640205_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1fJH-n5hTLB-2HXB1X0HgB9N9klZR3a_-owXyRKeMVY0/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1r3x680iurHQyFk9Y8TFvKPWia8oolIhg/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/ZyPKHq3GiL8
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรากำลังเดินทางเข้าสู่งานพุทธาภิเษกครั้งที่ 46
สยังอภิญญา เป็นผู้รู้แจ้งโลกนี้โลกหน้าด้วยตัวเองแล้วประกาศให้ผู้อื่นได้รู้ตาม คือเป็นผู้รู้ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องมีครูบาอาจารย์เกิดมาก็รู้ได้เอง พ่อครูมีความเป็นสยังอภิญญา คนถามว่าใครเป็นอาจารย์ของท่าน ท่านก็บอกว่า ชาตินี้ไม่มีครูบาอาจารย์
เรื่องโลกนี้โลกหน้า ผู้รู้แจ้งโลกนี้โลกหน้า คือสยังอภิญญา โลกนี้คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ที่คนวนเวียนติดยึด แต่ผู้อยู่เหนือก็ไม่ติดยึด แม้จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้
เราก็มาฟังธรรมจากสัตบุรุษ แล้วก็หมั่นทบทวน เพราะการสอบในงานพุทธาฯครั้งนี้จะออกข้อสอบจากที่พ่อครูเทศน์เริ่มตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พ่อครูว่า…เราก็มาดู sms ก่อน
หากออกกฎหมายทำแท้งเสรีได้ ยิ่งทำให้ปัญหาสังคมเพิ่ม
SMS วันที่ 3-4 ก.พ. 2564
_Aim (เอม) : นมัสการพ่อท่าน สมณะ สิกขามาตุทุกรูปค่ะ ลูกรู้สึกร้อนใจต่อข่าวการผ่านกฏหมายทำแท้งเสรี (ที่แชร์ข่าวมาข้างต้นค่ะ) ที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแดนคนบาปที่เห็นการฆ่าทารกเป็นเรื่องปกติ ลูกแปลกใจว่าทำไมข่าวเรื่องนี้ไม่ติดกระแสให้มีการวิพากวิจารณ์เพื่อให้คนได้ตาสว่าง ไม่กลาย เป็นคนใจบาปหยาบช้าเห็นการฆ่าทารกเป็นธรรมดา และยังส่งเสริมให้คนไทยไม่สำรวมในศีลข้อสามมากขึ้นกว่าเดิม เพราะลำพังแค่การมีเรื่องคุมกำเนิด ก็ทำให้คนไม่สำรวมตนอยู่แล้ว การให้มีการทำแท้งเสรีจะทำให้ความไร้ศีลธรรมของคนไทยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งคนในชาติอื่นๆ ด้วยที่จะพากันบินมาทำแท้งในเมืองไทยมากขึ้น หากมองเป็นพลังงาน ทั้งจิตใจของคนที่ไร้ศีลธรรมหมกมุ่นในเรื่องกามารมณ์ ผู้มีจิตโลภมากเห็นแก่เงินจนกระทำกรรมอันชั่วร้าย และจิตอาฆาตของทารกที่ถูกพรากชีวิตไป พลังงานลบเหล่านี้ก็จะปกคลุมสังคมไทยให้ได้เดือดเนื้อร้อนใจกันมากขึ้น รบกวนพ่อท่านโปรดช่วยให้แสงสว่างทางปัญญาในแง่มุมต่างๆ ชี้ทางสว่างให้กับสังคมไทย เพื่อช่วยเมืองไทยไม่ให้กลายเป็นแดนประหารทารก ด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง ใครยังจำได้ไหม พูดถึงพลตรีจำลองก็มีพิเศษหลายอย่าง เพราะธรรมดาเลขานายกรัฐมนตรีต้องเป็นพลเอกนะ แต่ตอนนั้นคุณจำลองพึ่งเป็นพันเอก ได้รับพิเศษ ได้รับความไว้วางใจจากพลเอกเปรมให้เป็นเลขานายก เสร็จแล้วมาลาออกเสียนี่ ลาออกเพื่อมารณรงค์เรื่องนี้แล้วรณรงค์จนสำเร็จ ไม่ผ่าน ประเทศไทยก็ดีไม่มีกฎหมายทำแท้งอนุญาตให้ทำแท้ง ก็ดีไปแล้ว
