630821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยายอัมพัฏฐสูตร ตอน 14
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1dQ3AyOc5V5p_xktgnEDjHkqVxWQ2OsnRfGEwHRR1G7A/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1A6Pqdb84r7wWj3Hrm_MySiaEwMLUrygZ/view?usp=sharing
และยูทูปที่
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563 ที่บวร ราชธานีอโศก วันนี้เรามีงานศพของคุณปะดาวบุญ มาตั้งด้วย เราจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันเสาร์ที่ 22 นี้ คนที่จะมางานก็จะต้องรักษาระยะห่าง ใส่แมสก์ เป็นงานศพแบบ new normal
คุณปะดาวบุญ ถือว่าเป็นผู้ที่ขวนขวายการงานของหมู่กลุ่มอย่างมากใช้ร่างกายเป็นประโยชน์สุดคุ้มค่าในชีวิตแล้ว พวกเราที่อยู่ต่อก็ควรต้องได้ทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 19-20 ส.ค. 2563
_หมอ มโน เคยเห็นพระต่างๆได้พัดยศก็มีฉลองพัดยศ
พ่อครูได้รับรางวัล จะมีการจัดงาน ฉลองหรือเปล่า
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ฉลองหรอก ก็รับทราบในรางวัลที่เขาให้มาก็เป็นความรู้ความเข้าใจ ความจริงใจของเขาให้รางวัลมาก็เท่านั้นเอง ก็รับรู้ แล้วก็ตรวจสอบ เขาให้รางวัลในประเด็นว่า อาตมาจะรับรางวัลในสาขาส่งเสริมสันติภาพ ก็เอา ก็ได้รับรางวัลแมนแฮ สาขาสันติภาพ แด่โพธิรักษ์ ก็ซับซาบ เป็นธรรมดา คนเขารู้ในสิ่งที่ดี สิ่งที่จริงของเราแล้วเราก็เปิดได้สิ่งที่ดีสิ่งที่จริง คนที่เข้าใจก็ให้ค่า ยกย่อง เชิดชู ส่งเสริมให้การแสดงออก ส่วนคนที่ไม่เห็นไม่เข้าใจ เขาก็ไม่ให้ค่า ดีไม่ดีเขาก็หาว่าผิดหาว่าทำลาย มันก็มี 2 ค่า เรื่องฉลองเฉลิมอาตมาก็ไม่มีอะไร ก็มุทิตา ก็รับซับซาบ เขาเข้าใจดีก็ดีแล้ว
_ไพฑูรย์ ขอเรียนถามครับ
1.อภิธรรม 7 คัมภีร์ที่สวดงานศพ เป็นธรรมบทไหม ผิดวินัยที่ห้ามสวดต่ออนุปสัมบันไหม
พ่อครูว่า…เป็นธรรมบท ผิดวินัยหากเอาไปสวดต่อหน้าอนุปสัมบัน ซึ่งมันแก้ไม่ได้หรอก เขาผิดไปจนข้องอยู่ในถ้ำ อย่างในคุหัฏฐกสูตร ที่ท่านว่า จมลงในที่หลง เป็นอย่างนั้นเลย สำนวนนี้ชัดเจน ดึงไม่ขึ้นมีแต่จมในที่หลง พวกเราก็มาทำสิ่งที่ถูกต้องขึ้นก็แล้วกัน
2.บทที่ขึ้นต้นว่า ปุคคโลอุปลัภพะติสัจฉิกัจถะปรมัตเถนาติ มีคำแปลว่าค้นหาบุคคลไม่ได้ด้วยปรมัต หมายความว่าอย่างไรครับ
พ่อครูว่า…ก็หมายถึง จิต เจตสิก รูปนิพพาน ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา
_แก้วตะวัน พวงบุบผา : น้อมกราบนมัสการพ่อครูค่ะ..วลีทองของพ่อครู(นานมาแล้ว) คือให้ระวังอารมณ์ก่อนงาน การทำงานคือการปฏิบัติธรรม มีการตรวจสอบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาในขณะที่ทำงาน ทำให้ชัดเจนว่า พ่อครูสอนสมาธิแบบลืมตาแป๋วๆ ไม่ใช่พานั่งหลับตา มาตั้งแต่เริ่มมีชาวอโศกเกิดขึ้นในประเทศไทยกันทีเดียว จนถึงปัจจุบันที่อโศกมีหลายกิจการหลายกิจกรรม พ่อครูก็ยังสอนการปฏิบัติธรรมแบบมีผัสสะเป็นปัจจัย ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความละเอียดละออลึกซึ้งค่ะ…กราบนมัสการขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…ถูกต้องแล้ว คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว เพราะว่า สมาธิก็ตาม ฌานก็ตาม การปฏิบัติธรรมของพุทธเจ้าต้องปฏิบัติธรรมแบบลืมตา การหลับตาใช้ในการตรวจสอบ ไม่ใช่ใช้ในการปฏิบัติธรรม เป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณ ตรวจสอบการเกิดการดับที่ผ่านไปแล้ว หรือตรวจสอบว่าเราทำได้เท่าไหร่ มีกิเลสเหลืออยู่หรือไม่เหลืออยู่หรือสิ้นอาสวะแล้วอย่างนี้เป็นต้น ก็หลับตาไม่รับรู้ภายนอกไตร่ตรองภายในเป็นเตวิชโช ก็ใช้วิธีนั้น แต่ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม นัยยะละเอียดนะ
การตรวจสอบเตวิชโช ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการตรวจสอบผลที่ทำผ่านมาแล้วบุพเพนิวาสานุสติญาณ กิเลสมันเกิดกิเลสมันดับตอนนี้มีกิเลสอยู่หรือไม่ ดับได้แล้วบางส่วนเรียกว่า ส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ บุญคือการกำจัด คือการชำระกิเลส ชำระไปกี่ส่วนแล้วหรือหมดแล้วเป็นอนาสวะ หากจัดการได้เป็นส่วนก็เป็น สาสวะ เป็นเสขบุคคล ดับได้หมดก็เป็นอนาสวะ เป็นอเสขบุคคล
คนไม่เข้าใจก็สับสนปนเปเลอะเทอะ ก็สรุปอีกที การปฏิบัติธรรมะของพุทธเจ้าต้องลืมตาปฏิบัติ หลับตาปฏิบัติไม่ได้ อาตมาก็จำเป็นต้องย้ำ เพราะเขาหลงผิดไปไกล ที่พูดนี้คงไม่ได้แก้พวกที่จมอยู่ในความหลับตาลงอยู่อย่างนั้น คงแก้ไม่ได้แล้ว แต่พูดย้ำเพื่อคนที่จะไปหลงตาม ให้ได้รู้ ให้ได้ฟัง ให้ได้ยิน ให้ได้คิด จะได้สะดุดใจว่า ที่เขานิยมกันเยอะแยะมากมายทำไมว่าอย่างนี้ ของเราพวกน้อยก็ต้องย้ำต้องพูด ยืนยัน อธิบาย เอาหลักฐานในพระไตรปิฎกมาอ้างอิงยืนยันตลอดเวลา เขาก็ยังไม่กระดิก ยังจมอยู่กับความหลงอยู่อย่างนั้น ก็น่าเห็นใจ
_ชาญณรงค์ จินดาธรรม : ญาติธรรมที่ได้ฟังธรรมสดๆต่อหน้าพ่อท่านนั้น…ท่านช่างโชคดีเหลือเกินครับ
พ่อครูว่า…ก็มาสิ ไม่ได้ขวางรั้วไว้ มาเลย
_เมตตา โพธิสุทธิ์ : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพค่ะ ที่สุพรรณบุรีมีการขโมยตัดกล้วยน้ำว้าไปขายกันด้วยค่ะ ปีนี้น้ำแล้ง ขนาดกล้วยน้ำว้าที่ว่าปลูกง่าย ยังได้ผลปริมาณน้อย ราคาจึงสูงค่ะ
