พ.ย.252020ศาสนา631125_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาพัฒนาอัตภาพให้ไปสู่จุดสูงสุด ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1wHiQ0URjNMxcqLAwDg8q1pg2hvttSrs6qzxA8eNmbs4/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/15ktLD6wW0QjEKo0Ypx58OznKfQV6NyNp/view?usp=sharing และยูทูปที่ สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้มีคนตั้งข้อสังเกตทำไมม็อบราษฎรย้ายที่ชุมนุมจากหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไปเป็นที่ SCB Bank เขาบอกว่าคงกลัวตู้คอนเทนเนอร์ที่ตำรวจเอามาทำเป็นแบริเออร์ 2 ชั้น พวกเราก็มาฟังธรรมอันเป็นโลกุตระจากพ่อครูกันต่อ แก่นแท้ของศาสนาพุทธเป็นเช่นนี้ พ่อครูว่า…เรานี่อบรมกันด้วยดีสนใจใส่ใจฟังธรรมกันวันละหลายคาบ ตั้งแต่ 3:30 น เรื่อยมา ทุกวัน ดีจังเลย ชีวิตคนนี่ เป็นสาระ เป็นเรื่องที่มนุษย์มีปัญญา รู้จักสาระในสาระ แล้วเราก็ได้สาระนั้นๆแก่ชีวิต ซึ่งสุดประเสริฐ สาระต่างๆที่เราได้กัน พูดถึงสาระตั้งแต่ภาษาง่ายๆ ตั้งแต่สสาร จนถึง สาระที่เป็นเนื้อในแก่น Essence ถ้าต้นไม้ก็ตั้งแต่ ใบดอกผลจนกระทั่งมาถึง สะเก็ด เปลือก กระพี้ ถึงแก่น ท่านเปรียบเทียบศาสนาเหมือนต้นไม้ทั้งต้น ทุกวันนี้เอาแต่ใบดอกผล อร่ามงาม แต่ไม่รู้จักแม้แต่สะเก็ดของต้นไม้ สะเก็ด ท่านเปรียบเหมือนศีล สะเก็ดหลุดออกไปก็เป็นเปลือก เปลือกของต้นไม้เปรียบเสมือนสมาธิก็ไม่รู้จัก กระพี้ เปรียบเสมือนปัญญาก็ไม่รู้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นวิมุตที่เป็นแก่นในเลย เมินเสียเถิด…อย่าคิดถึง ไม่ได้แน่นอน เมินเสียเถิด ไม่มีทางที่จะได้ อาตมาทุกวันนี้แสดงธรรมร้องเพลงประกอบด้วยต้องใช้เพลงที่ฮิตติดตลาด รุ่นนี้เขาก็ไม่รู้ด้วยแล้ว เพลงสุนทราภรณ์เก่า (สมณะฟ้าไทว่า ทุกวันนี้เขาฮิตเพลงหนักแผ่นดินกัน) ก็ขย่มกันต่อ ก็สู้ๆพลเอกประยุทธ์ ก็เห็นพัฒนาขึ้นยิ่งสู้ยิ่งเบิกบานแจ่มใส แต่ก่อนนี้สู้แล้วทุกข์มาก จนกระทั่งแข็งแรงแก้ไข ทุกวันนี้เจริญขึ้นดีขึ้นมากเลย นี่แหละๆ มีธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วก็ได้ประโยชน์ ปฏิบัติตามธรรมะพระพุทธเจ้าและทำงานไปด้วย เป็นเรื่องการปฏิบัติตนจริงๆเลยทำงานอาชีพอยู่นี่เป็นอาชีพนายกรัฐมนตรีก็ปฏิบัติธรรมไปพร้อม มีกรรมทุกกรรมกิริยาทุกกิริยา เป็นกัมมันตะ ทั้งกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมเรียกว่ากัมมันตะ ชัดเจนได้เรียนรู้หมดเลย แม้จะแยกเอาแต่เฉพาะว่าจีกรรมที่เป็นตัวสำคัญมาก ก็ได้ปฏิบัติ หรือได้แต่ความคิดสังกัปปะในมรรคมีองค์ 8 มีอาชีวะ กัมมันตะ วาจา สังกัปปะ สังกัปปะได้ข้อคิดวิจัยธรรมในธรรม จิตในจิตของเรา ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา วจีสังขารา เมื่อจิต วิตก ก็จับกิเลสได้ มันมีตัวกลางหรือพยาบาทก็จัดการมัน จัดการตามวิธีที่พระพุทธเจ้าให้กำจัด จัดการจนสำเร็จเรียบร้อย เป็น วิตักกะ จิตที่ดำริ เราสัมผัสแยกกิเลสได้เลย เอากิเลสออก ทำกิเลสออก จนกระทั่งชัดเจนในไตรลักษณ์ของมันด้วยปัญญาอันยิ่ง กิเลสก็ยอมสยบตายเกลี้ยง วิตักกะ ตักกะนั้นก็เหลือเป็นจิตแท้ๆ วิ แปลว่าไม่ แปลว่าวิเศษ สิ่งที่เป็นกิเลส เอาออกไปแล้วจากตักกะ ไม่ใช่แค่ตักกะที่เป็นความคิดนึกเฉยๆที่เขาเรียนกันข้างนอก ปริญญาเอก ปริญญาโท แต่อันนี้เป็นเนื้อแท้สภาวะได้ยอดเยี่ยม กิเลสออกไปได้อย่างวิเศษ ไม่มีก็คือ วิ ไม่มีแล้วกิเลสเป็นจิตวิเศษ จบ สัมมาสังกัปปะ ทำจนกระทั่งกิเลสหมด จิตตกผลึกลงไปเป็น อัปปนา แนบแน่น อัปปนาสมาธิ อัปปนา แน่วแน่ พยัปปนา แนบแน่น เจตโสอภินิโรปนา ปักใจมั่น ทำทวนทำซ้ำแล้วซ้ำอีก อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ทำอย่างที่เกิดผล ภาวนา สั่งสมเป็น อเนญชาภิสังขาร เป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา เป็นอเนญชาภิสังขาร ที่สมบูรณ์แบบจาก อภิสังขาร 3 ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร เป็นการปรุงแต่งด้วยวิชชาสะอาดเรียบร้อยบริสุทธิ์ อาตมาอธิบายธรรมะมา จนถึงวันนี้ โอ้โห จากแต่ก่อนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ตนเองจริงหรือ เราเป็นพระโพธิสัตว์ จริงหรือเราจะเป็นผู้รู้ที่จะมาทำงานศาสนา แต่ก็รู้มาแต่ต้น แน่ใจมาแต่ต้น แต่ยังว่าจะยืนยันตัวเองได้อย่างไร จนกระทั่งทำมาได้ 50 ปีไม่เคยมีจิตแกว่ง จิตท้อถอย หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม อาตมาว่า ผ่านศึกมาถึงขนาดเป็นเป้าปืนอยู่บนเวที เขาก็ยิงกันเต็มไปหมด มีคนตายกันด้วย อาตมาว่า จะว่าไม่มีบารมีก็ไม่ได้นะ ที่พูดไปนะ พูดความจริงไปผ่านไปแล้ว พูดได้ ขอยืนยันความจริง รอด ไม่ใช่ปากเหยี่ยวปากกาแต่เป็นปากปืน รอดปากปืนปากระเบิดมาได้ แล้ว ยิ่งเห็นพวกเรายืนยันอยู่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ฟังแล้วก็เอาชีวิตมา ทางโลกที่จะไปเอาลาภยศสรรเสริญ เสพโลกียสุข ไม่เอา ชัดเจน จนกระทั่งมีคนมาตอแยอาตมาว่าหลอกเก่ง หลอกให้คนมากินกล้วยหวีเดียวทำงานทั้งวัน อะไรอย่างนี้ อาตมาจะไปหลอกทำไม พวกคุณก็ปลูกกล้วยเองกินเองสิ กล้วยเต็มไปหมด ดูบนโต๊ะ มาโชว์ เขาก็โชว์กัน โชว์ความอยากได้อำนาจแย่งชิงกันเขายังโชว์กันเยอะแยะ อาตมาไม่เห็นจะต้องไปแย่งอะไรเขาเลย _นักเรียนสัมมาสิกขาม.1บ้านราช ดินดอกพุทธ : สงสัยค่ะว่า คนเราทำไมต้องอยากได้เงิน อยากรวย ทั้งๆที่สิ่งนี้ก็เหมือนปูพรมแดงให้ตนหรือผู้อื่นนั้นเกิดความโลภ ความหลงและก็รู้อยู่ว่า คนเราต้องตาย ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว อีกอย่างก็รู้อยู่ เมื่อตายไปแล้วเอาไปไม่ได้ซักอย่างแม้แต่ร่างกาย. ทำไมต้องกระหายในกาม ทั้งที่ก็มีโทษของกามให้เห็นอยู่ทั้งในวรรณคดี ทั้งในชีวิตจริง. ทำไมต้องหลอกตนว่ารสอย่างนี้คือรสอร่อย รสอย่างนี้คือรสไม่อร่อย กลิ่นอย่างนี้คือกลิ่นหอม กลิ่นอย่างนี้คือกลิ่นเหม็น. ทำไมอยากเห็นเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ แต่เมื่อมีผู้มาชี้ทางให้ ตนกลับไปด่า ไปขับไล่เขา ปิดหูปิดตาไม่ได้รู้ได้ยินหรือได้เห็นใดๆ. ทำไมทำไมต้องฆ่าต้องกินเพื่อนร่วมโลก เพื่อความอยู่รอดของตนเหรอ ด้วยเกรงว่าตนจะไม่มีที่ยืนบนโลกหรือ. ทำไมต้องกลัวความตาย ทั้งๆที่ความตายก็เหมือนเราอีกคนที่เมื่อเราเกิดความตายก็เกิด เมื่อเราตายความตายก็ตาย. ทำไมต้องเกลียดความขี้เกียจแต่ทำตัวขี้เกียจ. ทำไมต้องไม่พอใจที่โดนผู้อื่นเอาเปรียบตน แต่ตนมักเอาเปรียบผู้อื่น. พ่อครูว่า…ประเด็นเหล่านี้ ดูพื้นๆ แต่เป็นสุดยอดของสาระ สาระลึกซึ้งเลย มาศึกษาให้ดีๆเถอะ ผู้รู้ทั้งหลาย ผู้ถูกครอบงำสิ่งเหล่านี้จนกระทั่งไม่เป็นอันจะหลุดพ้นสิ่งไปได้ ติดวนเวียนไม่รู้กี่ล้านชาติแล้ว แค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้แล้วอาตมาไม่ตอบมาก สู่แดนธรรมว่า…เด็กคนนี้ผมเคยคุยกับเขาบอกว่า อนาคตจะเป็นสิกขมาตุ เด็กที่มาที่นี่เป็นตามบารมีตามเหตุปัจจัยของเขา เรื่องแบบนี้จะเกิดก็ต้องเกิดเป็นปัจจัยที่ครบแล้วตามกรรมวิบากที่สั่งสมมาแล้ว ศาสนาพุทธนี่แหละมีกรรมวิบาก สมณะฟ้าไท…แม่เขาเล่าว่า ตอนเด็กๆเขาเล่น เขาเล่นบิณฑบาต ศรัทธาธิกะกับปัญญาธิกะ ก็เป็นพระพุทธเจ้าที่เหมือนกัน _อโศกสัมปวังโก…ศาสนาพระพุทธเจ้าสายศรัทธาธิกะ พระอัครสาวกเบื้องขวาจะต้องเป็น เจโต หรือเบื้องซ้ายต้องเป็นสายปัญญาหรือไม่ ศาสนาพระพุทธเจ้าสายปัญญาธิกะ จะยกให้ สายใดเป็นอัครสาวกเบื้องใด พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าสายวิริยาธิกะ แปลว่า คุณไม่มีสิทธิ์จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องพากเพียร ล้างกลับไปกลับมา เสียเวลาอยู่นั่นแหละ สับสนววุ่นวายหมุนไปหมุนมา สับสนวุ่นวาย ขยันแต่โง่ จับไม่มั่นสักที คุณถามมาโดยพาซื่อ แต่จะไปเอาความรู้อย่างเป็นวิริยาธิกะมาเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ต้องเลิกต้องละความเป็นวิริยาธิกะ ถ้าคุณมีแกนของศรัทธาก็จะไปสายศรัทธา ถ้ามีแกนของปัญญาก็เข้าหาปัญญา คุณต้องเลิกวิริยาธิกะให้ได้ เหมือนกันกับอาตมาบอกถึงผู้ที่เป็นสายพญานาคหรือพญาครุฑ พญาครุฑบินสูงบินว่อนไปสู่เวหาไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนพญานาคก็ดำดิ่งไปอยู่ใต้บาดาลแล้วจมอยู่ในบาดาลนั่นแหละ เขาเกิดอะไรรู้อะไรก็ไม่รู้ แม้ที่สุด พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกทีละพระองค์ นานๆๆ มาเกิดพระองค์หนึ่งก็ลอยถาดทองคำ เสร็จแล้วพอไปถึงบริเวณนั้นก็จมลงไปกองรวมกันเสียงดังของถาดทองคำที่กระทบกัน เสียงจะเป็นเสียงสุดยอดแห่งเสียงจึงจะสะเทือนให้พญานาครู้สึกตัว จากความหลับลึก ยิ่งกว่าคนขี้เซา เอาไฟเผาก็ยังไม่ตื่น หนังไหม้ก็ยังเฉย พญานาคได้ยินก็ตื่นขึ้นมาบอกว่าพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาอีกพระองค์แล้วหรือ ว่าแล้วก็หลับต่อเหมือนเดิมหนักกว่าเก่า นี่คือพญานาค อาตมาว่าได้ไขความพญานาคพญาครุฑขึ้นมาชัดเจนขึ้น แต่พวกคุณผ่านพวกนี้มาแล้ว สองพวกนี้ไม่รู้จะได้ยินถึงพวกพญานาคพญาครุฑนี้หรือเปล่า เสียงอาตมาไม่ใช่เสียงถาดทองคำกระทบกันนะ ไม่รู้จะทำยังไงน่าสงสาร ถ้าหากยังใฝ่หาแสวงหา ผู้มีปรโตโฆษะ จะยอมรับบ้างหรือไม่ เพราะฉะนั้นปัญญาธิกะกับศรัทธาธิกะอันนี้เป็นแกน วิริยาธิกะจะต้องทำตนเลิกสับสน ให้เอาอันใดอันหนึ่ง เหมือนที่อาตมาอธิบาย ถ้าคุณจะไปประเทศใดในโลก ที่ไม่ใช่ประเทศไทย ส่วนใดส่วนหนึ่งของโลก คุณจะเดินทางไปประเทศนั้นจะต้องอ้อมโลก ไปอ้อมทางใดทางหนึ่งก็อ้อมเถิด เดินไป แม้มันจะเป็นศรัทธาธิกะ เริ่มต้นเดินวันหนึ่งก็ถึงตรงนั้น เป็นศรัทธาธิกะก็เลยใช้เวลาตั้ง 2 เท่า ถ้าคิดได้รู้ทางเดินรู้แผนที่ดีแล้ว คุณจะเป็นปัญญาธิกะ ก็เดินทางนี้ใกล้ 20 ละสงสัยกับเศษแสนมหากัป ถ้าเป็นศรัทธาธิกะก็ถึงเหมือนกันแต่เป็น 40 อสงไขยเศษแสนมหากัป ส่วนวิริยาธิกะนั้นให้เวลา 80 อสงไขยเศษแสนมหากัป ก็ต้องเลิกวิริยาธิกะ แล้วไปแกนหนึ่งจะเป็นแกนศรัทธาหรือปัญญามันจะได้ถึงสักที คุณถามถึงอัครสาวกจะต่างกันไหมก็ไม่หรอกจะเหมือนกัน แม้เป็นสายศรัทธาธิกะจะมาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน สายปัญญาธิกะสายศรัทธาธิกะนั้นเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ลบทิ้ง เป็นปัญญาเต็มที่เป็นพุทธิปัญญาเหมือนกันหมดทุกองค์ พระพุทธเจ้าทุกองค์เป็นพุทธิปัญญาหมดจะเป็นแกนอะไรมาก่อนก็เลิกหมดเลย แกนศรัทธาก็ตามปัญญาก็ตาม วิริยาธิกะไม่ต้องพูดถึงเลย มันก็ต้องเป็นเหมือนกันเป็นปัญญาเป็นเบื้องขวาศรัทธาเป็นเบื้องซ้าย เพราะ ศรัทธาธิกะนั้นรู้ช้า แต่บรรลุเร็ว รู้ช้าแต่บรรลุเร็ว ส่วนปัญญาธิกะนั้น บรรลุช้า แต่รู้ครบรู้มากกว่าศรัทธาธิกะ นี่เป็นคุณสมบัติที่เป็นสัจจะ มันเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นปัญญา มันเฟ้อมันมาก ก็ต้องพยายามเอาศรัทธามาใส่ มันจะได้สมดุลกัน ศรัทธาต้องเอาปัญญา ปัญญาต้องเอาศรัทธา พยายามเพิ่มสิ่งที่ขาด คุณจะไปคิดรอบโลกมากเอาตัวเองให้รอดแล้วจะไม่ได้ต้องมาทำสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ว่าไปแล้วเป็นเรื่องฟุ้งซ่านเป็นเรื่องที่ทำไปมันก็ถ้าเป็นสภาวะแล้วจะไปถามทำไม เพราะมันจะต้องเป็นอย่างนี้ศรัทธาก็ต้องเป็นศรัทธาธิกะ ปัญญาก็ต้องไป ปัญญาธิกะ คุณจะเป็นสายไหนก็ตามจะเข้าใจอย่างที่อาตมาพูดไม่งั้นคุณเอาแต่ถามอย่างเดียว อย่าไปสร้างนิสัยขี้ถาม ขี้สงสัย วิจิกิจฉามาก แล้วไม่อยากปฏิบัติเองเอาแต่ถามถามถาม คุณก็ยิ่งช้า พวกที่เอาแต่ถามเอาแต่รู้แล้วไม่ปฏิบัติจะช้าทั้งนั้น ท้าวสักกะเทวราชคือเช่นไร _อโศกสัมปวังโก…เนื่องจากชาวอโศกหลายท่านเป็นแฟนนิทานธรรมบท (ของเถรสมาคม) โดยธรรมบทที่บรรยายเป็นการบรรยายภายใต้กระบวนทัศน์ซึ่งเป็นแบบเทวนิยม มีบางเรื่องที่มีลักษณะของเทวนิยมเช่นเป็นท้าวสักกะเทวราช พ่อครูว่า…คุณมาศึกษาปฏิบัติให้รู้เทวะ คุณก็จะรู้เทวะของตัวเองที่เป็น สักกะเทวราช ความเป็นเทวะของตัวเอง แยกสองแล้ว ศึกษาความจริงอย่าไปหลงใน 2 ดีไม่ดีปรุงแต่งเป็น 3 4 5 นับไม่ถ้วน ไม่มีจบ เทวะ นั้น ให้เข้าใจ 2 ให้ชัดแล้วทำ 2 ให้เป็น 1 เป็น 1 เพื่อที่จะหยุดกิเลสที่พาให้เป็น 2 3 4 5 6 คุณก็ล้างกิเลสไปทีละคู่ คุณฟังขณะนี้ จับตัวกิเลสไม่ได้ไง แล้วคุณจะไม่สงสัยว่าเทวะมันก็มีแค่ 2 ตัวหนึ่งถูกฆ่ามันก็ไม่ใช่เทวะเหลือเอกะคือ 1 แล้ว เป็น จิต เป็นใหญ่ของตัวเอง ตั้งแต่ตัวอย่างแรกเลย เรื่องอะไรที่ติดที่เป็นอบายมุขขี้หมาอะไร เลิกล้างมาแล้ว จิตหลุดพ้น แล้วเราก็ยังไม่ตาย เราก็เห็นว่ามันมีในโลกแต่มันทำอะไรเราไม่ได้ เราไม่ได้เป็นทาสของมันเลย มีแต่สงสาร จะช่วยเขาหากอยู่ในฐานะที่จะช่วยก็ช่วยได้ คุณก็จะได้เป็นท้าว สักกะเทวราชเอง วันนี้ได้ฟังความเข้าใจเรื่องท้าวสักกะเทวราชมากขึ้นใช่ไหม ก็หมายถึงตนเอง สักกะ แล้วก็มาเรียนรู้ สักกายของตน 2 ก็คือเทวะคือ 2 แยกอาการ 2 แล้วทำให้มันเป็นหนึ่ง เอกสโมสรณาให้ได้ โดยเอาตัวเวทนาในเวทนาเป็นฐานหลัก อโศกสัมปวังโก ฟังมาจนหนวดงามขนาดนี้แล้วสักวันจะส่งประกวด หนวดงาม พ่อครูว่า…SMS วันที่ 22 พ.