630712_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ กัจจานโคตรสูตร มีก็สูญ ไม่มีก็สูญ อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1PSIRN84I5GT-C5u0d9rxTuM0MnaqrIK1AtC6O34t5QA/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1X-ok9lu0uVLLu8qa3Z6ehUSC_hSxNN5u/view?usp=sharing สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้สถานการณ์โควิดในประเทศไทยก็ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ที่อเมริกาติดเชื้อวันละ 6-7 หมื่นคน ที่สหรัฐอเมริกามีการแพทย์ที่ล้ำหน้าและเก่งมาก ประเทศอังกฤษก็เช่นกัน ใครป่วยก็จะรักษาหายได้ทันที มียาชั้นดีเพื่อคนมีสตางค์ เป็นการแพทย์เพื่อการค้า แต่ถ้าใครไม่มีสตางค์ก็จำไม่ได้รับการรักษา การแพทย์เมืองไทยไม่เก่งสู้อเมริกาไม่ได้แต่เป็นการแพทย์เพื่อให้ประชาชนสุขภาพดีแข็งแรงกันถ้วนหน้า ไม่ใช่การแพทย์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเพื่อความร่ำรวย เราควรทำงานเพื่อมนุษยชาติเสียสละเพื่อผู้อื่นมากกว่า เราก็มาฟังพ่อครูที่จะทำให้เราเป็นคนที่เสียสละเพื่อผู้อื่นได้ พ้นสงสารพ้นเวทนา พ่อครูว่า…นั่นเป็นเรื่องจริง ที่ท่านฟ้าไทเกริ่นมาแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ เป็นธรรมะที่ทำให้คนหมดความเห็นแก่ตัวหมดตัวหมดตน ความหมดความเห็นแก่ตัวหมดตัวหมดตนมี 2 ลักษณะที่คนเข้าใจกัน ลักษณะหมดตัวหมดตน โดยที่เอาตัวตนออกไปจากข้างนอกไปเลย พวกลัทธิเชนหนีไปจากโลกเลย แล้วเขาก็ว่าของเขาไม่มีตัวตน กับอีกอย่างหนึ่งไม่ต้องหนีจากโลกเลย แต่รู้ตัวตนที่จริงแล้วลดละตัวตนในตน ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา หมดตัวตนอย่างเด็ดขาดที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แล้วการหมดตัวตนของพระพุทธเจ้าจึงอยู่กับสังคม อยู่กับโลก อยู่กับมนุษยชาติ แล้วจะเกิดพรหมวิหาร เกิดอัปปมัญญา รู้ว่ามนุษย์ทั้งหลายน่าสงสารตกอยู่ในสงสาร มนุษย์ทั้งหลายน่าเวทนานะ เพราะว่าตกอยู่ในเวทนาไม่รู้จักเวทนา ปฏิบัติไม่ลดละเวทนา จนทำให้เวทนานั้นหมดความทุกข์หมดความสุขไม่เป็น นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เรื่องของสงสารเรื่องของเวทนาชัดเจนอย่างนี้ แล้วก็มาสอนให้ผู้คนมาเรียนรู้แล้วก็ลดสงสาร ลดเวทนาที่ตัวเองตกอยู่ในสงสารตกอยู่ในเวทนา จนพ้นสงสาร พ้นจากเวทนาได้ อย่างลึกซึ้งสุดยอด เป็นคนที่หมดสงสารหมดเวทนา ฟังแล้วสับสนหรือไม่? ฟังแล้วรู้สึก ตื้อๆไหม หมดสงสารหมดเวทนาแล้วก็ไม่งงหรือ คือ หมดวน หมดความรู้สึกโลกที่เขายังงุนงงยังไม่รู้จักเวทนา นี่เรารู้จักเวทนาแล้วทำให้เวทนาของตนหมดความเป็นเวทนาที่เป็นทุกข์เวทนา แม้ที่สุด หมดเวทนาที่เป็นสุขเวทนาด้วยเป็น อทุขมสุขเวทนา หรือ อุเบกขา เพราะฉะนั้นสรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนคนให้เป็นคนหมดตัวตน แล้วให้ช่วยผู้อื่น เห็นใจผู้อื่นสงสารผู้อื่น เวทนาผู้อื่น ก็มีชีวิตอยู่เพื่อช่วยผู้อื่นให้พ้นสงสารพ้นเวทนา อย่างที่ตัวเองได้พ้นสงสารพ้นเวทนานั้นๆ เอา..มาโอภาปราศรัยกับ SMS ก่อน SMS วันที่ 10-11 ก.ค. 2563 _บัวดาว พรมเลิศ · กราบบูชาพ่อครูท่านนำพุทธศาสตร์มาเปิดเผยให้รู้หลักปฎิบัติจนเกิดมรรคผลได้ สอนให้รู้หน้าที่พลเมืองดีมีความเสียสละเพื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยที่สละที่แท้จริงค่ะ พ่อครูว่า…ใช่ อาตมาทำอย่างที่คุณว่ามา การรัฐประหารโดยประชาชนอย่างแท้จริง _แก้วตะวัน พวงบุปผา · น้อมกราบนมัสการพ่อครู ท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุและเจริญธรรมญาติธรรมทุกท่าน ฟังพ่อครูเล่าถึงเรื่องที่ชาวอโศกไปทำงานการเมืองแล้วรู้สึกสนุกและนึกถึงบรรยากาศในการฟังธรรม การทำอาหารเลี้ยงประชาชน การฟังปราศรัย…พ่อครูมีบารมีในการนำพาพวกลูกๆไปทำหน้าที่ นำความสงบไปสยบความโหดร้ายรุนแรง เป็นประชาธิปไตยที่เกิดจากพลังของประชาชน..เพื่อส่งต่อให้นายกประยุทธ์ ผู้นำที่มีคุณธรรม ทำงานเข้าตาพ่อครู พ่อครูว่า…ดี เป็นเช่นนั้นเป็นอย่างที่คุณแก้วตะวันว่ามา ที่อาตมาพาทำ เป็นงานการเมือง คุณแก้วตะวันเขารู้สึกสนุกตามที่อาตมาเล่าไปแล้วก็เอามาทบทวนเอามาย้ำ ที่อาตมาเอามาทบทวนเอามาย้ำก็เป็นการสอน เป็นการย้ำให้ผู้ที่ยังเข้าใจไม่ได้ ที่เขาเข้าใจไม่ได้จริงๆ ที่อาตมาพาไปทำนี้อาตมาพาไปทำงานการเมืองหรือทำประชาธิปไตย ไปพาประชาชนไปทำรัฐประหาร รัฐบาล แล้วก็รัฐประหารไปได้ถึง 4 รัฐบาลถึง 5 รัฐบาล ยืนยันความจริง แต่คนไม่เข้าใจว่าการประหารโดยประชาชนเป็นเช่นนี้เองหรือ และเป็นการประหารอย่างเป็นประชาธิปไตยอันสมบูรณ์แบบ คือ ประหารด้วยสัจจะ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ ไม่มีความโหดร้ายอะไรเลย ใช้ความสุภาพเรียบร้อยใช้ความสงบสนิทสุภาพแล้วก็ยืนยันความจริง จนความจริงไปชนะข้าศึกศัตรูหรือรัฐบาลจำนนต่อความจริงว่าเขาผิด เขาแพ้เขาต้องออกไป แล้วให้ผู้อื่นที่สมมุติขึ้นมาทำหน้าที่รัฐบาลแทน แต่รัฐบาลของทักษิณนั่นแหละเป็นตัวจริงเลย(ขอพูดชื่อหน่อย) เก่ง ตัวเองไม่ได้ออกไประเหเร่ร่อนต่างประเทศก็สร้างนอมินีสร้างตัวแทนขึ้นมา 3 – 4 รัฐบาล โอ้โห เก่งจริงๆแต่ประชาชนก็ชนะได้ด้วยรัฐประหารโดยประชาชนนี่แหละ คนเขายังไม่เข้าใจ ว่าเขาฟังไม่ขึ้น เขาบอกว่าอันนี้มันเป็นไปไม่ได้ Impossible มือเปล่าๆเอาความสงบไปฆ่า ผู้ที่มีอาวุธ ฆ่ารัฐบาลที่เขามีอำนาจสั่งการทหาร จะไปปราบผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือ มันไม่ได้หรอก ไม่เชื่อ Incredible ไม่น่าเชื่อ สมณะฟ้าไท เขามีทั้งอำนาจมีทั้งเงินมีทั้งบริวารเยอะแยะมากมาย พ่อครูว่า…แต่มันก็เป็นไปได้และเป็นไปได้ชนิดที่ ….(ทวนอีก) ทางโลกเขาก็ยังไม่เชื่อประเทศต่างๆที่เป็นประชาธิปไตยเขาก็ยังไม่เชื่อ มีหรือในโลกว่าประชาชนที่ไม่ได้เอามีดเอาดาบเอาอาวุธมาทำรัฐประหารมีด้วยหรือในโลก โดยเฉพาะเอาธรรมะมาประหาร เอาอธิปไตยคืออำนาจ อำนาจธรรมะมาประหารได้ด้วยหรือ ซึ่งเป็นรูปธรรมของธรรมะนะ..ที่เราไปทำ แต่ได้จริงๆ มีปรากฏการณ์จริง มีรูปธรรมชัดเจน แต่เขาก็เงอะๆงะๆ และพลเอกประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อ แล้วก็เป็นผู้ที่มียศตำแหน่งเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้าคสช. ก็เลยบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐประหารรัฐบาล ที่จริงแล้วรัฐบาลตอนนั้นไม่มีอำนาจแล้ว มีนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลเป็นคนสุดท้ายที่เป็นตัวแทน การไปยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ก็เพียงแต่ปากเปล่าก็ยึดได้แล้ว แต่มันก็ต้องบอกกันให้รู้เรื่อง คนก็ง่ายๆเพราะมันไม่มีตัวอย่างในโลกยังไม่เคยเกิด ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ประชาชนทำรัฐประหารอย่างสมบูรณ์แบบไม่รู้กี่รัฐบาลอย่าง Absolute สุดยอดเลยเด็ดขาดเลย และพลเอกประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อจากประชาชนไปบริหารประเทศเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเขาเข้าใจไม่ได้ยังงงอยู่ อย่างนี้แหละ ประชาธิปไตย อาตมาถึงบอกว่าประชาธิปไตยในโลกนั้นของไทยเป็นที่ 1 เสร็จแล้วประหารรัฐบาลไปถึง 4-5 รัฐบาล ประชาชนทำเสร็จแล้วนายกขึ้นมาทำงานก็ถึงทำได้เรียบร้อยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพ่อเด็กก็ยังมาให้สัมภาษณ์เลยว่าพลเอกประยุทธ์ให้ทำไปอีก 10 ปีเลย สบายๆเขาทำได้ดี พลเอกชวลิตก็ช่ำชองเคยเป็นนายกฯเคยเป็นทหาร เป็นมาหมดหัวหน้าพรรคก็เป็นมาหมดพลเอกชวลิตเขาช่ำชองคล่องแคล่วในทางการเมือง แต่นักรัฐศาสตร์ จบปริญญาเอกก็ยัง เงอะๆงะๆ ยังไม่เชื่อว่าประชาชนทำรัฐประหารได้ด้วยนะ ยังไม่เข้าใจยังไม่เชื่อ ยังไม่ยอมรับ ยังเห็นว่ารัฐบาลเป็นเช่นนี้อยู่ ที่บริหารอยู่นี้แม้แต่ได้เลือกตั้งแล้วก็ยังบอกว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ สำหรับพวกปากหอยปากปู พวกหาเรื่องก็พูดไป บอกว่าเป็นนายกเผด็จการทหาร ตำแหน่งเขาก็เป็นทหารไม่รู้จะทำอย่างไร นายกประยุทธ์เลยพูดว่าใช่ผมเคยเป็นทหารแต่ตอนนี้ผมเป็นนายกฯ เป็นประชาชน เขาก็ฟังไม่รู้เรื่องแยกไม่ออก ปิดช่องส่องผีได้นี่ดีแล้ว _Boonyakorn Pattanasattaporn (บุญญากร พัฒนสัตถาพร) · ช่องส่องผีนี่แหละตัวร้าย บ่อนทำลายพุทธศาสนา โดยมีบางอาวาสวัดวาสื่อเดรัจฉานวิชากันชัดชัด พ่อครูว่า…ขออภัยขอวิจารณ์เรื่องนี้หน่อย..เรื่องอวิชชาเรื่องความไม่รู้ในสัจธรรม พูดชัดๆก็คือความโง่ ในเรื่องของสัจธรรม วัดต่างๆ หรือว่า ประชาชนแม้แต่ชาวพุทธก็ตามที่ไม่เข้าใจความเป็นผี ไปเข้าใจผีเป็นตัวตน เป็นอะไรที่มันอาละวาด ซึ่งมันไม่รู้จะไปทำความเข้าใจกับเขาได้อย่างไร ผีคือ อยู่ในจิต ผีมันไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากกิเลส ผีนี่เป็นกิเลส เป็นมาร เป็นนามธรรม ก็คืออกุศลจิต เสร็จแล้ว คนไม่เข้าใจก็กลายเป็นอุปาทานสร้างเป็นตัวตนเป็นรูปร่างเป็นอะไรต่ออะไร ไปสร้างนิยายเรื่องผีหลอกกันไป เพราะฉะนั้นคนใดที่ไปสร้างนิยายเรื่องผี ให้มากเรื่อง ให้บานปลาย ไปตกแต่ง ออกแบบ มีความคิดฟุ้งซ่านเป็นตัวพฤติกรรมของผี สารพัดผีลักษณะต่างๆเป็นพวกนรกกินหัวทั้งนั้น พวกนี้ พวกสร้างนิยายเรื่องผี โฆษณาดนตรีให้คนหลงเลอะเทอะ ไม่เข้าใจไม่ศึกษาศาสนาโดยเฉพาะศาสนาพุทธ ที่ให้เรียนรู้เรื่องกิเลสเรียนรู้การล้างกิเลส