631107_เทศน์ทำวัตรเช้า มหาปวารณา ครั้งที่ 38 สู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ ตอน 3
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/10X-BtlNl6fNa7PzqtNNP_RbTfYFiVNieW_RPDBdJucY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่
ยูทูปที่
พ่อครูว่า…วันนี้วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
อาตมาซาบซึ้งกับศิลปะ ที่เขาทำกันมันโง่ได้ที่เลย มันเป็นศิลปะเปรอะ ศิลโป๊ะ มันห่างไกลกับศิลปะกันสุดขั้วโลกเลย ศิลปะที่เขาทำเขายึดถือกันด้วยความอิสระ ต้องการแสดงอะไรออกมาตามใจกูได้นี่แหละคือศิลปะ สุดยอด สุดยอดแห่งความหลงเลอะเทอะ
วันนี้ครบรอบการบวช 50 ปีของสมณะโพธิรักษ์ มาเป็นสมณะ เลิกเป็นฆราวาสมา 50 ปีทำงานมา 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 7 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 เดือนสุดท้ายของปี ขึ้นต้นปีนักษัตรปีชวด
อาราธนาเข้าสู่ปีทองคำแพงด้วย 86 ปี 5 เดือน 2 วัน อาตมา เกิดมาได้ 86 ปี 5 เดือน 2 วัน รวมเป็นเลข 7 อีกอะไรกันนักกันหนา ทำงานมาถึงวันนี้ก็ยังรื่นเริงในงาน รื่นเริงในสิ่งที่เราได้ทำ เราได้มี รีโวลูชั่น ในปฏิวัติศาสนามาได้ 50 ปี เราได้ปฏิรูปเราได้ Reform ในศาสนา 50 ปี เราได้ ศาสนาประหาร (ฝรั่งเศส: coup d’état กูเดตา) ยึดอำนาจแห่งความเป็นจริงยึดอำนาจแห่งความเป็นสัจจะ จากศาสนาที่คณะที่เขายึดเอาไปครองเสียนาน 2,500 กว่าปี ก็ต้องมายึดอำนาจเลย ได้มาได้ เสร็จแล้วก็เลยมาเป็นกลุ่มคนที่ มาชัดเจนมาเห็นจริงในสิ่งที่เราเข้าใจเราเชื่อถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อย่างนี้เป็นของจริง อย่างนี้เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า แล้วเราก็ได้ดำเนินตามมาที่เราเชื่อมั่นเชื่อถือเชื่อมั่นว่าต้องอันนี้เอาชีวิตมาเป็นอันนี้
แล้วพวกเราแต่ละคนมาเอาชีวิตมาพิสูจน์กันจริงๆจนกระทั่งได้มรรคผลได้สาระสัจจะจากที่ทฤษฎีหลักการของพระพุทธเจ้า เกิดวรรณะ 9 อันปรากฏจริงมาเป็นคนสบายเลี้ยงง่าย สุภระ เป็นคนที่พาให้เจริญได้ง่าย สุโปสะ เป็นคนมากล้าจน มามักน้อยกล้าจน เป็นคนใจพอ เป็นคนมาขัดเกลาสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าควรขัดเกลาอะไรในการเป็นคน ขัดเกลาทางกายที่มีอะไรที่น่าขัดเกลาบกพร่อง มันไม่สวยงามไม่สะอาดหมดจด มันมีความเลอะเทอะเป็นตัวกิเลส หรือแม้แต่ความไม่สุภาพไม่ดูดีในสมมุติสัจจะก็ตาม ก็เอาชีวิตมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ไม่เข้าใจแต่ก่อนก็เอาเข้าใจให้ดี จนกระทั่งกลายเป็นคนใหม่ มี ธูตะ มีศีลที่ปฏิบัติได้ตามลำดับ เคร่งขึ้น ผู้ที่ปฏิบัติศีลได้บรรลุได้มรรคผล ยิ่งเคร่งขึ้นก็ยิ่งสบาย ยิ่งเบายิ่งไม่เคร่งเลย ยิ่งเป็นอัตโนมัติ เป็นธรรมดาธรรมชาติ
ศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์เป็นปกติ เห็นสัตว์ก็เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย เมตตาเกื้อกูลเอ็นดูช่วยเหลือกันไป ไม่ว่าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่โดยเฉพาะสัตว์คน แม้เขาจะชั่วเขาจะเลวอย่างไร เป็นศัตรูกับเราด้วยซ้ำไปเราก็ช่วยเหลือเกื้อกูลไป อย่างนี้เป็นต้น
ศีลข้อ 2 ของในโลกนี้ก็ช่วยกันสร้างขึ้นมาอะไรเป็นปัจจัยสำคัญก็สร้างกันมาแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ สบาย ไม่ต้องไปแย่งชิง ไม่ต้องไปโกง ไม่ต้องไปทุจริตเอามา พึ่งพาตัวเองรอด มีฝีมือความสามารถขยันหมั่นเพียรสร้างสรรขึ้นมา ใครมีความถนัดใครมีความรู้ความสามารถอะไรที่ควรจะทำก็ทำเต็มแรงเต็มที่ เสร็จแล้วก็มาเกิดผลผลิตเกิดแรงงาน สร้างสิ่งที่ได้กินได้ใช้ได้อาศัย ได้เป็นประโยชน์อยู่ในโลกในสังคมมนุษยชาติไป
เราเข้าใจถึงขั้น ธูตะ มีศีล มีหลักเกณฑ์ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา ประพฤติตนไปก็มีอาการน่าเลื่อมใสไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ดูงามดูสวยไปหมด มีกายกรรมเมตตา วจีกรรมเมตตา มโนกรรมเมตตา จนกระทั่งอยู่เป็นมวลหมู่หนึ่งเดียวกันเลยเป็น เอกีภาวะ สาธารณโภคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรัพย์สินศฤงคารข้าวของอะไรที่ควรจะพึ่งใช้สอยเป็นหนึ่งเดียวกันหมด ข้าวของเป็นหนึ่งเดียวกัน มีชีวิตอยู่ก็เพื่ออาศัยใช้สอยเป็นสิ่งประกอบเป็นทรัพย์สินเงินทองข้าวของอะไรก็แล้วแต่ ก็เพื่อจะใช้สอยไปในชีวิต ตายแล้วก็จากไป แม้จะมีหลักฐานนิตินัยจดไว้เป็นของตัวเอง ตายไปแล้วก็ไม่ได้เอาไปได้หรอก มีนิตินัยเป็นของตนเองอย่างไรระบุไว้ เป็นนิตินัยเป็นของคนนี้มหาศาลเลย มีเงินเป็นถุงเป็นถังมีทองเป็นลัง มีตะกั่วเป็นกองๆ อะไรก็แล้วแต่ของฉันๆ มีดินมีอากาศมีลมมีน้ำมีไฟเป็นของตัวเองมากขนาดไหนก็ช่าง ตายแล้วไม่เห็นเอาอะไรไปได้สักอย่าง ของกูของกู ของเอ็ง แล้วเอ็งตายจากไปก็เป็นของคนอื่น ไม่มีใครไม่ตายจากไปสักคนก็บอกว่าของกูของกู ตายจากทิ้งไปแล้วไม่เห็นว่าเป็นของกูได้เลย สะสมแค่ไหนก็ยึดมั่นว่าเป็นของกูของกูแค่นั้น