ย. 2563 Ka Por : ไตเติ้ล สวยมาก อบายมุขจริงๆแล้วเป็นเช่นไร บุญญากร พัฒนสัตถาพร : อรหันต์ในโสดาบัน คือปิดอบายได้สิ้นเกลี้ยงใช่ไหมครับ พ่อครูว่า…อบายคือของใครของมัน คนที่แย่ที่สุดและติดยาเสพติด ติดการพนัน ติดการละเล่น ติดสิ่งเสพติดหนัก ติดละเม็งละคร ติดเตะฟุตบอลอะไรต่างๆก็แล้วแต่ มันไปติด คนละอย่าง เรื่องที่ไปติดไม่ควรจะไปติดเลย เป็นเรื่องไร้สาระเสียเวลาและแรงงานทุนรอน เอาเวลาแรงงานทุนรอน เป็นความสูญเสียของข้าคืนมา ความฉิบหายของข้าคืนมา แรงกายแรงสมองแรงความรู้ ทุนรอน เอาไปเสียเวลากับเรื่องขี้หมาเหล่านี้ไปเป็นชาติ แล้วยิ่งจมติดหนักไปเรื่อยๆสิ่งเหล่านี้ให้เอาคืนมา แล้วคุณจะรู้ คุณจะชัดเจน อันนั้นเป็นขั้นต่ำของใครของมัน ตัวใครติดอะไรก็อันนั้นแหละเป็นอบายของเรา แล้วก็เลิกละมาให้ได้ ขั้นที่ 1 คุณละเลิกมาได้ก็เป็นพระโสดาบัน เรียกว่าพ้นมาจากขั้นที่หยาบแล้ว ขั้นอบายมุขแล้วก็มาเรียน กาม ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ หรือแม้แต่ลาภยศสรรเสริญก็ได้ คุณก็ยังยึดติด คุณก็มาเลิก เอาอันใดให้ชัด อันนี้ควรทำลำดับ 1 2 3 เอาให้ได้ ติดลาภเกินไป หลงใหล จะเอาแต่ได้เงินทองเข้าของ หรือติดยศ ลาภเราไม่เท่าไหร่ติดจังในยศฐานะ ใครอย่ามาแตะศักดิ์ศรีข้าอะไรต่างๆนานา ก็ให้มันเป็นผู้ที่ เออ อยู่ระดับคนใช้เขา ระดับเขาข่มได้ หรือยิ่งยศศักดิ์เป็นบั้งเป็นดาวเป็นฐานะทางโลก มีอำนาจบาตรใหญ่ ใช้คนนั้นคนนี้ได้ อะไรต่างๆก็แล้วแต่ อำนาจทางข้าราชการ นักเลงหัวไม้ อำนาจทางอะไรก็แล้วแต่ ก็รู้ตัวเองแล้วเลิกมา อำนาจยศศักดิ์ พระเดช ให้ลดลงบ้าง มันต้องลดจริงๆเพราะมันติดจริงๆ มันก็จะบำเรอตนอย่างนั้น ยิ่งสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ติดยึดแล้วก็จะน่าสงสาร อย่างเช่นโดนัลดั๊ก รู้จักไหม เป็นเป็ดง่อย โดนัลด์ทรัมป์ เดี๋ยวนี้เขาก็ยังอีกนานคนนี้ ขออภัยที่เอาโดนัลทรัมมากล่าวอธิบายสัจธรรม นี่เป็นตัวจริงเหมือนกับทักษิณ ชินวัตร แพ้ไม่รู้จักแพ้ แพ้ไม่เป็น แพ้แท้ๆแล้วก็ไม่รู้จักแพ้ ทักษิณเขาไม่หยุดนะ แต่มาไม่ได้ ถ้ามาได้มานะ เขาก็ยังไม่ยอมหยุด ยังงมงายอยู่แต่จะชนะเอาอำนาจบาตรใหญ่ ทุกวันนี้มันก็ร่อยหรอไม่เหมือนเก่า แต่ก็ยังไม่ยอม เหมือนอย่างโดนัลด์ทรัมป์ทุกวันนี้ จำนนเพราะว่ามันไปไม่ได้ประชาชนเขาไม่ยอม กฎหมายต่างๆมันกันไว้หมด หาทุกอย่างที่จะเอาชนะ จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัวหมดทุกอย่างก็ชนะไม่ได้ เห็นไหมนี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เราเห็นว่า จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง มันติดมันยึด นี่เป็นสัจจะที่เราเรียนรู้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปด่าว่า ไม่ได้ข่มอะไรเขาหรอก แต่มันเป็นตัวอย่างที่ทำให้เราได้เรียนรู้ จะว่าขอบคุณก็ขอบคุณ ที่ให้เราได้ใช้เป็นตัวอย่างศึกษา โดยสมมติสัจจะเราก็ขอบคุณเหมือนอย่างชาวโลกเขา เราจะได้ศึกษาและเราจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่าง คำพูดของจริงว่าเราก็รังเกียจฉันด้วย เราชัดเจนว่าอย่างนี้เราไม่เอา ชัดเจนแล้วจำให้ได้เลยนะ ต้องรู้ตัวเอง ว่าตัวเองจะเป็นอย่างนี้แล้วนะ ต้องรู้ให้ได้นะกรรมกิริยา ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองให้ระวัง _บุญญากร พัฒนสัตถาพร : มาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ… (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักรผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต พ่อครูว่า…นี่คือกฎหมาย พวกนี้ไม่กลัวน้ำร้อนกัน เมืองไทยใจดี ถ้าไม่ใจดี พวกนี้ก็จำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ก็ถูกประหาร ก็ว่ากันไป สมมุติในที่เป็นไปไม่ได้คือความโง่ _บอย