631023_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คำว่ากายนั้นยิ่งใหญ่อย่างไรในศาสนาพุทธ ตอน1
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1sTuD2lA7dkTzOAA5OT38TZNYBS10rPqKv0Jb1IK0L6Y/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1asERD-UQE50jYRh9dwkEmVCPl3VnfwD-/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/BNIWjOmNcIs
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้บ้านราชฯสว่างไสวเพราะว่าพวกเราใส่สีเหลืองกันเต็มศาลา เดือนตุลาเขาบอกเป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นตุลาสร้างสรร ที่ทำให้มีเรื่องสำคัญๆ ที่ทำให้มีความจงรักภักดีแสดงถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยมากกว่า
ซูเปอร์โพลเปิดผลสำรวจประชาชน ส่วนใหญ่เห็นด้วยเสรีภาพต้องมากับความรับผิดชอบ
22 ต.ค.63 – ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เสาหลักของชาติ ศูนย์รวมใจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 2,408 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 16 – 21 ตุลาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 มีความสุข ถ้าเห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำบุญถวาย ในหลวงรัชกาลที่ 5 ในวันคล้ายวันสวรรคต ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.7 ไม่มีความสุข
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความเห็นที่คนไทยจะยกย่อง ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระราชบิดาแห่ง เสรีภาพคนไทย ที่ทรงประกาศเลิกทาส พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 2.5 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 เช่นกันเห็นด้วยที่คนไทยจะยกย่อง ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระราชบิดาแห่ง สิทธิมนุษยชนของคนไทย ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 2.5 เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย
การทำให้เกิดจลาจลสงครามการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็ไม่มีใครชนะ มีแต่คนที่แพ้ก็คือประชาชนคนไทยด้วยกัน
สืบทอดอำนาจไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
พ่อครูว่า…วันนี้วันเลิกทาสของในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็มีคนถามเรื่องนี้มาเหมือนกัน
_สว่าง เพียงราตรี…การสืบทอดอำนาจสืบทอดบัลลังก์ เป็นผลเสียต่อส่วนรวม
พ่อครูว่า…การสืบทอดอำนาจ มันก็ต้องชัดเจนว่า สืบทอดอำนาจนั้น อำนาจนั้นเป็นอำนาจที่เป็นอำนาจเป็นธรรม หรือเป็นอำนาจที่เป็นอธรรม ถ้าอำนาจที่เป็นอธรรม สืบทอดอำนาจอย่างนั้นแน่นอนก็ไม่ดี สืบทอดบัลลังก์ ก็มีนัยยะคล้ายกัน แต่บัลลังก์มันเป็นสถาบันส่วนอำนาจนั้นเป็นนามธรรม ก็เลยชัดเจนกว่ากัน ถ้าสืบทอดบัลลังก์ก็เป็นรูปธรรมชัดเจน
ถ้าหมายถึงสถาบันสูง อย่างประเทศที่มีในหลวงมีพระเจ้าแผ่นดิน ก็มีการสืบทอดบัลลังก์ ก็เป็นที่รู้กันทั่วโลก ก็ต้องสืบทอดกันไป อย่างที่เป็นสิ่งที่ดีงามเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และก็ดี เป็นเรื่องของธรรมชาติของมนุษยชาติด้วย ว่า มนุษยชาตินั้นจะต้องมีสถาบันกษัตริย์ จะต้องมีกษัตริย์มีการบริหารปกครองอย่างทุกวันนี้ มีนายกฯทำหน้าที่ทำงานกับประชาชนโดยตรง กษัตริย์ก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ที่เป็นผู้ที่ดูแลหรือว่ามีประชาชนเป็นลูก ก็ต้องให้ความอยู่เย็นเป็นสุขแก่ลูก
แน่นอน มีลูกมากมายทั่วประเทศก็ต้องมีทั้งคนชั่วและคนดี อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสไว้ชัดเจนว่ามันมีทั้งคนดีและคนชั่ว เราก็ต้องพยายามสนับสนุนคนดี พยายามกำจัดอย่าให้คนชั่วได้ทำชั่ว ก็เป็นสามัญสำนึกธรรมดา ก็กระทำอยู่ตลอดกาลมันต้องมีอย่างนี้มันห้ามไม่ได้หรอกเป็นธรรมดา
