631013_พ่อครูเทศน์ในพิธีรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต
พ่อครูว่า..วันนี้เป็นวันที่สำหรับคนไทย ในยุคนี้ ผ่านมา 2,500 กว่าปี 2563 มาตกถึงวันนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 สิ้นพระชนม์ไปได้ 4 ปีแล้ว ความสำนึกของคนไทย พอตกถึงวันนี้ วันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันสิ้นพระชนม์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่พุทธศักราช 2559 ความสำนึกระลึกถึงอาตมาว่ามันไม่ได้น้อยลง มันมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้เกิดจากจิตวิญญาณ มีอะไร ทำให้คนไทยระลึกถึงพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ มันก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้คนไทย ต้องระลึกถึง อาตมาไม่ต้องพูด เพราะบอกไปก็ไม่ครบ บอกไปก็ได้เสี้ยวนึง
อาตมาเคยพูดบอกไปว่าในหลวงเป็นธรรมิกราชเป็นพระโพธิสัตว์ มันไม่ใช่อยู่ๆจะมีสิ่งที่อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมี พระจริยวัตรของพระองค์ท่าน ที่ท่านทรงอยู่ในตัวพระองค์เองมาโดยตลอดจนสิ้นพระชนม์ก็เป็นของพระองค์ เป็นกรรมเป็นวิบากที่พระองค์สั่งสมมา มีมาปางนี้ท่านก็ได้ อยู่ในตำแหน่งนี้ ทำหน้าที่นี้ เป็นในหลวงของประเทศไทย จะต้องบริหารปกครองไปตั้ง 70 ปี ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ ครองราชย์นานที่สุดในโลก ยังไม่มีผู้ใดที่ทำลายสถิติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ที่ได้ครองราชย์ถึง 70 ปี ยังไม่มีพระเจ้าแผ่นดินองค์ใดในแต่ละประเทศที่สามารถครองราชย์มาได้นานถึง 70 ปี ก็มีในหลวง
ความพิเศษของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีมากมาย เหนือก็คนธรรมดา เหนือกว่าพระราชาธรรมดาด้วยซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เป็นองค์รวมของพฤติกรรมสามัญของมนุษยชาติ ที่อยู่ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ เท่าที่จะมีได้ เป็นแบบอย่างที่ยอดยิ่ง
เพราะฉะนั้นในความเป็นคน ไม่ว่าจะเกิดมาในสภาพไหน ในโลกมันก็มี 2 สภาพใหญ่ๆก็คือสภาพฆราวาสกับสภาพนักบวช
สภาพฆราวาส ก็ไปเป็นพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้นำสูงสุด จนกระทั่งมีสมัยที่แปลกแยกจากธรรมชาติ ไปเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศ โดยไม่ใช่ในหลวง ใครเป็นประธานาธิบดี อันนี้อาตมาอธิบายไม่เก่งที่ว่าผู้บริหารเป็นประธานาธิบดีจะผิดธรรมชาติอย่างไร
คือ ธรรมชาตินั้นต้องมี 2 มีคู่ในความเป็นชีวะชีวิตในโลก จะต้องมีรูปมีนาม เป็นกาย กายของชาติ กายของประเทศ ก็มีทั้งวัตถุแผ่นดิน อาณาเขต แล้วมีวัฒนธรรมมีมนุษย์ ในมนุษย์ก็มีซ้อนลงไปเป็นจิตวิญญาณ รวมทั้งหมดก็เป็นกาย กายของประเทศ
แต่ประธานาธิบดีเป็นประเทศที่ไม่มีกาย เป็นประเทศที่ขาดความเป็นกาย คือ ขาดความเป็นจิตวิญญาณ อาจจะฟังยาก ขาดความเป็นกายความเป็นจิตวิญญาณ รวมแล้วก็เป็นประเทศพิการไม่เต็ม