พ่อครูว่า…โควิดคราวนี้ลำบากหลายอย่าง ที่เรียกกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี ว่ากันว่าจะมีคนที่ขาดรายได้ ขาดลาภปฏิลาโภ ก็เดือดร้อนกัน อันนี้ยิ่งเห็นมีการแสดงออกตอบรับกันมาก็แสดงให้เห็นชี้บ่งถึงว่า เข้าปฏิบัติธรรมไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าสอนก็เดือดร้อน ธรรมชาติก็ให้เดือดร้อน ธรรมชาติแปรปรวนทำให้เดือดร้อน อะไรต่างๆนานาเข้ามาแทรกแซงทำให้เดือดร้อนเท่านั้น แต่ผู้ที่ปฏิบัติสัมมาทิฐิของพระพุทธเจ้าแล้ว อย่างเช่นชาวอโศกจะไม่เดือดร้อน เรียกว่าพ้นภัย 5 พ้นอาชีวิตภัย การดำเนินชีวิตอยู่ธรรมดา ไม่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร อาสิโลกภัยการติเตียนจากโลก ก็พ้น ปาริสารัชภัย การสะทกสะท้านในบริษัทต่างๆก็พ้น แม้ที่สุดมรณภัยก็พ้น ภัยจากความตาย หลายคนพวกเราก็ไม่ตกตกใจ ไม่เดือดร้อนตื่นเต้นกับความตาย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เรื่องตายถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครตายก็ตามหรือเราตาย เราใกล้จะตายก็จะกลัวมาก แต่พวกเราจะเข้าใจถึงความเกิดความตาย ความเกิดความดับ หากควรตายก็ตาย แม้ตายเพราะอุปัทวเหตุก็ตาม
ยิ่งคนอย่างปะดาวบุญ มีความเจ็บป่วยต้องนอนติดเตียงมาหลายปีเป็น 10 ปีสุดท้ายก็ต้องไปไม่ได้มีความประหลาดอะไร มรณภัยก็ยิ่งไม่มีปัญหาโดยเฉพาะ ทุคติภัย กลัวจะตกนรก ผู้มีฐานจิต โสดาบันสกิทาคามีอนาคามีจะถึงอรหันต์ไม่กลัวตกนรก เพราะอะไรมันไม่มีนรก อนาคามีก็ไม่กลัว สกิทาคามีก็อาจวิเคราะห์บางช่วงที่เป็นนรกของตัวเองบ้าง แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เราต่อไปจะไม่ทำ สิ่งที่ทำไปแล้วก็ไม่รู้มันเป็นอวิชชา ทำแล้วเป็นอันทำ แต่ที่จะทำต่อไปก็ระมัดระวัง สกิทาคามี โสดาบัน ก็เช่นกัน
แต่ข้างนอกเขาไม่รู้เรื่องนรก ทั้งๆที่รู้ว่าชั่วก็ทำ เพราะว่าตะกละในลาภ จะอกุศลทุจริตอย่างไรก็ทำ นี่เป็นการพ้นภัย 5 อย่างแท้จริง
_เจนบุญ จน : กราบนมัสการครับ พ่อท่าน ผมขออนุญาตแสดงความเห็นครับ เรื่องการชุมนุมของเด็กๆ ที่กระทรวงศึกษาฯ ผมมองว่าเป็นสิ่งดี ที่จะได้มีการปรับจูนแก้ไข การที่ รมว. ออกมารับฟังเด็ก ถือว่าดีมาก ผมไม่เห็นว่าการชูนิ้ว ติดโบว์ จะเป็นความผิดอะไร เด็กสมัยนี้เค้าเก่งนะครับ ดูอย่างเด็กอโศกของเรา บางคนที่อยู่ฐานสื่อ ยังถ่ายภาพ ตัดคลิปดีๆ ได้ เด็กสัมมาสิกขาฯ บางคน เรียนภาษา จากยูทูป ขอบพระคุณพ่อท่าน ที่ให้โอกาสแสดงความเห็นครับ
_POjjy Tamty พอจจี้ ทำที่: อรหันต์ยูทูป ทำไมไม่คุยว่าตนคือพระศรีอารย์มาเกิดล่ะ ดูจะเท่กว่าเป็นอรหันต์เสียอีก ไอ้ลวงโลก
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ได้คิดทำเท่ แต่ส่วนคุณจะคิดทำเท่อยู่ก็ทำไป ส่วนไอ้ลวงโลกนั้น อาตมาชัดเจนนะว่าอาตมาจะไม่ลวงโลกเป็นอันขาด ส่วนของคุณที่เข้าใจอาตมาไม่ได้ก็เป็นธรรมดา ก็หาว่าอาตมาลวงโลก ก็เป็นธรรมดา อาตมาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร คุณพูดมาหาว่าอาตมาลวงโลก ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เข้าใจอาตมา อาตมามีความแม่นมั่นตรงที่จะพูดอะไรที่ไม่เป็นความลวงเป็นความโกหกเป็นอันขาด อาตมาก็ทำอยู่ ส่วนคนเข้าใจอาตมาไม่ได้ก็โดนคุณว่า คุณเข้าใจอย่างที่คุณเข้าใจ มันคนละอย่าง ของคุณกับของอาตมามันคนละความเข้าใจ คนละ Concept