กิเลสหมดก็หมดความเป็นผีในตัวตน ที่บอกว่า ผี มองเห็นเป็นลักษณะนั้นลักษณะนี้เป็นผีเปรตผีกระสือ ผีก่องก่อย สั่งไปต่างๆนานาสารพัด เป็นอุปาทานที่สร้างขึ้นมาหลอกตัวเองเป็นมโนมยอัตตา แล้วก็ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ มันก็งมงายกันไปจนไม่รู้สุดสิ้น พวกเทวนิยม ศาสนาเทวนิยมเขาไม่งมงายเรื่องผีเหมือนชาวพุทธที่งมงายแบบนี้ แต่ชาวพุทธทำไมงมงายซ้ำซ้อนอย่างนั้น เรื่องผี เปิดช่องโทรทัศน์จ่ายเงินจ่ายทองให้เขาครอบงำความคิดหลอกลวงทำให้มนุษยชาติประชาชนโง่งมงายลงไปหนักกว่าเก่าช่องส่องผีที่ว่า คนที่ทำนั่นน่ะ ดูเหมือนนายบ๊วย(จบสถาปัตย์) เสร็จแล้วก็มาทำครอบงำความคิดคนให้งมงายเข้าไปอีกเยอะแยะ นี่ เขาปิดสถานีนี้ไปเลยก็ดีแล้ว กว่าจะรู้ตัวปล่อยให้ครอบงำความคิด หลอกประชาชนไปเสียตั้งนาน เสร็จแล้วก็ให้พวกพระมาร่วมทำด้วย สะเดาะเคราะห์อะไรต่างๆ พวกมหาเถรสมาคมทำไมไม่จัดการพวกออกนอกลู่นอกทาง ที่ทำให้ศาสนาเสื่อม ทำไมเถรสมาคมไม่จัดการ _Bunphot Lorpipat (บรรพต หล่อพิพัฒน์) : ผมได้เข้าใจเรื่องผีจริงๆจากพ่อครูนี่แหละครับ พ่อครูว่า..ผู้ที่จะรู้จักผีที่แท้จริงคือพระอรหันต์เท่านั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ผู้ที่จะรู้จักผีที่แท้จริงก็คือพระอรหันต์กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น แม้แต่พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีก็ยังรู้จักผีไม่สมบูรณ์แบบ ต้องอรหันต์ขึ้นไปจึงจะรู้จักผีได้ดี พระพุทธเจ้าตรัสไว้เลย ผู้ที่จะรู้จักรู้แจ้งความจริงเรื่องของผี คือพระอรหันต์กับพระพุทธเจ้า _ชายพงไพร บุนิตระกูลพุทธ · ช่วงนี้ก็ยังแสวงหาในภพ.ในกาม.ในพรหมจรรย์อยู่ครับแต่อันใหนไม่รู้มากสุด / ยุคศีล.ยุคสมาธิ.มารอบสุดท้ายนี้ยุคปัญญา..ไหมครับ พ่อครูว่า..มันครบ อาตมาอธิบายมาหมดทุกยุคแล้ว จนกระทั่งเอามายำเส็งหมดแล้ว ตอนนี้ที่พูดอยู่มีครบศึกษาให้ดี ยัญพิธีมีผลคืออย่างไร _1614 ยัญพิธีมีผล คืออย่างไร พ่อครูว่า..ในสัมมาทิฏฐิ 10 หรือ มิจฉาทิฏฐิ 10 ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็คือยัญพิธีไม่มีผล ผู้ที่สัมมาทิฏฐิก็คือยัญพิธีมีผล เรียกว่า อัตถิยิฏฐัง ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็เป็น นัตถิยิฏฐัง ท่านแปลเต็มๆว่า ยัญที่บูชาแล้ว ยัญ คือ วิธีปฏิบัติ แล้วพฤติกรรมพฤติการณ์ของการปฏิบัติ มันรวมใน ยัญ มีพิธีการและมีความรู้ความเข้าใจในวิธีปฏิบัติ แล้วก็ทำพิธีปฏิบัติด้วย ทำแล้วเรียก ยัญพิธีที่บูชาแล้ว รู้จักวิธีปฏิบัติแล้วลงมือกระทำการปฏิบัตินั่นแล้วมีผลหรือไม่มีผล ทีนี้เอาภาษาโบราณมาเรียก ยัญพิธีมีผลแล้ว กับไม่มีผล ก็เลยไปเข้าใจตาม concept มีว่า ยัญพิธี ก็ต้องมีพิธีแบบโบราณในการบูชายัญ เช่นเอาแพะเอาแกะมาเผาไฟ หรือวิธีอะไรเลอะเทอะที่จริงก็คือวิธีปฏิบัติ ทฤษฎีที่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นผู้ที่ 1 รู้จักทาน ในสัมมาทิฏฐิ อันที่ 2 ยิฏฐัง ปฏิบัติตามวิธีการและเกิดมรรคผลหรือไม่ เพราะฉะนั้นการทำทานทุกวันนี้ไม่มีมรรคผล ทานแล้วจิตที่มีกิเลสโลภจัดขึ้น ทานแปลว่า ล้างกิเลสออกจากโลภ ทานนี่เสียสละออก กำจัดกิเลสตัวโลภ แต่ทำทานแล้วจิตก็ยิงขี้โลภ อยากได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมา การทำทานแล้วแทนที่จะลดกิเลส แต่จิตใจกลับที่โลภหนักกว่าเก่า มีภพสวรรค์มีนรกมีอะไรเยอะแยะไปหมดเลย อ่านจิตเจตสิกไม่ออก ขยายไม่ออก โยนิโสมนสิการทำใจในใจไม่เป็น ไปนั่งสะกดจิต ปฏิบัติศีลก็อย่างหนึ่ง ปฏิบัติสมาธิก็ไปนั่งสะกดจิต มันไม่รู้เรื่องถึงการสัมผัสแล้วอ่านกิเลสแยกกายแยกจิต กิเลสมันปนในจิต แล้วเอากิเลสนั้นมาพิจารณาให้เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวตน มันเป็นสัตว์ มันเป็นอาคันตุกะ มันเป็นตัวที่เข้ามาทำลายจิต แล้วก็มีปัญญาอันยิ่งเห็น จนกิเลสมันยอม กิเลสมันไม่สู้หน้าปัญญา ปัญญาก็ทำลายกิเลส เขาไม่ได้ทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าได้เพราะฉะนั้นมันก็เลยออกนอกลู่นอกทาง เลอะเทอะไปกันใหญ่ ยัญพิธี ก็เลยไม่มีผล ยัญพิธีจะมีผลอย่างไรก็เรียนรู้ให้สัมมาทิฏฐิ อย่างที่อาตมาสอนไปแล้วเราจะมีวิธีการการลดกิเลสไปได้ตามลำดับๆๆ ไม่ตัดลัด ไม่ตะกละตะกราม จะได้ผลเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท… การทำทานต้องยิ่งหมดตัวตน ยิ่งให้ไปยิ่งได้สบายมา พ่อครูว่า… _9309ขอถามจริงๆเถอะครับชาวอโศกที่ตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ มีระลึกชาติได้บ้างหรือยังครับหรือ มาเกิดแล้วเริ่มฉายแวว มาเป็นกำลังสำคัญเพื่อพัฒนาสังคมชาวอโศกได้บ้างหรือยัง กลัวจังเลยครับไปเกิดผิดที่ไปเกิดสำนักอื่น หรือเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ ผมว่าบารมีท่านที่ตายไปแล้ว ท่านทำความดีไว้เยอะน่าจะฉายแววได้แล้วนะครับ อย่าให้มันนานเกินไป อย่ามองเป็นเรื่องไร้สาระนะครับ การเวียนว่ายตายเกิดการระลึกชาติได้ ขอบคุณครับ พ่อครูว่า..