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่อง อจินไตย เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายรายละเอียด แต่ก็พูดไว้ อาตมาก็พูดไว้ให้ฟังกันเท่านั้นเอง
มาพูดถึงที่บ้านของเรา อยู่เย็นเป็นสุขได้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ครองราชย์มาถึง 70 ปีปูพื้นมาเป็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ มีพฤติกรรมที่ฝังลึก ท่านสอน ท่านทรงประพฤติสอน ทั้งสอนทั้งพูดและกระทำ และมีพระทัย คือ พระจิตวิญญาณของพระองค์เป็นประธาน แล้วก็ทำมา 70 ปี ก็ประสพผลสำเร็จ เป็นที่รู้กันยอมรับกันทั่วโลก
ท่านเกิดมาทำหน้าที่และได้มีหน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้า – แผ่นดิน
คำว่าพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่ที่สุด พระเจ้าแผ่นดิน ก็คือยิ่งใหญ่ที่สุด
ทีนี้ คำว่าพระเจ้าในส่วนที่เป็น นามธรรม จิตวิญญาณ ศาสนาเทวนิยมถือว่าพระเจ้าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด ของศาสนาพุทธเป็นโลกุตระยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าอีก ศาสนาพุทธนั้นจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ ไม่ได้น้อยหน้ากว่าศาสนาเทวนิยม พระเจ้ายิ่งใหญ่ศาสนาพุทธก็ยิ่งใหญ่ แต่ความเป็นพระเจ้าของศาสนาพุทธนั้น มาสถิตอยู่ในตัวบุคคลจริง เอาความเป็นพระเจ้าออกมา เอามาประกาศเอามาเผยแพร่ โดยตัวเอง โดยไม่ต้องซ่อน ความเป็นพระเจ้าอยู่ที่ไหนลึกลับโดยที่เทวนิยมไม่รู้จักพระเจ้าจริงๆ ได้แต่มีคำสอนของพระเจ้าเท่านั้น แต่พระพุทธเจ้าประกาศเองว่าเป็นคำสอนของพระองค์เองตรัสรู้เองเป็นเจ้าของธรรมะเองธรรมะสามี ไม่ได้รู้มาจากของใคร ตรัสรู้เองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนี้พูดไปเหมือนยกตนข่มท่านในศาสนาเทวนิยมเขา แต่พวกเราเข้าใจก็ไม่ต้องยกตนข่มใคร แต่เข้าใจเป็นสัจธรรม
อะไรเป็นความ เป็นสิ่งที่เหนือกว่า เป็นอุตระหรือเป็นโลกุตระ อะไร อันนั้นก็คือ พุทธเจ้านั้นดูทั้ง 2 ส่วน ส่วนที่เป็นเทวนิยมก็รู้ แล้วส่วนที่ไม่ใช่เทวนิยมคือโลกุตระ อเทวนิยม ที่เทวนิยมไม่มีสิทธิ์รู้ได้เลย นิรันดรตลอดกาล และจะเป็นคนส่วนมากในโลกที่ไม่มีสิทธิ์จะรู้โลกุตระ หรืออเทวนิยม
เพราะ อเทวนิยมนั้นรู้ทั้งสองส่วนทั้งเทวนิยมหรือพระเจ้าจริงๆคืออะไร คือจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทีนี้ของอเทวนิยมหรือของศาสนาพุทธนั้นเอารู้ทั้งความยิ่งใหญ่ที่สุดและรู้ทั้งเหนือความยิ่งใหญ่ที่สุด และก็สลายความยิ่งใหญ่ที่สุดคือแม้แต่พระเจ้าแม้แต่พระจิตวิญญาณ แม้แต่อาตมันแม้แต่ปรมาตมันก็สูญสลายเป็นพระนิพพานเป็นปริโยสาน หมดพระจิตวิญญาณนิรันดร พระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งกับจิตวิญญาณของมนุษย์ใดๆ
แต่ทางเทวนิยมเขาไม่ได้จิตวิญญาณทุกอันเป็นของพระเจ้า ตายไปแล้วก็อยู่กับพระเจ้า แต่ของพระพุทธเจ้าบอกว่าตายเองได้สบายจิตวิญญาณได้ไม่ต้องมายุ่งเลยพระเจ้า สิ่งเหล่านี้พูดได้ในหมู่พวกเรา แต่จะไปพูดกับพวกเทวนิยมอธิบายไปอย่างนี้ไม่ได้ เขาฟังไม่รู้เรื่องและจะกลายเป็นยกตนข่มท่านจะไม่ชอบใจ เราก็พูดได้ในหมู่พวกเรา