เพราะฉะนั้นการสืบทอดอย่างที่เป็นสถาบันกษัตริย์ก็ต้องสืบทอดอย่างดี เพราะฉะนั้นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงมีทศพิธราชธรรมมีธรรมะ ก็ต้องพยายาม แม้แต่พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องทรงรู้เรื่องนี้ดีทุกพระองค์ แล้วก็ประพฤติให้จริงตามความเป็นจริง แน่นอน บางพระองค์ก็บกพร่อง ไม่เป็นไปตามทศพิธราชธรรมก็ต้องมีบ้าง แต่เป็นเรื่องจริงที่ทุกพระองค์ท่านก็รู้ แต่ท่านเองเป็นวิบากของท่านเป็นบารมีของท่าน เป็นกรรมวิบากของท่าน ท่านก็เป็นได้อย่างที่ท่านเป็น แต่สำนึกแน่นอนเพื่อแผ่นดินทุกองค์มีสามัญธรรมดา
จะบอกพูดกำกวมว่าสืบทอดอำนาจนั้นเสียผลต่อส่วนรวมนั้นไม่จริง
ยกตัวอย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาสืบทอดอำนาจ ประชาธิปไตย ต่อไปจากประชาชนที่ทำรัฐประหารปฏิวัติรัฐบาลเลวร้ายไปได้แล้ว อันนี้อาตมาพูดเขาก็ยังงงและไม่เข้าใจว่าประชาชนจะปฏิบัติด้วยความสงบเรียบร้อย และสำเร็จจริง ที่จริงมีหลักฐานว่าสำเร็จจริง แต่เขาไม่เชื่อว่า เป็นผลจากประชาชน
ตอนนั้นที่เราไปประท้วง ก็มีนายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาลเป็นรักษาการนายกแทนยิ่งลักษณ์ ซึ่งเขาไม่มีอำนาจจริงแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็เพียงแต่ออกปากบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอยึดอำนาจ”ก็ทำได้อย่างสงบซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างนี้เลยในโลก
ภาษาคำว่าเผด็จการ สืบทอดอำนาจหรือประชาธิปไตยถ้าไม่เข้าใจเนื้อหาพฤตินัยจริงๆก็ไม่มีทางรู้ได้ ที่อาตมาสื่อคือแบบพฤตินัยไม่ใช่แค่ภาษาบัญญัติภาษาสมมุติภาษาโวหารเท่านั้น แต่เป็นเรื่องพฤติกรรม พฤตินัยจริงๆของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์จริงเป็นเรื่องที่กระทำอย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบเป็นสากล มาprotest ยึดอำนาจรัฐบาลได้สำเร็จ พลเอกประยุทธ์จึงมาสืบทอดอำนาจ จึงไม่ใช่เผด็จการแต่เป็นประชาธิปไตย เป็นการสืบทอดจากประชาชนที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารจริงๆ
แต่เขาไม่ค่อยจะพูดเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเชิงริษยา อาจจะมีคนที่มีจิตริษยาเป็นนักวิชาการพวกนั้น แล้วต่อจากที่สืบทอดอำนาจจากประชาชน ก็บริหารประเทศ ก็ปฏิบัติได้ดี มีฝ่ายค้านก็ค้านกัน ทุกวันนี้เขาก็ผยองมาก เพราะพลเอกประยุทธ์ใจดีมีความกรุณาเป็นอัชฌาสัยเป็นอย่างมาก ก็ไม่รุนแรงตอบ พลเอกประยุทธ์ก็พูดเองว่าพวกนี้เป็นลูกหลานเรา บางคนก็ร้อนวิชา บางคนก็มีการติดยึดมีความคิดล้ำยุคล้ำหน้าไปเกินความเป็นจริง ซึ่งสุดโต่งไป แม้ว่ามันลงตัวแล้วประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแล้ว เป็นไปอย่างดีงามแล้ว บริหารประเทศเจริญเป็นลำดับ แต่เขาก็พูดไปมี fake news ไปเรื่อยๆ ข้อมูลไม่จริง ดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์ไป
อาตมาก็ว่า พลเอกประยุทธ์คงรู้ตัวดี แต่เหนื่อยมากทีเดียว ทำมา 5-6 ปีแล้ว ก็พยายามทำ แล้วก็ตั้งใจอยู่ มีการไล่ดุเดือด แต่มันก็งดงาม ประชาชนไทยมีประชาธิปไตย เป็นประชาชนที่ยังมีจิตอยู่ในกรอบของความถูกต้องเป็นสากล คือไม่รุนแรง มีพวกที่มี Error บ้าง เอาคีมเหล็กมาตีตำรวจ ก็ครั้งเดียว นอกนั้นก็กระทบกระทั่งกันเล็กๆน้อยๆ ดันกันไปดันกันมาเท่านั้น ไม่เหมือนที่อื่นเขา ประเทศอื่นเล่นกันหนัก ..แรง
สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ในโลกที่อาตมายังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องดูสังคมอย่างนี้ไป ก็ออกความเห็นไปตามประสาอาตมา ใครจะว่าอย่างไรจะตำหนิติเตียนก็ไม่เป็นไร มันเป็นสิทธิ์มันเป็นความจริงที่ทำ ก็เอา
