631231 ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1EQV6VxSoVOgfLe0WzLQYbFX2HIuNH503rFpKgyWBd5M/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1judTa-sBJzeO4mTvskEu6MeFYERJq-pC/view?usp=sharing
ยูทูปที่ https://youtu.be/ualJLcnQwIw
สาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 คุณธรรมที่ชาวอโศกมี
พ่อครูว่า…เจริญธรรมฉลองชัยปีใหม่ วันนี้ เวลาตอนตี 2.36 น. เด็กหญิงคนหนึ่งได้อุบัติขึ้นมา ที่โรงพยาบาลวารินชำราบเป็นเด็กบ้านราชฯ พ่อก็อยู่บ้านราชฯแม่ก็อยู่บ้านราชฯ เป็นเด็กพ่อแม่ลูกบ้านราชฯ ปลอดภัยดี จะกลับเข้ามาบ้านราชฯนี้ไม่นานนัก ชื่อว่าน้อง ปุณย์ เป็นลูกคนแรกของนายปุ๊กกับนางรุณ ก็ต้อนรับปีใหม่เนาะ
วันนี้วันแรม 2 ค่ำเดือน 2 วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เราก็มาฟังเทศน์ส่งท้ายปีเก่ากัน รู้สึกว่าอบอุ่นกันพอสมควร มาจากไหนกัน? ..มาจากบ้านราชฯกันหมดหรือนี่ วันส่งท้ายปีเก่านี้ตื่นหรือ ธรรมดามันก็ไม่มากขนาดนี้นี่ ..มาเข้าค่ายด้วย ส่งท้ายปีเก่าด้วย ก็เลยดูอุ่นหนาฝาคั่ง ได้นับกันหรือเปล่า มีคุ้มเฟส 2, คุ้มบว, โรงสี, คุ้มเฟส 1, คุ้มตะวันออก, คุ้มตะวันตก
พวกเรา อาตมาว่า มันถูกต้องตามธรรมพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ทั้งนั้นเลย พวกเราได้ศึกษาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ากันมาแล้วก็เอามาปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วเสร็จสรรพ ผลก็คือพวกเราเกิดเป็น เกิดตามพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้า
อย่างสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตามโนกรรม เมตตาวจีกรรม มีสังคมสิ่งแวดล้อมดีถึงขั้นมีสาธารณโภคีลาภธัมมิกา ลาภได้โดยธรรมก็เอามารวมกันกับส่วนกลาง กินใช้ร่วมกัน แล้วปฏิบัติประพฤติไป มีศีลเสมอกัน โสดาบันเสมอโสดาบัน สกิทาคามีเสมอสกิทาคามี อนาคามีเสมออนาคามี อรหันต์เสมออรหันต์ แล้วมีทิฏฐิสามัญญตา มีจุดแนวร่วมสุดท้ายคือนิพพานร่วมกัน เป็นคนที่เจริญที่สุด
คนที่เจริญที่สุดจะมีลักษณะ 7 อย่าง ลักษณะที่ระลึกถึงกันไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ทางนี้เข้าออกป่าเขาถ้ำอยู่กับสิงสาราสัตว์ ไม่ใช่ อยู่อย่างระลึกถึงกัน อย่างพวกเราตื่นเช้าขึ้นมาก็เซฮัลโหลกันว่าเป็นยังไง มีเด็กน้อยคนหนึ่งเกิดมาในหมู่บ้านเราระลึกถึงคนบ้านเรานางรุณนายปุ๊ก พ่อแม่ให้กำเนิดบุตรขึ้นมาหนึ่งคนให้นึกถึงกันแต่เช้า
มีสาราณียะ มีปิยกรณะ มีความรักกัน แต่ไม่ได้รักกันอย่างหยาบอย่างโลกเขา รักกามก็แรง ราคะก็จัด ไม่ได้รักกันอย่างนั้น แต่รักกันอย่างพอเหมาะพอสม แล้วก็รู้จักตัวรู้จักตนว่ายังมีกิเลสอยู่ อันที่ยังเหลือเราก็รู้ว่าเรายังเหลือนะ จะต้องทำให้มันเบาบางให้มันหมดลดละลงไป จนกระทั่งสมบูรณ์แบบ เป็นคนที่หลุดพ้นความสุขความทุกข์เป็นระดับอย่างนี้เป็นต้น เป็นคนมีความรักกันอยู่อย่างเคารพกัน
ครุกรณะ อันนี้สำคัญ เคารพกันด้วยวัย เด็กเคารพผู้ใหญ่ ลูกเคารพพ่อเคารพแม่ เคารพกันด้วยสมมติ คนนี้มีฐานะ เขาเคารพกันด้วยฐานะทางโลก ฐานะทางตำแหน่งหน้าที่ แม้แต่เคารพกันด้วยสัจจะฐานะ คนนี้มีคุณธรรมสูง แม้ว่าคนนี้จะอายุน้อยกว่าเรา คนนี้จะเป็นเด็ก คนนี้เป็นผู้ที่ในวุฒิฐานะอีกต่างหาก วุฒิฐานะทางความรู้มีความรู้สูงกว่าเราก็เคารพด้วยฐานะทางความรู้สูง อะไรพวกนี้เป็นต้น ก็เคารพกันอยู่ต่างๆนานา อย่างถูกทางโลกทางธรรม เคารพแบบทั้งโลกเขาสมมติกัน เคารพทางธรรมที่เป็นปรมัตถ์อะไรพวกนี้เป็นมีครุกรณะ
มีสังคหะ อยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเจือจานเกื้อกูลกันช่วยเหลือกันไปอย่างนั้นอย่างนี้มันเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม คนเป็นสัตว์โขลงเป็นสัตว์หมู่สัตว์กลุ่ม ก็อยู่กันอย่างมีความรักความเคารพช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนที่มีกำลังมากช่วยคนที่มีกำลังน้อย ผู้ใหญ่ก็ช่วยเด็กเป็นไปตามลำดับ หรือแม้แต่ผู้ที่อายุน้อยกว่าช่วยผู้ใหญ่อายุมากขึ้นแก่ขึ้นอะไรเป็นต้น อยู่กันยังมีปัญญาความรู้อะไรควรอะไรไม่ควร สิ่งที่ไม่ควรก็ไม่ทำ สิ่งที่ควรกระทำเป็นคนเจริญสังคหะไม่วิวาทกัน
อวิวาทะ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งจะย้อนแย้งอะไรก็แย้งจะถกเถียงกันบ้างก็ถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล ด้วยจิตเมตตาด้วยจิตปรารถนาดี เป็นคนประเสริฐเป็นคนอารยะเป็นคนเจริญไม่วิวาทกันมีความพร้อมเพรียงกัน พร้อมเพรียงกันทำพร้อมเพรียงกันเลิกพร้อมเพรียงกันไปพร้อมเพรียงกันมาพร้อมเพรียงกันแยกพัก แยกผ่อน ถึงเวลาวาระแยกพักไปพักไปผ่อนก็ทำ
