640122_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1KNiYpzttl_9aY4sMt6xw-mAM-Np_ryBFG4GW-RtRgyY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1RbAt9d0XS82LweKgP2C06bHThWqlQ-Yk/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/Jp7Cbks3Za4
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก กล่าวถึงคุณธนาธรได้ตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณของบริษัท Siam bioscience ที่ได้ดำเนินการผลิตวัคซีนร่วมกับบริษัท astrazeneca จากอังกฤษ คุณธนาธรได้ตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณว่าทำไมถึงดำเนินการแล้วขาดทุนแล้วรัฐบาลจะต้องเอาเงินไปสนับสนุนอีกหลายร้อยล้านบาท โดยที่ชื่อของผู้เป็นเจ้าของมีในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วย คราวนี้ทำให้คนได้รู้ถึงความจริงว่าบริษัทนี้มีปรัชญาและดำเนินการอย่างขาดทุนของเราคือกำไรของเราตามปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9
พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
“ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าคนมีใจชั่วเสียแล้ว จะพูดหรือทำก็พลอยชั่วไปด้วย เพราะการพูดชั่ว ทำชั่วนั้น ทุกข์ย่อมตามสนองเขา เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป ฉะนั้น.”
พ่อครูว่า…อาตมาเห็นแล้วว่าต้องเอามาอ่านแล้วขยายความ เป็นบทความของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี คอลัมน์บุคคลแนวหน้า
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรีโพสต์ข้อความในเพจ Facebook มีเนื้อหาดังนี้ นักประชาธิปไตยกับสัตว์เดรัจฉาน
-
นักประชาธิปไตยที่ตั้งการใช้สิทธิเสรีภาพของตนโดยไม่สนใจปฏิบัติตามกฎหมายจารีตประเพณีและศีลธรรมประพฤติผิดทั้งกายวาจาใจ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นรวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพพจน์เกียรติยศและชื่อเสียงของประเทศอันเป็นที่เกิดของโคตรเหง้าของมัน มันจะแตกต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉานผู้ไม่เคยมีความรู้สึกกตัญญูกตเวทีต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้มันเกิดอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบันแห่งมัน
-
2. หวังว่าประชาธิปไตยในไทยจะไม่สร้างฝูงสัตว์ในคราบของมนุษย์ผู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพและมีความประพฤติดังกล่าวในข้อหนึ่งซึ่งกลายเป็นฝูงชนสัตว์ที่บ้าคลั่งพร้อมจะทำชั่วทั้งกายทุจริตวาจาทุจริตและมโนทุจริตเพียงเพื่ออยากจะได้ในสิ่งที่พวกตนต้องการ แม้ความต้องการนั้นจะไม่ตรงกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ก็ตาม เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยในฮ่องกงและเพิ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่รัฐสภาของสหรัฐประชุมเพื่อรับรองชัยชนะของนายโจไบเดนเหนือนายโดนัลด์ทรัมป์
นั่นมันสัตว์ชัดๆไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ผู้มีจิตใจเจริญกว่าสัตว์เขาจะทำกัน ข้อใดคือระบอบการปกครองสำหรับคนที่เจริญทางจิตใจแล้วเท่านั้น จึงขอให้พวกนักการเมืองสี่ขาชิงหมาเกิดทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาทุกมุมของโลกรวมทั้งที่อยู่ในประเทศไทย โปรดจำใส่กะโหลกไว้ด้วยนะครับ
ประชาธิปไตยแบบมิจฉาฯกับสัมมาทิฏฐิ
พ่อครูว่า…ประชาธิปไตยขณะนี้แสดงตัวถึงประชาธิปไตยมิจฉาทิฏฐิกับประชาธิปไตยที่สามารถที่ตามแบบของพระพุทธเจ้า ซึ่งอาตมายืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกของมหาจักรวาล ที่ท่านตรัสรู้เรื่องของความเป็นมนุษยชาติกับความเป็นสังคม แม้ในยุคพระพุทธเจ้าจะไม่ใช้คำว่าประชาธิปไตย คำว่าประชาธิปไตยเป็นชื่อของระบอบการปกครองอันเดียวกันในเนื้อหาของพระพุทธเจ้าที่ค้นพบแล้ว แล้วก็นำมาใช้กับคนในคณะของท่าน ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ท่านมีบารมีสูง พระเจ้าแผ่นดินในยุคโน้นทุกแคว้นใหญ่คือพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินในแคว้นเล็ก แคว้นสักกะ แคว้นใหญ่ในอินเดียมีพลเมืองเยอะ อยู่ในสมัยนั้นก็มีพระเจ้าปเสนทิโกศลกับพระเจ้าพิมพิสาร แบ่งครึ่งก็ยังใหญ่กว่าแคว้นสักกะของพระพุทธเจ้า
ตอนจะออกบวชพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธก็บอกว่าจะแบ่งแผ่นดินให้ครึ่งหนึ่งปกครองท่านก็บอกว่าท่านไม่เอาแล้ว เรื่องธรรมะจึงยิ่งใหญ่ ท่านก็ประกาศ ธรรมะกับการเมืองมันอันเดียวกัน การเมืองก็คือการทำงานกับมวลประชาชน ธรรมะก็คือการไปทำงานกับมวลประชาชน แต่ก็มีความรู้ความสามารถก่อนแล้วทำกับมวลประชาชนจึงจะดี หากยังไม่มีความรู้ความสามารถไปทำกับมวลประชาชนมันก็เสีย หรือมีความรู้ความสามารถแบบขี้โกงความรู้ความสามารถทุจริตไม่เป็นสัจจะในตัวเอง มีความเลวร้ายเหมือนอย่างที่เกิดในปัจจุบันเป็นอยู่ที่ดรไตรรงค์ แม้ว่าจะจบดอกเตอร์จากอเมริกาเสร็จแล้วก็มาย้อนว่า นักการเมืองถึงขนาดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นเรื่องที่จริงที่เอามาพูดกันชัดๆ ใครที่เขาไม่อยากฟังความจริงก็แล้วแต่เขาก็ไม่ชอบใจ แต่ถ้าคนที่ชอบฟังความจริงแล้วมันสนุกดีเหมือนกัน แต่มันก็หนักหนาสาหัสเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นในขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำแม้แต่วินาทีนี้ ยังรู้สึกว่าสงครามระหว่างไบเดนกับโดนัลด์ทรัมป์ยังไม่สะเด็ดน้ำ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร
ในโลกจะมีอย่างนั้นมี 2 ขั้วใหญ่ขั้วหนึ่งดีกว่าหนึ่งก็ต้องเสีย ขั้วหนึ่งเป็นสัจจะอีกขั้วหนึ่งก็เป็นอสัจจะ เป็นสภาวะธรรมะ 2 อาตมาว่าพระพุทธเจ้าสรุปความรู้ที่ยิ่งใหญ่ให้เรียนรู้ธรรมะ 2 เทวธัมมา โดยเรียนรู้ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าแล้วท่านปฏิบัติเรียนรู้จุดสำคัญที่ว่า มนุษย์เรียนรู้เรื่องเวทนา 2
ความแตกต่างของเวทนา 2 มันมีทั้ง อัตตา มันมีทั้งโลกมันจะรู้โลกอย่างโลกวิทู จะรู้ อัตตา อย่างบริบูรณ์ที่สุดแล้วจบความรู้ในเรื่องโลกเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องอัตตา เป็นธรรมดาโลกุตรธรรมสมบูรณ์แบบ พระพุทธเจ้าถึงแยกอำนาจยิ่งใหญ่ไว้ถึง 3 โลกคือ
โลกาธิปไตย ธรรมาธิปไตย อัตตาธิปไตย
อธิปไตยคืออำนาจ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผู้มีอำนาจโดยธรรม แล้วไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ผู้ที่แย่ที่สุดคือมีอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจโดยธรรม แต่เป็นอำนาจโดยอธรรม แล้วแส่แสดงอำนาจบาตรใหญ่อันไม่เป็นธรรมยกตัวอย่างคือโดนัลด์ทรัมป์
เพราะอะไร เพราะว่าฝังหลุมศพความเลวของตัวเองไว้เยอะไม่รู้ต่อกี่หลุม เมื่อหมดอำนาจแล้วเขาก็จะขุดหลุมแห่งความชั่วของตัวเองขึ้นมา ทักษิณเขาก็มีนัยยะเดียวกัน หนีเลยไม่ให้ขุด เขาก็ไม่อยากให้อะไรมากมาย หนีก็ต้องลำบาก เพราะเจ้าตัวยังไม่อยู่ก็เลยยังไม่ตัดสินอะไรมากมายเดี๋ยวจะไม่ดี ก็ไม่ขอพูดต่อ
โดนัลด์ทรัมป์ก็เหมือนกัน ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงมาทายกันไหม?.. ว่าโดนัลด์ทรัมป์จะหนีจากสหรัฐอเมริกาหรือไม่ …โยมว่าไม่หนี ไม่มีเขาก็ต้องสู้ความ พวกคุณเชื่อว่าเขา โด้ง่านสู้เต็มที่เลย หมายความว่าตายประชดป่าช้าเลย อย่างไรๆเขาก็จะสู้ ทั้งๆที่ตัวเองผิด เพราะเขาไม่มีทางเลือก ไม่ตายก็ต้องเอาชนะให้ได้ แพ้ไม่เป็น เหมือนทักษิณเลยสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ซึ่งมันเป็นความเป็นจริงของมนุษย์ มนุษย์คนหนึ่งเขามีความยึดมั่นถือมั่นเห็นจริงจังว่าจะเอาอย่างนี้เห็นๆ แล้วเขาก็พาพลเมืองที่เขามีอำนาจบริหารปกครอง ทำให้เกิดความเสียหายวุ่นวายอะไรกันอยู่ เมืองไทยก็มีดีที่ว่าได้ตัดตอนเอาหัวออกไปอยู่ข้างนอกก็เลยไม่ค่อยถนัดทำไม่เต็มที่ ขนาดนั้นก็ยังไม่ยอม ยังแสดงฤทธิ อยู่ทักษิณก็ยังแสดงฤทธิ์เดชอยู่ เหมือนกัน แต่ก็ยังรู้สึกว่าจะ มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง อจินไตย
