630928_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 10
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1dINPctG3YLd7MlY0UWA-5RGQx8GOXVCZBStKAuM-XeY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1glaPTON6GrZGdzjpVR1pf-pQCl_llAjb/view?usp=sharing
ยูทูปที่
_สู่แดนธรรม… วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 24 ก.ย. 63
มีปัญหาที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องชาติก่อน ศาสนาที่ไม่สามารถล่วงรู้เรื่องชาติที่แล้ว เพราะไม่รู้ชาติที่แล้วไม่ได้ มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นญาณที่จะต้องระลึกข้ามชาติได้จริงๆ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่จึงเป็นเรื่องยากมากเลย แต่มันต้องพูดแล้วต้องให้ความสำคัญจริงจัง อาตมาก็เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องกำชับกำชา ไม่อยากให้ไปเติมไม่อยากให้ไปสร้างวิบากข้ามไปในชาติต่อๆไป ชาตินี้มันมาเป็นอย่างนี้แล้วก็หนักหนาสาหัสแล้ว
ที่เป็นเด็กยังไม่โตนิ ถามมา
_บันทึกนี้ส่งมา ท่านเด่นตะวันส่งมา
รักร่วมเพศผิดด้วยหรือทำไมเป็นไม่ได้ในยุคนี้
_สมณะเด่นตะวัน ส่งบันทึกเด็กมาให้ช่วยให้สัมมาทิฎฐิ..ข้อความมีว่า
…..เห็นหลวงปู่ไม่ค่อยเทศน์ถึงพวกชูสามนิ้วเท่าไหร่ ด้วยความที่เขาว่าแค่เด็ก เรียกร้องอะไรอาจไม่ได้มาก เพราะมันเป็นความคิดเด็ก ๆนั้นล่ะ
ลุงตู่ก็บอกว่าไม่เอาผิดเด็กหรอก แต่ระวังพวกที่อยู่เบื้องหลังมากกว่า…
ทุกวันนี้สังคมเปิดกว้างมากขึ้น แต่ว่าทำไมผู้ใหญ่หรือคนส่วนน้อย ถึงยังไม่สามารถรับพวกเพศที่สาม หรือรักร่วมเพศล่ะ
ตามจริงมันอาจจะแปลก ๆ ที่มีเพศที่สามหรือรักในเพศเดียวกัน
ก็อาจใช่ที่วิบากเขาอาจแรง แต่เรื่องนี้ลูกอาจจะคิดต่างจากหลวงพ่อน่ะ
ในมุมมองของลูกนะ โปรดได้เข้าใจด้วยเหตุฉะนี้ว่า รักร่วมเพศเนี่ยในมุมของลูกก็คือความรักปกติของคนทั่วไปนั้นแหละ แต่เป็นเพศเดียวกันก็แค่นั้น ใจมักรักคน ๆนั้น ให้ทำอย่างไรเล่า ก็พอเป็นคนเช่นกันนั่นล่ะ เขาก็มีสิทธิที่จะรักในความรู้สึก
ลูกเลยคิดว่ารักร่วมเพศอย่างไรก็ไม่ได้ผิดอะไร ถึงมันอาจจะดูแปลก ๆไปสำหรับบางคน
เช่น หลวงพ่ออ่านของลูกก็คงจะไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง
แต่ความคิดของแต่ละคนใช่ว่าเหมือนกัน ตัวของลูกให้คิดแบบหลวงพ่อก็คงคิด แต่ยังเชื่อมั่นในความคิดของตัวลูกอยู่
ให้หลวงพ่อคิดแบบลูก หลวงพ่อก็คิด แต่ก็เชื่อมั่นในความคิดของหลวงพ่ออยู่
ทุกวันนี้สังคมเปิดกว้าง คนก็ต้องเปิดใจขึ้นด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ลูกคิด เป็นเพียงความคิดส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน แล้ววิเคราะห์ด้วยค่ะ
ได้แรงบันดาลใจจากไหนไม่รู้ ให้วันนี้หยิบประเด็นนี้มาพูด อาจเพราะลูกอินกับสิ่งพวกนี้ และสงสัยว่าทำไมคนบางส่วนถึงรับไม่ได้?
แต่ละคนความคิดไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ไม่เชื่อหลวงพ่อก็ลองถามเพื่อนๆม.๑ดูว่า “คิดอย่างไรกับรักร่วมเพศ?” ลูกก็อยากรู้ความคิดของเพื่อน ๆเหมือนกันนะ
แต่สุดท้ายนี้ ไม่มีนั้นแหละถูกที่สุดแล้ว ชิมิล่ะ! : P555+
กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า…เขาลงท้ายว่า ไม่มีนี่แหละถูกที่สุดแล้ว เขาก็ยังมีน้ำหนักความเข้าใจความเชื่อว่าไม่มีดีกว่า ถ้ามันมีมันก็พิลึก มันไม่เหมือนสามัญไม่เป็นสามัญ จับประเด็นตรงที่ว่ามันไม่เป็นสามัญ มันวิสามัญ หรือพูดให้หนักว่ามันวิตถาร ออกไปนอกเรื่องนอกทางนอกรีต วิตถารพิสดาร แปลกกว่าธรรมดา ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมชาติไม่ใช่เรื่องสามัญ เป็นคนผิดปกติ คำว่าผิดปกตินี่ก็ชัดเจนเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นอย่าอยากเป็น อย่าไปคิดเข้าข้าง อย่ามาให้คะแนนของความผิดปกติ
อย่าไปให้คะแนนของความผิดปกติของสามัญธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์ สัตว์ก็แล้วแต่ แต่เราไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสัตว์ เราพูดถึงเรื่องมนุษย์ มันมีเรื่องปกติสามัญของมนุษย์ธรรมดา เป็นอย่างปกติธรรมดาสามัญของมนุษย์ก็แสนถูกแล้ว ในความเกิดแล้วเกิดเล่าในความเป็นมนุษย์ กว่าจะล้างกิเลสความผิดในความเป็นมนุษย์ที่เราติดยึดสารพัด
ติดยึดตั้งแต่วัตถุโลกข้างนอกและภายในถึงรูปภพ อรูปภพ กว่าจะล้างหมดเกลี้ยงเป็นนิพพาน มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ ตรัสรู้ถึงการล้างอัตภาพ ล้างจิตนิยามที่มันยึดอยู่ เป็นธาตุจิตที่มันจับตัวมาตั้งแต่เป็น พีชนิยาม มาเป็นจิตนิยาม มันยึดติด มันมีอวิชชาหลงยึดติดมานานแสนนาน