ในเรื่องของการสืบทอดอำนาจนั้น มันก็เป็นธรรมชาติของสังคม สังคมคอมมิวนิสต์ก็สังคมเผด็จการยิ่งเป็นใหญ่เลยอย่างเช่นเกาหลีเหนือ เขาบอกว่าเขาไม่คิดจะให้มีการสืบทอดอำนาจเป็นบุคคลจะให้ทำเป็นคณะ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าสืบทอดกันทั้งตระกูลของคิมจองอึน สืบสันตติวงศ์มาเลย พูดไปไม่เป็นจริงเลย ไม่เผื่อคณะอื่น เอาแต่ตระกูลของข้าแท้ๆเลยคนอื่นไม่มีส่วนเลย ยิ่งกว่าการยึดอำนาจเป็นเผด็จการของตระกูลนั้นสุดยอดเลย แล้วไม่มีใครกล้าอิ๊เลย อิ๊ฆ่าเลย ยิ่งกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เหี้ยมจริงๆ
การสืบทอดอำนาจก็ขยายความไปพอสมควร ที่ดีก็จะเป็นผลดี เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลเป็นตามลักษณะธรรมะไม่มีปัญหาอะไร
ทอดกฐินในทุกวันนี้กลายเป็นบาปทอดในกระทะทองแดง
_บอย มุ่งชมกลาง : ผมไปตลาดช่วงนี้ก็เจอ ผู้คนตั้งกองกฐินอยู่นิ่งๆ แต่ที่เห็นกองกฐินเคลื่อนที่( เดินเรี่ยไรเงิน, เปิดเครื่องเสียงเต้นสนุกสนาน โบกรถให้จอดเพื่อขอเรี่ยไรเงิน…และวิธีการต่าง ๆ เพื่อหาเงิน บางทีครั้งครั้ง และหลายทีหลายครั้ง ท่านจะรู้ไหมว่ามันเบียดเบียนหรือทำความวุ่นวายให้ผู้ที่ยังลำบาก ที่ยังเดือดร้อนอยู่…แต่ก็มีผู้ตั้งใจให้ก็มี…พอคิดดูอีกทีท่านตั้งใจ สละลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข…แต่สิ่งที่กระทำกลับดูย้อนแย้งกัน)พ่อครูมีความคิดเห็นว่าอย่างไรครับ และเป็นการทำร้ายทำลายศาสนาพุทธหรือไม่อย่างไร จะตอบหรือไม่แล้วแต่พ่อครูจะกรุณาเมตตาครับ
พ่อครูว่า…กฐินคือผ้าสะดึงที่ใช้สำหรับเย็บผ้าผืนเล็กๆมารวมกันเป็นผืนใหญ่เรียกว่าผ้ากฐิน แต่ก่อนนี้ ก่อนจะได้เป็นผ้าจีวรนั้นผ้าเป็นสิ่งหายาก มันไม่มีอุตสาหกรรมการทำผ้าเหมือนสมัยนี้ สมัยนี้ไม่ต้องเลย เรื่องการทอดกฐินนี้ยกเลิกได้เลย ชาวอโศกได้ยกเลิกไปเลยเรื่องทำกฐินเพราะมันหมดความจำเป็นจริงๆ
แต่ทีนี้ก็ไปประยุกต์เอากฐินเป็นเรื่องหาเงิน เอาเงินมาซื้อผ้า เอาเงินก้อนมามอบให้พระอีก จึงเป็นการทำผิดธรรมวินัยทั้งหมด พระก็ร่วมมือกันฆราวาสก็ร่วมมือกัน จะว่าโง่ไม่รู้ก็ไม่จริง พระก็รู้ก็ศึกษากัน ที่ไม่รู้ที่โง่ๆก็มีอยู่จริง แต่ที่รู้ๆก็รู้กันอยู่ ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็บอกว่าได้เงินแล้ว จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องที่ ก็ขอพูดก็แล้วกันในเรื่องนี้ แต่อาตมาก็พูดเป็นวิชาการก็แล้วกัน จนกลายเป็นราชประเพณี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด ถ้าสามารถเลิกได้จะเป็นกุศลอย่างใหญ่หลวงเลย มันผิดพลาดไปจนกระทั่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาตมาว่าทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมอย่างสุด ถอนรากถอนโคนพระวินัยของพระพุทธเจ้าเลย มันไม่เหลือสภาพที่เป็นเรื่องของกฐินที่เป็นกุศล มันมีแต่อกุศลเป็นบาป
สรุปการมีการทอดกฐิน ในทุกวันนี้ จึงเป็นการทำบาปให้แก่ศาสนา มันผิดไปจากพฤติกรรมต่างๆ
ยิ่งเป็นเรื่องของผ้าป่านี้เป็นเรื่องผิดวินัยมหาศาลเลยเพราะผ้าป่านี้เป็นผ้าบังสุกุล คนเก่าทิ้งแล้ว ก็เอามาใช้ ตอนนี้ให้มีคนเป็นเจ้าภาพหมดเลยมันเลอะเทอะไปหมด ทอดกฐินเดือนเดียว แต่ทอดผ้าป่าทอดกันได้ทั้งปีทั้งชาติ มันเป็นเรื่องเสื่อมของศาสนาพุทธชัดเจนเป็นเครื่องชี้บ่ง พวกเรามากอบกู้ให้ถูกธรรมวินัยเราทำได้ก็ภาคภูมิใจเถอะคนอื่นทำไม่ได้ก็ได้แต่สงสาร แต่มีเหมือนกันที่เขาก็พยายามกัน แต่จะรอดไหมนี่มีวัดไหน สำนักไหน ที่ไม่ต้องมีการทอดกฐินก็เลยทอดผ้าป่ากันเลยเพื่อหาเงินทั้งนั้นอยากจะมีไหม
_เพ็ญจันทร์ ภูมิเทศ : กราบนมัสการพ่อครู ท่านสมณะ ท่านแม่เณร ทุกรูปค่ะ เจริญธรรม ญาติธรรมทุก ๆท่านค่ะ เป็นห่วง น้ำท่วมไม่มากใช่ไหมคะ?