_สุรภา ลิ้มวรรณเสถียร : กราบขอโอกาสค่ะ คำถามว่า ความอืดกับกิเลสต่างกันมั้ยคะ
พ่อครูว่า…ก็ต่าง พระพุทธเจ้าท่านไม่ส่งเสริม ปปัญจรามตา ความยินดีในความเนิ่นช้าอืดอาด เนิ่นช้า ท่านไม่ส่งเสริม ถือเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง อารามตา
_จาก อนุชา : ขอความกรุณาพ่อครูเรียงลำดับอาชีพต่างๆที่ความสำคัญลดหลั่นกันลงไป ที่ขึ้นต้นด้วย อาชีพของชาวไร่ชาวสวนชาวนาเป็นลำดับที่หนึ่ง เท่าที่ทราบมี ทั้งหมด 5 ลำดับ
และมีหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกหรือไม่ นมัสการขอบพระคุณ
พ่อครูว่า…อาชีพ 5 ก็มี
-
การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง .
-
การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง .
-
การตลบตะแลง (เนมิตตกตา) ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้
-
การยอมมอบตนในทางผิด อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)
-
การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)
กุหนา คือ อาชีพที่ชั่ว เลวร้ายที่หยาบที่สุด ทำทุจริต อกุศล ชั่วหยาบ ก็เป็นอาชีพที่แย่ที่สุด ก็เข้าใจกันว่าอกุศลทุจริตอย่างไร คำว่า อบายมุข คือ ปากทางหัวหน้านรก คำว่าอบายมุขเข้าใจยากซับซ้อน ทุกวันนี้ความเป็นอบายมุข เช่น เป็นนักการเมืองที่เข้าไปเพื่อที่จะใช้การเมืองเป็นอาชีพ ล่า ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างจัดจ้าน โดยใช้เหลี่ยมโกง กุหนา โดยใช้อาชีพนักการเมือง ทุกประเทศมีอยู่ทั่วโลกมี เป็นอาชีพ อบายมุข หรืออาชีพนักเต้นแร้งเต้นกา กีฬา เป็นอบายมุข 6 พวกเต้นรำ เล่นเกมกีฬา แม้แต่คนไปดู ไปติด ไปยึดอยู่ คนเล่นเป็นตัวอบาย ตัวนรกจริงแล้ว พวกกีฬา เต้น ร้อง เดี๋ยวนี้ยุคเสื่อม เพราะราคาค่าตัวพวกอบายมุขราคาแพง ราคานักการเมืองก็แพง ราคาดารา นักกีฬาก็แพง ราคานักออกแบบแฟชั่นก็แพง นี่คือยุคเสื่อม ไม่รู้จักความเป็นอบายมุข
ลปนา ก็คือ คำพูดที่หลอกลวง ก็ย่อยจากกายกรรมมาเป็นวจีกรรม กายกรรมก็รวมทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่มีกายกรรมก็มีแต่วจีกรรมกับมโนกรรม ไม่มีกายกรรมกับวจีกรรมด้วยก็เหลือแต่มโนกรรม
ฟังให้ดี ใครที่ว่า กายกรรมไม่มีมโนกรรมเลยนี้ไม่ถูกต้อง กายกรรม วจีกรรมก็มาจาก มโนกรรมเป็นตัวประธาน
ภายนอก อิริยาบถ ดินน้ำไฟลม วิถีสรีระไม่มีแล้ว เหลือแต่วจีกรรม เหลือแต่ภาษาคำพูดกับมโน ไม่มีทั้งกายทั้งวจี เหลือแต่ มโน ก็คือมโนกรรม