มาเอาอีกสิ คราวนี้อีกแล้ว คือ เป็นอย่างนี้โลกจะหมุนเวียนไป ความเสื่อมมันมีเยอะขึ้นเรื่อยๆก็จะจมสู่ความเสื่อมอีก ก็ขอบอกกล่าวต่อประชาชน ผู้ที่มีสำนึกอะไรต่างๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ อย่างคุณเอมเขียนมา มีหลายประเด็นละเอียดอยู่ในนี้ ซ้อนอยู่ในนี้เยอะ มันเป็นเรื่องสำคัญมากเป็นเรื่องของกรรมวิบากของสรีระหรือจิตวิญญาณ เป็นเรื่องจิตวิญญาณมากกว่าสรีระของมนุษยชาติ เรื่องของกรรมวิบากที่ตามฆ่ากัน ทำลายกัน แก้แค้นกันไปกันมานับไม่ถ้วนบางทีถึง 500 ชาติ เอ็งฆ่าข้า เอ็งอย่างนี้ไป สารพัดสารเพ เป็นเรื่องที่น่าเบื่อเป็นเรื่องทรมาน ไม่น่าจะให้มาเกิดในวิบากของมนุษย์ โดยเฉพาะชาวพุทธที่รู้จักเรื่องกรรมวิบากอย่างนี้ไม่น่าจะให้เกิด อาตมาว่า ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เขาเองกังวลเรื่องที่เลวร้ายลง เด็กหนุ่มเด็กสาว ฟรีเซ็กส์ มันมากขึ้น เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ท้องไม่มีพ่อไม่มีแม่มันก็จะมากขึ้น ซับซ้อน ดีไม่ดี ท้องมา เอาลูกไปฆ่าทิ้ง หมกถังขยะ ตามที่เป็นข่าว
แต่จะชนะได้อย่างไร ก็ขอสรุปว่า มันจะชนะได้ก็ต้องมาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าให้เกิดปัญญาอันยิ่ง นี่เป็นเงื่อนไขหลักสำคัญ ต้องมาส่งเสริม โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า โลกียธรรมนั้นไม่มีสิทธิ์หรอก อย่างที่ทำๆกันอยู่ เอาแต่ดีแต่ชั่วไม่ได้กินหรอก เอาแต่ทำดีไม่หยุดทำชั่วจิตไม่มีพลังไม่มีอำนาจพอ จิตต้องมาเป็นโลกุตระจึงจะมีอำนาจ อำนาจนั้นคืออำนาจปัญญา พลังปัญญานี่ มันมีพลังงานเป็นโลกุตระ มันสูงส่งกว่าพลังความฉลาด แต่เขาตีกินเอาคำเรียกว่าปัญญาไปเรียกภาษาโลกีย์ เป็นเฉกะหรือเฉโก
เฉกะ มีรากศัพท์คือ ฉ คือ 6 เอกคือ เก่งเป็นเลิศ ก็เก่งในทางทวาร 6 แต่ความฉลาดไม่ได้ออกมานอกกรอบของโลกียะ อยู่ในฉฬายตนะ 6 ในกรอบของทวาร 5 หรือ 6 ไม่มีการทวนกระแส
ส่วนโลกุตระออกนอกทวาร 6 เป็นเรื่องทวนกระแส พวกเรามีพื้นฐานพูดกับรู้เรื่อง ส่วนข้างนอกเป็นโลกียะ ยากมากเลย ปัญหามีเยอะมาก แล้วก็อีกอย่างที่เป็นเรื่องยากของอาตมาก็คือพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์นี้ ท่านไม่สอนใบไม้ทั้งป่า ท่านไม่สอนโพธิสัตวภูมิ ท่านสอนแค่อรหันตภูมิเท่านั้น ใบไม้กำมือเดียว
