630803_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 2
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1cKVSce29f5JbOqrJ8FvJSMQtJDrzSViSN0jkPhZd5aY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1XScRWqp2w-hwdmBUE6rhXKjqj1-t-Kh-/view?usp=sharing
ยูทูปที่
สู่แดนธรรม… วันนี้ เป็นวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้รายการของเราย้ายขึ้นมาจัดที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ เนื่องจากฝนตกหนักที่บ้านราชฯ ก็เลยจัดรายการล่าช้าไปบ้าง
พ่อครูว่า…สวัสดีทุกๆคน วันนี้รู้สึกว่า โอ้โห กว้างมาก มีตั้ง10-20 ช่องทักทายกัน รู้สึกว่าเราจะชุมนุมกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยนี่จะถึงร้อยไหมนี่ เปิดโสเหล่ออนไลน์ 100 ช่องนี่แจ๋วเลย ว่าใครมีมือถือก็จะเข้ามาได้หมดเลย
แซมดิน จากสันติอโศก…วันนี้จะขอถามพ่อท่าน ว่า พ่อท่านเป็นสายปัญญาใช่ไหมครับ(พ่อท่านว่าใช่) แล้วพ่อท่าน ได้ฝึกเจโตสมถะด้วยวิธีใด ?
พ่อครูว่า..ก็นั่งหลับตาเข้าไปอยู่ในภพนี่แหละ ทำมาทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าอาตมาไปพูดว่าเขาโดยอาตมาไม่รู้เรื่อง อาตมารู้ทั้งนั้นว่าเขาอุปาทานอย่างไร มีนิรมาณกายอย่างไร รู้หมด ชาตินี้ก็เคยผ่านมาหมด เข้าป่าก็เคยไป ไม่ใช่พวกหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว คือ รู้จักที่เขาเป็นกันเข้าใจแล้วเคยทำมาเอง ไม่ใช่เอาแต่อ่านตัวหนังสือ แต่ทำมาผ่านมา ไม่ได้ทำอย่างฉาบฉวยด้วย ทำกันอย่างชัดเจนให้รู้ว่าอะไรเป็นอย่างไรจริงๆ แล้วถึงได้มาสรุปให้ฟังว่า ที่ทำนี้มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าจริงๆ ในเรื่องหลับตานั้น
แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่าการหลับตาไม่มีประโยชน์ ถ้าหลับตานั้น ทุกวันนี้อาตมานอน นี่ก็หลับตา แต่ว่ายังไม่หลับนะ บางทีไม่หลับเป็นชั่วโมง แล้วก็ทบทวนธรรมะ ปรุงธรรมะต่างๆนานาคุยกับเทวดาอย่างที่พระพุทธเจ้า ได้ความละเอียดเยอะแยะ อาตมาก็เป็นเจโตสมาธิที่ทำประโยชน์ไม่ได้เอาไปทำฤทธิ์เดช หรือหลับตาแบบสะกดจิตไม่ได้หลงผิดแบบนั้น ก็หลับตาแล้วทำประโยชน์
ถ้าจะว่าจริงๆแล้ว หลับตาทำสมาธิมันก็มีประโยชน์ที่เราจะใช้ ทุกวันนี้อาตมาก็ใช้ แต่ที่พูดหนักก็เพราะว่าเขาไปหลงผิดกัน ว่าการหลับตาปฏิบัติคือทางเอกคือวิธีปฏิบัติเพื่อไปนิพพาน ขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสแบบนั้น ท่านไม่เคยตรัสว่าเป็นทางไปสู่นิพพาน ท่านตรัสแต่ว่าการนั่งหลับตาสมาธิเป็นอุปการะมากไม่ใช่ทางไปนิพพานเลย แต่อันนี้เป็นมิจฉาทิฐิที่เขาหลงกันน่าสงสาร อาตมาจึงพูดด้วยความจริงใจสงสารจริงๆที่พูดนี้ไม่ได้พูดคารมเล่นลิ้น สงสาร คืออาตมาเห็นใจคนมุ่งมั่นจะมาปฏิบัติธรรม แล้วไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียวนะ พวกเขาที่ไปบวชกัน บางคนบวชกันตั้งแต่เป็นเณร มาบวชแล้วก็ติดใจการออกป่าเขาทำไป บำเพ็ญมาเป็นชาติๆ หลายชาติ มาชาตินี้ก็ยังชอบยังติด คนเรานี่ ชาติหนึ่งชาติหนึ่งไม่ได้มากมายอะไรหรอก 90 ปี 100 ปีตายไม่ได้นานอะไรเลย เสร็จแล้ววิบากเก่าที่ไปสั่งสมความชอบความยินดีติดยึดพวกนี้