ลปนา คือ ฐานที่หยาบน้อยลงมา เป็นทุจริตเป็นอกุศลอยู่ เราศึกษาให้ดี ให้รู้ว่ากรรมเป็นอันทำ เราต้องจัดการกรรมของเราเอง ไม่ใช่พระเจ้ามาจัดการให้เรา เราจะดีจะชั่วขึ้นอยู่กับพระเจ้าไม่ใช่ แต่เราควบคุมกรรมของตัวเองให้ดี แล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับกรรม เกิดมาศึกษาเรื่องของกรรมแล้วทำให้ดี
กรรมเป็นโลกียกรรมกับโลกุตรกรรม นี้สำคัญ กุศลอกุศล โลกีย์ก็ไม่ยาก แต่ต้องรู้กรรมโลกียะกับโลกุตระ ศาสนาพุทธมีอันนี้ ส่วนศาสนาอื่นมีทั้งดีทั้งชั่ว เราก็ศึกษาทำกรรมนั้นให้ดีที่สุดก็มาเรียนรู้เรื่องกรรมนี่แหละเป็นเรื่องใหญ่
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
ส.เดินดินว่า…คนทุจริตอวิชชาสุดยอด คืออวิชชาอัจฉริยะ ที่เหตุการณ์บ้านเมืองไทยวุ่นวายเพราะนักการเมืองเป็นต้นเหตุ แต่เขาเบี่ยงเบนไปหาว่าเป็นเพราะว่าสถาบัน อย่างเด็กรุ่นใหม่ออกมาว่า ปัญหาอยู่ที่สถาบัน ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาก็รู้ความจริงกันหมด
พ่อครูว่า…ที่จริงแล้วนักการเมืองที่ดีๆก็มี
_สู่แดนธรรมว่า…เมื่อกี้นี้มี ช่องเนชั่นนำคลิป หลวงพ่อดวงดี พาเด็กนร.เราชูสามนิ้ว เพื่อปฏิญาณ แต่ปฏิญาณถึงความรักชาติศาสน์กษัติรย์
พ่อครูว่า..ของเขาชู 3 นิ้วเพื่ออิสรเสรีรภาพ สันติภาพ ภราดรภาพ
ทุกคนเขาก็ต้องการความเป็นสันติภาพ ความเป็นพี่เป็นน้องทุกคนนั่นแหละ ความเสมอภาคกันนี่แหละ เขาเข้าใจยังไม่หมด อย่างของพระพุทธเจ้าตรัสไม่มีอะไรในมหาจักรวาลนี้เท่าเทียมกัน ไม่มีอะไรเสมอภาคกันหรอก มีสิ่งที่เป็นหนึ่ง เท่าเทียมกันไม่ได้ และเป็นคู่ เมื่อเท่าเทียมกันไม่ได้ก็ต้อง แย้งกัน เมื่อเป็นสองต้องเป็นบวกเป็นลบ ต้องมีขัดแย้งกัน ถ้าสิ่งที่เป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆไม่ขัดแย้งกันมีสิ่งเดียวเท่านั้น สัจจะหนึ่งเดียว มีหนึ่งเดียวคือ อาริยสัจ 4 ผู้ที่บรรลุอริยสัจ 4 นั่นแหละคือผู้มีหนึ่งเดียว ผู้นั้นจะจบ จะรู้เลยในโลกนี้ต่างคนต่างยึดถือ เถียงกันไปทั้งนั้นแหละ แม้แต่เถียงออกมาอยู่ในใจก็ตาม ต่างคนต่างเห็นคนละอย่าง แต่พระอรหันต์ขึ้นไปแล้ว ท่านรู้หมดท่านจบ ส่วนผู้ที่ขัดแย้งก็ขัดแย้ง เพราะสัจจะมีหนึ่งเดียว คืออรหันต์ พระอรหันต์ขึ้นไปมีนิพพานเป็นหนึ่งเดียว นอกนั้นก็ต่างคิดต่างคิดต่างคนต่างกำหนด สัญญายนิจจานิ ยึดสัญญาของตนว่าถูก ต่างคนต่างเที่ยง พอต่างคนต่างยึดถือของตัวเองว่าเที่ยง ผู้ที่ไม่ไปเถียง ผู้ที่เข้าใจแล้ว อย่างเช่นอาตมาไม่ได้ไปถกเถียง อาตมาพูดความจริง อธิบายความจริง สิ่งที่ถูกสิ่งที่ผิด ส่วนมันจะไปตกที่ใครจะไปกระทบที่ใคร มันก็เป็นความจริงของมันเท่านั้น ยังไม่ได้ไปเถียงอะไร ใครจะมาเถียงอาตมา อาตมาไม่เถียงด้วยหรอก อาตมาก็ยอม ไม่เถียงด้วยหรอก อาตมาไม่มีใจจะเถียงด้วย อาตมาว่าอาตมาเข้าใจแล้ว อาตมาจะตอบ หรือจะเถียงไม่เถียง แต่จะถกก็ถกบ้างโต้บ้าง แต่ไม่ถึงกับโต้เถียง พูดกันแล้วเราก็รู้ว่าเขากับเราเข้าใจคนละอย่าง ยึดถือคนละอย่าง ต่อไปอีกมากกว่านี้ไม่ได้ ไปขัดแย้งกันกว่านี้จะมากเกินไป ก็หยุด อาตมาจะสงวนท่าทีอันนี้