นาน ไม่ใช่เรื่องแค่ 5 ชาติ 10 ชาติแต่มันล้านล้านชาติ มันเกินกว่าที่จะคิดได้ อาตมาพูดไปนี้ไม่ได้หมายความว่าอาตมาคิดไปเอง มันไม่ใช่ความรู้ที่คิดเอาเองคิดง่ายๆ คิดเอาไม่ใช่ มันเป็นความรู้ที่อาตมาอาศัยการศึกษาการประพฤติปฏิบัติ จนมาเป็นโพธิสัตว์กว่าจะรู้เรื่องทำลายได้ ก็คือของเรา อัตภาพของเราที่มันติด แล้วที่จะพูดได้อย่างกว้างขวางอย่างที่อาตมาพูด มาเป็นโพธิสัตว์ และก็จะต้องเรียนรู้ของคนอื่นของเขาแล้วพิสดารแตกต่างกันไปอีก ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไม่เหมือนใครทั้งนั้น ไม่มีใครเลยที่จะมีระบบของชีวิตเกิดในแต่ละชาติมาแล้วมีกรรมมีวิบาก เหมือนกันเป๊ะหมดเลยไม่มี แต่ท่านก็ศึกษา แล้วก็พูดเข้าไปแล้วมันจะมาเหมือนกันตรงที่จะมาล้างจากมีความหลากหลาย ที่ไปติดหลากหลาย ก็มาหาน้อยลงน้อยลง และจะมาเหมือนกันเข้าใกล้กันก็คือน้อยลงน้อยลง ที่สุดมาเหลือ 2 หน่วย ก็จะใกล้กันที่สุดเหมือนกันที่สุด ใกล้กันที่สุด คล้ายกันที่สุด ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวที่จะเหมือนกันที่สุด และเหมือนที่สุด สุดๆแห่งที่จะเหมือนก็คือศูนย์ไปเลย
ศูนย์ไปเลยนี่ เหมือนจนไม่มีอะไรไม่เหมือน ถ้ายังมี 1 ก็ต้องมี 2 ถ้ามี1ก็ต้องมี2 มี 1 ขึ้นมาแล้วไม่มี 2 ก็คือ อุตุธาตุ ถ้ามี 1 ไม่มี 2 คือไม่มีธาตุรู้ คืออุตุ ที่จริง อุตุ มันก็มีดินน้ำไฟลมอีกเยอะแยะ แต่มันไม่รู้ มันไม่มีธาตุรู้ ไม่มีชีวธาตุเลย มีเหตุปัจจัยพลังงานในโลกที่มันผลักกันไปกระทบกันมาไปตามแรง ไม่เป็นตัวตนของตน แต่มันมีตัวมัน แต่ไม่มีตัวตนของตน
คำว่าตัวตนของตน หมายถึงสภาพที่มีถ้ารู้เข้าไปในจิต เป็นจิตวิญญาณเลยนี่แหละ เป็นตัวตนที่แท้ เป็นพีชะ เริ่มจะมีธาตุรู้ในตัวเอง ISH สามธาตุรู้ มีบวกมีลบและมีประธานควบคุม ISH ของตน
อย่างพืชนี้ ดอกไม้นี้ชื่อรักแรกพบ มี 2 สี สีชมพูกับสีขาวล้วน มีรูปทรงของดอกแปลกดีและเหมือนกัน ชื่อรู้สึกว่าหวานจ๋อยเลยนะ พืชมันเปรียบเทียบแต่ในตัวมันเอง มันมีแต่สัญญากับสังขาร ไม่มีวิญญาณ ไม่มีเวทนา
_สู่แดนธรรม…ประเด็นปัญหาคือเรื่องรักร่วมเพศ มันกลายเป็นยุทธศาสตร์การค้าไปแล้ว
พ่อครูว่า..ผู้ใดที่ไปหลงใหล เด็กๆเขาเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้วไม่อยากเลิก ไม่คิดจะเลิก คุณจะติดแล้วตกเป็นทาสของลูกค้าเบี้ยในกระดานของพวกทุนนิยม เขาจะใช้คุณเป็นเหยื่อ ในชีวิตคนต่อไป ขอใช้ภาษาง่ายๆว่า กะเทยหรือพวกผิดเพศคือพวกที่เป็นเหยื่อของนายทุน ถูกหลอกปักหัวใช้ มันสุดยอดเลย จะกลายเป็นทาสอยู่ในกระดานหมากรุกโลก หรืออยู่ในสังคมโลกไปเลยทีเดียว ต้องดูตัวให้ดี จะกลายเป็นตกเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไป หนักหนาสาหัส อย่านึกผยองในอัตตาตัวเอง หลงติดในความเป็นเพศ เป็นเพศไม่ปกตินี้ รักร่วมเพศพวกนี้
_สู่แดนธรรม…ใน Facebook ถ้าใครมีทัศนคติเหยียดหยามเพศที่สามเขาก็จะถูกแบนอย่างนี้เป็นต้น
พ่อครูว่า…ที่ทำอยู่นี้จะเป็นวิบากข้ามชาติ จะบอกให้ ประเด็นสำคัญตรงนี้ คนที่มีรักร่วมเพศหรือเป็นกะเทยข้ามชาติมาถึงมาเป็นคน ได้เป็นกะเทยนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นการสะสมในชาติเดียว มันสะสมเรื่องของกามวิตถาร เป็นการเสพสมสุขสมสัมผัสเสียดสี พูดลึกลงไปจะหยาบ มันเกินธรรมชาติมากวิตถาร
ตามธรรมชาติ ในสัตว์หลายประเภทมากเลยมันจะต้องสืบพันธุ์ เพื่อที่จะรักษาเผ่าพันธ์ตระกูลสัตว์นั้นๆ เอาไว้เท่านั้นเอง มันไม่มีความรักความชังมันไม่มีกิเลสตัณหา มันไม่รู้จัก แต่มันจะมีสัญชาตญาณต้องรักษาเผ่าพันธุ์สืบพันธุ์
เพราะฉะนั้นตัวสำคัญคือตัวเพศผู้ จะต้องเป็นเจ้ารักษาเผ่าพันธุ์ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นตัวบังคับเพศเมีย เพศเมียจะถูกบังคับ หรือชัดๆก็คือถูกข่มขืน(เพศเมีย) สัตว์เดรัจฉานหลายประเภท มันจะหนีมันจะไม่ให้ง่ายๆ จะเห็นได้ บางทีมันจะต้องไล่ทำร้ายแรงๆ กดขี่ข่มเหงกัน
เพราะฉะนั้นเมื่อมีสัญชาตญาณที่เกิดมาเป็นกิเลสตัณหาขึ้นมาได้ ที่มันพัฒนาขึ้นมา ที่จริงไม่ควรเรียกว่า พัฒนา มันเป็นหายนะ แต่มันเป็นสัตว์ที่จะต้องพัฒนาขึ้นมาจนกว่าจะมาเป็นมนุษย์ มาเป็นมนุษย์สามัญ เพศก็รู้เพศสามัญ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ เพศก็รู้เพศสามัญ แต่เป็นเรื่องที่ต้องวนเวียนในวัฏสงสารยาวนาน พระพุทธเจ้าก็ให้เรียนรู้เหตุปัจจัยของจิต เจตสิก ตัวนี้เป็นตัวที่จะต้องติดยึดก็ล้างความติดยึดออกไป จนมันจางคลาย จนมันดับไปได้ก็เลิก เลิกที่จะมีเรื่องของการร่วมเพศ มีเรื่องของกาม เลิกได้จบ อันนี้จึงจะมาหานิพพาน