จึงมีคำสอนของพระสมณโคดมบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก กับพระโพธิสัตว์อื่นๆที่เป็นพุทธสาวก ที่ขยายความเพิ่มเติมจากพระสมณโคดม บางคนเดี๋ยวนี้ก็ทำเก่งจะเอาแต่พุทธพจน์ ถ้าไม่ใช่พุทธพจน์ในพระไตรปิฎกก็เลือกทิ้งหมด ทำเป็นเก่ง
เพราะฉะนั้นความรู้ของพระสาวกที่เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญต่อมา มันขยายความให้ได้ดีขึ้นมากขึ้นให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ของพระสมณโคดมนั้นเข้มข้นคลี่คลายกระจายได้ยาก ก็มีพระอัครสาวกต่างๆมาขยายความเช่นพระกัจจายนะ ได้รับคำชมจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะทางขยายความธรรมะได้ดีกว่าพระพุทธเจ้าอีก
ดังนั้น เราจะไปตีทิ้งคำสอนของพระเถระไม่ได้ หรือเถรวาทะ ในพระไตรปิฎกก็มี เถรวาทะกับพระพุทธเจ้าท่านเองไม่มีของอรรถกถาจารย์ เพราะฉะนั้นคุณรับได้หมดแหละ เมื่อเขาเข้าใจไม่ได้ก็ไปตีความขยายความเพิ่มเติมอีกในพระไตรปิฎกไม่มี เขาก็ถือว่าเป็นอรรถกถาจารย์ หรือคนเสริมเข้าไปใหม่ พวกอวดดีนี้จะขาดประโยชน์
เราออกไปไล่รัฐบาลตั้ง 3-4 รัฐบาล เรื่องทารกการฆ่าคนมันเป็นเรื่องเอามาเฮ็ดไร้ศีลธรรม ทั้งระเริงไปในกาม ต่างๆนานาพวกนี้ แค่ 3-4 อย่างก็เหลือแล้ว เมืองไทยเป็นเมืองพุทธพระพุทธเจ้าละเอียดลออเรื่องกรรมวิบาก เรื่องกามพวกนี้มากเลย ชาติไหนไม่มีศาสนาไหนเทียมเท่าแม้แต่กามก็เถอะ ศาสนาพระพุทธเจ้าที่สุดยอด อย่างไรก็ใครมีอะไรจะออกไปทาง Social Media จะเพิ่มเติมก็ขยายผล ให้มีฤทธิ์มีอำนาจเหมือนธนาธรเขาใช้บ้าง ธนาธรเขาเก่งนะใช้โซเชียลมีเดียได้เก่งได้ผล ของเราไม่ค่อยได้อันนั้นลองพยายามดูหน่อยพวกเราถ้าขยันช่วยกัน
ขอย้ำว่าทางรัฐบาลทางรัฐมนตรีก็ช่วยกันเรื่องนี้อย่าปล่อยปละละเลยเลย อย่าเพิ่งให้มีกฎหมายทำแท้งเลยสรุป เพราะว่ามันจะไปกันใหญ่เลยแล้วมาอดโอยเป็นปัญหาสังคมที่มากมายทั้งเด็กทั้งผู้อำนวยการละเมิดเด็กม 2 ม 3 ก็เป็นเรื่องราวอยู่ในสังคมเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ มันไม่ได้เรื่องหรอกยิ่งจะเป็นปัญหาบานปลาย ถ้าหากอันนี้ไม่ปล่อยปละละเลยให้เข้มไว้อย่าให้ออกกฎหมายทำแท้งได้ มันจะช่วย กดทางนี้ไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะบานปลายมันจะเสื่อม กฎหมายหรือว่าสังคมจะเบาลงจางลง ช่วยกันหน่อยเถอะ ผ่านแล้วหรือ?…
คุณร่วมมือออกกฎหมายนี้ด้วย ออกกฎหมายก็เป็นกรรมวิบากของคุณแล้ว อนุญาตให้ฆ่าคนก็เป็นกรรมวิบากแล้วนะ คุณก็เป็นคนร่วมมืออนุญาตให้ฆ่าคนนี้มันบาปหรือยัง? จะพูดอะไรกันไปให้ยาวความมาก พระพุทธเจ้าท่านละเอียดไปถึง ชีวะ
ทวน ชีวกสูตร 5 ประการ บาปเป็นอันมากมิใช่บุญเลย
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร เล่ม13 ข้อ60
