630923_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มรดกแห่งกรรมสั่งสมสู่ปรินิพพานญาณ
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1v9UzHP-ooDzCuhgNHra_G2WXuRbaJfe_jH9Lz8Okz0U/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1W3IoBFuZsgXG6-uuNu8U2LGtKovRRiZk/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/H6xHsVhGLws
สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันพุธที่ 23 กันยายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้สถานการณ์ covid ของโลกก็มีการระบาดมากยิ่งขึ้น เป็นระลอกที่ 2 ที่ประเทศอิตาลีมีการรณรงค์ให้ลดจำนวนนักการเมือง ตอนนี้ประเทศไทยบริหารโดยนายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์จันทร์โอชา มีผลคือประเทศไทยสงบเรียบร้อยดี โนอึลมาก็เตรียมรับได้ดี ช่วยประชาชนได้ทันท่วงที เรื่องเศรษฐกิจก็ทำได้ โควิดก็สามารถแก้ปัญหาได้ดี ในประเทศยังไม่มีการระบาดรอบที่ 2 ทั้งๆที่ประเทศพม่า ติดกับเรานี่ก็ระบาดรอบ 2 แล้ว ที่ชายแดนไทยพม่ามีการเข้มงวดกวดขันอย่างมาก
พ่อครูว่า..มาต่อซีรีย์การเมือง อธิบายการให้บริบูรณ์ จนครบถ้วน ที่เป็นนัยยะสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ ซึ่งเกิดจากจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน เราสามารถทำให้ความเห็นที่แตกต่างกันนี้ อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขสงบ อบอุ่นราบรื่นไปได้ด้วยดี แต่ต้องมีความขัดแย้งกันอย่างพอเหมาะ ที่เราเรียกว่าประชาธิปไตย ถ้าไม่มีการขัดแย้งกันเลย ทุกคนเชื่อผู้นำคนเดียว ห้ามพูด ห้ามแย้ง ห้ามเห็นต่าง อันนั้นมันสังคมเผด็จการเต็มรูป เผด็จการที่ใช้การบังคับไม่ให้อิสระเสรีภาพเต็มที่ มันก็เป็นเรื่องของมนุษยชาติที่ต้องเป็นเช่นนั้นแหละ แตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ก็จะเข้าไปในรายละเอียดประชาธิปไตยก็พูด SMS กันก่อน
_เกษม สันทอง : การฟังธรรมพ่อท่านนี่คือการปฏิบัติธรรมแบบมีผัสสะ เพราะมีผู้ว่าผู้ด่าผู้ตำหนิพ่อท่านอย่างหยาบคาย ให้เราอ่านจิตอ่านใจตนเองตลอด ถือว่ามีโจทย์ที่แสนดีของญาติธรรมชาวอโศกครับ
พ่อครูว่า..คำว่า เทวะ นี้เป็นภาวะสอง มันเป็นสภาพสัจธรรมสมบูรณ์แบบอยู่ในนี้ คนที่มิจฉาทิฏฐิจะเข้าใจเทวะว่าเป็นหนึ่ง แล้วห้ามตีแตก ความเป็นอย่างนี้ คือพวกเทวนิยมที่ถือว่าเที่ยง เขาถือว่าเทวดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระเจ้า เป็นปรมาตมัน เทวะคืออัตตา อัตตาที่ยิ่งใหญ่คือ บรมอัตตาหรือปรมาตมัน แล้วปรมาตมันนี้ห้ามแยกแยะห้ามตีแตก พระเจ้าสั่งไว้อย่างไร เป็นคำสั่งไม่ใช่คำสอน ไม่ใช่ Doctrine แต่เป็น Command ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนคือ Doctrine เป็นคำสอนให้ทำความเข้าใจ เข้าใจไม่ได้ก็พูดแย้งได้เห็นต่างได้ เห็นต่างจากพระพุทธเจ้าก็ได้เป็นอิสระเสรีภาพ ไปบังคับกันไม่ได้ ก็จบด้วยการเห็นต่าง ความเห็นของเธอก็อย่างหนึ่งความเห็นของเราก็อย่างหนึ่ง ต่างคนต่างเชื่อถือของตัวเองปฏิบัติการของแต่ละคนไม่ต้องมาทะเลาะวิวาทกัน ไม่ต้องมาฟ้องร้องกัน ต่างคนต่างอยู่ เหมือนพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัตเป็นต้น อย่างนี้เป็นต้น เป็นสุดยอดแห่งความสงบเรียบร้อยและเป็นสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์แบบ
ของพระพุทธเจ้าต้องอ่านความรู้สึกความชอบความสงบแล้วเอามาวิจัย มันมีกิเลสในนั้น อ่านเวทนา 108 อ่านเวทนาให้ออกในทุกๆผัสสะแล้วเราจะรู้ความจริงด้วยตัวเองเรียกว่าปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ
_ดีทน อินสะพรหม : การฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา เขาเข้ามาชมก็ดีแล้ว มาชมบ่อย ๆนะครับ( ชาวอโศกเพื่อมวลมนุษย์ชาติ)
_ภักดี ประพฤติดี : รู้สึกซาบซึ้งเหมือนอยู่ในสมัยพระพุทธเจ้าเทศนา
_เกษม สันทอง : เพียงแค่โสดาบัน ก็ไม่เสพสิ่งเสพติด อบายมุขต่าง ๆแล้วครับ
พ่อครูว่า..แค่หมากพลูบุหรี่แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งเสพติด เหมือนกับที่มหาบัวบอกมานั้น จะเป็นการแก้ขวยเท่านั้น(สมณะด่วนดีว่า เขาอ้างว่ารักษารากฟัน) มีทางออกเหมือนกันนะคิดไม่ถึง เอาล่ะ ก็วิจารณ์วิจัยไป มันเป็นความเห็นต่างกัน
_นภารัตน์ อิ่มรัง : เขาด่าพ่อครู น่ากลัวมาก เขาจะบาปมากมั้ยคะ
พ่อครูว่า..โดยสัจจะแปลว่าผู้ที่ถูกต้อง ตำหนิผู้ที่ถูกต้องก็ต้องบาป เพราะฉะนั้นโดยสัจจะ เพราะอาตมาถูกต้อง เขาก็ต้องบาป แต่ถ้าอาตมาผิดเขาว่าจะมาก็ถูกของเขาแล้วก็ไม่บาป อาตมาก็จะได้บาปต่อไป ส่วนความจริงจะเป็นเช่นไร อาตมาถูกหรือผิดคุณต้องศึกษาติดตามพิสูจน์ดู
_วาส ทองจันทร์ : กราบนมัสการพ่อครู เห็นเขาจาบจ้วงพ่อครูพร้อมดูใจตัวว่าเป็นไง ก็ไม่ถึงโกธนะแต่ก็เห็นอาการสังเวชใจกับพวกสัตว์นรกพวกนั้นจริง ๆ
พ่อครูว่า..สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล สังเวชใจเฉยๆ ก็พอฟังดี แต่พอบอกว่ากับพวกสัตว์นรกพวกนั้นจริงๆ ก็ค่อนข้างจะ เห็นไปในความแรง
พวกเราจะเข้าใจภาษาสื่อสารสภาวะพวกนี้ได้
SMS วันที่ 21-22 ก.ย. 2563
_ศรัณยา พัทยาวรรณ : ดีใจที่การชุมนุมยุติ ถึงจะยังไม่สงบจริง
แต่ก็ดีใจที่ลูกหลานไม่ต้องไปเป็นโล่ให้ผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว
_โอภาส เหมสุข : กสิกรรมนำไทยให้พ้นทาส