มุ่งชมกลาง : กราบขอบพระคุณพ่อครูที่เขียนหนังสือไว้ครับ ผมอ่านเล่มไหนก็สนุก เพลิดเพลินดีครับ ผมซึ้งใจในความเสียสละเป็นอันยิ่งในความเมตตาเขียน ซึ่งท่านสื่อสภาวะออกมาทุกตัวอักษรก็ว่าได้ …ผมจะพยายาม พากเพียรอ่าน แล้วนำมาปฏิบัติตามฐานะตนครับ (ผมรู้ว่าชาตินี้ยังไง ผมก็อ่านได้ไม่หมด เพราะพ่อครูท่านเขียนสภาวะความจริงเก่งมาก ๆ ๆ ครับ) พ่อครูว่า…ดีนะ อ่านหนังสืออาตมาสนุกกว่าอ่าน Harry Potter อาตมาอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ไม่รู้เรื่องมันสมมุติอะไรมาก็ไม่รู้ เหมือนกันกับอาตมาอ่านหนังสือกำลังภายใน เขาพยายามเอามาให้อ่าน อ่านได้หน้าสองหน้าก็วาง อาตมาได้ดูหนังกำลังภายในอยู่ 1 เรื่องที่ดูจบ จบไม่ได้ทุกตอนทุกภาคด้วย ภาคก๋วยเจ๋ง ดูจบภาคเดียว แล้ว ภาคอื่นๆดูไม่ได้ ยิ่งอ่านหนังสือกำลังภายในของโกวเล้ง กิมย้ง อาตมาไม่เคยอ่านได้ถึง 2 หน้า 3 หน้าเลย ไปไม่ออก ไปต่อไปไม่ไหว มันไม่มีรส เห็นขี้โกงเล่นเล่ห์ เยอะมากเกินไป โอ้โห อย่างนี้จะตามยังไงไหว มันโลกจินตาทั้งนั้นเลย อย่างสมมุติท่าวรยุทธของเขา ท่าบ้าๆบอๆ อย่างนี้มีด้วยหรือ มันเกินๆๆ แล้วเอาอาวุธบ้าๆอะไรมาก็ไม่รู้ ยิ่งกว่าเด็กเล็กเลย หลอกเด็กเล็กจริงๆเลย แค่อาวุธบ้าๆ ก็เหลือกินเหลือใช้ อาวุธที่มาให้จอมยุทธ แล้วยังมีฤทธิ์วิเศษอีกต่างๆ อะไรของเอ็งวะ มันสมมุติเกินไป อาตมาก็รู้ทันสมมุติเกินไป ก็อย่าสมมุติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาแสดงความโง่สุดโง่ของคุณ คุณสมมติสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ อย่าไปสมมติสิ่งโง่ๆเอาไปให้คนโง่ คนมันโง่อยู่แล้ว คุณโง่คนเดียวก็โง่ไป อย่าสมมุติในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไปสมมุติมันขึ้นมาทำไม เห็นไหมเห็นความโง่ไหม ความโง่ของพวกนี้ กิมย้งก็ดี โกวเล้งก็ตาม ขออภัย แม้แต่ j.k. rowling แล้วก็เห็นคนโง่อยู่ทั่วโลกไหม โอ้โห JK rowling เขียนเรื่องเดียว กินตลอดชีวิตเหลือ ทุกวันนี้ก็ยังเก็บลิขสิทธิ์อยู่เลย เอาไปสร้างหนังละครไปพิมพ์ขายได้อยู่ตลอด ได้ลิขสิทธิ์ อย่าเอาอดีตมาขย้ำเล่น อย่าเอาอนาคตมาฟุ้งซ่าน มันเป็นความโง่ _บอย มุ่งชมกลาง : น้อมกราบนมัสการพ่อครูครับ วันนี้มีบางท่านฝากถามว่า คนที่ชอบดูหนัง เล่นเกม สร้างหนังสร้างการ์ตูน สร้างเกม ชอบจินตนาการต่าง ๆ …เป็นพญาครุฑหรือเปล่าครับ และมีอีกคำถาม ที่ผมอยากถามพ่อครูว่า คือบางครั้ง ผมไม่ได้สัมผัสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายเลย แต่ใจมันยังคงจดจำ สัญญาเก่ามาปรุงแต่ง แล้วจะพยายามไปทำตามสัญญาเก่า ทั้ง ๆที่ไม่ใช่สัมผัสนอกจริงเลย ผมเข้าใจว่าเป็นมโนมยอัตตาใช่หรือเปล่าครับ แล้วผมจะออกจากสิ่งนั้นได้อย่างไรครับ …กราบขอคำแนะนำจากพ่อครูด้วยครับกราบขอบพระคุณครับ พ่อครูว่า…ได้ นับเป็นพญาครุฑ , มันก็มีส่วนเชิงมโนมยอัตตา มโนมยะ แปลว่า สำเร็จด้วยจิต จิตมันทำขึ้นมาสำเร็จ สำเร็จแห่งความปลอม หรือสำเร็จเป็นความซ้ำซากที่มันก็แล้วไปแล้วเป็นอดีตแล้ว คุณเอาอดีตมาขยำ มันก็ไร้สาระเพราะมันไม่จริง อนาคตก็ไม่จริง อดีตก็ไม่จริง อดีตมันก็ผ่านไปแล้วมันจริงที่ไหน อนาคตมันยังมาไม่ถึงมันจริงที่ไหน ปัจจุบันนี้เป็นจริง คุณทำปัจจุบันให้สำเร็จจบทุกอย่างในปัจจุบัน อดีตอนาคตของคุณไม่ต้องกังวลเลย แต่นี่คุณไปคลำอดีต คุณก็เสียเวลาสิ อดีต 18 อนาคต 44 พระพุทธเจ้าถึงกำหนดทิฏฐิของคนว่าหลงเลอะเทอะอยู่อย่างนี้ เขาขยายลูกเล่นของอดีตอนาคตไปอีกมหาศาล แต่แกนหลัก 62 ทิฎฐิ ที่พระพุทธเจ้าได้รวมไว้แล้ว อดีต 18 อนาคต 44 สรุปแล้วคุณไม่ต้องกังวลรู้ว่าอดีตดีหรือไม่ดีอย่าไปวุ่นวายอนาคตดีไม่ดีอย่าไปวุ่นวายทำปัจจุบันมันมีอย่างนี้แล้วล้างกิเลสไป คุณจะเกิดปัญญา รู้ว่าคุณโง่อย่างไร ก็จะไม่หลงกับอดีตอนาคต ยังไม่รู้แล้ว ก็เหมือนกับที่อาตมาว่าขี้ออกไปแล้วเอามาขยำอีกมันก็เหมือนกับเด็กๆ ของมันออกไปแล้วเอามาขยำทำไม ผ่านไปแล้วมันไม่จริงแล้วมันไร้สาระแล้ว อุจจาระมันไร้สาระ เอาให้เป็นอาหารของพืชสัตว์ไป แต่คนเราไม่จำเป็นต้องกินขี้หรอก จะออกจากสิ่งนั้นก็เห็นให้จริง อย่าไปยุ่งกับมัน กับสิ่งที่มันไม่จริงแล้ว อดีตไม่จริงอนาคตไม่จริง เอาปัจจุบัน สรุปอย่างนี้ ก็พยายามทำความเข้าใจให้ได้ก็แล้วกัน ลมหายใจเข้าออกเหมือนสุขกับทุกข์แยกกันไม่ได้ _จงกช ย่านาง : คำว่า อานาคือหายใจเข้า แล้ว อาปาคือหายใจออก ถูกไหมเจ้าคะ? พ่อครูว่า…อานาอันหนึ่ง อาปานะ อันหนึ่ง จะนับ อานา เป็นลมหายใจเข้า อาปานะ เป็นลมหายใจออก หรือจะนับ อานา เป็นลมหายใจออก อาปานะ เป็นลมหายใจเข้าก็ได้ มันไม่มีปัญหาหรอก สลับกัน คุณจะเอาอะไรมาใช้ ก็ได้ ลมหายใจเข้าลมหายใจออกเป็นคู่ที่แยกกันไม่ได้เหมือนสุขกับทุกข์ เหมือนรูปกับนามของชีวะ เหมือนกาย เหมือนเทวะที่เป็น 2 ฟังตามต่อไปให้ดีๆจะได้เข้าใจ สรุปแล้วให้รู้ว่ามีนัยยะต่างกัน ระหว่างลมหายใจเข้าออก มันแยกกันไม่ได้หรอก คุณหายใจเข้าอย่างเดียวไม่ออกเลย ก็ตาย ก็เป็นคนหมดลมหายใจ คุณหายใจออกอย่างเดียวไม่มีเข้า คุณก็หมดลมหายใจตาย มันแยกไม่ได้ฉันเดียวกันสุขกับทุกข์มันก็แยกกันไม่ได้ ถ้าจะเลิกก็เลิกกันทั้งคู่ ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็คือเกิดกับตายหมดเลยไม่มีทั้งคู่เลย หรือสวรรค์กับนรกเลิกเลยทั้ง 2 อย่าง นี่คือจบของพระพุทธเจ้า ไม่มีเทวะไม่มีกาย ไม่มีกาย แต่มีชีวะ คือพืช กายต้องมีจิต กายต้องมีเวทนาแต่พืชมันไม่มีเวทนามันไม่มีจิต มันไม่มีกายแล้ว แต่มีชีวะ ถ้ายังเป็นอยู่จิตของเราทำให้เป็นพืช มีชีวะ อยู่ แต่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่มีคู่ ไม่มี 2 ไม่มีเทวะ ไม่มีกาย ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ ไม่มีบาป ไม่มีบุญหรือไม่มีดีไม่มีชั่ว แต่อันนี้ก็ต้องศึกษากุศลหรือดี คุณมีชีวิตอยู่ไม่มีดีไม่มีชั่วสำหรับคุณใช่ แต่คุณต้องรู้ดีแล้วคุณต้องชัดเจนว่าคุณไม่ทำชั่ว คุณต้องมีจิตรู้ว่าชั่วคือชั่วดีคือดี แล้วก็ต้องทำดีอย่าไปทำชั่วเป็นอันขาด ประเด็นสำคัญคือกุศลหรือดีแล้วดีเอาไว้อาศัยสะสมได้พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าเราไม่สันโดษในกุศลไม่มีพอในกุศลนะว่าเป็นพระพุทธเจ้าก็ยังสร้างความดีๆ แต่บาปบุญนั้นหมดแล้วพระอรหันต์ทุกองค์ ไม่ต้องทำบาป ไม่ต้องทำบุญ เป็นอรหันต์ขี้กะโล้โท้ ขั้นที่ 1 ก็ไม่ทำบาปทำบุญแล้วเป็นพระพุทธเจ้าก็แน่นอน แต่พระพุทธเจ้าเป็นอรหันต์แล้วเลือกแต่ทำดีๆไม่ทำชั่วเลย จิตวิทยาคืออะไร _แดง ลานกราบ : จิตวิทยา คืออะไรคะ พ่อครูว่า…จิตวิทยา คือ ความรู้เรื่องจิต ทางโลกียะ ก็ศึกษากัน แต่ไม่มีใครศึกษาเรื่องจิตได้สุดยอดเท่ากับพระพุทธเจ้า ศาสดาทุกองค์ศึกษาเรื่องจิต และพยายามสร้างจิตเป็นฐาน เป็นฐานของสิ่งที่ลึกซึ้งให้เป็นผู้ที่สูงส่ง หรือเรียกอีกคำว่าเป็นเทวดา หรือเทวะนี่แหละเป็น 2 แต่ไปหลงผิด ว่าเทวะต้องเป็น1 ทั้งที่เทวะ พยัญชนะมันแปลว่า 2 ไม่ใช่ 1 ก็เลยเป็น 1ที่ว่าดีที่สุดใหญ่ที่สุด เบ้งที่สุด ลดไม่ลงเลย จนมีนิยายว่า พระพรหมบอกว่าข้านี่แหละใหญ่ จนกระทั่งมีคนมาถามปัญหาสุดท้ายว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน ไปถามพระพรหมต่อหน้าบริวาร ถามว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าเรานี่แหละใหญ่ คนถามก็บอกว่าไม่ใช่เราถามว่าที่สุดแห่งโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็ตอบอีกว่าเรานี่แหละใหญ่ ไม่ใช่ถามว่าสามวาสองศอกคืออะไร เขาถามซ้ำอยู่ 3 ครั้งว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ เรานี่แหละใหญ่ ก็ยังถามอีก ดึงแขนไปหลังม่าน ต่อหน้าบริวารเปิดเผยไม่ได้ บอกว่ามาถามอะไรกันในสิ่งที่เราตอบไม่ได้ ถ้าหากตอบว่าไม่รู้ก็เสียความเป็นพระพรหมหมด เสียพระเจ้าหมด ก็บอกว่าเธอกลับไปหาพระพุทธเจ้าเลย ท่านองค์นั้นรู้ ไปเลยเดี๋ยวนี้ คนนี้ก็เลยไม่รู้จากพระพรหมก็เลยต้องกลับมาหาพุทธเจ้า มาค้นหาว่าที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน ที่สุดของโลกก็อยู่ที่ “นิพพาน” อยู่ที่หยุดหมุนหยุดวน หยุด เราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด ก็ต้องดับให้เป็นหนึ่ง ศาสนาเทวนิยมเป็นอย่างนี้ มีแต่หนึ่งเขาไม่มีความรู้จักโค้งเลย ซื่่อตรงจริงๆ ก็เลยไม่รู้โลก ก็ควรจะต้องรู้ว่าทุกอย่างมันมีจบมันมีขั้นตอนมีส่วนเล็กส่วนใหญ่อะไรต่างๆนานา ตรงก็ดีเราก็รู้ตรง โค้งเราก็ต้องรู้โค้ง วนก็รู้วน ซ้ำซากอยู่ที่เก่าหรือขยับลงขยับขึ้น