ตอบ จะเกิดหรือไม่เกิดมาถ้าอาตมาเป็นพระพุทธเจ้าก็จะบอกได้ ตอนนี้อาตมาไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เลยไม่มีความสามารถไม่มีความรู้ยิ่งถึงขั้นขนาดจะไปรู้ว่าชาวอโศกเรานี้ตายไปแล้วจะมาเกิดกลับแล้วก็มาระลึกชาติได้ ทีนี้คำว่าระลึกชาติได้ การระลึกชาติได้ เราเข้าใจตื้นๆง่ายๆเพียงแต่ว่า พอคนที่เกิดมาในชาตินี้ก็นึกไปได้ว่าเราเคยเกิดเป็นนาย ก นาย ข หรือเป็นนาง ก นาง ข มีตัวตนอย่างนั้นมีโคตรตระกูลอย่างนั้น มีรูปร่างผิวพรรณอย่างนั้นมีความรู้อย่างนั้น มีวิถีชีวิตอย่างไรตายอย่างไรตายไปแล้วก็มาเกิดเป็นอันนี้ เขาก็จะระลึกชาติเป็นตัวตนเป็นรูปเป็นร่างไป แม้แต่ในพระไตรปิฎกบุพเพนิวาสานุสติญาณท่านก็ไปอย่างนั้น ทั้งที่ไม่มีคำว่าคนแบบมีตัวตน ต้องเข้าใจท่านอย่างนั้น ความจริงแล้วการระลึกชาติ คำว่า ชาติ คำนี้ มันเป็นความรู้ ชาติ สัญชาติ โอกกันตะ นิพพัตติ อภินิพพัตติ ในพระไตรปิฎกท่านสอนไว้ท่านแยกให้ฟัง ว่า ชาติ มันมีอะไรบ้าง ก็มีชาติ 5 อย่างนี้ ชาติ เป็นความหมายกว้างๆ สัญชาติ เช่น สัญชาตญาณ สัตว์โลกตายแล้วเกิดก็มีสัญชาตญาณติดตัวมา หมายความว่าความรู้ การเกิดความรู้ที่มันติดตัวมา เพราะฉะนั้นสัตว์ก็มีสัญชาตญาณของสัตว์เกิดมามันก็รู้ หมีแพนด้าลูกมันออกมาก็วิ่ง หรือจิงโจ้ลูกออกมาก็วิ่งมาหาเดินมาหากระเป๋าพ่อมัน คนก็มีสัญชาตญาณของคน มันก็รู้วิธี อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันสืบต่อกันมา นั่นคือระลึกชาติได้มันจำได้ ว่าความเกิดอย่างนี้ความเป็นอย่างนี้ความมีอย่างนี้คืออะไร อ๋อ เราเกิดมาอย่างนี้ เรามีอย่างนี้เป็นอย่างนี้มันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติเป็นไปได้นี่คือกันระลึกโดยอัตโนมัติ ส่วนการระลึกชาติใดที่สูงกว่านั้น ก็คือ การระลึกถึงสิ่งเก่า ถ้าเป็นคนที่สามารถฝึกฝนระลึกในทางตัวตนอย่างนั้นก็ใช่อย่างเช่นพระพุทธเจ้าหรือผู้ที่สามารถศึกษาฝึกฝนอย่างนี้ได้โดยตรงก็ระลึกชาติก่อนเป็นคนนั้นคนนี้ได้ ซึ่งส่วนมากมันไม่จริง ส่วนมากเดา ส่วนที่จริงมันมีแต่มันก็ต้องมี ภูมิธรรม ที่ได้ศึกษาฝึกฝนมาจริง การระลึกชาติอย่างมีตัวตนอย่างนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากมายเป็นการซ้ำซากจากอดีตที่ผ่านมา แต่ระลึกชาติ คือความรู้สัจธรรมที่เราเคยปฏิบัติมาเคยรู้มาได้ อย่างอาตมาเอามาพูดเอามาสอนนี้เป็นความรู้ ระลึกเอามาจากของเก่าทั้งนั้น นี่คือการระลึกชาติที่ประเสริฐที่วิเศษ ระลึกชาติ ที่เป็นประโยชน์มหาศาล นี่คือการระลึกชาติที่ ขอขยายความอธิบายให้ฟังให้ดีอย่างเข้าท่า ไม่เช่นนั้นก็ไประลึกชาติยังไม่ได้เรื่องได้ราว ทีนี้คุณคนนี้บอกว่า กลัวจะไปเกิดที่อื่นซึ่งเราห้ามไม่ได้หรอกถ้าจะเป็นเช่นนั้น มันมีวิบากไปตรงนั้นตรงนี้ก็ได้ แล้วก็แล้วแต่ จะหลุดออกมาได้ด้วยบารมี หากไม่มีบารมีก็ตกไปอีก ไม่รู้กี่ชาติจักกี่ชาติ แล้วบอกว่ากลัวมันจะไม่ได้กลัวจะเนิ่นนานกลัวจะไม่เสียประโยชน์อะไร คุณไปห่วงหาอาวรณ์คนอื่นไม่ได้หรอก เอาตัวของคุณเองก่อน _Thakrit Phimlamart (ฐกฤต พิมละมาตย์) : กราบนมัสการท่านพ่อครูและท่าน สมณะสิกขมาตุทุกรูป ด้วยความเคารพยิ่ง ติดตามชมและรับฟังธรรมมะ อันเป็นมงคลยิ่ง ผมได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานานแล้ว พึ่งจะได้เข้ามาติดตามผลงานของท่าน ช่วงมาอยู่กับลูกสาวคนที่2 ที่บาร์เซโลน่า ช่วงที่2 เมื่อมีโอกาสคงได้กลับมากราบท่านที่ราชธานีอีกครั้ง กราบขอบพระคุณมากครับ พ่อครูว่า..อาตมารู้สึกชื่นใจกับคนที่เห็นสาระเป็นสาระได้มาพบธรรมะที่อาตมาพยายามขวนขวายพูดและอธิบาย หลายคนก็รู้สึกว่าเป็นสาระเป็นที่น่าได้นะมีหน้าเป็นแล้วก็ติดต่อตอบรับกันมา โอภาปราศรัยกันมาบอกให้รู้ว่าสนใจอยู่นะติดตามอยู่นะก็รู้สึกชื่นใจ เพราะอาตมาเห็นว่า คนพวกนี้เป็นคนที่ไม่โมฆะ พวกที่ไม่สนใจธรรมะเป็นผู้ที่เกิดมาชาติหนึ่งชาติหนึ่งก็เป็นโมฆะบุรุษ อาตมาเคยแปลไว้ว่า (โยมว่า… ชิงหมาเกิด) คนที่เกิดมาแล้วไม่ขวนขวายเอาธรรมะ เกิดมาก็ไปตามโลกไปแย่งชิงอะไรต่างๆนานาตามเขา แย่งชิงอำนาจการเมืองกันไป หรือไม่ก็แย่งชิงแฟชั่น มันโมฆะจริงๆ เกิดมาให้คุณตูบมาได้ร่างนี้แทนสิดีกว่า เสียดายร่างคนทั้งร่าง เกิดในวงการเมืองไทยที่เป็นศาสนาพุทธด้วยมันน่าเสียดายจริงๆ _จากลูกศิษย์พระวัดป่า ๑. กราบขอบพระคุณที่ท่านตอบคำถามในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ๒. ขอบพระคุณที่ให้องค์ความรู้ จากท่านผู้มีสภาวะธรรมที่แท้จริง ๓. ขอบพระคุณที่ทำให้ลูกศิษย์สายพระวัดป่า มีโอกาสได้กินอาหารสุขภาพจากร้านพลังบุญ ๔. ขอให้พ่อครูมีสุขภาพดี เปิดเผยธรรมะดี ๆ ได้นานนาน พ่อครูว่า..