ความเข้าใจของคนแค่ว่า ไม่ยึดเป็นตัวกูของกูไปก็สบายบางเบา โล่ง อยู่ในนี้มีหมู่คนที่มาเข้าใจอย่างนี้ จึงเข้ามายึดว่าเป็นของเรา ชาวอโศกเราเป็นชุมชนมันก็สบายดี ต่างคนก็ต่างขยัน ทำตนให้เป็นคนดีคนประเสริฐ อย่าขี้เกียจ อย่ามีอวรรณะ 6 (พตปฎ. เล่ม1 ข้อ 20) ตรงข้ามกับ วรรณะ 9
-
เลี้ยงยาก (ทุพภระ) อยู่ยากนอนยากเลี้ยงยากไปยากมายากอะไรก็ยากไปหมด
-
บำรุงยาก (ทุปโปสะ) ทำให้เจริญได้ยาก จะทำให้เจริญยากที่อาตมาเห็นอยู่ก็คือเถรสมาคมที่มิจฉาทิฏฐิไปนั่งหลับตา เป็นความหูตึง ได้ยินไม่ได้ยินก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จัก โง่กำลัง 9 พูดอย่างไรยกตัวอย่างอ้างอิงของพระพุทธเจ้าอย่างไร ว่าหลับตาเป็นของนอกรีต ของพระพุทธเจ้ามีแต่ลืมตา แม้แต่จะลืมตาท่านยังให้ทำจิตให้สว่างตื่น ชาคริยา ทางกาย วจี มโน ให้มีความเป็นอธิปไตยในตัวเอง สติคืออธิปไตย เอามาใช้อย่าให้มันหรี่ อย่าให้มันฟุ้งซ่านให้มันเป็น เอกธรรม ใช้ให้เต็ม เมื่อสติเต็มปัญญาเราจะเต็ม สัญญาที่เราได้ฝึกมาดีแล้วบำรุงมาดีแล้ว ก็จะอยู่เหนือโลกอย่างสบาย โลกเขาทุกข์ร้อน ลำบากลำบนเราก็จะช่วยเขาเต็มที่ เพราะเราไม่ต้องมีภาระ เราไม่ต้องมีอะไรที่จะเป็นเรื่องถ่วงตัวเราเอง ทุกคนมีอิสระทุกคนมีกำลังวังชาเต็ม ทุกคนมีจิตใจเมตตาเต็ม ช่วยเหลือเขา พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ชีวิตนี้มีค่า มีประโยชน์ สุดยอด ให้เป็นคนเช่นนั้น
ส่งเสริมให้คนเจริญได้ง่ายไม่ ทุโปสะ แค่จะบอกว่าให้เลิกนั่งหลับตานี้ก็ยากมากเลย ทำไมมันฟังไม่เป็น ทำไมโง่ดักดาน นี่คือพวกอวรรณะ
-
มักมาก (มหัปปิจฉะ) ไปมักมากทำไม มามักน้อยเบาสบายว่างโล่งเบาตัวไม่ต้องมีอะไรเป็นของตัวของตนเลย ไปมักมาก ไม่รู้จักพอ
-
ไม่รู้จักพอ (อสันตุฏฐิ) เป็นพวกนี้ อวรรณัง อวรรณะ ทุภระ ทุโปสะ อมหัปปิจฉะ อสันตุฏฐิ ตบท้ายด้วย โกสัชชะ สังคณิกา
-
เกียจคร้าน (โกสัชชะ) ความเกียจคร้านนี้กินลึกมากเลย อาตมาเอง ยังรู้สึกตัวเอง เอ๊.. เรายังรู้สึกบางครั้ง เราขี้เกียจเหรอ เราก็ว่าเราไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่ยังรู้สึกสะดุดตัวเองบางงานบางเหตุปัจจัยที่เราทำเหมือนคนขี้เกียจ ทำไมเราไม่พยายามทำ เราเสียเวลาหยุด หรือไปเวลาพลาดโอกาสที่ควรจะเกิดประโยชน์ขึ้นมา ทำไม? ทุกวินาที ควรจะมีแต่สิ่งที่เราเจริญขึ้น ต้องมีเรี่ยวแรง มีสติสัมปชัญญะปัญญา นอนหลับ ก็ยังมีประโยชน์เลย นอนก็คุยกับเทวดาสนุก ได้เรื่องราวธรรมะสัจจะต่างๆเยอะ
-
คลุกคลีด้วยหมู่คณะ(คลุกเคล้ากับกองกิเลส) (สังคณิกา) เขาไปตาม Concept ของเขาว่ามันต้องอยู่คนเดียวอย่าไปอยู่กับหมู่ จะไปอยู่กับใคร เดินคนเดียวกินคนเดียวขี้คนเดียว
ความจริงแล้วมันก็ใช่ คำว่า สังคณิกะ คำว่าคณิกะ ก็แปลว่าหมู่คณะ ก็คืออย่าไปคลุกคลีด้วยหมู่คณะที่อวิชชา อย่าไปคลุกคลีกับหมู่คณะที่เป็นพาลชน อย่าไปคลุกคลีเกี่ยวข้องกับพาลชนมันต้องชัดเจนข้อที่ 1 เลย ของมงคล 38 คุณต้องรู้จักมงคล ข้อที่ 1 เลย คุณรู้จักมงคลไหม มงคลอยู่ที่ไหน…อยู่นี่ไง(ชื่ออาตมาเอง) ทำไมคุณรู้ดี อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อทิ้งไปแล้ว
อย่าไปคบพาลชนอย่าไปคลุกคลีพาลชนอย่าไปเกี่ยวข้องกับพาลชน นี่คืออสังคณิกะหรืออสังคณิกา เสร็จแล้วเขาไปๆเข้ากับสิ่งที่เขาชอบว่า อย่าไปคลุกคลีด้วยหมู่คณะ หมู่ใครก็ตาม หมู่คน เสร็จแล้วก็เข้าไปคลุกคลีกับหมู่สัตว์ สัตว์เดรัจฉาน กับพวกสัตว์พวกนี้คือพวกสัตตาวาส 9 พวกที่ยังไม่รู้เรื่องของความเป็นสัตว์ แล้วตัวเองก็ปรุงแต่ง สังขาร ทุกอย่างของตัวเองเป็นสัตว์ทั้ง 9 ชนิด โดยไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์เพราะไม่รู้ กาย ไม่รู้ 2 คือรูปนาม แล้วก็ไม่รู้จักสัญญาที่กำหนด กลายเป็นสัญญาวิปลาสเต็มหมด
สัญญาวิปลาส สิ่งที่เป็นทุกข์ก็กำหนดว่าเป็นสุข มันหลงสัญญาผิดหมด สิ่งที่ไม่เที่ยงก็ไปกำหนดว่าเที่ยง สิ่งที่ไม่มีตัวตนก็ไปกำหนดว่ามีตัวตน สิ่งที่ไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็นเลยก็ไปกำหนดว่ามี อย่างนี้คือสัญญาวิปลาสไปหมด
เพราะฉะนั้นก็เลยกลายเป็นสัตว์ 9 ชนิด
ชนิดที่ 5 โง่ถึงขั้นว่า อย่าใช้สัญญานะ ไปดับสัญญาเป็นอสัญญีสัตว์ ดับปี๋ สะกดจิตไม่ให้คิดนึกไม่มีเวทนาดับสัญญาดับเวทนา ไปแปลสัญญาเวทยิตนิโรธว่าไปดับไปหมดเลยทั้งสัญญาและเวทนา พาซื่อไป ที่จริงมันโง่ดักดานไม่ใช่แค่พาซื่อไม่รู้สีรู้สาเลย