เมื่อกี้นี้อธิบาย อาชีพ 5 ไปได้สอง
เนมิตกตา คือ การปฏิบัติธรรมไปตามลำดับ เรียนรู้แล้วว่าสัมมาทิฏฐิเป็นเช่นนี้ ศีลสมาธิ ปัญญา เป็นเช่นนี้ จรณะ 15 วิชา 8 เป็นเช่นนี้ แล้วก็ปฏิบัติตามลำดับไป ยังไม่ได้ก็ต้องไปตามลำดับ เดินหาโชค เนมิตกตา ดำเนินแสวงโชคไปเรื่อยๆ จนบรรลุ
ผู้ที่บรรลุแล้วจบ ในอาชีพที่ 3 นิปเปสิกตา แปลว่า ผู้ที่มอบตนในทางที่ผิด ผู้ที่บรรลุได้แล้ว แต่ไปมอบตนไปรับใช้คนอื่นที่ผิด นี่ก็เป็นมิจฉาชีพที่น่าเกลียด คนที่บรรลุ คนที่รู้แล้วว่าอาชีพนี้ไม่ดี เราไปรับใช้อาชีพที่มันทุจริตเป็นอกุศลมันเป็นบาป ยังไม่ควรไปรับใช้เขาเลย ไอ้นี่ก็เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นมิจฉาชีพ ข้อ นิปเปสิกตา เป็นอาชีพที่มันน่าจะ พราวด์ในตัวเอง proud ควรจะนับถือตนเองบ้าง แต่ไม่ใช่หยิ่งผยอง นับถือตัวเองบ้างว่าเราก็เป็นคนที่ไม่ควรจะต้องไปเป็นผู้รับใช้ ผู้ที่ยังไม่ดีกว่าเรา เราก็ไปรับใช้อาชีพในสิ่งที่เขาทำร่วมด้วยเป็นอาชีพที่แปดเปื้อน เลอะเทอะ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งแสดงว่า ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้ว่าเราหลุดพ้นมาแล้ว แล้วไปเปลี่ยนอีกทำไม นิปเปสิกตา
ส่วน ลาเภน ลาภัง นิชิคิงสนตา เป็นมิจฉาชีพ ขั้นสูงสุดคือทำงานแล้วยังรับสิ่งแลกเปลี่ยนมาให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะรับคืนมาเป็นวัตถุ ลาภ วัตถุ รับสิ่งตอบแทน ไม่ทำงานฟรี ยังเป็นมิจฉาชีพ คนทำงานฟรีเท่านั้นจึงจะพ้นมิจฉาชีพ ผู้มาทำงานฟรีในชาวอโศก พ้นจากมิจฉาชีพภายนอกไม่รับเงิน แต่ใจยังเอา ยังมีภพชาติ อยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ ยังเป็นเราเป็นของเรา ยังเป็น สาเปกโข ให้แล้วให้ส่วนกลางแล้ว แต่ใจยังยึดถือเป็นเราเป็นของเราอีกอย่างนี้ก็ยังลึกซึ้งขึ้นไปอีก ต้องเรียนรู้ให้จริง พวกเรานี้ทำงานฟรีนอกจากไม่รับเปลี่ยนแรกวัตถุแล้ว จิตใจยังไม่ยึดติดเลย ทำแล้วก็ไปเป็นของกองกลาง เราก็ร่วมกินร่วมใช้ไป เอาไปให้กองกลาง แล้วกองกลางเขาไม่ให้เบิก ไม่ให้กิน ไม่ให้ใช้ ก็ต้องจำนน เราเป็นหมาหัวเน่า เราไม่มีประโยชน์ เราเป็นคนเลว ไม่ให้เรากินใช้ก็แล้วไป ขอจำนน แต่ละคนบางคนไม่มีบารมี ทำแทบตายแต่ก็เบิกไม่ได้ ก็เป็นวิบากของคุณเอง คุณทำมาเอง แต่ถ้าเผื่อว่ามันไม่มีวิบากปานฉะนั้น มันก็สบาย ยิ่งอยู่ในสาธารณโภคีอันนี้เยี่ยมยอด พูดไปแล้วก็ภาคภูมิใจในยุคนี้แท้ๆ ในยุคที่มีทุนนิยม อัตตามานะสูง อาตมาก็ยังพาพวกคุณหลุดพ้นมาจากสังคมทุนนิยมสังคมอัตตามานะสูงนี้ได้ ไปอยู่กับสังคมแบบนี้ได้ พิสูจน์ธรรมะพระเจ้าสุดยอด ใครจะว่าอาตมาหลงก็หลงของพระพุทธเจ้าว่าสุดยอดจริง
