ก.ค.272020ศาสนา630727_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 1 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1VVSGLb_n0kgepd0Ibdfn7aqOeyn22p-EMIynNSHBz8s/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1zrw6wLZzkNeh1VSGR9jspF-G3w4doKSU/view?usp=sharing ยูทูปที่ https://www.youtube.com/watch?v=_wAOUAd2RvY&feature=youtu.be สู่แดนธรรม…วันนี้รายการโสเหล่โลกุตระออนไลน์เป็นครั้งแรก มีผู้ร่วมรายการน่าจะประมาณ 11 ช่อง ตอนนี้ในห้องส่งพร้อมแล้ว พ่อครูว่า…พ่อครูมีอาการปวดที่เท้า แปล๊บๆ ทางหมอแตงไท จึงได้ทำการนวดให้ และให้ลูกๆพูดกันไปก่อน ส.ลือคม ศาลีอโศก… พ่อครูว่า…50 ปีทำงานสร้างคนเป็นอริยะบุคคล เป็นโลกุตระ ซึ่งคนก็ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วก็พอเข้าใจ แต่ก็เข้าใจไม่จริงจังเท่าไหร่ มันเพี้ยนไปจนกระทั่งตรงกันข้าม จนกระทั่งค่อยๆอธิบายว่าโลกุตระบุคคลหรือว่าอริยะบุคคลเป็นอย่างไร เป็นอยู่อย่างไร จนกระทั่งรวมกลุ่มเป็นหมู่ เป็นกลุ่มเลย กลุ่มชุมชน มีสมาชิก มีผู้คนรวมกันเป็นกลุ่ม จนกระทั่งอาตมาขึ้นป้ายว่าแผ่นดินพุทธ ยืนยันแผ่นดินพุทธ อหังการ์ไม่ใช่เล่นนะ ขึ้นชื่อว่าแผ่นดินพุทธ อธิบายไล่ไปจนถึงว่า ความคิดของคนที่จะมาเป็นอริยะมันมีธาตุรู้เป็นอัญญธาตุ อัญญะ แปลว่าอื่นไปจากคนโลกเขาเป็น โลกสามัญธรรมดาที่เขาเป็น ก็มีความคิดเช่นนี้ ได้ลาภมาก็ยินดี ได้ยศมาก็ยินดีชื่นใจพอใจ ได้สรรเสริญมาก็ดีใจ เสร็จเป็นความสุขติดยึด ฝังใส่ในอนุสัยเป็นธรรมดาธรรมชาติ แล้วเขาก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีความหน่ายคลายถดถอยมีแต่ความเพิ่มขึ้นก็จะเป็นอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในโลกีย์ที่พูดให้ฟังนี้ก็คือเป็นธรรมดาธรรมชาติของโลกีย์ทั้งหมด ทีนี้ผู้มีอัญญธาตุ ธาตุอื่นที่เป็นแบบใหม่ที่เป็นของจริงที่มันกลับกัน ปฏิโสตัง ทวนกระแสความเชื่อ ทวนความคิดที่เขามีจริง เพราะสิ่งที่เขาจะต้องอาศัยชีวิตที่จะต้องเป็นอย่างนั้น มันทวนไม่ใช่อย่างนั้นมันย้อนแยง แล้วก็ค่อยเพิ่มอัญญะ ที่ลึกซึ้งขึ้น ธาตุนามธรรมที่เป็นโลกุตระ เสร็จแล้วความรู้ความเข้าใจความฉลาดก็จะเพิ่มขึ้น เป็นพหูพจน์เรียกว่า อัญญา อัญญา เป็นธาตุดูที่เป็นธาตุใหม่ตัวนั้นมันเป็นพหูพจน์มันก็เพิ่มขึ้นเป็นอัญญา พยัญชนะของพระพุทธเจ้า ปัญญา แต่ถ้าเป็นบาลีเขาเรียกว่าวรรค ป วรรคที่ 5 ป ตัวนี้โดยความหมายแล้วเป็นตัวแทนของธรรมทั้งหมด มันมีพยัญชนะ 5 วรรค (ป ผ พ ภ ม)ขุส ตัววรรค ป รากเหง้าของภาษาบาลี วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ เป็นความรู้ความเข้าใจความฉลาด จ ฉ ช ฌ ญ วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ ผ แปละว่าแตะสัมผัส ปะกัน พอผัสสะ ก็สัมผัสกัน เกิดเรื่องราว พ ก็เป็นสภาวะเป็นพฤติกรรมเป็นเรื่องราว ภ เป็นความเจริญ ม เป็นจิต หมายถึงจิตวิญญาณ ความรู้ ความเป็น ก กับ ม เป็นคนละมุม ม คือตัวปลายของพยัญชนะ 5 วรรค ก เป็นสภาวะของสภาพจะเรียกว่าต้องใช้ภาษาวิทยาศาสตร์ ตัว static ตัว ม คือ dynamic ส่วน ก เป็นตัวตั้ง ภาษาวิทยาศาสตร์คือ + ส่วน ม คือ – เป็นตัวกระแสกับแรงเคลื่อนก็ได้ถ้าเป็นทางไฟฟ้า หรือ เป็นโปรตอนกับอิเล็กตรอน สองธาตุ อย่างนี้เป็นต้น ความรู้อย่างนี้เป็นความรู้เริ่ม ที่มันมีรากฐานของผู้ที่ผลิตผู้ที่สร้างภาษา สร้างพยัญชนะ สร้างคำพูดมาสื่อกัน ตั้งแต่เริ่มๆมา จนถึงทุกวันนี้มันมีรากฐาน ภาษาบาลี เป็นภาษาเก่า เดี๋ยวนี้ถือว่าเป็นภาษาตายตัว เป็นรากของความสื่อความหมาย ใช้เป็นจุดเริ่มต้นได้แล้วก็เป็นพัฒนาการ ภาษา ก็จะขยายความหมายไป มีเครื่องแต่งตัวของภาษามีการขยายตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งก็มีแตกต่างกันไป คนไปยึดถือ เครื่องตกแต่งที่ไม่ใช่เนื้อ ดีไม่ดีตกแต่งปลอมด้วย เป็นเครื่องตกแต่ง เป็นเปลือกเป็นผิว เป็นเครื่องประดับประดาไปมันก็เลยไปกันใหญ่เลอะเทอะยึดติดกัน มาจากรากเหง้าความจริงเป็นเช่นนี้ มาถึงความจริงวันนี้สรุปตรงที่ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า เนื้อแท้รากเหง้า