สรุปว่าเรื่องฆ่าสัตว์ในศีลข้อที่ 1 ท่านก็ตรัสไว้ละเอียดลออชัดเจน แม้ไม่มีคำความที่มากแต่ก็ชัดเจนอยู่แล้ว จุลศีล ข้อ 1…พระสมณโคดม ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ อาวุธชั้นไหนๆก็วางหมด กรุณา หากเราไม่มีกรุณา เราขนลุกขนพองเลย ทำไมเราโหดเหี้ยมเลวร้ายอย่างนี้ ความละอายก็ไม่มี เอ็นดูก็ไม่มี กรุณาก็ไม่มี มันจะอย่างไร สุดท้าย ไม่มีหวังร้ายเลย มีแต่หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่
อาตมาอธิบายถึงขั้นว่า สัตว์มันเกิดมาเริ่มตั้งแต่เซลล์เดียวอย่าไปข้องแวะอย่าไปทำร้ายเขาได้เป็นดีที่สุด คุณรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์เริ่มต้นเซลล์เดียวนี้ก็ตาม ในอนาคตอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ เพราะฉะนั้นเราจะไปตัดรอนกันทำไม บาปภัยเหล่านี้ซับซ้อนลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พระพุทธเจ้าถึงได้จัดกรรมวิบากเป็นเรื่องอจินไตย ไม่ใช่เรื่องขบคิดกันได้ง่ายดาย กรรมวิบาก พุทธวิสัย กรรมวิสัย โลกจินตา กรรมวิบากไม่ใช่เรื่องธรรมดาผู้รู้ดีก็บอกเตือนอย่าไปทำบาป
ทำไมยุคนี้คนบรรลุช้ากว่ายุคก่อน
_0015 : ยุคก่อนคนไม่ค่อยเดือดร้อนและทุกข์น้อย แต่เข้าถึงธรรมและบรรลุเร็ว ปัจจุบันกลับตรงข้าม เป็นเพราะอะไรครับ / กระผมสงสัยว่าผู้ที่บรรลุอรหันต์แล้ว และมาเกิดใหม่อีกทำไมต้องไปมีคู่หรือแต่งงานอีกครับ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง เป็นเพราะสังคมมันเสื่อมลง อาตมาจึงเหนื่อย เพราะมันตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ต่อไปในอนาคต คนจะไม่รู้จักโลกุตระ พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว แต่จะไปยินดีในคำสอนของสาวก เพราะโลกุตระมันจะทวนกระแสใจฟังไม่ค่อยขึ้นฟังไม่ค่อยได้ อาตมาทำงานผ่านมา 50 ปีจนทุกวันนี้ก็ยังลำบากเลยพวกที่เขาติดอยู่ในโลกียะ
ถามว่า ปัจจุบันตรงข้ามเพราะอะไร ตอบง่ายๆ ว่าเพราะมันเสื่อมลงใกล้กลียุคแล้ว แม้ศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดมนั้นเป็นปลายภัทรกัปแล้ว พระองค์นี้มีเป็นองค์ที่ 4 ของภัทรกัปพระพุทธเจ้า กลียุค จะเกิดในกัปนี้แหละ เมื่อศาสนาพระสมณโคดมสิ้นไป กลียุคเกิด แล้วจะลดลงไปเหลือคนน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพุทธันดร ว่าง ไม่มีศาสนาพุทธ จนกว่า คนจะมีเพิ่มมากขึ้น คนมาใหม่ๆก็ไม่ได้อวิชชาหนาวเหมือนคนเก่า จนกระทั่งมันเสื่อม ศาสนาพุทธต้องเกิดมาช่วยคนที่เสื่อม คนยังไม่ต่ำ ยังไม่เลวเท่าไหร่ ก็อยู่กันด้วยดีไป ศาสนาโลกียะเขาก็ช่วยได้อยู่เรื่องนี้ รักดีไม่ทำชั่ว พ่อมันไม่ไหวแล้วพระพุทธเจ้าองค์นี้ก็จะอุบัติขึ้นมานั่นแหละคือพระศรีอริยเมตไตรย จะรื้อขนสัตว์ได้มากที่สุดเลย อย่างนี้เป็นต้น