_ประชุมสมาคมศิษย์เก่าสัมมาสิกขา วาระแสดงจุดยืนทางการเมือง 20 ต.ค.2563
สรุปว่า วาระแถลงจุดยืน ซึ่งสรุปว่าเราจะมาแถลงจุดนั่ง คือเราไม่แถลงจุดยืนของสถาบันสัมมาสิกขา แต่เราจะมาร่วมกันแสดงความคิดเห็น อย่างเป็นพี่เป็นน้อง เป็นครอบครัว ไม่ว่าใครจะเห็นเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร เรายังคงคือลูกพ่อเดียวกัน
เรายังคงเป็นเพื่อนพี่น้องกัน เป็นครอบครัวอโศกเหมือนกันตลอดไป เพราะจุดที่จะเสมอเหมือนกันมีเพียงจุดเดียวคือความเป็นอรหันต์ นอกนั้น สิ่งอื่น ฐานะอื่นไม่ว่าสูงหรือต่ำกว่าก็ไม่ได้มีความเท่าเทียมกัน
หากเราเข้าใจเราจะอยู่ร่วมกันได้ในความเห็นที่แตกต่างแต่เราจะไม่แตกแยกจากกัน
SMS วันที่ 21-22 ต.ค. 2563
_แก้วตะวัน พวงบุบผา : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพค่ะ…ตอนนี้มีกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะออกมารวมตัวกัน โดยมีการนัดหมาย สถานที่ วันเวลา โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน กราบเรียนถามพ่อครูว่า พ่อครูจะมีการนัดหมายลูก ๆออกมาปกป้องสถาบันมั้ยคะ
พ่อครูว่า…อาตมาว่าปล่อยไปตามธรรมชาติใครเห็นว่าควรจะออกไปก็ออกไป ยังไม่ถึงขั้นจะต้องอย่างรุนแรงเต็มที่ อาตมาพูดไปก็เหมือนจะไปประมาทหน้าพวกที่ออกมาเยิ้ว เยิ้ว อยู่ตอนนี้ อาตมาว่า มันก็ สุวานเห่าใบตองแห้ง มันก็ไม่ไกลนักหนาหรอก เขาก็ต้องทำเพราะความตกค้างของอารมณ์เขาเป็นคนอย่างนั้น
_ไพร จริยา : กลุ่มคนที่ก่อม๊อบอยู่ทุกวันนี้ แท้จริงแล้วก็มาจากขั้วนักการเมืองที่เลวร้ายเดิม ๆที่ไม่มีอะไรใหม่ ๆเลย. เป็นการแก้แค้นที่ไม่ยอมแพ้ แต่ก็แปลกที่มีคนหลงทางไปร่วมสังฆกรรมด้วยเพิ่มขื้น แม้แต่ลูก ๆ หลาน ๆของพ่อครู ที่บอกว่าศรัทธาพ่อครูสุดเศียรเกล้า มันเกิดอะไรขึ้นครับ
พ่อครูว่า…คนโง่ๆก็เป็นไปลูกๆหลานอาตมาก็ไม่ใช่คนฉลาดหมดหรอก คนโง่ก็ถูกดึงไปบ้าง แต่คนฉลาดเขาก็มีจิตแน่นอน มีสัญญายนิจจานิ มีการกำหนดรู้ที่แน่นอนในโลกว่าอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง อันไหนคือสิ่งที่ดีที่สุด ก็จะมีหนึ่งเดียว เพราะฉะนั้นจิตใจที่เป็นโลกุตระจิตใจที่เป็นอริยสัจรู้จักอย่างแท้จริงแล้ว จะไม่เป๋ๆไป๋ๆแตกแยกจากหมู่ใหญ่
ชาวอโศกอาตมาเคยแนะแล้วดูให้ชัดๆให้ดูหมู่ใหญ่หรือหมู่ไหนที่อาตมานำพานี่แหละ อย่าไปออกแตกแยกไปเลย
_เมตตา โพธิสุทธิ์ : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพค่ะ ขอกราบเรียนถามพ่อครูว่า แรงสาปแช่งของคนคนหนึ่ง สามารถส่งผลร้ายต่อชีวิตของผูู้โดนคำสาปแช่งนั้นได้หรือไม่คะ
พ่อครูว่า…อย่าไปเชื่อคำแช่งคำด่าเลยมันเป็นการแสดงออกของคนโง่ที่แช่งที่ด่ากันอยู่ แล้วนึกว่าจะจริงตามที่คำแช่งคำด่าของตัวเอง คุณมีประกาศิตอย่างไรทำให้เป็นไปได้อย่างนั้น การแสดงออกถึงความโง่ของคนแช่งเท่านั้น
_ฝนพรำ น้ำใส : กราบนมัสการท่านพ่อครูค่ะ ดิฉันทำงานอยู่ชมรมมังสวิรัติฯจตุจักร มีลูกค้าเป็นคนปักษ์ใต้ฝากถามพ่อครูว่า เมื่อไหร่พ่อครูจะประกาศลงถนนสักทีล่ะ มาช่วยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หน่อย ตอนนี้สถานการณ์ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้าพ่อครูประกาศคนจะมาช่วยเป็นแสน ๆ พ่อครูเป็นขวัญกำลังใจ คนมาร่วมด้วยชุมชุนด้วยก็อุ่นใจ สมัยที่ประท้วงนายกหญิง ถ้าไม่ได้กองทัพธรรมมาช่วย กลุ่ม กปปส.ไม่ชนะหรอก ดิฉันเลยแย้งว่าไม่หรอกก็ช่วย ๆกันค่ะ กองทัพธรรมทั้งอึดและอดทนได้ใจจริง ๆ กราบขอบพระคุณค่ะ