ถามมานึกว่าจะไม่เห็นด้วย แต่นี่เป็นผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม “อัญญาสิวตโภ ลูกศิษย์พระวัดป่า” ท่านเกิดอัญญธาตุ มีดวงตาเห็นธรรมพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้วมีธาตุรู้ที่เคยงมงายในโลกียธรรมเท่านั้น กำลังได้มีอัญญธาตุที่จะเกิดเป็นอัญญา ที่เป็นความรู้โลกุตระที่จะมาเป็นปัญญา คุณเริ่มเกิดแล้ว เกิดเห็นเกิดเข้าใจ ก็ดีใส่ใจติดตามเรียนรู้แล้วจะได้รับประโยชน์ที่แท้จริง _อาตมาตั้งใจจะนำพระสูตร กัจจานโคตรสูตร [42] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระกัจจานโคตต์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ที่เรียกว่าสัมมาทิฐิ สัมมาทิฐิ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ จึงจะชื่อว่าสัมมาทิฐิ ฯ [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี 1- 1 ความไม่มี 2- 1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลกด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ) ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความมีในโลกย่อมไม่มี โลกนี้โดยมากยังพัวพันด้วยอุบายอุปาทานและอภินิเวส แต่พระอริยสาวก ย่อมไม่เข้าถึง ไม่ถือมั่น ไม่ตั้งไว้ซึ่งอุบายและอุปาทานนั้น อันเป็นอภินิเวสและอนุสัยอันเป็นที่ตั้งมั่นแห่งจิตว่า อัตตาของเรา ดังนี้ ย่อมไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าทุกข์นั่นแหละ เมื่อบังเกิดขึ้น ย่อมบังเกิดขึ้น ทุกข์เมื่อดับ ย่อมดับ พระอริยสาวกนั้นมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล กัจจานะจึงชื่อว่าสัมมาทิฐิ ฯ [44] ดูกรกัจจานะ ส่วนสุดข้อที่ 1 นี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่ ส่วนสุดข้อที่ 2 นี้ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มี ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ … ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ … ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ จบสูตรที่ 5 พ่อครูว่า…รู้ความมีกับความไม่มี ผู้ที่รู้ความมีกับความไม่มีก็ยังรู้ความมีและความไม่มีนั้นอยู่ แต่ไม่ไปข้องแวะกับความมีและความไม่มี ตัวเองเป็นคนกลางๆ จิตทำจิตกลางๆแล้ว แล้วทำให้จิตนี้ไม่มีอันตา มันไม่ไปมีส่วนมีฝ่ายมีข้างสัมพันธ์ดึงดูดเกี่ยวข้องอยู่กับข้างหนึ่ง อันตา คือ กาม อีกหนึ่งอันตาคือ อัตตา ไม่เข้าไปมีทั้งกามและอัตตา จึงเรียกว่าคนเป็นกลาง ท่านแปลจากมัชฌิมา ท่านไปแปลว่า ทางสายกลาง ตัว มัชฌิมะหรือมัชเฌนะแปลว่าจิตกลางๆ ท่านไม่มีความรู้ลึกซึ้งพวกนี้จึงแปลว่ามัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลาง มันไม่ผิดแต่มันก็ทำให้เข้าใจผิดแต่ว่าไปเน้นทางสายกลาง ที่จริงจะเน้นอย่างนั้นก็ได้ มันเป็นทางปฏิบัติ วิธีปฏิบัติที่จะปฏิบัติเข้าไปสู่ความเป็นกลาง แต่เมื่อไปเน้นทางสายกลาง ก็เลยไปเข้าใจผิดกันว่าทางเดินกลางๆ เพราะฉะนั้นเดินอย่างไรปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติเป็นทางสายกลาง ก็เดินไปในกลางๆของดงกันดารไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีอาหารกินแล้วก็ฆ่าลูกกิน แล้วก็เดินกินเนื้อลูกไปแล้วก็บอกว่าลูกข้าพเจ้าไปไหนหนอ ซึ่งคำเปรียบเทียบของพระเจ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆสำหรับคนงมงาย งมงายจนไม่รู้ว่าตัวเองเดินอยู่ในดงกันดาร ไม่รู้ว่าเดินไปทางไหน ความเป็นกลางเดินอย่างไรจึงจะหมดความเป็นสองข้างอันตา ส่วนสุดโดยสองข้าง อย่างไรถึงจะหมด อันนี้คือธัมมจักกัปปวัตตนสูตร (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท…เขาว่าชาวอโศกปฏิบัติเคร่งเกินไปก็ควรปฏิบัติให้กลางๆจะได้อยู่ด้วยกันได้จะไปลำบากลำบนอะไรนักหนามีกินก็กินไป กินให้มันพอดีพอดีอย่างนี้ เข้าใจว่าพวกเรา สู่แดนธรรม…ช่วงนี้ขอโอกาสพ่อท่านเล็กน้อย ก่อนเข้ารายการมีผู้เรียนกับผมว่า พ่อท่านวันนี้ใช้เสียงมาก ผมก็เลยจะได้อธิบายช่วย พระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้สั้นๆ พระพุทธเจ้าตรัสโลกนี้ส่วนมากมีแค่ 2 เพราะสมัยนั้นมีสำนักต่างๆที่ยึดถือว่าสำนักตนเองเท่านั้นจะถูกต้อง สำนักอื่นสูญเปล่า เช่นทิฏฐิที่ว่าโลกนี้มีกับโลกนี้ไม่มี สองฝ่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน หรือโลกหลังความตายเป็นอย่างไร