เพราะฉะนั้นอาตมาอธิบายสั้นๆย่อๆ แค่ที่พูดนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องเยอะ ผู้ที่จะบอกว่าไปนิพพานง่ายๆพูดอย่างชุ่ยๆ ตื้นๆ ยกตัวอย่างสายนั่งหลับตาขออภัยอีกที อย่างมหาบัว
มหาบัวดีนะ ที่ยังมาบวชเป็นพระ ไม่ได้เป็นฆราวาส ถ้ามหาบัวไม่มีเพศเป็นพระ มหาบัวนี้จะสำส่อนมหาศาลเลย เพราะมหาบัว ไม่รู้จักโทษของกาม
ยกตัวอย่าง ขออธิบายเป็นวิชาการ มหาบัวติดกามคุณ 5 อย่างไม่ถอดถอน กามคุณ 5 อย่างตื้นเลย เช่น ติดหมากพลู อยู่ในหมากพลูคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นกามคุณ 5 ครบ อยู่ในหมากพลู รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ติด จนตายเลย คำหมากยังคาปาก ขออภัยพูดไปสุดท้าย เคยจะเลิกหลายทีแล้ว แต่เลิกไม่ได้ โกหกโลกเขา จะเลิกหลายทีแต่เลิกไม่ได้ ก็เลยโกหกต่อว่ามันไม่ใช่สิ่งเสพติด มหาบัวพูดอย่างนี้เลย ปฏิภาณสามัญก็เข้าใจได้แล้วว่าจริงๆตัวเองโกหกให้แก่ตัวเอง เพราะตัวเองก็รู้ว่าเป็นสิ่งเสพติด แต่ตัวเองเลิกไม่ได้ก็เลยโกหกต่อว่า ไม่ใช่สิ่งเสพติด ก็เลยติดจนตายไม่รู้โทษภัยของกาม
เพราะไม่รู้จักโทษของกาม กามาทีนวะ ตัวนี้ตัวเดียวเป็นตัวยืนยันว่ามหาบัวหลอกโลกซ้ำ จึงมีความผิดอนันตริยกรรม นี่เป็นโทษหนักระดับอนันตริยกรรม เป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตนแท้ๆ ไม่บรรลุก็บอกว่าบรรลุ แล้วก็โกหก รู้ว่ามันเป็นกามแต่โกหกต่ออีก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่รู้โกหกทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองโกหก เป็นคนที่ไม่มีอะไรที่ชั่วที่ทำไม่ได้ ฟังดีๆนะลึกซึ้งมาก ไม่มีความชั่วใดที่คนที่โกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองโกหกจะทำไม่ได้ คิดดูสิว่าคนคนนี้จะคบไหวไหม ขออภัยที่อาตมาต้องยกเอาของมหาบัวมาพูด เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาประพฤติอยู่ ไม่ได้ไปเจตนาข่มดูถูก อยากให้ลูกศิษย์ของมหาบัวฟังด้วยใจไม่อคติ อาตมาไม่ได้ไปโกรธท่าน อาตมาถ้าหากมีความโกรธอยู่นิดนึงก็โง่มาก อาตมาศึกษาไปสู่นิพพานแล้วบอกว่าโกรธนิดนึงก็ยังไม่รู้ อาการโกรธในจิตก็ยังไม่รู้ ก็ยังทำออก แล้วจะมาพูดว่าคุณเป็นพระอรหันต์คุณก็ยิ่งโกหก อาตมาย่อมไม่ทำอย่างนั้นเป็นอันขาด
_สู่แดนธรรม…มีคนจองคิวจะอธิบายเรื่องนี้จากต่างประเทศ ผมมีความเห็นว่า ในบรรดาสิ่งมีชีวิต สัตว์เดรัจฉานจะไม่มีรักร่วมเพศ ต่างชาติเรียกร้องให้มีสิทธิเสรีภาพ
พ่อครูว่า…มันเป็นเรื่องของความผิดธรรมดา อย่าไปสั่งสมความผิดธรรมดา วิตถารเพิ่มขึ้นมันซวย เพราะมันสั่งสมมันก็จะยิ่งหนักเข้าไปอีก หนักเข้าไปอีก คุณก็จมเข้าไป กรรมวิบากมีจริง เริ่มคิดเริ่มพูดก็ทำก็ครบเลย กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม มันก็ตกเป็นขี้ปากที่คุณจะพูดเข้าไปเท่าไหร่ๆ ก็ยิ่งสะสมเป็นวิบาก คุณต้องรู้จัก โทษภัยของกรรมวิบากที่สั่งสม อย่าไปสั่งสมกรรมวิบากที่เป็นอกุศลที่ไม่ดี มันชั่ว มันผิด มันไม่ดี
สิทธิเสรีภาพเป็นการแก้ตัวอย่างง่ายๆเท่านั้น
_อ๋อย บริงโซ…พอมาประเด็นนี้ ในสัตว์มีเท่าที่เคยเห็น เพื่อนมีหมาตัวผู้ แล้วมันก็พยายามที่จะไปทำอะไรกับหมาตัวผู้ซึ่งมันทำไม่ได้ เราก็เห็นว่ามันเป็นพฤติกรรมที่เป็นเรื่องของสัตว์ ประเด็นที่จะพูดก็คือว่า ในความเห็นของอ๋อย ถ้าเราตัดเรื่องกามราคะออกไป แล้วมองคนคนนั้นด้วยความที่เขาเป็นคน อ๋อย มีเพื่อนที่เป็นคนรักร่วมเพศ ผู้ชายมีสามี ผู้หญิงก็มีภรรยา มีอยู่จำนวนหนึ่ง ก็คบกัน เขาก็เป็นคนดีนะคะ
พ่อครูว่า..เราต้องแยกให้ออกว่าเรื่องความดีเป็นพฤติกรรมทั่วไปเยอะ แต่เรื่องเพศ มันเป็นประเด็นเฉพาะของเรื่องเพศ เสพสมสู่สมสัมผัสเสียดสีเรื่องเพศ แต่เรื่องความดีนี้ไม่รู้กรรม กี่อย่าง สะสมกี่อย่าง
_อ๋อยในแง่ที่ว่าคบคุ้นก็ในแง่เพื่อนก็มีน้ำใจต่อกันและกันมีมารยาทก็ดี เขาก็เป็นคนดีคนนึงเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่คบหาคุยได้ ได้บางทีจะดีกว่าผู้ชายที่เป็นผู้ชายจริงๆด้วยซ้ำ ขอโทษนะคะ เรื่องของความเข้าใจที่จะพูดกับผู้หญิง แต่คนมีกิริยามารยาทดีกว่าที่เป็นผู้ชายด้วย และก็ อย่างนี้คืออ๋อยถือว่า เขาก็เป็นคนเหมือนกัน เขาจึงถือว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรักจะชอบตามแบบที่เขาเป็น ในเรื่องนั้นอ๋อยถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวใครจะอย่างไรก็ช่าง เหมือนอย่างที่อ๋อย มาปฏิบัติธรรมกับอโศกคนที่นี่ก็ถือว่าแปลก แต่เขาก็ยอมรับให้คุณค่าอยู่ในสังคมมีที่ยืน