_อร อรดีการ : หลวงพี่เทศน์แบบนี้ พระพุทธเจ้าเทศน์ใต้ต้นโพธิ์ ไม่มีสิ่งตกแต่งเลย
พ่อครูว่า…บนโต๊ะที่เทศน์นี้มีผลไม้มีพืชผักหลากหลายมากมาย เราก็มีผลผลิตมากก็เอาไปแจกกัน ที่กระท่อมปันสุข
เอาอะไรมาเทียบกันมากเล่ามันมีรายละเอียดของกันและกัน แต่จะเปรียบเทียบก็ไม่เป็นไร
การเลิกทาสในสมัยพระพุทธเจ้า
_ใบฟ้า : กราบนมัสการพ่อครูด้วยเศียรเกล้า
1 . เนื่องจากวันนี้เป็นวัน “ปิยมหาราช” กราบขอพ่อครูได้กรุณาพูดเกี่ยวกับ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5” ตามแต่พ่อครูจะเห็นควรค่ะ
พ่อครูว่า…ก็มีคนพูดเยอะ มีผู้ที่รู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ในพระจริยวัตรของรัชกาลที่ 5 ที่บริหารประเทศมา ต่างประเทศก็ให้สมญานามว่าเป็นพระปิยมหาราช ท่านเลิกทาสนี้เป็นตัวเด่นมาก คือประเทศทุกประเทศ แต่ละประเทศก็เป็นลัทธิทาสมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่โลกยังไม่ออกมาเป็นประชาธิปไตยยังไม่เป็นอิสรเสรีภาพ ยังเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ท่านให้เลิกทาส
แต่ในความหมายที่ให้เป็นทาสหรือเป็นนายทาสมันลึกซึ้งมาก คนที่จะหลุดพ้นจริงๆของพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้านั้นเลิกทาสมาตั้งแต่ยุคของพระองค์ ในยุคนั้นเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นกันทั่วโลก การบริหารระบบทาสทั้งนั้น ตอนนั้นท่านมีรัฐอิสระ ท่านก็มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ออกเผยแพร่กันในทวีปอินเดีย ก็เอาจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลเป็นธรรมนูญออกไปเผยแพร่ ในแว่นแคว้นที่มีกษัตริย์ กษัตริย์ทุกองค์ก็ยกให้พระพุทธเจ้าหมด โดยที่ประชากรของแต่ละรัฐ ในทวีปอินเดีย ถึงจะเรียกว่าประเทศก็ได้ มีพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของประเทศ พระพุทธเจ้าไปในแคว้นไหนรัฐไหน เจ้าแผ่นดินในแคว้นนั้นก็ยอมให้หมด ประชากรในแคว้นนั้นๆจะยึดถือเข้ารีต ก็ยกให้หมดเลย ไม่มีการปิดกั้นเลย นี่คือบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้ที่มีรัฐอิสระที่ยิ่งใหญ่ เป็นการเลิกทาสได้จริงๆ
พระพุทธเจ้าจึงมีประชากรที่มานับถือพุทธศาสนาเท่าไหร่มากเท่าไหร่ นั่นคือประชากรของประเทศพระพุทธเจ้า นี่ไม่สงสัยนะ เข้าใจ แต่ท่านก็ไม่ได้เอาไปไหน ท่านก็ให้ปฏิบัติธรรมนูญของท่านได้หมด ซึ่งไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองของรัฐไหน ถ้าปฏิบัติตามจุลศีลมัชฌิมศีลมหาศีล ของพระพุทธเจ้า มันไม่ได้ทำให้สังคมเสียหายเลย มีแต่ความเจริญเพราะมันสูงส่ง เป็นธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นธรรมนูญที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
เพราะฉะนั้นแม้แต่ประเทศไทย ถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องไปเอาจุลศีลมัชฌิมศีล มหาศีล แค่เอาศีล 5 ข้อนี้แหละ มาเป็นธรรมนูญ เรียกว่ารัฐธรรมนูญศีล 5 ไม่ต้องไปล้างให้ยากเลยทั้งนั้นแหละ รับรองเลยประเทศไทย
(พ่อครู ไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน…นึกถึงตอนที่เราไปเผยแพร่ธรรมะในสมัยที่ยุคแรกๆของอโศก เราก็อธิบายให้กับคนต่างๆ มีผู้มาแจ้งจับเรา แต่พอนายอำเภอมาฟังเราพูดที่เราปฏิบัติจุลศีล ฯลฯ นายอำเภอกลับศรัทธาเลื่อมใสปวารณาช่วยเหลือ ต่อมามีเหตุการณ์ที่ลุงจำลองไปตั้งพรรคพลังธรรม เขาก็รู้สึกว่าอย่าปล่อยให้ขยายต่อไปได้เลย ก็เลยมีการฟ้องร้อง
