ส.ค.142020ศาสนา630814_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ทำ 1 และ ทำ 0 ได้ คือมีให้มาก-หมดให้หมด ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/166oXQZe-1B4OXcaob89jQVqxvyqOoRH6YH6kEsUV-ec/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Ke1QlbmgzOd6ky8w9KnEz3NG4acAOrfA/view?usp=sharing และยูทูปที่ สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563 แรม 10 ค่ำเดือน 9 ปีชวด ที่บวรราชธานีอโศก ชาวอโศกเป็นผู้อหิงสา อโหสิ อย่างแท้จริง แม้จะมีแบบทดสอบ ที่เป็นอุปสรรคมามากมาย เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นโพธิสัตว์ของพ่อครู อโศกจะเจริญได้ต้องรู้ธรรมะ 2 พ่อครูว่า…ติดค้างที่ท่านฟ้าไทได้เกริ่น ที่อาตมาได้ผ่านอุปสรรคและสร้างกลุ่มมาเกือบ 50 ปีแล้ว เขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อ คงต้องพิสูจน์จนอายุเป็นร้อยปี อีกสัก 50 ปี ก็ต้องพิสูจน์กันไป ไม่ว่าอีก 50 ปีอาตมาอาจจะไปก่อน พวกคุณก็ต้องพิสูจน์อยู่ดี อาตมาว่า อาตมาตายแล้ว พวกคุณก็จะไม่ถอย ก็จะเกาะกลุ่มกันอยู่ การเกาะกลุ่มกันอยู่พวกคุณลำบากไหม… ไม่ลำบากมันสบาย เราอยู่กันอย่างสบายๆอิสระเสรี อธิบายอย่างไรก็ไม่ง่าย เป็นความละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนพวกนี้มันไม่ง่าย สบายมันอิสระ มันเป็นตัวของตัวเองมันไม่มีใครมาข่มขี่ บงการอะไรเรา แล้วเราก็มีสำนึก เราก็รู้ว่าสิ่งที่ดีและไม่ดีคืออะไรเราก็ไม่ทำไม่ดี แต่ข้างนอกเขาทำ เขาก็ประพฤติอยู่แต่เราไม่ประพฤติแล้ว ก็จะเป็นการเทียบเคียง เขาประพฤติตรงกันข้ามกับเราด้วย เราก็เห็นได้เปรียบเทียบด้วยปฏิภาณปัญญา ว่าอย่างนี้มันดีกว่า ฉันรออยู่แบบคนจนมันดีกว่าอยู่กับคนรวยนะ เข้าใจจริงๆ อยู่กันอย่างไม่ต้องแย่งชิง เขาแย่งชิงความสวยความรวยความเด่นความดังกัน ของพวกเราไม่เห็นจะต้องแย่ง มันเป็นคำตอบของเราว่าอย่างนี้ดีกว่า แล้วเราก็เลือกอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเราเองปิดหูปิดตา เหลือเราหลงอยู่อย่างเดียว ไม่มีข้อเปรียบเทียบเลย แต่เรารู้หมด มีข้อเปรียบเทียบ ให้เราเลือกได้ มันก็เป็นเรื่องของการตัดสินว่า อะไรเป็นยอดของอะไร เราเลือกอันนี้เป็นยอดเป็นหนึ่งเป็นยอดกว่าเทียบกับ 2 แล้ว คู่กันแล้ว เราก็เลือกเอาที่เป็น อะไรยอดกว่า อะไรในฐานที่เราจะต้องอาศัย เรายังไม่สูญ ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ความจริงแล้ว 0 กับ 1 เป็นนัย สภาพเชิงซ้อนที่เป็นอันเดียวกัน เป็นแต่เพียงว่า เรายังมีภาวะรับรู้เแล้วก็เป็นหนึ่ง ถ้าเราไม่รับรู้อะไร อยู่ว่างๆ การอยู่ว่างๆนี้ ยากกว่าการดับ การอยู่ว่างๆ โดยที่เราไม่ให้ดับแต่ให้ว่างๆ ขนาดหลับตาอยู่ว่างๆยังยากเลย ลืมตานี่ แล้วคุณก็ทำจิตว่างๆ กระทบอะไรแล้วก็ไม่ต้องรับรู้อะไรเฉยๆ อยู่ว่างๆอย่างลืมตาสว่าง อะไรก็มี กระดึ๊บกระดึ๊บ กระทบสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายใจ แต่คุณไม่รับรู้อะไรเลย มันยากกว่า ลองฝึกดูสิ ลองทำดู มันฝึกยาก เรื่องของจิตใจนี้มันมีความละเอียดมากมาย อาตมาเห็นว่ามันจะต้องบอกกัน เพราะเป็นเรื่องของมนุษยชาติที่มีจิตใจ และก็ต้องเรียนรู้ แล้วสามารถทำได้ เข้าใจได้ แล้วคุณก็เลือกเอาว่าจะเอายังไหนอาตมาบอกนี้ไม่ได้บังคับว่าจะต้องมาเอาอย่างเรา แต่จะไม่ให้เราบอกว่าอย่างเรานี่ดีกว่ามันก็ต้องพูด จะไม่ให้บอกว่าอย่างเรานี่ดีกว่ามันก็ไม่ได้ เราก็ต้องบอกว่าอย่างนี้ดีกว่า เพราะถ้าไม่ดีกว่าเราจะมาอยู่ฝั่งนี้ทำไม ถ้าอยู่อย่างโน้นดีกว่าแล้วมาอยู่ฝั่งนี้ คุณจะบ้าหรือเปล่า มันก็ต้องเป็นสัจจะ เราก็ต้องสื่อออกไป ว่าอย่างนี้เหนือกว่าดีกว่า จะไม่ให้เราไม่พูดไม่ได้ เราก็ต้องพูดความจริง จะหาว่าเรายกตน ก็เราทำจริงจะหาว่าเรายกตน จะทำอย่างไร เราก็ต้องอยู่ในสิ่งที่ยก จะไปอยู่ในสิ่งที่ตกต่ำทำไม มันก็เป็นสัจธรรมแท้ๆจะเป็นเช่นนี้ _SMS วันที่ 12-13 ส.