ถูกตกแต่งพอกผิดไปไกลเลยเอาอะไรมาตกแต่งมาพอกมาหุ้มศาสนา หุ้ม ความจริงของพระพุทธเจ้าไปเสียเยอะเลย อาตมาเกิดมาชาตินี้จึงหนักที่จะมาแก้กลับ นี่พูดความจริงด้วยความจริงใจคนที่ไม่เชื่อก็จะหมั่นไส้ ขออภัยไม่ได้เจตนาทำให้คนเกิดความไม่สบายใจกับความหมั่นไส้อะไรหรอก แต่อาตมายืนยันความจริงว่าอาตมาเป็นคนที่พูดความจริงเอามาขยายความจริง ส่วนคนจะไม่เชื่อก็ห้ามความคิดไม่ได้ก็สงสารคุณเท่านั้นแหละ แต่คุณก็จะยิ่งแผ่อัตตามานะเพิ่มกิเลส ก็ขออภัย อาตมาก็ต้องทำงานนี้ไปแล้วพิสูจน์ไปเรื่อยๆมันได้ขนาดนี้ 50 ปีได้แค่นี้ ที่จริงขันธ์ของอาตมาชีวิตมันหมดแล้ว ขันธ์มันจะต้องตายแล้ว แต่อาตมาก็พยายามมีความรู้ของพระพุทธเจ้านี้ เพิ่มอายุขัย ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ อาตมาจะไม่ตายแค่ 80 หรอกจะมีอายุยืนยาวไปอีกเกินกว่า กัปป์ ก็เป็นได้ ใช้ 8 อ. มีนามธรรมคือ อิทธิบาท อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย เอนกาย เอาพิษออก การงานอาชีพ ที่สุดไปก็จะรู้ว่าสูตรนี้เป็นสูตรที่จะขยายเป็นอายุวัฒนะ สู่แดนธรรม …มีญาติธรรมเราทำงานอุทยานบุญนิยม แล้วตกบันได จากชั้น 3 ลงมาที่ชั้น 2 กระดูกไหล่ขวาหัก สองสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุไม่ใช่ความประมาท แค่เรื่องใส่ถุงเท้าเท่านั้นเองแล้วมันลื่น ญาติธรรมที่ฟังดูก็ขอให้ระวังนะ แม้ว่าญาติธรรมคนนี้จับราวบันไดแล้วแต่มันลื่นล้มไป พ่อครูว่า…เด็กๆที่มาที่นี่จะเป็นตัวเขาเอง ก็เป็นกุศลกับตัวเขาดี เป็นกุศลดี การทำฌาน ทำหน้าที่เผากิเลส ได้แล้วก็จะเป็นบุญ เป็นความหมายที่อาตมามั่นใจชัดเจนจึงเอามาขยายความ จนได้เข้าใจมาแต่ต้น อาตมาทำงานมา 50 ปี ไม่ใช่เริ่มต้นเข้าใจเลยไม่ค่อยเข้าใจมันก็ค่อยขึ้นมา มันมีลึกๆ มันต้องมีอะไรชัดเจนอยู่ ตั้งแต่เริ่มเปิดคอลัมน์ เปิดยุคบุญนิยม แล้วก็ค่อยๆขยายความมา กว่าจะมาพูดได้ง่ายพูดได้กระจ่างพูดได้ชัดเจน ไม่เกิน 5 ปีนี้มั้ง ที่มาขยายความคำว่า บุญ ชัดเจน ตีหัวเข้าบ้านเลย บุญนี่ ทำลายกิเลส บุญไม่ทำอย่างอื่นเลย ฌานคือพลังงานความร้อน ราคะ โทสะโมหะ เขาเรียกว่า ไฟราคะ โทสะ โมหะ คืออุณหธาตุ ความร้อน บุญก็จะต้องร้อนกว่า หรือฌาน ไฟก็ได้ ฌานแปลว่าไฟ ไฟที่มีความร้อนยิ่งกว่า ยิ่งกว่าอะไร ยิ่งกว่ากิเลสยิ่งกว่าไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ไฟมันจึงจะสลายทำลาย ไฟราคะ โทสะ โมหะ ได้ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาก็จะต้องขยายความพูดไป แล้วทีนี้พูดไป ก็เป็นนามธรรมที่จับรูปร่างไม่ได้และเป็นพลังงานที่มีฤทธิ์มีอำนาจ หรือใช้คำว่าอิทธิ ก็จะผิดเพี้ยนไปเป็นเรื่อง อิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช หากบอกแค่มีฤทธิ์ก็เป็นอำนาจ งานที่อาตมาทำเป็นงานสร้างคน ที่จะทำให้คนเป็นคนดี เป็นคนเจริญ เป็นคนที่มีความรู้ความจริงที่ทำให้กิเลสลด ทำให้ดีอย่าทำชั่วเลย หยุดชั่วไม่ทำชั่วเลย สู่แดนธรรม … พ่อท่านยังต้องมีเวลาสอนลูกให้นานหน่อย ตอนนี้เครื่องคงจะร้อนแล้ว นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะเดินดิน …ตอนนี้ประเทศเราได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 ของโลกในการฟื้นตัวจาก covid 19 และเมื่อปี 2561มีการสำรวจว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก เมืองไทยก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันเป็นภาวะที่เชื้อโรคออกมาเพ่นพ่าน ไม่ว่าตั้งแต่เยาวชนปลดแอก หรือว่าตำรวจ อัยการ นักการเมืองที่แสดงความล้มเหลวเละตุ้มเป๊ะออกมา ทำให้ผู้บริหารได้เตรียมการว่าจะได้แก้ไขอะไร จะได้ไม่หมกหมักเอาไว้ คนที่ไม่ชอบรัฐบาลจะมองว่ามันเสียหายเละไปทุกเรื่องเลยไม่ดีไปทุกเรื่องเลย แต่ถ้าเราศึกษาหลักมรรคมีองค์ 8 มันเป็นการ คุ้ยเขี่ย กิเลสร้ายให้ปรากฎตัวออกมา ซึ่งหมอวรงค์ก็ว่า เด็กที่ถูกชักจูงเขาไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจมากจะมาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เปลี่ยนแปลงรากเหง้าของสังคมไทยได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ ทำให้คนไทยที่รักชาติเป็นห่วงออกมาช่วยกันปกป้อง ช่วยกันแก้ปัญหา คิดว่าน่าจะสอดคล้องกันว่า ถ้าประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง พ่อครูก็มีโอกาสที่จะกอบกู้ศาสนาได้ดีงามตามไปด้วย แต่อย่างไรพรุ่งนี้วันที่ 28 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลปัจจุบันพวกเรามีเวลาก็ไปช่วยที่อุทยานบุญนิยมกันนะ จะได้เกิดความครึกครื้นหน่อย พ่อครูว่า…มีเสื้อเหลืองก็ใส่กันไปนะไปเปิดโรงบุญ เรื่องที่เป็นการเมือง เรื่องของประชาธิปไตยสองขา เป็นเรื่องที่อาตมาทำความเข้าใจที่จะพยายามทำความเข้าใจให้เข้าใจ รากเหง้าของชาติ ชาติ สัตว์โลกเลย สัตว์โลกที่เป็นจิตนิยาม เกิดมาเป็นสัตว์โลกก็จะมีสภาพ 2 อย่างมีรูปกับนาม มีธาตุรู้ซึ่งเจ้าตัวเจ้าของเป็นประธาน กับสิ่งที่ถูกรู้ ก็เป็น 2 เพราะฉะนั้นในภาวะองค์ประกอบที่จะเอามาใช้ในสังคมมนุษยชาติ ไปหลงเอาภาวะเดียว เดี่ยวๆมาใช้ มันผิดธรรมชาติของรากเหง้าจิตวิญญาณ ความเป็นสัตว์โลก แม้แต่เป็นคน เป็นอเวไนยสัตว์ก็สอนไม่รู้เรื่อง จนกว่าจะมาเป็นเวไนยสัตว์ สอนได้ รู้จักอารยธรรมรู้จักโลกุตระ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องลึกซึ้งวิเศษประเสริฐจริงๆ ใช้ภาษาพวกนี้อธิบายมันเป็นความจริงที่ มันยากที่จะรู้ แต่มันต้องเป็นจริงอย่างนี้แหละ สู่แดนธรรม …รายการโสเหล่ จะมีคนในห้องส่งถามอยู่เหมือนกัน สิกขมาตุเป็นหญิง…ข้างนอกเขาสอนเมตตา มีบทหนึ่ง เมตตาภิกขุเว เจโตวิมุติญาณ …เขาสอนเรื่องเมตตา แต่มาฟังพ่อท่านก็สอนเรื่อง จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ก็ทำให้เรามองเห็นว่าทำไมข้างนอกหมาแมวเต็มวัด ดิฉันคิดว่า อันที่จริง ถ้าเราปฏิบัติศีลอย่างที่พ่อท่านเทศน์แล้วมันก็ชัดเจนมันก็เข้าใจ มันก็จะไปถึงเมตตาตัวนั้น แต่ข้างนอก เขาได้แค่รูป หากไม่ได้มาติดตามกระชั้นชิด จะแยกเมตตาที่ข้างนอกเขาสอนกันที่ครูเก่าๆ สอนมาเป็นบทสวดมนต์ร้อยเรียงกันแบบนั้น พ่อครูว่า…มันเป็นพยัญชนะเขาก็เข้าใจรำเรืองรำไรอยู่บ้าง แต่มันไม่เป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์แบบ ไม่เป็นพฤติกรรม อธิบายพรหมวิหาร 4 ก็ไม่เป็นสภาวะที่ถูกต้อง เมตตาก็ต้องการให้เขาพ้นทุกข์ กรุณาก็ต้องการให้เขาเป็นสุข มุทิตาก็ยินดี ที่เขาเป็นสุขพ้นทุกข์ อุเบกขาก็เฉยๆเขาก็อธิบายกันอย่างนั้น มันก็ไม่เป็นอะไรที่ปฏิบัติได้เท่าไหร่ ที่จริงมันเป็นปฏิสัมพัทธ์กันหมดทั้ง 4 ตัว เมตตาคือ เห็นคนอื่นน่าสงสาร น่าจะช่วยให้พ้นทุกข์ ให้ได้รับความสุข พ้นความสุขความทุกข์ เขาก็ยังไม่เข้าใจ ที่จริงมันเป็นอันเดียวกัน เห็นคนที่อยู่ในทุกข์ ก็อยากให้หลุดจากความทุกข์อย่างน้อยก็เรียกว่าเป็นสุขก็เป็นโลกีย์ก็เอาเป็นสุขทางโลกอีบ้างมันก็ยังไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้ายิ่งเป็นโลกุตระก็ต้องลดความทุกข์ความสุขลงไปเรื่อยๆ มันก็จะไม่หลงความทุกข์ความสุข กรุณาคืออะไร สมมุติว่าเราเห็นเขาทุกข์ อยากจะช่วยเขาให้พ้นทุกข์ กรุณาก็ลงมาช่วย กรณะ คือทำ ก็ลงมือทำเลย ปฏิบัติประพฤติช่วยเขาเท่าที่เรามีความรู้ จนช่วยความสำเร็จ พอช่วยความสำเร็จก็จะเกิดจิตมุทิตา จิตยินดีที่เขาพ้นทุกข์สำเร็จ อนุโมทนาสาธุยินดีด้วย แล้วก็อย่าไปติดใจแค่ยินดีเป็นเราเป็นของเรา ดีแล้วก็ดีละ ดีแล้วก็วางก็ปล่อย วางปล่อยจากที่เราทำ เราไปช่วยเขาจบแล้วเราก็จบเรื่อง วาง อย่าไปยึดถือเป็นเราเป็นของเราอย่างเป็นบุญคุณอะไร ไม่งั้นจะสะสมบุญคุณ เป็นอัตตา อุปกิเลสไปอีก ก็เป็นอุเบกขาไป วางจบอย่างนี้เป็นต้นซึ่งมันลึกซึ้งมากเลย มันเป็นโลกุตระแท้ๆ ฟังแล้วเข้าใจ แม้แต่เมตตา กรุณา มุทิตาอุเบกขา ก็เป็นโลกุตระได้ ทำยังไม่ได้ยึดถือเป็นตัวตนแต่เป็นนามที่เห็นได้ว่า เริ่มต้นด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา..เด็กเข้าใจดีไหม.. เมตตา เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ก็อยากช่วยเขา กรุณาก็ลงมือช่วยคน ช่วยจนสำเร็จ เป็นสุขได้ก็มุทิตาจิต ยินดีด้วย ดีใจด้วย ที่เขาเองพ้นทุกข์ได้ แต่อย่าไปติดใจในความยินดี รู้แล้วว่าดีก็จบ ยินดีด้วยก็พอแล้ว เราก็วางตัวยินดี วางตัวดีใจ ทำใจกลางๆเฉยๆว่างๆไป ไม่ต้องไปยึดติดว่าเป็นคุณงามความดีที่เราจะต้องได้สิ่งตอบแทน เราจำไว้เป็นบุญคุณเอาไว้สำหรับทวงบุญคุณเขาไม่เอา ไม่ต้อง ปล่อย ให้จิตมันว่าง เป็นอุเบกขา ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่มีเรื่องมีราวต่อไม่ต้องยึดติดอย่างนี้เป็นต้น นี่โลกุตระ ลึกซึ้งอย่างนี้ สู่แดนธรรม..รายการเรามีปัญหาแห้ง ผมอยากจะดูว่าผู้จองคิวพูด สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน..ช่วงโควิดคงจะนาน พวกเรามีข้าวของที่ร้านโดนใจ เอาไปฝากที่ร้านของพุทธสถานข้างเคียง ถ้าโควิดจบรอบ ราชธานีอโศกน่าจะเปลี่ยน look ใหม่ เพราะอาจจะไม่ทำอย่างพิสูจน์จิตอาสา เพราะเป็นการเดินทางที่ไกล ลำบากพี่น้องมาก อาจจะทำแบบ บ้านราชฯ ที่จะรับผิดชอบเป็นพิสูจน์จิตอาสาเอง แต่จะปรับเปลี่ยน เราจะลดสินค้าที่ถูกใจพอใจคนมาก เอาแต่สินค้าที่จำเป็น พ่อครูคิดอย่างไร พ่อครูว่า..ไม่คิดหรอก คนจะมามากหรือน้อยมันก็เป็นไปตามจริง เราก็ทำตามเจตนาหรือว่าเราจะทำอย่างนี้ให้เกิดผลเสียสละช่วยเหลือคนอื่นไป แล้วก็ทำไป เราทำงานด้วยความจริงใจทำไป เหตุปัจจัยไหนมันจะบวกลบคูณหารกันเองมันก็ออกมาตามที่มันเป็น อาตมาจะไม่เดา จะอยู่กับความจริง จริง อาจจะมีบวกลบคูณหารกันเป็นอนาคตังสญาณมีความรู้ข้างหน้าไปบ้าง แต่อาตมาก็จะไม่พยายามพาพวกเราไปเดาอนาคต จะให้อยู่กับปัจจุบันให้มาก สิ่งที่รู้ที่จะทำต่อไปมีเหตุปัจจัยอะไรทำต่อไปบวกลบคูณหารที่จะทำเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่มันจะไปข้างหน้า มันก็พอจะรู้ว่าเรามีเหตุมีปัจจัยอย่างนี้ ก็ทำแล้วมันจะได้ผลอะไรข้างหน้า เราก็จะรู้บ้าง แต่เราก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้อย่างที่เราคาด เราก็ทำก็แล้วกัน หากคนไม่ได้อย่างที่เราคิดไว้แสดงว่าเหตุปัจจัยที่เราทำไม่ถูกต้อง เราก็ต้องตรวจสอบว่าเหตุปัจจัยนี้ที่เราเข้าใจมันเข้าใจผิดคืออะไรก็แก้ไขๆๆ อาตมาจะไม่พยายามชวนให้ไปข้างหน้า แต่พวกเราจะมีปฏิภาณมีอนาคตังสญาณ ปฏิภาณจะทำไปตามลำดับรู้ความจริง เราคิดว่าอนาคตควรจะได้อย่างนั้น แต่มันไม่ได้เราก็แสดงว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปที่ผ่านมานะ อย่างนี้เราก็จะจำไว้ ต่อไปในอนาคตมีอะไรคล้ายอย่างนี้อีกมันก็จะเกิดปฏิภาณหรือมีความรู้ซับซ้อนขึ้นมาเจริญขึ้น รู้จักความถูกมากยิ่งขึ้น สู่แดนธรรม…เมื่อกี้นี้พ่อครูพูดถึง ปฏิภาณกับฟุ้งซ่าน ปฏิภาณ ต้องมีเหตุปัจจัยก่อนถึงจะเป็นอย่างนั้น ส่วนฟุ้งซ่านไม่มีเหตุปัจจัยอะไรก็คิดไปเรื่อย มุกแสงธรรม…ได้นำคำสอนพ่อครูไปใช้ลดกิเลส และได้แบ่งปันความรู้ให้คนทางนี้ได้ปฏิบัติตาม หลวงปู่และอ.หมอเขียว ขอรายงานแค่นี้ก่อนค่ะ พ่อครูว่า…ดีใจนะผู้ที่ขวนขวายรู้ว่าอะไรคือสาระของชีวิต ควรจะเสาะแสวงหาแล้วก็พยายามใช้เวลาเสียสละเวลามาเอาสิ่งนี้ เพราะจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งสำคัญที่อาตมาย้ำ แล้วก็พูดหลายๆครั้งให้เข้าใจ แต่คนไม่เข้าใจได้ชัดเจน เช่นที่อาตมาย้ำทุกที บอกว่า พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นคนเหมืนอเราทุกอย่าง ท่านพยายามบำเพ็ญศึกษามาทุกรูปแบบ จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็มีพร้อมทุกอย่างจะเอาอะไรทางโลก ท่านเป็นจอมจักรพรรดิถ้าอยู่ทางโลก เขาพยากรณ์เลยว่าถ้าอยู่ทางโลกก็เป็นจอมจักรพรรดิ จะได้หมดเลยทั้งโลกทุกคนจะสยบแก่ท่านหมด แล้วก็ไม่ได้สยบแบบเจงกิสข่านหรืออเล็กซานเดอร์มหาราช ที่เขาใช้อาวุธไปข่มขี่ แต่จะเป็นจอมจักรพรรดิที่ด้วยคุณธรรมเป็นโลกุตรธรรม ท่านถึงไม่เอา ท่านจึงทิ้งเลยทางโลกีย์ จะได้บริวารอย่างที่ไม่ต้องยากไม่ต้องไปข่มขี่มันจะมีความดีซ้อน ชนะเขาด้วยความดีเป็นโลกียะด้วย ซึ่งเอาโลกุตร ะเป็นตัวนำแล้วก็เกิดโลกียะคนอื่นเขาจะยอมตาม ยอมสยบให้คุณงามความดี คนที่มาเป็นบริวารจะเข้าใจโลกุตระแต่เขายอมสยบว่าเป็นคนดี นี่คือเป็นโลกีย์มันเป็นความซับซ้อน สู่แดนธรรม… หากเป็นเจ้าจักรพรรดิจะชนะโดยไม่ต้องรบ แต่พอฟังพ่อท่านว่า พ่อครูว่า…ได้ในร่างของฆราวาสจะได้คุณธรรมโลกีย์ ยอมสยบด้วยคุณงามความดี