มีสามัคคียะ พร้อมเพรียงกันอย่างมีปัญญา รู้จักกาละเทศะสถานะ ไปตามฐานานุฐานะเป็นปึกแผ่น
เอกีภาวะแม้จะเข้าใจกันแยกกันก็อยู่กันอย่างมีองค์รวมหนาแน่นแข็งแรงเป็นปึกแผ่นเพราะมีจิตเป็นตัวประธานเป็นจิตที่เป็นตัวเชื่อมตัวประสานตัวคัดแยกมีทั้งตัวประสานตัวรวมตัวคัดแยกอยู่ในตัว เราจะรวมกันอยู่ แต่เราก็อยู่อย่างรู้ บางอย่างไม่ควรรวม ในสิ่งที่เป็นอกุศลในสิ่งที่ควรจะให้แยกควรอย่าเข้าใกล้ เช่นคนนี้มีเชื้อโควิค เราไม่เข้าใกล้ เราให้แยก ให้ไปอยู่ Social distancing อยู่ห่างๆอย่างนี้เป็นต้น คนนี้พฤติกรรมไม่ดีอย่าเข้าใกล้นะ กัดเก่ง เราก็ระวัง อยู่กันยังระวังคนนี้กัดเก่ง ไม่รู้ว่าเอาเชื้อหมา หมาอะไรที่มันแหย่เสือเก่งๆ หมาไฮยีน่า ขาหลังเป๋ๆ ตัวมันก็มีรูปทรงตลกๆ
วรรณะ 9 คุณธรรมที่ชาวอโศกมี
สรุปแล้วรวมเป็นคนที่มีภูมิธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส แต่ละอย่างแต่ละข้อท่านตรัสไว้ เราเข้าใจความหมายแล้วก็เอามาประพฤติปฏิบัติ อาตมาว่าเราไม่ได้ขี้ตู่ เราว่าพวกเราศึกษาธรรมะพุทธเจ้าแล้วเข้าใจ เข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติประพฤติได้ผลสำเร็จ มีมากมีน้อยได้ผลน้อยผลมากก็เจริญตามฐานานุฐานะจริงๆ แล้วก็มารวมกันอยู่เป็นชุมชนมนุษยชาติ ซึ่งเป็นชุมชนที่สูงที่สุดเรียกว่าเป็นชุมชน Classic มีวรรณะ เป็นชุมชนที่มีชั้นวรรณะ Classic เป็นวรรณะ 9
วรรณะ 9 ถ้าชาวโลกเขาคนโลกีย์นักเศรษฐศาสตร์ หรือแม้แต่นักบริหารปกครองโดยเฉพาะนักสังคมศาสตร์ เข้าใจวรรณะ 9 นี้บริบูรณ์เลย ว่าเป็นสังคมที่เจริญสูงสุด เป็นชุมชนที่คลาสสิคที่สุด ชั้นสูงที่สุด เป็นคนที่มี สุภระ เลี้ยงดูง่าย อยู่กันอย่างง่าย อย่างเราเลี้ยงลูกเต้า ลูกหลานเราเลี้ยงง่าย
สุโปสะ สอนง่าย ทำให้เจริญง่าย เป็นคนว่านอนสอนง่าย พัฒนาให้เจริญง่ายๆ
สุภระเลี้ยงดูง่าย สุโปสะ สอนง่ายพัฒนาให้เจริญง่ายๆ
อัปปิจฉะ เป็นคนกล้าจน เป็นคนมักน้อย ชอบมีน้อยๆ มักน้อยคือชอบ มักมากคือ ชอบมากๆตะกละตะกรามโลภโมโทสันจัดมีเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เอาเข้าไปโลภไปเรื่อยๆจนตายก่อนจะตายก็ยังขอดูบัญชีอีกนิด โอ้ คนเรานี่มันไม่รู้เรื่องเลยอะไรคือความเจริญ คนเจริญคือคนจน ถ้าฟังอย่างนี้แล้วเข้าใจพระพุทธเจ้าสอนให้มาเป็นอย่างนี้นะ ให้มาเป็นคนจนเป็นคนเจริญ
อาตมาทำงานมานี้ค่าเฉลี่ยค่ารวมแล้วพวกเรานี้ถูกต้องตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่เต็มใจมาจนมุ่งมาจน ตั้งใจมาพยายามประพฤติปฏิบัติให้มาเป็นคนจน จนให้ได้ จนจนสำเร็จ ในชาตินี้ สำเร็จเมื่อไหร่แล้วเป็นคนจนอยู่ได้ไหม อยู่ได้สบาย เพราะว่ามันเป็นสังคมที่เต็มสังคมที่บริบูรณ์แล้ว มันปุณย์แล้ว อย่างน้องปุณย์เกิด มันเต็มแล้วเป็นความเต็มอย่างสังคมองค์รวมที่มีความเป็นอยู่มีเสนาสนะสัปปายะ มีสถานที่ก็สบายสัปปายะเจริญ ดี
สัปปายะมีอะไรเป็นสิ่งที่อาศัย ก็อาศัยกันอย่างดี มีที่อยู่ที่พักที่กินที่นอนที่หลับที่ทำกินทำอยู่ที่สร้างสรรอะไรต่ออะไรพร้อม นี่พยายามจะทำให้เป็นโลก โลกนึง มีภูเขามีแม่น้ำลำธาร มีต้นหมากรากไม้มีแผ่นดินมีที่อาศัยมีโรงเรือนมีอะไรต่ออะไรให้ย่อลงมาแล้วมาอยู่รวมกัน อย่างครบสมบูรณ์เป็นองค์ประกอบของมนุษยชาติที่พึงมี ไม่เป็นป่าคอนกรีต ไม่เป็นป่ารก เป็นป่าที่มนุษย์อยู่เรียกว่าเป็นอาราม อาราม แปลว่าน่ายินดี รามะ แปลว่าน่ายินดี อย่างเป็นคนมีปัญญา มีสัดส่วนที่ดี รังสรรค์ขึ้นมา
เป็นคนมักน้อยเป็นคนใจพอ สันตุฏฐิ หรือสันโดษเป็นคนใจพอ จุดนี้แหละเป็นจุดใหญ่สำคัญ พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินประเทศไทย อยู่ในจักรีวงศ์รัชกาลที่ 9 ได้เอาจุดสำคัญนี้มาประกาศให้คนในโลกฟัง โดยใช้ภาษาคำศัพท์ว่า พอเพียง
พอเพียง ก็คือเอาคำที่มาจาก สันตุฏฐิ เป็นคนใจพอ มีความรู้จักพอ มีเท่านี้พอแล้ว คนที่สมบูรณ์สุดมี 0 บาท พอ ไม่มีหนี้ ไม่มีส่วนเกินที่จะโลภกักไว้ เป็นคนหมดตัวหมดตน จะอยู่ได้ไหม อยู่ได้ แม้เราจะแก่เฒ่าจะทำอะไรไม่ได้ก็มีคนช่วยเหลือ ชีวิตเรามีคนช่วย ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ฝากชีวิตไว้กับสังคมหมู่กลุ่ม อยู่ด้วยกันเกื้อกูลกัน พึ่งพาเกิดแก่เจ็บตายกันได้