ค. 2563 _สิกขมาตุเทียนคำเพชร : วันนี้ดูรายการถ่ายทอดสด ที่พ่อครูมีตัวแทนไปรับรางวัล ที่เกาหลีมอบให้พ่อครูในสาขาสันติภาพ เป็นรางวัล Manhea Grand Prize ทำให้คิดว่าพ่อครูทำงานให้กับคนไทยในประเทศไทยมาเป็นเวลาครึ่งศตวรรษ แต่ไม่มีคนไทยสักกี่คนที่จะชื่นชม นอกจากชาวอโศก กับคนที่มีปัญญาในทางธรรมเพียงจำนวนไม่มาก แต่คนเกาหลีที่อยู่ไกลคนละประเทศ กลับมองเห็นคุณธรรมและชื่นชมยกย่องมอบรางวัลให้ คนไทยคงน่าสงสาร ที่มีพ่อครูมาทำงานให้อย่างเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่เห็นค่า เหมือนไก่เห็นพลอยเลย แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่ต้องให้ต่างชาติเข้ามายกย่องก่อน ในสมัยที่ข้าพเจ้าเข้ามาอโศกใหม่ ๆ คิดว่าการสอนพุทธศาสนาแนวพ่อท่าน กว่าคนไทยจะรู้คุณค่าและยอมรับนับถือศรัทธาในตัวพ่อท่านได้ พ่อท่านคงจากโลกนี้ไปสัก 300-500 ปีแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกาหลีมอบรางวัลให้พ่อครูวันนี้ ก็ดีใจว่างานของพ่อครู คนไทยคงหันมาเห็นดีเร็วขึ้นกว่าที่ตัวข้าพเจ้าเคยคาดไว้ว่า 300 ปีข้างหน้า เมื่อตัวเองคิดแบบนั้นก็เลยรีบเข้ามา ก็ยิ่งมั่นใจว่า ไม่มีใครในโลกขณะนี้ที่มีปัญญาเท่าพ่อครู ที่มาชี้ทางรอดให้มวลมนุษยชาติได้เท่าพ่อครู ขอน้อมกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิตจิตวิญญาณตลอดไป _ก้าวหน้า สํานึกดี : กราบนมัสการพ่อครู เคยมีพระโพธิสัตว์ทำผิดพลาด พร่องศีลบ้างไหมคะ แล้วมีวิธีใดบ้างที่ควรทำแก้ไขตนเองต่อไปคะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง พ่อครูว่า…ต้องตอบกับคุณว่า ไม่มีพระโพธิสัตว์ที่เป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ได้เขตแล้ว จะไปเจตนาหรือไปแกล้ง ขออภัย พระโพธิสัตว์บางทีเจตนาประพฤติอย่างนี้ เหมือนกับทำผิด อย่างอาตมาบอกข้อด้อย 10 ข้อ อาตมาก็รู้ แต่อาตมาเจตนาทำเช่นนั้น เรารู้ว่าเราทำอย่างนี้แต่เพื่อผลประโยชน์มากกว่าที่จะเสียเช่นนี้ การทำไม่ดี หรือภาษาง่ายๆว่าผิด ผิดหลักเกณฑ์จารีตประเพณี ผิดค่านิยมอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นสมมติสัจจะทั้งนั้น มันผิดได้ แต่มีวิบาก อาตมาทำก็มีวิบากด้วย ไม่ใช่ไม่มี แต่อาตมายอมรับวิบาก เพื่อแลกกับการได้ประโยชน์แก่ผู้อื่นมันมากกว่า มันคุ้มแสนคุ้ม เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยอมสละ พูดไปแล้วเหมือนโก้ พูดเอาดีเข้าตัว แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องทำ สมมติสัจจะผิดพลาดกันได้ สัจจะที่เป็นอนุตริยะสูงสุดแล้ว มีหนึ่งเดียวไม่มีสอง _นภารัตน์ อิ่มรัง : น้อมก้มกราบพ่อท่านที่เคารพพ่อท่านสูงสุด กราบสาธุเจ้าค่ะ เวลาปฏิบัติธรรมตอนเจอผัสสะแบบแรง ๆ สิ่งแรกจะนึกถึงคือพ่อท่าน จะได้ยินเสียงพ่อท่านมาไกล ๆ แล้วจะเรียกสติกลับคืนมา อ่านจิตให้ออก กราบสาธุ พ่อครูว่า…มันเป็นสิ่งที่อาศัยเหมือนพระพุทธเจ้ามีพระพุทธนิมิต หรือว่ามีเทวดามาเข้าเฝ้าส่องแสงสว่างทั่ววิหารเชตวันอย่างนี้เป็นต้น เป็นการเปรียบเทียบหรือบอกแจ้งแก่กันและกัน อะไรต่างๆนานา มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดภาวะรู้อะไรเคลื่อนที่ รู้อะไรขึ้นมาใหม่หรือเคลื่อนที่อะไรขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ถ้าอยู่นิ่งหยุดไปก็อยู่ที่เก่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อมีอะไรเคลื่อนที่ขยับ แต่การขยับของพระพุทธเจ้ามีแต่การขยับขึ้นสู่ความเจริญ ผู้ที่ไม่รู้ขยับ 2 อย่างมันก็เสื่อมได้ แต่ของพระพุทธเจ้า 2 อย่างมันสังเคราะห์กันสัมผัสกระทบกันมันจะเกิดการสังขารปฏิสังเคราะห์กันขึ้นมา เป็นสิ่งที่สูงขึ้นเจริญขึ้น _อำพร กันทะ : แม่คือผู้ให้กำเนิดทางร่างกายและชีวิต และพ่อครูคือพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดทางจิตวิญญาน ชาตินี้ลูกเกิดมาคุ้มเกินคุ้มแล้วค่ะ ถึงจะมารู้จักพ่อครูอายุเข้า 40 กว่าปีก็ตาม เวลาว่างของลูกจะแบ่งให้เวลาธรรมะ 80 เปอร์เซ็นต์ค่ะ พ่อครูว่า…ดีตั้งใจต่อไป ยิ่งรู้ว่าเรามาสายแล้วยิ่งต้องจ้ำเดี๋ยวจะค่ำก่อนนะโยม _สุภาพร มุกดาธนาอังกูร : น้อมนมัสการบูชาพ่อครูค่ะ ลูกอยากทราบความหมายคำว่า ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ อย่างละเอียดค่ะ ขอพ่อครูเมตตาชี้แจงด้วยค่ะ พ่อครูว่า…ผู้ที่เข้าใจความเป็นแม่เป็นพ่ออย่างสัมมาทิฎฐิก็จะเกิดสัตว์โอปปาติกะที่เป็นลูกที่สัมมาทิฏฐิ ยกตัวอย่างศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ ก็คงเข้าใจ ศีลจะนำพาอย่างไร ปัญญานำพาอย่างไร มันเป็นสภาวธรรมที่ไม่ใช่เป็นตัวตนบุคคลเราเขาที่เป็นพ่อเป็นแม่อย่าง ชลาพุชโยนิ ไม่ว่าจะเป็นของสัตว์เดรัจฉานหรือคนแล้ว ก็ชัดเจนแล้วมันไม่ใช่ แต่เป็นลักษณะที่ร่วมกันผู้หนึ่งมีลักษณะ เพศหรือลิงคะ ที่มีความแตกต่างสองนัย ตั้งแต่วัตถุที่เล็ก