ที่อาตมาบรรยายธรรมไปขนาดนี้มันแรงนะไปว่าคนมิจฉาทิฐิอย่างแรง
เพราะฉะนั้นคณะที่เป็นคณะดี เป็นคณะอริยบุคคล เป็นคณะชาวโลกุตระ เป็นชาวพุทธที่แท้จริง อันนี้สิ ควรจะคบหาอย่างยิ่ง ควรมาคลุกคลีเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง มาคบมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี เสร็จแล้วชาวพวกนี้ก็จะพาคนที่มาคบหาด้วยมีศีล ใครมาคบกับพวกเราพวกเราพาให้มีศีลทั้งนั้น อย่างน้อยมาอยู่ที่นี่ก็อย่ากินเนื้อสัตว์นะ เขาไม่มีอบายมุขนะ อย่างน้อยก็ถือศีล 5 นะ จะพามีศีลแล้วก็สอนการมีศีล การมีศีลไม่ใช่แค่ท่อง มะยังภันเตวิสุงวิสุงรักขะนัตถายะ ติสสะระเนนะสะหะปัญจะสีลานิยาจามะ นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโต ปาณาติปาตาเวระมะนอย(มณี) เขาออกเสียงนอยนะ ต้องออกเสียงขึ้นจมูกด้วยนะ อาตมาบวชทางธรรมยุตและมหานิกายนะเป็นหมด อัดไว้แน่นเลยเอามาอยู่กับอโศกหมด
เราเกิดคนที่มีวรรณะ 9 อาตมาว่าจบ เป็นคนเลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มักน้อยได้ ตามฐานานุรูปของแต่ละบุคคลชัดเจน ใครยังจนไม่ลงก็เรื่องของเขา ใครที่ยังจนไม่ลงก็แล้วไป ใครที่จนได้ก็จน คนบางคนชัดเจนแต่มันยังสู้กิเลสไม่ได้ คนไหนชัดเจนแล้วก็สละออก เผื่อแผ่เจือจานคนอื่นไปแล้วเอาตัวกับหัวใจมาแล้วเป็นมวลเป็นหนึ่งเดียวกัน ปฏิบัติธรรม ให้เป็นคนสันโดษเป็นอาริยะ มีศีลเป็นอาริยะ มีสำรวมอินทรีย์เป็นอริยะ มีสติสัมปชัญญะเป็นอาริยะ มีสันโดษเป็นอาริยะ ในสามัญผลสูตร พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ชัด
4 อย่างนี้ ขยายความก็ได้หมดทั้งศาสนานั่นแหละ สรุปแล้วเราก็ได้ความเป็นอาริยะ จากศีล จากสำรวมอินทรีย์ จากสติสัมปชัญญะและจากความเป็นสันโดษ ได้เป็นอาริยะ จริงๆ
เราจึงมีชีวิตอยู่อย่างสาราณียธรรม 6 ได้ ได้จริงๆ ไม่ใช่พูดแต่ปากเปล่า ไม่ใช่เอาพยัญชนะมาพูด โก้ๆ แต่มีความเป็นจริงของมนุษยชาติมาประพฤติกันได้จริงๆ ถึงขั้นสาธารณโภคี ถึงขั้นเป็นส่วนกลาง
อาตมาว่า สุดยอด สุดยอดแห่งทองคำ ทองคำถือว่าเป็นของแพงที่สุด ในบรรดาวัตถุโลหะ เสร็จแล้ว เราก็มารวมตัวกันเป็นอยู่ เป็นอยู่แล้วก็อยู่กันอย่างผู้ แต่ก่อนอาตมาว่าเราเป็นผู้แพ้ๆ แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ชนะ เพราะเรามาอยู่กันอย่างเป็นคนจน คนจนโลกุตระ เสร็จแล้วเราก็มาอยู่อย่างผู้ชนะ ชนะอะไร ชนะโลก ชนะอัตตา ชนะสังคมต่างๆ
พวกเราชนะสังคมคนอเมริกัน สังคมประเทศของคิมจองอึน ยกตัวอย่าง ชนะ
ชนะอย่างไร ชนะคือพวกเรามีชีวิตอยู่อย่าง พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นชีวิตที่อยู่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติสร้างความสุขให้แก่มวลมนุษยชาติ รับใช้โลก โลกานุกัมปายะ อนุเคราะห์โลกเกื้อกูลโลก อยู่สบายไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์อะไร
ไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์เขาจะไปแย่งชิงอะไรแย่งชิงอำนาจ อำนาจทางการเมือง อำนาจทางการมีทรัพย์สินเงินทอง อำนาจทางการเมือง ยศศักดิ์ยิ่งใหญ่ ตอนนี้อเมริกากำลังแย่งอำนาจอยู่ คนจะแพ้ก็ไม่ยอมแพ้ พวกสันตานะเดียวกัน สันตานะ ต้องพูดให้ชัดเจนให้เพราะ สันตานะ คนไทยก็มีสันตานะแบบแพ้ไม่เป็น เดี๋ยวนี้ก็ยังมีเลย บอกว่าผมสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ทำไมโง่ขนาดนั้น เรียนหนังสือมาจบจนเป็นด็อกเตอร์สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นแล้วจบด็อกเตอร์ได้อย่างไร เห็นไหม บอกตัวเองว่าตัวเองโง่ดักดาน เรียนหนังสือจบด็อกเตอร์มาแต่บอกว่าตัวเองสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น แย่กว่านาย(ดช.)ธัมมะ ธัมโม
พวกเรามาเป็นคนจน จริงๆเรามาเป็นคนชนะ โลกนี้แพ้พวกเรา พวกเราเป็นคนจนโลกุตระ ชนะโลก เพราะฉะนั้น “ทองคำแพงแท้แพ้แรงคนจนโลกุตระ” ที่เป็นโศลกของเรา เข้าใจยากมากเลย ซับซ้อนมากเลยโศลกปีนี้
ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ
คำว่า ติ่ง คำว่าโลกุตระก็มึนแล้ว แล้วยังมีคำว่าทองคำแพงแท้ด้วยนะ แล้วมาแพ้แรงคนจน คนจนผู้ยิ่งใหญ่เหนือชั้น ชนะ คนจนจะไปชนะคนรวยเขาได้อย่างไร
คนรวยนั่นมีทุกข์เยอะ คนจนนั้นมันไม่ทุกข์อะไรมากหรอก จนอย่างไม่มีสมบัติเลยใครจะมาปล้นเอาอะไร
ใครเคยได้ยินนิทานที่เขามาปล้นคนจนไหม ปล้นเสร็จแล้วไม่มีอะไรจะให้เอาไปเลย จนต้องเอาอะไรของตนเองให้…ไว้ ทำไมเอ็งถึงจนขนาดนี้
