี หรือตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป เป็น 3 4 5 6 7 เป็นองค์ประชุมของสังขารที่จะต้องปรุงแต่งอาศัยอยู่ในชีวิต เพราะฉะนั้นคนที่มีสมรรถนะมีบารมีสูง ก็จะเข้าใจหน่วยของเจตสิกต่างๆ ที่มันปรุงแต่งร่วมกันอยู่ แม้จะเป็นการปรุงแต่งกันอยู่อย่างสายความมี ความรวมตัวกันเป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่น รวมตัวกันอยู่เพื่อที่จะอาศัยเป็นชีวะหรือเป็น อัตตา อัตตาอาศัย มันก็ต้องใช้งานอยู่ สับสนไหม อธิบายเข้าใจดีนะก็ฟังไป _คอยไทย · กราบเคารพพ่อครูครับเมื่อเดือนที่แล้ว มีคนชื่อ สุทิน ชินสอน โพสขอความช่วยเหลือดังนี้ครับ “โปรดให้ความเมตตาผมบ้างสักหน่อย พักงานมาสามเดือน ปิดรอเรียก ได้รับความลำบาก ถึงตอนนี้ หิวจริงๆขอให้ผมได้พอซื้อข้าว หากกรุณา กสิกร xxx xxxx xxx สุทิน ชินสอน กราบขอบพระคุณเพราะหิวจริงๆ “ ในช่วงรายการ ซ้อมดนตรีริมมูล ที่กำลังถ่ายทอดสด ผมอ่านเจอพอดี จึงคิดว่าคนนี้มาผิดที่แล้วและเชื่อว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่ถ้าไปโพสในเฟสโลกๆอาจมีคนมีน้ำใจโอนเงินให้บ้างแน่ครับ(โอนไว) ไม่ได้หมายถึงชาวอโศกไม่มีน้ำใจนะครับ แต่ชาวอโศกจะให้ข้าวให้น้ำเขาแน่ถ้าเขาไม่มีอะไรกินจริงๆ ผมจึงมีความเห็นว่าตอนนี้มีมิจฉาชีพออนไลน์เข้ามาในโลกออนไลน์ของชาวอโศกแล้ว และก็จะเข้ามาในสังคมชาวอโศกอีกต่อไปหรือมาแล้วผมก็มิอาจทราบได้ครับ รบกวนพ่อครูชี้แนะเรื่อง มิจฉาชีพออนไลน์บุกอโศกด้วยครับ กราบขอบพระคุณพ่อครูด้วยความเคารพครับ พ่อครูว่า…อาตมาขอบคุณคุณคอยใครที่ให้สัญญาณ เดี๋ยวนี้มันมีความซับซ้อนใช้เล่ห์เหลี่ยมให้เห็นถึงความสงสารและอาศัยคุณธรรมของคน คนที่มีคุณธรรมก็จะเร็วไว มีคุณธรรมจะปฏิบัติตามสัญญาไม่ตามเป้าทันก็จะเสียท่าเขา โลกทุกวันนี้มันสุดยอดเลยนะ เล่กลมันสุดยอด ถ้าเป็นสมัยก๋วยเจ๋ง กิมย้งก็ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ขนาดนั้นก็ซับซ้อนพอได้ หนังจีนเขาคุณงามความดีซับซ้อนหรือแม้แต่ความคิดโกงซับซ้อน เป็นสงครามของคุณธรรม แต่ในยุคโน้นกับยุคนี้ ยุคนี้ลึกซึ้งกว่ามากเลย ถ้าเราจะทำหนังกำลังภายในมันลึกซึ้งซับซ้อนมาก จนกระทั่งบางที สื่อออกมามันจะไม่หยาบไม่รุนแรง มันจะรู้ยาก แต่ถ้าจะปรุงให้หยาบ ก็ต้องมีอะไรต่อไปเพื่อให้เขารู้เป็นอะไรที่เป็นการสื่อ ก็จะยาวมากเรื่องก็ค่อยๆศึกษากันไป ศีล วินัย ภิกษุ กับการเมือง _สมชาย ศรีกระหวัน · ขอถามท่าน ถ้าพระภิกษุไปยุ่งกับการเมือง ผิดศิลผิดวินัยไหม พ่อครูว่า…ก็ต้องขยายความ คำว่า การเมือง คำว่าศีล คำว่า วินัย จริงๆ ต้องขยายคำว่า พระภิกษุด้วย ก็ต้องขออธิบายคร่าวๆ เอาคำว่า การเมืองก่อน การเมืองหมายความว่าอะไร การเมืองหมายความว่า งานเพื่อพลเมือง งานเพื่อประชาชน การเมือง เมืองก็คือเมือง เพราะฉะนั้นงานของเมือง เมืองก็ต้องมีพลเมือง มีประชาชนที่เรียกว่าพลเมือง เพราะฉะนั้นงานที่จะกระทำกับพลเมือง งานที่จะกระทำกับประชาชน งานทุกงานพระพุทธเจ้าสอนให้หัดให้ฝึกให้เรียนรู้ ว่างานที่จะทำนั้นมีหลักเกณฑ์ที่เรียกว่า ศีล และ วินัย วินัยก็อย่างหนึ่ง ศีลก็มีอย่างหนึ่ง ศีล เป็นข้อปฏิบัติทั่วไป ฆราวาส ก็เอาศีลมาปฏิบัติตามฐานะตนเอง ขัดเกลากิเลสให้ตนเจริญ เป็นพระอริยะจนเป็นพระอรหันต์ได้ ภิกษุจะเอาศีลมาปฏิบัติขัดเกลากิเลสเป็นพระอรหันต์ได้เหมือนกันถ้าปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ ก็เกิดสัมมาปฏิเวธ ส่วนคำว่า วินัย ของพระพุทธเจ้าเรียกว่าธรรมวินัย คำว่าวินัยไม่ใช่ศีล วินัยบัญญัติขึ้นเมื่อมีผู้ทำผิด และวินัยนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับฆาราวาส พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยขึ้นมานั้นเป็นบัญญัติขึ้นมาให้ภิกษุเป็นผู้ปฏิบัติ ไม่เกี่ยวกับฆราวาสในเรื่องวินัย ศีล ทวนอีกที ศีลนั้นฆราวาสก็ปฏิบัติได้พิสูจน์ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติมีมรรคผลก็บรรลุธรรม ส่วนวินัยนั้นเป็นข้อกำหนดที่มีบทบัญญัติลงโทษ เมื่อทำผิดสมควรจะต้องออกกฎบังคับไว้ และต้องมีอย่างเบา อย่างหนักจนถึงปาราชิก อย่างเบาก็เขายอมรับผิดและปลงอาบัติขอแก้ไขอย่างนี้เป็นต้น ไปจนกระทั่งถึงปาราชิกเลย วินัย เพราะฉะนั้นวินัยกับศีลจึงไม่เหมือนกัน วินัย เป็นเหมือนกฎหมายอาญามีบทลงโทษ ส่วนศีลเป็นกฎหมายธรรมนูญ กลางๆ ยังไม่บัญญัติบทลงโทษอย่างนี้เป็นต้น เมื่อเปรียบเทียบกับทางกฎหมาย กับรัฐธรรมนูญ ทีนี้ คุณสมชาย ก็พยายามจะแหย่ว่า ท่าน ถ้าพระภิกษุไปยุ่งการเมือง ผิดศีล ผิดวินัยไหม ก็ตอบตรงนี้ว่า ถ้าภิกษุผู้ยังไม่อยู่ในฐานะอันควรที่จะไปยุ่งกับงานที่เกี่ยวกับพลเมือง ส่วนใหญ่เขา โดยเฉพาะการเมืองเรื่องส่วนใหญ่ที่จะไปบริหารประชาชน พี่ยังไม่มีฐานะอันควรก็อย่าไปยุ่ง อันนี้ดูเหมือนจะมีกฎระเบียบของเถรสมาคมก็ห้ามไปยุ่งกับการเมือง แต่โดยสัจจะแล้วจะเป็นการเมืองหรือเป็นงานเพื่อพลเมืองเพื่อประชาชนนั้น มันอันเดียวกัน การเมืองคืองานเพื่อพลเมืองเพื่อประชาชน มันอันเดียวกัน ผู้ที่อยู่ในฐานะมีบารมี มีความรู้ความสามารถที่จะไปช่วยพลเมืองไปช่วยประชาชนได้มีคุณอันสมควรแล้ว แล้วไปสอนไปช่วยดูแลตัดสินควบคุมบริหาร ก็อยู่ในฐานะอันควรจะทำได้อย่างเช่นอาตมาเป็นต้น อาตมาก็บริหาร อาตมาก็ดูแลประชาชนประชากร แต่พูดได้ว่า อาตมาบริหารดูแลประชาชนประชากรที่อาตมาดูแลอยู่นี่ เป็นประชากรที่สมัครใจเข้ามาอย่างมีอิสระเสรีภาพ ที่จะเข้ามาเป็นชาวอโศกไม่เคยไปบังคับไม่ไปล่อลวงไม่ไปหว่านล้อมไม่ไปใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรให้เขามา มีแต่สอนสัจธรรม เปิดเปิดเผยสัจธรรม บอกสัจธรรมไปให้คนได้รับฟังได้รับรู้ ใครมีปัญญาก็จะรู้อะไรอย่างนี้คนเข้ามาร่วม พวกคุณจึงมากันด้วยปัญญาของคุณเองเป็นอิสระเสรีภาพตัดสินด้วยใจตัวเองคุณก็เข้ามา อาตมาแน่ใจว่าอาตมามีความบริสุทธิ์ตรงนี้ ไม่ได้ล่อลวงและเล็มเลียบเคียง มีแต่พูดสัจจะให้ทุกคนเห็นเองเข้าใจเองและมาเอง อาตมาเคยพูดล้อเลียนเพลงของดวงจันทร์ว่าหนูเปล่านะเขามาเอง นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะเดินดินว่า…ในสมัยก่อนก็จะมีการเรียกพระประยูรญาติห้ามเรียกว่าพระญาติอย่างเดียว เจ้าเคยเสด็จช่วยห้ามลูกของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่จะไปทำลายกรุงกบิลพัสดุ์ของพระประยูรญาติถึง 3 ครั้ง สุดท้ายท่านก็ปล่อยว่าเป็นเรื่องของวิบากกรรมแล้ว ก็ปล่อยให้ถูกฆ่าล้างเมืองไป คนจะทำได้อย่างจะต้องมีบารมี พ่อครูว่า…พูดไปแล้วขออภัยที่จะดูเหมือนยกย่องตัวเอง เอาดีเข้าตัว ที่อาตมาต้องไปทำงานที่เขาเรียกว่าการเมือง เข้าไปอยู่ในสนามที่เขาประท้วงไล่รัฐบาล อาตมาเป็นผู้นำชาวอโศกก็ไป แล้วก็มีประชาชนเขาก็เห็นว่าอาตมาเป็นสมณะ เขาก็จะมีความเห็นว่าพระมาทำอย่างนี้ได้หรือเปล่าหรือบางคนอาจจะเห็นเขาทำก็ดูดี มันมีหลากหลายคนเห็น ก็ได้ไปทำจริง ได้พากันไปไล่ 4-5 รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณสมัครสมชายแม้แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ สิ่งเหล่านี้มีหลักฐานอยู่ พูดไปแล้วก็คงจะเข้าใจกันยาก ตรงที่ว่าเอาความสงบสยบความรุนแรง หมายความว่าเอาความสงบนี้ไปปราบความรุนแรง มีความสงบความจริงไม่มีอาวุธเข้าไปสู้กับคนที่เขามีอาวุธเขามีความรุนแรง