สิ่งที่มีภาวะเครียดมากกว่าก็จะเป็นเพศแม่ สิ่งที่นิ่งกว่าแข็งแรงกว่าก็เป็นเพศผู้ แต่ไม่มีความสลับซับซ้อน พลังงานทางบวก หรือปุริสะ มีพลังงานที่แม้จะเคลื่อนก็เคลื่อนได้อย่างแรงและเร็ว แล้วก็เกินกว่าพิเศษกว่า เพศเมีย เพศลบ อย่างนี้เป็นต้นมันก็มีนัยต่างๆ องค์ประกอบต่างๆตามกาละเทศะฐานะที่จะมี เพราะฉะนั้นในมุมอย่างนี้แหละ เราจะรู้เมื่อที่สุดแห่งที่สุดแล้ว ผู้รู้จริงๆก็จะรู้ที่สุดแห่งที่สุด ว่า จริงๆแล้ว จะมีเพศหลัก กับ เพศที่เคลื่อน เพศหลักนิ่งกับเพศที่เคลื่อน อยู่ 2 อันสลับไปสลับมาทำงานร่วมตลอดจนเป็น ชีวะเป็นจิตนิยามแล้วปรุงแต่งกันอีกไม่รู้กี่สภาพ สู่แดนธรรมว่า..พ่อครูเคยบอกว่า หากลูกๆไม่มีความเจริญขึ้นเพราะครูก็จะอธิบายธรรมะได้ไม่ละเอียดเพิ่มขึ้น พ่อครูว่า…มันเกื้อกูลกันสะท้อนกันช่วยกันมันมีแน่นอน ถ้าเผื่อว่าอาตมาไม่มีใครตอบรับได้ ก็จะไม่กว้างของพิสดารได้อย่างนี้หรอกแต่นี่มันมีมันก็เลยเลิกเรียนแล้วเอายิ่งขึ้น มันช่วยกันคนละมุมคนละความละเอียดละออ เราคนเดียวมันจะน้อยมันไม่มีมากมันจะไปไหนได้มันก็จะแคบ ตอนนี้ยิ่งมีมากหลายก็ยิ่งมีความพิสดารดี เตวิชโช มีประโยชน์อย่างไร _ศักดิ์ศรี หมายมีทอง : พ่อครูต้องอยู่ยาวนาน เพราะมีสำนักหนึ่งที่นั่งหลับตาเจ้าสำนักอายุ 100 ปี ลูกศิษย์ก็ขยายหาสมาชิกเพิ่ม พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมผู้เป็นอาจารย์ว่า ยังผ่องใส แม่นยำ ความจำดี ด้วยการนั่งหลับตานี่แหละ ถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะไม่มีผู้ใด สำนักใดมาหักล้างการนั่งหลับตาได้ครับ พ่อครูว่า…การหลับตาไม่ใช่ทฤษฎีหลักของพระพุทธเจ้าเลย มันเป็นอุปการะ เราก็ใช้การนั่งหลับตาเป็นการศึกษาการพักผ่อน ใช้เตวิชโช ศึกษาเรียนรู้ภายใน ภาวะที่นิ่งคุณก็พิจารณาอะไรได้สะดวกและง่ายได้เยอะแยะมากกว่า หรือเป็นการตรวจสอบ เตวิชโชก็คือการตรวจสอบ เหมือนการลงบัญชี เราทำงานมาแล้วก็จัดการบุพเพนิวาสานุสติญาณ ตรวจสอบว่ามันเป็นอย่างไร เราแพ้หรือชนะได้ผลหรือไม่ได้ผล ได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ก็ลงบัญชี สำทับกับตนเองว่า ได้ผลถูกต้องไหม อันนี้จบแล้ว สิ้นอาสวะแล้ว ไม่ต้องไปวุ่นวายแล้วก็เอาอันใหม่ขึ้นมาทำต่อ จนกว่าจะเป็นพระอรหันต์ เป็นจริงไหม ก็ตรวจสอบใช้พวกนี้ เราก็จะรู้ประโยชน์ เตวิชโชนี้จะต้องใช้ ไม่ใช้ในวาระใด คุณก็ต้องรู้รายละเอียด หากคุณไม่ใช้เลยจะไปตรวจสอบตัวเองได้ครบได้มากอย่างไร เอาแต่ปัจจุบันเท่านั้นมันไม่พอหรอก หรือจริงๆโดยอัตโนมัติมันก็ตรวจสอบตัวเองอยู่ในตัวว่าอันนี้ดีหรือไม่ มันก็มีอยู่ใช่ไหม เป็นธรรมดาธรรมชาติไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าเรารู้ทฤษฎีนี้แล้วเราก็เอาไปใช้ ทฤษฎีในการทำมันก็เสริมให้เราทำได้ดี ได้เร็ว ได้ชัด ได้ครบขึ้น นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท… _สุรภา ลิ้มวรรณเสถียร : 1 พระพุทธเจ้าบอกว่าคำสรรเสริญเป็นสิ่งชั่ว แต่เราทำงานไม่ต้องการคำสรรเสริญมาให้แก่ตัวเอง การให้คำสรรเสริญแก่พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ เราชั่วมั้ยคะ พ่อครูว่า…ความซับซ้อนแก่ความหมายต้องคมชัดแม่นประเด็น พระพุทธเจ้าบอกว่าคำสรรเสริญเป็นสิ่งชั่วเป็นความหมายที่ลึกและกว้าง ในกว้างๆนั้นใครก็รู้ว่าคำชมคนก็ต้องชื่นชอบ เหมือนอย่างที่อาตมาได้รับคำชมเชยยกย่องให้ได้รางวัลฟังพระเทศน์เขาเขาก็ให้มา เขาก็เป็นองค์กรหนึ่ง ในประเทศเกาหลีเขาให้มา ให้มาแล้วเขาก็มาถามใจอาตมา ว่าท่านรู้สึกอย่างไร จะให้อาตมาพูดว่าเขาสรรเสริญเราเป็นสิ่งชั่วจะให้พูดอย่างนี้หรือ ? เราจะไปพูดอย่างนี้ทำไม ถึงไม่พูดความจริงแล้ว ซ้อนลึกลงไป เขาสรรเสริญอะไร? เขาสรรเสริญว่าเราเป็นผู้เผยแพร่ เป็นผู้สร้างให้เกิดความมีสันติภาพ อาตมาได้รับรางวัลในประเด็นการนำสันติภาพมาสู่สังคมโลกมนุษย์ ซึ่งมันลึกซึ้งมากและกว้างขวางมาก นี่เป็นประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ เขาไม่ได้หมายความว่า เป็นคนทำเฉพาะประเทศเขา เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมันไม่ใช่มันเป็นสากล มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากเหมือนกัน แต่มันเป็น มันมีเหตุปัจจัยอะไรต่างๆนานา แล้วทำจริงขึ้นมาด้วย เกิดผลพิสูจน์ยืนยัน มีสิ่งปรากฏสภาพให้เห็น ว่ามันเกิดสันติภาพ โดยความหมายของคำว่า สันติภาพ ของเขาคืออะไร