เพราะคนไทยเป็นคนใจดีจึงมีเมตตากว่าอเมริกา ท่าทางโจไบเดนก็มีเมตตา ไม่ใช่น้อย เหมือนกัน แต่อันนี้ก็ขอวรรค ขอวิจัยวิจารณ์ไว้แต่เพียงว่า โปรดติดตามอย่ากระพริบตาจะได้เห็นความลึกซึ้งความละเอียดของคนไม่ว่าจะเชิงชั่วหรือเชิงดี ในเรื่องของการเมืองนี่แหละ
คนไทยก็มีการเมืองของคนไทยรัฐศาสตร์ของคนไทย ซึ่งเป็นรัฐศาสตร์ที่มี มูล หรือ รากเหง้า มาจากโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งของอันอื่นมันไม่ใช่ แบบประธานาธิบดีนั้นเป็นความรู้ประชาธิปไตยที่เพี้ยนไปจากประชาธิปไตยที่จะต้องมีทั้งพระเจ้าแผ่นดินและประชาชน อย่างเช่นต้นตอของเขาคือประเทศอังกฤษเขาก็ยังมีพระเจ้าแผ่นดิน หรือแม้แต่ในยุโรปหลายประเทศประชาธิปไตยก็มีกษัตริย์เป็น ประมุข กันชนท้ายเมือง หรืออยู่ในเอเชียก็ตาม อย่างทางมาเลเซียเขาเรียกสุลต่านอย่างนี้เป็นต้น
เรื่องของ “การเมือง” กับ “ธรรมะ” แยกกันไม่ออกหรอกต้องไปด้วยกัน แต่คนที่มิจฉาทิฏฐิจะแยกกัน ธรรมะ ภาพนี้มาก็ต้องมาทำจัดกระทำอาจจะมาพูดไปแล้วเนี่ย อย่าไปยุ่งกับการเมือง ปล่อยเขาไปเถอะเป็นนานาสังวาสเขาจะไม่มีความรู้เรื่องนี้ไม่มีความเห็นอย่างนี้ เราไม่ต้องเถียงกันหรอกเถียงไปก็ตายเปล่า เขายึดถืออย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เราก็พูดเฉพาะคนที่พอพูดรู้เรื่องกัน
อาตมาชาตินี้ต้องมาทำสัจธรรม ทำแล้วคนนั้นคนนี้ทำอวดดีอาตมาก็ทำเลย แล้วก็ทำสิ่งที่อาตมาภาคภูมิใจว่าได้ทำภูมิใจว่าเราได้เป็นนักปฏิบัติ จริงๆคือเราได้เป็นนักรัฐประหารรัฐบาลชั่วออกไปตั้งหลายรัฐบาล ได้ร่วมกันกับประชาชน ส่วนอาตมาก็ไม่จำเป็นว่าเป็นผู้หนึ่งในนั้น ไม่ใช่หัวหน้านำที่เด่นอะไรแต่ก็เป็นหัวหน้าของหมู่เล็กๆ มีประชาชนเข้าไปร่วมกันมากมายกับคุณสุเทพด้วยพาคณะมารวมกันเป็นหลายล้านคน เราก็ทำอยู่แล้ว คุณสุเทพมาทีหลัง นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์
ยังมีแนวลึกที่ทางด้านธรรมะนักรัฐศาสตร์ยังเข้าใจไม่ได้ ที่ว่าเอามือเปล่าไม่มีอะไร ไม่รุนแรง เอาความสงบกับความจริง เป็นธรรมวุธประหารรัฐบาลได้ เขายังเข้าใจไม่ได้ เราเอามือเปล่าเอาความสงบประหารรัฐบาลเสร็จ เขาก็บอกว่าไม่เชื่อหรอก จริงๆแล้วขอพูดละเอียดลึกซึ้งขึ้นว่านี่คือมวลชน ไปแสดงความสงบ ความสงบสยบความรุนแรงเป็นธรรมโลกุตระที่สุดยอดลึกซึ้งที่ไม่มีประเทศไหนทำได้งามเท่าประเทศไทยที่ได้ทำไปแล้วในรัฐบาลจริงถึง 3 – 4 รัฐบาล
เอาอำนาจความถูกต้องความดีงามความสงบ ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ.. สื่อพยัญชนะให้รู้สภาวะให้พวกเราปฏิบัติกันก็ได้ใช้กันจนสำเร็จกันจริงอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จะไม่มีอะไรเรียบร้อยบริบูรณ์
แนะนำอนาคตอีก 40-50 ปีจะเข้าใจกันอีกเยอะ อาตมาเป็นคนไม่มีเครดิตทางการเมือง แต่มาพูดการเมือง เขาก็ยังหมั่นไส้ว่าไปเรียนมาจากไหน อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เรียน
พ่อครูเล่าเรื่องเณรน้อยเล่นหมากรุกกับหลวงพ่อ…(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
SMS วันที่ 20-21 ม.ค. 2564
_Wilaiwan Mertens (วิไลวรรณ เมอร์เตนส์) : คนไทยไม่ต้องไปคิดเยอะหรอกค่ะแค่ทำตามโจนจันได, อาจารย์ยักษ์, หมอเขียวแพทย์ทางเลือก สามคนนี้ก็เหลือเฟือแล้วค่ะ
_Sengdavone Ouanvilay (แสงตะวัน อ่อนวิไล) : ນະມັດສະການພໍ່ປູ່ສະມະນະໂພທິຣັກ, ພັນເຕ,ສະມະນະ,ສິກຄະມາດຕ໌ແລະຈະເລີນທຳສຳນຶກດີຊາວພຸດອະໂສກຄ໌ທີ່ນັບຖື,ຂ້ານ້ອຍມີຊື່ທາງທຳທີ່ພໍ່ປຸ່ຕັ້ງໃຫ້ວ່າ:”ນຳແສງທຳ”ຊື່ທາງໂລກຊື່ຫລີ້ນ,
ຂ້ານ້ອຍນຳແສງທຳເປັນຍາດຕິທຳຈາກຄ່າຍສຸຂະພາບອາຈານຫມໍຂຽວ-ທັງໝົດດຣ.ໃຈເພັດ ກ້າຈົນຈາກອອນລາຍນ໌&ເລີ່ມໄປຄ່າຍອຈ.ຕອນເດືອນ7ປີ2560/ປີ2017ແລະເລີ່ມມາວັດ&ພຸດທະສະຖານຊາວພຸດອະໂສກຄ໌ໄປພ້ອມໆກັນ,ຈິດໃຈສະອາດຂື້ນຄືກັບໄດ້ອາບນ້ຳ.
