630907_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 7
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1ir7M8Erbqsab9J0MfQ_aVVrwMfuN3jNErw-zLAreSIM/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Jl_3Z2UAetg2ARqiL41MnJuaT6Cw8mek/view?usp=sharing
ยูทูปที่
สู่แดนธรรม… วันนี้คือวันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563 ตรงกับแรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีชวดนะครับซึ่งท่านทุกท่านที่ติดตามชมมาตลอดก็จะรู้ว่าครั้งนี้เป็นการออนไลน์ครั้งที่ 7 นะครับ
พ่อครูว่า …ก็จะคุยกันเรื่องอะไรดีล่ะเรื่องอะไรก็ดีทั้งนั้นน่ะ แม้แต่เราเอาเรื่องที่ไม่ดีเลยมาคุยก็ดี เพราะว่าเราคุยให้รู้ว่าไอ้สิ่งไม่ดีคือไม่ดี เราจะได้รู้ดีๆ รู้อย่างถูกต้องแล้วอันนี้ไม่ดีอย่างนี้เป็นต้น เราคุยได้ทั้งหมดทั้งเรื่องดีและไม่ดีเพื่อเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจให้แจ้งชัดแล้วเราก็ทำสิ่งที่ดีไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีนี่เป็นเบื้องต้นอย่างนั้นของโลก
_คนบ้านราชฯ..ถามว่าถ้าสิ่งที่มีแต่ดีไม่มีเสียเลยคือนิพพาน สิ่งที่มีแต่เสีย ไม่มีดีเลย คือกิเลสได้ไหมคะ
พ่อครูว่า…ได้
_ถ้าจะกล่าวว่า สัจจะมีหนึ่งเดียวคือสัจธรรมที่เป็นคำสอนพุทธเจ้าได้ไหมคะ เช่น มีรักที่ใดมีทุกข์ที่นั่น หรือฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุขได้ เป็นต้น เพราะไม่มีใครเห็นแย้งเลยได้ไหมคะ
พ่อครูว่า….ได้อีก
สิ่งที่มีความเป็นสองที่ยกขึ้นมาเทียบเคียงกันแล้วว่า อะไรจะดีกว่าอะไร นี่เป็นเรื่องของโลกีย์ธรรมดา แยกให้ออกเลยนะ ว่าศาสนาพุทธเนี่ยเรื่องดีเรื่องชั่วๆเนี่ยเป็นเรื่องของโลกีย์ นี่ศาสนาพุทธก็รู้ก็มีด้วยเป็นสมมติสัจจะ
เป็นเรื่องของโลกๆคนโลกีย์ทั้งหลายแหล่ ศาสดาทุกองค์ก็ศึกษาเรื่องนี้หมดทั้งนั้นน่ะส่วนใครจะรู้เยี่ยมยอดสูงสุดอยู่ยังไง เป็นยังไงก็แล้วแต่ศาสดาของแต่ละศาสนาจะกล่าวไว้จะบัญญัติไว้จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติในโลกปีนี้มี 2 อย่างละ 2 อย่างไม่เที่ยงขึ้นกับกาละเทศะสถานะของแต่ละยุคแต่ละยุคสมัยแต่ละองค์การและยุค ไม่เที่ยงหรอก สมมุติตอนนี้มันยังไม่ถูกเปลี่ยน กาลเปลี่ยนไปเปลี่ยนสถานะไปจริงๆ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบโลกต่างๆที่จะอาศัย จึงเป็นสมมติจะไม่เที่ยงรู้จักตรัสรู้เรื่องนี้ด้วยอะไรดีไม่ดีและเที่ยงไม่เที่ยง ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในโลกีย์ ส่วนอีกอันนึงคือโลกุตระ อันนี้สิเขาไม่มีศาสดาของเทวนิยมใดๆเขาศึกษาและไม่รู้ ศาสนาไหนก็ไม่รู้ มีศาสนาพุทธที่รู้สุขทุกข์นี่เรื่องนี้ยิ่งใหญ่ สุขทุกข์ สุขทุกข์นี่คืออะไร สุขทุกข์นี่คืออาการหรืออารมณ์ของความรู้สึกของจิตวิญญาณ แล้วคนมันหลงสุขหลงทุกข์ เขาไม่ศึกษาไม่ศึกษาวิญญาณไม่ศึกษา 2 อย่างนี้