เรื่องเกิดมามีคู่ไม่ใช่เรื่องต้องจำนน
_เรื่องเกิดมาใหม่แล้วทำไมต้องมีคู่ นี่ก็เป็นกรรมวิบาก เป็นเรื่องอจินไตย
อาตมาอธิบายลำบากเพราะเป็นเรื่องอจินไตย ยิ่งถามเรื่องทำไมต้องมีคู่อีก เรื่องมีคู่นี้ในสัตว์โลกเกิดมาไม่รู้กี่ล้านชาติ มันจะติดอยู่ในสันดานเท่าไหร่ ยังติดเป็นวิบากอีกเท่าไหร่
ยกตัวอย่างง่ายๆคนคนหนึ่งไม่ได้มีคู่คนเดียวนะ มีเป็นร้อยเป็นพัน คู่ของคนแต่ละคน กว่าจะมาพบศาสนาพุทธมานั้นมีคู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีคู่ตั้งเท่าไหร่ สัตว์เดรัจฉานชั้นดีมีคู่เดียว สัตว์เดรัจฉานธรรมดาจะมีอะไร ก็เลอะไปเรื่อยใช่ไหม ก็เป็นวิบากกันไป สรุป เรื่องนี้เป็นกรรมวิบากที่เป็นอจินไตย ยากมาก
อาตมาเคยพูดไว้ว่าอาตมามีปณิธานไว้ว่าเกิดมาจะไปเป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่มีคู่จนกว่าจะปรินิพพานเลย ซึ่งต้องพากเพียร ต้องละหน่ายคลาย ไม่ใช่จำนนว่า ขนาดพระพุทธเจ้ายังมีเลยเราก็จำนนก็แล้วกัน อย่านะ อย่าไปคิดอย่างนั้น ก็ต้องวนเวียนอีก แม้คุณจะเป็นโพธิสัตว์แล้วก็ตามยังอีกตั้งเท่าไหร่ ป่วยการที่คุณจะเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่ไม่รู้ แต่ละคนมันจะง่ายหรือ ทำไมมาแต่งงานอีกครับ อันนี้ก็ตอบไม่ไหวแล้ว
_Lekprasomwong (ประจงใจ เล็กประสมวงศ์) : กราบพ่อครูสมณโพธืรักษ์. ความผิดแม้เล็กน้อยก็ถือว่าผิด แต่โทษจะต่างกรรมต่างวาระ
พ่อครูว่า…ถูกต้องเพราะเหตุปัจจัยมันทำให้เกิดกับวิบากต่างกัน
_Boonyakorn Pattanasattaporn (บุญยกร พัฒนสัทธาพร) : จับตาข่าวเรื่องimf ขนเงินสดให้รัฐบาลท่านอองซานจำนวน350ล้านเหรียญสหรัฐก่อน
ยึดอำนาจสองสามวัน ที่มีลูกชายนายโซรอสเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่??? คาดว่าเมื่อมีการถอดรหัสจากโทรศัพท์พิเศษจำนวน9ชุดที่กองทัพยึดได้ และผลตรวจสอบรายงานการประชุมที่เกี่ยวข้องแล้ว ความจริงอาจทำให้โลกตลึง!!!
พ่อครูว่า…คุณถามมานี้ถามผิดคนแล้ว อาตมาไม่ได้รู้ดีในข้อมูลเหล่านี้มากกว่านักข่าวที่ออกข่าวกันเลย คุณกนก คุณสนธิญาณ รู้เรื่องกว่าอาตมาเยอะในเรื่องพวกนี้
_สมบัติ สมบูรณ์แก้ว : ชอบฟังสิกขมาตุกล้าข้ามฝันมาก ท่านข้ามไปไกลมาก ท่านเทศน์ฟังไม่เบื่อเลยท่านไม่ติดตัวตนจริง
พ่อครูว่า…ก็ใช่ ใครฟังก็คงรู้ สิกขมาตุก็เอาภาระหลายอย่าง มีน้องสาวของสิกขมาตุกล้าข้ามฝันมาขอชื่ออาตมาก็ตั้งให้ชื่อว่า กั้นข้ามฝา… นี่เป็นเรื่องจริงนะ
เรื่องตัวเลข ดวงดาว ใช้คำนวนได้สำหรับสยังอภิญญา