_ดิฉันขอสรุปเรื่องการอยู่ป่าว่า
1 เป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิงในทิฐิที่ว่าธุดงควัตร คือ เอกายนมัคโค หรือทางเอกแห่งความหลุดพ้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าจะทรงห้ามไม่ให้พระอุบาลีไปป่าทำไม
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าว่าอย่าไปป่า คนไปป่าต้องมีสมาธิสมบูรณ์ แต่ไปเพื่อทดสอบตามศรัทธา 10 ต้องไปอยู่ป่าเป็นวัตรบ้าง ลองดูบ้าง ไปอยู่เดี่ยว ไปเพื่อทดสอลว่า 1.เราไปอยู่คนเดียวไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสให้เกี่ยวข้องเลย เราจะโหยหาอาลัยอาวรณ์ไหม 2.เราไปป่าเพื่อจะทดสอบว่าเราติดในเรือนว่างในป่าหรือไม่ ใครที่ยังสงสัยในตัวเองก็ไปทดสอบได้จะได้เกิดศรัทธาที่เต็ม มันมีข้อหนึ่งในศรัทธา 10
-
ศรัทธา (เชื่อถือเลื่อมใสในอริยสัจเป็นต้น)
-
ศีล (ในบริบทที่สูงไปสู่สีลสัมปทา แห่ง จรณะ๑๕)
-
พหูสูต / พาหุสัจจะ (รู้สัจจะบรรลุจริง จนรู้มากขึ้น) .
-
เป็นพระธรรมกถิกะ (อธิบายสัจธรรม สอนความจริง)
-
เข้าสู่บริษัท (สู่หมู่กลุ่มอื่น) .
-
แกล้วกล้าแสดงธรรมแก่บริษัท
-
ทรงวินัย
-
อยู่ป่าเป็นวัตร ยินดีในเสนาสนะอันสงัด (คืออุเบกขา) . .
-
ได้ตามความปรารถนาโดยไม่ยาก ไม่ลำบากซึ่งฌาน ๔
-
ได้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้
ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 10 ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ก่อให้ เกิดความเลื่อมใสโดยรอบ และเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง
(สัทธา 10 จาก สัทธาสูตร พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 8)
-
เมื่อมีพระพุทธเจ้าก็มีพระมหากัสสปะจะได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่หลุดพ้นแล้วจะอยู่เมืองหรืออยู่ป่าก็อยู่ได้สบายๆไม่มีอะไรติดใจแล้ว
แต่ไปอยู่ในป่าทำประโยชน์ได้น้อยกว่าในเมืองแน่นอน เพราะไม่เข้ากับปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า
-
ดิฉันเชื่อว่าพ่อครูพูดถึงข้อด้อยของพระมหากัสสปะด้วยใจเป็นกลาง ในพระไตรปิฎกของมหาจุฬาฯ ข้อดีของท่านคือท่านเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก แม้ท่านจะถือศีลเคร่งก็ไม่ได้ยกตนข่มผู้อื่นเลย ข้อด้อยคือ ท่านไม่ค่อยสอนใคร เพราะท่านมีทิฏฐิว่า การสงเคราะห์คนเป็นความลำบากการคลุกคลีในหมู่คณะก็ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ ท้ายนี้คิดว่าคุณ thai ch คงยอมรับความจริงได้นะคะ คุณพูดตรงไปตรงมาดี