ซึ่งพิสูจน์ความจริงนี้กันได้ ทุกวันนี้ชาวอโศกไม่มีใครสงสัย หรือใครยังสงสัย มีไหม เราอย่าเลวจนกระทั่งเขาเห็นเราเป็นหมาหัวเน่า ถ้าเราเลวขนาดเป็นหมาหัวเน่าเขาก็จำนนไล่อย่างไรก็ไม่ไป ฆ่าให้ตายก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มันก็ฆ่ากันไม่ลงก็จำเป็นจะต้องเลี้ยงดูมันไปเป็นหมาหัวเน่า ไปเข้าใกล้ใคร ใครก็หนี หมาหัวเน่า เหม็นมาแต่ไกลเลยใครไม่ทำตัวเป็นหมาหัวเน่าก็อยู่สบาย อย่างดีอย่าไปให้ใครรังเกียจว่าเราเป็นหมาหัวเน่า ก็อยู่เป็นสังคมที่สบาย
เป็นคนที่ใจพอรู้จักการขัดเกลา ขัดเกลากายกรรมวจีกรรม โดยเฉพาะขัดเกลามโนกรรมขัดเกลาด้วยศีลในกิเลสที่มันเป็นตัวอย่างละเอียด โดยมีจิตเป็นประธานสูงสุด ศาสนาพุทธรู้จักต้นตอของมนุษย์ รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ แยกแยะออกมา ตัวสำคัญคือ เวทนา
คนในโลก ศาสนา ศาสดาต่างๆ ศาสดาที่รู้เพียงแต่ความดีความชั่ว นั้นเป็นโลกีย์ ศาสดาที่รู้แต่การพัฒนากิริยากาย วาจา ใจ ให้ดีก็รู้แต่แค่ดี รู้ชั่วรู้แต่แค่ชั่ว สมมุติกันว่าดีคืออะไรชั่วคืออะไร เช่นสมมุติกันว่าคนมาจนดี คนไปรวยชั่ว เห็นไหม คนโลกีย์กับคนโลกุตรธรรมต่างกันแล้ว มาจนมันดีกันอย่างไรนะ พูดแล้วน่าหัวร่อ คนโลกีย์ ฟังก็ฟังไปอย่างนั้น เขาจะไม่เข้าใจถึงศรัทธาเข้าใจจนเชื่อถือ ไม่เข้าใจถึงมีศรัทธาพละ เข้าใจแค่รู้แต่ไม่เกิดสัทธรรมให้เกิดศรัทธาเชื่อถือ พวกเราฟังแล้วเกิดความเชื่อ
จนกระทั่งเกิดปัญญาไม่ใช่แค่ศรัทธา ตอนเริ่มต้นก็พอเข้าใจว่าดีนะ อย่างน้อยพระพุทธเจ้าท่านก็มาจนท่านอยู่วังเวียงท่านก็ทิ้งมา นุ่งผ้า 3 ผืน
เดินพระบาทเปล่าจนกระทั่งมีพระนิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้นได้ ผู้ที่เห็นดีตาม เราน่าจะเห็นดีตามเชื่ออย่างลำลอง เสร็จแล้วก็ศึกษาเข้าๆ มีปัญญินทรีย์ มีความเข้าใจสูงขึ้นจนเป็นปัญญาพละ เชื่ออย่างจริงๆเลยก็เอาตัวมาเป็นคนจน เอาตัวมาเป็นคนแบบนี้ เอาตัวเองเข้ามาเลยทั้งๆที่ตัวเองอยู่ทางโลกมีพร้อม เอามาทั้งความรู้ความสามารถและสมรรถนะแล้วก็เอามาสร้างสรร เอามาพัฒนาช่วยกันให้มากมากเท่าไหร่ก็ดีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงสร้างให้มากในสิ่งที่ควรสร้าง สิ่งที่ไม่ควรสร้างไม่ต้องไปเสียก็เลยไม่ต้องจ่ายพลังงานในการให้เกิดการกระทำพฤติกรรมอะไร เอามาสร้างสิ่งที่มันเจริญสิ่งที่ควรสร้างอย่างสมเหมาะสมควรในสังคม
สังคมทุกวันนี้สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละ การคมนาคมของโลกก็ดีมากแล้วก็สร้างไป ขนไป เผื่อแผ่โลกไป การรักษาถนอมอาหารก็เก่ง ทุกวันนี้รู้วิธีการถนอมอาหาร วิธีการขนส่ง ขนส่งกันไปแพร่กันไป เพราะสิ่งเหล่านี้ สำคัญที่สุด อาหารเป็นหนึ่งในโลก กวฬิงการาหาร เป็นหนึ่งในโลกก่อนอื่น
อาหาร 4 นี้ กวฬิงการาหาร เป็นหนึ่งในโลกเป็นข้อที่ 1 ผัสสาหารเป็นข้อที่ 2 มโนสัญเจตนาหารเป็นข้อที่ 3 วิญญาณาหารเป็นข้อที่ 4 หรือนับย้อนกลับมา วิญญาณาหารเป็นที่หนึ่ง มโนสัญเจตนาหารเป็นที่ 2 ผัสสาหารเป็นที่ 3 และ กวฬิงหาราหาร เป็นลำดับที่ 4 เราก็รู้อนุโลมปฏิโลม อันไหนควรจะเป็นลำดับอย่างไรทวนไปทวนมาก็รู้ว่าวาระนี้ อย่างเรานี่มีอาหาร คือคำข้าว คืออาหารการกิน อาหารที่กินเข้าไปในปากเข้าไปในท้อง เลี้ยงขันธ์ อุดมสมบูรณ์แล้ว มันมีพร้อมแล้วมันตั้งมั่น อาหารเราอุดมสมบูรณ์แล้วเราก็ไปสำคัญที่วิญญาณเป็นหนึ่ง เราก็มาเรียนรู้วิญญาณนะ
วิญญาณมีองค์รวม มีเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ มันมีนามธรรม ท่านก็จะให้ศึกษาแยกให้ศึกษา มีเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี่เป็นองค์ธรรมนาม 5 ที่จะเอามาปฏิบัติประพฤติกับรูป 28
ตั้งแต่มีมหาภูตะรูป 4 อุปาทายรูปอีก 24 มีโคจรรูป ปสาทรูป 5 กับ 5 (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย ) มีไอหนึ่งแทรกไปตามควร มี ปสาทรูป 5 โคจรรูป 5 ทำงานร่วมกันเป็นภาวรูป 2 เป็นอิตถีภาวะกับปุริสภาวะ เมื่อปสาทรูป เกิดการดำเนินการไปกระทบสัมผัสก็เกิด วิสยรูป เกิดวิสัย เป็นวิสัยของสัตว์โลกเมื่อมีการสัมผัสกันแล้วก็เกิดสภาวะหนึ่งขึ้นมาก็เรียกว่า “ภาวะ”
ภาวะ ปรากฏ ภาวะ คือสิ่งที่ปรากฏเกิดจากการสัมผัสและเกิดนั้นขึ้นมา ต้องเรียนรู้ภาวะรูปซึ่งจะเป็นเทวดา เทวะ แปลว่า 2 คือ อิตถีภาวะ กับ ปุริสภาวะ
ภาวะ 2 ศาสนาพระพุทธเจ้าแยกเทวะ ออกเป็น 2 ได้ทุกอย่าง เกิด 2 ก็จะเกิดการเปรียบเทียบกัน อะไรควรกว่าอะไร อะไรดีกว่าอะไร ไม่ดีกว่าอะไร ซึ่งสิ่งนี้เป็นสมมติสัจจะ มันไม่ยึดมั่นถือมั่นได้ มันจะเกิดจากกาละเทศะสถานะ ในกาละนี้ อันนี้ควร เทศะ ต่างถิ่นต่างที่ ที่นี่เขาถือว่าอันนี้ควร เขาถือว่าอันนี้ไม่ควร ก็ต่างเทศะ ต่างถิ่นที่