เห็นว่าเขาไม่มีอะไรใช้สอยก็เลยควักของตัวเองให้ ได้ยินนิทานนี้ไหม ไปปล้นบ้านนี้นึกว่ารวย เพราะพวกนี้ขี่รถเบนซ์ แต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู ขี่รถเบนซ์อยู่ข้างนอกโอ้โห แต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู ไม่มีอะไรจะกินเลย พ่อโจรไปปล้นบ้านนี้นึกว่าคนคนรวยขี่รถเบนซ์ แต่เข้าไปในบ้านเจอแต่ใบทวงหนี้ ก็มันเบ่งอย่างนั้น ชีวิตอย่างนี้ไม่มีหนี้ได้อย่างไรออกมาจากบ้านทำเป็นเต๊ะขี่รถเบนซ์ โจรไปปล้นบ้านนึกว่าจะเจอธนบัตรเจอแต่ใบทวงหนี้ โจรก็เลยถอดนาฬิกาให้เอาให้ไปใช้หนี้น่าสังเวชใจ นิทานเรื่องนี้ เขียนเป็นนวนิยายเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวก็ได้ สร้างพล็อตเรื่องเขียนนิยาย สนุกนะ
จบแล้วถึงเห็นว่าโอ้โห คนจนขี่รถเบนซ์อยู่ข้างนอกแต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู เสร็จแล้วมีแต่ใบทวงหนี้กระดาษมาทุกวัน แล้วชีวิตมันจะอยู่อย่างไร เพราะคนเขาไม่รู้ ถ้าคนที่มาจน จนกระทั่ง 0 เป็น 0 สำเร็จทั้งโลกและอัตตา แล้วมีชีวิตอยู่เป็นหมู่ชนเป็นคณะ เป็นคณะอาริยชน เป็นคณะคนโลกุตระสบายเลยทุกคนไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์ ไม่ต้องยึดถือเป็นตัวกูของกูสบายอยู่กันอย่างวันต่อวันๆ ทำงานไปยิ้มแย้มสบายตื่นเช้ามาเจอกัน Hello Good Morning ต่างคนต่างเห็นหน้ากันแจ่มใสสบายสดชื่น เอามาช่วยกัน ใครมี Schedule อะไร ทำอะไรก่อนทำอะไรหลังดี ช่วยกันไป สบายอุดมสมบูรณ์
อุดมสมบูรณ์ไม่ต้องสะสม ถ้าสมมุติว่าแผ่นดินของเรามันมีทองมีแร่ทองคำอยู่ในนี้ แร่ทองคำก็สะสมทองคำต่อไป มันมีแร่ดีบุกก็สะสมความเป็นดีบุกต่อไป แม้แต่ดินน้ำไฟลมก็อยู่กันอย่างอิสระของมันสร้างตัวเองพัฒนาตัวเองโดยธรรมชาติ แล้วพืชพันธุ์ธัญญาหารมันก็ทำความเจริญของมันเอง ถึงบอกว่าวันนี้ชัดเจน ต้นไม้ต้นไร่ทำไมที่นี่ถึงงาม ต้นใหญ่ต้นอวบต้นสูงเนื้อดีดอกสวยใบสวย มันเหมือนแกล้งสวยให้เราดู แกล้งงอกงามให้เราดู เดินไปทางไหนก็มี มีแต่บักหุ่ง ไปทางไหนก็รุ่งเรืองไปหมด เต็มไปหมดเยอะเหลือเกิน มันเป็นเหมือนนิมิตเหมือนสัญญาณ เหมือนมันบอกเราว่านี่เป็นแดนคนอุดมสมบูรณ์ นี่ถ้าเผื่อไปข้างนอกต้องไปหาซื้อ จะได้ดอกไม้เหลือง ดอกไม้แดง ดอกไม้ขาว ดอกไม้น้ำเงิน ที่มาประดับตกแต่งต้องไปเดินหาซื้อหลายตลาด กว่าจะได้มาพอสมควรมาทำเป็นประดับ ดอกเป็นสีธงชาติปูอยู่ทามกลางสีเหลืองอร่าม ประดับ ไม่ต้องซื้อมาหลายตลาด แต่ที่นี่ได้ครบเลย อยากได้สีธงชาติอยากได้สีเหลืองไม่ต้องไปหาซื้อตามร้านขายสีเลย เอาสีธรรมชาติมาทำ สวยสดงดงาม อย่างนี้เป็นต้น
อาตมาอธิบายอย่างนี้รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่แล้ว ชีวิตพวกเรานี้ มันเป็นชีวิตที่สดใหม่อาศัยกันและกันอาศัยดินอาศัยน้ำอาศัยลมอาศัยไฟอาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ส่วนพวกนกหนูปูปีกก็ร้องสดชื่นอิสระอยู่ในนี้ อีกหน่อยสัตว์ต่างๆจะมากัน เพราะที่นี่ปลอดภัย นกกระจาบยังมาทำรังอยู่เยอะเลย มันไม่ไปที่อื่น มันมีสัญชาตญาณรู้ว่าอยู่ที่นี่มันปลอดภัย มันไม่อยู่ที่ไม่ปลอดภัยหรือสกปรก เดี๋ยวเถอะ นกอินทรีย์หนีจากอเมริกามาอยู่ที่นี่หมด นกหวีดจะหนีจากสุเทพ เทือกสุบรรณ มาอยู่ที่นี่หมดเลย อัตมาเทศน์แบบนักประพันธ์นักผูกเรื่อง นักเล่านิทาน รับรอง JK rowling ตกกระป๋องเลย
JK rowling เขียนเรื่องเดียวรวยเละเลย รวยมหาศาล ตอนนี้ยังนอนกินเงินเลย อาตมานี่อยากเป็นนักประพันธ์ เขียน แต่มันไปไม่ได้ โลกีย์เขาปิดทางไป ให้มาทางธรรม จะไปอะไรก็ไม่ได้ จะไปเป็นศิลปินใหญ่ ศิลปินทางไหนก็แล้วแต่ ร้อง แสดง แต่ง เพลง เรื่อง วาด พากย์ ถ่าย สมัยโน้นอยากเป็นนักพากย์ชื่อดัง ไม่ได้เป็นสักอย่าง ได้มาเป็นนี่ล่ะ นักพูดปากจัด ว่าเขาไปหมด
อาตมานี่ถ้าพูดไม่เก่งนี่ไม่รอดนะ ที่อยู่รอดนี้เพราะว่าพูดเก่ง ด่าเขาแล้วเขาไม่มาฆ่า ด่าเขาทุกวัน ด่าชาวธรรมะไม่พอไปด่านักการเมืองเขาอีก ยังไม่พอยังด่านักเศรษฐศาสตร์อีก ด่าไปถึงต่างประเทศ ด่าแล้วเขาไม่ค่อยเอาเรื่องกะเรา หรือบางทีเขาไม่ค่อยรู้ตัวว่าโพธิรักษ์ด่าหรือ เขาไม่รู้ตัวหรอกทั้งๆที่ด่าหนานะ สายฟ้าในวาทะ ขวานจักตอกไม่แตก ก็สารพัดไม่ว่าจะด้านหยาบด้านละเอียด ก็ทำไปทุกด้านทุกมุมทุกอย่าง จนกว่าเราจะหมดสิ่งที่ใครเขามาด่าเราไม่ได้ มันเป็นสัจจะความจริงใครก็มาด่าเราไม่ได้ อาตมานี้ใครจะมาด่าอาตมาไม่ได้ แต่คนโง่ก็ด่าเอาๆ พวกนั้นเขาก็ได้บาปไปมันเป็นอกุศลกรรม เขามาด่าคนที่ไม่สมควรด่า มาด่าพระอาริยะนรกก็มี 11 ขุม ตกมันทั้ง 11 ขุม มาตำหนิพระอาริยะ ตกนรก 11 ขุม ซึ่งสัจจะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ พวกเราจะเข้าใจสภาวะ