นมัสการพ่อปู่สมณะโพธิรักษ์, ภันเต, สมณะ, สิกขมาตุและเจริญธรรมสำนึกดีชาวพุทธอโศกที่นับถือ
ข้าน้อยมีชื่อทางธรรมที่พ่อปู่ตั้งให้ว่า นำแสงธรรม ชื่อทางโลกชื่อ หลิน ญาติธรรมจากค่ายสุขภาพอาจารย์หมอเขียว – ดร.ใจเพชร ดูคลิปจากออนไลน์และเริ่มไปค่ายอาจารย์ตอนเดือน 7 ปี 2560/ ปี 2017 และเริ่มมาวัด พุทธสถานชาวพุทธอโศก ก่อน covid 19 ไปๆมาๆอยู่วัดเรื่อยๆ จิตใจสะอาดขึ้นเหมือนได้อาบน้ำ
_อุ่นเรือน เกิดพินธ์ : ขอเป็นลูกอโศกด้วยคนนะคะ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน
_Suphat Rittisontorn (สุพัฒน์ ฤทธิสุนทร) : ตื่นนอนต้องมีคนมารอรับเลย ไม่นุ่งห่มจีวรเลยนะ ขอถามพวกท่านเป็นพุทธหรือไม่ (จากคลิปพ่อครูแสดงธรรมได้ทุกที่ทุกเวลา ตื่นนอนมาก็แสดงธรรม)
พ่อครูว่า…อาตมาเป็นคนแปรงฟันครั้งเดียวหลังอาหารต่อวัน ไม่ได้แปรงฟันตอนเช้า กินมื้อเดียวเสร็จ ก็เลยไม่มีอะไรมาก จนหมอฟัน(หมอใหญ่)ไปแอบถามหมอฟัน(หมอฟ้ารัก)ด้วยกัน ว่าลองถามดูสิว่าพ่อท่านมีเคล็ดลับอะไรฟันถึงสะอาดจังเลย หมอฟันตรวจฟันก็รู้ว่าสะอาดผิดจากคนอื่น…อาตมาก็ว่าไม่มีเคล็ดลับอะไร เป็นเคล็ดสว่าง คือกินมื้อเดียว หลังกินแล้วก็สีฟันให้สะอาด คนสีฟันไม่สะอาดก็จะมีเศษอาหาร อาตมาสีฟันก็สีทั้งนอกและในแล้วใช้แปรงซอกฟันด้วย ก็ไม่มีขี้ฟัน ก็บอกหมอหาญณรงค์
ถามว่าเป็นพุทธหรือไม่ ก็ตอบว่าเป็นพุทธเต็มตัวทั้งเลือดและวิญญาณ อาตมาขอยืนยันว่า พุทธที่อาตมาพยายามอธิบายมาและพยายามยืดอายุตัวเองจนกระทั่งอาตมามั่นใจว่าอาตมามีพลังงานพิเศษที่เรียกว่าสัมประสิทธิ์ที่จะต่ออายุ อาตมาต่ออายุตัวเองอยู่และพยายามให้พวกเราทำตาม สูตร 8 อ. ที่ร่วมด้วยทั้งรูปธรรมและวิญญาณจริงๆ นำพาต่ออายุไปให้ได้ อาตมาก็คิดว่า.. ติดตามดูตอนนี้อายุ 87 ปีต่อไปต่อไปเดี๋ยว 90 ปี
คือมันเลยอายุขัยของอาตมาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เพิ่มมา 1 นักษัตร ขึ้นสู่นักษัตรที่ 2 อาตมาเคยบอกว่าอายุขัยของอาตมา 72 ปีตอนยังไม่ถึง 72 ปีก็ตั้งใจพากเพียรใช้อิทธิบาท ใช้โพชฌงค์ 7 ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเพื่อที่จะต่ออายุ ตั้งใจทำมามันก็ได้ เลยจาก 72 ปีมาเป็น 84 ปีตอนนี้ 87 ปีแล้วก็ยังแจ๋วยังใช้ได้
แต่ก่อนความสูงอาตมา 164 ซม. เดี๋ยวนี้อาตมาความสูง 166 ซม. ซึ่งคนอายุเลยจาก 30 ปีก็จะไม่สูงขึ้นแล้ว จากนั้นก็จะเตี้ยลง แต่อาตมาสูงขึ้น ตอนนี้สูง 166 ซม. แล้ว ถ้าสูงขึ้นไปอีก ไม่เอาทางอ้วนแต่เอาทางสเลนเดอร์ ความอ้วนไม่ยืนยันความแข็งแรง แต่ถ้ามีความสเลนเดอร์มีความสำคัญ คนมันจะยืนยันว่าแข็งแรง ตอนนี้ก็ให้เอาดัมเบลมาฝึกหน่อย เขากลัวว่าจะ overload อาตมาก็ ประมาณได้อยู่หรอก บอกว่าน่าจะเสริม bisep trisep บ้าง
อาตมาไม่ได้ห่วงแหนธรรมะ ตื่นขึ้นมาก็มีคนมารอ ไม่ได้พูดเรื่องที่จะไปส่งเสริมลาภยศสรรเสริญสุข ก็พูดเรื่องของธรรมะโลกุตระ ก็ส่งคลิปไปให้ดูกันก็ดูกันให้ดี
_Pligdin D (พลิกดิน ดี) : ทำไมไม่พูดถึงทุนcp นายรักษ์ รักษ์พงษ์ นายทุนผูกขาดในประเทศไทยทุกวันนี้ทำไมไม่พูดถึงฮึนายรักษ์
ระบอบคอมมิวนิสต์โดยสมบูรณ์อยู่ที่โพธิรักษ์นี้เอง มันใกล้กลียุคแล้วเหมือนที่เขียนไว้ในราชธานีอโศกที่มีรูปปั้นเยอะๆมันใกล้มาแล้วๆ
พ่อครูว่า…ขอตอบตรงนี้ก่อน อาตมาไม่พูดถึงเพราะอาตมาไม่มีข้อมูล อาตมาไม่ได้ทำเพื่อตีเขาทำลายเขา อาตมาไม่มีเวลาพอ และก็เห็นว่ายังไม่อยู่ในวาระที่อาตมาจะต้องไปถึงขั้นทำอันนั้น อาตมายังไม่ถนัดเท่าไหร่ในเรื่องวิธีการทางโลกที่เขาจะต้องได้เปรียบซับซ้อนอย่างโน้นอย่างนี้ รู้…ว่าคุณธนินท์เก่งในการสร้างค่ายกลระบบทุนนิยมซับซ้อน จนได้ร่ำรวยขนาดนี้ อาตมาเข้าใจโครงสร้างแต่ยังไม่ได้รายละเอียด และอาตมาไม่เก่งในการเจาะรายละเอียดต่างๆเหมือนคุณเปลวสีเงิน อาตมาตอนเช้าก็อ่านข้อเขียนของคุณเปลวสีเงิน ก็ได้ประเทืองปัญญาไปด้วย