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีที่ยืนในสังคม คนอื่นที่เขาแปลกไปจากสังคมก็ควรจะมีที่ยืนในสังคมเหมือนกัน อันนี้คือมุมมองของอ๋อย อาจเป็นเพราะว่าอ๋อยทำงานใน UN เขาถือกันมากว่าถ้าใครดูถูกเหยียดหยามในแง่ลบกับคนที่มีรักร่วมเพศ ก็จะไม่ได้ ถือว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน อันนี้อ๋อยเข้าใจในแง่ที่พ่อครูว่าเราไม่ควรจะส่งเสริม ให้สิ่งนี้เป็นสิ่งถูก เพราะเราเป็นชาวพุทธ แต่อันนี้มันเป็นการออกนอกกรอบความเป็นปกติสามัญของมนุษย์ แต่ในเมื่อทุกวันนี้เป็นโลกปัจจุบัน ซึ่งสังคมก็เป็นแบบนี้แล้วเราก็ยังไม่ต้องคบค้ากับคนพวกนี้อยู่ เพราะฉะนั้นการที่เราจะต้อง เราควรจะต้องให้ความเสมอภาคกับคนพวกนี้ด้วย อันนี้มีความเห็นอย่างนี้ค่ะ
พ่อครูว่า..ขอขยายนิดนึง คำว่า ปกติ นั่นก็คือ มันก็จะมีความเป็นปกติอย่างว่านั่นแหละ ปกติก็คือมันจะเป็นความวนของโลก มันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปนาน…เท่านาน…นิรันดร ก็เป็นปกติ เพราะฉะนั้นในประเด็นของพระพุทธเจ้านี่ จึงเป็นสภาพ ถ้าพูดคำว่าไม่ปกตินี้ก็จะไม่สวย มันเป็นวิสามัญ มันไม่ใช่ปกติคือมันไม่ใช่สามัญ มันเป็นเรื่องเหนือสามัญ
เหนือสามัญเป็นอย่างไร เหนือสามัญไปในทางลบล้างอัตภาพ ลบล้างจิตนิยามที่จะต้องวนเวียนในวัฏสงสารนี้อีกนาน…เท่านาน…ๆๆๆ นานพวกนี้นิรันดรจริงๆนะ อย่านึกว่าคนเราเกิดชาตินึง ร้อยปีตายมันนาน ร้อยปีมันไม่นานเลย นิดเดียว เพราะคนเราเกิดมาเป็นล้านๆชาติ และเพียงแค่ชั่ว 100 ปีไปเทียบกับล้านๆชาติได้อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น
คำพูดว่าล้านๆชาตินี้เป็นสังขยาเลขเท่านั้น ให้รู้ความจริงมันมากกว่าคำว่าล้านๆชาตินะ คนเราที่เกิดมานี้ มันจำไม่ได้ ถ้าจำได้ตายเลย หากจำชาติเก่าได้ยังไม่มีอะไรคุ้มกันตัวเองเลย
ขนาดคนที่บอกว่าระลึกชาติได้ ที่มีภูมิคุ้มกันตัวเองมีความรู้ความสามารถปฏิบัติธรรมแล้วก็ยังบ้าไปได้เลย
บอกเด็กๆทีเดียว อย่าไปให้เด็กคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ให้สังวรระวังว่าอย่าไปมีความรู้สึกอย่างนั้น สั่งสมวิบาก เด็กอาจจะไม่ซาบซึ้งเรื่องวิบาก แต่มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเลยวิบาก เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ศาสนาคริสต์หรือศาสนาเทวนิยมที่มีความรู้เกิดชาติเดียว จะไม่ซาบซึ้งเรื่องวิบาก ไม่กลัววิบากหรอก เพราะเขาสอนง่ายๆว่าตายแล้วก็ไปอยู่กับพระเจ้า ง่าย แต่คุณจะได้อยู่กับพระเจ้าคือได้ขึ้นสวรรค์นั้นน้อยมาก
คนที่ตายจากความเป็นมนุษย์หรือเทวดา แม้คุณจะมีภูมิเป็นเทวดา เป็นมนุษย์ที่มีจิตสูงในภพภูมิที่คุณเป็นอยู่ในชีวิต ตายจากความเป็นมนุษย์หรือเทวดาแล้ว จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกนั้น น้อยกว่าน้อยนัก ส่วนมากตกนรก
ขนาดชาวพุทธด้วยกันเขายังไม่เชื่อ เขาทำบาปทำกรรมเป็นนรกอยู่เลย ถ้าเขากลัวเขาก็จะไปทำหรือ มันไม่ได้กลัวจริง ไม่มีหิริโอตตัปปะ ถ้ากลัวจริงใครจะไปกล้าทำชั่ว นรกมันยิ่งกว่าเงินกว่าทอง นรกมันยิ่งกว่าทรัพย์ศฤงคาร นรกมันยิ่งกว่าอะไรต่ออะไรอีก จริงๆแล้วก็พอเข้าใจ ใครจะไปทำ แต่เขาไม่รู้ เราก็พยายามบอกว่า นรกตอนเป็นทุกข์ร้อนก็คือนรก แต่เขามีเหตุปัจจัยที่เขาไม่ได้ทุกข์ร้อนในขณะนี้ เหมือนอย่างกับพวกขี้โกงไปแล้วก็ยังมีอำนาจของเงิน มีอำนาจของสิ่งที่ได้ทำลูกน้องเลี้ยงไว้อะไรต่ออะไรไว้ เสนอหน้ากันอยู่ในสังคมนี้ อย่างที่กำลังเสนอหน้านี้ทำดี และเอาอะไรไปถวายอย่างนี้ทำดูดีกลบเกลื่อนเอาไว้เท่านั้นเอง ตายแล้วนรกไม่รู้จักเท่าไหร่ เขาไม่รู้ตัวหรอก เขาก็แป้นแล้นเสนอหน้าไป ยังไม่ตายก็เลยยังไม่เสวยวิบากต่อไปในชาติต่อๆไป
ขออธิบายแทรกหน่อย คนที่สั่งสมตัวเองให้เป็นศาสดาได้แต่ละองค์ๆ ก็ต้องสั่งสมความดีงาม คนที่จะสั่งสมด้วยความโง่สั่งสมให้ตัวเองเป็นตัวทุกข์ยากลงนรกเป็นบาป เขาทำบาปเนี๊ยะ แล้วเขาก็โกหกคนอื่น ว่าบาปนี้ไม่ใช่บาป แล้วเขาก็โกหกซ้อนว่าบาปไม่ใช่บาป ก็โกหกซ้อนอีกว่าบาปไม่ใช่บาป เขาก็เจริญลง แล้วก็โกหกคนกี่ซับกี่ซ้อน เขาก็สำเร็จผลนะเขาก็ฉลาดโกหกโลกได้ซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น คนก็จะโง่เป็นทาสหรือเป็นบริวารหลงติดตามอีกเยอะกว่านี้ก็มีเยอะ ทั้งๆที่เขาก็มีการทำบาปซับซ้อน ไม่รู้เท่าไหร่ ยังมีหน้าเสวยสุขอยู่ในสังคมลาภยศสรรเสริญสุขเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ แต่เขายิ่งเสนอหน้า
ถ้าเขาจะรับผิดไม่เอาสวรรค์แล้ว ลดสวรรค์เขาจะเจริญขึ้นแต่นี่เขาไม่ลดเลิก เขาก็ยังจะเสวยสวรรค์นั้นอวดอ้างแล้วชวนคนอื่นมาเสวยสวรรค์กับเขาอีก ที่พูดนี้ไม่รู้กี่ซับซ้อน มันถึงหนักหนาสาหัสมากเลย