แต่ไม่ใช่เขาได้ถึงปรมัตถ์ยอมสยบเพราะเขาละกิเลสได้ รู้จักกิเลสได้ แล้วปฏิบัติลดละกิเลสได้เข้ามาสู่คนจำนวนน้อย ส่วนความดีนั้นเป็นคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นนี่มันลึกซึ้งอย่างนี้แหละธรรมะโลกียกับโลกุตระ อยู่ทางโลกจะได้เป็นคนดีมากเลยนะ แต่ไม่ใช่เป็นคนที่วางปล่อยโลกีย์ ลดที่จะไปสะสมเรื่อง ลาภยศสรรเสริญ หาใช่โลกุตระไม่ ก็จะเป็นคนรวยเป็นคนดีมีทาน แต่ก็จะทานอย่างไรฉันก็จะต้องรวยฉันก็ต้องยิ่งใหญ่ ก็ต้องเลือกเอา เมื่อกี้นี้พูดถึงตรงนี้แหละท่านเป็นพระพุทธเจ้าที่จะอยู่ทางโลกได้ ท่านก็ไม่เอาทิ้งหมดเลยแล้วก็มาเอาโลกุตระ พระพุทธเจ้ามักน้อยกว่าอาตมา ฉลองพระบาทก็ไม่ใส่ จีวรก็สามผืนจริง ที่อยู่ก็ไม่ติดยึด เขาทำให้ก็ไม่ยึดติด อยู่ไปเรื่อยๆ เหมือนคนบำเพ็ญมักน้อยสันโดษแต่ที่จริงท่านจะอนุโลมแค่ไหนกับใครก็ได้ แต่ท่านก็ต้องปลูกฝังอย่างนั้นให้มีบริเวณที่เป็นไปตามลำดับเป็นสภาพซับซ้อน คัมภีราวภาโส เป็นการหมุนรอบเชิงซ้อน พยายามศึกษาอธิบายติดตามกันไป สู่แดนธรรม…เหลืออีกครึ่งชั่วโมง พ่อครูว่า..จากเชิดเชิญธรรม (เผ่งอัง) ถามว่า ปัญญาคืออะไรครับท่าน ปัญญาเป็นภาษาของพระพุทธเจ้าฟังดีๆนะ แปลตื้นๆว่า เป็นความรู้ แต่ปัญญา ความรู้ความฉลาดนี้เป็นภาษาโลกุตระ เป็นภาษาของพระพุทธเจ้า มันเป็นโลกุตระมันไม่ใช่ความรู้ความฉลาดแบบคนโลกๆทั่วไป ภาษาบาลีเป็นความรู้ความฉลาดทั่วไปเป็น เฉโก หรือเฉกะ หากเป็นพหูพจน์ก็เป็นเฉกา เป็นความฉลาดอย่างมีกิเลส แล้วใช้กิเลสไปโกงเขา เอาชนะเขา ไปร่ำรวยมีอำนาจบาตรใหญ่ ก็คือความฉลาด เฉโก แม้จะสุจริตได้ อย่างที่โลกมีกฎหมายกฎเกณฑ์อะไรยังไม่ผิดเพี้ยน แต่เขาไม่ผิดเขาก็ทำตามกฎหมายไม่ผิดเลย เขาไม่ได้ทำอย่างศีลธรรมของพุทธเจ้าที่ได้ ละลดกิเลส เขาก็ได้เปรียบไม่หยุดหย่อนมันก็ดูดเข้าไปคนรวยก็จะรวยไปเรื่อยๆไม่คิดจะลดหรอก คนมีอำนาจก็จะเอาอำนาจ ใช้อำนาจไปจนตายชาติหนึ่ง ก็ไม่ได้ลดละอะไร ชาติต่อไปก็ไม่ได้เป็นคนได้อย่างเก่า พวกที่อยู่ต่อก็จะสืบทอดต่อดีไม่ดีก็จะแย่กว่า หัวหน้าเก่า ใช้ทุจริตซ่อนแฝงโกงซับซ้อนยิ่งขึ้น นี่ก็สรุปก็คือเขาไม่ลด ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข คำว่าสุขนี้ลึกซึ้งเอาแค่ลาภยศเท่านั้น ตกลงปัญญาคือ ความฉลาดที่เป็นโลกุตระ เป็นของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่คนเอาไปใช้ฟั่นเฝือ ไม่ใช้เฉโก ที่เป็นความฉลาดของเขาเองที่เป็นคนโลกโลกีย์ เขาไม่เอาคำว่า เฉโก ไปใช้แล้ว เขาอาจใช้ภาษาคำว่าปัญญาไปใช้แทนปัญญา เลยเสียเลย ก็เลยเข้าใจว่าความรู้ความฉลาดก็คือปัญญาทั้งนั้น เฉโก เขาไม่ใช้กันเลย นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ มีญาติธรรมจากเนเธอร์แลนด์ จุ๋ม เนเธอร์แลนด์ …พ่อครูเบิกบานคล่องแคล่วว่องไวเสมอต้นเสมอปลายอยากจะเป็นอย่างพ่อครูบ้าง พ่อครูว่า..อาตมายอมรับ ต้องฉลาดทำให้เป็น โง่ทำไม่เป็น มันเป็นสัจธรรมแล้วจะเป็นได้เลย จุ๋ม..ก่อนพ่อครู จะเป็นอัตโนมัติพ่อครูมีเส้นทางอย่างไรบ้าง เมตตา แบ่งปันเทคนิคเผื่อจะได้ลอกเลียนแบบบ้าง พ่อครูว่า…ก่อนจะมาเป็นอัตโนมัติก็ต้องปฏิบัติไปตามลำดับ ตั้งแต่ศีลข้อ 1 ปฏิบัติตามจรณะ 15 วิชชา 8 ศีลข้อ 2 ก็ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 หรือศีลสมาธิปัญญา ก็ปฏิบัติมาอย่างที่อธิบายไปอย่างนี้ มีสูตรนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่ามีสูตรนี้สูตรเดียว ไม่มีทางอื่น ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น เอเสวมัคโค นัตถัญโญ ทางนี้ทางเดียว ไม่มีทางอื่นหรอก ที่อาตมาบรรยายพูดอยู่ต่างๆนานามีทางนี้ทางเดียวไม่เป็นอื่น อย่างอื่นมากมายหลากหลายเป็นเรื่องนอกรีตมีเยอะ แต่ของพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจอันนี้อันเดียว ตรงกันให้ได้ นี่ก็สรุปแค่นี้ก่อน หรือจะขยายเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 มีฌาน มีปัญญา ศีล ก็ต้องปฏิบัติอย่าให้ผิดไปจาก อปัณกปฏิปทา 3 ข้อนี้จะต้องมีการสำรวมอินทรีย์ในเครื่องกินเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องในชีวิต