อาตมาทำงานมา 50 ปีแล้ว ถึงวันนี้ครบ 50 ปี วันนี้วันที่ 7 ที่จริงอาตมาเริ่มบวชวันที่ 7 พอมาถึงวันนี้ วันที่ 7 เป๊ะ ที่จริงครบรอบตั้งแต่วันที่ 6 แล้วครบรอบ พอขึ้นวันที่ 7 ก็เป็นอีกวันใหม่ของรอบที่เราบวช 50 ปีครึ่งศตวรรษแล้ว ตอนนี้ใครว่าแก่ไม่ว่ากัน ขอยอมแก่ เอ้า…ว่าไง ผู้เฒ่าโพธิรักษ์ ไม่ว่ากัน เปลี่ยนจากพ่อครู เป็นพ่อเฒ่าโพธิรักษ์ วันนี้ก็แล้วกัน…โยมว่าไม่เอา พ่อครูว่า…นี่แหละเป็นสิริมหามายา บอกว่าเป็นผู้เฒ่าอย่างไรท่าทางเหมือนกับเด็ก ควรจะได้สะดุดใจ บอกว่าพ่อท่านโพธิรักษ์ อายุเท่าไหร่แล้วทำไหมถถึงเรียกพ่อเฒ่า อีกหน่อยจะอายุ 80 90 100 ปี ก็จะอยู่อย่างนี้ พ่อเฒ่า
จริงๆนะถ้าเผื่อว่าอาตมารักษาพลังงานรักษาขันธ์ แล้วก็มีพลังงานแข็งแรงปราดเปรียวคล่องแคล่ว กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา แข็งแรงปราดเปรียวอยู่อย่างนี้ไป มันก็ไม่เกี่ยวกับสังขารเลย มันเป็นตัวเลขเท่านั้นที่เดินทาง สังขารไม่เกี่ยวตัวเลขเดินทางไป อายุเท่าไหร่แล้ว เดี๋ยวก็ 87 ปีอีก 6 เดือนกับ 28 วัน ก็เต็มอายุ 87 ปีแล้วก็จะขึ้น 88 ปีโอ้โห เลข 88 ปีเป็นเลขโพธิสัตว์ระดับ 8 ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ
งานที่อาตมาทำชาตินี้ภาคภูมิใจที่ทำงานนี้มาได้ 50 ปีแล้วเราก็ไม่เสียชาติเกิด เกิดมาชาตินี้มีประโยชน์ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) จนเกิดคนเป็นคนวรรณะ 9 มา เอาภาษาธรรมะพุทธเจ้ามาสื่อสภาวะ คำสอนของพระพุทธเจ้าสอนให้คนเป็นเช่นนี้
คนที่ยังไม่มี อวรรณะ 6 อยู่นี่ มันซวย แล้วเขาก็ไม่รู้ตัวว่าเขาซวย เป็นทุภระ ทุโปสะ อสันตุฏฐิ มหัปปิจฉะ โกสัชชะ สังคณิกา ซึ่งไม่ค่อยเอาธรรมะนี้มาพูดสักเท่าไหร่
คนที่เลี้ยงยากเพราะเป็นภาระของสังคม คนที่เป็นภาระสังคมอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นคุณธนินทร์ เป็นภาระของสังคมมาก เพราะว่าคนจะต้องหาดอกหาปันผลไปมอบให้แกอยู่เรื่อย บิลเกตส์ก็เหมือนกัน ก็จะต้องมีคนไปหาเงินปันผลให้แก แกเป็นเจ้าหนี้ทั้งนั้น คนก็ต้องส่งดอกให้แก แล้วแกก็เป็นเจ้าภาระเก็บดอก เก็บปันผล น่าสงสารจริงๆ คุณธนินท์เขาฟังแล้วจะว่า ใครต้องสงสารใครกันแน่ เขาจะมองว่าเราไม่มีเงิน ทำเป็นพูดเก๊กไป
เคยได้ยินไหมเรื่องคนสร้างบ้าน สร้างแล้วก็รื้อใหม่ทำแล้วทำอีก คนรับเหมาก็ได้ทั้งนั้นแหละ ทั้งรื้อและสร้างก็ได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายทนความจู้จี้จุกจิกของเขาไม่ไหว ก็มาบ่น ไม่ได้ดั่งใจ เห็นไหม อัตตาของคน นี่ก็หยิบขึ้นมา ขอโทษนะ ลูกสาวคนไหนก็ไม่รู้หรอก ฟังเรื่องราวของเขาเท่านั้นเอง เอามาเล่า
คนเลี้ยงยากต้องเข้าใจให้ชัดเลยว่าหมายถึงอะไร อย่างคุณธนินท์ อย่างบิลเกตส์ คนจะต้องส่งดอกให้เขาตลอดเวลา เขาก็ดูดไปทำให้คนเกิดภาระเยอะ ทำไมไม่ปันผลให้เขาบ้าง คุณเป็นคนที่เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่พอไม่รู้จักอิ่มจัดเต็ม เลี้ยงยากชะมัด แล้วเมื่อไหร่เขาจะอิ่มเขาจะเต็มตอบได้ไหม จ้าง ตายแล้วทั้งชาติก็ไม่อิ่ม เขาจะไม่เข้าใจไม่รู้สึกว่าพอ จะต้องสันโดษ หรอก อสันตุฏฐิ ไม่พอ พวกนี้เป็นพวก อวรรณะ 6 ทั้งนั้น เป็นคนชั้นต่ำ ต่ำว่า class
ขออภัย พูดไปแล้วมันก็ชัดเจนเหมือนไปว่าเขา เราพูดสัจจะ สาระธรรมะ อธิบายแล้วมันก็ชัด พูดไปสอนไปอธิบายไปให้เข้าใจ ก็ทุโปสะ อยู่นั้นแหละ ไม่ฟัง ผู้จะสอนเขา เป็นอาจารย์เขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ลูกศิษย์ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน อาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์ ลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของลูกศิษย์ ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น สอนยากบำรุงยาก ก็เลยมักมากอยู่ตลอดกาลนาน มหัปปิจฉะอยู่ตลอดกาล ไม่มีมักน้อย ไม่รู้จักพอ
เขาเกียจคร้านที่จะมาทำดี เกียจคร้านที่จะมาเสียสละ แต่เขาไปขยันจะทำชั่ว เขาไปขยันที่จะไปเอาเปรียบ นี่คือคน กุสีตะ หรือคนเกียจคร้าน แล้วเขาก็คบหากัน คลุกคลีกันเกี่ยวข้องกันอยู่ในพวกเดียวกันที่จะมีทัศนคติเดียวกัน มีทิศทางที่จะเป็นคนชนิดเดียวกันเป็นคนชั่วชนิดเดียวกัน เป็นคนอวรรณะชนิดเดียวกัน ตั้งสังคมตั้งสมาคม ตั้งองค์กรองค์การ ผูกผนึกกันเพื่อที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเป็นพวกอวรรณะไปอีกตลอดกาล เพราะเขาจะไม่มีปัญญาออกจากคณะนี้ เขาจะไม่ออกจากคณะนี้ เขาจะ สังคณิกะ อยู่กับคณะนี้ ออกไม่ได้ เพราะไม่มีปฏิภาณ ไม่มีไหวพริบ ไม่มีเศษเสี้ยวธุลีละอองแห่งความที่จะรู้ตัว ว่า โอ้โห เรามาจมดักดานมาอยู่กับลักษณะนี้ของคนของสังคมอย่างนี้ เขามีสังคมที่ดีๆอย่างชาวอโศก มีตัวอย่างให้เห็น เป็นคณะที่ยิ่งใหญ่แล้ว มีสาราณียธรรม 6 แต่ละคนมีวรรณะ 9 แต่ละคนมีจิตสาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ
เป็นของจริงที่สำเร็จ นี่แหละอาตมาทำทองคำแพงแท้ๆเลย แท้ๆจริงๆไม่ผิดเพี้ยนจากของพระพุทธเจ้าเลย เสร็จแล้วก็มาเป็นผู้ที่เยี่ยมยอดคนจนโลกุตระ เสร็จแล้วก็มาอยู่กันอย่างสบายมีแรงมีพลังเท่าไหร่ก็อยู่อย่างสบาย ไม่ไปต่อสู้กับลาภ ไม่ไปต่อสู้กับยศ ไม่ไปต่อสู้กับสรรเสริญในโลก ไม่ไปต่อสู้กับสุขในโลกเลย ไม่ต้องสุขไม่ต้องทุกข์ สุดยอดเลยเลิกเลย ไม่ต้องเอาข้างไหนเลย ทุกข์ก็ไม่เอา พอไม่เอาทุกข์ สุขก็หายไปด้วย เพราะมันแยกกันไม่ออกสุขกับทุกข์เป็นตัวเดียวกัน มันต้องทิ้งมันทั้งคู่ เราต้องทิ้งมันทั้งทุกข์และสุข ก็เป็นคนบริสุทธิ์สะอาด ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตก็เลยไม่มีอะไรต้องเกาะ คล่องไปหมดเลย มุทุภูตธาตุที่เป็น ปาคุญญตา ข้างนอกก็คล่องแคล่ว กายปาคุญญตา ข้างในก็คล่องแคล่ว จิตปาคุญญตา เวทนาสัญญาสังขาร คล่อง ไม่มีอะไรติดขัดอิสรเสรีสุดยอด ไม่มีแรงเสียดทานใดๆเลย ด่าเขาเขายังไม่รู้สึกเลย ไม่มีแรงเสียดทาน แต่คนที่มีปฏิภาณไหวพริบก็จะรู้ว่าด่าเรานี่นา พูดเฉียดนิดเฉียดมาก็เข้าใจ เพราะเป็นคนฉลาด พอเราพูด อันนี้เราก็มีสิ่งที่บกพร่องของเรานะ เขาชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ให้เราเนาะ คนฉลาดเขาจะรู้ตัว
อาตมาอธิบายพยัญชนะธรรมะวันนี้ โอ้โห ยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าอธิบายธรรมะอยู่ดาวดึงส์ สอนแม่ ยิ่งกว่า ทำไมอาตมารู้ว่ายิ่งกว่า เพราะอาตมาเป็นสารีบุตร นั่งอยู่ตีนเขา พระพุทธเจ้าสอนแม่อยู่บนภูเขาเวปุลลบรรพตได้ยินหมด รู้เรื่องหมด ได้รับซับซาบหมด เห็นไหม บุคลาธิษฐานที่อาตมาพูดไว้ จริงๆแล้วสัจธรรมคือ พระพุทธเจ้า 3 เดือน สอนผู้เป็นแม่ ภิกษุทั้งหลายคือผู้เป็นแม่ที่จะไปคลอดโลกุตรชน จะไปสร้างลูก บุรุษที่ท่านสอน ภิกษุที่ท่านสอนผู้ที่จะไปคลอด โลกุตรธรรมให้แก่มนุษยชาติต่อๆๆ เผยแพร่ต่อไปอีก มีลูกเป็นจำนวนพันเป็นเอนก ไปต่อ
ผู้ที่เป็นสารีบุตรจึงรู้เรื่องว่านี่หมายถึงอันนี้ บุคลาธิษฐานก็รู้จักสาระธรรมาธิษฐานว่าคืออะไรชัดเจน ไม่ใช่ตัวตนอะไรเลย พระพุทธเจ้าก็สอนธรรมะอยู่ 3 เดือนนั่นแหละให้ภิกษุทั้งหลายแหล่ที่เป็นแม่ที่จะไปเผยแพร่ไปออกลูกโลกุตระบุคคลต่อไปต่อไปๆอีก ตลอด 3 เดือน
ใช้คำว่า ดาวดึงส์เพราะเป็นแดนที่ดีที่สุด เป็นแดนสวรรค์ที่คนต้องการดีที่สุดเป็นอาการ 33 ตาวติงสา อาการ 33เป็นอาการพิเศษ ถ้าคนโง่ก็จะกลายเป็นแดนสวรรค์ ที่จริงเป็นแดนนรก สวรรค์กับนรกคืออันเดียวกันเป็นสุขเป็นทุกข์ คนไม่เข้าใจก็ไปหลงว่ามันเป็นแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คนที่รู้แล้วก็ไม่เอาดาวดึงส์เราไม่สร้างของปลอม สัจจะของมันมี2เท่านั้น ไม่เอาดาวดึงส์อย่างนี้เป็นต้น คือชัดเจนหมดทุกอย่างแล้วก็ทำชีวิตจนกระทั่งรู้รอบรู้หมดแล้ว รู้ถ้วน อาตมาพูดอะไรไปพวกคุณเข้าใจได้เอาไปปฏิบัติ ถ้าใครฟังได้เข้าใจดีจับเอาสาระสัจจะที่เป็นธรรมาธิษฐานได้ทั้งหมดเลย ใครได้มาก ยกมือ เคยฟังที่อาตมาพูดนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องยกมือ ไม่มีเลยหรือ ทำไมฉลาดกันหมดเลย
โยมว่า…มีของที่แพงกว่าทองคำครับ คำพูดของพ่อครูแพงครับ
พ่อครูว่า…คำพูดของอาตมานี้แพงนะ แพงจริงๆ หาค่า บ่ มิได้นะ เป็นคำที่มันหาฟังได้ยาก เป็นคำที่ประเสริฐเป็นคำพร เป็นคำสุดยอดแห่ง วระ เพราะว่าเป็นคำของโลกุตรธรรม สุดยอด แม้แต่อาตมาขึ้นมาที่นี่แล้วเห็นดอกไม้ที่ประดับ ก็ช่างทำ เป็นศิลปินดี
ศิลปินคือผู้ที่สร้างอะไรขึ้นมาแล้ว คนสัมผัสแล้วก็จูงใจ ให้จิตมันรู้สึกว่ามีความหมาย มีค่า มีสิ่งที่ชวนให้เจริญๆ นั่นคือศิลปะ มงคลอันอุดม แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจว่าศิลปะคือการแสดงออกตามใจกู ใครดูแล้วรู้เรื่องคนนั่นแหละให้เป็น Abstract ทั้งนั้นนะ ไร้สาระก็บอกว่า Abstract คือไร้สาระ ไร้สภาพ อะไรของเอ็งวะ เขาก็ไปตีความบ้าบออะไรอย่างนั้นได้นั่นคือศิลปะ ซึ่งมันพากันโง่ดักดาน อะคาเดมี่ที่เขาสอนศิลปะการอยู่ในยุโรปตะวันตกเป็นสถานที่บ่มเพาะคนโง่ สื่อสาระที่จะมีความหลอก แล้วไปหลอกอะไรหรอกคนรวย คนไม่รวยก็จะต้องไปหาเงินมาซื้อ เขาบอกว่ามันแพงมันแพงมันดี ก็ไปหาเงินมาสิ เป็นความซับซ้อนมากเลย เพิ่งเห็นว่าวงการของคนโง่คือวงการศิลปะ ศิลปินแสดงอะไรต่างๆนาๆออกมาก็หลอกให้ไปดู ไปจ่ายเงินจ่ายทองเสียเวลา ยิ่งเป็นศิลปินเอกมาแสดงไม่ได้ไป เสียชาติเกิดนะ ไม่รู้จะดักดานไปถึงไหน
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
_สู่แดนธรรม…คนจัดดอกไม้ เขาเจตนาให้เหมือนเรือนาวาบุญนิยม ให้ดูเป็นเรือนะครับ ดูภาพกว้างๆ ครับแล้วจะมีหัวเรือ-ท้ายเรือ มีป้ายปักด้วยครับว่า นาวาบุญนิยม ครับ
พ่อครูว่า…เห็นแล้ว ถ้าไม่บอกไม่รู้นะ ทำให้เป็นเรือนาวาบุญนิยม เห็นเป็นรูปหัวเรือแล้ว เห็นป้ายปักชื่อไว้แล้ว
