631106_เทศน์ทำวัตรเช้า มหาปวารณา ครั้งที่ 38 สู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ ตอน 2
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1vvKMJXqHIHF__ePzFYAIEy95nLd-7KRPZ0AXLNJ9_NQ/edit?usp=sharing
พ่อครูว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
“ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ” นี่มันก็ยากหน่อยหนึ่งนะ สัมผัสสระแอ อันนี้แหละจะได้ขยายความกันวันนี้ เพราะงานมหาปวารณาคราวนี้ เป็นงานสู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ
เพราะว่าที่นี่มีทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจน ก็หมายความว่า แม้ทองคำแพงจะเป็นของแท้อย่างไรอย่างไร ก็ยังแพ้แรงคนจนโลกุตระ แสดงว่าคนจนโลกุตระนี้ชนะทองคำแพงแท้ อันนี้จริงไหม จริง พวกเราไม่เห่อทอง ไม่หลงใหลทองคำแท้ แม้จะแพงขนาดไหน ราคามันจะขึ้นจะลงไปอย่างไรแค่ไหน
อาตมาก็คิดทบทวนถึงเรื่องของคนที่มันหลง และคนเมื่อมันหลงแล้ว คนก็เอาความหลงของคนมาตั้งค่า เพราะฉะนั้นร้านขายทองพวกที่ค้าทอง มันจะ sensitive มากเลย ราคาขึ้นลงละเอียดลออมากเลย ไม่รู้พวกเล่นหุ้นหรือเล่นทองอะไร sensitive กว่ากัน โยมบอกว่า…หุ้น sensitive กว่า
นั่นแสดงว่าทองคำคือโลหะที่มีอยู่ในโลก ส่วนเงินหรือธนบัตรนี้มันคือสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ไม่เป็นของจริงเลย แต่มันใช้ธนบัตรที่ไม่เป็นของจริงนี่แหละ มากกว่าทองเพราะทองไม่มีที่ไหนใช้กันมากมาย ก็มาสมมุติสิ่งที่จะมาใช้กัน แล้วก็สมมุติเอาเศษกระดาษ คือเงิน หาเศษกระดาษมาได้มากเท่าไหร่ก็ซื้อทองได้หมด แล้วประเทศที่ไม่มีทองเป็นหลัก มันก็พิมพ์กระดาษเปื้อนสีออกมา แต่มันไม่มีทองจริง แล้วมันพิมพ์กระดาษออกมาได้มากๆ แล้วก็คนให้ยอมรับราคาตีราคา ให้ราคาขึ้นธนบัตรราคาขึ้น ถ้าราคาเงินกีบ แต่เงินกีบไม่เห็นขึ้นสักที เงินวอนก็ไม่ขึ้น เงินวอนกับเงินกีบอะไรใหญ่กว่ากัน 1 บาทเท่ากับ 250 กีบ 1 บาทเท่ากับ 36-50 วอน ดูซิว่ามันตั้งค่าราคากัน
เราได้รางวัลแมนแฮร์ เขาให้มา 100 ล้านวอน เท่ากับ 2 ล้าน 6 แสนบาท โอ้โหตั้ง 100 ล้านไม่ใช่น้อยนะ มาเป็นเงินไทยก็ 2 ล้าน 6 แสนกว่าบาท ป่านนี้คงไม่เหลือแล้วใช้อะไรไปก็หมดแล้ว พวกเรานี้เงินทองของใช้ ใช้เก่งแต่ไม่ใช้ทอง ใช้เก่งนี่หมายความว่ามีปัญญาไม่ใช่ได้ใช้สุรุ่ยสุร่ายเหมือนคนโลกๆนั้นถูกหลอกง่าย หลงง่ายไปซื้อซื้อซื้อซื้อ คนที่เงินมากๆก็ซื้อไม่คิด ซื้อๆ มันทำให้เกิดฟุ้งเฟ้อ เงินมันเฟ้อเกินเพราะมันง่าย แล้วเขาก็พยายาม เขาบอกว่าพัฒนาเศรษฐกิจต้องให้คนมาซื้อๆๆแล้วบอกว่าเศรษฐกิจดี ถ้าไม่มีการซื้อๆๆๆ เงินยิ่งไม่มีการสะพัดก็ถือว่าเป็นเศรษฐกิจไม่ดี เขาก็คิดเอาแค่นี้เป็นเครื่องตัดสิน ว่าเศรษฐกิจดี
ชาวอโศกมีเศรษฐกิจดีไหม ..ดี แล้วมีการซื้อกันหรือเปล่าซื้อกันมากหรือเปล่า..ไม่