ก่อให้เกิดกิเลสทั้งนั้น ต้องเรียนรู้แล้วก็วิจัยวิจารณ์ และต้องเป็นผู้ตื่น ชาคริยานุโยคะ ถ้า 3 ข้อนี้ไม่มีก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า คนไปหลับตาปฏิบัติจึงโมฆะหมด ผิดหมด จะต้องตื่นมารู้จักเครื่องกินเครื่องใช้ แล้วก็สำรวมตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสกับอะไร ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกรับกลิ่น ลิ้นกระทบรส การสัมผัสโพฐัพพะ ใจ สัมผัสร่วมไปเลยทั้ง 6 ทวาร ก็ต้องศึกษาอย่างนั้น ไปหลับตาหลบเลี่ยงไม่ได้ ชาคริยานุโยคะต้องตื่นเต็ม เป็นสภาพครบพร้อมทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ต้องมีความตื่นมีสติตื่นเต็มหมดเลย มีสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์เป็นหลัก 3 ที่จะปฏิบัติให้สำเร็จ ก็ขอสรุปง่ายๆว่าโพชฌงค์ 3 ก็ขยายความไปอีกหลายวันก็ได้ อ๋อย บริงโซ…ปฏิบัติธรรมอย่างนี้เดี๋ยวไลน์หาคนคุยด้วยรู้ใจในทางเดียวกันไม่ค่อยได้ แชทไป แล้วมีใครตอบมาจะโทรกลับหาทันที ถ้าเขาอยู่ในสายพร้อมที่จะพูดคุยด้วย ก็ถ้าอยากจะถามพ่อครูเล็กๆนิดเดียว ปฏิบัติธรรมเดินมรรคมีองค์ 8 พยายามทำใจ ดูจิตตัวเองตลอดเวลาพอไหมคะ พ่อครูว่า..มีนัย ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ ที่พูดไปอย่างนี้มันก็ได้ จะได้พอมันยังมี นัย ละเอียดไปอีก มรรคมีองค์ 8 ก็เป็นองค์รวมทฤษฎีใหญ่ เรียกว่า มรรคมีองค์ 8 ก็ดูใจที่ปฏิบัติอยู่ ดูใจแค่นั้น ก็มีรายละเอียดในการดูใจว่าใจของเราเป็นอย่างไร ก็แยกแยะใจของเราได้ คำว่าใจมารวมกันหมดเลย ที่จริงเป็นหลักธรรมพระพุทธเจ้า ท่านแยกแยะเอาไว้ เป็นโพธิปักขิยธรรม 37 แยก เป็น กาย เวทนา จิต ธรรม นี่คือ 4 สภาวะ ที่มันจะต้องเป็นเหตุปัจจัยต่อเนื่องกันสัมผัสกันอยู่ กายคือองค์รวมขององค์ประชุมต่างๆ ทั้งภายนอก ภายใน ทั้งรูป ทั้งนาม เป็นสภาวะ 2 ที่เป็นองค์รวมเป็นองค์ประกอบกัน พร้อมกันหมด ขาดข้างนอกไม่ได้ แล้วต้องพิจารณาข้างนอกด้วยทั้งทวารทั้ง 5 หากละกิเลสภายนอกได้แล้วก็เลื่อนไปหาข้างใน แต่ถ้าข้างนอกเป็นวัตถุ เป็นสมบัติ เป็นอะไรต่ออะไรที่เป็นดินน้ำไฟลม เป็นตัวตนบุคคลเราเขา เป็นทรัพย์ศฤงคารบ้านช่องเรือนชานต่างๆนานาที่เรายังติดอยู่ ก็คือใจนี่แหละไปผูกพัน เราก็ต้องปฏิบัติกับข้างนอกเสร็จก่อนจนกระทั่งข้างนอกวางได้ ปล่อยได้ ไม่ดีดดิ้น ละวาง ปล่อยทิ้งไปได้เลย พวกเรานี้แสนดี ใครทิ้งข้างนอกหมดเลยมาอยู่กับอโศกเอาแต่ตัวกับหัวใจมา สบายไม่ต้องมีอะไรติดมาใครอยากได้ให้เขาไปหมดเลยอยากจะมาก็มาได้ทันทีเลย ไม่ต้องห่วง อ๋อย . สมมุติว่าเราวางเขาได้ แต่เขาวางเราไม่ได้ทำยังไงคะ พ่อครูว่า..เราวางเขาได้เขาวางเราไม่ได้ ก็ต้องพยายามทำอย่างไรทำให้เขาหัดวางให้ได้ หรือเอาให้เขามาด้วยกันเลยได้ เออ จะได้เลย 2 คน ที่จะเอาอันใดอันหนึ่ง จะให้เขาวางเราได้ บางทีมันก็ยากอยู่ การวางเราได้ มันมีอยู่ 2 แบบ แบบหนึ่งวางเราได้คือเขากดแล้วเลยไปเลยไปเลย นี่ก็วางได้เหมือนกันแต่ถีบส่งไปเลยมันก็ไม่ดี ต้องวางได้อย่างที่เขาเข้าใจได้ว่าเราไปไม่ได้ก็ให้คุณไปเถอะ อย่างอาตมานี่ มาทางนี้แฟนอาตมายินดีไม่มีปัญหายกให้เลย มันเป็นบารมีนะเลียนแบบยากเหมือนกัน ปฏิบัติธรรมอาตมาก็จะบอกว่ามาทางนี้ เขาบอกว่ามาด้วยไม่ได้หรอก เขาก็บอกว่าให้ไปได้เลย แฟนอาตมา พอปล่อยมา เราก็ยังไม่วางมือก็ยังตามมาดูอยู่ 6 ปี อยู่อย่างนั้น ไม่ไปเกี่ยวข้องอะไรกับใคร จากนั้นก็แยกกันไปอย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นเรื่องเอามาประกอบอธิบายให้ฟัง สัจจะมันเป็นสัจจะ ค่อยๆทำไปเถอะ เพราะฉะนั้นคุณจะใจแข็งหรือคุณจะมีศิลปะทำให้เขารู้สึกว่า เอาเถอะไปเถอะ เขาก็คิดว่ามันดีแล้ว แล้วเขาก็ยอมปล่อยเรามา หรือเขาบอกว่า พี่นะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ยินดีด้วยเขาก็น่าจะมาทางนี้นะ โอ้โห อย่างนี้ได้ทีละ 2 คนดีใหญ่ จะทำได้แค่ไหนก็ลองดู อ๋อย กราบขอบพระคุณค่า _หลวงปู่สายยาวหรือสั้นเท่าไหร่คะ พ่อครูว่า..