อันนี้ก็ต้องอธิบายกันอีกนาน ค่อยๆอธิบายทีละน้อย อาตมาก็อธิบายไม่เก่ง แต่มันยิ่งใหญ่ อาตมาสรุปไว้นานแล้วตั้ง 5 หัวข้อเดี๋ยวนี้แถมอีก 2 อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ ชื่อหัวข้อว่า “บรมภาวะสุดยอดประเสริฐที่ควรได้” แล้วแถมอีกสองคือ สุนทรียภาพ กับ สุญญภาพ เหมือนผู้ช่วยเป็นพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะ ที่ช่วยสิ่งที่เป็นแกนหลักคือก้อนใหญ่อีก 5 อย่างนั้น ต้องอย่างไรก็ทิ้งไม่ได้นะ สุนทรียภาพ ถ้าไม่มีสุนทรียภาพมันไม่ใช่ศิลปะ มันเป็นสารคดี สุนทรีย์หมายความว่ามันมี ความฉาบพอกแห่งความน่ายินดี จะเรียกว่าเป็นกิเลส ก็เป็นเศษส่วนของกิเลส เติมด้วยแสงสีเสียง รูป รส กลิ่น เสียง ซึ่งเป็นโลกียของโลกเอามาประกอบให้เป็นกระษัย เป็นเชื้อให้คนเขาแตะได้ ถ้าเอาแต่ก้อนดุ้นๆสาระหนึ่งเดียวเลยนะ มันแข็งคนจับไม่ติด ต้องให้คนเขาจับติดจะได้เชื่อมแล้วมารับซึมซับหรือเรียนรู้ค้นหา แทงเข้าไปเอาเนื้อเอากันได้ เพราะฉะนั้น แก่นแกน ของสองสภาพของศิลปะคือสุนทรียภาพ อาตมาแปล ศิลปะว่า สุนทรียภาพ กับ สาระศิลป์ ส่วน สุญญภาพคือ แก่นแกน ของนิพพานเลย สุญทรียะ กับสาระ ซึ่งสาระก็เป็นแก่น แต่เป็นแก่นเนื้อ แต่สุญนี้แก่นกลวง แก่นไม่มี แต่สาระนี้แก่นแท้ แน่นไม่มีเปลี่ยนแปลง มีฤทธิ์มีอำนาจมีประโยชน์สูงสุด ดึงเอามาใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด แก่นนี่ มีให้เรื่อยๆ เช่นพระอาทิตย์เป็นแก่นแกนของสุริยะจักรวาล ให้เลี้ยงลูก 9 ดวง ดาวนพเคราะห์นี้ เพื่อสรุปความเข้าใจแล้วเราก็จะรู้ว่าอันนี้เรายังติดยึดอยู่ไรสาระ ก็ปล่อยวางได้ เรายิ่งปล่อยวางก็จะยิ่งมีความรู้เข้าหาแก่น อย่างพิสดารมากยิ่งขึ้น คนใดที่ได้สละสิ่งที่ควรสละออกไปอย่าง ที่รู้ๆนั้น คนนั้นจะได้สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นยิ่งขึ้นๆๆ คุณยังไม่ได้สิ่งนั้น เพราะคุณยังไม่ได้สละสิ่งที่คุณยึด หากคุณสละ คุณจะได้สิ่งนั้นมามากยิ่งขึ้น ท้าพิสูจน์เลย เอหิปัสสิโก เราไม่รวยแล้วแต่เราก็อุดมสมบูรณ์ เรามีความอุดมสมบูรณ์ในสิ่งที่ควรสมบูรณ์แล้วเราก็เร่งรัดพัฒนาให้คนพากันมาสมบูรณ์อย่างนี้ ให้พากันสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร อันนี้ก็ขอย้ำตรงนี้เลยว่า อาตมามุ่งมั่น อยากให้พวกเราเข้าใจอันนี้จริงๆ แล้วอยากให้พวกเราชัดเจนแล้วลงมือช่วยกันจริงๆ ถ้าพวกเรานี้มีพลังงานสัมประสิทธิ์ เคลื่อนขึ้นมา ขณะนี้ที่นั่งกันทั้งหมดมีพลังงานสัมประสิทธิ์ในทางกสิกรรมเท่าไหร่ ถ้าหากมีสัมประสิทธิ์ในทางกสิกรรมเพิ่มขึ้นในแต่ละคน 2 x 2 รับรอง แผ่นดินราชธานีอโศกนี้ เป็นไงๆ จะเต็มโต๊ะนี่ยิ่งกว่านี้ ใช่ไหม ไม่ได้พูดเล่นนะ อยากให้เพิ่ม เพราะตอนนี้เป็นโอกาสที่จะแสดงความจริงต่อโลก ว่าคุณจะมีทองคำ คุณจะมีเพชรนิลจินดา คุณจะมีน้ำมัน คุณจะมีอาวุธฆ่าคน คุณจะมีเครื่องเทคโนโลยีอันวิเศษเท่าไหร่ อันนี้แหละมันเป็นที่ 1 ของโลก อาหารกินเข้าไปในท้องเลี้ยงชีวิตนี่แหละที่ 1 ของโลก ไอ้พวกนั้นอย่างไรก็เป็นรอง แม้แต่ที่สุดอาหารพืชพันธุ์ธัญญาหารกับอาหารเนื้อสัตว์ คู่นี้ก็คู่นึง รับรองว่าอาหารพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นที่หนึ่งกว่าเนื้อสัตว์แน่นอน จริงๆ พืชพันธุ์ธัญญาหารกับเนื้อสัตว์นี่ ไม่เอายากหรอกเอาง่ายๆ คุณจะเลี้ยงสัตว์มากินกับปลูกพืชผักมากินอะไรมันจะเร็วกว่ากัน ก็ผักพืช แค่นี้ก็ชนะขาดแล้ว เขาได้เทียบกันแล้ว เคยได้ยินมา ว่าจะเลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งได้เนื้อสัตว์มา 1 กิโลกรัม กับจะทำพืช 1 กิโลกรัม ต้องใช้องค์ประกอบ พื้นที่แรงงาน รวมเข้าไปสูงกว่ากันถึง 9 เท่า เพราะฉะนั้นกว่าจะได้เนื้อสัตว์มากินแล้วได้ประโยชน์แค่นั้น แล้วยิ่งมีโทษแฝงมากกว่าด้วย กับได้พืช 1 กิโลเท่ากัน แล้วมีโทษต่างกัน อันนี้เดินเร็วกว่าสะดวกกว่าโทษน้อยกว่าอะไรต่างๆนานาซับซ้อน สถิติข้อเปรียบเทียบพวกนี้ เอาเถอะพิสูจน์กันไปต้องใช้เวลาหน่อย ทุกวันนี้ก็เพิ่มขึ้นนะ แต่โลกนี้มันโง่ลงๆมาถึงยุคนี้มันโง่มากมันถึงไปทำสิ่งที่ผิดมากกว่าสิ่งที่ถูก เราก็ต้องรื้อฟื้นสิ่งที่ถูกมาไม่เอาสิ่งที่ผิด ง่ายๆไปยึดถือความรวยนี่มันผิดมาก จนนี่มันถูกกว่า แค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว ค่อยๆพอ ขนาดนั้น เศรษฐกิจของประเทศไทยขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสเอาไว้ แล้วเราก็เอามายืนยันสนับสนุนส่งเสริม เราทำจริงด้วยไม่ใช่แค่ปาก เราก็ทำตามที่ในหลวงตรัสนี่แหละ เขาก็ยังไม่เห็นค่าเท่าไหร่เลย ไม่เห็นเอาจริงเอาจัง เขาก็จะเห็นว่ามันจริงหรือ มาจนมันเจริญกว่าอย่างไร มันซ้อน เจริญอันนี้ไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มาซื้อ versace แล้วจะไปซื้อทำไม มันซ้อนอย่างนี้ เขาว่าเขาซื้อกระเป๋า versace Dior นี้ดีกว่า แล้วพวกเอ็งเอาอะไรมาใช้ ดีไม่ดีเอาของบังสกุลมาซักให้ใช้อีก อะไร พอเขาทิ้งแล้วก็เอามาใช้ แต่นี่ของเขาคิดมาใหม่แปลกใหม่นะ เราไม่ประหลาดนะ อะไรอย่างนี้ เราบอก เราไม่ได้ตื่นเต้นอะไรไม่แปลกอะไร ทุกวันนี้ของใหม่มันไม่จำเป็นแล้ว ของเก่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว ปัจจัยสำคัญ มันเกิน มันมีความเฟ้อจนไม่รู้จะเฟ้ออย่างไรแล้ว อันนี้ก็ยากที่เขาจะเข้าใจเพราะเขาหลงความใหม่ ความแปลก ความอวดอ้าง ค่านิยมของแฟชั่นที่เขาโง่กัน ที่ถามมา คำสรรเสริญเป็นสิ่งชั่ว นั้น เราก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่เขาสรรเสริญมาเป็นสิ่งจริงที่เขายกย่อง มันถูกต้องไหม หรือว่าเขาแกล้งยกยอเรา เราไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ว่านี้ เราก็รู้ว่าเขามาแกล้งยอฉัน ให้ฉันหลงเลอะเทอะไป คนที่หลงในคำยกยอจะเสื่อมนะ ตกต่ำ แม้แต่คุณมีจริง แต่คุณหลงความจริงนั้นมันก็ยังเสื่อมต่ำเลย เพราะฉะนั้นรู้ความจริงตามความเป็นจริงแล้วก็จบ เราก็ทำสิ่งที่ให้มันดียิ่งกว่านี้ เขาชมว่าดีนี้จบหรือยัง ถ้ายังดีไม่จบก็เอาอีก เอาให้มากกว่านี้ ถ้าดีจบแล้วก็ทำดีอื่นอีก ความดีนี้จบแล้วคุณก็ต้องรู้ความจบ เช่นว่า คุณหมดอาสวะในเรื่องนี้แล้ว คุณก็ต้องรู้ว่าคุณจบแล้วคุณจะไปเสียเวลาขยำอึ อยู่อีกทำไม คุณก็ทำสิ่งอื่นอีก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอภิณหปัจเวกขณ์ว่า กายกรรม วจีกรรม ที่ดีกว่านี้ยังมีอีก คนที่จบอรหันต์ สัจจะมันจบแล้ว มันเหลืออันอื่นที่เอามาเรียนรู้ที่คุณจะอยู่ในโลกแล้วเราก็ได้รู้ความจริง แล้วเราก็ช่วยคนอื่นเขาได้อีกต่อไป ก็เป็นคนที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นต่อไป สิ่งไหนที่เป็นความชั่วความดีก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงก็แล้วกัน สวดมนต์ให้ถูกตามอย่างพุทธเป็นเช่นไร 2 การสวดมนต์เป็นการทำลายศาสนา แต่อโศกก็ยังมีการสวดมนต์อยู่ อย่างนี้เป็นสิริมหามายาใช่หรือไม่คะ พ่อครูว่า…ใช่ การสวดมนต์เป็นการทำลายศาสนา อาตมาก็เอาพระวินัยมายืนยันที่เขาสวดกันนี้มันผิด รายละเอียดก็มีมากมาย สวดมนต์คืออะไร การสวดมนต์ก็แบ่งเป็น 2 อย่าง สวดปณามคาถากับสวดธรรมบท หรือสวดตรวจสอบกับสวดท่องจำ สังคีติกับสังคายนา สวดท่องจำคือจดจำคำสอนพระพุทธเจ้าเอาไว้ เหมือนกันท่องสูตรคูณท่องอาขยาน สมัยก่อนนี้จำเป็น เพราะไม่มีอะไรบันทึก ก็ใช้ความจำบันทึก แต่สมัยนี้ความจำเป็นก็ลดน้อยลง มีสิ่งที่ใช้บันทึกแทนได้เยอะเราก็ใช้พลังงานนั้นให้น้อยลง แต่ถ้าทำได้จำได้มันก็ง่าย ควักมาใช้ได้ทันที อาตมาก็อยากจำให้ได้มากกว่านี้ แต่ไม่เก่ง ที่จำเก่านี้ไม่ลืมไปนี่มันก็ดีแล้ว ก็ยังขอบคุณตนเอง ที่จำใหม่ไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ก็พยายามเพิ่มสัมประสิทธิ์อยู่ เราก็ทำหน้าที่รักษาความจำเก่า แล้วเอามาขยายผลเอามาทำงาน ทั้งการเขียน การอ่าน การเอามาบริหาร อาตมาปลดเกษียณทางการบริหารแล้ว อาตมาก็มาสอนมาบรรยาย มาเขียนและพูด แค่นี้ก็ยังมีอีกเยอะเลย หากไม่ได้มาสอน อาตมาอยู่ก็บริหารร่างกายตัวเอง ไม่งั้นก็ต้องเขียน หรือก็ต้องอ่าน หาพยัญชนะหลักฐาน องค์ประกอบในการที่จะเอามาเขียน การสวดมนต์ที่เป็นการทำลายศาสนา เอาอย่างย่อ ในพระวินัยของพระพุทธเจ้าข้อที่ 21 เรื่อง มุสาวาทวรรค เรื่องการสวด การพูดนี่แหละ อันสุดท้ายเลยท่านว่า เราอนุญาต สรภัญญะ ท่านก็ไปตีความเลี่ยงบาลีว่า สรภัญญะ มีทำนองก็ได้ และข้อ 20 บอกว่า อย่าลากเสียงยาว ผิดนะข้อนี้ ห้าม ส่วนสรภัญญะ ท่านไม่ห้าม ท่านห้ามในข้อ 20 ว่า 1.