_เดชา อำพร : ท่านฟ้าไท ท่านก็เป็นผู้ที่ชอบเล่นลิเกอยู่มิใช่น้อยนะท่าน คงเหมาะสมกับหัวหน้าคณะลิเกคือผู้นำอโศกอย่างกับปี่กับขลุ่ยเลยนะ เราไม่เห็นว่าจะมีเรื่องพระโพธิสัตว์ 9ระดับบันทึกอยู่ในพตปฎ.ที่ตรงไหน? สงสัยพวกท่านจะพากันสมมุติกันเอาเองตามการชี้นำของผู้นำของท่านเป็นแน่ สมแต่ตอนจะมาเป็นชาวอโศก ท่านก็จึงนุ่งจูงกระเบนเข้ามานั่นเอง
ส่วนที่ชอบเล่นเรื่องตัวเลขก็พากันเป็นเหมือนกันหมดทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ เดี๋ยวก็ 4578 เดี๋ยวก็ 7 เดี๋ยวก็ 8 เดี๋ยวก็ 9 เดี๋ยวก็ 10 เดี๋ยวก็ 2 เดี๋ยวก็ 3 เดี๋ยวก็ 6 ดูดูไปแล้วครบตัวเลข 10 หลักพอดี ถ้าไปทำเหมือนพวกพระใบ้หวย คงมีลูกศิษย์ลูกหาขึ้นกันตรึมเป็นแน่
4578 ก็หมวดโพธิปักขิยธรรม37
7 ก็คือพุทธพจน์7 โพชฌงค์7 สัปปุริสธรรม7(เกิดปีจอเดือน7ปี77)
8 ก็คือ มรรคมีองค์8 วิชชา8 วิชชา9 ไปโน่น
9 ก็คือ โพธิสัตว์9ระดับ(อันนี้มโนเอาเอง)
10 ก็คือ สัมมาทิฐิ 10 ความรัก10มิติ(อันนี้ก็คิดค้นขึ้นมาเอง)
2 ก็คือธัมมะ2หรือเทฺวธัมมา(อ่านทเวธัมมาไม่ใช่เทวะธัมมานะจ๊ะ)
3 ก็คือ ไตรสิกขา3 อปัณกะธรรม3
6 ก็คือ สาราณียธรรม6 แล้วบอกตอนขึ้นศาลมีแต่เลข6
ส่วน2พระยาธัมมิกราชนั้น ฤาษีลิงดำเป็นผู้เล่าเรือง มีเอ่ยถึงพระเจ้าตะวันอธิราชกับพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า เท็จจริงอย่างไรก็ไปค้นไปพิสูจน์กันเอาเองนะจ๊ะ
พ่อครูว่า…เรื่องตัวเลข คุณเป็นคนที่ใช้ไม่เป็นก็บอกไม่ได้ว่าใช้ทำอะไรดี เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักตะเกียบแล้วไปร้านก๋วยเตี๋ยวคนขายก็บอกว่าเอาตะเกียบไหม เขาไม่รู้จักก็เลยตอบว่าอันไหนแซบซอยใส่ ก็หั่นตะเกียบใส่ให้เขากิน ก็คล้ายกัน
อาตมาใช้ชื่อคนและตัวเลข เป็นแต่เพียงว่า คุณเห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง คุณอย่าไปอุตริใช้เลย คุณยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่เป็นจริงด้วย อย่างพระพุทธเจ้าท่านจะรู้เลยว่าสาวกซ้ายขวามาแล้ว ท่านรู้เลยว่าชื่ออะไร หรือพระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ว่าใครจะไปเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าองค์นั้นองค์นี้ชื่อนั้นชื่อนี้ ทุกอย่างมันลงตัวหมด อาตมาว่าทำไมอาตมาต้องชื่อรัก ทำไมอาตมาตั้งชื่อมงคล แล้วทำไมต้องมาชื่อรัก แล้วทำไมต้องมาเป็นโพธิรักษ์ มันมีเหตุปัจจัยที่จะต้องมาเป็นเช่นนั้นทั้งนั้น ตัวเลขอาตมาทำไมต้องเลข 7 อย่างนี้เป็นต้น แล้วเป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องประกอบเลย คล้ายๆกันกับดวงดาวต่างๆมีชื่อต่างๆ แล้วก็มีตัวเลขประกอบกัน ให้หมอดูทั้งหลายแหล่คำนวณได้ มีวงจรของมัน มีความซับซ้อนของมัน แต่จริงๆแล้ว มันก็เปลี่ยนแปลงไปอยู่ มันเคลื่อนที่มันเปลี่ยนแปลงไปอยู่ เสื่อมลง มีทั้งดวงดาวเส้นทาง เจริญขึ้นก็มีทั้งดวงดาวและเส้นทางมันไม่เที่ยงแท้เป๊ะ แต่มันก็เปลี่ยนแปลงได้ยาก เฉพาะคนที่อยู่ในโลกดวงหนึ่ง สิ่งที่ตัวเองจะมีเหตุปัจจัยใช้ ของดวงดาวนี้มันสูงกว่า แม้จะไม่ได้ความละเอียดของดวงดาวก็เอามาทำนายได้