เอาคอมมิวนิสต์มาใส่อาตมา…ใช่ ทำไมรู้! อาตมานี่ยอดคอมมิวนิสต์ ยอดประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ทั้งหลายสู้อาตมาไม่ได้ อาตมาให้คนเสียภาษีได้ 100% พูดอย่างนี้เลยว่าถ้าคนในประเทศนี้เสียภาษีให้รัฐ 100% ซึ่งซ้อนในประเทศ มีหมู่กลุ่มที่คนเสียภาษีให้ส่วนกลาง 100% มีแต่เพื่อประชาชนกระจายสู่ประชาชน 100% คงคลังก็จะไม่สูงขึ้นเหมือนกับคนนิยม แต่อัตราการสะพัดจะสูงขึ้นๆๆๆ กระแสสะพัดจะสูงขึ้น แต่เรื่องของคงคลังจะไม่สูงขึ้นก้าวหน้าเหมือนอัตราการสะพัด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
_Atcharan”nongkhai(อัจฉรา หนองคาย) : ดิฉันเคยมีจิตดูหมิ่นพ่อท่านและชาวอโศก ป่วยเป็นมะเร็งหนักมาก กราบสำนึกผิดค่ะ ตอนนี้ดีขึ้น ใช้หลักการแพทย์วิถีธรรมสาธุค่ะ /หนองคาย
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ได้มีฤทธิ์เดชจะทำอย่างนั้นได้นะไม่ใช่ ค่อยๆทำความเข้าใจไปแต่เขาบอกคุณนิดนึงว่าไม่ใช่นะอย่ามาดูถูกดูแคลนอาตมาอย่างนั้น มาดูถูกอาตมาแล้วอาตมาจะออกฤทธิ์เดชทำให้คุณเป็นมะเร็งอย่างนั้นไม่ใช่นะ ซึ่งแม้แต่คนทำร้ายคนด่าว่าอาตมาอาตมาก็ไม่ได้มีจิตที่จะไปให้ร้ายตอบ คิดร้ายตอบ ไม่เอา อย่าให้มีความร้ายอยู่ในมนุษยชาติ แต่มันเป็นไปไม่ได้คนก็ยังต้องเป็นกันอยู่เยอะ ขนาดนี้เราก็ช่วยสังคมมนุษยชาติอย่าให้มีความร้ายในสังคมเพิ่มขึ้น
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน…มีประเด็นที่พ่อครูตื่นมาไม่มีผ้าห่มจีวร พ่อครูตื่นมาก็พร้อมให้บริการประชาชน
พ่อครูว่า…อาตมาก็มีสมมุติที่ไม่เกินเลยหรอก เพราะคนที่มารอแต่เช้าเป็นคนใน ไม่ใช่แขกข้างนอก เป็นคนกันเองก็ลูกๆทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องของภายในบ้าน คุณเข้าใจไหม คนภายในบ้านจะไม่มีอะไรมาก ไม่ใส่เสื้อกันด้วยซ้ำไปนุ่งผ้าเตี่ยวก็พูดกันได้แล้ว นอกจากจะเป็นเรื่องของมีแขกมีคนข้างนอกมาบ้าง เป็นภาระเหมือนกัน แต่ทีนี้มันชัดเจนไม่ได้ติดใจไม่ได้ถือเป็นความเสียหาย ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ก็เป็นคนรู้กันหมดแล้ว เคยเห็นเนื้อเห็นตัว สิ่งที่เปิดเผยกันเป็นสามัญก็อยู่กันอย่างสบายๆ อาตมาก็ไม่ได้เป็นคนถึงขนาดว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เปิดเสื้อผ้าข้างบนกันบ่อยๆก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ขนาดนั้นอาตมาก็ว่าน่าจะพอได้ อย่างแย่ที่สุดก็มีอังสะ ใส่เสื้อเขาก็ถือสา พระมาใส่เสื้อนุ่งกางเกงถือว่าสึกนะ อาตมาเวลาออกกำลังกายบริหารโยคะก็นุ่งกางเกง ไม่เช่นนั้นนุ่งสบงเฉยๆ ยกขาก็จะไม่ดี อาตมาก็ทำตามเหมาะสม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเลือกกางเกงชั้นดี ทรงมอสทรงเดฟ มันก็ไม่ใช่ เป็นกางเกงที่พอใช้สำหรับใส่ออกกำลังกายเหมาะสม ความพอเหมาะพอดีอย่างพวกนี้ อาตมาใช้ภูมิปัญญาระมัดระวังสังวรเหมือนกัน ไม่ได้ทำจนเสียหาย..ไม่ใช่ พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัวเปล่าๆ
สรุปก็คือ คนกันเอง ลูกๆอยู่ในบ้านก็มาช่วยพ่อแม่อย่างนั้นเอง คนที่ไม่เข้าใจองค์ประกอบของสังคมก็ไม่เข้าใจ สังคมในไม่ใช่สังคมนอกกว้างออกไป แต่เป็นสังคมคนในๆ เป็นคนกันเอง เป็นครอบครัวลูกหลานที่อยู่กันประจำจริงๆอยู่ในบ้าน เอาละก็เน้นแค่นี้ก็คงพอเข้าใจ
การเกิดคือชาติ 5 แบบตามปฏิจจสมุปบาท
มาต่อซีรีย์ของชาติ ก็ทวนตั้งแต่ชาติ 5 ของพระพุทธเจ้าก่อน
ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ
ชาติ คือ รูป การเกิดทางกาย เกิดชาติพันธุ์ ประชาชาติ