ในสมัยพระพุทธเจ้า กษัตริย์แต่ละองค์ก็เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้า ใครจะปฏิบัติตามก็จะพ้นจากความเป็นทาสได้
พ่อครูว่า…ก็เอาเรื่องเด่นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เด่นมากเลยในเรื่องเลิกทาส ในเรื่องอื่นท่านก็ทรงงานได้เยอะ ด้านต่างประเทศ ด้านอื่นๆ สมกับที่ได้เป็นมหาราชองค์หนึ่งจริงๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะเมืองไทยที่ยกย่อง ที่อื่นก็เหมือนกันที่ยกย่องพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
เกณฑ์สุขภาพของพระโพธิสัตว์นั้นเหนือสามัญ
-
กราบขอพ่อครู อธิบาย ขยายความ ตามแต่พ่อครูจะเห็นควร เกี่ยวกับคำกล่าวของพ่อครูที่ว่า “อย่าเอาเกณฑ์คนธรรมดามาวัดอาตมาเพราะอาตมาเป็นเทวดา” และอาตมามัน Supra Standard ให้ลูกๆที่เป็นห่วงเป็นใยได้เข้าใจ คลายใจ เชื่อใจ แม้แต่อาการ และอาการแสดงด้านสุขภาพบางอย่างของพ่อครูจะไม่สอดคล้องกับ “ค่าปกติ”ของเกณฑ์ทั่วไปหรือสากล เช่น ค่าปกติของเม็ดเลือดขาวที่ต่ำลงอย่างมาก หรือการฉันน้ำที่น้อยกว่าปกติ/วัน เพียงลิตรกว่าๆ เป็นต้น แต่พ่อครูก็ดูแข็งแรงในระดับหนึ่งที่เกินคนในวัยเดียวกัน
กราบขอบพระคุณด้วยเศียรเกล้า
พ่อครูว่า…จริงๆนั้นเป็นเรื่องจริง สำหรับอาตมานั้นจะเอาเกณฑ์สามัญธรรมดาของคนอื่นๆมาวัดมาใช้ทีเดียวนี้ไม่ได้ อันนี้อาตมาก็ไม่กล้าพูดแรง เพราะว่ามันเป็นเจตนาดีของผู้ที่จะมาช่วย ผู้ที่จะมาช่วยเขาก็มีความรู้ใน สามัญเป็นเกณฑ์ Standard สามัญ แล้วเอามาวัดอาตมา อาตมาก็บอกว่าอาตมาเป็นพวก Supra Normal Supra Standard เป็นพวกไม่สามัญไม่ปกติแต่ไม่ใช่ ABnormal แต่อาตมาก็ขัดไม่ได้เพราะเขามีกุศลเจตนาจริงๆคนที่ช่วย แล้วเขาก็เอาเกณฑ์สามัญปกติมาวัด อาตมาที่บอกว่าเป็นเกณฑ์ของเทวดา คือตามความหมายของโลกๆทั่วไปสามัญ เทวดาก็หมายถึงผู้ที่มีสิ่งที่ไม่ธรรมดา เหมือนคนธรรมดา มันเจริญหรือผิดปกติไปแบบสูง พูดไปก็เหมือนกับยกย่องตัวเอง แต่เป็นธรรมดาธรรมชาติอย่างนั้นจริงๆ แม้แต่ละอย่าง เช่น การดื่มน้ำน้อย หรือค่าของเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติก็ตาม อาตมาก็ไม่ได้รู้สึกเป็นไปอย่างที่เขาคิดเขารู้สึก อาตมาก็ไม่ได้มีปัญหา ก็แข็งแรงปกติไม่ได้มีอาการอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เขามีค่า Standard ของเขาอาตมาก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่ก็เป็นความไม่ประมาทดีแล้ว 1. มีเจตนาดีของผู้ที่มาช่วย 2. นอกจากปรารถนาดีแล้วก็เป็นความไม่ประมาทเขาก็พยายามป้องกัน อาตมาก็รับสนองศรัทธาฉลองศรัทธา เท่าที่เป็นไปได้ มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก มันเกินไปบ้างบางทีมันก็ฝืนพอทนได้ มันก็เอาก็ว่ากันไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็อยู่ได้ ก็เป็นไปพอเป็นไป พอดีอยู่ ก็มันยังไม่เห็นว่าเป็นอะไร
อาตมาอายุย่าง 87 ปีผ่าน 86 ปีมา 4 เดือนแล้ว อายุ 86 ปี 4 เดือนกว่า
อาตมาก็ว่าวัยประมาณนี้ 86-87 ปี มันก็มา งอกแงก เหมือนกับคนในรุ่นเดียวกันนะ บางคนงอมเลย อาตมาว่าเอ๊ ยังจะเต้นหนุมานชาญสมรได้อย่างเต็มที่นะ อาตมายังทำได้แต่ยังไม่กล้าทำเพราะมันดูน่าเกลียด จะเล่นคะนองเหมือนกับเด็กเขาเล่นก็ยังทำได้ แต่มันไม่ใช่แล้วมันอยู่ในวัยจะไปทำอย่างนั้นก็ไม่คือ ก็ไม่ได้ทำ
คือยังมีกำลัง ยังมีอะไรต่ออะไรที่คล่องแคล่ว ยังจะว่าแข็งแรงก็แข็งแรง แต่ว่าไม่เหมือนหนุ่มๆ 20-30 ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ดูว่า อาตมาว่าอาตมา…เอ้าน่าให้ดูไป ร้อยกว่านี้อาตมาว่าอาตมาไปได้ มันร้อยได้จริงๆก็ค่อยพูดกัน ตอนนี้พูดไปก็จะหาว่าอวดดีอวดเก่ง มันอาจจะไม่ถึงก็เป็นไปได้ ก็เอาเท่านั้นก็แล้วกัน
คำว่ากายนั้นยิ่งใหญ่อย่างไรในศาสนาพุทธ ตอน1
ก็มาเข้าเรื่องที่อาตมาตั้งใจจะพูดถึงเรื่อง “กาย”
คำว่า “กาย” มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็ศาสนาพุทธทุกวันนี้เสื่อมไม่รู้จักเรื่องกาย มิจฉาทิฏฐิในภาษาศาสนาพระพุทธเจ้านี่แหละ เป็นมิจฉาทิฏฐิไปหมดแล้ว พูดได้อย่างนั้นเลย กาย นี้เป็นสังโยชน์ข้อแรกเลย จะต้องรู้จักกาย มันเป็นภาคปฏิบัติ
พระพุทธเจ้าท่านสอน ผู้ที่เข้ามาบวชปั๊บ อุปัชฌาย์จะต้องสอนเรื่อง มูลกรรมฐาน 5 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากเลย
อาตมาพยายามจะดู นัยต่างๆของคำว่า กาย จะมีกี่ประเด็น ลองอ่านดูก่อน
-
การแยกกายแยกจิตโดยใช้มูลกรรมฐาน 5 ก็จะรู้ธรรมนิยาม 5 ได้ ถ้าไม่รู้จักธรรมนิยาม 5 คนปฏิบัติธรรมไปก็โมฆะอยู่ตลอดกาล
-
กาย คำนี้แปลว่าองค์ประชุม แปลว่ากอง แปลว่าหมู่ แปลว่าหมวดแห่งเจตสิก คือเวทนา สัญญา สังขาร เป็นต้น
-
กาย ต้องมี 2 ภาวะขึ้นไปเสมอและต้องมีจิตร่วมด้วยเสมอ จะเป็นวัตถุอย่างเดียวไม่ได้
-
กาย จะต้องมีภาวะทั้งภายนอกและภายใน เสมอ
ทุกวันนี้ผิดเพี้ยนไปแล้วไม่มีความรู้จะแยกกายแยกจิตได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้จักสภาพทำใจในใจหรือทำจิตให้เป็นอุตุ ให้เป็นพีชะ โดยกรรมคือการกระทำ มนสิการ หรือมนสิกโรติ ทำใจในใจของเราให้เป็นให้ได้ ถ้าเป็นไม่ได้ไม่เป็นพระอรหันต์
คำว่า “กาย” จะต้องมี 2 อยู่เสมอและจะต้องมีจิตร่วมด้วยเป็นหลัก หากว่ามีแต่วัตถุไม่ใช่กาย นั่นแหละคือจะต้องแยกว่าเมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่ไม่ใช่กาย
กาย ต้องมีภายนอกภายในเสมอต้องมี 2 ขึ้นไป
-
กาย หากใครเข้าใจว่าหมายถึงภาวะเดียว ไม่ใช่ 2 ขึ้นไปเป็นมิจฉาทิฐิเลย จะเป็นแค่วัตถุดิน น้ำ ลม ไฟ อย่างเดียวไม่มีจิตร่วมด้วย ก็เป็นมิจฉาทิฐิเลย
แล้วพวกคุณเห็นไหมว่าคนไทยเข้าใจคำว่ากายคืออะไร ก็คือแค่วัตถุภายนอกไม่ได้เอาจิตไปร่วมด้วย นี่แหละเป็นมิจฉาทิฐิกันทั้งบ้านทั้งเมือง
สู่แดนธรรม…อาจารย์ที่สอนกรรมฐานผมก็ยังเข้าใจผิดเลย ท่านสอนให้แยกกายแยกจิตคือต้องไปนั่งสมาธิ
พ่อครูว่า…แยกกายแยกจิตของพระพุทธเจ้าคือต้องมีธรรมวิจัย อะไรคือกายอะไรคือจิต แต่เขาไปนั่งสมาธิแล้วแยกให้จิตของเขาเป็นอุปาทานเป็นความรู้สึกของเขาเป็นเวทนาของอุปาทาน ให้มีความรู้สึกห่างไปเป็นอุปาทานเป็นมโนมยอัตตา ไปสร้างรูปเป็นรูปในจิต แล้วก็มองไม่เห็นตัวเองนั่งอยู่อย่างนี้เลย ซึ่งมันไม่จริงเลยมันเป็นอุปาทานสร้างเอาเป็นนิรมาณกาย เป็นพวกมโนมยอัตตาเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาเองมันไม่จริงไม่ได้เห็นจริงหรอก มันเป็นความจำของเขาเท่านั้น ดีไม่ดีเขาเห็นตัวเองเป็นความไม่เที่ยงพิจารณาเห็นร่างเห็นตัวเองนอนเน่าอยู่ต่อหน้า สร้างรูปไปเรื่อยต่างๆนานาพวกนี้ เป็นเรื่องที่เละเทะไม่เข้าเรื่อง
-
กาย คือ จิต มโน วิญญาณ
-
กาย จึงเป็นวัตถุไม่ได้เลย แต่คนไทยเข้าใจว่า กาย ก็เป็นเพียงแต่วัตถุ จึงเรียบร้อยโรงเรียนมิจฉาทิฏฐิเสร็จไปเลยออกนอกห้องพระพุทธเจ้าแล้ว ใครเข้าใจกายว่าเป็นแค่วัตถุก็เป็นมิจฉาทิฐิ 100%
-