_สู่แดนธรรม…ปีนี้ 50ปี ได้ยินว่าพ่อท่านจะเกษียณตัวเองเป็นอิสระ ไม่เข้าใจว่าทำไมปีทองถึงจะต้องเกษียณตัวเอง
พ่อครูว่า…ให้รู้จักพอให้รู้จักวาระเวลา จะอวดเก่งไปถึงไหนให้รู้จักหยุดบ้างสิ ให้รู้จักพักรู้จักเพียรบ้าง จะไปทำตัวเอง แหม ยิ่งใหญ่ตลอดไม่รู้จักลดรา ไม่รู้จักพัก ไม่รู้จักพอไปเลย มันก็เกินไป ก็ทำดูให้รู้จักเวลาพักเวลาเพียร ตอนนี้เป็นเวลาพัก เพียรมา 50 ปีแล้วก็ขอพักบ้าง แต่ไม่ได้บอกไปว่าเพื่อหยุด เพื่อที่จะปลงสังขาร ไม่ใช่หรอก จะว่าปลงสังขารก็ปลง พูดไปแล้วก็เป็นสิริมหามายา พูดกลับไปกลับมา จนกระทั่งบอกว่านี่เป็นพ่อเฒ่าแล้วก็ต้องรู้จักสมมติสัจจะ แต่ไม่แน่หรอกพฤติกรรมที่ออกไปจะเป็นพฤติกรรมของคนหนุ่มอายุ 26 ,27 ก็ได้ แสดงออกมาอะไรต่ออะไร ไม่แน่จะไปช่วยยกหิน ให้ท่านดินไท ท่านเดินดิน ท่านแสนดิน ประดาท่านดินๆทั้งหลายแหล่ สักวันหนึ่งท่านหนักแน่นจะเป็นผู้เทศน์ ทีนี้ล่ะฟังดีๆนะ ภาษาของท่านเป็นภาษาอีกโลกนึง โอ้โห ท่านรู้ในเชิงที่ท่านรู้จักองค์ประกอบของความรู้ มันไม่เหมือนใคร ใครเคยฟังบ้าง ฟังแล้วเป็นไง ต้องยกหูฟัง เวลาคุณจะฟัง เวลาจะโทรศัพท์มาถึงเราจะไม่ยกหูฟังมันจะรู้เรื่องเหรอ โทรศัพท์มาก็ต้องยกหูฟัง ไม่ยกหูฟังมันก็ไม่ได้ยิน ต้องตั้งใจฟัง คือท่านเองเป็นก้อนกลมๆหนักๆ เหมือนปรอท คนฟังท่านก็รับดีๆ ทั้งหนักทั้งแน่น ปึ๊กๆ หูจะหักเนื้อๆทั้งนั้นเลย รับรองไม่มีธุลีละออง ไม่มีเศษสวะ มีแต่เนื้อๆ มีแต่วิมังสา เนื้ออย่างยิ่ง
มีคนถามมาว่า…ช่วงที่ทำวัตรเช้าในวันวานนี้ ได้ยินพ่อปรารภว่า ขอเป็นอิสระ ขอมีอิสรภาพบ้าง ลูกขอให้ท่านช่วยขยายความเรื่องนี้ให้หน่อยค่ะ …
_สู่แดนธรรม…มีคนสงสัยว่า พ่อท่านจะให้ลูกๆ ให้พี่ดูแลน้อง ให้แก่งขึ้นอย่างนั้นใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า…ใช่ ก็ช่วยกัน อาตมาทำบ้างไม่ทำบ้าง เหมือนกับอาตมาไม่อยู่ แต่อาตมาจะยังไม่ตายหรอก จะยังหนุ่มกว่าเดิมด้วยซ้ำ ภาษาที่เรียกว่าพ่อเฒ่าโพธิรักษ์นี่ นั่นคือภาษาสิริมหามายา ยิ่งหนุ่มขึ้นไง
อาตมาชื่อ รัก รักพงษ์ รู้ใช่ไหม?
มีคนเขียนมา…ลูกผู้เข้าสู่แดนทองได้มองว่า “รัก รักพงษ์” มีความหมายว่าเป็นผู้สร้างที่อยู่ให้พรหมอาศัย ด้วยการสร้างสาราณียธรรม เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตลอดเวลาแห่งโพธิกิจ ๕๐ ปีมานี้ เป็นไปตามความหมายของคำว่า “รัก รักพงษ์” ทั้งรูปและนาม คำว่า รัก รักพงษ์ มิใช่เป็นเพียงนามเรียกขานบุคคลทางโลกผู้หนึ่งก่อนบวชเท่านั้น แต่เจ้าของชื่อนี้เปลี่ยนนาม เปลี่ยนรูปใหม่ เป็นโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญโพธิกิจไปกับความหมายของ “รักอันยิ่งใหญ่” อยู่เสมอ คือ รัก รักพงษ์ ที่เป็นพงษ์แห่งมวลมนุษยชาติ และพงษ์ที่มุ่งปรารถนาไปให้ถึงความสิ้นสุดความโศก (รักพงษ์อโศก)
พ่อครูว่า…ผู้ใหญ่บ้านที่นี่ชื่อขวัญหินแก้ว…ที่นี่คือหินแก้ว พวกคุณคือขวัญของหินแก้ว ใช้ภาษามาพูดร้อยมาลัย นี่ดูบนโต๊ะ มีดอกเหลืองไม่หยุด แล้วมีดอกอื่นๆอีก นิมิตอะไร เหลืองๆๆๆ รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 10 อันนี้เป็นสัญลักษณ์เข้าใจเป็นนิมิตได้
๕๐ ปี มีผลงานที่ตกผลึกแล้วโดยการสร้างขึ้นมาด้วยความรักทั้งสิ้น คือ สร้างคนให้มาเป็นคนจนอันมหัศจรรย์ จนสำเร็จ เป็นสังคมคนจนที่มีรักตามชื่อของท่าน คือเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ที่เสียภาษีให้สังคมส่วนกลาง ๑๐๐% และมีความกรุณาสรรสร้างผลผลิต เฉลี่ยลาภแบ่งกันโดยธรรม อีกทั้งท่านมีผลสำเร็จในการสร้างสังคมแบบนี้ขึ้นมา จนน่าแสดงมุทิตาจิตด้วย นั่นคือท่านสร้างสังคมแบบนี้ให้ดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีศีลเสมอสมานกัน มีทิฐิความเห็นที่สมานกันไปกับอุเบกขา
เมื่อลูกๆ ทุกคนที่ถูกสร้างมารวมตัวกันได้ จึงเท่ากับรวมพลังกันเป็นท้าวมหาพรหม ที่สามารถสรรสร้างคุณค่า คุณประโยชน์ไปได้อย่างไม่รู้จบสิ้น และมหาพรหมก็ตอบไม่ได้ว่าที่สิ้นสุดในการสร้างโลกที่ให้ประโยชน์แก่ชาวโลกนั้น จะสิ้นสุดลง ณ ที่ไหน จนกว่าจะมีใครสักคน หวนกลับไปหาพุทธะ เพื่อได้รับคำตอบว่า “อย่าได้ถามหาความจบสิ้นแห่งโลก, การจบสิ้นแห่งการคน, การละเลง, การปรุงแต่งสร้างสรรค์โลก ว่า จะสิ้นสุดลงที่ไหนเลย ควรตั้งข้อสงสัยว่า “ทุกอย่างที่เธอสรรสร้างคุณค่าขึ้นมาเป็นโลก เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติในโลกนั้น อันประโยชน์เหล่านั้นหากเป็นธาตุดินน้ำลมไฟแล้ว ดินน้ำลมไฟเหล่านั้นตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน นี่ต่างหากที่ควรถาม ควรศึกษา ว่า คำตอบคือ อุเบกขา ที่เป็นฐานของนิพพาน ซึ่งต้องไปเรียนกับสมณะโพธิรักษ์ ผู้ที่มาจากรัก รักพงษ์ และกำลังพามนุษยชาติสร้างรัก ให้รักพงษ์ อยู่เสมอ.