แล้วเทวนิยม ศาสนาพระเจ้าไม่มีพระเจ้าให้ศึกษาเลย จึงไม่รู้จักความจริงอันนี้เพราะไม่รู้จักความจริงอันนี้ จึงไม่รู้ว่าวิญญาณนังอนัตตา จึงไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่าวิญญาณไม่มีตัวตนพระวิญญาณไม่มีตัวตนก็พูดกันไปด้วยตรรกะ ของศาสนาเทวนิยมก็พูดเท่ๆ แต่เขาไม่รู้เรื่องหรอก เพราะมันไม่มี นี่คือมันไม่มีจริงๆมันไม่มีตัวตนจริงๆ เขาก็ตัวตน อัตตา อาตมัน คือพระเจ้า ปรมาตมัน เขามีนิรันดร เทวนิยมต้องมีนิรันดร
เขาไม่สามารถที่จะเลิกล้างความเป็นอัตตา ความเป็นความรู้สึกได้จึงเป็นองค์ความรู้สึกอยู่ จึงเป็นมนุษย์สุขนิยม เป็นมนุษย์สุขนิยมจะเอาจะสุขจะทุกข์ แต่ไม่รู้ว่าสุขทุกข์นี้เป็นภาวะอนัตตา สุขไม่มีตัวตนจริงมันเป็นของจริงมีตัวตนจริงหรอก มันเป็นความหลงของธาตุรู้ที่เรียกว่าวิญญาณ มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่ตรัสรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ศึกษาและค้นพบจนกระทั่งสลายธาตุจิตวิญญาณได้ แม้ยังไม่สลายบรรลุอรหันต์แล้วก็ทำจิตให้ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เป็นจิต กลางๆเป็นอุเบกขา จิตกลางๆ จิตอุเบกขานี่แหละไม่สุขไม่ทุกข์นี่แหละที่จึงไม่สุขไม่ทุกข์กับอุเบกขา
อุเบกขามันนึกว่าไม่สุขไม่ทุกข์ แต่ไม่มีพยัญชนะก็เลยใช้ 2 ตัวนี้เป็นไวพจน์กัน แต่เป็นซินโนนีม คำใช้แทนกันไปใช้แทนเท่านั้นจริงๆและอุเบกขามันสุดจบกว่าไม่สุขไม่ทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ก็พอให้คนที่ไม่รู้จักอุเบกขา แต่เขารู้สึกทุกข์ก็พอสัมผัสได้
อุเบกขานี่เขาสัมผัสไม่ได้ ก็มีผู้ที่ศึกษาอย่างมิจฉาทิฏฐิเป็นนั่งหลับตาทำ อุเบกขาในขณะนั่งหลับตาเขาก็ได้อุเบกขานะอุกเบกขา จะเป็นอุเบกขาแบบโลกีย์ แบบคนโลกๆมันไม่ว่างจากกิเลส มันไม่รู้จักกิเลสทำกิเลสออกไปไม่มีแล้ว เป็นจิตบริสุทธิ์จึงเรียกว่าอุเบกขาจะเป็นประโยชน์กับโลก อื่นๆใดๆไม่รู้จักอุเบกขาหรอกเป็นสมมติกลางเฉยๆข้างๆเป็นสมมติสัจจะจิตที่เป็นอุเบกขาจริงๆเขาไม่รู้ แม้แต่ในศาสนาพุทธทุกวันนี้คำสอนพุทธเจ้ายังอยู่แต่หาคนที่จะมารู้จักอุเบกขาจริงๆอาตมาว่าไม่มีหรอก นอกจากอาตมา ขออภัยจริงๆนะพูดแล้วยกตัวเองจริงๆไม่มี