อย่าใส่ทำนอง 2. อย่าลากเสียงยาว ลากเสียงยาว คือ มันเกินกว่าเสียงสระ เช่น อะ ก็ไม่ใช่อะะะะะ ไม่ได้ หรือ อา…ก็ออกเสียง อาาาาาาาา ไปสองวัน ไม่ได้ อา ก็อา ไม่ต้องลากยาว รัสสระก็สั้น ก็ออกเสียงสั้นก็จบ ทีฆสระก็เสียงยาว ก็ไม่ต้องยาวมาก แต่ก็ห้ามมีทำนอง ทีนี้เราก็สวด แต่เราสวดไม่ผิด เพราะว่าไม่ได้ใส่ทำนอง และก็เพื่อเผยแพร่สาธยาย อันนี้ซับซ้อนแล้ว คนที่สามารถจะทำการสาธยายได้ ก็ทำการสาธยายธรรมมะ คุณจะสาธยายให้เป็น อุเทศ หรือนิเทศก็แล้วแต่ ก็เอามาอธิบาย การยกหัวข้อขึ้นมาก็เรียกอุเทศ ส่วนนิเทศคืออธิบายไปไม่ต้องมีหัวข้อ การสวดมีสังสาธยายกับสังคีติ การท่องสวดรักษาไว้ โดยรักษาธรรมบท คือคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่าเอาไปท่องสวดเล่นหรือที่สำคัญคือ เอาธรรมบท หัวใจของธรรมะ กุสลาธัมมาอกุสลาธัมมา เอาไปท่องสวดหากิน..ไม่ได้ แต่ให้ท่องเอาไว้เพื่อรักษาธรรมบทเหมือนการท่องสูตรคูณท่องบทอาขยาน ท่องในหมู่คุณ (พ่อครู ไอ ตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท…เดี๋ยวนี้สวดกันเป็นแบบพระร้องเพลงเลยหาได้ทั่วไปดูในคลิป โดยไม่สนใจพระวินัย พ่อครูว่า…อโศกเราก็สวด แต่เราไม่สวดผิดวินัยหรือเอาไปหากิน ไม่สวดเป็นเดรัจฉานวิชา ไม่สวดเพื่อขลัง เราสวดเพื่อสาธยายหรือจำไว้หรือสวดตรวจสอบ สังคายนา คือวิธี เอามาสวดขึ้น 1 คน แล้วทุกองค์ก็ฟัง ต้องตรงกันหมดเลย คนนี้สวดมาคนเดียว ทุกคำทุกประโยคต้องตรงกันหมด หากมันผิดก็ทักกัน ก็ให้สวดใหม่สวดให้ตรงกัน ทุกคนยอมรับทั้งหมู่ว่าตรงกันเป็นหนึ่งเดียวไม่ผิดเพี้ยน อย่างนี้เรียกสังคายนา ส่วนสวดท่องจำก็ได้แต่ไม่ใช่สวดให้ สวดท่องเป็นอาขยาน ไม่ได้สวดให้ฆราวาสได้ยินหรือสวดเพื่อขลัง สวดเป็นหมู่ การสวดสังคีตะ จะไม่ให้ฆราวาสได้ยิน เขาก็คิดกันว่าน่าจะศักดิ์สิทธิ์เราน่าจะเอามาใช้เป็นน้ำมนต์ ก็บ้าบอเป็นพวกเดรัจฉานวิชาอยู่ในจิตคนมันเป็นจริงๆ แม้แต่นะโมตัสสะมันยังเอาไปใช้เลย ก็จริง มันเป็นอุปาทาน อะไรก็เอามาทั้งนั้น เป็นอุปาทานซ้อน ทำให้เกิดติดยึดอุปาทาน ขลัง แล้วเป็นจริงได้ด้วย เพราะสมมุติ อุปาทานเป็นพลังงานซับซ้อนสิ่งที่ไม่เป็นจริงก็เกิดจริงได้เพราะว่าอุปาทานนี่แหละโลกจึงเดือดร้อน รสอร่อยมีจริงไหม …ไม่มี พวกคุณตอบเองได้ แต่ข้างนอกเขาจะบอกว่า รสอร่อยไม่มีมันจะเป็นไปได้อย่างไร ทำให้รสอร่อยหมดไป ได้อย่างไร เขาไม่เชื่อหรอก มันทำได้ด้วยหรือ เขามีแต่จะอร่อยมากยิ่งขึ้น อร่อยมากเรื่องยิ่งขึ้น ชีวิตก็ โอ้โห อร่อยมากขึ้น มีอร่อยใหม่มาเสนอ เท่านั้นเอง มันคนละเรื่องกัน โลกมันเข้าใจคนละเรื่องเป็นการทวนกระแสคนละอัน เขาก็ไม่มีหมดหรอก มีแต่หอบ ใส่เก๊ะลิ้นชักอนุสัยไว้ไม่รู้กี่ชาติ คุณก็ไม่มีนิพพาน แต่พวกเราเข้าใจแล้วนิพพานทุกอย่างมันเป็นสมมุติ เรามาอาศัยกันและกันเท่านั้น เมื่อเข้าใจแล้วหมดทุกอย่าง ก็ไม่ต้องอาศัยกันและกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราจะอยู่ เราก็อยู่อย่างมีประโยชน์ต่อคนอื่น ส่วนเรานั้น ไม่ลิ้มไม่เล็มแอบเสพ อยู่กลางๆ รู้ความจริงตามความเป็นจริงคือ 1 สิ่งที่มีคือ 1 เสร็จแล้วแล้วก็วางคือ 0 แต่ถ้าสูญมากมันก็ลืม อ้าวก็จำไว้บ้าง มันก็เลยเหมือนสิริมหามายา แล้วจะจำไว้หรือจะลืม ถ้าเราจะยังอยู่ อย่างเช่นอาตมาเป็นโพธิสัตว์ยังไม่ทิ้งหมดต้องจำให้ได้มากๆด้วย แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นอาตมารู้แล้ว ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เป็นเรื่องที่เราจะต้องเป็นของถาวรนิรันดร เป็นสิ่งที่สุดท้ายคุณก็ต้องวางหมด ทิ้งหมด มันไม่มีอะไร อนัตตา มันสูญไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนมันกระจายหมด นี่เป็นความซับซ้อน หากมีต้องแข็งแรงอย่างเร็วอย่างกว้างอย่างมากด้วย มันต้องมี มีให้มาก หมดให้หมด ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ภาษามันมีแค่นั้น _สติพล จนพัฒนา : ตอนนี้ผมถือศีล 8 เป็นหลัก ควบคุมความกำหนัดได้ดีครับ สภาวะจิตจะมีฌานอยู่เสมอและได้โดยไม่ยากไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 และพยายามทำอาสวะให้สิ้นไป มีอุปสโมสุขเฉพาะตน พร้อมนิพพานครับ พ่อครูว่า…ที่พูดนี้เป็นจริงทั้งหมด ก็ขอให้ทำได้จริงตามที่พูด _ผาแสง วงศ์คําจันทร์ : กราบ กราบ กราบพ่อครู กราบหมู่กลุ่มชาวอโศก แข็งแรงได้รอบ ขอผมน้อมก้มคลานเข้าอโศก ครับผม สุดใจชาตินี้ อยู่ป่าเป็นวัตรคือเช่นไร _แก้วตะวัน พวงบุบผา : กราบนมัสการท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุ เจริญธรรมญาติธรรมทุกท่านค่ะ รู้สึกว่าตัวดิฉันเองก็ติดแป้น ไม่ค่อยเจริญในธรรมเท่าที่ควร เพราะกลับมาอยู่บ้าน ดูแลแม่ที่ป่วย ทำกสิกรรมไร้สารพิษ ห่างไกลจากหมู่กลุ่มไปเรื่อย ๆ แต่ก็ติดตามฟังธรรม