แล้วทำให้อาวุธที่เขาจะมีอาวุธนั้นทำไม่ได้ทำรุนแรงไม่ได้ ความสงบนั้นชนะความจริงชนะอาวุธร้าย ซึ่งคนฟังแล้วก็จะรู้สึกว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เขางง เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้มันไม่น่าเชื่อ Incredible มันไม่น่าเชื่อมันเป็นไปได้อย่างไร ว่า เอากับสงบเอาความรุนแรงไปสู้กับมีดกับปืนกับลูกระเบิด กับอำนาจเขามีพร้อม ลูกน้องเขาก็มีพร้อม สั่งการระเบิดเราได้ คุณฝันเฟื่องไปหรือเปล่า แต่มันเป็นไปได้ และประเทศไทยเป็นไปแล้ว ที่อาตมาอยากจะขอย้ำว่า ที่เกิดเหตุการณ์ถึง 4-5 รัฐบาล เป็นการประท้วงหรือใช้คำว่าประท้วง Neo protest เป็นการประท้วงแบบที่ยังไม่เคยมีในโลก คนของพวกเรามีตาย มีถูกเขาทำร้ายไปบ้างแต่ก็เป็นจำนวนน้อยมาก ที่เป็นไปได้นั้นเพราะเป็นเรื่องของคุณความดีของประเทศไทยเป็นสยามเทวาธิราชที่มีโลกุตระเป็นรากเหง้าตั้งแต่เริ่มต้นมา ตั้งแต่ยุคสุโขทัย มา สิ่งเหล่านี้แหละค่อยๆพัฒนาการจนกระทั่งทุกวันนี้เป็นสมัยใหม่ ที่จะมีคุณธรรมที่เรียกเป็นภาษาศัพท์ร่วมไปทั่วโลกว่า การเมือง มันจึงเป็นผลงานของผู้ที่ดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลหรือบริหารปกครอง กับมวลประชาชน เรียกรวมโดยศัพท์ ก็ใช้ศัพท์โดยรัชกาลที่ 9 ทรงเรียกว่าราชประชาสมาสัย คือมีทั้ง ราชะ มีทั้งประชา สมาสัย คืออาศัยซึ่งกันและกัน ราชะกับประชา อาศัยซึ่งกันและกันเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นประชาชนคนไทยก็มีรากฐานอนุสัยหรือจิตส่วนลึกนั้นมีเชื้อของโลกุตรธรรม ที่อาตมาเคยบอกแล้วว่าเหมือนกับที่พุทธเจ้าบอกว่า อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ โกณฑัญญะมีธาตุรู้โลกุตระ อัญญธาตุ เป็นธาตุรู้ใหม่แล้วนะเกิดขึ้น เหมือนกับอาตมาเคยบอกกับโลกว่า นี่คือคนไทยที่รู้จักคุณธรรมโลกุตระของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งคือไอน์สไตน์เคยบอกไว้ เขียนจดหมายทิ้งไว้ว่าจะมีพลังงานพิเศษเกิดขึ้นเรียกว่า Bomb of love เป็นการกำหนดของความรักเป็นความรักระดับพระโพธิสัตว์ รักพระโพธิสัตว์ ประชาชนมีความรักพระโพธิสัตว์ระเบิดออกมาให้เห็นแบบเป็นรูปธรรม ไอน์สไตน์บอกว่าวันนี้จะเกิดขึ้นเพราะไอน์สไตน์มีภูมิรู้ของสัจธรรมที่เป็น พุทธศาสนาหรือโลกุตรธรรมมันจะเจริญขึ้นมา พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงงานมาถึง 70 ปีคนไทยซาบซึ้งถึงโลกุตระธรรม พอท่านสิ้นพระชนม์ลง ความรักความเข้าใจก็แสดงออกความรักความเทิดทูนพระธรรมหรือคุณธรรมสิ่งประเสริฐนี้ต้องแสดงความรักความเทิดทูน จึงแสดงออกถึงความรักที่เราได้สูญเสียสิ่งประเสริฐสูงสุดคือในหลวงรัชกาลที่ 9 ไป คำพยากรณ์ของไอน์สไตน์ที่เขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ลูกก็มาเปิดไว้ตอนนี้ที่เป็นรูปธรรมเป็นของจริง มันหลอกกันไม่ได้มันปลอมกันไม่ได้หรอก และมันทำไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยของคุณธรรมที่เป็นสัจธรรมแท้ มันไม่เกิด เกิดไม่ได้ ที่มันเกิดเพราะมันต้องเป็นอย่างนี้Born to be มันจะเกิดอย่างนี้เป็นอย่างนี้ คุณธรรมมันถึงขั้นอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่มนุษย์โลกและในยุคต่อๆไปจะต้องศึกษาคุณธรรมระดับโลกุตระอย่างนี้ ความรู้ในระดับโลกิยะที่ตกยุคไป มันก็จะเห็นผลแสดงออกไปเรื่อยๆ ความซับซ้อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการรักประชาชนที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม รักประชาชนแบบไม่จริงเอาประชาชนเป็นเครื่องมือ ก็จะเห็นว่าประเทศที่ใช้ประชาชนอ้างเอามาเป็นเครื่องมือแต่ที่แท้เป็นการสร้างอำนาจบาตรใหญ่เป็นการสร้างทั้งสิ่งที่เลวร้ายครอบงำ เอาเปรียบทำร้ายทำลายผู้อื่น พฤติบทพวกนี้ จะเกิดให้เราได้รู้ได้เห็นได้ศึกษา ดูไปเรื่อยๆ อาตมาว่า ที่พูดนี้ไม่ได้ไปทำร้ายหรือใส่ความ หรือข่มเขา แต่มันเป็นความจริงที่ต้องเกิดต้องมีต้องเป็นในโลก เช่นพระเทวทัตก็จะต้องเป็นอย่างนี้ ต้องมีต้องเกิดเพราะมันต้องมี หรือพระฉัพพัคคีย์ ในยุคพระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นตัวดิสรัป Disrupt ในสังคมสงฆ์พระพุทธเจ้า เป็นตัวป่วนตัววุ่นวายแต่มันก็ไม่ถึงกับแรงร้าย แต่มันยุ่งมากเลยป่วนอยู่อย่างนั้น หรืออย่างนี้ที่มีตัว Disrupt ในสังคมไทย นี่คือการดิสรัปชั่นDisruptionในสังคมมนุษยชาติ อาตมาย้ำไม่รู้กี่ทีแล้วว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ศึกษาอะไรยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แต่ที่จริงท่านศึกษาหมดนั่นแหละ แต่สุดท้ายท่านมาเห็นความยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องของคนกับสังคม ท่านก็เห็นความสำคัญของความเป็นคนกับความเป็นสังคม เพราะฉะนั้นความรู้อื่นๆท่านก็รู้ ท่านผ่านตักกะศิลา 18 สาขาวิชา เหมือนกับตอนนี้มีมหาวิทยาลัยในโลกนี้มีกี่คณะ ท่านเรียนได้ปริญญาเอกมาหมดเลย ทุกคณะ ได้เกียรตินิยมมาหมดแต่สุดท้ายท่านก็มาใช้เรื่องนี้แหละกับมนุษยชาติ เรื่องของอาวุธยุทธภัณฑ์เรื่องวิทยาศาสตร์ท่านรู้ทั้งนั้นแต่ท่านปล่อยให้คนอื่นเขาทำท่านมาทำแต่เรื่องนี้ เหมือนอาตมา อาตมาก็พอจะมีความรู้ด้านนั้นด้านนี้บ้าง จะไปหาเงินแข่งขันกับสังคมโลกก็ได้ แต่ว่า ไม่เอา เพราะเรารู้เราเห็นจริงๆว่าอันนี้สำคัญที่สุด เป็นความเป็นมนุษยชาติและสังคม ที่เรามีชีวิตอยู่นี้มันไม่มีอะไรเหนือกว่านี้อันนี้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นอาตมาจะเกิดอีกกี่ชาติจะเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ก็แล้วไปถูกโลกครอบงำ แต่เมื่อรู้สึกตัวแล้วก็จะมาทางนี้มาทำเรื่องนี้แน่นอนไม่เป็นอื่นหรอกสัจจะมันเป็นเช่นนั้น เมื่อไปเป็นภิกษุต้องอยู่ในพระวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฆราวาส แต่ศีลนั้นฆราวาสก็ปฏิบัติได้ศีลนั้นภิกษุก็ปฏิบัติได้ ถ้าหากภิกษุไม่ปฏิบัติศีลของพระพุทธเจ้าแล้วจะให้ใครมาปฏิบัติเพราะจะต้องปฏิบัติศีลให้บรรลุธรรม แล้วภิกษุของพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามศีลบรรลุเป็นพระอรหันต์ให้ได้เสียก่อนก่อนจะมีพระวินัย เมื่อมีภิกษุที่เกเรทำผิดจึงมีพระวินัยตามมาทีหลัง ชัดเจน คำว่าศีลคำว่าวินัยแล้วนะ ส่วน การเมือง นั้น เป็นงานของพลเมือง ผู้ที่รับใช้ประชาชนพลเมืองเป็นคนประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือเป็นสมณะภิกษุก็ตาม คำว่ารับใช้ไม่ใช่รับจ้าง ทำอะไรจ้างนั้นทำงานเพื่อต้องการได้ค่าตอบแทนหรือสิ่งตอบแทน แต่การรับใช้นั้นคือการทำงานให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน แต่ถ้าเขาจะมาตอบแทนก็เป็นได้ แต่ไม่ได้เป็นการยื่นหมูยื่นแมวแลกเปลี่ยนกัน แต่เป็นเรื่องของน้ำใจของคนที่เห็นคุณค่า เขาจะไม่ทดแทนด้วยของมีค่ามีราคาหรือเงินทองก็ทดแทนด้วยการใช้แรงงานรับใช้ก็เหมือนกัน ฆราวาสหรือผู้ที่ได้รับประโยชน์จากภิกษุหรือจากสมณะผู้ที่ทำประโยชน์ให้เขาก็ตอบแทน ไม่ใช่สิ่งแลกเปลี่ยน นี่คือความลึกซึ้งในอิริยาบถของมันเซชั่นของสังคมมันมีอย่างนี้ มันซับซ้อน อาตมาเห็นใจคนที่พยายามจะแปลทูตกรรมและการรับใช้ คำว่าทูต คือ ผู้ที่ไปสอดส่องไปช่วย