ชาติ คือ นาม การเกิดทางจิตโอปปาติกโยนิ ได้แก่
-
ชาติ (ความเกิด) คำว่า ชาติ รวมการเกิดไว้ทั้งหมด ชาติปิทุกขา
-
สัญชาติ (ความบังเกิด)
-
โอกกันติ (ความหยั่งลง)
-
นิพพัตติ (การเกิด)
-
อภินิพพัตติ การเกิดจำเพาะ ท่านแปลอย่างนั้น อาตมาเห็นใจว่าท่านไม่มีสภาวะในการแปล แต่อาตมามีสภาวะ อาตมาเป็นพระอรหันต์ก็ต้องรู้ความเป็นจริงพวกนี้ ถ้าไม่รู้ความเป็นจริงพวกนี้ไม่มีสภาวะเหล่านี้ อาตมาจะเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร อาตมาอธิบายชาติ 5 นี้ได้
“ชาติ’ ก็คือ ความเกิดทั่วไปทั้งหมด เป็นคำกลางๆ
“สัญชาติ” เป็นความเกิดที่ประกอบด้วยสัญญาเก่า เอามาใช้ สัตว์โลก ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน จะมีสัญชาติจะมีความรู้ตามสัญชาติ เรียกรวมว่าเป็นสัญชาตญาณ คือ ความรู้ตามสัญญา คลังความจำเดิม ความเกิดแต่เดิมของตน ตั้งแต่สัตว์ก็มีสัญชาตญาณ คนก็มีสัญชาตญาณ ยิ่งเป็นอริยบุคคลก็ยิ่งมีสัญชาตญาณที่ระลึกเอาความเกิดเก่ามาใช้ได้มากขึ้นๆ
“โอกกันติ” คือ การเกิดในปัจจุบัน ทุกปัจจุบัน เมื่อเกิดกรรมทางกาย วาจา ใจ กรรมนั้นๆ ก็จะหยั่งลงความเกิดเป็นปึกแผ่นของชาติหรือความจำที่เป็นสัญชาติ มันจะหยั่งลง
ในโลกียะ มันก็มีความเกิดใหม่เรียกว่าความเกิดของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมเหมือนกัน แต่เขาไม่รู้ แต่มันก็หยั่งลง ในความจำ ของโลกียะก็หยั่งลง ของโลกุตระก็หยั่งลง แต่โลกียะเขาแยกไม่ออก เขาไม่รู่ว่าการเกิดนี้ เขาควรให้เกิดหรือไม่ให้เกิด ในโลกียะก็มีกิเลสทำให้เกิดกรรม มันก็เป็นกรรมของคุณแล้วก็ผนึกลงไปเป็นกรรมทายาท จะต้องเป็นมรดกของคุณ คุณต้องรับมรดกนี้ คุณจะต้องรับเป็นทายาทของกรรมของคุณเอง กัมมทายาท แล้วกรรมนี้จะพาคุณเกิดกัมมโยนิ ตกผลึกสั่งสมเป็นตระกูลของคุณ เป็นกรรมพันธุ์ แล้วคุณจะต้องได้อาศัยอันนี้แหละ เป็นกัมมปฏิสรโณ สั่งสมดีก็อาศัยดี ทำชั่วก็ได้ชั่วไปเรื่อยๆ หากรู้ว่าต้องสั่งสมความดีละเว้นความชั่วก็เป็นกัลยาณชนขึ้นมา ถ้าเป็นพระอริยะแบบโลกุตระ ก็ยิ่งทำดีแต่ไม่ติดยึดดี แต่ต้องทำสั่งสมลงเหมือนกัน ทำแบบโลกุตรจิต คือ
“นิพพัตติ” คือ การเกิดที่มีญาณปัญญา มีอัญญธาตุแล้ว มีปัญญาโลกุตระ ทำให้เกิดคุณธรรมโลกุตรธรรมสั่งสมลง ในขณะการสั่งสมการเกิดเป็นพระอริยะขั้นสูงขึ้นไปนี่แหละคือ นิพพัตติ การเกิดเป็นชาติที่เป็นโลกุตรธรรม
“อภินิพพัตติ” คือ การเจริญทางโลกุตรธรรมเพิ่มขึ้นจนสูงสุด เป็นอินทรีย์ เป็นพละของโลกุตรธรรม จบเป็นพระโสดาบันก็มี อภินิพพัตติ ของพระโสดาบัน ของพระสกิทาคามีก็เป็นระดับของพระสกิทาคามี ซึ่งจะตัดรอบอธิบายยาก หากตัดรอบได้ก็เข้าสู่อนาคามี สกิทาคามีต่อเนื่องยาวจนกว่าจะหมดกามภพก็ตัดเข้าสู่อนาคามี เหลือแต่รูปภพ อรูปภพ ซึ่งมันเป็นพลังงานอ่อน จะไม่เกิดออกมาข้างนอกเลย แล้วก็ล้างรูปภพของตัวเองของอนาคามี จนหมดรูปภพแล้วก็ล้างอรูปภพที่เหลือ หมดอรูปภพก็เป็นพระอรหันต์เป็นวิภวภพ จนกว่าจะหมดความเป็นภพชาติก็เหลือแต่ความต้องการที่เป็นวิภวตัณหา
ความปรารถนา ความอยาก ความต้องการ ธรรมดานี่แหละ เป็นความประสงค์ให้เป็นเช่นนั้นที่มันไม่มีกิเลส ไม่มีภพชาติ เป็นตัณหาอุดมการณ์ เป็นตัณหาปรารถนาดีที่ตัวเองไม่มีกิเลสตัณหาเพื่อตัวเอง มีแต่เพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจและมีความรู้กำกับ ก็ทำงานนี้ต่อไปเรื่อยๆ
พระพุทธเจ้าทำงานสร้างศาสนา มารก็มาอาราธนาให้ตายเสียเมื่อบรรลุแล้ว ท่านก็บอกว่าท่านยังไม่ตาย ท่านจะทำงานสร้างศาสนาต่อให้มั่นคงแข็งแรง มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ให้แข็งแรงสร้างศาสนาต่อไปให้ยาวนานจนกระทั่งหมดกัปของเรา