อันนี้โลกุตระอาจจะไกลเกินไป แต่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไรเราจะรู้ได้ด้วยการศึกษา เราไปติดอะไรที่มันสุขมันทุกข์ มันมีอารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์ ที่เราไปติดไปยึดอยู่ มันมี อันนี้เรื่องจริง ก็ต้องได้ตรงนี้ ต้องเป็นสัมผัสในสัมผัส แล้วก็สุข ถ้าสมมุติตามจะหยุดถ้าไม่ได้ตรงตามสมมุติก็ไม่สุข สุขมากสุขน้อยไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้นถ้าเราเรียนรู้จักอาการหรืออารมณ์ของความรู้สึกที่ว่าเนี่ยตั้งแต่ไปสัมผัสกับเหตุปัจจัยอะไรเกิดอารมณ์ขึ้นมาก็เรียนรู้ เรียนรู้จนชัดเจน มันเป็นความสุขความเจริญเป็นสภาพ 2 อย่าง จนสามารถสัมผัสแล้วมันก็ฝึกฝนไปทำปัญญาให้แจ้ง ไปนั่งสะกดจิตเนี่ยนั่งหลับตามันไม่มีทางที่จะรู้ความจริงได้ มันไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายที่จะรู้สึกครบบริบูรณ์ของคนธรรมดาที่มีความตื่นเต็มชาคริยาเต็ม มันก็เลยมันก็มืดๆอยู่งั้น อยู่ในภพที่มันไม่เปิดตาปฏิบัติธรรมเรียนรู้ มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าเลยไม่ใช่ของศาสนาพุทธเลยจริงๆเลยมาถึงปีนี้ 50 ปี พูดเรื่องนี้สอนเรื่องนี้ มาเรื่องหลับตาหน่อยว่ามันไม่ใช่ของพุทธ
ที่พูดเรื่องนี้สอนเรื่องนี้มากว่าเรื่องหลับตาหน่อย ว่ามันไม่ใช่ศาสนาพุทธ อ่านพระไตรปิฎกไปเลย เล่มที่ 9 อ่านดีๆไปเลย แต่อ่านไม่แตกหรอกเพราะเขายึดติดอย่างนั้น มันมีเหตุปัจจัยเยอะในพระไตรปิฎกฉบับนี้มันเป็นของพระกัสสปะ ซึ่งเป็นสายหลับตาสายติดเทวนิยม อะไรต่างๆรวบรวมพระไตรปิฎกด้วยไป อะไรหลายๆอย่างยิ่งยากใหญ่เลยแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะว่าเรามีฉบับนี้แต่ถ้าเข้าใจจริงๆก็ไม่มีปัญหา
แซมดิน…รายงานมีโรคระบาด ชิคุนกุนยา 22 ชีวิตที่สันติอโศกก็ยังไม่มีใครเป็นอันตรายครับ หายแล้วแต่ยังปวดเมื่อยอยู่ครับ
มีเรื่องที่ต้องไปศาลบ่อยครับ ก็ได้ปรับใจ แต่มันต่างจากทำงานแยกขยะ ที่เราจะมีความ appreciateดี
พ่อครูว่า…ดี มาทำงานปุ๋ย ทำงานขยะ มี appreciate นี้ดี
แซมดิน…ได้ใช้ฝีมือช่างและได้ทำประโยชน์แก่โลก
วันนี้มี 1 คำถาม จากคุณหนึ่งพุทธ
_หนึ่งพุทธ…วันนี้ที่บุญนิยมทีวีสันติอโศก มีการอบรมทำสื่อฯ ก็ได้ฟังพ่อครูพูดเปิดงาน ก็ฟังแล้วรู้สึกว่าลึกซึ้งมากยิ่งใหญ่มาก การสื่อสารเป็นเรื่องแพร่สะพัดกระจายความจริงสู่มนุษยชาติ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่พ่อครูให้โศลกไว้ว่า..เราต้องเปิดเผยธรรมะตลอดเวลา ไม่มีเวลาใดที่ไม่สมควรเปิดเผยธรรมะ ผู้ใดขัดขวาง คือผู้ทำลายมนุษยชาติ..