ตอบอาตมามีครบทั้งสั้นทั้งยาวทั้งเอียง คนที่ทำแว่นให้ตามมาจึงยากมากเลย _จุก ลายใบไม้…อยากให้พ่อครูพักเสียงค่ะ ก็เราที่อยู่ต่างประเทศหลายๆประเทศ หรือพี่น้องที่อยู่เมืองไทยหรืออาจารย์หมอเขียว พวกเราได้อปริหานิยธรรมกันทุกเช้า ถ้าต่างประเทศแล้วก็ใช้โปรแกรมซูมพูดคุยกันนัดหมายกันทำสื่อออนไลน์ ทำขายออนไลน์ พวกเราประชุมกันแทบจะเช้าจรดเย็นหลายๆรายการ แต่มันก็มีความสุขมีความเบิกบานนะคะ เราไม่มีโอกาสได้มาเจอกันไม่มีโอกาสจัดค่าย เราก็เลยตั้งห้องขึ้นมาว่าให้เราประชุมอปริหานิยธรรมแดนไกลกันค่ะ พี่น้องที่อเมริกา เนเธอร์แลนด์ หรือว่าออสเตรเลีย มาเลเซีย มาร่วมกันด้วย ในการทำสื่อออนไลน์ช่วยเหลือกัน เอาคำของพ่อครูของอาจารย์หมอเขียวขึ้นมาทำเป็นงานที่บางคนไม่ได้เรียนรู้เลยก็มาเรียนรู้ด้วยกันผ่านออนไลน์ค่ะ มีความเอื้ออารีต่อการเอื้ออาทรต่อกันแล้วก็ช่วยเหลือกันอย่างอบอุ่นมากเลยค่ะ เหมือนกับเราเจอกันมากกว่าตอนอยู่เมืองไทย เพราะว่าโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่วิเศษมากเลย มาคุยครั้งแรกก็ปลื้มปิติมากเลยค่ะ ขอพูดแทนใจพี่น้องทุกท่าน พวกเราเชื่อมร้อยกันด้วยจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรทำพวกเราหวั่นไหวได้ เราได้ประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติธรรมแลกเปลี่ยนสนทนาพูดคุยกัน แล้วก็ได้ดูคลิปจากบ้านราช ไปเก็บมัน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสน่ารักมาก โปรแกรมที่ดร.ท่านนี้ทำมา เป็นสิ่งที่น่าพอใจมาก เราทำแบบบ้านราชฯคงไม่ไหว เราก็ทำแบบเล็กๆ (พ่อครูว่า.ทำเล็กๆ แบบคอนโดเอากระถางมาห้อยกัน เวลารดน้ำ ก็รดกระถางข้างบนให้น้ำลงฝไปสู่กระถางข้างล่าง ทุ่นน้ำไปอีก) พ่อครูว่า..เราก็ได้เผยแพร่วิธีการบางอย่างบางอัน ทำเล็กๆแล้วก็ขยายไปกว้างขึ้นมันก็ค่อยๆเป็นไป น่าจะมาคิดว่า มันน่าจะเข้าใจกันในโลก สู่แดนธรรม.. รุ้งเรืองศีล…โควิด ทำให้เราได้เรียนรู้การเก็บผักในป่าใช้น้ำปลูกแทนดิน ตอนนี้ก็ใช้ต้นหญ้าที่ตัดแล้วมาหมักทำเป็นดินไว้ปลูกเองได้แล้วค่ะ พ่อครูว่า…ค่อยๆศึกษาไป _เมื่อครู่นี้เห็นน้องบัว จัดรองเท้าให้คุณลุงคุณป้า และพี่ๆสัมมาสิกขาชั้นม.1 รู้สึกประทับใจมากค่ะ ทำให้รู้ว่าเด็กตัวแค่นี้แต่สามารถทำอะไรที่เสียสละได้ขนาดนี้ แสดงว่าเป็นเด็กที่มีบารมีมาก นักเรียนสัมมาสิกขาควรดูเป็นแบบอย่างและปฏิบัติตามค่ะ _พญานาค มีจริงไหมครับ พ่อครูว่า..พญานาค ไม่มีจริง สัตว์ที่เรียกว่าพญานาค ที่เขาเขียนรูปเป็นลายกนกที่หัว เห็นงูตัวยาวใหญ่และมีหัวทรงเครื่องมีลายกนก มันเป็นความคิดของศิลปิน เขาออกแบบ พญานาคออกแบบให้เป็นลายไทย ในตำนานพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็เอาถาดทองคำลอยน้ำเสี่ยงทาย หากว่าถาดทองคำลอยน้ำ ซึ่งเป็นภาษาบุคลาธิษฐาน ถาดทองคำลอยน้ำก็จะลอยทวนน้ำ พอถึงวันพระก็จะหล่นลงไป ก็จะจมลงไปที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ลอยตรงนั้น ก็ลอยถาดทองคำซ้อนลงไปแล้วก็มีพญานาค เฝ้าถาดทองคำของพระพุทธเจ้า พญานาคหมายถึง คนขี้ง่วง คนที่หลงความหลับไหล เรียกว่าตัวยาวนอนหลับ สรุปคือคนไม่ตื่น มีแต่งมงายจมอยู่ในใต้บาดาล ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อยากจะเป็น อยากจะไปนิพพาน อยากจะบรรลุธรรมเหมือนกันแต่ก็งมงาย นอนหลับ ไม่รู้ หลงอยู่กับอะไรที่ตัวเองเป็นภพของตัวเอง ยิ่งเป็นพญานาค ที่มีเครื่องตกแต่งหัวมีลายกนกใหญ่โตตัวใหญ่โตมีมาก แต่ยิ่งนั่นแหละ ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งนอนนาน ยิ่งจมอยู่ในโลกีย์นานใหญ่ เฝ้าเหมือนกับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เฝ้าอย่างนั้นแหละ ไม่เคยตื่นมารับรู้ไม่ได้เรียน เขาจึงถือว่านี่แหละคนอยากได้ แต่ไม่ตื่นมารับ สรุปแล้วเอาแต่นอนอยู่ใต้ก้นบึ้งบาดาล เฝ้าอยู่อย่างนั้น จนหงอนงอกเป็นลายกนกปากเขียวมีงาเป็นลายกนกยาว สันหลังเป็นรูปลายกนกไปหมดเลย ต่างๆนานา สู่แดนธรรม..พ่อท่านเคยบอกว่า ถาดทองคำตกกระทบ แล้วก็ตื่นขึ้นมาแป๊บนึงแล้วก็นอนต่อ พ่อครูว่า..