มันเป็นคู่ๆ 10 ความเห็น พระสาวกพระพุทธเจ้าก็มีสองฝ่ายเหมือนกัน มีความรู้เรื่องโลกสมุทัย สายเกิด ถ้าท่านสาวกองค์ไหนเห็นสายเกิดอยู่ ท่านก็ย่อมไม่เห็นความดับ ท่านก็ว่า ความไม่มีย่อมไม่มี ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าความมีคือการเกิดมันจะต้องไม่มี ท่านก็บอกว่าต้องไปดับก็บอกว่าความมีในโลกย่อมไม่มี ถ้าสาวกเข้าใจทั้งสองส่วน แต่พ่อท่านก็ไม่เข้าไปถือมั่นในฝ่ายดับหรือฝ่ายเกิด พ่อครูว่า…ใช้ได้ จริงๆความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น ท่าน ตรัสรู้โดยไม่ได้ไปทำลายอะไรของใคร ในโลกนี้มีอันที่ผิดเขาก็ผิดอย่างนั้นไปทำร้ายเขาไม่ได้หรอก นอกจากจะช่วยให้เขาได้รับรู้และเข้าใจเหมือนอย่างที่เราเข้าใจแล้วก็เรียนรู้เลิกสิ่งที่ตัวเองหลง หลงติดในอะไรฝ่ายไหน จริงๆแล้วก็หลงไปทั้งสองอย่างเลยทุกวันนี้ หลงทั้งกาม หลงทั้งอัตตา มีครบหมด ทั้งกามและอัตตา นัวนัง จะแยกแยะให้ฟังแต่ละอันยากมากเลย พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เป็นลำดับๆๆ ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 เป็นข้อหลักเกี่ยวกับคน เกี่ยวกับสัตว์ เราก็จะต้องรู้จักการสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแล้วก็เรียนรู้กัน หรือ ช่วยอธิบายเราได้แล้ว บรรลุแล้ว เราไม่เป็นสัตว์แล้วเราเป็นมนุสโส เป็นผู้ที่มีจิตสูงแล้ว หายจากความเป็นสัตโต เพราะเข้าใจกายเข้าใจสัญญาครบสัตตาวาส 9 กายต่างกันสัญญาต่างกัน กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ก็เข้าใจชัดเจนว่ากายคืออย่างไรสัญญาคืออย่างไรแล้วก็ปฏิบัติ พิจารณาได้ เช่น พิจารณาตั้งแต่ กาย กาย จริงๆแล้วเริ่มตั้งแต่กายมีภายนอก และมีข้างในด้วย กายต้องมี 2 เสมอ ไม่มี 1 ไม่ใช่หมายถึงวัตถุร่างภายนอกอย่างเดียว ถ้าเป็นกายจะต้องมี 2 เพราะอะไร เพราะคำว่า กาย นี้มันเป็นจิตนิยาม ไม่ใช่พีชนิยามหรืออุตุนิยาม เช่น กายของดินก้อนหนึ่ง ไม่มี กายของเพชร กายของทอง.. วัตถุไม่มีกาย กายของฟักทองมีลูกขรุขระหนอ ไม่เรียกว่ากายหรอก อุตุ พีชะไม่เรียกว่ากาย จิตนิยามขึ้นไปเรียกว่ากายได้ เพราะฉะนั้น คนที่มีจิต จะต้องมีอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกรู้ก็คือรูปและนาม กายจึงต้องมีรูปและนาม รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ นาม คือ จิตนิยาม ของตัวเราเป็นตัวไปรู้ ตัวถูกรู้ก็คือ object ตัวเราเป็น Subject _สู่แดนธรรม..ผมขอถอยไปที่กัจจานโคตร ที่พ่อท่านอธิบายสำนักอโศกมีความถูกต้อง แต่พวกลูกศิษย์วัดป่าที่ศึกษาธรรมะเขาก็จะเพ่งโทษ มองพ่อท่านว่า เป็นพวกที่ยึดถือในลัทธิหรือสำนักในสมัยพระพุทธเจ้าที่ถือเอาว่า สำนักของเราเท่านั้น ที่จะบริสุทธิ์ พ่อครูว่า…อาตมาจะบอกว่าเราดีเราถูกถ้าบอกว่าเขาผิด นั้นไม่ใช่ความผิดแต่มันเป็นการบอกความจริง ด้วยใจบริสุทธิ์บอกให้รู้ว่าอันนั้นมันผิดนะ ผู้ที่มี ปรโตโฆษะ ผู้ที่ฟังเสียงคนอื่นก็จะรู้สึกสะดุดว่ามันผิดหรือผิดอย่างไร แต่พวกที่มีอัตตามานะยึดถือว่าไม่ผิดหรอก อย่างไรเขาก็จะไม่ฟัง ไม่มีปรโตโฆษะ คุณก็จะยึดถือกับสิ่งที่คุณมี ถ้าสิ่งที่คุณมีมันเป็นความรู้ถ้ามันถูกต้อง แล้วความรู้ความจริงที่ถูกที่คุณประพฤติปฏิบัติมันถูกต้องแล้ว คุณก็ต้องมีโยนิโสมนสิการ คุณก็จะต้องทำใจในใจของคุณให้สามารถ ทำใจให้ ถูกต้อง บรรลุ ด้วยการทำใจในใจถูกต้อง อย่างน้อยเอาสูตรใดสูตรหนึ่งมาจับ คุณจะต้องปฏิบัติสูตรนั้นเช่น มูลสูตร คุณจะต้องทำการมนสิการเป็น ถูกต้องเกิดจริงมีแดนเกิดมีสัมภวะ มีมนสิการ การทำใจในใจของคุณจะต้องมีที่ที่เกิด แดนเกิดและการเกิดแดนเกิดของคุณ จะต้องเกิดจากมีเหตุปัจจัยในการปฏิบัติ คือผัสสะ ถ้าไม่มีผัสสะ คุณก็ไม่มีเวทนาที่จะเป็นที่ประชุมลง ปฏิบัติให้เกิดผลแล้วก็ประชุมลงไปเช่น สภาวะ 2 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 หากมีผัสสะมีเวทนาในการปฏิบัติก็จะทำให้ธรรมะ 2 รวมเป็นหนึ่งได้เพราะเป็นมูลเป็นรากเหง้า คุณจะต้องมีความยินดีมีฉันทะเป็นมูล ถ้าไม่มีความยินดีเช่นคุณฟังอโศกแล้วคุณไม่ได้ยินดีในอโศกเลย คุณจะไม่มีทางมนสิการเป็น ไม่ถูกแดนเกิดเพราะคุณจะไม่ปฏิบัติอย่างมีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีผัสสะเป็นสมุทัย คุณจะไม่มีเวทนาไม่เกิดสโมสรณา หรือปฏิบัติเวทนา 108 จนเป็นเองเป็นเอกคตา สโมสรณาได้ เพราะฉะนั้นสมาธิที่คุณจะได้ก็เป็นมิจฉาสมาธิออกไปนอกหมด ไล่ไปเป็นสติปัญญาอะไรไม่ได้เลย นอกจากสมาธิเป็นโมฆะแล้ว สติก็ไม่ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าคือผู้ที่ตื่นลืมตามีการตื่นลืมตาทางกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมมีสติเต็มรอบถึงพร้อม สติคือความตื่นเป็นอำนาจอธิปไตยทั้งโลก โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย อัตตาธิปไตย สติของคุณจะมีครบสมบูรณ์เป็นอธิปไตยอย่างนี้เลย ปัญญานั้นเป็นโลกุตระเป็นอุตตระ คุณไม่มีทางจะเกิดปัญญาที่เป็น อัญญะธาตุ เป็นความรู้ โลกุตระ ปิดประตูเลย เพราะฉะนั้นวิมุตที่จะต่อจากปัญญา อมตะต่อจากวิมุตก็หมดทางเลย คุณไม่มีวิมุติคุณเป็นอมตะบุคคลไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเลย สรุปแล้วคุณ ไม่มีผัสสะ ในทางปฏิบัติพวกนี้ ผัสสะเป็นสมุทัยก็โมฆะไปจากศาสนาพุทธ นี่คือต้นรากของศาสนาพุทธจากมูลสูตร _สู่แดนธรรม..