วาระนี้ ทุกวาระในกาละ อดีตเขาเคยถืออันนี้เป็นสิ่งที่ควรสิ่งที่ดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ปัจจุบันนี้อันนี้เขาถือว่าอันนี้ดี อันนี้ควร อันนี้ไม่ดี อันนี้ไม่ควร มันไม่ใช่อดีตนะ ก็รู้จักกาละ ในอนาคต ไม่รู้ว่ามันจะยึดถือว่าอะไรควรหรือไม่ควร อะไรรู้ อะไรไม่รู้ อย่างนี้เป็นต้น ก็รู้จักกาละเทศะฐานะ
เป็นคนที่เข้าใจทุกอย่างที่เป็นปัจจุบันที่สุด ในการอยู่ร่วมในการสัมผัสอยู่ อะไรควรอะไรไม่ควร มีมหาปเทส 4 มีสัปปุริสธรรม 7 จัดสรรทุกอย่างให้ลงตัวได้ ถูกต้องมีความรู้อภิสังขาร มีความรู้ในการจัดการ อภิสังขารมีการจัดการตั้งแต่ กายสังขาร วจีสังขาร โดยเฉพาะมโนสังขาร ศาสนาพุทธเป็นโลกุตระ เรียนรู้ในมโนสังขารถึงขั้น รู้จักตัวที่โง่ที่สุดเรียกว่า กิเลส อวิชชา แล้วจัดการกับตัวโง่นั้น ซึ่งมันโง่ ชนิดที่มีความรู้รอบ ไม่รู้จักว่าอดีตกับปัจจุบันไม่ได้เหมือนกันอดีตแต่ก่อนถือว่าอย่างนี้ไม่ดีไม่ควร ปัจจุบันนี้ถือว่าอย่างนี้ดีอย่างนี้ควร
เช่น ยกตัวอย่างที่เป็นปัจจุบันธรรม อย่างพวกเราชาวอโศกรู้ว่า การมารวมกันอยู่อย่างชาวอโศกนี้เป็นเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ที่ควรที่สุด สูงที่สุดเป็นเศรษฐศาสตร์ที่นำโลกเป็นเศรษฐศาสตร์ขั้นสาธารณโภคีเป็นคน
เป็นคนที่มีปัญญาเต็ม มีศรัทธาเต็ม อยู่อย่างปัญญาพละ วิริยพละ ขยันหมั่นเพียร มีสติรู้ตื่นเบิกบาน ตื่นเช้ามาวันนี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มันเบิกบานร่าเริงตื่นเต็ม ใครสังเกตไหมว่าอาตมาตื่นเต็ม ไม่เจียมแก่เลย โอ้โห..เบิกบานร่าเริงสดชื่นแข็งแรงปราดเปรียว พวกเราใครเป็นอย่างนั้นบ้าง (ยกมือกัน) เก่งนี่ จริงหรือเปล่า พูดไปตอบเท่ๆเฉยๆแต่ความจริงมันเซื่องซึม มันไม่สดชื่น มันไม่เบิกบานร่าเริงเลย แต่ทำเป็นตอบเอาเก๋ หรือไม่
ฝั่งดาว บุญมา…ได้ออกมาออกกำลังกายแต่เช้าเลยก็เลยสดชื่นค่ะ
พ่อครูว่า…ดีจัง พวกเรารู้จักวิธีทำ รู้จักวิธีการจัดการกับชีวิตตัวเอง ก็ทำให้ชีวิตของเรามีพลังมีความตื่นเต็ม มีสมาธินทรีย์ สมาธิพละ เกิดจิตตั้งมั่นเป็นตัวแกนประธานของชีวิต สัตว์เดรัจฉานมันไม่รู้เรื่อง แม้แต่คนที่เป็นอเวไนยสัตว์เขาก็ไม่รู้จักทฤษฎีเอกทฤษฎีใหญ่อันนี้ของพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ามีทฤษฏีอันนี้แล้วเอามาให้พวกเราปฏิบัติจนเกิดจริงเป็นจริง มีสมาธินทรีย์ หรือสมาธิพละ เป็นความตั้งมั่นของจิต ทุกวันนี้เรียนรู้กันอย่างดี แต่เขาเรียนรู้อย่างโบราณเรียนรู้อย่างพวกที่เพี้ยนไปแล้ว ผิดเพี้ยนไปไกล สมาธิก็ไปนั่งหลับตาเป็นสมถะมันก็เลยตื้อๆๆ ไม่มีกายปาคุญญตาไม่มีจิตปาคุญญตา มันไม่คล่องว่องไวมันเป็นเรื่องอื่นแข็งทื่อแกร่ง ตื้อๆทื่อๆ แข็งจนกระทั่งกระทุ้งกระแทกไม่ออก ก็นั่งหลับตาผิดแบบเดียรถีย์
พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาในโลกมาปลุกพวกเดียรถีย์เหล่านี้สำเร็จแล้ว 2,500 กว่าปีเท่านั้นก็กลับไปเป็นเดียรถีย์อย่างเก่า พระพุทธเจ้าท่านปลุกได้ง่ายเพราะว่าท่านมีบารมี แต่โพธิสัตว์อย่างเราในยุค 2,500 กว่าปีมาปลุก มันไม่รู้จะปลุกอย่างไร มันกลายเป็นพวกพญานาคอยู่บาดาล นอนอยู่ใต้ก้นบาดาล อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลก ก็ลอยถาดทองคำ ถาดทองคำก็ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปบริเวณที่จะตกลง ก็หมดพลังของการทวนกระแสน้ำก็คือการทวนกระแสโลก หมดพลัง ไปหยุด ก็ตกจม กระทบกับถาดทองคำของพระเจ้าองค์ก่อนๆ กระทบดังแรงมาก จะบอกว่าปิ๊งก็ไม่ได้ แต่ดังแรงมาก แต่ของเรานี้ไม่ใช่เสียงทองคำแต่เป็นเสียงถาดตะกั่วเลย หูดับหูบอดอยู่อย่างนั้น ของพระพุทธเจ้านั้นเสียงดัง จนพญานาคที่หลับได้วังบาดาลนั้นได้ยินรู้ว่าพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาอีกองค์หนึ่งหรือว่าแล้วก็หลับต่อไป เท่านั้นแหละ พวกบาดาลนี้พวกพญานาคบาดาลนี้ฉันใดก็ฉันนั้น ขนาดพระพุทธเจ้านี้ถาดทองคำทำให้เจ้าพญานาคอยู่ในบาดาลตื่นได้ แต่โพธิรักษ์นี้พูดแล้วพูดอีก ปลุกแล้วปลุกอีก มันไม่ตื่น มันไม่ได้ยิน
แต่พวกคุณไม่ใช่นาค นาคแปลได้ 2 นัยยะ พวกหนึ่งเป็นงูที่อยู่ใต้น้ำใต้ดิน อีกพวกหนึ่งเป็นช้างใหญ่เป็นสัตว์ประเสริฐ สัตว์ใหญ่เป็นช้างใหญ่ ท่านก็ไม่ได้ใช้ว่าเป็นไดโนเสาร์นะไดโนเสาร์มันโง่ แต่ช้างมันมีความฉลาดเท่าเทียม เข้าใกล้คนได้มากที่สุด เป็นช้างใหญ่ ก็สามารถรับรู้ได้ สอนได้บอกได้ ก็เป็นเวไนยสัตว์ สอนได้บอกได้ พัฒนาให้เจริญขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นพวกเรานี้ได้เรียนรู้ธรรมะตามพระพุทธเจ้า อาตมาเอาธรรมะต่างๆแม้แต่ตำนานที่อธิบายประกอบพวกนี้ ฟังดีเข้าใจดีไหม มันถูกต้องตามธรรมะพระพุทธเจ้าหมด
แม้ที่สุดมาเป็นคนมีวรรณะ 9 อย่างที่ว่า จนกระทั่งอธิบายถึงขั้นสัลเลขธรรม มาขัดเกลากายวาจาใจ มาเป็นคนที่มีศีลเคร่งได้ ศีลเคร่งหมายถึงศีลที่เจริญขึ้นเป็น อธิศีล คนที่ปฏิบัติศีลเจริญขึ้นแล้ว ก็เป็นความไม่เคร่ง ตอนแรกๆก็ฝืน ปฏิบัติได้แล้วก็ได้ดี คล่องแคล่วขึ้นทำได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้า จนไม่ต้องฝืนไม่ต้องทน ทุกอย่างมันแค่คล่องว่องไวปราดเปรียวทำได้ จนกลายเป็นอัตโนมัติ เป็นปกติ มีศีลเป็นปกติ มีศีลได้ชำนาญจนเป็นปกติ เป็นอัตโนมัติ
ไม่ฆ่าสัตว์ ปุ๊บ! มันทำได้เลย เมตตาสัตว์มัน ไม่เบียดเบียนมัน มีแต่ความปรารถนาดีต่อสัตว์ หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้เขาจะเป็นคนเลว ก็ปรารถนาดีกับคนเลว เป็นคนร้ายเราก็ปรารถนาดีต่อคนร้าย ทำอย่างไรจะช่วยเขาได้ ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยให้ผู้ที่ฐานะเดียวกันหรือว่าอยู่ในพวกเดียวกันที่ต้องแรงเขาแรงด้วยกันร้ายก็ร้ายด้วยกัน เราแรงกับเขาไม่ไหวหรอก ปล่อยให้เขาร้ายเขาแรงกันไปจัดการกันไปเอง เราอยู่ในส่วนที่จะช่วยผู้ที่ช่วยได้ ผู้ที่ยังช่วยไม่ได้ เกินแรงเกินมือ เกินสถานะ เกินความสามารถ ก็ให้เขาเป็นไป มันมีในโลกในประเทศไทย
อย่างพวกทักษิณนั้นต้องใช้ประชาชนทั้งประเทศไปจัดการ เราอยู่ในฐานะนักธรรมะ ก็รู้ก็เห็นก็เลยต้องไปช่วยจัดการ คนยังเข้าใจไม่ได้หรอกว่าชาวอโศกเข้าไปช่วยจนกระทั่งตัดขั้วถอนรากโคนของทักษิณได้ จนกระทั่งเชื้อสุดท้ายคือเชื้อยิ่งลักษณ์ถอนออกไปเลย เป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศไทยกันทั้งคู่ สำเร็จเรียบร้อย คนเขาก็จะหาว่าเราขี้ตู่ บอกว่าเราไปนั่งกินนอนบนถนนเฉยๆ เขาไม่รู้ว่าเราเอาความจริงความสงบไปปฏิวัติ ไปรัฐประหาร รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขั้วกับปลาย ที่เขาใช้ รัฐบาลนอมินีสมัครสมชายมาขั้น ก็ปราบไปด้วยความสงบความจริง เขาบอกว่าไม่ใช่เป็นพลเอกประยุทธ์มาปฏิวัติต่างหากเป็นเผด็จการทหาร เราบอกว่าไม่ใช่เมืองไทยไม่ใช่เผด็จการทหารแต่เมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนไปปฏิวัติรัฐประหารสำเร็จเรียบร้อยแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็มารับมือเชื่อมต่อรับไม้ต่อจากประชาชน มาบริหารจนกระทั่งวันนี้ แล้วพวกที่โง่เง่าไม่รู้ ก็ออกมาไล่ให้ออกไป ประยุทธ์ลาออกไปออกไป นี่คือพวกโง่ไม่เสร็จพวกนี้ ยังจะโง่ต่อไปอีกหลายชาติ แล้วก็บอกว่าตัวเองคือประชาธิปไตย
ชาวอโศกเป็นเนื้อแท้ เขามองความจริงไม่ออกว่าชาวอโศกนั้นเปลือกคือ สิ่งที่เขามองเหมือนว่ามันไม่จริงพวกนี้ เปลือกคือมันไม่จริง จริงอยู่ที่ศาสนาพุทธของไทย ใช่ จริงอยู่ที่ศาสนาพุทธของไทย จริง แล้วเขาบอกว่าพวกเราไม่จริงแฝงอยู่ นี่คือสิริมหามายาเนื้อแท้จริงๆคือชาวอโศก เนื้อไม่แท้ก็คือ เถรสมาคม นี่คือสภาพคู่ ใครแยกเทวะออกอันไหนจริงอันไหนไม่จริง อันไหนแท้อันไหนไม่แท้ วาระนี้ คนตาดีมองออกว่าสาระเนื้อแท้คือชาวอโศก เปลือกนอกคือพุทธศาสนาในเมืองไทยเป็นที่ 1 ในโลก เขายกให้ประเทศไทยมีธรรมะเป็นที่ 1 ในโลก ในยุคนี้เป็นยุคที่ปรากฏจริงแล้วก็ 2,500 กว่าปีขึ้นมา ครึ่งพุทธกัป ศาสนาพระพุทธเจ้า 5,000 ปี แล้วก็ยืนยันสิ่งเหล่านี้จริง
จนพวกเรานี้ มาแสดงตัวเป็นผู้ที่มักน้อยเป็นผู้ที่มีศีลเคร่ง ธูตะ ตามฐานะ เคร่งแล้วสบายปกติไม่เคร่งเลย มีอธิศีลเพิ่มขึ้นไปจนกระทั่งบรรลุศีลเป็นวิมุตติญาณทัสสนะ ก็จบความมีศีลของแต่ละคน ธูตะ
ศีล ทำให้เกิดอาการที่น่าเลื่อมใส กายกรรมที่น่าเลื่อมใส วจีกรรมที่น่าเลื่อมใส มโนกรรมที่น่าเลื่อมใส มีปาสาธิโก เป็นวรรณะข้อที่ 7 มีอาการที่น่าเลื่อมใส อาตมานี้ปาง 7 เลยมาทำให้คน มีอาการที่น่าเลื่อมใส คนตาดีก็จะเห็นว่าน่าเลื่อมใส คนที่มีภูมิปัญญาก็จะเลื่อมใสว่าอโศกนี้น่าเลื่อมใส คนที่ตาถั่ว ตาลอ รู้จักคน ตาลอไหม ..คนไม่รู้จักมีเยอะ ตาลอ ภาษาอีสานแปลว่าตาถั่ว จะมีจุดขาวๆอยู่กลางตา เห็นเม็ดถั่วขาวๆอยู่กลางตา ตาลอ
ยิ่งคนตาบอดจะไม่เห็นเลยว่าอโศกคืออะไร คนตาดีจะรู้ว่ามนุษย์ควรจะเป็นอย่างนี้ควรจะมาเป็นความประเสริฐอย่างนี้นี่คือมนุษย์ประเสริฐ ชาวอโศกคือมนุษย์ประเสริฐ เขาฟังธรรมะแล้วก็จะหมั่นไส้ ว่าเรายกย่องตัวเอง แต่อาตมาพูดความจริงเท่านั้น ไม่มีปัญหา อาตมาไม่มีจิตที่จะมาอวดอะไร ไม่มีสาเฐยจิต มีแต่จิต ทำความจริง พูดความจริงแสดงความจริงออกไปให้ปรากฏ ไม่มีจิตที่จะทำสิ่งเหล่านั้นไม่ตรง ทุกอย่างตรง กายกรรมก็ตรงๆซื่อๆ แต่เขาเองเขามีความไม่เชื่อ เขาจึงไม่เห็น ถ้าเขาเชื่อจะเห็นง่าย ถ้าคนมีความเชื่อถือจะเห็นง่ายอย่างพวกคุณมีความเชื่อถือก็เห็นง่าย ตามบารมีของแต่ละคนแต่ละฐานะ ก็จะเข้าใจว่ามีความจริงใจจริงกาย อาตมานี่ ไม่มีความซ่อนแฝงอะไร จริง เปิดเผย อาตมานี้สุดยอดของดารานู้ด ไม่เหลืออะไร เปิดเผยหมด เกลี้ยงเกลา