พ่อครูว่า…ขอขยายคำว่าสื่อสาร สื่อสาระ คำสองคำเนี่ยพยัญชนะ 2 คำนี้ทุกวันนี้ก็เห็นว่าโลกยุคปัจจุบันนี้ก็จะเห็นได้ว่าสื่อสารเนี่ยเป็นวิธีการก็ดี เป็นเครื่องมือก็ดี ที่สำคัญที่ใช้กันอย่างสำคัญในสังคมและมนุษย์ชาติเกิดขึ้นมา ตั้งแต่เป็นสื่อสารต่างๆจนกระทั่งไปถึงละเอียดไปเลย จนกระทั่งกลายเป็นอะไรยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตยิ่งกว่า กี่ G มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ละเอียดไปถึงขนาดนั้น
ถ้าพระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วไม่สื่อสิ่งใดเลย จบเลย ก็สูญหายไป ต้องสื่อ สาระ สารคืออะไร คือความจริง วิมุติเป็นแก่น วิมุติเป็นสาระ ฉันทะเป็นมูล มนสิการเป็นแดนเกิด ผัสสะเป็นสมุทัย เวทนาเป็นที่ประชุมลง เกิดสมาธิเป็นประมุข มีสติเป็นใหญ่ ปัญญาเป็นยิ่ง มีวิมุติเป็นแก่นสาร วิมุตเป็นสาระที่แท้ ผู้ได้วิมุติก็เป็นอมตบุคคล ปรินพพานเป็นปริโยสาน ผู้ไม่เป็นอมตบุคคลไม่มีสิทธิ์ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้
ผู้เข้าถึงความจริงแล้วเอาสาระนี้มาสื่อต่อเชื่อมให้คงอยู่ต่อไป จึงเป็นสิ่งที่สำคํญ ทั้งปรมัตถสัจจะ เป็นสัจจะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งสามัญวัตถุที่โลกเขาใช้ก็จะสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก สื่อสารนี่
อาตมาอธิบายสื่อสารไป คุณก็ว่าอาตมาอธิบายลึกซึ้งแล้ว นี่เจาะลึกเข้าไปอีก อาตมามาทำงานเกิดมาชาตินี้ทำงานสื่อสารตลอดเวลา เหนื่อยๆ กับสาระ ซึ่งคนก็ไม่เอาสาระ เอาแต่เปลือกมายาผิวๆสะเก็ด ไม่เอาถ่านเลย อาตมาเห็นสัจจะพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้
ว่าโลกนี้ไม่มีแล้วสาระแก่นสารของพระพุทธเจ้า ไม่มีแม้แต่แค่ศีล ซึ่งเป็นสะเก็ดของต้นไม้ เทียบต้นไม้ทั้งต้น สะเก็ดก็แค่ เปลือกที่ผุกร่อนก็ยังไม่มี เปลือกคือสมาธิไม่มีแน่นอน แม้สะเก็ดนอกสุดยังไม่มี มีแต่สมาธินอกรีต ไม่ใช่สมาธิพุทธ ศีลเขาไม่เกี่ยวเลย ไม่ต้องพูดถึงปัญญาที่เป็นกระพี้ วิมุติเป็นแก่นไม่มีเลย ทั้งสะเก็ด เปลือก กระพี้ แก่นไม่มีเลย ตกลงต้นไม้ทุกวันนี้เป็นต้นไม้พลาสติก ไม่มี ทั้งสะเก็ด เปลือก กระพี้ แก่น แต่ดอกใบผล คือโลกียะ บานสะพรั่ง เอ๊..ที่นี่มีดอกปลอมหรือเปล่า อโศกมันไม่มี หาของปลอมไม่ได้เลย นี่อุตส่าห์หาของปลอมมาให้โชว์ มันมีแต่ของจริง
อาตมาเกิดมาชาตินี้มาทำงานศาสนา มาเสนอความจริง ตั้งแต่ศีล ที่เป็นองค์ประกอบของชีวะ คือต้นไม้ ก็ไม่เอาถ่านเลย สมาธิก็พูดไปเถอะ สมาธินี่ ไม่มีเลย สมาธิของพระพุทธเจ้ามีแต่สมาธินั่งหลับตาสะกดจิต ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สู่แดนธรรม…พิจารณาด้วยใจเป็นกลางๆ ศีลไปหาสมาธิไม่ขาดจากกัน overlap กัน