ที่พูดนี้ตีความติดยึดพวกนี้ แต่เขาก็หาว่า ไปว่าเขา อย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าอาตมาไม่ว่า จะไม่มีใครมาว่าเลย ไม่มีใครกล้าว่าด้วย มีแต่ไปด้วยกันหรือไม่กล้าว่า แม้จะพอรู้ ก็ไม่กล้าว่า เพราะชาวบ้านชาวช่องเขายกย่อง อาตมาจึงต้องหนักหนาสาหัสต้องเป็นหัวหอก พูดว่า พูดติเตียนต่างๆนานาเพื่อจะให้ชัดเจน
ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร อ่านวนเวียนให้ดีเถอะ ท่านยืนยันให้ฟังว่าทั้งหมดที่มีทิฏฐิในการปฏิบัตินั่งหลับตา จะได้อะไร จะได้ผลอะไร ก็จะได้เจโตสมาธิ
1.จะได้ความรู้สภาพของอดีต 2. จะได้สภาพความเป็นอนาคต อดีต 18 อนาคต 44 เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้ง 62 เขาไม่เข้าใจแล้วไปหลงใหลอย่างนั้น
ในสูตรแรกนี้ พระพุทธเจ้าเอามาใส่ไว้เพื่อให้รู้ว่าชาวพุทธตีทิ้งอันนี้ ในพระสูตรแรกท่านก็ตรัสไว้ถึงจุลศีล-มัชฌิมศีล-มหาศีลเอาไว้ แต่ไม่ได้ตรัสถึงวิธีปฎิบัติ อันคืออปัณกปฏิปทา 3 แล้วเกิดสัทธรรม 7
สามัญผลสูตร ท่านถึงกล่าวถึงการมีศีลอันเป็นอาริยะ สำรวมอินทรีย์มีสติสัมปชัญญะมีความสันโดษอันเป็นอริยะ สามัญแปลว่าการปฏิบัติตามปกติตามสามัญของศาสนาพุทธ
เมื่อเปิดพระสูตรที่ 3 อัมพัฏฐสูตร บอกไว้เลย การหลงผิดคือการไปปฏิบัติออกป่า เป็นเรื่องหลักเลยในพระสูตรนี้ ส่วนเรื่องการตอบโต้กันระหว่างพระพุทธเจ้ากับอัมพัฏฐมานพ เป็นเรื่องราว แต่ประเด็นหลักคือให้รู้ว่าที่เข้าใจผิดๆเลย หลงแต่ภาษาวาทะพระเวท ตำราบัญญัติ กับการปฏิบัติโรงออกป่าเข้าถ้ำแล้วไปหาอาจารย์ มีจรณะ 15 วิชชา 8 ในป่า ซึ่งมันสูญเปล่า
ก็ได้แต่สร้างโรงเรือน สร้างวิหารใหญ่ในถ้ำ เพื่อบูชาไฟอย่างเดียรถีย์ ที่อาตมาว่าศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่เหลือเลย เพราะมีการบูชาไฟมีการจุดธูปจุดเทียน มีรดน้ำมนต์ ซึ่งมันไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย มันผิดเพี้ยนไปหมด ทุกวันนี้ถ้าเผื่อว่าศาสนาพุทธไม่มีจุดธูปจุดเทียนไม่มีการสวดมนต์ ไม่มีรดน้ำมนต์ ก็จะไม่มีอะไรให้พระทำไม่มีเลย พระของศาสนาพุทธทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องนอกรีตศาสนาพุทธ
ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ก็เป็นการสวดที่ผิด ซึ่งยังไม่มีเวลาที่จะอธิบายในช่วงนี้ สวดแบบออกนอกลู่นอกทางไม่ได้เป็นประโยชน์ สวดที่ถูกอย่างสังคีติ สังคายนาก็ไม่มี แล้วท่านก็ให้สวดแบบสรภัญญะก็สวดบทสวดไม่เป็น แบบสรภัญญะ ก็แปลว่า ห้ามใส่ทำนองห้ามใส่เสียงอันยาว แต่ก็บอกว่าให้สวดแบบสรภัญญะได้ แต่เขาก็บอกว่าใส่ทำนองได้นิดหน่อยอย่างนี้เป็นต้น
