630810_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 3
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1yeNwwzYKofAsqVApaK3fMQNHJ1X88yL-aftxKMnFPNg/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/19Ozms8nnxCTS3UkJ_Ajp2t3Fpu9IhYkz/view?usp=sharing
ยูทูปที่
สู่แดนธรรม… วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก รายการวันนี้มีพี่น้องจากทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมรายการออนไลน์กัน
พ่อครูว่า…10 ส.ค.2563
_คอยใคร : กราบเคารพพ่อครูครับ วันนี้ช่วงเช้าผมฟังท่านเสีย
ppงศีลพูดว่า ท่านได้สีวาดภาพจากโยมมาถวาย เป็นสีที่ดีมาก ราคาแพง ท่านก็เลยไม่กล้าจะใช้ ยังเก็บไว้อยู่ ผมจึงส่งเมสเสจไปทางรายการว่า ” พ่อครูบอก เห็นมะม่วงก็คือมะม่วง เห็นสีแพงก็คือสี ใช้ไปเถอะครับท่าน”
ผมจึงอยากถามพ่อครูว่า ผมใช้คำพูดวาจาจาบจ้วงล่วงเกิน สมณะผู้ใหญ่ไหมครับ ผู้ที่เป็นสมณะรูปแรกของชาวอโศก ถ้าจาบจ้วงล่วงเกิน ผมขอกราบขออภัยท่านเสียงศีลมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ด้วยตัวผมนับถือท่านมานานแล้ว และติดตามชมคลิปเก่าๆเรื่อง จุลินทรีย์ต่างๆ การทำเกษตรที่เนินพอกินทุกคลิป เท่าที่จะหาชมได้ เป็นแนวทางมาปรับใช้ในไร่สวนของผมครับ
ขอกราบพ่อครูชี้แนะผมด้วยครับ ด้วยปัญญาทางธรรมอันน้อยนิดของผม ว่าผิดไหมที่พูดไปแบบนั้นครับ นี้เป็นเมสเสจเดียวในหนึ่งอาทิตย์ ตามที่ผมเคยสัญญาไว้ครับ กราบขอบพระคุณพ่อครูเป็นอย่างสูงครับ
พ่อครูว่า…ท่านเสียงศีลเป็นสมณะรูปแรกที่อาตมาบวชให้ แต่สมณะที่รองจากอาตมาก็มีหลายรูป เช่นท่านเดินดิน ท่านบินบนก็ยังอยู่
ก็ใช้ได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ได้ละลาบละล้วงอะไร เป็นสามัญ ไม่ได้ติดยึดความสูงส่งที่จะต้องใช้คำคารวะนอบน้อมอะไรหรอก
_สมณะใต้ดาว . ฝากให้พ่อครูฯ ช่วยอธิบาย “ว่าด้วยสมัญญาแห่งภิกษุ” ด้วยครับ กราบมนัสการ สาธุ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มหาอัสสปุรสูตร
ว่าด้วยธรรมทำความเป็นสมณพราหมณ์)
พ่อครูว่า…อาตมาก็มาเปิดดูแล้ว ก็อ่านดูคร่าวๆไม่ได้เตรียมมาก่อนนะ เปิดดูหน่อยๆ เห็นแล้วก็เข้าใจแล้วล่ะ คือในมหาอัสสปุรสูตร ท่านก็ไล่เรียงความเป็นสมณะว่าวิธีจะเป็นสมณะนั้นจะเกิดในสภาพ จะเป็นสภาพอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ท่านก็เรียงลำดับไป จนกระทั่งครบบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ในหลายพระสูตรมากมาย สรุปแล้วก็คือ
มันมีที่พวกเรา ชาวอโศก อาตมาเองอาตมามาเน้นไม่หลับตาปฏิบัติ ไม่ออกป่าเขาถ้ำ แต่ทีนี้มันมีอยู่ประเด็นหนึ่งใน มหาอัสสปุรสูตร คือพอมาถึงข้อ 469 กิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปอย่างไร? ท่านได้ไล่เรียงมาตั้งแต่สำรวมอินทรีย์มา มีการปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิ แล้วก็สำรวมอินทรีย์ โดยเฉพาะเน้น อปัณกธรรม 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะแล้วก็มี หิริ โอตัปปะ ตามจรณะ 15 จริงๆในจรณะ 15 ไปออกป่าไม่มี แต่ในอันนี้มีมาคั่นในข้อที่ 469 ที่อาตมาบอกไปดังกล่าวว่ากิจที่ควรทำให้ยิ่งๆไปเป็นอย่างไร
[469] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปเป็นอย่างไร? ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ถ้ำ ซอกเขา ป่าช้า ป่าชัฏที่แจ้ง ลอมฟาง. เธอกลับจากบิณฑบาต ในการภายหลังแล้ว นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า. เธอละความเพ่งเล็งในโลกแล้ว มีใจปราศจากความเพ่งเล็งอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความเพ่งเล็งได้. ละความประทุษร้ายคือพยาบาทแล้ว ไม่คิดพยาบาท มีความกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้ายคือพยาบาทได้.ละถีนมิทธะได้แล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ มีความสำคัญ หมายอยู่ที่แสงสว่าง มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้. ละอุทธัจจกุกกุจจะได้แล้ว เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ ณ ภายในอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะได้. ละวิจิกิจฉาได้แล้วเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉา ไม่มีความคลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉาได้.