พ่อครูว่า..ไทยจะเป็นมหาอำนาจด้วยกสิกรรม อย่างเช่นบนโต๊ะนี้ก็มีผลผลิตออกมาโชว์ ในยุคนี้จะทำให้เห็นได้ว่าเราอยู่กับที่ก็ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารในนี้ได้ อยู่ในหมู่นี้ไม่มี covid เราก็ปลูกพืชผักไป เกิดมันก็ออกไปตามประสามัน เราจะเร่งมันด้วยตามวิธีการก็เร่ง แต่ไม่ต้องไปใช้สารเคมีอะไรมากมายนัก ทำอย่างเป็นธรรมชาติให้มาก เราก็ทำไปตามเท่าที่ทำได้เวลามีเหลือกินเหลือใช้เราก็ไปแจกจ่าย
_สุทัศน์ สุภาภัทรนนท์ : ทำไมนิพพานแล้วยังต้องไปเกิดอีก กรรมพันธุ์พ่อทำดี คนที่จะมาถือพันธุ์ก็ต้องสัมพันธ์กันป่าว จึงมาเกิดได้
พ่อครูว่า..เอาประเด็นทำไมนิพพานยังต้องไปเกิดอีก มันมีคำถามของอีกคนนึงนะ ที่ถามถึงเรื่องของนิพพาน โดยใช้พยัญชนะ 3 คำ คือ
นิพพาน ปรินิพพาน แล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
เอาไว้ค่อยอธิบาย เมื่อถึงคิว
อีกอันหนึ่งคนที่จะมาถือพันธุ์ก็ต้องสัมพันธ์กันหรือเปล่าถึงจะมาเกิดได้
คำว่ากรรมพันธุ์ ก็คงต้องพูดไปอีกนาน กรรมพันธุ์เป็นภาษาบาลี แปลมาแล้วไปเทียบกับทางวิทยาศาสตร์ แปลว่าการสืบทอดทาง DNA ทางสรีระ คือเกี่ยวกับเรื่องของวัตถุต่างๆ สรีระ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มันปรุงแต่งกันเป็นชีวะหรือเป็น พีชะ ปรุงแต่งเผ่าพันธุ์ทางร่างกาย
ทางวิทยาศาสตร์ก็เรียนรู้กันดีก็สืบพันธุ์ต่อพ่อพันธุ์ได้ มีลูกหลานเหลนโหลน มีเชื้อของปู่ย่าตาทวดถ่ายทอดกันมา ลูกหลานเหลนโหลน ก็ยังมีมา แต่คำว่ากรรมพันธุ์ กรรมที่เกิดจากกรรมคือการกระทำ มันสืบทอดไปให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ทวด ทวดของทวดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ มันเป็นของของตน กัมมัสกะ เป็นของตนเท่านั้น ตนเป็นทายาทของกรรมตัวเองแต่เพียงผู้เดียว กรรมแบ่งให้ใครไม่ได้ ไม่แบ่งเป็นมรดก กรรมเป็นมรดกให้คนอื่นๆใดๆไม่ได้ เป็นมรดกของเราเท่านั้นเอง ตายแล้วคุณก็รับของตัวเอง เกิดมาอีกก็รับของตัวเอง คนอื่นๆแบ่งเอาไปไม่ได้ แย่งเอาไปไม่ได้ให้กันก็ไม่ได้ มันไม่ง่าย เพราะไปเปรียบเทียบกับวัตถุ แต่มันเป็นนามธรรมที่สุดยอดเลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เราก็รู้ตามแล้วมาประพฤติเองจึงเห็นเองรู้เองรู้ได้จริงของตัวเองว่าเป็นเช่นนี้
สรุปแล้วกรรมพันธุ์นี้ ไม่ใช่สรีระพันธุ์ ถ้าจะใช้ทางดีเอ็นเอทางวัตถุก็ต้องใช้คำว่าสรีระพันธุ์ ใช้คำว่ากรรมพันธุ์ไม่ได้ ยกตัวอย่างคนตีหัวเขาด้วยไม้หน้า 3 หัวเขาก็แตก คุณเป็นคนทำ แล้วคุณก็บอกว่า เอากรรมที่อาตมาตีหัวคุณนี้แบ่งไปครึ่งนึง คุณไม่ได้ทำนะแต่อาตมาทำเขาเจ็บ แล้วก็ไปยัดเยียดให้คนอื่น ยกความผิดให้คนอื่นครึ่งหนึ่ง มันจะได้ไหม ไม่ได้ นี่เรื่องง่ายๆนะ กรรม คือ การกระทำมันแบ่งไม่ได้