วนแต่ต่ำลงๆ เป็นก้นหอย ขยายลงต่ำไปเรื่อยๆ บานไปกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆหรือว่า วงลงแล้วเล็กลงๆ สูงขึ้นจนกระทั่งรู้ที่จบสิ้น เป็นปลายสุดของก้นหอย วนจากซ้ายไปขวาๆ คนไม่รู้ก็จะวนอยู่ที่เก่า บาปแล้วก็บุญแล้วก็บาป อยู่ในระดับเดิม วนเวียนแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองบาปหนาขึ้น บุญไม่มีเลย จิตวิทยาคือการศึกษาจิต ทางโลกเขาก็ศึกษากันเป็นวิชาไซโคโลจี้ จิตวิทยาหรือไซโคโลจี้ มันมีช่วงที่คนเขาเข้าใจว่ามีเล่ห์แฝง เช่นว่าอันนี้ใช้ไซโค มันเป็นความฉลาดแกมโกง ภาษาบาลีคือ เฉโกหรือเฉกตา อาตมาพยายามขยายความคำว่า เฉโก กับปัญญา โลกีย์มีแต่ฉลาดเฉโก แม้แต่พระศาสดาก้นเวียนอยู่ในโลกีย์ ต้องฟังธรรมจากสัตบุรุษให้เกิดอัญญธาตุ เป็นธาตุอื่นจากที่มันเป็นอยู่ จากนั้นก็จะเกิดเป็นปัญญาขยายผลสูงสุดไปเป็นพระอรหันต์ ความรู้ของเทวนิยมไม่มีหรอกปัญญา มีแต่เฉโก แต่เขาเอาภาษานี้ไปใช้ปู้ยี่ปู้ยำเขาไม่ใช้คำว่าเฉโก มันเป็นความฉลาดของเขา เขาก็ว่าเขามีปัญญา แต่มันไม่เป็นปัญญามันได้แต่พยัญชนะคำว่าปัญญา คำว่าปัญญาก็เลยเสียหายเละเทะเพราะคนขี้โกงพวกนี้ เอาพรรษาเขาทำให้เสียหมด ที่อธิบายไปนี้ไม่ง่ายเลย พยายามเขียนเรื่องปัญญา 8 ให้เป็นหนังสือหนึ่งเล่มได้ เป็นของที่ไม่ใช่จะรู้ด้วยตัวเอง มีพระพุทธเจ้ากับ สยังอภิญญาขึ้นไปเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งด้วยตัวเอง คุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองเพื่อคนเป็นสัตบุรุษ สยังอภิญญาขึ้นไป หากคุณไม่ได้ฟังธรรมที่สัมมาทิฏฐิ หรือผู้อยู่ในฐานะครูที่สัมมาทิฏฐิไม่ว่าตัวเองจะไม่บรรลุแต่มีสัมมาทิฏฐิก็จะได้ปัญญาตรง เหมือนอย่างกับพระโปฐิละได้แต่ภาษา สอนคนอื่นให้บรรลุตั้งมากมายแต่ตัวเองไม่ได้บรรลุ สุดท้ายต้องให้เณรที่เป็นอรหันต์สอน เณรพาปฏิบัติให้เดินลงน้ำไป สรุปแล้วจิตวิทยาคือความรู้ทางจิตของพระพุทธเจ้าเป็นความรู้ทางจิตที่สุดยอด การพัฒนาสัญชาตญาณของชีวิตจนกว่าจะหมดชีวิต _เดชา อำพร : ถ้าเราไม่เคยเกิดเป็นนกกระจาบ แต่เผอิญจับพลัดจับผลูได้ไปเกิดเป็นนกกระจาบ ถามว่าเราไม่มีสัญญาในอดีตชาติเป็นนกกระจาบมาก่อนเลย แล้วเราจะถักรังนกกระจาบอันสลับซับซ้อนเป็นหรือไม่? พ่อครูว่า…มันไม่เคยรู้มาก่อนจะได้อย่างไร คนจะมาเกิดเป็นนกกระจาบ จนกระทั่งค่อยๆมีสัญชาติของนกกระจาบ ก็เป็นอะไรมาก่อนจนมาสัมพันธ์ อาจจะชอบใจว่านกกระจาบสร้างรังสวยมาเป็นนกกระจาบเถิด แต่ก่อนอาจจะเป็นนกกระจุก ต่อมาก็ศรัทธาในการสร้างรังนกกระจาบ เราก็ไม่รู้ได้อาจจะเป็นได้เพราะว่าเซลล์นี้อาจจะใเป็นได้ว่าชอบนกกระจาบ เห็นว่านกกระจาบเก่งสร้างรังดี มันก็ตั้งจิตมา ค่อยๆสั่งสมสัญชาตญาณ จนกระทั่ง ถ้าเป็นสัญชาตญาณที่ดีพอ มันเกิดมามีพร้อมตัวเองมันจะรู้ เหมือนสัญชาตญาณของสัตว์แต่ละอย่างมันก็จะรู้คลอดออกมามันก็จะออกมากินนมออกมาเข้ากระเป๋า มันคลอดที่อื่นแต่ก็เดินหากระเป๋าเจอกระเป๋าจิงโจ้ มันจะมีสัญชาตญาณที่จะเป็นเช่นนั้น เกิดมาก็มีสัญชาตญาณนั้นแล้ว ตั้งแต่แบบสัตว์เดรัจฉาน หรือแม้แต่เซลล์ที่เป็นเซลล์พืช มันก็มีสัญญา สัญชาติของมัน เซลล์ที่เป็นชีวะเกิดมาอย่างนี้ดอกเหลืองไม่หยุดมันก็ออกมาทำงาน มันก็จะสร้างแบบของมัน บักหุ่งมันก็จะเป็นสัญชาติของมัน เพราะว่าพืชมันมีสัญญากับสังขารมันไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ มันจำได้ แล้วก็ปรุงแต่ง ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ อันนี้แหละ การศึกษาธาตุจิตธาตุรู้ ธาตุรู้ในขณะที่พืชมันยังไม่มีเวทนาเรียกว่าเป็นพีชนิยาม เป็นชีวะนะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรามีหมดจึงอาศัยสภาพอย่างพืชมาใช้ในธาตุจิต สร้างธาตุจิตให้เป็นพืชก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีบาปไม่ทำบาป บาปหมดแล้วไม่ต้องทำบุญไม่มีบุญไม่มีบาป ปุญญปาปปริกขีโณ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีชั่วมีแต่ดี นัยละเอียดเหล่านี้ เป็นจิตวิทยาพระพุทธเจ้าที่เยี่ยมยอดในคนสูงสุด เพราะฉะนั้นไปคิดว่าน่าจะศึกษาดูก็มาศึกษาทดลองแล้วจะรู้ความจริงในตัวเองไม่ต้องไปยกตนข่มท่าน แต่มันจะรู้เอง