พ่อครูว่า…การนั่งสมาธินั้นมันก็เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอุปการะอย่างยิ่ง ผู้ที่ปฏิบัติสายปัญญาวิมุติโดยตรง ไม่ปฏิบัตินั่งหลับตาสมาธิ แต่ปฏิบัติเรียนรู้กิเลสโดยตรง มีคำว่ากาย คู่มาตลอดเวลา มีภายนอกตลอด จะบรรลุอรหันต์ได้เป็นปัญญาวิมุตได้เลย แต่ถ้าหากว่าเราจะให้พร้อมทั้ง เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติสมบูรณ์แบบ แม้ในปัญญาวิมุติ ก็มีคำที่ทำให้สงสัยกันอยู่ว่าถ้าเผื่อว่ามันไม่สมบูรณ์นี้ น เหวะ ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย มีประเด็นนี้อยู่ตรงนั้น
หมายความว่าสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายมันก็เป็นความหมายทั้งสภาพกาย ต้องมีทั้งภายนอกและภายใน วิโมกข์ 8 สายหลับตา เขาจะเข้าใจว่าวิโมกข์ 8 เป็นการนั่งหลับตา ซึ่งจริงๆแล้ววิโมกข์ 8 ไม่ได้เป็นการนั่งหลับตา
ในวิโมกข์ 8 ต้องมีทั้งภายนอกและภายใน อัชฌัตตัง แปลว่า ภายนอก คำว่าไม่ทิ้งภายนอกแม้แต่ในอานาปานสติสูตร แม้คุณจะนั่งหลับตาอยู่ก็ไม่ทิ้งภายนอก ไม่ทิ้งลมหายใจ ถือว่าคุณจะต้องมีสติสัมปชัญญะรู้จักภายนอกอยู่เต็ม ความละเอียดของลมเข้าลมออกภายนอกภายใน ถ้าไม่มีสติแล้วรู้ความละเอียดของลมออกลมเข้าลมสั้นลมยาว เข้าสั้นออกยาวอะไรพวกนี้เข้าสั้นออกสั้นพวกนี้ คุณจะไม่มีการกำหนดโดยไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่มีการกําหนดหมายรู้ชัดเจนเข้าสู่สัมปชัญญะ มีการกำหนดเข้าไปรู้รายละเอียดแจกแจงคุณจะไม่ตื่นเต็ม ไม่เป็นชาคริยา เพราะฉะนั้นจะต้องตื่นเต็ม จากนอกไปใน แต่คนเข้าใจอานาปานสติผิดไปตรงที่ไม่มีใครบอก เข้าไปอยู่ในภพแล้วก็เกิดภาพข้างใน สภาพข้างในมันจึงไม่เกิดความเป็นครบบริบูรณ์ของความจริง สัจจะบริบูรณ์ไม่ครบความจริงสัจจะบริบูรณ์ เป็นสัจจะที่สำเร็จด้วยจิตเท่านั้นเกิดด้วยจิตเท่านั้นจึงเป็นอัตภาพ จิตที่มันมีสำเร็จแต่ภายในจิตเท่านั้นมันเป็นอัตตา มันไม่มีกาย
กายกับอัตตา เป็นภาวะคู่ที่จะแยกกันไม่ได้ ขาดกันไม่ได้ หากขาดภายนอกไม่มีกาย ไม่มีภายนอก 5 ทวาร มันบกพร่องหรือว่ารู้ไม่ครบ ท่านไม่ถือว่าเป็นความสมบูรณ์ คุณจะนั่งหลับตาตรวจสอบเตวิชโชความละเอียดของธรรมะต่างๆโดยไม่มีภายนอกเลย คุณไม่ได้มีความรู้สึกทั้งภายนอกเลย ตัดเข้าไปอยู่ในภพเลยนะ เป็นภายใน แล้วก็เรียนรู้ธรรมะต่างๆละเอียดพิจารณารายละเอียด ถ้านั่งหลับตาเข้าไปอยู่ในภวังค์ภายในแล้ว จะได้ประโยชน์
-
ได้พักผ่อน
-
ได้ศึกษาจิตศึกษาธรรมะต่างๆละเอียดลออพิจารณาต่างๆได้
-
เตวิชโช ตรวจสอบบัญชีสิ่งที่เราปฏิบัติมาแล้ว มีบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ตรวจสอบว่าเราปฏิบัติได้มรรคผลมาอย่างไร แค่ไหน จบหรือยังถึงอาสวะสิ้นกันหรือยัง ก็ทบทวนลงบัญชี นี่คือเตวิชโช
-
สร้างพลังจิตอย่างเก่งเลย อันนี้นอกรีตของพระพุทธเจ้าแต่ทำได้จริง เอาจิตไปเล่นฤทธิ์เดช เล่นอิทธิปาฏิหาริย์ เล่นอาเทสนาปาฏิหาริย์ได้ เราไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้เป็นความจริงชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่ใช่อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นปาฏิหาริย์นอกรีตที่ไม่พาบรรลุ ดีไม่ดีพาให้หลงติดยึดออกนอกทางไม่บรรลุนิพพาน มันจะเป็นอาเทศนาปาฏิหาริย์กับอิทธิปาฏิหาริย์ จะเป็นเรื่องฉุดดึงให้เรายิ่งไม่บรรลุธรรม หรือไม่ก็บรรลุธรรมช้า