ผู้ทำจิตให้เป็นอุตุได้เป็นพีชะได้ คือผู้บรรลุธรรม ก็ต้องเรียนรู้ว่า กาย คือจิต มโน วิญญาณ แล้วทำจิตให้เป็นอุตุได้ คือผู้บรรลุนิพพาน
-
ผู้ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงแล้วทำจิตให้เป็น อุตุ พีชะ จิต แล้วก็มีกรรม ทำใจในใจให้ทรงไว้ได้ในทุกภาวะไม่ว่าจะเป็น ภาวะอุตุ ภาวะพีช ภาวะจิต ภาวะกรรม ภาวะธรรมะโดยกรรมโดยธรรม ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากซึ่ง ฌาน ทั้ง 4 เป็นต้น พอทำฌานได้สำเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็เป็นผู้มีฌาน ประจำตัว
ฌาน ถึงไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแล้วมีฌาน ไม่ใช่ แต่ฌานคือพลังงานวิเศษที่รู้จักกิเลส ฌานต้องมีปัญญา ฌานที่ไม่มีปัญญาไม่ใช่ฌาน ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น แล้วฌานนี้รู้จักกิเลส แล้วเผากิเลส กิเลสก็ตาย พอกิเลสถูกเผาคำว่าบุญก็เข้ามาเลย บุญนี่ต่อหาง เหมือนพลเอกประยุทธ์มาต่อหางประชาชนที่มีอำนาจให้สืบทอดมา พลเอกประยุทธ์เหมือนบุตร ฌาน เหมือนกับประชาชนที่มาปฏิบัติให้แล้วพลเอกประยุทธ์ก็มารับสืบทอด ก็เขาว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติ ซึ่งที่จริงแล้วพลเอกประยุทธ์ไม่ใช้อำนาจทหาร ไม่ใช้อำนาจกองทัพมารัฐประหาร จะดูรูปแบบ ด้วยสูตร Formula มันมีอยู่เท่านั้น
-
จึงต้องมีความเห็นให้ถูกต้องในความเป็น กาย ของตนนั่นคือการพ้นสักกายทิฐิ
-
ต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน กาย ก่อนที่จะรู้จักเวทนา ด้วยการกระทำ คือ กรรม หรือกโรติ การทำใจในใจ ทำกรรมให้เกิดธรรมะคือทรงอยู่ จัดการใจของเรา ต้องรู้กายรู้เวทนา รู้จิต จิตก็คือสูตรของความเป็นจิตเจตสิก ตั้งแต่ สราคะ สโทสะ สโมหะ วีตราคะ วีตโทสะ วีตโมหะ สังขิตตัง วิกขิตตัง อมหรรคตะ มหรรคตะ อนุตตรจิต สอุตรจิต
-
การทำใจในใจนั้นต้องมีกายเป็นเหตุอยู่พร้อม สัมผัสภายนอกด้วยจึงจะครบกายอันมีทั้ง2 คือภายในภายนอก เพราะฉะนั้นกายจะมีหนึ่งไม่ได้ ต้องมีภายนอกด้วย
-
กายคือ เทวะ ศาสนาเทวนิยมตีเทวะไม่แตก เทวะ ห้ามวิจัยห้ามแยก ต้องรับอำนาจเดียวเท่านั้น ของเขาเป็นอย่างนั้น น่าสงสาร เขาก็อยู่อย่างนั้นเขาไม่มีนิพพาน ไม่มีขั้นตอนของจิตวิญญาณ คำสอนของพระเจ้าเป็นคำสอนที่เข้าใจเทวเป็นหนึ่งเดียว อำนาจเป็นหนึ่งเดียว เป็นลัทธิ Command เป็นลัทธิ สั่งบงการ ไม่มีความคิดตัวเองไม่มีใครสามารถคิดแย้งแตกต่างมุมอื่น ไม่มีอิสรเสรีภาพถูกกำหนด ริบอิสรเสรีภาพไปหมด
ลักษณะประชากรของเทวนิยมประชากรของศาสนาพระเจ้าทุกคนไม่มีอิสระทุกพระเจ้าริบอิสระส่วนตัวไปหมดซึ่งน่าสงสาร
-
ต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า กายก็ดี เทวะก็ดี ต้องมีธาตุรู้เป็นประธานในความเป็นสองขึ้นไปทุกภาวะ ต้องเปรียบเทียบหาความยิ่งกว่าไปได้ทีละคู่ๆๆ
-
ในความเป็น 2 ต้องมีรูปกับนาม โดยมีนามเป็นประธาน จึงจะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้
-
กาย ถ้ามีแต่ นาม หากขาดรูปให้ถูกรู้ก็ไม่ใช่กายไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งเทวะได้เลย สมมุติของเทวนิยมเป็นสมมุติ ที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้เลย จึงหมดสิทธิ์ที่จะเรียนรู้ความจริงได้เลย เพราะพระเจ้ามีธรรมะมีคำสั่งอะไรเท่านั้น คนมีหน้าที่ปฏิบัติตาม มีหน้าที่รับคำสั่ง ไม่มีหน้าที่แย้ง ไม่มีหน้าที่ไปวิจัยอะไรเลยน่าสงสารจริงๆคนศาสนาเทวนิยม เป็นศาสนาที่ถูกยึดอำนาจไว้ในพระเจ้า