อย่างเช่นรัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณจันทรุปราคา สุริยุปราคา เป๊ะๆ หรือสมัยก่อนคนเรียกว่าโลกแบนแต่คำนวณอะไรออกมาก็ได้อยู่ใกล้เคียง หรือถูกในความหยาบไม่ละเอียดพอก็พอเอามาพูดกันได้รู้เรื่องแล้ว
อาตมาไม่ได้มโนเอง หากให้อาตมามโนเอง ก็เป็นพยัญชนะที่ถูกสัจจะจริงด้วย ผู้ที่ศึกษาเรียนโพธิสัตว์ระดับ 8 ระดับ 9 ให้ได้เถิด รับรองเป็นโพธิสัตว์ไปลิ่วเหมือนอาตมา หรือเป็นพระอรหันต์ก็ได้ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นสยัมภูเหมือนกันแต่พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ประกาศศาสนาเท่านั้น อาตมาสามารถบอกได้เพราะว่ามีแผนผังพวกนี้ไว้แล้ว ขณะนี้เป็นระดับ 7 ก็สอบเข้าเรียนเป็นพระพุทธเจ้าได้แล้ว ก็ทำงานมาหลายชาติแล้ว ชาตินี้ถึงได้มาประกาศต่อโลกว่า ตนเป็นสยังอภิญญา มีภาระในการกอบกู้ศาสนาด้วย พูดไปเขาจะหาว่าเราพูดเอาเด่นเอาโก้ ที่จริงไม่ได้พูดมากเกินไป พูดไม่เต็มด้วยซ้ำ
ความรัก 10 มิติอาตมาเขียนเองด้วยแล้วก็ใช้ได้ ไม่มีใครพูดไว้หรอก เพราะอาตมาต้องชื่อรัก แล้วต้องมาเขียนอันนี้ อาตมาชื่อรัก มาก่อนที่จะมาบรรยายเขียนความรัก 10 มิติ อาตมาเปลี่ยนชื่อจาก มงคล มาเป็น รัก ก่อนจะมาบวชปี 2517 อาตมาบรรยายเรื่องความรัก 10 มิตินี้ไว้ 2 กัณฑ์ก็เอามารวมเล่ม เป็นสองแบบ พิมพ์มาหลายสิบรอบแล้ว
_สายไม่ลับ คัง คัง ฉิก ลงวันที่ 31 มกราคม 2564 อนาคามี แปลว่า ไม่กลับมา หรือผู้ไปไม่กลับ กล่าวคือ ถ้าบรรลุเป็นพระอนาคามีแล้วเมื่อตายจากชาตินี้ไปแล้วจะไปเกิดที่พรหมโลกชั้นสุธาวาส 4ชั้นๆใดชั้นหนึ่งตามอัธยาศัยของกำลังจิตและปัญญา ได้แก่ ชั้นอวิหา ชั้นอตัปปา ชั้นสุทัสสา ชั้นสุทัสสี และชั้นอกนิฏฐะ
พ่อครูว่า…อนาคามีเรียกเป็นชื่อพรหมก็ได้
-
อันตราปรินิพพายี (ผู้เพียรทำปรินิพพานในระหว่างภพ)
-
อุปหัจจปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานด้วยสามารถ)
-
สสังขารปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก ประกอบปุญญาภิสังขารในภพตนให้มากๆ)
-
อสังขารปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้การปรุงแต่งอภิสังขารให้มากนัก)
-
อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (สภาวธรรมไม่เป็นสองรองใคร หรือไม่เป็นน้องใครอีก แล้วปรินิพพานไว)