พ่อครูว่า…สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นก็คือ จิตมันจะสะอาดจากกิเลส แล้วก็เกิดจิตสะอาดนี่ สะอาด เริ่มสะอาด สะอาดมากขึ้นๆ ก็จะค่อยๆตกผลึก จิตสะอาดตกผลึก ผนึกกันแน่นเข้า เรียกว่า จิตตั้งมั่น ถ้ามันไม่ถูกตั้งแต่จะทำให้จิตสะอาด มันก็ไม่รู้ว่าจิตสะอาดจากอะไร สะอาดจากกิเลส แล้วทำให้กิเลสสลายเด็ดขาดจากจิต แล้วจิตสะอาดตกผลึกเป็นจิตตั้งมั่น เป็นสมาหิโต อยู่ในจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งเป็นวิชชาจรณสัมปันโนของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่มีคำว่าสมาธินะ
สู่แดนธรรม…พอจะไปอนุโลมกับจรณะ 14 ได้ไหม
พ่อครูว่า…อันนั้นเป็นฌาน กิริยาเผากิเลส ไฟราคะ โทสะ โมหะ ถูกสลายไป จิตก็สะอาด หากไม่ทำเป็นจิตสะอาด ที่รวมกัน1 2 3 4 5 รวมกันก็ไม่เกิดเป็นสิ่งตั้งมั่นเป็นมวล
ทุกวันนี้เรียนกันแบบปลอมๆเก๊ๆ ทำสมาธิชั่วคราว เป็นอาฬารดาบส อุทกดาบส จะรู้ปรมัตถธรรมของพระพุทธเจ้านั้นยากมาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
อาตมาต้องพูดความจริง คือเขาไม่ฟังกันเลย มันน่าสงสารที่สุดที่ว่าไม่ฟังอาตมาพูดเลย ก็มีบ้าง คนที่ยังแสวงหาไม่มีอคติในใจ เปิดจิตบ้าง แง้มใจ ก็ยังดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนรับได้เลย มีพวกเรารับได้ แล้วมีคนแสวงหาจำนวนหนึ่ง ก็ได้ประมาณนี้ ซึ่งไม่คุ้มค่าโลกุตระหรอก เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงไม่เกิดยุคนี้
หากพระพุทธเจ้าเป็นพ่อค้าเอาสินค้ามาเองเนี่ยหมดเนื้อหมดตัวขาดทุนยับเยินมันไม่สมค่ามันไม่สมควรในฐานะของพระพุทธเจ้า ต้องให้อาตมานี่แหละมาเปิดร้านค้าโลกุตระอยู่เนี่ยคล้ายตั้งยากช่างเย็นคนมองเห็นเป็นขี้ขยะหมดเขาเป็นหลงขยะเป็นทอง อาตมาเอาทองมาเสนอเค้าเห็นเป็นขยะจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงแต่ก็ไม่ท้อ อาตมาก็ไม่ท้อต้องพยายามเพราะยังมีคนมีดวงตาจะมีธุลีในดวงตาน้อย ยังพอฟังเข้าใจแล้วก็ได้รับประโยชน์ได้รับจริง ยังไม่หมดมันก็ได้อยู่ แต่มันสมฐานะอาตมาเท่านั้น ทั้งเหน็ดเหนื่อยเลอะเทอะถูกข่มขี่ ถูกอะไรทุกอย่าง อาตมาก็ต้องยอม พระพุทธเจ้าไม่ได้หรอกมันไม่สมควรทุกอย่าง
_สู่แดนธรรม.. ถือว่าลูกๆชาวอโศกมีเนื้อหาสาระแท้อยู่ แม้มีน้อยก็เป็นคานงัดกับสังคม
พ่อครูว่า..เอกีภาวะ ตีไม่แตก แน่นโดยปัญญา เจโตปฏิภาณ พวกเราทำได้แล้วก็มีปฏิภาณ เทียบแล้วต้องเอาอันนี้
_ปฐมอโศก คุณปลูกขวัญ…ที่ปฐมอโศกไปทำนากันที่นาแรงรักแรงฝัน ก็ร่วมแรงร่วมใจกันทำนา 88 ไร่ จากทั้งหมด 100 กว่าไร่
_น้ำดิน …วันนี้ในอดีต มีอุบัติเหตุเกิดแก่ คุณพรพิชัย เจียมกัลชาญ เสียชีวิต คุณพรพิชัย เคยร่วมรบที่ อตก. ตอนนั้นน้ำดิน เข้ามาเป็นชาวอโศกปี 2528 ที่สันติอโศก ไปทำงานร้านมังฯที่ อตก.และต่อมาไปที่จตุจักร ก็ได้ยินข่าวตอนนั้นก็ใจหาย ซึ่งเป็นบรรพชนที่มีคุณค่ามาก เราควรรำลึกถึงคุณงามความดีของบรรพชน ที่สานต่อคำสอนของพ่อครู