สรุปว่าอย่าให้เด็กๆเขาคิดวิตถารในเรื่องของเพศในเรื่องกะเทยในเรื่องรักร่วมเพศ ให้เขาเลิก จะพูดให้เขาเข้าใจง่าย ให้เขาหยุดได้เท่าไหร่ก็ดี ถ้าใครมีปฏิภาณช่วยให้เขาระงับอย่าทำตอบไป เห็นเป็นแต่เรื่องสามัญ มีสิทธิ์ทุกคน อย่าอ้างสิทธิ์ในคำพูดว่าสิทธิ์ แต่มีสิทธิ์เท่าเทียมกันทุกคนอย่ามาอ้างเลย ตั้งอย่างโง่ๆตื้นๆ เขาห้ามคุณนั้นดีแล้วไม่ให้คุณไปตกวิบากกรรมกว่านั้นอีกเขาช่วยคุณ แต่จะปล่อยให้คุณไปคิดในสิ่งที่คุณคิดว่าจะทำชั่วก็ตัวเองอีกมันเป็นวิบากเองมันก็จะดูโหดร้ายนะ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าเด็กๆเขายังไม่ประสีประสา พยายามสอนเขาช่วยเขา อาตมายังสงสารมหาบัวเลย แต่ไม่มีสิทธิ์หรอก และก็ มหาบัว ไปเผยแพร่ความคิดที่ผิดๆโง่ๆให้คนอื่นเชื่อตามอีก เพื่อนของอาตมาที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ก็ยังไปหลงเชื่ออยู่เลยได้แต่พูดไป พูดไปเขาก็ไม่เชื่อ เพราะว่าโลกุตรธรรมนี้มันยาก
_ทำบุญตักบาตรให้คนตายจะได้รับหรือเปล่าคะ ใส่บาตรแล้วได้บุญหรือเปล่า
พ่อครูว่า…การที่เราใส่บาตรนี้เป็นการทำทานไม่เรียกว่าทำบุญหรอก จะอาหารไปใส่ในบาตรก็แล้วแต่ บิณฑะ แปลว่า ก้อนข้าว ปาตะ แปลว่า ใส่ ตก
การที่ทำทานด้วยการให้ คำว่า ทาน ให้นี้ดี เป็นพฤติกรรมของการกระทำ กรรม การกระทำ เป็นการกระทำของคนให้ ดูตื่นๆด้วยกายกรรม เห็นแต่กรรมให้วัตถุอันนี้ให้ มันเป็นพฤติกรรมที่ดีทั้งนั้น ให้ แม้ให้ที่ไม่ดี ให้ไม่ดีคืออะไร คุณให้มีดให้ปืนแก่คนนี้ไม่ดี คุณให้มีดให้ปืนแก่โจร ยิ่งบาปหนัก ให้มีดให้ปืนแก่โจรนี้ยิ่งบาปหนัก ยิ่งขายคุณเอาเปรียบ ให้คนที่ได้ปืนนี้เขาเห็นว่าเป็นของมีค่า เขาก็ต้องจ่ายเงิน เขาก็ต้องเอาของนั้นไปใช้ให้เกิดค่า มีดและปืนจะเอาไปทำอะไร เอาไปทำค่าอะไร ก็ต้องเอาไปทำฆ่า ไปฆ่าแกงไปทำลายสิ มันซับซ้อน
ภาษไทยคำว่า ค่า มันคือ คุณ ส่วน ฆ่า มันคือโทษ คนละเรื่องเดียวกันเลย ศัพท์คำเดียวเป็นสิริมหามายา สำเนียงเสียงคำเดียวกัน แต่ความหมายมันคนละขั้วเลยอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสรุปแล้วคนที่เอาอาวุธขายให้เขานี้ คุณเป็นคนบาปซับซ้อนแล้ว ยิ่งไปหลอกเขาว่ามันเป็นของสำคัญ ถ้าไม่มีเองจะไม่สามารถรักษาตัวเองได้นะ ป้องกันตัวเองไม่ได้นะ ขึ้นราคาให้แพงเข้าไปอีกก็บาปหนักหนาเข้าไปอีก เหมือนอย่างกับอเมริกาหรือรัสเซียก็ตาม ที่ค้าขายอาวุธ เยอรมันก็สร้าง เดี๋ยวนี้เยอรมันก็รับโทษภัยวิบากกรรม ก็จะเป็นตัวอย่าง ตอนนี้บาปกำลังไล่ทันอเมริกา ไม่ได้แช่งแต่เป็นสัจจะที่เป็นวิบากที่เขาจะต้องได้รับ
สรุปเข้าเป้า ประเด็นที่ว่าไปสะสมวิบาก แม้แต่วิบากเรื่องเพศ เรื่องรักร่วมเพศ อย่าไปทำ อย่าไปสะสม แม้แต่เด็กก็พยายามให้เขารู้ได้ง่ายๆ ว่ามันเป็นโทษภัยหนัก อย่าไปทำ
_สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ว่า..บางคนบอกว่าคนเป็นแบบนี้ฉลาดกว่าคนปกติ
พ่อครูว่า..คนที่คิดปรุงแต่งซับซ้อนผสมพันธุ์มากขึ้น ปรุงแต่งคือการผสมพันธุ์นั่นแหละ คนที่ปรุงแต่งซับซ้อนมากขึ้นนั้นถือว่าเก่ง เหมือนพวกกะเทยนี้ปรุงแต่งซับซ้อนได้มากได้เก่ง ยิ่งชิบหาย ยิ่งเก่งยิ่งชิบหาย มันตรงกันข้ามกัน เก่งในการปรุงแต่ง เก่งในการทำความหลอกล่อมนุษยชาติมากยิ่งขึ้นๆ
นักแฟชั่น นัก Creation หลอกโลกเขารวยเงินทอง แต่นรกกินหัวหนักขึ้นหนักขึ้นหนักขึ้น พวกดีไซเนอร์ Creative ต่างๆพวกนี้ เขาไม่รู้จักกรรมวิบาก
ปรุงแต่งคือร่วมกันสังเคราะห์ขึ้นมา ถ้าสังเคราะห์ขึ้นมาเป็นไปเพื่อความละหน่ายคลาย เป็นความล้างกิเลสเป็นความไม่ติดในภพชาติในอัตตา อย่างนี้เป็นโลกุตระ แต่ปรุงแต่งในการเพิ่มอัตตาในโลกโลกีย์ซับซ้อนเพิ่มขึ้นนั่นแหละคือบาปหนาๆๆเข้าไป น่าสงสารคนพวกนี้
อาตมาพูดไปเขาโกรธก็ว่า อาตมาก็ไม่อยากให้เขาโกรธ แต่เขาไม่ชอบใจเพราะเขาโดนว่า เขามีอัตตาเขาก็เลยโกรธ แต่เราก็จำเป็นต้องพูด มันจะมีอัตตาอย่างไรต้องให้เขารู้ตัวแต่เรายังไม่เก่งเท่านั้นเอง
_สู่แดนธรรม…ผมเคยตามหลังพ่อครูเดินไปงานศพเพื่อนพ่อท่าน เขาคงเคยได้ยินพ่อท่านวิจัยเรื่องนี้เขาก็เลยดูเหมือนโกรธ
พ่อครูว่า..แต่ก่อนนี้ก็รักกันดี แต่ก่อนอาตมาก็เหมือนคนโลกๆ ลิงลมอมข้าวพอง แวบๆ ไปทางดารากับเขาบ้าง เหมือนจะเป็นอย่างเขา แต่อาตมารู้ตัวก็เลยออกมาทางนี้แล้วก็เลยกลับมาช่วยเขา ไม่ให้เขาติดอย่างนั้นเลย ก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมากมาย แต่มันต้องเป็นในวิบากอธิบายได้ยากเป็นอจินไตย ก็เลยออกมา ก็เลยกลายเป็นว่าคนจะรู้ตัวก็มีน้อย ที่บอกว่าเป็นศิลปินนั้นมีน้อย