ฟังแล้วจะรู้ว่าอาตมาเป็นคนมีอะไรอยู่นะ พูดตรงๆจนมีฉายาว่า ขวานจักตอกและสายฟ้าในวาทะ อาตมารู้จริงๆว่า ในความเป็นคน มันไม่มีอะไรดีกว่าการได้โลกุตรธรรม นอกนั้นมีแต่เป็นไปทางโลกีย เป็นความสุขความทุกข์ที่ต้องดับ เป็นธรรมะ 2 ที่ต้องดับ ความสุขความทุกข์ เหมือนกระดาษ 1 แผ่น จะเผาด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เผาอีกหน้าหนึ่งมันก็จะถูกอีกหน้าหนึ่งไปด้วย มันไม่สามารถแยกออกจากกันได้กระดาษหน้านี้กับอีกหน้าหนึ่งต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถ้าเขาบอกว่าเหรียญสองหน้ามันหนาก็อาจจะผ่าได้ แต่กระดาษนั้นยากที่จะผ่าออก 2 แผ่น เผาไปหน้าหนึ่งอีกหน้าหนึ่งก็เป็นขี้เถ้าไปด้วย ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนา อทุกขมสุข ดับทุกข์ดับสุขเป็นอุเบกขา อุเบกขาเป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าไม่สุขไม่ทุกข์ แต่เรียกแทนกันได้
ผู้ที่สะอาดจากกิเลสแล้วมีจิตอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
องค์คุณ 5 ของ..อุเบกขา
-
ปริสุทธา (บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนิวรณ์ 5)
-
ปริโยทาตา (ผุดผ่องขาวรอบแข็งแรงแม้ผัสสะกระแทก)
-
มุทุ (รู้แววไว อ่อน-ง่ายต่อการดัดปรับปรุงให้เจริญ)
-
กัมมัญญา (สละสลวยควรแก่การงาน ไร้อคติ)
-
ปภัสสรา (จิตผุดผ่องแจ่มใสถาวรอยู่ แม้มีผัสสะ) (ธาตุวิภังคสูตร พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 690)
ท่านก็แปลในพระไตรปิฎก ซึ่งแปลแล้ว ไม่ถูกสภาวะ
การเกิด 5 อย่างตามมหาปเทส
ทีนี้ชาติ อาตมาก็มาขยาย ชาติ 5 ที่ไม่ใช่อาตมาบัญญัติ แต่ขยายความตามมหาปเทส
1.การเกิดมีร่างกายเป็นคนเป็นสัตว์ ถ้าตายก็คือชีวะที่เป็นคนเป็นสัตว์ คือ ชาติที่เกิดทางร่างกายกับจิตวิญญาณตายไปก็เป็นชาติๆหนึ่ง
2.การเกิดใจ เรียกว่าโอปปาติกโยนิ ถ้าเผื่อว่าวิญญาณที่ตายจากข้างใน แยกกันระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ตายจากชาตินี้แล้ว ถ้าคนธรรมดาสามัญปุถุชน จิตก็ออกไปเป็นสัมภเวสี กายก็ทิ้งให้เขาเผาหรือเน่าไป ส่วนจิตวิญญาณถ้าเป็นของปุถุชนก็เป็นสัมภเวสีไปหาที่เกิดใหม่ไปตามวิบาก กับผู้ที่มีวิบากลงนรก ก็ต้องไปลงนรก ถ้ามีสวรรค์ก็ไปเกิดในสวรรค์ สวรรค์ก็คืออารมณ์ยินดีอารมณ์สุขอารมณ์สบายใจ ถ้าสร้างอารมณ์นิสัยจิตแม้แต่กดข่ม เหมือนสายท่านติช นัท ฮันห์ สบายๆท่านก็จะสร้างอันนี้ไว้จนชินสั่งสมลงไปตกผลึก ตายแล้วตอนที่จะหมดแรงของการพยายามสั่งสมความเป็นเช่นนี้ เป็นภพเป็นชาติที่ไม่ใช่โลกุตระนะ ท่านติช นัท ฮันห์ก็เป็นการติดภพสบายสวรรค์ ส่วนพวกนั่งหลับตาดับก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนของติช นัท ฮันห์ท่านก็พยายามให้มีสติตื่นสบาย หลับก็ให้มีสติตามสบาย นี่คือของท่านติชนัทฮันห์ หมดฤทธิ์แรงของการพยายามสร้างอย่างนั้นที่เนรมิตเอาไว้ หมดแรงเมื่อไหร่ก็กลับคืนสู่วิบาก สุขทุกข์หรือโลกียะดังเดิม เพราะไม่ได้เรียนรู้หรอก รู้ตลอดเลยตั้งแต่ศีลข้อ 1 ข้อ 2 แม้แต่ศีลข้อ 1 ท่านติชนัทฮันห์ท่านก็มี แต่ไม่ได้เรียนรายละเอียดของศีลมันจะเกี่ยวข้องกับจิตอย่างไรเกี่ยวข้องกับปัญญาและอย่างไรเกี่ยวข้องกับวิมุติอย่างไร เรียนรู้ตามจรณะ 15 วิชชา 8 ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 ไปไม่รู้เลย ไม่มีรายละเอียดอย่างนี้เป็นต้น ขออภัยที่วิจัยวิจารณ์ท่านติชนัทฮันห์ ลูกศิษย์ลูกหาอาจจะได้ฟังบ้าง ขออภัยอันนี้พูดถึงวิชาการ ท่านก็มีคุณงามความดี อย่างน้อยก็ มีโลกียที่น่านับถือ ทางโลกต้องให้รางวัลนะคนอย่างนี้