นี่ อาตมากำลังอธิบายเรื่องความจริงกับความลวงของโลกที่มันเข้าใจกัน นักเศรษฐศาสตร์เรียนเศรษฐศาสตร์มาตามวิชาการ ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ เป็นดอกเตอร์ Post Doctor หรือว่าบริหารตามจริง ตามที่เขาเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเขาเข้าใจเศรษฐกิจดีเหมือนอย่างที่ชาวอโศกเรามีเศรษฐกิจดี เข้าใจลึกลงไปถึงเนื้อหาสาระว่าเศรษฐกิจดีคืออะไร
เศรษฐกิจดี คือ คนอยู่เย็นเป็นสุข พอมีพอกิน และมีเหลือด้วย
เศรษฐกิจดีอาตมาตั้งค่าไว้แล้วบอกเป็นสูตรไว้แล้ว
-
ไม่เป็นหนี้
-
ทำงานมีความรู้ความสามารถ พึ่งพาตนเองรอดมีอยู่มีกิน
-
เหลือ การทำงานของเราสร้างสรรมีผลผลิตเหลือเกินกินเงินใช้มีไปเผื่อแผ่แจกจ่ายคนอื่นได้
-
สะพัด ให้ถูกที่สุดเท่าที่จำเป็นจะต้องขายบ้าง หรือแจกได้ก็แจกอย่างที่เราทำกัน
นี่คือเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจดีที่สุด เพราะฉะนั้น 4 ข้อนี้แหละเป็นเครื่องวัดว่าเศรษฐกิจดี มีความรู้ความสามารถทำแล้วก็อาศัยกินใช้รอดมีลาภธัมมิกา นอกจากเลี้ยงตัวเองรอดแล้วยังมีเหลือเกินกินเกินใช้
ถ้าคุณเข้าใจเกณฑ์หรือเครื่องมือการวัดมาตราการวัดว่าเศรษฐกิจดีคืออะไร 4 หลักนี้ จบเลย คุณมาวัดชาวอโศก แล้วเป็นไงอยู่สุขสบายไหม อยู่สุขสบาย มันลงตัวที่สุดเป็นสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างสบาย อยู่กันอย่างเมตตามีกายกรรม พฤติกรรมทางกายทำงานทำการกันไปมีเมตตาทางวาจา ใครขี้เกียจหน่อยก็ช่วยบอกว่าให้ขยันกันขึ้นมาบ้าง อย่างโน้นผิดอย่างนี้ไม่ดีก็บอกก็เตือนกันไป อย่างนี้ดีก็ชมกันได้ เล็กๆน้อยๆ สัมมาวาจาเมตตาวาจา
เมตตาทางใจเป็นประธานเลย จิตใจไม่ไปโกรธเคืองไม่ไปแค้นไม่ไปกดข่ม ไม่ไปดูถูกดูแคลนอะไรเขา เห็นเขาตกต่ำเห็นเขาเลวเขาชั่ว เห็นเขาไม่ดีไม่งาม เห็นเขาเลวทราม เขาจะมองอย่างนี้เห็นเขาว่า นั่นแหละเขามีกรรมที่ทำเลวทำชั่วไม่ดีงามทำทรามอย่างนี้ เราก็สงสาร อย่างนี้มันจะพ้นสงสารอีกเมื่อไหร่ จะพ้นสังสารวัฏอีกเมื่อไหร่
มันจะจมอยู่ในสังสารวัฏตลอด ต่ำไม่หลุดพ้นออกจากที่หมุนที่วนที่ติดที่ยึด อย่างนี้แล้วมันต่ำลงเรื่อยๆลึกลงเรื่อยๆ อย่างคนหลงความรวย เนียนๆ เนียนมาก ออกจากสังสารวัฏนี้ยาก คนหลงความรวย ถ้าเราจะมาหลงความจนเหมือนอย่างพวกเชน นั่นหมดเนื้อหมดตัวไม่เอาอะไรล่อนจ้อนเลยนะ ไม่นุ่งผ้าผ่อนอะไร สุดโต่งไปทางหลงความน้อยความจน ก็ยังดีเสียกว่า จะหลงในวัฏสงสารยึดติดในวัฏสงสารน้อยกว่า ไม่ติดไม่ยึดนานเท่า
ยังไงบิลเกตนี้ออกยาก คุณธนินท์อย่างนี้ คุณเจริญอย่างนี้ จะไปเอาเขาออกมาได้อย่างไร คนที่หลงเงินทองคนที่หลงธนบัตรซับซ้อน มหาบัวหลงว่า เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ หลงเงินหลงทองเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ก็เอาชีวิตเอาค่าของตัวเองเอาความดีของตัวเอง ที่ประชาชนจะยอมรับตัวเองออกไปประกาศขาย เอ้าใครจะมา โดยยกการอ้างเอาประเทศเป็นประกัน ให้มาช่วยประเทศชาติมาบริจาค มีทองเท่าไหร่มีเงินมาเท่าไหร่มาบริจาค แล้วก็พูดใช้โวหารภาษาให้เห็นคุณค่าว่าช่วยประเทศชาติ ใครก็ฟังได้ฟังขึ้น ได้มาช่วยก็ดี หาข้อมูลหลักฐานว่าประเทศชาติต้องการเงินทองต้องการหลักทรัพย์พวกนี้มาไว้ช่วยประเทศชาตินะ มีโวหารคารมพูด คนก็ฟังก็เข้าใจ แล้วคนศรัทธาเลื่อมใสก็นึกว่าเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เขาก็เอามาให้โดยบอกเขาว่าได้บุญได้บุญ เขาก็อยากได้บุญสิ เขาก็เอาทองเอาธนบัตรมาบริจาคได้ใหญ่โตมโหฬาร ช่วยชาติ นี่คือเป็นความรู้และความหลงของมหาบัว ชีวิตแทนที่จะไปหมกมุ่นเรื่องนี้ แล้วยังไปยุให้คนหลงติดเงินทอง กับตัวเองปลูกฝังและตัวเองก็หลงและเป็นตัวอย่างให้แก่คนได้หลง คนก็หลงว่าเป็นคนมีบารมีมาก สามารถเนรมิตให้คนออกมาช่วยประเทศชาติได้ และหลอกว่าได้บุญ ที่จริงทำทาน
เป็นการทำทานที่ได้บาป คือ ทำทานที่ยินดีในทาน ติดยึดในทาน หลงว่าทานเป็นทรัพย์ จิตผูกพันกับทาน ผูกพันจนกระทั่งชาติด้านโน้นหลงว่าตายไปแล้วจะมีกองทานอันนี้เอาไว้ในชาติหน้า
พระพุทธเจ้าสอนไว้
ล.23 ข.49 ทานสูตร
อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว
-
ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ
ทานังก็คือทาน เทติก็คือทาน สาเปกโขคือมีความหวัง
เราทำทาน ต้องรู้จิตเรา ที่มีสาเปกโข
อุเทสคืออาการของจิต แล้วจะมีลักษณะที่มีข้อเทียบ แล้วมีลิงคะ คือสิ่งที่ไม่เที่ยง คุณจะต้องรู้อาการของมันแล้วต้องเทียบอาการของมันได้ อาการมันจะเป็น 2 เสมอ โดยเฉพาะในวิญญาณที่มีรูปนามจะมี 2 เสมอคู่แรกเลย ในปุตตมังสสูตร ข้อที่ 4 วิญญาณาหารมีวิญญาณกับรูปนาม
เธอรู้จักวิญญาณกับรูปนาม ก็เป็นอันรู้ทุกอย่างหมดแล้ว คำนี้ตีหัวเข้าบ้านเลย จริงที่สุดเลย ใครรู้จักรูปนามอาศัยซึ่งกันและกันอย่างไร คนจะมีความรู้ทั้งรูปและนาม แล้วเอาคำว่ารูปนามนี้เป็นภาวะคู่ ไปอ่าน วิญญาณ แยกวิญญาณออก เข้าใจวิญญาณได้ แล้ววิญญาณแจกเป็นอภิธรรม เป็นจิตเป็นเจตสิก หรือเป็นขันธ์ ก็มี รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์เป็นต้น
ยังมีความหวังสาเปกโข อย่างนี้ทานยังไม่ได้ผล ต้องทานอย่างไม่มีหวังอะไรเลยการทานนั้นมีผลสูง ถ้าหากทานแล้วยังมีความหวังอะไรอยู่ก็แล้วแต่ ก็มีผลทางโลกีย์ แต่ถ้าอานิสงส์นี้มีผลทางโลกุตรธรรม มันเป็นทางสัจธรรมมีประโยชน์ทางโลกุตรธรรม ทางปรมัตถ์
-
จิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ การทำทานต้องจบเลยกายกรรมให้ไปแล้ว วจีกรรมก็ให้ไปแล้วนะ บอกว่าของฉันของฉันก็ไม่มี มโนกรรมก็ให้ไปแล้วให้ไปเลย ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ ทำทานโดยไม่มีจิตผูกพันเกี่ยวข้อง ก็มีอาการที่หยาบกว่า สาเปกโข อันนี้มีปฏิพัทธ์ มีตัวต่อเนื่อง
-
มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ นิธิ แปลว่าคลัง เซฟ กองที่สะสมรักษา นิธิ นอกจากเกี่ยวพัน แล้วต้องออมทรัพย์ ใครขี้เหนียวมากก็ออมได้เก่ง เขาเรียกว่าขี้ไม่ให้สุนัขได้กินเลย อย่าว่าแต่ให้กิน ขี้ไม่ให้สุนัขได้กลิ่นเลย
-
ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ อันนี้เละเลย