คำว่า”กรรม” คือ การกระทำ คุณทำก็ของเอ็ง มันไม่ใช่ของเราหรือของใคร มันก็ต้องของคนนั้น นี่เรียกว่ากรรมพันธุ์ ของของใครก็เป็นของตนเองเป็นผู้รับมรดกทายาทของกรรมตัวเอง กรรมทายาโท แล้วมันจะพาคุณให้เกิดความสุขความทุกข์ตกต่ำได้ดีตกยากอะไรก็เป็นกรรมของคุณทั้งนั้น กรรมโยนิ พาเป็น ไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาบันดาล ของเอ็งคนเดียว
อาตมาพูดแรงแล้วนะ ไม่ได้หยาบ อาตมามีเพื่อนพูดหยาบ เช่นพูดมึงๆ แต่อาตมาก็พูดหยาบไม่ออก คำว่ากูก็ไม่พูดอาตมานี้ พูดอั๊ว ข้า เอ็ง ลื้อ อย่างนี้ ไม่ว่าจะในครอบครัวพี่น้องก็ยิ่งไม่พูด คนอื่นจะพูดกับเราอย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ว่าเขาก็พูดแต่เราไม่ได้ออกเป็นคำพูดอย่างนั้นไป
เพราะฉะนั้นคนที่จะมาถือพันธ์ จะสัมพันธ์กันอย่างไรก็ถ่ายทอดกันไม่ได้ ด้วยการสัมพันธ์กันก็ถ่ายทอดไม่ได้ที่สุดและการสืบพันธุ์ก็ถ่ายทอดกันไม่ได้เป็นของของเราทำเองเป็นเผ่าพันธุ์ของเราเอง เราแบ่งพันธ์ุนี้ให้คนอื่นไม่ได้เราต้องพึ่งพากรรมของตัวเองกรรมปฏิสรโณ เป็นสุดยอดความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
๑. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)
๒. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)
๓. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)
๔. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)
๕. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)
(พตปฎ. เล่ม ๑๔ ข้อ ๕๘๑)
กัมมังสัตเตวิภัชชติ กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์
สู่แดนธรรมว่า..พ่อท่านว่า กรรมพันธ์ุที่เราเป็นเทพเป็นพรหมก็อยู่ในจิตวิญญาณ
พ่อครูว่า…ก็ต้องดูความหมายที่แท้จริงของเทวดา มาร พรหมอย่างนั้น
_หอม ดอกดิน : กราบนมัสการเรียนถามพ่อครูค่ะ ดิฉันได้รับแจกหนังสือ เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 1 เล่มหนาใหญ่เหมือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์…เพราะเน้นแต่เรื่องของ “บุญนิยม” ตามหน้าปก เรียนถามว่า พ่อครูจะใช้หนังสือเล่มนี้ออกเป็นข้อสอบหรือเปล่าคะ และจะสอบเมื่อไหร่คะ
พ่อครูว่า…อาตมาตอบไม่ได้เพราะว่าไม่ใช่เป็นผู้ออกข้อสอบ
_ปัญญา ยศสุวรรณ : ผมติดตามอาจารย์ ผมเคารพศีล 5 ข้อ ศีลทำให้สังคมร่มเย็น คดีรายวันจะไม่เกิดขึ้นเมื่อใครปฏิบัติได้ ดีมากครับผม
_kusol Tang (กุศล แตง) : สถานะการณ์น้ำเป็นอย่างไรครับบ้านราช
พ่อครูว่า…วันนี้ขึ้นมาอีก 7 cm
_วิจารณ์ ณ นคร : รับฟังอยู่ครับ ฟังไปแล้วเริ่มเข้าใจ จากจันทบุรี
เป็นลูกโจรถือว่าเป็นกรรมทายาทโจรไหม
_ประดิษฐ์ อินทร์หอม : พ่อเป็นโจร เราเกิดเป็นลูกโจร ถือว่าเป็นกรรมทายาทไหมครับ