อรหันต์ที่ตั้งจิตไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็จะต่อภพภูมิไป เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 6 7 8 ส่วนพระอรหันต์ที่เป็นโพธิสัตว์ระดับ 1 2 3 4 นั้นก็เป็นโพธิสัตว์ตั้งจิตต่อจะให้สร้างภพภูมิต่อไปเรื่อยๆ ก็จะไปเป็นพระพุทธเจ้า เขาเป็นตั้งแต่พระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์ ก็จะต่างกับคนที่ตั้งจิตไม่เป็นโพธิสัตว์คนนี้เอาแต่อรหันต์ก็จะจบเร็วกว่า ตายไปแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สูญ ไปเลยอย่างนี้เป็นต้น
-
เกิดอย่างลิงลมอมข้าวพอง เกิดอย่างไม่เจตนา แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตาม พระโพธิสัตว์ก็ตาม ส่วนปุถุชนไม่ต้องพูดเลย ลิงลมอมข้าวพองก็คือสิ่งที่ไม่ถาวรหรอก ถูกกระแสโลกปัจจุบันครอบงำ อย่างเช่นพระพุทธเจ้าถูกกระแสโลกีย์ของโลกเขาครอบงำ เมื่อท่านอุบัติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนจะตรัสรู้ ท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมีสัมมาสัมโพธิญาณตั้งแต่ชาติก่อน ในตอนเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะไม่มีเวลามาปฏิบัติธรรมหรอก ไม่ต้องปฏิบัติธรรมหรอกเพราะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้ว บริบูรณ์แล้ว เพราะฉะนั้นมาเกิดก็จะมาเปิดธรรมะ มาสร้างธรรมะ มาเอาธรรมะ กระจายธรรมะไม่ต้องไปเสียเวลาสร้างอีก มีของเดิมเต็ม เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าก็ตามแม้แต่พระสมณโคดมก็ถูกพระราชบิดาครอบงำ ไม่รู้อะไรเลยมีแต่สุขโลกีย์เต็มที่ ทุกข์ที่เป็นโลกุตระความเกิดแก่เจ็บตายไม่รู้เรื่อง คนแก่ก็ยังไม่รู้จัก คนเจ็บคนป่วยไม่รู้จักคนตายยังไม่รู้จัก ฟังแล้วเหมือนโง่เต็มที่เลย ไม่รู้จักคนแก่คนเจ็บคนตาย เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร เพราะว่าถูกครอบงำจริงๆเลย นึกว่าโลกนี้มีอยู่แค่นั้น จนกระทั่งท่านเล็ดลอดออกไปนอกวังได้ ไปกับนายฉันนะถึงไปเจอคนป่วยคนแก่คนตายแล้วไปเจอสมณะคือเทวทูตทั้ง 4 ท่านก็ถามว่าคืออะไรหรือ คนเจ็บคนป่วยทรมานคนต้องเป็นอย่างนี้ด้วยหรือ นายฉันนะก็บอกว่าเป็นพระองค์ก็ไม่พ้นไปได้ ท่านก็ตกใจว่า เราจะต้องเป็นอย่างนี้ด้วยหรือ ก็เริ่มเข้าใจทุกข์อริยสัจ ท่านก็บอกว่าอย่างนี้ไม่เอา แต่จะไม่เอาได้อย่างไรเกิดเป็นคนแล้ว ไปเจอคนแก่หง่อม ท่านก็ถามว่าอะไร เขาก็บอกว่าคนแก่ มีความเสื่อมของร่างกายไม่เต็มบริบูรณ์ ท่านก็ตกใจว่าคนต้องเป็นอย่างนี้ด้วยเหรอ เขาก็บอกว่าพระองค์ก็ไม่พ้นไปจากนี้ ท่านก็บอกว่าไม่เอาหรอก กลัวความแก่ ไปเจอคนตายนอนนิ่ง ก็ถามว่าอะไร ไม่หายใจเลย เขาก็บอกว่าคนตาย ไม่ฟื้นแล้ว ยิ่งกว่านอนหลับไปเลย ท่านก็ตกใจว่าคนจะต้องตายด้วยเหรอ เขาก็บอกว่าพระองค์ก็ไม่พ้นความตาย ท่านก็กลัวแก่เจ็บตาย ครั้นไปเจอสมณะ ก็ถามว่าอะไร เขาก็บอกว่าคือ ผู้แสวงหาทางออกไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย ท่านก็ว่า อ๋อ.. คนอย่างนี้ เขาก็บอกว่าพ้นได้ถ้าเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ว่า อ๋อ
ท่านรู้ว่าการเกิดมีแล้วคือ ตอนลูกท่านเกิด ท่านก็อุทานว่า เกิดแล้วหรือ ห่วง ภาษาบาลีว่า ราหุลังพันธนังชาตัง ห่วงเกิดมาแล้วหรือ…ท่านก็ชวนนายฉันนะออกบวช จากนั้นถูกนักบวชครอบงำให้ไปทรมานตน ทุกรกิริยาอีก 6 ปีก็ไม่บรรลุ เพราะภูมิเดิมไม่เกิด อยู่ในภาวะของลิงลม อมข้าวพอง ถูกนักบวชในยุคนั้นครอบงำเหมือนในยุคนี้ ไปนั่งหลับหูหลับตาแบบเดียถีย์ อาตมาพูดจนเหนื่อย แต่ก็ต้องพูด เตือนว่าอย่าออกป่าเขาถ้ำ ของพระพุทธเจ้าเป็นแบบตื่น จรณะ 15 วิชชา 8
สรุป ลิงลมอมข้าวพอง การเกิดชนิดหนึ่ง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ต้องเกิด อาตมาก็ไม่พ้นก็ต้องเสียเวลาไปตั้ง 36 ปี
-
การเกิด…