มันไม่มีอะไรเป็นสัมมาทิฏฐิเลย การบวชนั้นพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ แต่ไม่ให้ไปรับใช้ชาวบ้านหาเงินหาทอง ก็ทำด้วยให้ชีวิตยังอยู่ไปได้ ในสมัยพระพุทธเจ้า พระก็สร้างกุฏิวิหารทำงานต่างๆแต่ไม่ผิดวินัย ก็เหมือนชีวิตธรรมดาที่จะยังชีพ หรือ ช่วยคนได้ แต่ไม่ใช่รับใช้
การรับใช้ กับช่วยคน ..ต่างกัน
รับใช้ก็ถือว่าไม่ผิดพระวินัยที่พอจะช่วยได้ก็ช่วย ตามความรู้ความสามารถ สำหรับสังคมประเทศชาติ สังคมที่อยู่ด้วย แต่ไม่ใช่ไปรับจ้างที่จะเอาสิ่งตอบแทนอะไรเป็นอันขาด ไม่รับใช้ จะว่ารับใช้ก็พอฟังได้ ที่จริงไม่ได้ไปรับใช้หรอก แต่ว่าไปช่วยเหลือไปสังคหะ เกื้อกูล เป็นต้น ซึ่งมันเป็นรายละเอียดที่ผิดเพี้ยนไปไกลหมดเลย เพราะฉะนั้นพระจึงไม่ได้มีประโยชน์คุณค่าอะไรในทุกวันนี้ ไม่เป็นประโยชน์แล้วก็ยังมีอภิสิทธิ์ได้เปรียบไม่รู้กี่ชนิด ในความเป็นภิกษุทุกวันนี้ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องศักดินาชนิดนึง มาบวชเพื่อจะได้อภิสิทธิ์เหล่านี้ แล้วก็ได้เล่าได้เรียนเพื่อได้ศึกษา ได้โอกาส จนกระทั่งจบด็อกเตอร์แล้วก็สึกออกไปทำมาหากิน อย่างนี้ก็มีเยอะไม่ใช่น้อยเลย เดี๋ยวนี้ก็ยังทำกันเยอะ Doctor เดี๋ยวก็เสร็จก็ไปทำมาหากินได้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ
สัจธรรมทุกวันนี้อาตมาพูดยังไม่ได้ใส่ร้ายเขา มันน่าสงสารที่สุดศาสนาพุทธ พูดแล้วก็เห็นใจเขาเหมือนกัน เหมือนกับเราอวดดีพูดถูกอยู่คนเดียว ตีทิ้งกระแสหลักทั้งหมดเลย ซึ่งมันก็จริงอย่างนั้น อาตมาไม่ได้พูดเล่น
สู่แดนธรรม ตั้งแต่มาศึกษากับพ่อท่าน ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดเยอะมากเลย
พ่อครูว่า…มันผิดไปทั้งหมด จริง หาถูกไม่ได้เลย ขออภัยที่ต้องพูดความจริง หาถูกไม่ได้เลย จะเอาอะไรล่ะ ศีลก็ไม่ถูก สมาธิก็ไม่ถูก ปัญญาคือความรู้ก็ไม่ถูก จารีตประเพณีก็ยิ่งเลอะใหญ่เลย เป็นเดรัจฉานวิชากลบ ศาสนา ตอบมาสิตอนนี้เราพานักเรียนทั้งหมด ออกมาแล้วนะเปิดไฟทางโน้นพูดเร็วเป็นใคร อาจารย์ไหนอ่ะ ได้ยินได้ยินได้ยินแล้ว ไปหมดเลย ถ้าไม่มีเดรัจฉานวิชชาให้ทำ ไม่รู้จะทำอะไร พูดไปแล้วมันน่าสังเวชใจ
นี่ ยังไม่ได้อ่าน SMS เลย
_ลานนาอโศก…สมณะบินบน…แจ้งข่าว ญาติธรรมทางภาคเหนือว่าตอนนี้เขื่อนแม่กวงแตก อยากถามพ่อท่านว่า พ่อท่านเรื่องสุขภาพเคยประมาณผิดพลาดไหมครับ
พ่อครูว่า…ไม่หรอก ก็ระมัดระวังอยู่ไม่มากไม่โอเวอร์ไม่อะไรไป คือ มันน้อยไป ก็คงจะไม่ใช่หรอก มันก็คงจะไปทาง over ก็ไม่โอเวอร์มีคนคอยดูแลช่วยเหลือ เตือนติง คอยดึงไว้ไม่ให้มันมากมายอะไร ให้พักผ่อนให้อะไรอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก ว่าจะเลยเถิดไป ขอบคุณที่ห่วง