หรือว่าไปหาผู้ที่ไปช่วยเขา ไม่ใช่คนรับจ้างไม่ใช่คนไปสอดแนมดูว่ามีประโยชน์อะไรที่เราจะได้จากเขา อย่างเช่นทูต จะไปเป็นที่ประเทศในๆเพื่อจะได้ประโยชน์ทางวัตถุหรือได้อำนาจทางอะไรก็แล้วแต่นั้นไม่ใช่ แต่ทูต คือผู้ที่จะไปให้แก่เขาไม่ใช่เป็นผู้ที่จะไปเอาอะไรจากเขา คำว่าทูต ก็ดี คำว่ารับใช้ก็ดี เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเป็นธรรมทูตจึงจะต้องเป็นผู้ที่มีภูมิปัญญาลึกซึ้งมาก ไม่ใช่จะเข้าไปเอาประโยชน์จากที่ไหน ส่งทูตไป คือผู้ที่จะต้องไปให้ไม่ใช่ผู้ที่จะไปสอดแนมคอยเป็นจารบุรุษ เราจะได้ไม่เสียเปรียบเขา แต่จริงๆแล้ว เราจะไปเสียเปรียบด้วยซ้ำไปไปดูซิว่าเราจะไปเสียสละไปให้อะไรเขาได้ ไม่ใช่ว่าเราจะไปเอาเปรียบเขามีแต่เราจะไปทางเสียสละให้แก่เขา นี่คือทูตที่แท้ ผู้รับใช้ที่แท้นี่สิเป็นสิ่งลึกซึ้ง สรุปทีนี้ ภิกษุ เป็นภาษาสันสกฤตบาลีมาจากคำว่าภิกขุแปลว่าผู้ขอ ด้วยภาษาตื้นแปลว่าผู้ขอ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ผู้ขอต้องไปอ่านหนังสือศาสตร์และศิลป์ของการบิณฑบาตที่อาตมาเขียนไว้ ต้องไม่ใช่ผู้ขอ ภิกขุเป็นผู้ให้ แต่คนได้เข้าใจผิดเพี้ยนไปว่ากลายเป็นผู้ขอ ใช่ ตรงที่จะไปเป็นผู้ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา เป็นชีวิตที่ให้ผู้อื่นเขาเลี้ยงไว้ใช่แต่ไม่ใช่ผู้ขอ มันก็ซับซ้อนลึกซึ้ง สรุปว่าภิกขุคือผู้ศึกษาเป็นผู้มาศึกษาเป็นสาวะกะสังโฆ คำว่าสังฆะ หรือสังโฆแปลว่าหมู่พวก ไม่ใช่คนเดียว สาวกภิกขุ หรือสาวกบุคคล สาวกะ แปลว่าผู้ได้ฟัง พุทธสาวก คือ ผู้ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนคำอธิบายพระธรรมอะไรก็แล้วแต่ของแต่ละศาสนาก็แล้วแต่ ก็เป็นสาวกของศาสนานั้น เมื่อผู้ที่ฟังธรรมคนเดียวเกิดขึ้นก็ยังไม่ใช่สงฆ์ เหมือนอย่างที่อาตมาบอกว่าวันอาสาฬหบูชายังไม่ใช่วันพระสงฆ์เพราะเกิดภิกษุรูปเดียว ที่จริงก็เกิดต่อไปเป็นลำดับแต่ว่ามันเกิดเป็นคนแรกแสดงความเป็นภิกษุสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า ส่วนมาฆบูชานั้นเป็นการแสดงความเป็นสงฆ์ มีพระสาวกที่เป็นพระอรหันต์สำเร็จพระอรหันต์อย่างน้อยมารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้ง 1250 องค์ ท่านก็เอาจำนวนนั้นเป็นหลักเท่านั้นเองที่จริงก็น่าจะมากกว่า 1250 วันอาสาฬหบูชา ก็คงจะเป็นวันพระธรรม ส่วนวันมาฆบูชาน่าจะเป็นวันพระสงฆ์ มาสู่คำว่าภิกษุ ที่เป็นภาษากลางๆศาสนาอื่นเขาก็ใช้ ก็คือผู้มาบวชมาปฏิบัติเอาตัวตนเอาตัวเองมาประพฤติปฏิบัติเป็นฤาษีเป็นภิกษุเป็นนักปฏิบัติธรรมเป็นนักพรตนักบวชอะไรก็แล้วแต่ ใช่ทั้งนั้น เป็นผู้แสวงหาสู่ความเป็นผู้ที่สูงที่สุดของความเป็นมนุษย์ ของศาสนาพุทธก็คือนิพพาน นั่นคือภิกษุ ทีนี้ภิกษุ นี่ จะเกี่ยวกับการเมืองไหม การเมืองคืองานของประชาชน ก็ต้องเกี่ยวอย่างยิ่ง แล้วฐานะของตัวเราเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเหมาะสมก็ไปทำงานนั้นได้ อาตมาว่าอาตมาไปทำงานกับการเมือง ไม่ได้ทำเสียหาย ทำได้ดี จนกระทั่งเอาความรู้ความสามารถเอาทุกอย่างไปใช้ไปทำในงานการเมืองนั้น งานอะไร งานรัฐประหารรัฐบาล อาตมารู้อยู่ว่า อาตมาพาไปทำงานปหานรัฐบาล เลยหรือว่าให้ประชาชนไปประหารรัฐบาลไม่ใช่ให้ทหารกองทัพที่เอามีดเอาปืนเอาลูกระเบิด ขู่ แล้วก็ประหารรัฐบาลรัฐบาลก็กลัวอำนาจลูกระเบิด หรืออำนาจของทหาร ที่ควบคุมอาวุธ รัฐบาลนั้นก็ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือไม่เป็นทหารก็ตามประชาชนก็ตามใช้ลูกระเบิดใช้อำนาจอาวุธยุทธภัณฑ์ใช้อำนาจไปปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลนั้น