_สู่แดนธรรม…พ่อท่านต้องแสดงความรู้โลกุตระที่เหนือโลกีย์ และไม่ต้องเกรงใจสังคมอะไรมากพูดตามความจริงที่มันทวนกระแสโลก
ใส่บาตรแล้วได้บุญหรือเปล่า
พ่อครูว่า…ประเด็นที่ว่าใส่บาตรแล้วได้บุญหรือเปล่า ใส่บาตรไม่ได้บุญ คุณจะได้แต่กุศล ใส่บาตรนั้นดี ว่าไม่ดีไม่ได้ ใส่บาตรนี้ดี คุณก็ได้กุศลแน่นอน แต่คุณจะได้บุญหรือไม่ได้บุญนี้ก็คือ คุณทำใจอย่างไร คุณรู้จักใจของคุณใช่ไหม ตัวนี้แหละเป็นตัวที่ 1 เลยในสัมมาทิฏฐิ 10 ทาน อัตถิทินนัง ทำทานแล้วได้ผลได้อานิสงส์คือทำทานแล้วรู้จักใจตน ทำใจของตนให้อย่าอยากได้อะไรตอบแทนคืน ให้ลดความเอาเปรียบ ทำทาน 100 จะต้องได้หมื่นแสนล้าน อันนั้นเป็นความตะกละ..ต้องอย่าทำ ต้องทำทานแล้วล้างความโลภ แต่คุณทำทานแล้วเพิ่มความโลภ มันจะไปได้ทานอย่างไร มันก็ได้กุศลทางกายกรรมวจีกรรม แต่ในจิตคุณไม่ได้เลย คุณทานและเกิดความโลภ ในภาวะของปรมัตถ์ ทานของคุณจะต้องลดความโลภออกจากจิต ตรงนี้เถียงไม่ได้ แต่คุณไปถูกหลอกว่าคุณทานแล้วคุณจะรวย อย่างเช่น ธัมมชโยหลอกให้ปิดบัญชีเลยจะได้รวยใหญ่ ถูกหลอกไปเปล่าๆมันไม่ใช่ การทำทานต้องลดความโลภ ทำจิตมนสิการ เป็นการทำใจในใจ เราต้องทำใจในใจของตัวเอง ทำทานแล้วอย่าให้เกิดจิตความโลภ ถ้าหากทำทาน 100 แล้วขอคืนมา 70 คุณยังได้สละ 30 แล้วจะมีไหมคนที่ทานไป100 แล้วได้คืนมา 70 ให้ทานไป 30 ถ้าคุณคิดใหม่ก็ทานไป 100 ก็ลดหมด 100 เลยก็จะดีอย่างนี้นี่คือปรมัตถธรรม ต้องเข้าใจอาการของจิต แล้วทำจิตในจิต ทำใจในใจมนสิการ ต้องให้ถูกต้อง ถ้าทำใจในใจไม่ถูกต้อง ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิข้อที่ 1 นัตถิทินนัง ทำใจไม่ได้อานิสงส์ไม่ได้ผลทำใจไม่เป็น แล้วสอนกันอยู่ให้รู้จักจิตในจิตกันที่ไหน
ทั้งนั้นแหละยิ่งมหาบัวก็ตามธัมมชโยนั่นแหละตัวดีมีแต่เพิ่มกิเลส มันไม่ถูกต้องนะ
ทำทานแล้วจะไปถึงผู้ตายได้ไหม
พ่อครูว่า..แล้วทำไปจะไปถึงคนตายไหม ไม่ถึง กรรมเป็นของของตน ตนเองเป็นทายาทรับมรดกกรรมของตน คุณจะทำกรรมกิริยาทุกกรรมเป็นของตนทั้งนั้น แบ่งให้ใครไม่ได้ กรรมไม่มีการแบ่ง ยกตัวอย่างคุณไปตีหัวคน คนอื่นเขาไม่ได้ตีเลยก็บอกว่าให้แบ่งเอาบาปตีหัวคนนี้ไปด้วย ถ้าคิดเป็นคน 100 หน่วย เอ็งเอาไป 50 แล้วข้าเอาไป 50 ได้ไหม แต่คุณคนเดียวไปตีเขานะคนอื่นไม่ได้ตีด้วย แล้วคุณจะไปยัดเยียดกรรมกิริยานี้ไปให้เขาครึ่งนึงแล้วคุณเอาไว้ครึ่งหนึ่งมันทำได้อย่างไร นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน มันไม่ได้หรอก ทำเป็นของตนลึกซึ้ง และกรรมที่ทำไปแล้วคุณต้องรับมรดกของคุณ คุณเอาไปทิ้งไม่ได้ไม่หายไม่หกไม่ตกไม่หล่นไม่ระเหิดไม่ระเหย มันออกผลช้าเท่านั้นบางที แต่มันต้องทำถ้าคนไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันยิ่งกว่าหมาล่าเนื้อ มันวิ่งทันคุณเมื่อไหร่มันก็งับน่องคุณเมื่อนั้น
สรุปว่าไม่ได้ คุณจะทำทานไปให้ผู้ตายอย่างไรก็ไม่ได้ กรรมเป็นของใครของมัน อย่ามาดัดจริตว่าไปให้ถึงผู้ตาย เป็นการหลอกกินทั้งนั้น
เช่นทำหมกปลาช่อนตัวเมียมีไข่ด้วย ทำแล้วเอาไปให้พระฉัน ก็ให้ส่งบุญกุศลนี้ให้ถึงแม่ที่ตายไปแล้วด้วย พระก็หยาดน้ำให้ บอกว่าให้ส่งไปให้พ่อแม่ที่ตายไปแล้วเมื่อจบเสร็จ พระก็บอกว่าส่งไปให้พ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ถามว่าไปถึงพ่อแม่ที่ตายไหม อาตมาก็ถามต่อไปอีกว่า แล้วห่อหมกไส้ปลาช่อนนี้ออกจากท้องหลวงพ่อไปไหม? อาหารนี้ก็มีธาตุวิตามินไปเลี้ยงร่างกายหลวงพ่อเหลือเศษเป็นขี้ออกมาเป็นของหลวงพ่อ มันไม่ไปหรอก มันไม่มีอะไรไป ยกตัวอย่างอย่างนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกก็จนด้วยเกล้าแล้ว
_สู่แดนธรรมว่า..มีคนเถียงว่ามันไปเป็นค่า XYZ เป็นนามธรรม
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
ทำไมปีนี้ไม่จัดเทศกาลกินเจ
_ฝั่งดาว…จะถามประเด็นเรื่องเทศกาลกินเจปีนี้ พ่อครูไม่ได้อยู่ในที่บ้านราชฯไม่จัดเทศกาลกินเจ เมื่อวันนี้มีการประชุมทีมงานขายอาหาร เมื่อบอกว่าไม่จัดเขาก็ เฮ้! กันเลย เลยอยากให้พ่อครูอธิบายให้ลูกๆ ทราบเกี่ยวกับนโยบายนี้