เป็นคนที่มีอาการที่น่าเลื่อมใส โดยเฉพาะเป็นคนที่ไม่สะสม อปจยะ ไม่สะสม มีเท่าไหร่ก็เทให้ส่วนกลางหรือเอามาเผื่อแผ่สะพัด เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง สะพัดให้แก่ผู้ที่ควรสะพัด ยิ่งมีสังคมร่วมเป็นสาธารณโภคี ตัวเองไม่ต้องมีอะไรเลยไม่ต้องสะสมอะไรเลย อยู่กับส่วนกลางสบาย เชื่อไหม? ..เชื่อ ใครเป็นได้แล้วบ้าง?..(ยกมือกัน) จริงหรือเปล่า? ..จริง ยักไว้เท่าไหร่? ..มีอยู่ค่ะสองพัน ยักไว้มีอยู่ค่ะสามพัน ยักไว้อยู่ค่ะ 10 ล้าน
เพราะฉะนั้นจะเข้าใจ บอกว่า เออ มาอุดหนุนทางนี้แล้วพวกเราอยู่อย่างคนจน ตลกที่สุดเลยนะพวกเรานี่อยู่แบบคนจน ชาวบ้านชาวช่องมองมาบอกว่าพวกนี้มันมาหลอกคนว่ามาจน จนอะไรของมันวะ เป็นความซับซ้อนสิริมหามายา เหมือนกับหลอก คนเขาก็ไม่เชื่อว่าเราดีทั้งที่เราดี เราบอกว่าเราไม่ดีเราไม่หลอกเขาบอกว่าเราไม่ดี แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเราไม่ดี เขาไม่เชื่อว่าคนจนนี่ดี คนไม่สะสมนี้ดี
คนวิริยารัมภะ คนยอดขยันมันดีอันนี้ไม่ยาก สุดท้ายก็มาเป็นคนยอดขยัน การขยันนี่ไม่ใช่การฝืนนะ ปรารภความเพียร ไม่ใช่ริเริ่ม แต่ปรารภคือต่อเนื่องอยู่เสมอ ปรารภ ปรารมย์ ต่อเนื่องอยู่เสมอไม่ใช่ริเริ่ม ริเริ่มมันยากแต่ต่อเนื่องคือมีอะไรเกิดก็เกิดต่อสืบเนื่องกันไป มันยิ่งกว่า relation มันยิ่งกว่า Connection มันละเอียดกว่า มัน relation อย่าง Osmosis อารัพภธาตุ อารัมภธาตุ นิกกัมธาตุ ปรักกัมธาตุ ถามธาตุ ฐีติธาตุ อุปักกัมธาตุ 7 ธาตุ ที่ละเอียดมากเลยนะ เป็นพลังงานแห่งความขยันหมั่นเพียร เป็นพลังงานที่ละเอียดมาก ตั้งแต่เริ่มดำริเลย อารัพภธาตุ แล้วอารัมภธาตุ เติมอีกๆ
วายามะ 7 ธาตุแท้แห่งความพยายาม
-
อารัพภธาตุ (ดำริ) ความเพียรเป็นเหตุปรารภ (ริเริ่ม)
-
อารัมภธาตุ (ปรารภดำริ)
-
นิกกมธาตุ (พยายามดำริ) เพียรเป็นเครื่องก้าวไป
-
ปรักกมธาตุ (บากบั่นดำริ) ความเพียรก้าวไปข้างหน้า
-
ถามธาตุ (ดำริมีกำลัง) ความเพียรเป็นกำลัง
-
ธิติธาตุ (ดำริตั้งมั่น) ความเพียรเป็นเครื่องทรงไว้
-
อุปักกมธาตุ (ดำริสำเร็จเต็มรูป เหมือนลูกศรจะออกจากแล่ง พยายามที่จะกระทำให้เกิดกรรมออกมา)
(จาก อัตตการีสูตร เล่ม 22 ข้อ 309)
พลังงานอารัพภ คือ Static อารัมภ คือตัว Dynamic ความพยายามนี้เป็นความเกิดไม่ใช่ความตาย
นี่คือธรรมะสุดยอด เป็นการแจกแจงพลังงานของธาตุจิตวิญญาณ ทางโลกวิทยาศาสตร์การศึกษาทางพลังงานวัตถุทางชีวะเขาก็เรียนรู้บ้างทางจิตก็เรียนรู้บ้างแต่ไม่ละเอียดลออเท่าของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้าละเอียดละออครบหมด
วิริยารัมภะ เป็นธาตุที่มนุษย์เท่านั้นที่จะรู้จัก สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ทำขึ้นมาเอง ยิ่งกว่าการสร้างพลังงานปรมาณู ยิ่งกว่าพลังงานอะไรที่เป็นความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าที่เขาละเอียดขนาดไหน ทุกวันนี้เขาก็เก่งทางโลก เขาเก่งอย่างไรก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ไปคิดทางวิทยาศาสตร์ทางวัตถุ เพราะวิทยาศาสตร์ทางวัตถุนั้นเป็นผลจากวิทยาศาสตร์ทางจิต ทางจิตจึงเป็นผู้ที่มีปรมาณูเพื่อสันติ แต่ทางโลกเอาปรมาณูไปทำเรื่องเลวร้าย เอาพลังงานปรมาณูไปสร้างอาวุธสร้างสิ่งที่มันทำให้คนยิ่งเสื่อม ไปทำพลังงานที่มันเกินเลย ที่เฟ้อ
ผู้ที่รู้แล้ว อย่างชาวไทยทำตามอย่างพระพุทธเจ้า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธแล้วมีเนื้อแท้โลกุตระจึงรู้จริงรู้แจ้ง เอาพลังงานต่างๆมาทำสิ่งที่ควรทำ ถ้าเมืองไทยไม่มีอาวุธเลย..โอ้โห..มีพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นธรรมาวุธ เมืองไทยไม่ต้องมีปืน ไม่ต้องมีรถถัง ไม่ต้องมีเครื่องบินทิ้งระเบิดอะไรเลย เมืองไทยทุกวันนี้มีระเบิดนิวเคลียร์ไหม? ..ไม่มี แล้วไม่มีใครคิดจะต้องสร้างระเบิดนิวเคลียร์หรือจะต้องหาระเบิดนิวเคลียร์มาไว้ในประเทศเลย เพราะอะไร? เพราะประเทศไทยมีภูมิปัญญา มีความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยไม่กลัวหรอกใครจะมาทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ เพราะประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ไม่ไปรุกรานใคร ไม่ไปแหย่เสือ จะเอ็นดูเสือ ดีไม่ดีเสือจะรู้ว่าเมืองไทยนี้ เป็นเมืองที่มีคุณค่ามีประโยชน์นะ อย่าไปแตะต้อง