กฎกติกาพื้นฐานของชาวอโศกก็ยังทำได้อยู่ค่ะ ได้ฟังเทศน์ในวันนี้ทำให้ได้ย้อนทบทวน ต้องเคร่งครัดตัวเองมากขึ้นก่อนที่จะหลุดวงโคจรของอโศกค่ะ พ่อครูว่า…อันนี้พระพุทธเจ้าท่านก็เตือนนะว่า การมีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี การไปอยู่คนเดียว ห่างจากหมู่ไปมันเป็นสิ่งที่ ยาก เป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า ต้องมีมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี อยู่อย่างที่อาตมาพาพวกเราทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้านแย้งกับศาสนาที่เป็นสายพระป่า ท่านเองท่านหลงทางผิดไปปลีกเดี่ยวไป อาตมาก็พยายามดึงกลับรื้อฟื้นกลับ มีคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสว่า ตามศรัทธา 10 จะมีการอยู่ป่าเป็นวัตร คนก็ว่านี่ไงท่านยืนยันให้อยู่ป่า คำว่าอยู่ป่าเป็นวัตร ท่านก็ไม่ได้หมายความว่า คุณอยู่ป่าตลอดกาล คุณก็ทำได้เป็นคราวๆ เราใช้คำว่า กิจวัตร หมายความว่า เป็นสิ่งที่เราทำเป็นประจำ แต่อันนี้ ไม่ใช่กิจวัตร อยู่ป่าเป็นวัตร คือไม่ได้ทำประจำ หรือยินดีในเสนาสนะอันสงัด อาตมาหากไม่ยินดีในเสนาสนะอันสงัดเป็นป่าอาตมาไม่ไปสร้างป่าในเมืองหรอก อาตมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาก็สร้างป่าในเมืองตลอด สันติอโศกทุกวันนี้ก็ยืนยันแล้ว ไปดู ก็แต่ก่อนเป็นนาเน่าๆไม่ใช่ที่ดินป่าเป็นที่ดินเมือง เราก็ค่อยซื้อที่ดินเพิ่ม แพงจะตาย เราก็ได้ออกไปแค่นั้น สันติอโศกจะถึง 20 ไร่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะถึง แต่มันขยายป่าออกไปอีกไม่ได้ ก็เลยได้แต่สูงขึ้นไป ส่วนข้างๆนั้นไม่ค่อยได้ เป็นตึกราม เราก็ต้องมีอาคารอาศัยอีก เป็นกลุ่มชุมชนเมือง มันขยายรูปธรรมขยายองค์ประกอบเสนาสนะสัปปายะไม่ค่อยได้ ต่อมาเราก็ไปทำที่ปฐมอโศก ต่อมาเราก็ไปทำศาลีอโศก ศีรษะอโศก จากป่าช้า 2 แห่ง ก็ขยายไป จากนั้นก็มีอีกหลายสิบชุมชนชาวอโศก สรุปแล้วอยู่ป่าเป็นวัตร ก็หมายถึงว่า ไปบ้าง ไปป่าเป็นการประพฤติบ้างไปทำไมไปป่าไปเพื่อพิสูจน์ พิสูจน์ว่าเมื่อไปอยู่ในป่าไม่มีใครแล้วไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่มีอะไรยียวนชวนโลกีย์เลย อยู่กับสิงสาราสัตว์ คุณจะอาลัยอาวรณ์ถึงลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ถึงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสถึงวอะไรที่น่ารื่นรมย์ที่เป็นของโลกีย์ คุณจะประหวัดถึง มีจิตโหยหา ฟุ้งซ่าน ออกมาหรือไม่ หรือไปอยู่ป่าเพื่อพิสูจน์ว่าคุณจะมี กามฟุ้งออกมาหรือไม่ หรือไปอยู่ป่า เพื่อพิสูจน์ว่าคุณจะจมอยู่ในป่าติดป่าหรือไม่ พิสูจน์ 2 ด้าน คุณจะติดป่าหรือเปล่า อาตมาไปป่าอยู่เดือนเดียวก็ชัดเจนไม่มีปัญหาอะไร จะอยู่ป่าก็อยู่ได้สบาย แต่จะไปอยู่ทำไม อยู่ป่าไม่มีประโยชน์อะไร เอาชีวิตไปทิ้งไว้ในป่า อาตมาอยู่กับพวกเราอบอุ่นจะตาย วันๆหนึ่งมาสอน มีคนมาฟังมากกว่า 5 คน แต่ยังไม่ถึง 500 ถ้ามาเทศน์ทีไรก็ถึง 500 คงจะน่าดู อย่างสมัยพระพุทธเจ้าจะมีเลข 500 เป็นเลขหลัก เป็นเรื่องไม่ยาก แต่ของเรานี้มันยาก พระพุทธเจ้าตรัสในอุบาลีสูตร พระอุบาลีปรารถนาจะไปอยู่ป่า และราวป่าอันสงัด พระพุทธองค์ตรัสว่า… ป่าและราวป่าอันสงัดอยู่ลำบาก ทำความวิเวกได้ยาก ยากที่จะอภิรมย์ในการอยู่ผู้เดียว. มันยากที่จะอภิรมย์ ป่าทั้งหลายเห็นจะนำใจของภิกษุผู้ไม่ได้สมาธิไปเสีย ผู้นั้นจำต้องหวังข้อนี้ คือ จักจมลงหรือจักฟุ้งซ่าน เปรียบเหมือนกระต่ายหรือเสือปลาลงสู่ห้วงน้ำใหญ่ หวังจะเอาอย่างช้างใหญ่สูง ๗ ศอก หรือ ๗ ศอกกึ่ง กระต่ายหรือเสือปลานั้น จำต้องหวังข้อนี้ คือ จักจมลง หรือจักลอยขึ้น !! (พตปฎ. เล่ม ๒๔ ข้อ ๙๙) พ่อครูว่า…การไปนั่งสมาธิอยู่ในป่าอย่างมิจฉาฯก็นั่งได้นาน แต่ถ้าแบบพุทธ จะต้องอยู่ป่าก็อยู่ได้หากจำเป็น ถ้าหากโควิดทำให้เราต้องไปอยู่ป่าสัก 5 ปี สบายเลย ขุดมันขุดเผือก บูรณะป่า เสริมต้นไม้ให้กินใบกินหน่วยกินผลได้ อะไรที่ไม่เข้าท่าเป็นพิษภัยก็เอาออก เราก็ทำให้ป่าอุดมสมบูรณ์มากขึ้นสิ 5 ปีรับรอง เราเป็นคนมีความรู้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็สบายพวกเราไม่ได้ทำลายป่า มีแต่รักษาให้ดี อะไรที่ไม่ดีก็เอาออก อะไรที่เจริญก็เอาไว้ แม้แต่ไม้ที่ไม่ใช่เอาไว้แต่กิน ไม้ที่จะทำให้เกิดความเป็นป่า เป็นองค์ประกอบของป่า เราก็เอาไว้ เราไม่ใช่จะเอาแต่สิ่งที่กินเท่านั้น ยิ่งเป็นชีวกโกมาภัจจ์ บอกว่า ต้นไม้ทุกต้นเป็นยาหมดเลย ไปตัดมันทำไม ก็จะยิ่งอาศัยใหญ่เลย อย่างคุณแตงไท(แพทย์แผนไทย) ชื่อตั้งใหม่ ชื่อ..