ก็คือ รัฐประหาร หรือปฏิวัติที่โลกเขาทำกันมาโดยใช้อำนาจอาวุธยุทธภัณฑ์ศาสตราไปทำการประหาร หรือปฏิวัติสำเร็จ แต่นี่ไม่ใช่ ไม่ได้ใช้อาวุธอำนาจบาตรใหญ่ แต่ใช้ความจริงกับความสงบไม่รุนแรง ซึ่งเป็นประสิทธิภาพของฤทธิ์ของความจริงที่ถูกต้องยืนยันว่าคุณผิดๆๆๆๆ คุณไม่เหมาะสมที่จะบริหารรัฐบาลคุณผิดยืนยันจนเขาจำนน แล้วก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงไปถึงขั้นทำร้ายทำลายรุนแรงอะไรเลย จนถึงขั้นใช้อาวุธก็ไม่ให้ใช้ ใช้แต่ความรุนแรงอย่างมากก็ มุขสตี ปากหอก ใช้ภาษาใช้คำพูด อาจจะเสียดแทง ใช้มือตบ จนกระทั่งพวกที่ตรงกันข้ามสู้ไม่ได้ก็ทำตีนตบมาสู้ มันหมดทางสู้ก็เอาตีนตบมาสู้ สรุปแล้วคนเจริญถึงเป็นเช่นนี้ได้ถ้าประชาชนคนไทยไม่เจริญไม่รู้ร่วมกันอย่างเป็นพลังร่วมของประชาชนร่วมกันหมดแสดงอำนาจ ที่ไม่ใช่อำนาจบาตรใหญ่แต่เป็นอำนาจคุณธรรมอำนาจความเป็นจริง อำนาจความเป็นฤทธิแรงของความสามัคคีความเป็นหนึ่งเดียว ที่แสดงความเป็นประชาธิปไตย แกไม่มีสิทธิ์ให้แกออกไปก็สำเร็จ แต่พวกที่เขาถูกปฏิวัติออกไปเขายังไม่รู้หรอก เขายังรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ถูกปฏิวัติเขายังจะชนะอยู่ ประชาชนยังเอาเขาอยู่เขายังโง่อยู่ไม่เสร็จ เขาก็นึกว่าเขายังไม่ได้แพ้ เขาก็ไปโทษว่ามีพลเอกทหารไทยมาใช้อำนาจอาวุธใช้อำนาจกองทัพมาปฏิวัติยึดอำนาจซึ่งมันยังไม่สะเด็ดน้ำ การเมืองประชาธิปไตยอันสวยงาม แม้ยังไม่สวยงามสดไม่สะเด็ดน้ำ ซึ่งจริงๆแล้วก็พูดไม่รู้กี่ทีว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ไปใช้อำนาจปืนอำนาจมืดอะไร ตอนนั้นก็ดูเหมือนไม่ได้พกอาวุธอะไรเลย บอกว่าขอยึดอำนาจมันก็ทำได้อย่างสบายไม่ต้องใช้อาวุธใช้ความรุนแรงอะไรเลย นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะเดินดิน…ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องดูกันไปให้ยาวนาน เหมือนคนเป็นโรคเอดส์ไม่ได้ตายเพราะโรคเอดส์แต่ตายเพราะภูมิคุ้มกันต่ำจนถูกโรคแทรกซ้อนจนตาย ประชาชนออกไป ก็ทำให้รัฐบาลอ่อนแอลง เอาความจริงไปบอกจนพวกทรราชเกิดภูมิต้านทานทางศีลธรรมต่ำ จนบางทีมีความผิดเบาบางก็ต้องออกไปเช่นไปทำกับข้าวและไปรับเงินก็ต้องออก พ่อครูว่า..ที่พูดนี้ไม่ได้รับรองตัวเองว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถจริงๆอะไร ไม่ใช่หรอกแต่มันเป็นเหตุปัจจัยที่จะต้องเป็นเช่นนั้น สิ่งนี้จะต้องเกิดต้องเป็นเช่นนี้มันเลี้ยงไม่ได้หรอก อาตมาเกิดมาปางนี้ชาตินี้ต้องมีอะไรอย่างนี้มีเรื่องราวอะไรประกอบอย่างนี้ พร้อมกับที่อาตมามีกรรมใหม่ กรรมเก่าด้วย และกรรมใหม่ที่อาตมาในฐานะพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติกรรมใหม่นี้ไปประกอบด้วย วิบากของอาตมาก็จะมีบ้างถูกเขาชังถูกเขาเล่นงาน เถรสมาคมเล่นงาน ถูกปาแก๊สน้ำตาใส่ แม้ที่สุด ที่อาตมาว่าหนักมากก็คือ เขาขว้างลูกระเบิดเข้ามาแต่ระเบิดกลับไปโดนเสาเต็นท์กระดอนกลับไประเบิดใส่เขาอีกที ซึ่งอาตมาก็อยู่บนเวทีนั่นแหละ ในขณะนั้น ถือไมโครโฟน.. พอระเบิดแล้วมีคนดึงให้อาตมาลงจากเวทีอาตมาก็บอกว่าไม่ลงจะไปไหนก็ต้องอยู่ช่วยกัน อาตมาก็บอกว่าตำรวจบาดเจ็บ ให้เอาเตียงไปรับไปช่วยตำรวจที่บาดเจ็บไป เหตุการณ์พวกนี้ค่อยๆศึกษาค่อยๆเรียงจะได้รู้ว่าอาตมาไม่ได้ทำครั้งเดียวเพื่อเป็นการยืนยันย้ำยืนยัน ขนาดว่าย้ำยืนยันเขายังไม่เชื่อ ย้ำยืนยันอะไรเนื่องรัฐบาลทักษิณตั้งแต่วันที่ 1 ก็ตาม ดูเหมือนเราไม่ได้มีอะไรเลยนะ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ทำทีเป็นทำปฏิวัติและประชาชน เห็นดีเห็นด้วย ก็เอาดอกไม้ไปเสียบปลายกระบอกปืน