เมืองไทยเมืองกสิกรรม ไม่ทำอย่างวิปลาส
เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว โดยรวม โดยพลังงานรวมของเมตตาธรรมในโลก เมืองไทยจะได้เป็นเมืองที่ได้รับความเมตตาจากแม้แต่เสือร้ายของโลก จะเป็นอย่างนั้น นี่คือความสามารถที่สูงสุดของมนุษยชาติ อาตมาพูดใหญ่พูดเป็นประเทศเลย เป็นความหมายรวมทั้งประเทศเลย คนยังมองไม่ออกหรอก อาตมามองแล้วเอามาพูดให้ฟัง บางคนก็บอกว่าเพ้อเจ้อพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง
สู่แดนธรรม…เพราะเสือไม่กินข้าวครับ
พ่อครูว่า…ใช่ ปฏิภาณของสู่แดนธรรมบอก เสือต้องพึ่งข้าวจะมาทำร้ายหม้อข้าวตัวเองไม่ได้ เห็นไหมว่าประเทศไทยต้องสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มาก ไม่ต้องสร้างอย่างอื่นมากเลยเอาพลังงานรวมมาสร้าง ต้องยกย่องชาวนาชาวสวนชาวไร่ ยกย่อง ชาวกสิกรให้มาก ยกย่องให้เป็นพระยายกย่องให้ได้เหรียญ ให้ได้เหรียญตรา อย่าไปยกย่องข้าราชการ เอาเหรียญตราจากข้าราชการมาให้ชาวกสิกรรมกสิกร จริง อาตมาละเว้นชาวประมง ปศุสัตว์ อันนั้นเขาก็ดูแลกันไปพอสมควรเท่านั้นไม่ต้องไปเน้น เน้นทางกสิกรงานกสิกรรมของประเทศ
ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีพื้นที่ อยู่เท่านี้ก็ตาม ต้องพยายามทำให้พื้นที่ประเทศไทย ที่จะไปสร้างสถานอะไรใหญ่ๆโต ทำให้สร้างตึก สร้างอะไรสูงๆแหลมๆ อะไรต่ออะไรขึ้นมาสักวันหนึ่งเถอะ แผ่นดินไหวมากๆตึกพวกนี้ สักวันจะล้มลงมาทับกันระเนระนาดหมดเท่านั้นล่ะ ลมพัดเข้าไปในโน้นก็แย่แล้ว หลงทาง ฝนตกลงมาน้ำก็ไม่มีทางไหลออก แม่น้ำอยู่ที่ไหนโว้ย ไม่มีทางไปก็เน่าอยู่ในนั้น ลมเข้าไปก็เป็นลมเสีย เป็นพิษหมด น้ำตกลงไปก็เน่าหมด นั่นหรือบอกว่าเมืองเจริญ ที่นี่ทำร่องน้ำทำน้ำภูเขาตกลงมาให้ไหลลงไปเร็วๆ ฝนตกลงมาถูกภูเขาไหลลงน้ำเลยน้ำมีร่องน้ำไปอีก ไม่ต้องไปไหลเลอะเทอะพื้นที่น้ำครำ น้ำเน่า ไปลงลำธาร ลำธารใหม่ลำธารเก่าให้ลงไปแม่น้ำใหญ่ ไปหาแม่น้ำมูล แม่น้ำมูลก็ไหลลงทะเล เรามาทำอย่างนี้ ไม่ไปทำอย่างโน้น
อาคารสูงเฮือนศูนย์สูญของเรานี้ใหญ่แล้ว อาคารเฮือนบวรใหญ่แล้ว อาตมายังนึกเล่นๆ เลยว่า จังหวัดอุบล ทุกวันนี้จะประชุมกันที่ไหน ก็มาประชุมที่ เฮือนศูนย์สูญ หากมันไม่พอก็ไปที่อาคารบวร มีเนื้อที่ 11 ไร่
สิ่งที่เราทำกันอยู่ มันเป็นตัวอย่างของมนุษย์โลก ไม่ใช่เฉพาะเอเชียนะ มนุษย์ทั้งโลกเลย ทั่วทุกทวีป เป็นตัวอย่างของความเป็นมนุษย์โลก ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี่ตรัสรู้เรื่องความเป็นมนุษย์กับสังคม ท่านศึกษาอันนี้แล้วตรัสรู้อันนี้ แล้วเอามาปฏิบัติประพฤติ อาตมาพูดว่าพระพุทธเจ้านี้ศึกษาวิชาความรู้มาหมดทั้งโลก ความรู้ในแขนงไหนๆที่เขาจะศึกษากัน มีตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน แม้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในปัจจุบันก็ต้องไปเรียนหมด แต่โพธิรักษ์นี้ไม่ได้เรียนสักอย่าง มาทำแต่เฉพาะหน้าที่ทางธรรมะอย่างเดียวก็ทำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่พระพุทธเจ้าท่านเรียนหมดจบทางโลกเสร็จแล้ว 18 วิชา ท่านจบปริญญาตรีโทเอกครบ18 วิชา จากสำนักตักสิลา ได้เกียรตินิยมหมด ทุกวิชา เสร็จแล้วทิ้งหมดทุกวิชาเลย 18 วิชา มาเอาวิชาของท่าน ที่ท่านสืบสานมาแล้วท่านมาเป็นโพธิสัตว์ใหญ่ จนกระทั่งมาเป็นพระพุทธเจ้าสุดท้าย ท่านปลูกฝังสืบสานโพธิสัตวภูมิ จนชาติสุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็มาทำงานทางธรรมะ 18 วิชานั้นทิ้งสูญเปล่าเลย ให้รู้ว่าวิชาอย่างโน้น จะเรียนก็เรียนได้เกียรตินิยมด้วย แต่เสร็จแล้วเรียนแล้วทิ้งให้ดูเลย
แต่อันนี้เป็นวิชาที่สำคัญ เป็นวิชาทางธรรมโลกุตระนี่ยิ่งใหญ่กว่าวิชาทางโลกทั้งหมดเลย สุดยอด ไม่รู้ว่าที่อาตมาพูดแค่นี้มันพอเข้าใจกันได้ดีไหม พูดมาไม่รู้กี่ทีแล้ว พยายามขยายความอันนี้ให้เห็นว่าวิชาทางโลกนี้มันวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ วิชาทางโลกก็สร้างไปแล้วเอาไปล่าลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
โดยเฉพาะ “ความสุข” ความสุขนี้เป็นมายาที่คนไม่รู้ได้ง่ายๆ เป็นมายาที่คนหลง พระพุทธเจ้าท่านเป็นสุดยอดผู้ที่รู้ยิ่งรู้จริง คนเรามันก็ติดอยู่แค่ความสุข ความสุขกับความทุกข์มันเป็นคู่หูที่แยกกันไม่ได้ เป็นภาวะของเทวะ เป็นภาวะ 2 ที่แยกกันไม่ได้ แต่คนไม่รู้ คนหลงเหลี่ยมมุมของภาวะ 2 ไปหลงความสุข มองไม่เห็นความทุกข์ พระพุทธเจ้ามองเห็นทุกข์ ว่ามันเป็นความหลอก ที่จริงแล้วมันเป็นความทุกข์เท่านั้น ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่ใช่ความสุข โอ๊ย..โง่มานาน พระพุทธเจ้าจึงรู้แล้วจึงเลิก มาเป็นความไม่สุขไม่ทุกข์ มันมีภาวะความไม่สุขไม่ทุกข์