นายได้คิด ก็ไม่ตัดเลย สรุป การออกป่า อยู่ป่า หนีไปอยู่แต่ผู้เดียว เป็นมิจฉาทิฏฐิ โมฆะ เข้ามาศึกษาฌานสมาธิจรณะ 15 วิชชา 8 ของพระพุทธเจ้าเถอะ นั่นเป็นพุทธคุณ 9 ของศาสนาพุทธ หรือมาศึกษามรรคมีองค์ 8 โพชฌงค์ 7 หรือว่าศึกษาโพธิปักขิยธรรมให้ชัดเจน อาตมาก็ขยายความไปให้รู้ว่า มันไม่ตรงกับที่คุณเข้าใจไปนั่งหลับตาหนีเข้าป่า มันไม่ใช่ _พ่อครูเล่าประวัติตอนเป็นฆราวาส ว่าเป็นคนไม่เปิดเผยชื่อจริง คนรู้แต่ชื่อ แป๊ก รักพงษ์ ไปบ้านเขาตอนเย็น ตอนเขาจะกินข้าว เขาก็เรียกเรากิน เราก็เขิน ตอนนั้นเขาไม่ได้จัดชามเลย เราก็เลยลากลับ หิว มาซัดน้ำประปาที่บ้าน เงินก็จะหมด ขึ้นรถกลับบ้าน ถ้าเขาเรียกอีกครั้งก็จะกิน ท่าทีไม่สอดคล้องก็เลยอด เหตุปัจจัยไม่สมบูรณ์แบบ องค์ประกอบไม่ลงตัว สำหรับอินทรีย์พ่อรู้สัทธรรม 7 แล้วใช่ไหม อยากกราบเรียนถาม สมาธิเกิดจากการปฏิบัติจรณะ 15 กับสมาธินิมิต เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ _วันนี้พ่อครูได้รับการยกย่องจากประเทศเกาหลีใต้ด้านสันติภาพ จากผลงานที่พ่อครูได้เผยแพร่มากกว่า 50 ปี กราบอนุโมทนาด้วยเศียรเกล้า พ่อครูว่า…กลับมาที่สมาธินิมิต กับสมาธิ จรณะ 15 สมาธิที่เกิดจากจรณะ 15 นั้นต้องรวมปัญญา วิชชา 8 ไปด้วย เรียกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรืออธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิศีลคือ ตัวศีล อธิจิตคือ ภาคปฏิบัติ ภาคมรรคแล้วจิตเกิด สัทธรรม 7 กับ ฌาน 4 สัทธรรม 7 คือ Dynamic ฌาน 4 คือสั่งสมเป็น static จิตตั้งมั่น ฌานคือ พลังงานเผากิเลสจนเกิดจิตที่ใสจิตตั้งมั่นจนเป็นหนึ่งขึ้นมา ส่วนสัทธรรม 7 คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปทั้งหมด มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต 4 ตัวนี้แหละ จะเพิ่มความรู้ความเจริญความเป็นสัจจะมากขึ้นในพหูสูต จะเพิ่มอันนั้นคืออะไร ท่านก็ย่อไว้ 3 ข้อ จิตคุณจะเกิด ศรัทธาแต่ไม่ขาดปัญญานะ เพราะคุณเกิดจิตเทวธรรม คือหิริโอตตัปปะ การเจริญด้วยหิริ การละอายต่อสิ่งที่เราได้ยึดติดเรานึกว่าดีแต่ที่จริงมันไม่ดี ตอนแรกก็แค่ละอายไม่กล้าทำ ต่อมาก็กลัวเลยไม่ทำ ก็ได้ผลอย่างนี้ สรุปแล้วหิริโอตตัปปะก็คือ เลิกละปล่อยวาง ทิ้งหมด สรุปแค่นี้ก่อน ส่วน สมาธินิมิต เมื่อคุณทำได้สัทธรรม 7 ฌาน 4 แล้วก็จะล้างอาสวะ อาสวะขาด จิตสะอาดก็เป็นจิตปริสุทธา เป็นองค์แรก เป็นอุเบกขา บริสุทธิ์จากกิเลสและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นก็เป็นปริโยทาตา จิตคงที่เป็นองค์สอง มุทุภูตธาตุ ทั้งเจโตและปัญญา ก็ปฏิบัติกัมมัญญา ทุกกรรม ก็ทำให้ชำนาญ ก็มีแต่เสริมกุศลเหมาะควรมากขึ้น มีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 มากยิ่งขึ้นทุกกรรมคุณก็เจริญ แล้วจิตคุณก็รักษาสภาวะ ปภัสสร สะอาด สว่าง รุ่งเรือง แจ่มใสตลอดกาลนาน ประภัสสรก็คือ ปริสุทธายิ่งขึ้น ปริโยทาตายิ่งขึ้น เป็นแก่นความบริสุทธิ์ จิตที่บริสุทธิ์อย่างนี้ตกผลึก ควบแน่น เป็นความตั้งมั่นของจิต เรียกว่าเป็นการสะสมจิตที่สะอาดปราศจากกิเลสแล้ว จึงเรียกสิ่งนั้นด้วยพยัญชนะว่า สมาหิตะหรือสมาหิโต คือความตั้งมั่นของจิตสมาธิ เป็น สมาหิโต ใช้พยัญชนะตัวนี้เรียก นี่คือสมาธิที่เกิดจาก ฌาน ส่วน สมาธินิมิต คือ เครื่องหมายของการจับสมาธิ เป็นสมถะก็ได้ เป็นวิปัสสนาก็ได้ มันก็มีเครื่องหมายให้เราใช้ คุณใช้เป็นวิปัสสนา คุณก็มีสัมมาทิฏฐิ คุณใช้ไม่เป็นวิปัสสนาคุณก็ใช้สมถะ คุณก็ไม่รู้จักวิปัสสนาคุณก็ได้แต่สมถะ แล้วพวกเดียรถีย์หรือพวกมิจฉาทิฐิก็ใช้ได้แต่สมถะ แต่คุณเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว คุณใช้ได้ทั้งสองอย่าง สมถะก็ได้ ปัสสัทธิก็ได้ ปัสสัทธิคือ ความสงบอย่างเห็นๆ ส่วนความสมถะนั้น เป็นความสสงบอย่างตื้นๆ ไม่เห็นไม่รู้ สมณะฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin14 สิงหาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630812_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สันติภาพแท้ไม่แปรผันไปกับคำสรรเสริญNextNext post:630816_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ การเมืองอย่างไรเป็นประชาธิปไตยแท้Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024