_ศาลีอโศก สมณะลือคม…ตอนนี้ความรู้สึกชุ่มเย็น ที่นี่ฝนตกปรอยๆ ที่นี่ก็ยังมีความสุขสำราญดีครับ (พ่อครูว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอย่างไร ) ตอนนี้ก็ได้เลียนแบบบ้านราชฯสัก1% 2% ปลูกแตงไทยปลูกแตงโม ตอนนี้จะทำปลูกผักใส่ร้านขึ้นมา เพราะสู้หญ้าไม่ไหว ข้าวก็หว่านรอบที่สองก็พยายามอยู่ วันนี้ก็รู้สึกว่า อะไรที่บอกว่า ข้างนอกเขาทำได้ยาก แต่ในระบบการศึกษาธรรมะ สามารถทำเรื่องยากให้ง่ายดายได้ เขามีปัญหาเรื่องของการรู้ตัวได้ยาก แต่ของพวกเรา รู้สึกตัวได้ง่าย มีอาการบ่งบอกว่าต้องเคร่งแล้ว แค่เรื่องอยากกินอร่อย ถ้าจะให้ตรวจสอบพิจารณา เราก็สามารถรู้ได้ ที่นี่เราไม่ต้องมีตำรวจเลย อยู่กันอย่างไว้วางใจ มีความมั่นใจกันมาก
พ่อครูว่า..ระบบพวกเราตำรวจไม่ต้องใช้ ประชาชนมีศีลธรรม ตำรวจนี้เขาเอาไว้ดูแลคนไม่มีศีลธรรม คนที่พฤติกรรมเสีย พฤติกรรมมันละเมิด ไม่ว่าจะเป็นการขโมย ทั้งกาม ทั้งปฏิฆะ โทสะ ของทางโลกเขามันแรงก็เลยต้องมีตำรวจเข้าจัดการในส่วนที่มันเกิน มันร้ายแรง แต่พวกเราไม่มี สังคมชาวอโศก สิ่งเหล่านี้มันไม่มี ตำรวจเลยไม่ต้องมีพวกเราตกงานหมด
_ดอยแพงค่าภูผาฟ้าน้ำ พวธ…. ท่ามกลางวิกฤตโควิดและภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆทั่วโลก ที่ทำความเดือดร้อนให้กับคนทั่วโลก แต่ยังมีกลุ่มชนกลุ่มเล็กๆอยู่ 2 กลุ่มคือกลุ่มชนชาวอโศกและกลุ่มแพทย์วิถีธรรมด้วย กลับอยู่รอดปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข อันนี้ไม่แน่ใจว่าถ้าเราจะบอกว่ามันตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่ทราบว่าพ่อครูมีความเห็นว่าอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…มันชัดเจน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมก็ได้ ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือ มันมีพลัง 4 แล้วก็พ้นภัย 5 อันนี้ยิ่งชัด
-
ปัญญาพลัง (กำลังคือ ปัญญา) . . .
-
วิริยพลัง (กำลังคือ ความเพียร ขยัน) . .
-
อนวัชชพลัง (กำลังคือ การงานที่ปราชญ์ไม่ติ) . ,
-
สังคหพลัง (กำลังคือ การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น) ,
มีต่อ…
ปัญญามีความรู้ระดับโลกุตระไม่ใช่โลกียะ แล้วก็มีความเพียร เรื่องขี้เกียจตีทิ้งไป จึงเป็นคนที่ทำงานมีกรรมกริยาแต่ละคนนั้นก็ทำ แล้วไม่ไปทำงานที่เอาพลังงานแรงงานไปทำกรรมที่มันเป็นกรรมชั่วกรรมต่ำ สูญเสีย จึงเป็นกรรมที่มีประโยชน์ที่มีการสร้างสรร ไปทำการกสิกรรม แม้แต่งานสื่อสาร งานการศึกษา มันก็เป็นการงานที่ดี เรียกว่า เป็นผู้ที่ ผู้รู้นักปราชญ์ อนวัชชะมาตู่ท้วงโทษไม่ได้เลยใครมาท้วงติงไม่ได้ เพราะเราทำแต่สิ่งที่ดีกับสังคม แล้วที่สำคัญคือทำแล้วมีผลผลิตมีแรงงานที่เกินส่วนที่จะต้องใช้ในพวกตัวเองเหลือ ก็ไปช่วยเกื้อกูลผู้อื่นมีสังคหะอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่มีพลัง 4 นี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรเลย ไม่ต้องกลัวภัย 5
-
อาชีวิตภัย (ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย)
-
อสิโลกภัย (ภัย คือ การติเตียนจากคนโลกๆ)
-
ปริสสารัชภัย (ภัยคือ การสะทกสะท้านต่อสังคม) .
-
มรณภัย (ภัยคือ ความตาย)
-
ทุคติภัย (ภัยคือ ทุคติ เช่น อบายภูมิ นรก เดรัจฉาน ฯ)