ฟังดีๆนะตรงนี้ ต้องอ่านอารมณ์เรียกว่า “เวทนา” ในสัตว์โลกนี้มีเวทนาเป็นจุดรวมของตัวประธานใหญ่ เวทนาจึงจะเกิดเจตนา รู้สึกปั๊บ! มีกิเลสเข้ามาร่วมเป็นราคะหรือโทสะ เห็นไหมเสร็จแล้วใช้สัญญาเป็นตัวการกำหนดรู้ว่า ราคะเกิดหรือโทสะเกิด แต่ชาวโลก สัญญาไม่มี เป็นสัญญาวิปลาสหมด วิปลาสทั้ง 3 วิปลาสทั้ง 4 ทิฏฐิวิปลาส สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส จึงมีวิปลาสทั้ง 4
-
เห็นความทุกข์เป็นความสุข
-
เห็นความไม่เที่ยงเป็นความจริง
-
เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นความมีตัวตน
-
เห็นความไม่น่าได้น่ามีน่าเป็น เป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น
เขาจึง มี เขาจึงสูญไม่ได้เขาจึงหมดเครื่องไม่ได้เขาวิปลาสอยู่ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นในบรรดาคนเทวนิยม คนจน คนที่ไม่ได้ศึกษาและคุณธรรมและเรียนรู้จนกระทั่งให้จบความวิปลาส ไม่มีความวิปลาสเลยเป็นพระอรหันต์ ผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์จึงเป็นคนที่มีวิปลาสอยู่เต็มไปหมด พูดหมดแล้วนะไม่ได้ด่าไม่ได้ว่าแต่เป็นความจริง เป็นความรู้ที่ตรัสรู้โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาตมาก็เรียนรู้ตามจนเอามาพูดได้ถูกต้อง ขอยืนยันว่าที่อาตมาพูดนี้ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นมนุษย์ในโลกนี้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีความวิปลาสอยู่ อนาคามียังมีความวิปลาสอยู่หรือน้อยเท่านั้น สกิทาคามีก็เหลือมากกว่าอนาคามี พระโสดาบันก็เริ่มรู้แล้วว่าเรายังมีความวิปลาสอยู่ตั้งนาน รู้ตัวเลยเลิกวิปลาส มากลายเป็นคนที่หมดความวิปลาสตามลำดับ
เห็นไหม คำสอนพระพุทธเจ้าสอนจริงไหม พวกคุณจะเห็นจริงเพราะได้เรียนรู้ปฏิบัติและปฏิบัติจนมีสภาวะจึงอาศัยมาเรื่อยๆว่า มันใช่ตามลำดับตามลำดับ พอเป็นพระอรหันต์ก็รู้ครบ อาตมาพูดไปก็ชัดเจนทุกอย่าง แล้วคุณจะรู้ว่าจะมาพูดถูก ถูกจนบางอย่างเรายังเข้าใจไม่ทัน พอรู้แล้วท่านถูกแต่เรายังเข้าใจไม่ทัน แต่มันถูกนะ มันมีปฏิภาณไรๆไกลๆว่า ท่านพูดถูก แต่เรายังไกล ไกลจากวิเวกอยู่เลย
ธรรมะ 12 วิ จากพ่อครูในวันสิ้นปี
เขาเอา วิ มาให้อาตมาดู ให้อาตมาพูดธรรมะ 12 วิ เขามีกำหนดการมาเลย สำหรับอาตมา และอย่าใช้คำว่าหมายกำหนดการ ใช้คำว่ากำหนดการได้ หมายกำหนดการใช้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ พวกเรานี้ใช้กำหนดการเฉยๆ โดยกำหนดการมาให้อาตมา อาตมานี้ใครจะเอาอะไรมาอาตมาพูดได้ทั้งนั้น
วันนี้อาตมาจะแสดงธรรมส่งท้ายปีเก่า ด้วย “ธรรมะ 12 วิ”
และจะปิดท้ายสรุปธรรมะทั้ง 12 วิ นี้ด้วย “ธรรมะอะไร วะ”
เดือนนี้คือเดือน 12 เป็นเดือนสุดท้าย เขาเลยจัดให้อาตมาเทศน์แค่ 12 วิ ก็พอ คือ
-
วิมาน (ชุมชนมีศีล5 เป็นเทวดาที่มีสุข)
-
วิโมกข์ (ชาวศีล8 รักษาศีลพรหมจริยา)
-
วิมุติ (ศีล10 เป็นผู้พากเพียรเพื่อการไม่กลับมาเป็นอย่างชาวโลกีย์อีก)
-
วิหาร (ศีลบุคคล คือ หลุดพ้นแล้ว บริสุทธิ์แล้ว จึงเป็นอยู่อย่างธรรมดาด้วยศีล)
ที่เป็นชุมชนที่มีความสุขสบาย (สัปปายะ) เช่นนั้นได้ เพราะขจัดสิ่งที่ไม่ดีเพียง 4 วิ คือ
-
วิปลาส 7 (สัญญา, จิตตะ, ทิฐิ, ไม่เที่ยงว่าเที่ยง, เป็นทุกข์ว่าสุข, ไม่ใช่ตัวว่าเป็นตัว, ไม่ดีงามว่าเป็นดีงาม)
-
วิปริต (แปรปรวนเป็นอื่นไปจากความสงบสุข) พูดส่งท้ายปีเก่าพวกเรานี้ไม่วิปริตพวกเรามาฟังทำให้หน้าเห็นตากัน ดี เดี๋ยวไปดูหน้าตาเจ้าที่เกิดใหม่เมื่อตอนตี 2.36 น. ตัวแดงๆ เกิดใหม่ไปดู (น้องปุณย์)
-
วินาศ (ย่อมพังทลาย เสื่อมไป) โดยเขาไม่รู้ความวินาศ แล้วคนที่เต็มที่สุดคืออะไร ใครตอบได้บ้าง เต็มที่สุดคือ สูญ คนที่เต็มที่สุดคือ 0 สูญ คือ Infinity เพราะฉะนั้นมันไม่เต็มที่สุดมันวินาศอยู่ตลอดกาล จนกระทั่งที่สุด วินาศสันตะโร
-
วิสันตโร (หาความหยุดไม่ได้ สงบไม่ได้ จึงวุ่นวายตลอด) ไม่สันติ
เมื่อขจัดได้แล้ว จึงดำรงอยู่อีก 4 วิ คือ
-
วิสุทธิ์ (ความหมดจด)
-
วิศิษฐ์ (เป็นเลิศ)ยอดเยี่ยม
-
วิเศษ (ไม่มีสิ่งเหลือ) ไม่มีอะไรเหนือกว่า
-
วิสัย (อาศัยสิ่งที่ไม่มีแล้วเป็นความเห็นนำทาง) มาเป็นตัวเรา สยัง มีอภิญญามีปัญญามีความรู้ไปตามลำดับที่เป็นความรู้โลกุตรธรรม เป็น สยังอภิญญาไปตามลำดับ