พ่อครูว่า…ไม่เรียกว่ากรรมทายาท พ่อเป็นโจรก็จริงแต่เราไม่ได้เป็นโจร ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราไปเป็นโจร มันก็ไม่ใช่กัมมะทายาท มันเป็นเรื่องคุณโง่เอง คุณก็ไปรับถ่ายทอดมาทำไม กรรมที่เป็นโจรที่พ่อคุณทำ เราก็รู้ว่าเป็นกรรมที่ไม่ดี คุณจะทำตามทำไม คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตาม เห็นมั้ยสำคัญนะกรรม คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตามจริงๆได้ด้วย แม้ว่าคุณจะมีจิตอยากจะเป็นโจรอยู่บ้าง คุณก็ฝืนแก้ปรับปรุง แล้วเรียนรู้สัจธรรมของพระพุทธเจ้าล้างกิเลสพวกนี้ให้ออกไป คุณก็ไม่เป็นโจรเลยได้ ถ้าไม่เช่นนั้นมันแก้ไม่ได้เลย
พ่อเป็นโจรลูกก็ต้องเป็นโจรต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะไปแก้ไขอย่างไร เปลี่ยนแปลงได้ไหม มันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้สิแบบนี้ มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนแปลงได้ด้วยกรรม เห็นความยิ่งใหญ่ของกรรมมั้ย นี่ไม่ใช่กรรมพันธ์ุ แต่เป็นสรีระพันธุ์เท่านั้น มันไม่ใช่กรรมพันธุ์ พ่อมีลูก ลูกไม่ต้องไปรับกรรมจากพ่อ ถ่ายทอดกรรมจากพ่อไม่ได้ กรรมของพ่อก็เป็นของพ่อ กรรมของคุณก็เป็นของคุณ กรรมนั้นสืบทอดมาจากสรีระไม่ได้ และกรรมของใครของมันก็ถ่ายทอดให้ใครไม่ได้ คุณถ่ายทอดให้ใครไม่ได้ ใครก็ถ่ายทอดให้คุณก็ไม่ได้ จบแล้วนะ
ของคุณ ใครให้คุณก็ไม่ได้ คุณให้ใครก็ไม่ได้
_ในเฟซบุ๊กของอาจารย์ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ อาจารย์ปฐมพงษ์พูดถึงพระขึ้นเวทีม็อบปราศรัยในภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า.. พระไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงพระธรรมวินัยและกฎระเบียบคณะสงฆ์ซึ่งเป็นธรรมนูญสำหรับปฏิบัติของตนเองเช่นนี้สุ่มเสี่ยงจะถูกจับสึกเพราะเป็นโลกวัชชะนะครับ สมควรที่รัฐบาลนี้จะจัดการให้เห็นเป็นตัวอย่างบ้างครับ
ผู้ที่ใช้นามว่า..Sammy Supawong ก็โพสต์ถามว่า..แล้วพระพุทธอิสระ ในตอนนั้นล่ะคับ??? อาจารย์ปฐมพงษ์ตอบว่า…ทั้งพุทธอิสระ ทั้งสันติอโศกก็สมควรจัดการเหมือนกันครับ
พ่อครูว่า…พวกเราก็มีคนที่หัวหนักไปในทางการเมือง เราบอกว่าไม่ควร เขาก็จะไป เขาก็เลยจะแยกตัวออกไปอย่างนี้ก็มี มันจะต้องไปกับเขา ดีไม่ดีไปเข้าข้างอีกทางหนึ่ง แล้วหมู่ใหญ่ทางนี้ไม่เห็นด้วย คุณก็ไปทางโน้น คนนี้ก็เลยต้องออกไป ก็เป็นธรรมชาติเป็นนานาสังวาสก็ว่ากันไป
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…
พ่อครูว่า…คดีทางโลกของเราก็จบ สรุปที่เรายอม เพราะเขาออกกฎหมายพ.ศ.2505 ว่าสมเด็จพระสังฆราชสั่งให้สึกได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำสอนพระพุทธเจ้าที่บอกว่า ใครไม่สามารถสั่งการให้ใครสึกได้ ถ้าเขาคนนั้นไม่มีความผิดถึงขั้นสึก ความผิดถึงขั้นจะต้องสึกมีอย่างเดียวคือปาราชิก ไม่สึกก็ต้องขาดจากความเป็นสมณะเรียกว่า “อสังวาส” ไม่เป็นสมณะร่วมกันแล้ว แต่ถ้ายังแค่สังฆาทิเสสไป ก็ไปสึกเขาไม่ได้ ถ้าเขาไม่สึกก็สึกเขาไม่ได้ ใครก็บังคับให้สึกไม่ได้ ธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าว่าเอาไว้อย่างนั้นเลย สึกเขาไม่ได้ ปาราชิกถือว่าขาดจากการเป็นศาสนาพุทธด้วยกันไปเลยเท่านั้นเอง แต่ถ้าไม่ถึงขนาดปาราชิก 4 สังฆาทิเสสก็ยังถือว่าเป็นพุทธร่วมกันเป็นสังวาสเดียวกัน แต่เขามีความเห็นต่าง