ถาดทองคำของพระพุทธเจ้าก็ซ้อนไปเรื่อยๆ พญานาคก็จะตื่นมารู้นานๆทีตอนพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นสักพระองค์ ถาดทองคำพระพุทธเจ้าก็จะไปกระทบกับตลาดทองคำของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนดังขึ้นมาพญานาคที่นอนหลับไม่ตื่นฟื้นก็จะรู้ตัวสะดุ้งขึ้นมาทีหนึ่ง พระพุทธเจ้าเกิดอีกองค์นึงแล้วหรือ ว่าแล้วรู้ว่าพุทธเจ้าอุบัติขึ้นอีกองค์แล้ว เมื่อตื่นรู้ขึ้นนั้นแล้วก็นอนหลับต่อไปอีก ตื่นมานิดเดียว เป็นนิทานที่มันสุด งมงาย ไม่รู้ตื่นไม่รู้จักอะไรเป็นอะไร ยากหนักหนา จะช่วยคนที่เป็นพญานาคพวกนี้ สรุปคือคนพวกงมงายอยู่ในโลกโลกีย์ แม้อยากได้ศาสนาพุทธ อยากได้โลกุตรธรรม อยากได้นิพพาน แต่ไม่เคยตื่นมารับเลย ไม่ค่อยตื่นมารับเลย ด.ญ.สตางค์ ชั้นม.1 ถามว่า_บุญและบาป ส่งเรามาเกิดใช่ไหมคะ แล้วแตกต่างกันอย่างไร พ่อครูว่า…จริงๆไม่ใช่บุญและบาปส่งเรามาเกิดหรอก กุศลและอกุศลส่งเรามาเกิด ยังไม่รู้จักบุญ บุญจริงๆนั้นคู่กับบาป แต่บาปเป็นตัวใช้แทนอกุศล ใช้แทนตัวไม่ดีได้ด้วย ก็เลยฟั่นเฝือหนัก แต่ที่จริง คนที่บรรลุธรรมสูงสุดไม่มีบุญไม่มีบาป บาปก็ไม่เกิด บุญก็ไม่เกิด เกิดแต่กุศล อกุศลก็ไม่เกิด เพราะฉะนั้นอกุศลจึงคล้ายกับบาป เขาก็เลยจัดมาคู่กันก็เลยสับสน บุญคือ พลังงานจิตที่คนจะทำใจในใจ หรือมนสิการ จัดการจิตของเราที่เรียกว่าอภิสังขาร จะทำให้เป็นพลังงานที่เป็นไฟเป็นฌาน เป็นอุณหธาตุ มีแรงมากจนกระทั่ง กำจัดกิเลส กาม โลภ โกรธ หลง ก็กำจัดได้ มีคุณสมบัติอย่างนั้นจริงๆ ผู้ทำได้จะรู้เองด้วยตัวเองเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิ แต่ทุกวันนี้อธิบายบุญเป็นคุณงามความดี เป็นความดีเป็นสมบัติที่สะสม คนที่สะสมสมบัติก็จะได้ใช้สมบัติยังไม่ทุกข์ร้อนร่ำรวยมียศศักดิ์มีความสวยงามมีเหตุปัจจัยที่เป็นโลกีย์ ที่คนนิยมชมชื่นแต่มันไม่เที่ยงสมบัติพวกนั้นไม่เที่ยงทั้งนั้นแหละมันเป็นสมบัติผลัดกันชม เดี๋ยวก็เสื่อมโทรม เดี๋ยวเรามีอำนาจเดี๋ยวก็เสื่อมอำนาจ วนเวียนอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นกุศลก็เป็นสิ่งดีงามตามสมัยนิยม แต่โลกุตระจะมีคุณสมบัติมีบารมีได้ทั้งกุศลและได้ทั้งบุญ กำจัดกิเลสได้ด้วยและก็ได้กุศลรองรับด้วย อย่างอาตมาชาตินี้ไม่ต้องเรี่ยไร ไม่ต้องและเล็มเลียบเคียง แต่มีบารมีกุศลที่เขาจะเอามาให้อาตมา ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ไม่ต้องไปหาวิธีอย่างธัมมชโย หรืออย่างวิธีการต่างๆนานาที่แต่ละวัดหาวิธีให้มาบริจาคไม่ต้อง อย่างนี้เป็นต้น มันจะได้ไปตามบารมีจริง _ชิน หรือชินะ ของหลวงปู่คืออะไรคะ ความรู้สึกของหนูน่าจะเป็นคำที่เศร้า หนูเคยทำบางคนบอกว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำแบบนี้ตลอด ต้องลุกขึ้นสู้และตอบโต้สิ อย่าให้เขาเอาแต่ใจไป หนูพูดออกไปแบบนี้ด้วยอารมณ์ที่โกรธมากๆ รู้สึกโกรธแทนคนที่หนูพูดด้วย เลยด้วยซ้ำไปค่ะ แต่เขาคนนั้นกลับตอบมาว่า ไม่เป็นไร ชินแล้วล่ะ หนูรู้สึก สตั๊นท์ และเกิดคำถามขึ้นมาในหัวแวบแรก ชิน อย่างนั้นหรือ โอ้โห ดูโดดเดี่ยวจังเลยคะ ไม่ใช่โดดเดี่ยวฉายเดี่ยวแบบเริ่ดSolo นะคะ แต่กลับดูโดดเดี่ยวแบบเศร้าๆแบบคำว่า Alone คำว่าชิน ดูน่ากลัวสำหรับหนูเลยค่ะ ชินชา ด้านชา ในความรู้สึก พ่อครูว่า…ชิน ภาษาบาลีแปลว่า ชนะ แต่ทีนี้ คำ ชิน แปลว่า มันชนะ แต่ทีนี้ ความหมายมันซับซ้อน อย่างที่คนนี้บอกว่า ชินแล้วคือยอมให้เขา คนยอมคือคนชนะ เขายอมแบบไม่อยากมีเรื่อง ก็อย่างนี้แหละยอมไปเดี๋ยวก็ชินไปเอง ชินก็เลยแปลว่า มันเคยแล้ว มันมีภาษา ชินชา ชิน แปลว่า ชนะ, ชา แปลว่า ความรู้ แต่มันผิดเพี้ยนกลายเป็นเรื่องไม่เอาเรื่องเอาราว ชินชาคือไม่เอาเรื่องเอาราว มันก็ได้อย่างนึงคือไม่ต้องยึดถือปล่อยไปเถอะ ชินชา ก็เลยกลายเป็นว่า ความชินชากลายเป็นความด้านทน ไปเป็นความหมายอีกด้านมันก็เลยเป็นคำเสียไป อาตมาก็แหม อายุ 151 มันจะน้อยไปไหม นี่ก็อธิบายไม่จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin27 กรกฎาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630726_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 11NextNext post:630729_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 12Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024