ศาสนาพุทธมีปรินิพพานเป็นปริโยสาน ที่เทวนิยมไม่รู้เรื่องสลายจิตวิญญาณไม่ได้ ไม่รู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน ไม่รู้จัก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่รู้จักเวทนา 108 ไม่รู้จักเคหสิตเวทนา ไม่รู้จักออกจากเคหสิตเวทนา เป็นเนกขัมมสิตเวทนา จนทำให้จิตวิญญาณสูญสลายได้ เป็นความสำเร็จสูงสุด เป็นความจบที่จะมีความรู้ในความเป็นคน ซึ่งรู้ทั้ง โลก รู้ในความเป็นอัตตา นี่เป็นเรื่องละเอียดสุด
พระพุทธเจ้านั้น ท่านเกิดมาแต่ละชาติๆ ตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ก็รู้ ว่าเกิดมาก็ศึกษาความเป็นคนกับความเป็นสังคมมนุษย์ ไม่ได้ศึกษาอย่างอื่น ซึ่งยืนยันได้ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระราชบิดา ก็ให้ไปศึกษาความรู้ทางโลกท่านก็ไปเรียนรู้หมด เป็นมหาวิทยาลัยทางโลกสมัยนั้นท่านก็เรียน มีกี่วิชาท่านก็เรียนจบหมด 18 สาขาวิชา เรียนจบหมดทุกวิชา เหมือนกับสมัยนี้ ก็เรียนจบทุกคณะในมหาวิทยาลัย จบปริญญาเอกได้เกียรตินิยมทุกคณะ เสร็จแล้วก็กลับมา
พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านก็ตั้งใจให้ครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินตามโลก แต่พระพุทธเจ้าทั้งหมด 18 วิชา มาสอนธรรมะ เดินพระบาทเปล่า จนสิ้นพระชนม์ชีพไม่เอาเลย18 วิชาทางโลกความรู้ทางโลก นี่มันแสดงให้เห็นว่า อะไรมันยิ่งใหญ่ ธรรมะมันยิ่งใหญ่กว่า สิ่งที่เป็นความรู้ทั้งโลกนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ท่านจบมาหมดปริญญาเอกเกียรตินิยมอันดับ 1 หมด ที่พูดไม่ได้เกินจริงไม่ได้คุยโม้ แต่เป็นอจินไตย เป็นคนที่มีบารมีทั้งทางโลกและทางธรรมสูงสุด บริบูรณ์สูงสุดหมดเลย ท่านจบทุกอย่างแล้ว ในความเกิดมาเป็นมนุษย์โลกและท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานจบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็เลิกเลย อาตมาเคยบรรยายให้ฟัง พระพุทธเจ้าจะเป็นพระพุทธเจ้าเพียงสมัยเดียว ไม่มีสองสมัย
สรุปแล้วคนเราพัฒนามาเป็นคนนี้และจะเป็นผลที่เจริญสูงสุด จนเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นคนที่สูงสุดในความเป็นคน อาตมาพยายามเป็นคนที่สูงสุด ถ้าเป็นคนได้สูงสุดในเรื่องของจิตวิญญาณของตนเอง บริบูรณ์ก็เป็นพระอรหันต์ เมื่อเป็นพระอรหันต์องค์ในองค์หนึ่งแล้ว มีอรหัตตผลจบ ก็เป็นคนหมดสุขหมดทุกข์
คำว่าสุข ทุกข์นี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรียกว่าเทวะเป็นสภาพคู่ เทวนิยมไม่รู้จักสุข ทุกข์ แต่หลงสุข เป็นสุขนิยมไม่รู้จักทุกข์ และไม่รู้ว่าสุขทุกข์คืออะไร