จาก…ลูกผู้เข้าสู่แดนทองคนหนึ่ง
พ่อครูว่า…สร้างสรรคำสวยมาเรียบเรียงแล้วรู้เรื่องไหม…รู้เรื่อง คนข้างนอกฟังคงจะคิดว่ามันพูดอะไรกันนี่
พระโพธิสัตว์ระดับ 7 (กรณีศึกษาที่ยิ่งใหญ่ทางวิชาการโลกุตระ)
-
“อย่าบอกว่าอาตมาคือสารีบุตรเพราะว่าอาตมาเจริญยิ่งกว่านั้น”
-
อาตมาไม่รู้สึกหิวหรือกระหาย แม้แต่น้ำอาตมาก็ไม่กระหายมานาน เป็นอาการที่เป็นจริงไม่ได้ดัดจริตพูด แต่ก็เคยอดอาหาร อดอาหารหลายวัน กี่วันจำไม่ได้แล้ว ก็รู้สึกโหยไม่ใช่หิว ร่างกายมันก็ต้องการธาตุทดแทน อาการ 32 มันก็ต้องทำงาน หากว่ามันบกพร่องก็จะส่งสัญญาณบอกว่า ส่งวัตถุดิบมาหน่อยสิ ท้องก็บอกว่าไม่มี บ่จี๊ อาตมาไม่มีอาการนั้นไม่รู้สึกหิวไม่รู้สึกกระหาย ก็เป็นเรื่องของสัจธรรมที่เป็นสิ่งพิสูจน์ยืนยันได้ว่า แม้แต่คนเราไม่มีกิเลส กิเลสนี่เป็นตัวที่มันยังเต็มยังพออยู่เลยมันเหลือด้วยซ้ำมันก็ยังอยากอีกทั้งหิวทั้งกระหายอะไรก็ไม่รู้นี่แหละคือกิเลสของคนมันเกิน แม้แต่กิเลสไม่มีแล้ว ร่างกายที่จะต้องการที่จะเอาไปใช้ปรุงแต่งสังขาร มันก็จะเตือนเรียกว่าหิวหรือกระหาย อาตมาถึงบอกว่า ไม่รู้จักหิวไม่รู้จะกระหายมันก็คือการไม่มีแล้ว อาการที่จะเกินต้องการไม่มีแล้ว อาการที่ตามควรจะได้ ถ้าเราไม่เอาความรู้สึก เราก็จะกลายเป็นคนไม่กิน ไม่ดื่มก็จะตายไปเลย เราก็มีความรู้ตามความรู้สึกว่าควรจะต้อง ไม่ต้องใช้คำว่าหิว ไม่ต้องใช้คำว่ากระหาย เราควรจะปรุงแต่งกันไว้ กินแล้วก็ควรกิน ดื่มก็ควรดื่มตามควร
ทีนี้ร่างกายอาตมาไม่ต้องใช้น้ำเท่าไหร่ เพราะร่างกายอาตมาปรุงธาตุอาโปธาตุได้เก่ง พอสมควรเลย เก่งในตัวเอง ผู้ดูแลก็พยายามให้ดื่มน้ำดื่มเดี๋ยวเดียวก็จะปัสสาวะออก อาตมาก็ว่านะจะให้ดื่มทำไมดื่มแล้วเดี๋ยวก็เยี่ยว มันไปสังเคราะห์มันก็เยี่ยวสะอาดอยู่อย่างเดิมอย่างนั้น ก็อาจจะมีส่วนที่จะไปล้างไปที่เซลล์ อธิบายเลยไปกว่าสิ่งที่ควรจะพูดมันโอเวอร์แล้ว
-
-
อาตมาเป็นคนแห้งมาแต่ไหนแต่ไร…ใช่ อาตมาไม่เคยอ้วน เคยน้ำหนักตอนเป็นฆราวาสเคยน้ำหนัก 60 กิโลกรัม รู้สึกสันทัดคนดี มีพุงน้อยๆ ตอนนั้นจำได้ว่า มองตากู กำลังดัง สั่งต่างประเทศมา มีกี่สีซื้อหมด มันมี 7 สี ซื้อมาหมดเลย ใส่ทุกวันวันละสีๆ มันเห่อตอนนั้น (ขึ้นภาพให้ดู)
-
อาตมาไม่มีรสอร่อย มีแต่รับรู้รสของความเป็นจริง เข้าใจกันไหมทำได้หรือยัง? แล้วลดลงมาบ้างไหม ลดลงมาก็ดี ถ้าเราอ่านรสอร่อยเรียกว่าอัสสาทะนี้ออก แล้วลดอัสสาทะ มันจริงนะไม่ใช่พูดแต่ปากจนชนะแต่ปากแต่ปฏิบัติจนมีสภาพความเป็นจริงปฏิบัติลดความอร่อย ผู้ที่อ่านเวทเวทนาเก๊๊คือรสอร่อย แล้วก็รู้ว่ากินก็ได้ กินส้มโอก็รู้รสส้มโอ กินมะนาวก็รู้รสของมะนาว เอาดอกลั่นทม จำปา ก็รู้รสดอกจำปา กินดอกอัญชันก็รู้รสของดอกอัญชัน กินดอกพุทธรักษาก็รู้รสของดอกพุทธรักษา ดอกดาวเรืองก็เคยกิน รสเฝื่อนฉุนมีกลิ่นจัด รู้รสจริงของมัน แต่เราไม่มีรสอร่อย บางทีจะรู้สึกว่ามันยากหน่อย มันก็จะรู้เวทนาของความรู้สึกของเรา เราปฏิบัติธรรมเพราะอ่านเวทนาเป็น รู้แต่รสเวทนา 1 ความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้น ส่วนเวทนาที่มันปรุงแต่งที่ยึดถือกันแต่ละคนนั้นมันหมดไป จนหมดเวทนาเก๊ หมดเวทนาตัณหาอุปทานมีแต่เวทนาจริงๆมีความรู้สึกรับรู้ความจริงตามความเป็นจริงก็จบ
-
อาตมาเคยถูกรถชนลอยกระเด็น กล้ามเนื้อแตกที่ขา กระดูกไม่แตก เกิดเป็นพังผืดมีรอยบุ๋มที่ขา
-
อาตมารับมอบหน้าที่จากพระพุทธเจ้าสมณโคดมให้มากอบกู้และสืบสานพระพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี อันนี้พูดไปแล้วดูใหญ่ ใครฟังแล้วไม่เชื่อเขาเขาจะหมั่นไส้ แต่อาตมาว่าอาตมาจริง อาตมารับผิดชอบมาจากพระโอษฐ์จะต้องมาเป็นผู้รับผิดชอบศาสนาพุทธให้ถึง 5,000 ปี อีก 2,500 กว่าปี ถ้าไม่ถึงโพธิรักษ์ผิดนะ แล้วอาตมาจะไปทำให้บกพร่องทำไม
-
-
อาตมามีอายุขัยเพียง 72 ปี ขณะนี้เลยอายุไขมาแล้ว 14 ปี
-
อย่าเอาเกณฑ์ของคนธรรมดามาวัดอาตมา เพราะอาตมาเป็นเทวดา และอาตมามัน SupraStandard มันไม่ใช่ Normal Standard