พ่อครูว่า…ที่จริงเทศกาลกินเจที่เราจัดที่อุทยานบุญนิยมมานานปีแล้ว แต่โควิดมา มันก็เลยติดขัดกันอยู่ ธรรมดาถ้าเป็นงานเจ ประมาณเดือนตุลาคม คนเป็นจิตอาสามาทำอาหารก็ประมาณ 500 คนแล้ว คนมารับบริการอีกตั้งเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นปีนี้เป็นเรื่องของโควิด เป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสังคม มนุษยชาติอีกมากมาย อาตมาว่าเป็นเรื่องดีนะ ฉะนั้นคนที่ยังอยากจะเปิดงานเจ อยากจะบริการคน คนเขาต้องการจะได้ช่วย บางคนอยากจะได้เงินก็แล้วไปเถอะ ไม่ต้องไปคิดหรอกเรื่องเงิน อยากจะบริการคน ได้ช่วยเขาได้กินได้อยู่อะไรมันก็ดี แต่ว่ามันมีเหตุข้างเคียง มันมีผลข้างเคียง เป็นผลที่จะต้องระมัดระวังในเรื่องแพร่ คือ โรคนี้มันแย่อยู่ที่ว่ามันมีในคนแล้วมันไม่แสดงอาการ มันแย่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นก็บอกไม่ได้เลยว่าคนไทยมีเชื้อ Covid อยู่ในตัวหรือไม่ เราไม่รู้เลยนะ มันไม่แสดงอาการ มันมีแล้วไม่แสดงนี้ซวย แต่มันแพร่กระจายได้ด้วย ติดต่อคนอื่นได้ด้วย มันซวยตรงนี้แหละมันเก่งตรงนี้แหละ covid เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าเราจะต้องมีวิธีที่ป้องกันที่รู้กันหมดแล้ว ต้องมีระยะห่าง ต้องใส่แมส ต้องล้างมืออะไรเป็นต้น อย่าให้มันมาต่อเชื้อได้ มันก็มีวิธีนี้เท่านั้นเอง ถ้าเผื่อว่าจะไปขายอาหาร ให้มาใกล้ชิดมาก มากินร่วมกันอะไรอีก มันก็ประมาทมากเลย ไม่ได้นะ มันยากมากที่จะไปทำ
เพราะฉะนั้นเราจะไปเห็นแก่ว่าเราจะได้ช่วยคนให้มีกินมีอยู่ไม่ได้ ยกเรื่องจะได้เงินนี้ไปเลยนะ แค่เราจะช่วยคนก็ต้องจำทนไม่ได้ช่วยก็ต้องขอฝากไว้ก่อนเถอะ งานเทศกาลกินเจคราวนี้ เราก็จะต้องกลัวและเกรงใจมัน มันเก่งจริงๆเลยโควิด ต้องยกมันไว้เลยที่มันเหนือกว่าเรามาก วันนี้ประชุมกันตกลงกันแล้วว่า ไม่มี ไม่จัด ก็ดีแล้วล่ะ มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะไปป้องกัน เพราะฉะนั้นอย่าเห็นแก่ได้ เห็นแก่ผลเสียดีกว่าเพราะติดมาแล้วมันยุ่ง
ดีอย่างหนึ่งเจ้า covid มันเป็นเรื่อง โรคไม่ร้ายแรงเหมือนอย่าง อหิวาตกโรค ที่ตายเร็ว อันนี้มันไม่แรงเท่านั้นแต่ถึงตายเหมือนกันหากรักษาไม่ดีก็ถึงตาย แต่มันไม่โหดเหมือนกับอหิวาตกโรค หรือว่าไทฟอยด์ ที่ตายเร็วอย่างนั้น ถ้าเผื่อว่ามันมีฤทธิ์แรงเหมือนอหิวาตกโรคยิ่งจะโหดหนักกว่านี้เลย เพราะฉะนั้นแค่นี้เราก็ไม่ควรจะไปเสี่ยง หยุดไว้ดีแล้ว
ทำไมโรงเรียนถึงต้องมีการแข่งขัน
_ดาวเพ็ญเพชร…ทำไมเวลาสอบ โรงเรียนต้องมีการแข่งขัน คนได้คะแนนมากก็จะเป็นคนชนะ อันนี้มันถูกหรือไม่ถูกคะ
พ่อครูว่า..มันมีภาวะซับซ้อน คนเราถ้าทำให้ดีทำให้ฉลาดทำให้รู้สึกว่ามันเจริญยิ่งกว่ามันเจริญก้าวหน้าไปได้มากๆมันก็ดี ถ้าเราจะสอบก็คือ เราจะทำให้มันถูกต้อง จะแสดงความมีความรู้ แสดงว่าเรามีความรู้ให้มากๆได้ มันก็ดีใช่ไหม มันก็เลยซับซ้อนอยู่ว่า ถ้าคนที่มีความรู้มากๆ
แสดงออกได้มันก็คือเป็นคนชนะคนที่ความรู้น้อยกว่า ก็ควรจะต้องเป็นคนที่มีความรู้มากกว่าก็ควรจะเป็นอย่างนั้น จะบอกว่าแข่ง มันก็ซับซ้อนอยู่ในตัว เข้าใจให้มันดีๆว่า มันทำได้ดีมันทำได้เก่งก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าไปยึดถือว่าฉันเหนือกว่าเขา ฉันวิเศษกว่าเขานะ ระวังอย่าไปยึดถือว่าเราเก่งกว่าเขาดีกว่าเขา ฉลาดกว่าเขา อย่าไปยึดถืออันนี้ แต่เราทำได้ดีก็ดีแล้วก็จบ แต่อย่าไปข่มคนที่เขาไม่เก่งเท่าเรา ไม่ดีเท่าเราอย่าไปดูถูกดูแคลนเขา ช่วยบอกเขาให้รู้ว่าที่มันยังไม่ดีอยู่นั้น มันไม่น่าจะเป็นอยู่อย่างนั้น มันน่าจะเจริญกว่านั้นก็บอกไป
_ในปางฝัน…ตั้งแต่เวลาที่ปิดชุมชนมาในส่วนของชุมชนทางภูผาฟ้าน้ำก็ยังอยู่กันอย่างผาสุกดี ชมร.เชียงใหม่ ในช่วงแรกๆก็งดจำหน่ายเลย ต่อมาก็เปิดอย่างรักษาระยะห่าง แล้วลูกค้าก็มีการพัฒนาการทำอาหารกินเอง ข้าวสารอาหารแห้งก็ขายในราคาเท่าทุน ลูกค้าก็ต้องพัฒนาตัวเองในการทำอาหารกินเอง ในส่วนจิตอาสาเองก็ได้พักมากขึ้น ได้มาฟังธรรมมากขึ้น ได้พูดคุยกันมากขึ้น
ทำไมพ่อครูไม่ท้อที่จะสอนคน
_ทำไมเราจึงจะปรารถนาให้ญาติเรา เพื่อนเรา ที่เราเคยพามาวัดได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมเป็นชาวอโศก แต่มันยากพยายามพูดคุยอธิบายแต่เขาไม่เข้าใจ ก็เคยท้อ แต่ทำไมพ่อครูไม่ท้อ (พ่อครูว่า…ท้อไม่ได้เลย อาตมาเห็นอย่างที่คุณเห็นว่ามันยากเหลือเกิน แต่อาตมาจะไปคิดไปเป็นอย่างคุณว่าท้อ อาตมาทำไม่ได้ ท้อไม่ได้เลย คำนี้สำคัญมากท้อไม่ได้) พ่อครูสาธยายธรรมะแม้จะซ้ำซาก และผู้ฟังที่เป็นชาวอโศกนี้ฟังซ้ำได้ ก็ยังคลานเตาะแตะ ไม่ได้ปฏิบัติรุดหน้า หลายคนยังผูกโกรธ ถือสาแม้ในเรื่องวัตถุทำไมและเพราะอะไร ท่านจึงไม่เบื่อหน่ายเลยค่ะ
พ่อครูว่า…ตอบไปแล้วนะว่าอาตมาท้อไม่ได้ มันรู้เหตุรู้ผลรู้สัจจะของมันเลยว่า (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) ท้อไม่ได้
_สู่แดนธรรม..ถ้าลูกๆท้อ คือลูกๆ ยังมีความหวัง ความต้องการและมีความฝันมีความหวังแต่พ่อท่านไม่มีความหวังแล้วก็เลยมีคำว่าท้อ
พ่อครูว่า…ใช่ คำว่าท้อ เป็นภาษาไทย ไม่รู้ว่าภาษาจีนเขาว่าอะไร ไปนึกถึงที่สวนสวรรค์ของเงกเซียนฮ่องเต้นิยายจีนที่มีลูกท้อ