สุข ทุกข์คือมายา สองด้าน พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ไปเรียนสุขมันไม่รู้มันลวงมันหลอกมันเป็นมายา พอเรียนรู้ทุกข์ก็เลยรู้ความจริงเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจะของอาริยะของผู้ประเสริฐผู้รู้ความจริง ก็เลยมาเรียนรู้ พอรู้ความทุกข์รู้เหตุแห่งทุกข์แล้วก็มีการดับทุกข์มีทฤษฎีมีกฎเกณฑ์ ก็เลยจบเลย สลายจิตวิญญาณได้จะอยู่ก็ได้ จบเป็นพระอรหันต์คือผู้ที่จะสามารถสลายตนเองจากจิตนิยามได้แล้ว จะอยู่ก็อยู่ได้อย่างดีเป็นอมตะบุคคล จะเกิดก็ได้จะตายก็ได้ อย่างอาตมานี้ จะเกิดก็ได้จะตายก็ได้ แต่อาตมายังคงสรีระให้ยืนยาวไปอีก
แม้ชาตินี้ก็พยายามจะพิสูจน์ พิสูจน์ทั้งความยืนยาวของอายุขัย ที่อาตมาฝืนอายุขัยแล้ว พยายาม พิสูจน์ดูว่าจะได้แค่ไหน มันมีตัวเลขว่า จะอยู่ 151 ปี ใครเชื่อว่าอาตมาจะอยู่ 151 ปียกมือขึ้นซิ มีคนยกมือ ก็จริงคนก็ไม่เชื่ออาตมาก็พยายามไปให้ถึง
อาตมาคิดนะ ถ้าเราอายุสัก 108 อีกกี่ปี … 22 ปี เลข 22 คือ คารโว ในมงคล 38 เลขสวยเลย นิวาโต คือเลข 21
ถ้าอาตมาอายุ 108 อาตมาจะรู้เลยว่าอาตมาจะ บืน(ฝืน) ต่อไปได้ไหม จะฝืนต่อไปได้ไหม บืน ภาษาภาคกลางคือ กระเสือกกระสน
ก็คิดว่า 108 นี้น่าจะอยู่ได้ อีก 22 ปี ไปถึงโน้นค่อยต่ออีก จะไปไหวต่อไหม ก็พิสูจน์สัมประสิทธิ์ Coefficient ตัวเลข 151 ก็เป็นเรื่องตลกไป มันมีที่มาที่ไปของตัวเลข
อาตมาก็อยู่กับพวกเราอย่างเบิกบานร่าเริงสนุกสนาน จริงๆแล้วอาตมาเป็นคนอโศกจริงๆคือเป็นคนไม่เศร้าโศกอะไร ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต เป็นคนสนุกสนานเบิกบานร่าเริง ไม่เคยเศร้าโศกอะไร คุณยายคุณปู่คุณตาคุณยายตาย พ่อตายแม่ตายก็ไม่ได้เศร้าโศกเลย ก็รู้มันเป็นความพลัดพรากจากกัน ขนาดมีแฟน มีแฟนรักกับเราอยู่ดีๆก็ไปมีลูกกับคนอื่น เอ๊แล้วยังไง อุ้มลูกมา ก็ไม่ได้เคืองโกรธอะไร จะทำอย่างไร อย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ชีวิตไม่เศร้าไม่โศก
ปางนี้ จึงเป็นปางอโศก ที่จริง มงคล 38 อโศกะ เป็นมงคลข้อ 36 วิรชะคือไม่มีธุลีเริง แล้วก็เกษม ก็ไปสู่ยอดสุดท้ายชัยชนะ สิ่งเหล่านี้เป็นคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นหลักสูตรเป็นทฤษฎีต่างๆ ถ้ารู้แล้วจะเข้าใจใช้ได้
อาตมาก็ยังเต็มใจ ได้ยังพอใจที่จะทำงาน จะบรรยายธรรมะจะอยู่กับพวกเรา ไป มีลูกมีหลานไปเรื่อยๆ นับวันอาตมาจะอายุมากกว่าใครไปเรื่อย ก็จะมีคนอายุมากกว่าอาตมาไม่กี่คน
ใครอายุเกิน 87 ขึ้นยกมือขึ้น …โยมสะอาดดี คนเดียว อายุ 87 ปีแล้ว อาตมาย่าง 87 ปี ก็ยังชีวิตไป อยู่ไปแล้วพวกเราก็ยังไม่เหม็นขี้หน้าเท่าไหร่ เขายังไม่เหม็นขี้หน้า มีคนเหม็นขี้หน้าแต่เขาอยู่ไกล แต่พวกอยู่ใกล้ๆไม่ค่อยเหม็นขี้หน้าอาตมา แปลกนะ คนห่างไปจะเหม็นขี้หน้า เขาไม่เข้าใกล้ แต่คนไม่เหม็นขี้หน้าอาตมาจะเข้ามาใกล้ เข้ามารับสิ่งดี อาตมามีอะไรมีโลกุตรธรรมแจก มีความเป็นพ่อ เป็นปู่ เป็นตา ก็ยังงี้แหละ มีชีวิตไป
จะเห็นได้ว่าอาตมาแม้แต่ผู้ใหญ่แม้แต่เด็กๆ ก็จะสนิทสนมไป เพราะว่า เป็นเรื่องของมนุษยชาติ อาตมาต้องอยู่กับมนุษย์ มนุษย์ไม่ได้รังเกียจอาตมา นอกจากคนที่เอาอวิชชาเขาก็ไม่ชอบขี้หน้า แต่คนมีวิชชา มีความรู้จะรักจะชอบอาตมา
จบ