ผมฟังแล้ว พ่อท่านไม่ใช่คู่ชกของเขา รู้สึกว่าพ่อท่านเป็นกรรมการเป็นบุคคลที่ 3 เวลามีการตอบปัญหา เขามองว่าพ่อท่านเป็นคู่ชก ไม่ใช่ พ่อท่านเป็นกรรมการคอยชี้ถูกชี้ผิดต่างหาก กรรมการต้องชี้ถูกชี้ผิดได้ พ่อครูว่า…คนที่ตั้งใจฟังด้วยดีผู้มีเจตนาดีแล้วก็เอาสิ่งที่ถูกสิ่งที่ดีอธิบาย ก็น่าจะเข้าใจได้ดี อาตมาทำงานมาถึง 50 ปี อาตมาเอาพระไตรปิฎกมายืนยันเข้าไปเรื่อยๆยืนยันอย่างละเอียดลึกซึ้งไปเรื่อยๆ ต่างจากฝ่ายของคุณที่ทิ้งพระไตรปิฎกไปเรื่อยๆ หนักเข้า จะไม่อ่านพระไตรปิฎกหลับตาลูกเดียว อย่างนี้มันจะเข้าท่าหรือ อาตมานี้ เอาพระไตรปิฎกอ้างอิงแล้วก็ยืนยันว่าเกิดผลจริงตามพระไตรปิฎกว่าเกิดหมู่คนที่มีสาราณียธรรม 6 เกิดสังคมที่มีวรรณะ 9 เกิดสังคมที่เป็นคนจน ตาม หลักธรรมของพระพุทธเจ้า พระสูตรที่พระพุทธเจ้ายืนยัน เป็นสังคมสุขสำราญเบิกบานใจ เป็นสังคมที่มี สาธารณโภคีด้วย ยืนยันได้ด้วยความจริงไม่ใช่พูดแต่ปากเปล่า สาธารณโภคีนี้ยิ่งใหญ่จริงๆอาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรพูดไปก็จะยกย่องตัวเอง ที่จริงได้เป็นของพระพุทธเจ้าสุดยอดเลยสาราณียธรรม 6 นี้ ต้องอยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมเมตตาวจีกรรมเมตตามโนกรรมและก็อยู่กันอย่างสาธารณโภคี ทำงานทำการสร้างสรรอยู่ในนี้ได้แล้วก็… อ้าว ไปเก็บมันไปช่วยกันขุดก็เอามารวมกองกลาง เต็มมัน …อ้าว ไปเก็บอะไรก็แล้วแต่เป็นผลผลิตเราก็ได้เป็น ลาภโดยธรรม ลาภธัมมิกา เราก็เอามารวมกันกินใช้ร่วมกัน มันเย้ยประชาธิปไตยเย้ยคอมมิวนิสต์ เศรษฐกิจสาธารณโภคี เย้ยทั้งคอมมิวนิสต์และประชาธิปไตยในโลก เพราะคนสาธารณโภคีเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ สร้างสรรผลิตอะไรได้ก็เข้ากองกลางไปหมดเลย ฟังเป็นไหม? ฟังเข้าใจไหม? ฟังรู้เรื่องบ้างไหม นี่พิสูจน์ความจริงนะอาตมาไม่ได้พูดปากเปล่า เอาคนมาเรียนรู้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า เข้าใจแล้วก็มาปฏิบัติตามจนเป็นจริง เป็นคนที่ มาอยู่ในกลุ่มนี้มีวิธีปฏิบัติตน ทำงานพ้นจากมิจฉาชีพ 5 ข้อที่ 5 พ้นลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา คือทำงานแล้วจะได้ผลผลิตแล้วไม่เอาไปแลกเปลี่ยนคืนไป มีฟักทองเอามาแลกเงินก็ไม่ใช่ พ้นมิจฉาชีพที่จะต้องการสิ่งแลกเปลี่ยนในลาภต่างๆ มีแต่การแบ่งกันกินใช้ เป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าว่าไม่เป็นการโมฆะไม่เป็นหมัน ท่านตรัสไว้และมีคนปฏิบัติตามได้ผล ซึ่งเขาหาว่าแบบนี้มันสุดโต่งไป แล้วพวกคุณที่พูดนั้นสูงส่งนักหรือ ก็ทำไมคนสามารถปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าได้คนที่ไม่ถึงกับเป็นคนจีเนียส เป็นเปรียญ 9 มีปริญญาเอกอะไรก็มี แต่ทำไมไม่เข้าใจตรงกับพระพุทธเจ้าแล้วสร้างสังคมที่เป็นสาธารณโภคีสร้างสังคมสาราณียธรรม 6 ต่างๆพวกนี้ทำไมไม่ปรากฎบ้าง ขนาดนี้วงการศาสนาเขาก็ยังเป็นสาธารณโภคีไม่ได้เลยนะทุกวันนี้ ต้องออกกฎหมาย นี่เงินของส่วนตัวพระภิกษุนะ นี่เงินของวัดนะ นี่เงินของคนนั้นคนนี้นะ อย่ามั่วโกงกันนะ อย่างนี้จะมาบวชทำไม พูดแล้วเมื่อย มันอย่างว่า อาตมาพูดไป ก็เหมือนไปข่มเขา ดูถูกดูแคลนเขามากไป ก็ขออภัย เข้ามาสู่เนื้อหาสาระ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้มันครบหมดเลยในปฏิจจสมุปบาทก็อยู่ในนี้ แยกโลกสมุทัย โลกนิโรธก็อยู่ในนี้ แล้วก็เป็นผู้ปฏิบัติจนรู้ปฏิจจสมุปบาททั้งสาย แล้วก็เรียนรู้สมุทัยอริยสัจ ดับสมุทัยอริยสัจเป็นนิโรธได้เลย ผู้ที่สามารถรู้ทั้งสองอย่าง รู้โลกสมุทัยรู้โลกนิโรธ บรรลุเสร็จแล้ว ท่านก็อยู่กับโลก มีทั้ง 2 อย่างไม่มีทั้ง 2 อย่าง จบเป็นคนชัดเจนมีปัญญาอันยิ่ง โดยเป็นผู้ที่รู้แจ้งด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง และ มีญาณหยั่งรู้ แต่เรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย เชื่อสนิทใจ อปรับปัจจยาญาณ เอเมสวัสสะ เอตถะ โหติ เป็นความรู้ที่รู้จริงเป็นจริงไม่ต้องเชื่อใครเพราะมีปัญญาอันยิ่ง