เอาภาษาไทยท้อคือ คุณจะต้องตั้งอกตั้งใจอย่าถอย ท้อ คือ อย่าถอย ต้องพากเพียรมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่คุณจะทำ อาตมาที่ไม่ท้อ เพราะ 1. มีปัญญา มีความเฉลียวฉลาด เข้าใจ เข้าใจอะไร เข้าใจว่า เรื่องธรรมะที่เป็นโลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ ประเสริฐที่สุดดีที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุดในความเป็นมนุษย์ จะเกิดอีกกี่ชาติกี่ชาติกี่ชาติ เป็นสัญชาติไหนเชื้อชาติไหนก็ตาม ขอให้เป็นคน ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยกไว้เพราะพูดกันไม่รู้เรื่องและเขาไม่รู้โลกุตระ แต่คนนี้จะรับโลกุตระได้ มันยิ่งใหญ่ที่สุดมันประเสริฐที่สุด
สมมุติว่าบรรลุอรหันต์แล้วหมดความชั่วหมดการทำชั่ว ถ้าจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปจะเกิดอีกตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายก็จะไม่ทำชั่ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่ทำบาปอีกแล้ว กรรมทุกกรรมของพระอรหันต์จะเกิดอีกกี่ชาติก็ปิดประตูบาปมีแต่กุศลทั้งนั้น เพราะว่าพระอรหันต์ไม่ทำบุญอีกแล้ว เพราะว่าบุญเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องชำระกิเลสเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เมื่อล้างกิเลสได้หมดแล้วจบ พระอรหันต์ทุกองค์หมดการทำบุญแล้ว อธิบายกันไปซึ่งเขาได้ผิดเพี้ยนกันไป ไม่เหลือซากความรู้อันนี้แล้ว งั้นอาตมาจึงต้องเปิดคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยม ออกมา1 เล่มแล้ว มีอีก 2 เล่ม
พลังงานฌาน จะต้องทำมาก่อน ทำเป็นขั้นตัดกิเลสจบ เมื่อทำเสร็จจบ บุญก็จบ ฌานก็มาจบบุญ แล้วสะสมลงเป็นสมาธิ สมาธิคือสั่งสมจิตที่สะอาดและบริสุทธิ์แล้ว จิตที่บริสุทธิ์
ฟังตรงนี้จะได้เข้าใจว่าสมาธิคืออะไร สมาธิคือการสะสมจิตที่สะอาด จิตที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นมาสะสมไม่ได้ คุณเอา ฌาน 1 2 3 มาสะสมก็ไม่รู้ ฌาน 4 เอามาสะสมยังเป็นอุปกิเลสเลย วิปัสสนูปกิเลสเลย คุณจะเอาอุเบกขามาสะสมก็ไม่ได้
คำว่า ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ไม่ใช่อุเบกขานะ ไม่เป็นการขยายความลักษณะ 5 ประการนี้ของอุเบกขา เนื้อแท้ ของอุเบกขา คือ บริสุทธิ์จากกิเลสแล้วไม่มีแม้แต่อุเบกขา
อุเบกขาขยายความอีกทีก็คือ ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีแม้แต่ไม่สุขไม่ทุกข์ มาเรียกอีกที อุเบกขากับไม่สุขไม่ทุกข์ก็ต่างกันแล้วนะ ไม่สุขไม่ทุกข์นะเป็นโลกียแล้วมันไม่ ทำอันนี้ได้แล้วจึงเป็นอุเบกขา แล้วอุเบกขานี่แหละ ต้องให้มันเป็นความสะอาด อุเบกขาแปลว่ากลางๆ ถ้าหากอธิบายสาระของมันอีก อุเบกขาคืออะไร คือความหมดจากกิเลส สะอาดจากกิเลสอีกทีหนึ่ง มีกิเลสอยู่ก็เป็นสุขเป็นทุกข์ ไม่มีกิเลสแล้ว แล้วจิตที่ไม่มีกิเลสและสะอาดจากกิเลสนี่แหละ ค่อยไปสะสมตกผลึกผลึกกันเข้าจึงเป็นความตั้งมั่นของจิตสะอาดจิตหมดอาสวะ สั่งสมเป็นสมาธิ
คำว่าสมาธินี้เป็นอจินไตย แค่ฌานวิสัย ก็เข้าใจไม่ได้แล้วอันนี้เป็นสมาธิอธิบายกลายเป็นจากฌานจากบุญอีกนะ สมาธินี้เป็นคำกลางๆ คำนี้จึงเรียก สมาหิตะหรือสมาหิโต จิตตัวนี้มันลึกกว่าสมาธิธรรมดาเยอะเลย เพราะฉะนั้นคุณจะรู้จักสมาธิง่ายๆนี้มันไม่ง่ายหรอกคุณเอ๋ย พูดกันไปทุกวันนี้ ฟังดีๆนะ จะเห็นความต่างกันไหมเมื่อเคยเข้าใจมาก่อนกับที่อาตมาอธิบายนี้มันต่างกันไหม แค่เข้าใจแค่นี้คุณเข้าใจได้แล้วคุณต้องไปทำจริงๆสะสมจิต สะอาดตัวนี้ คุณธรรม 5 ประการของอุเบกขา ไม่ใช่อุเบกขาด้วยนะ มันละเอียดกว่าอุเบกขา แยกเป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
กรรมกิริยาการทำงานได้ด้วยนะ อุเบกขาแทนที่จะเฉยๆกลางอยู่เฉยๆ กลางคืออะไรคือไม่ไปไม่มา ไม่ทำอะไร ไม่กระดุกกระดิก กลางๆเฉยๆ แท้จริงไม่เฉยๆกลางๆ แต่มันเร็วด้วยเป็นกายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา คล่องแคล่วว่องไวเหมือนอย่างพระโพธิรักษ์นี้ คล่องแคล่วว่องไว เขาบอกว่าอรหันต์อะไรอย่างกับลิง อรหันต์มันต้องนิ่งๆเงียบๆเฉยๆช้าๆสุภาพเรียบร้อย สุ แปลว่าดี ภาพ คือภาวะ นี่แหละภาวะดี แสดงอย่างเต็มแรงไม่ต้องแอ๊คท่าไม่ต้องดราม่า
1.สิ่งที่ยากนี้เป็นโพธิสัตว์ก็ต้องทำ อาตมามีเป้าหมายเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งให้ได้ ถ้าหากท้อก็เป็นไม่ได้แน่นอน
-
รับปากพระพุทธเจ้ามาแล้วด้วยว่าจะต้องมาสืบสานศาสนาต่อ อันนี้สำคัญ ดีนะ แล้วมีอะไรอ้างอิงว่าอาตมารับปาก ก็ชี้แล้วไงที่เป็นข้อที่ 10 ของสัมมาทิฏฐิ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)