ถ้าถูกกล่าวหาแล้วถ้าเขาไม่ผิดสังฆาทิเสส เขาก็ไม่ได้ผิดไม่ได้บาป แต่ถ้าผิดเขาก็บาปเอง คนนี้จะลงโทษหรือไม่ลงโทษก็เป็นวิบากของเขา
คดีของอโศกคืออโศกแพ้ เพราะผิดกฎหมายที่เขาตราไว้ ให้อำนาจสังฆราชสั่งให้สึกได้ เราไม่ยอมสึกก็ต้องปรับให้ผิดกฎหมาย ติดคุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี เขาก็มาคุมประพฤติ เขาก็ส่งคนมาคุมประพฤติ มาครั้งที่ 1 ก็มากราบ มาครั้งที่ 2 ก็มากราบ มา 2 ครั้งแล้วไม่มาอีกเลย 2 ปี เขามานั่นแหละเขาก็ยังไม่กินมังสวิรัติ เมื่อมาคุมประพฤติเขาก็เลยกลายเป็นคนกินมังสวิรัติไปเลยแล้วจะให้ทำอย่างไร มันก็เป็นเช่นนั้นนี่เป็นเรื่องจริงปรากฏการณ์ตามสิ่งที่เป็นมา เพราะเขามารู้มาเห็นอย่างไร คนเราเมื่อไม่มีอคติก็จะไม่เห็นคนเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาพระธรรมวินัยมากางเอามาจับ เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติผิดแล้วจะไปทำอย่างไร คนเขาไม่ได้หาเรื่องไม่ได้ผิดเพี้ยนก็ต้องจำนน
สรุปแล้วทางโลก เป็นกฎหมายเป็นอะไรเราก็ ทางธรรมก็เป็นนานาสังวาส เขาทำทางธรรม ละเมิดวินัยไม่รู้กี่อย่าง ตั้งแต่เอาสงฆ์คณะมหานิกายและคณะธรรมยุตมาทำสังฆกรรมร่วมกันมาชุมนุมตัดสินซึ่งทำไม่ได้ มหานิกายกับธรรมยุตนั้นคนละนิกายเอามาร่วมกันไม่ได้ แม้มาคนเดียวก็ผิด“คณปูรกะ”แล้ว ทำสังฆกรรมไม่ได้เป็นสังฆกรรมที่โมฆะ แต่เขาก็ทำเพื่อให้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ไง รวมกันเลย 2 นิกายร่วมกันประกาศนียกรรมอโศก บอกว่าอัปเปหิออกจากคณะ ทั้งๆที่เราไม่ได้ถูกเอาไปให้เราประกาศนานาสังวาสมีหลักฐานเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2518 ประกาศนานาสังวาสตามพระธรรมวินัย คุณทำไมไม่รู้เรื่องกันในนานาสังวาสเอง คณะสงฆ์ใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง แล้วมาพูดเละเทะขายขี้หน้าตัวเอง สุดท้ายมันก็เลย เขาก็มีผู้รู้อยู่บอกว่ายิ่งจะเถียงยิ่งหน้าแตกก็เลยจบ นั่นก็คือทางธรรมจบแล้ว ทุกวันนี้พวกเราก็เป็นนานาสังวาสกันอย่างสมบูรณ์ นานาสังวาสเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เราประกาศ พ. ศ. 2518 ก็เป็นนานาสังวาสอยู่สบายมาเรื่อยๆ เมื่อ พ.ศ. 2525 พันตรีอนันต์ เสนาขันธ์ ก็มาใส่เราใหญ่เลย ก็ยังไม่เป็นเรื่องมาก แต่ต่อมา พ.