เดี๋ยวนี้มีเด็กรุ่นใหมเรียกร้องหาประชาธิปไตย เขาเกิดมาเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น เขาก็มาเรียกร้องหาประชาธิปไตย อาน้ำดินก็งงๆ ว่า ประชาธิปไตยของน้องๆคืออะไร กับ บรรพบุรุษไทยที่สร้างประเทศไทยมา ก็ไม่เข้าใจ ก็น่าเห็นใจที่ว่าสถาบันครอบครัวเขาได้ดูแลปู่ย่าตาทวดได้ดีหรือยัง ทำไมเขาทำประชาธิปไตยในครอบครัวได้สมบูรณ์หรือยัง อยากให้พ่อครูแนะนำลูกหลานชาวอโศก
พ่อครูว่า…ดีมากเลย ก็ย้ำ มันดีมาก ประชาธิปไตยคืออะไร ถ้าใครฟังแล้ว อาตมาพูดอีก ก็จะซ้ำเก่า ก็จะรู้เพิ่มขึ้น ประชาธิปไตย ของพระพุทธเจ้านั้น ต้องมีนัยสำคัญว่า มีเงื่อนไขว่าเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ประชาธิปไตยของโดนัลทรัมป์ หรือแม้แต่ประชาธิปไตย ของอังกฤษ ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่คืออย่างไร
ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านั้นอธิบายตามภูมิของอาตมา
ประชาธิปไตยคือลักษณะที่เป็นอิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ
-
อิสรเสรีภาพ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เข้าไปเข้าใจว่าอิสรเสรีภาพคือการทำอะไรได้ตามใจตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องของการบำเรออัตตาเต็มรูป มันเป็นตัวตนเต็มตัว มันเป็นทาสของอัตตาตัวกูของกูเต็มรูปเลย เขาไม่เข้าใจ อย่างอโศกนี่มาดูได้เลย เป็นประชาธิปไตย สมบูรณ์แบบ ขอยืนยันประกาศได้เลย เพราะมันเป็นความจริง คนที่จบรัฐศาสตร์ประชาธิปไตยเรียนมาจบด็อกเตอร์มา
รับรองว่ายังไม่ตรงที่ว่านี้หรอกอาจจะมีส่วนพาดพิงแต่ไม่ตรงกับที่ว่าอิสรเสรีภาพของพระพุทธเจ้านั้นมันอิสรเสรีภาพที่ทางอัตตาเทวนิยมทางตะวันตกเขาจะไม่เข้าใจอัตตาเขาจะเป็นเทวดาก็จะเป็นยิ่งใหญ่ตามพระเจ้า ไม่เข้าใจเข้าใจไม่ได้หรอก พูดยังไงก็ไม่เข้าใจอิสรเสรีภาพมันจะบำเรออัตตาตัวเองอีกทั้งนั้น
ที่ไม่บำเรออัตตาคือตัวเองไม่มี จึงเป็นพหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ มาดูได้จากอโศก
-
ภราดรภาพ ยิ่งใหญ่มาก ในความเป็นพี่เป็นน้อง fraternity เป็นครอบครัวใหญ่ ชาวอโศกเป็นครอบครัวใหญ่กินข้าวหม้อเดียวกันทรัพย์สินกองเดียวกัน เป็นอะไรก็เป็นไปด้วยกัน อะไรมันเดือดร้อนก็ช่วยกัน ให้เป็นอยู่สุขร่วมกัน ยิ่งกว่าหนังจีน มีสุขร่วมเสพย์ มีทุกข์ร่วมต้าน ทุกรูปแบบเลย เป็นภราดรภาพที่ยิ่งใหญ่
-
สันติภาพ สงบ สงบอะไร สงบที่ปราดเปรียวคล่องแคล่วว่องไว พลังยิ่งใหญ่ เสียงดัง มีสงบ สงบกิเลสตัวเลว ตัวทำให้พลังงานที่ออกไป ไม่ว่าจะเสียงดัง แข็งแรงเต็มที่อย่างไรก็ไม่มีโทษภัย ไม่มีกิเลสไปร่วมเลยมีแต่สิ่งดีเพื่องานสร้างสรรดี และแรงมากๆเยอะๆ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นหมดไม่มีตัวตนด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นภราดรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะกิเลสไม่เข้าไปกวน