อ่อเรารู้อย่างที่เขารู้เทวนิยมเราก็รู้เขา แต่นี่แม้แต่เทวดานิยมที่นิรันดรก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่ จิตวิญญาณไม่ได้นิรันดร แล้วจะมีใครเป็นนายของจิตวิญญาณด้วย มีนายใหญ่ที่สุดเรียกว่าพระเจ้า ไม่ใช่ เพราะว่าจิตของเราเป็นของเราเองเราสามารถบงการจิตเราเอง จะทำดีไม่ดี เรามีสิทธิ์ทุกอย่าง จนกระทั่งสุดท้ายเราจะตายเอง ไม่มีใครที่จะทำให้เรานิรันดรอยู่ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงตัดสินใจได้ว่าจิตไม่มีนิรันดร จิตเป็นศูนย์ได้ แยกธาตุเป็นอุตุธาตุกระจายเป็นดินน้ำไฟลมเลยได้ นี่คือความรู้ของพุทธเจ้าทำลายนิรันดรทำลายอัตภาพอัตตา กลายเป็นอนัตตาได้ จริงๆ รักหรือชังต้องผูกพันจึงเกิดได้ _สุทัศน์ สุภาภัทรานนท์ : คนเราพบกันไม่ใช่บังเอิญ ต้องมีความผูกพันเคยพบเจอกัน พ่อครูว่า…พูดมาคงแสดงความเห็นไม่ได้ถาม ถามมาก็ใช่ แค่เคยพบกันครั้งแรกก็ได้ ยังไม่ได้เกิดปฏิกิริยา ถ้ามีปฏิกิริยาแรง 1สายราคะแรง พบกันครั้งหนึ่ง ราคะแรงแล้วก็จะมาต่อไปได้ โทสะแรงก็มาต่อไปได้ แต่ถ้าไม่แรงก็นานๆมาต่อ ถ้าไม่ได้แรงเลยไม่ได้มีอำนาจดูดของราคะ โทสะ ที่เป็นเหตุอะไรกระทบกันแล้วก็ห่างหายกันไปตามวิบากของใครของมันไปตามประสา เหมือนกันกับวัตถุ มันเป็นคนละเรื่อง ไม่มีพลังงานแม่เหล็กแรงไฟฟ้าอะไรทำงานอะไร กระทบกันแล้ว พลังงานแม่เหล็กก็ไม่มี ทำปฏิกิริยาอะไรก็ไม่ทำ ก็ต่างคนต่างไปไม่มีอะไรต่อติดกันเลย จนกว่ามันจะมีธาตุอะไรที่สามารถผลักหรือดูดกัน ถ้ามันผลักและดูดกันก็เกิดปฏิกิริยา ถ้ามีอีกเพิ่มขึ้นมากขึ้นก็จะหนัก หรือมีในตัวมันเองก็แรงในตัวมันเองก็แรงนี้มันก็เป็นพลังงานที่แม้แต่เป็นวัตถุก็มีพลังงานบวกหรือลบ อย่างใดอย่างหนึ่งแยกเป็นสองเท่านั้น ก็จะมีพลังงานบวกลบ แรกๆก็เป็นอันเดียวกันมาเจอกันก่อนเสร็จแล้วพอทะเลาะกันไปทะเลาะกันมารักกันไปรักกันมาทะเลาะกันไปทะเลาะกันมารักกันไปรักกันมา จนกระทั่งมันจะมีปฏิภาณ ทะเลาะกันก็ไม่ดี รักกันก็ไม่ดี แต่กว่าจะรู้ได้ว่ารักกันก็ไม่ดี ทะเลาะกันก็ไม่ดี ต้องมีความรู้จากผู้มาบอก ถ้าไม่มีผู้มาบอก ไม่มีพระพุทธเจ้าหรือผู้มีสัมมาทิฐิจากพระพุทธเจ้ามาบอก คุณจะรักกัน ทะเลาะกันไปอีกนานมากเลย ตามวิบาก มันรู้แล้วว่าต้องเลิกอันใดอันหนึ่ง แล้วทะเลาะกับรักอันเดียวกัน ผลักหรือดูดอันเดียวกัน ก็เลิกกันเถอะหนึ่งถ้าทะเลาะกันมีแต่ทำร้าย แต่รักกันมีแต่มีการสร้างสรรค์อยู่ การทะเลาะกันต้องเลิกก่อน เหลือรัก รัก จึงเป็นเรื่องของมนุษยชาติ นายมงคล หรือเด็กชายมงคลต้องมาชื่อ รัก เพราะว่ามงคลเป็นสิ่งที่นำพาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดก็เลยมาชื่อ รัก ด้วยประการฉะนี้ _1614 : ติโลกะนาถัง อภิปูชะยามิ ขอความหมายด้วย พ่อครูว่า…คือการบูชาผู้ที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ยิ่งใหญ่คือผู้ที่เป็นที่พึ่งของสามโลก ผู้ที่เป็นที่พึ่งของสามโลกคือใครรู้ไหม …พระพุทธเจ้าที่รู้จักโลกทั้ง 3 คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก แล้วให้เลิกวนในสามโลก แล้วก็หมดรสชาติ กลางๆเฉยๆ รู้ความจริงตามความเป็นจริง เป็นคำบูชายกย่องพระพุทธเจ้าที่รู้จักโลกทั้ง 3 สรุปว่าอาตมาพัฒนาอัตภาพมา จนให้ได้สูงสุด เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ได้ก็ไปต่อ ไปในขั้นที่อาตมาตอนนี้สอบได้เป็น นิยตโพธิสัตว์ สอบเข้ามหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าได้แล้ว ตั้งแต่ชั้นประถมมัธยม ตอนนี้ขึ้นอุดมศึกษา เป็นโรงเรียนอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยพุทธเจ้า ขั้น 7 ขั้นต้น ขั้น 8 ในขั้นสูง จบขั้น 8 นี้ก็จบเลยเป็นผู้รับปริญญาสัมมาสัมพุทธะเลย ก็ยังรู้สึกว่ายังจะไปต่อไม่ท้อแท้ สมณะฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin25 พฤศจิกายน 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:631123_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 18NextNext post:631127_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ บุคคล 7 จำพวก ในหมู่นักปฏิบัติธรรมRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024