ศ. 2532 เขาก็ดึงเราเข้าไปว่าต้องสึกไม่สึกไม่ได้ ถ้าไม่สึกก็เอาเรื่อง ก็มีเรื่องอีกว่ากันไปทางโลก ส่วนทางธรรม เขาก็ไม่กล้าตัดสินเรา ทางธรรม เขาก็ประชุมกัน พิจารณาลับหลังว่าเราผิด แล้วก็ประกาศว่าอัปเปหิ ออกจากสงฆ์หมู่ใหญ่ ทั้งๆที่เราลาออกมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ตอนนี้ พ.ศ. 2532 ไปอ่านหนังสือประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส อาตมาก็ได้รวบรวมเขียนไว้
คุณก็ต้องเป็นหมู่ใหญ่เพราะคนรู้มันมากกว่าคนไม่รู้ พูดชัดๆก็คือคนโง่มากกว่าคนฉลาด เขาก็ต้องมีคนไม่รู้มามากกว่ามีคนรู้คนที่ประพฤติได้เป็นธรรมดาของยอดพีระมิด กับฐานพีระมิดมาก็ต้องมีมากมีน้อยกว่ากันเป็นธรรมชาติธรรมดา ถ้าใครเข้าใจอย่างนี้แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
เราจะแพ้ก็แพ้แต่เราไม่ได้ผิด เราก็แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง ตกลงเราก็จบไปทุกอย่างแล้ว
ผู้ใช้นามว่า Nataphon Sirimongkolsatien บอกว่า..สันติอโศก ไม่ใช่นะครับ ตามกฎหมายไม่มีการรับว่าเป็นพระสงฆ์
อาจารย์ตอบว่า..เข้าข่ายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ครับ
มีพาดพิงถึงสันติอโศกในสื่อโซเชียลค่ะ
พ่อครูว่า..ก็ถูกแล้วเราไม่ได้แย้งอะไร สงฆ์แปลว่าหมู่ คณะ เราไม่ใช่สงฆ์คณะเถรสมาคมก็ถูกแล้ว ของเราเป็นสงฆ์คณะอโศก
ที่ว่าแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เราไม่เลียนแบบ และพยายามไม่ให้เหมือนด้วย เจตนาด้วย ทั้งมหานิกายหรือธรรมยุต เราไม่ได้ห่มเหมือนเขา สีสันก็ไม่เหมือนเขา การนุ่งห่มก็ไม่เหมือนเขา ไม่ได้ทำกระทงกระแทกแบบเขา คิ้วก็ไว้ นุ่งห่มก็ไม่เหมือน อะไรต่างๆนานา เป็นเรื่องของนานาสังวาส ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น นานาสังวาส มีหลักเกณฑ์ 3 อย่างใหญ่ๆ 1.มีศีลไม่เสมอสมานกัน 2. มีความประพฤติต่างกัน 3.มีอุเทสต่างกัน
-
ศีล ไม่เสมอสมานกันก็คือ เขามีศีล 227 แต่ของเรา 227 คือพระวินัยเราก็ถือด้วยแต่เรามีศีลจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ของเขาไม่เอาเรื่องศีลเลย เขาละเมิดมหาศีลกันทั้งยวงเลย อยู่ในมหาเถรสมาคมไปไม่รอดเลย ถ้าเอาจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มาจับเขาก็พังเลย เขาเป็นศาสนาไม่มีศีล ก็เลยเอาแต่วินัย 227 ขนาดนั้นก็ยังผิดกันอย่างระเนระนาดเลย
-
การประพฤติก็ต่างกัน เช่นเราประพฤติไม่ใช้เงินทอง ทางโน้นใช้เงินใช้ทอง ทางนี้ไม่กินเนื้อสัตว์ ทางนั้นก็กินเนื้อสัตว์ เป็นต้น
-
อุเทส คำอธิบายไม่เหมือนกัน หัวข้อเดียวกันแต่อธิบายไม่เหมือนกัน เช่น คำว่าฌานเป็นต้น คำว่าสมาธิเป็นต้น อธิบายกันคนละเรื่อง คำว่าวิมุติก็คำเดียวกันอธิบายคนละเรื่องสมาบัติคำเดียวกันก็อธิบายคนละเรื่อง ปัญญาคำเดียวกันก็อธิบายกันคนละเรื่อง