เขาเอารถถังออกมาเหมือนกันนะ ก็แสดงพลังทหาร อาวุธยุทธภัณฑ์ ประชาชนก็เอาดอกไม้ไปต้อนรับ พอรัฐบาลสมัคร เราก็ปฏิวัติ แต่มีเหตุปัจจัยแค่ไปทำกับข้าวและไปรับเงิน ก็ถูกตัดสินให้ออก พอถึงรัฐบาลสมชาย ยิ่งไม่ได้เข้าทำเนียบเลยพวกเรายึดทำเนียบ จนสุดท้ายสมชายก็ต้องหลุดไป รัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาอีก เราก็ไปทำจนต้องหลุดออกไปรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีความผิดอะไร เป็นแต่เพียงว่าสู้อำนาจของความจริงของสัจธรรมไม่ได้ ก็ประกาศยุบสภา จนกระทั่งอำนาจ บาตรใหญ่ ของทักษิณก็มาเอาน้องสาวกลับมาอีก เอาเสาไฟฟ้ามาลงสมัครลองเลือกตั้งก็ได้ 49 วันก็เนรมิตให้น้องสาวเป็นนายกได้ จนกระทั่งเราไปประท้วงอีกเราไปประท้วงตั้งแต่พ.ศ 2549 จนถึงพ.ศ 2557 ก็มีเว้นวรรคบ้าง แต่ละรัฐบาล จนกระทั่งสุดท้ายก็มาถึงพลเอกประยุทธ์รับหน้าที่ไป ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่ยอมรู้กันทั่วโลกแม้แต่ คนไทยแม้แต่ นักรัฐศาสตร์ปริญญาเอกไม่รู้กี่ใบก็ยังไม่เข้าใจว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ใช่นักเผด็จการ แต่ว่าเพียงแต่รับไม้ผลัดจากประชาชนที่ประชาชนปฏิวัติเรียบร้อยสำเร็จแล้วนี่คือความจริง แต่เขาติดกันที่ว่า พลเอก ประยุทธ์เป็นทหารเท่านั้นแหละ แต่สาระเนื้อแท้จริงๆใครเป็นผู้ ปฏิวัติ รัฐบาล ประชาชนเป็นคนไปปฏิบัติด้วยความจริงความสงบความไม่รุนแรงกับความจริง และความอดทนยืนยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ ทั้งหมดเป็นธรรมาวุธทั้งนั้น แต่ละคนมีความจริงก็เอามาไขจนรัฐบาลจำนน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องของงานเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้นคนที่ไปทำงานเพื่อประชาชนจะเป็นภิกษุหรือจะเป็นฆราวาส ก็เป็นงาน เรียกคำนี้ว่าการเมืองได้ อาตมาไปทำงานนี้ อาตมาได้ไปรับตำแหน่งทางการเมืองอะไรกับเขา จนทุกวันนี้อาตมาไปรับตำแหน่งที่ไหนอาตมาก็ไม่ได้รับตำแหน่งอะไร พวกเราก็ตามไม่ได้ไปรับตำแหน่งอะไรแม้แต่คุณจำลองก็ไม่ได้ไปรับตำแหน่งอะไร ถ้าเป็นความจริงที่จริงเราก็เอาที่ความจริงนั้น อาตมาว่า อาตมาทำงานด้วยความจริงใจและความรู้เท่าที่อาตมามี สรุป คุณสมชายที่ว่ามานี้ ขอยืนยันว่าภิกษุหรือฆราวาสก็ทำงานการเมืองเพื่อรับใช้ประชาชนทั้งนั้นขอให้เข้าใจว่างานเรานั้นไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เป็นงานเพื่อประชาชน สรุปอย่างนี้ก็แล้วกัน _กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพอย่างยิ่ง ผมLIM CHIN HUAT ลิ้มชินฮวด,ฟังรายการนี้จากประเทศมาเลเซีย ฟังแล้วเข้าใจดี ขอบคุณมาก _นิติยา พันธ์สวัสดิ์ : กำลังมีปัญหากับคนคนนึงพอดี เปิดยูทูปมาเจอท่านสมนะเทศน์พอดี นี่คงเป็นวิธีที่ลูกต้องเอาไปปฏิบัติ สาธุค่ะ / ลูกมีคำถามค่ะ น่าแปลกเมื่อคืนลูกฝันว่าเอารถไปทิ้ง แต่ในฝันกลับไปเสียดาย แสดงว่าจิตลึกๆยังห่วงสมบัติอยู่ เราจะกำจัดความรู้สึกห่วงลึกๆแบบนี้ยังงัยดีคะท่านสมณะ พ่อครูว่า…ปฏิบัติต่อไปคุณเริ่มเข้าใจ ได้ตามลำดับ แล้วให้ปฏิบัติตอนเป็นๆนี่แหละตอนตื่นนี่แหละ พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ปฏิบัติในตอนฝัน _พลังเย็น นิยมเพิ่มบุญ : ได้สภาวะค่ะ การยอมแล้วรู้สึกสบายใจเพราะเข้าใจตนเอง กราบขอบพระคุณค่ะ พ่อครูว่า…อาตมาเคยสรุปไว้ว่าการยอมเป็นอันสุดท้ายแต่ไม่ได้ยอมอย่างเสียรู้เสียท่าแต่ยอมอย่างมีสติสัมปชัญญะสมควรจะยอม อย่างอาตมายอม ไม่ได้ยอมอย่างเสียท่าเสียอะไรไป ไม่ได้เสียความจริง ไม่ได้เสียสัจธรรม เป็นการยอมเสียสละ _มั่นใจพุทธ บุญเสร็จ · ก่อนหน้าที่จะรู้จักชาวอโศก เป็นคนจัดดอกไม้ให้วัด(สายวัดป่า)ตามวันสำคัญของศาสนาและงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับทางวัด เป็นการจัดถวายฟรีด้วยความเต็มใจในการจัดแต่ละครั้งค่อนข้างมากและเยอะ มาบัดนี้ได้วางมือมาประมาณ 2 ปีแล้วแต่ทางวัดและคณะกรรมการยังยึดในตัวและผลงานอยู่ อยากให้กลับไปจัดอีก พยายามปฏิเสธเพราะเข้าใจที่พ่อท่านสอน และไม่อยากมอมเมาผู้อื่นอีก แต่ท่านก็รบเร้า จะทำอย่างไรดีหนอ ขอความเมตตาช่วยแนะนำลูกด้วย น้อมกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง พ่อครูว่า…ก็บอกท่านสิ การเล่นดอกไม้ ไม่ใช่กิจของภิกษุ ถ้าหากคุณจำลองบอกก็จะบอกว่าไม่ให้นำดอกไม้มาจัดเวที อาตมาก็ว่าฆราวาสจัด เพื่อประสานเป็นรอยเชื่อมเท่านั้นเอง แต่อย่าง พวกเรานี้ก็มี คุณจำลองว่า นี่เรื่องของภิกษุให้ทำอย่างนั้นได้อย่างไร เขาก็พยายามเคร่ง ผู้คุมกฎก็จะเคร่งครัดมันไม่เสียหายเป็นเรื่องดีแต่เราก็อนุโลมไปตามควร เพราะฉะนั้นคุณเองก็บอกว่าเอาละเป็นครั้งคราว อย่างไรก็คบหากันมานาน ก็ค่อยๆทำให้ท่านรู้ แล้วค่อยๆใช้แทรกยาทิพย์เข้าขุมขน มีศิลปะในการพูดการแสดงให้ท่านรู้ว่าอย่าไปยุ่งมากไปพระในเรื่องนี้ให้ฆราวาสก็ทำเถอะ ฆราวาสที่ยังหลงใหลอยู่ก็จะทำให้ จริงๆแล้วไม่ต้องให้ผมไปทำหรอกใครก็ทำได้ ที่นี่อาตมาไม่ได้ระบุว่าใครจะทำนะใครจะทำก็ได้เอามา โปะๆๆ อาตมาก็เรียนศิลปะมาด้วย ก็เห็นอยู่เขาทำอยู่ก็เป็นศิลปะของเขาจะเข้ารูปเข้ารอยบ้างไม่เข้ารูปเข้ารอยบ้างก็ให้เป็นของเขา คนในโลกก็เข้าใจอย่างนั้น เพราะฉะนั้นศิลปะคือมงคลอันอุดมเขายังอีกไกล ที่จะไปถึงตรงนั้นเราก็เอาเท่าที่ควร ก็สรุปว่า คุณก็ค่อยๆจะอนุโลมช่วยเขาบ้างเล็กๆน้อยๆ แล้วค่อยๆบอกค่อยๆพูด ค่อยไบรรยาย ทำให้เขาเข้าใจ คุณก็ต้องฉลาดที่จะให้เขาศึกษาสัจธรรมที่ลึกซึ้งเพิ่มขึ้นเรียกว่าแทรกยาทิพย์เข้าขุมขนไปด้วยก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่สามารถจริงๆจะตัดได้ก็ตัด มันไม่เสียหลายไม่บาปถ้าพระบอกว่าไม่ไปช่วยจัดดอกไม้ให้พระไม่บาปหรอก ขอยืนยันไม่บาปเลย ฆราวาสถือศีล 8 ก็เลิกแล้ว มาลาคันธวิเลปนธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานะเวรมณี ไม่ต้องไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า _สนอง นิละกุล · รับฟังชมที่ อ.โพนพิสัยไม่เสถียรครับผม พ่อครูว่า…มันเป็นได้ทั้งเครื่องของคุณและเครื่องของเราเพราะตอนนี้เรา ยังไม่เสถียรเท่าไร อาศัยอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง ของเราพยายามจะเพิ่มพลังอยู่ตอนนี้ เราไม่ใช้ดาวเทียม เราใช้ทางอินเทอร์เน็ตแล้วตอนนี้ _ปราโมทย์ จารุเสน · ขอบคุณครับท่านถักบุญที่ชี้ทางอันงดงามให้ _กิตติมา : ช้างชื่อบัวบาน มีนิสัยมักย่อตัวนั่งทุกครั้งที่เห็นพระผ่านมา จนเจ้าของรู้ในที่สุดว่าเขาอยากใส่บาตร พระรับบาตรจากสัตว์ได้ไหม? พ่อครูว่า…คงเป็นคนใกล้ชิดอันนี้ จะให้ช้างใส่บาตรพระ ก็พระรับบาตรจากสัตว์ได้ เขาทำกันอยู่ก็ไม่ได้เป็นความเสียหาย เป็นการให้ ในตำนานก็มี ทุกวันนี้ก็มีอยู่ ก็ไม่เป็นไร ก็ระวังช้างของคุณจะให้ไปทำร้ายพระก็แล้วกัน อย่าให้ตกใจ ก็ดีก็น่าเอ็นดูดี อนุโมทนา สมณะเดินดิน สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin10 กรกฎาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630708_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอนที่ 10NextNext post:630711 เบื้องหลังน้องๆอนุบาลตุ๊กติ้วซ้อมร้องเพลงRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024