มีปัญญาอันชอบตามเป็นจริงมาแล้วทั้งหมดเลย รู้จักเหตุปัจจัยที่เป็นปจยการตามปฏิจจสมุปบาท แล้วคุณก็อยู่กับโลกกับสิ่งที่มีและไม่มีนี้ โดยที่คุณไม่มี ถ้ามีโดยที่คุณไม่มีทั้งไม่มี คำว่ามีกับไม่มี เป็นภาวะ 2 อย่างที่ผู้รู้ 2 อย่างแล้วเป็นผู้ที่มีสิ่งที่ 3 คือ มีก็ไม่มี ไม่มีก็ไม่มี เอาอย่างนี้ก็ได้ มีก็ไม่มี มีก็สูญ ไม่มีก็สูญ อย่างนี้พอได้ ไม่อย่างนั้นจะไปซ้ำคำว่าไม่มี แล้วเราก็อยู่อย่างสูญนี่แหละสบาย อาตมาพูดแล้วก็พูดอีกภาคภูมิใจที่ให้พวกเรามาอยู่กับความที่สามารถมีสูญได้ เป็นคนที่ไม่ต้องมีรายได้ ไม่ต้องมีตัวตน มันสูญถึงขนาดนั้น ไม่ต้องมีรายได้ไม่ต้องมีสมบัติเป็นเราเป็นของเรา มีแต่ของส่วนกลางแต่เราจะอาศัยเหตุปัจจัยเป็นบริการบ้างก็เอา ที่จะใช้พอสมควรไม่ได้มานั่งกอบโกยสะสม ส่วนคนที่จะแฝงมาในนี้มานั่งกอบโกยสะสมก็ต่างคนต่างศีรษะใครศีรษะมัน อาตมาจะไปว่าอะไรกันได้ เราก็เป็นคนมักน้อยสันโดษตรงตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้าเป็นคนเลี้ยงง่าย พระสูติของพระพุทธเจ้ามาอ้างอิงยืนยันแล้วเราปฏิบัติตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าหรือเปล่าทำได้ไหม คุณว่าได้ไหม เป็นผู้ที่เลี้ยงง่ายเป็นผู้ที่บำรุงง่ายคือ ทำให้เจริญพัฒนาไปง่าย ไม่ใช่เป็นคนโง่เง่า ว่ายากสอนยากแล้ว แต่จะไม่เจริญได้ง่าย สุโปสะ เป็นคนมักน้อยหรือว่าเป็นคนกล้าจน มีน้อยๆ มัก ภาษาอีสาน แปลว่าชอบ (มักเจ้าเด๊ ขาเป๋ลืมเบิ่ง ได้เจ้าแล้วขาแป้วจั่งเห็น) ผู้ที่สามารถเข้าใจธรรมะพุทธเจ้าโดยภาษาที่ท่านสอนโลกุตรธรรม เป็นผู้ที่เลี้ยงง่ายบำรุงง่ายมักน้อยก็จนเป็นผู้ที่จิตพอ แปลสันโดษกันว่า เป็นผู้ที่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ อาตมาก็บอกว่าสบายสิ ไปถามบิลเกตส์ว่าพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ไหม บิลเกตส์ ..เขาก็ว่า พอใจ คือ ใช่ มันมีความพอ มีความ Enough และ Sufficiency มันพอ มันมีใจพอ คือคนที่เอาเท่านี้แหละมันพอแล้วมันมีความพออยู่ในใจ มีเท่านี้ก็พอแล้วไม่เอาแล้ว กินเท่านี้เราก็พอแล้ว ได้เท่านี้เราก็พอแล้ว มันเป็นคุณสมบัติอันอาริยะคุณสมบัติวิเศษ แล้วยังมีกำกับด้วย น้อย ชอบมีน้อยๆ น้อยๆก็พอ เห็นไหม มันปฏิสัมพัทธ์กัน คนที่มีเศรษฐกิจเจริญคือคนที่ไม่รวย..น้อยก็พอ คนที่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอคือคนโง่คนโลภมาก คนโง่ไม่เสร็จ คนที่ร่ำรวยนี้คนที่ไม่มี รายได้น้อยคนที่ไม่มี จน คือคนละเรื่องกับศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้คุณไปด้วย แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเช่นนั้น แต่ก็มีบางพระสูตรบอกว่าไม่รวย หรือแม้แต่ท่านตรัสว่า การสรรเสริญเป็นการทำลายการสรรเสริญเป็นเรื่องเลวร้าย ส่วนการตำหนิเป็นประโยชน์ การสรรเสริญเป็นเรื่องเลวร้ายเป็นการทำลาย ธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ว่าพระสูตรใดที่เข้าใจดีแล้ว โดยเฉพาะบรรลุแล้วมีสภาวะเราจะเอามาเชื่อมโยงกับพระสูตรไหนขยายความได้ทั้งนั้น มันจะสัมพันธ์กันติดต่อกันได้ทั้งนั้นเลย อาตมาก็เห็นว่า เกิดมาในยุคนี้ป่านนี้แล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่มีโลกุตระอันแสนจะรู้ได้ยากเอามาอธิบาย ยังมีผู้ธุลีในดวงตาน้อย สามารถรับได้เอามาปฏิบัติจนเกิดผลมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมณะพราหมณ์ สัมมัคตา โลกก็จะไม่ว่างจากศาสนาพุทธแน่นอนจะสืบสานศาสนาพุทธไปถึง 5,000 ปีได้ วันนี้อาตมาทำงานมาถึง 50 ปีกล้าพูดแบบนี้ได้แล้วเพราะพวกเรามีพระอรหันต์ มีพระอนาคามี มีพระสกิทาคามี มีพระโสดาบันได้แล้ว ที่แท้จริง อาตมาเคยพยากรณ์ไว้ด้วย แต่ก็ไม่อยากจะพูดมากหรอก เพราะอาตมายังไม่เก่งมากจนกระทั่งพยากรณ์ไม่ผิดเลย อาตมาก็ไม่อยากจะเป็นคนผิด อย่ามาถามอาตมามากนัก คนนี้ระดับชั้นไหน ไม่อยากพูด หากมันผิดมันก็จะเสียอีก ปฏิบัติได้แล้วเขาจะรู้ด้วยตนรู้ว่าเราเป็นพระโสดาบันเป็นพระสกิทาคามี ให้รู้ตัวเองว่าเรามีคุณธรรมขั้นไหนมันจะไม่ผิด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ก็จัดว่าต้องมาจนต้องมามากน้อยต้องมาบริหารด้วยแบบคนจน ใครจะกล้าพูดขนาดข้าราชบริพารก็จะไม่พูดอย่างนี้หรอก สมณะฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin12 กรกฎาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630711 เบื้องหลังน้องๆอนุบาลตุ๊กติ้วซ้อมร้องเพลงNextNext post:630713_รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์(สำมะปี๋ซี่วิต) ครั้งที่ 10 ศีรษะอโศก สีมาอโศกRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024