640509_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1Zv5fzy2q4OqZqFJs0kjV8MewRMG35NuqsGN6gfuzYbY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1k3DUOZI1u7LsEOeKTc9Ob5d0vBe8qMr9/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/JyTXOuYhdpQ
ตีตากับตีตรา มีผลอย่างไร
พ่อครูว่า…วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 ที่ บวร ราชธานีอโศก คงจะพูดกันถึงเรื่องที่ต้องขออภัยก่อนเรื่องที่จะพูดวันนี้ก็คงจะไป กระทบไปทุบไปตีเอาใครต่อใครเขาดะไปเลย ก็คงต้องขออภัยกันก่อนว่านี่ขอพูดด้วย หลักวิชาการไม่ใช่เจตนาจะไปทำร้ายทำลายอะไรมีเจตนาปรารถนาดีบอกให้รู้ถึงเรื่องของคุณธรรมเรื่องของจิตวิญญาณอันประเสริฐที่เราควรจะสำนึก
จิตใจเรามีตัวกิเลสตัวมารตัวบงการให้มันเป็นไป
นายทุน ศักดินา นักวิชา ข้าราชการ พาลชน
ตีตรา ⇨ ตีตา ⇨ ตาแตก
ตรีตา ⇨ ตาเนื้อ ⇨ ตาทิพย์ ⇨ ตาปัญญา
ตีตรา เป็นเรื่องของมิจฉาทิฏฐิ เป็นเรื่องของผู้มีความเข้าใจในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นก็เลยถูก ถูกสาป ถูกสัจธรรมครอบงำเอา
ตาแตก ตาบอด ตามืด ตาเพี้ยน ตาเลอะเทอะ ตามองเห็นสิ่งที่ถูกเป็นผิด แล้วก็ยังเห็นผิดเป็นผิดหนักๆๆ ผิดบานปลายไปใหญ่ มันกลายเป็นอย่างนั้น ก็เลยมีแต่อาการหนักดิ่งลงสู่นรกก็ลึกลงไปเรื่อยๆ โดยที่ยิ่งหลงผิดด้วยนะ ยิ่งหลงผิด เห็นตัวเองนึกว่าตัวเองสูงแต่ที่จริงตัวเองยิ่งดิ่งลงหานรกอเวจีหนักเข้าไปอีกแต่หลงผิดนึกว่าตัวเองสูงๆเข้าไปอีก เพราะว่าจะได้เปรียบมาเป็นเงินเป็นทองมาเป็นทรัพย์ศฤงคารเป็นวัตถุ เป็นอะไรอีกเยอะแยะมากมายไม่มีวันจบ ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งยินดีมากมาย เรียกว่า นายทุน ตัวต้นนี่
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดนายทุนขึ้นมาก็ปฏิบัติตามลักษณะของความเป็นนายทุน
ทีนี้ ผู้ที่ไม่ได้เป็น เล่นตรงกับการเอาทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา ที่ดิน ทุกอย่างที่เป็นวัตถุต่างๆสะสมกอบโกย โลภโมโทสัน เอามาเป็นของเราเลย ซึ่งจะเป็นดินน้ำไฟลมหรือเป็นวัตถุที่มันจะต้องอาศัยในมนุษยชาติ ในสัตว์โลก เขาก็เอาไปเป็นสิทธิของเขายึดถือเอาไว้ครอบครองเป็นของเขา ของคนอื่นไม่ได้ ละเมิดไม่ได้ กลายเป็นขโมย กลายเป็นผิดกฎหมาย ทั่วโลกเป็นเช่นนี้นี่คือ เน้นที่ยึดถือวัตถุ โลภโมโทสันวัตถุ
เพราะฉะนั้นผู้ที่มี ตรีตา ตา 3 ตา ก็จะเห็นก็จะเข้าใจความเป็นจริงของนายทุนที่เขาทำกันอยู่ เห็นจริงเป็นตาเนื้อ คนทั่วไปก็เห็นด้วยกัน ผู้ที่มีปฏิภาณขึ้นมาเรียกว่า ตาทิพย์ มีปฏิภาณ มีความรู้ขึ้นมาก็มีตาทิพย์
ตาทิพย์นี้มี 2 ทิพย์
ทิพย์ขี้หลอก มิจฉาทิฏฐิ จะนั่งหลับตาหรือไม่นั่งหลับตา มีสัญญาวิปลาส มีการกำหนดรู้ที่เพี้ยนผิดไปจากสัจธรรม ก็เข้าใจไปอย่างหนึ่ง ส่วนตาทิพย์ของผู้ที่สามารถพอเข้าใจไปในทางสัมมาทิฏฐิบ้างก็เข้าใจไปอีกอย่าง
ตาปัญญา สามารถรู้ทั้ง 3 อย่างเลย ตาเนื้อ ตาทิพย์ แม้ตาทิพย์ที่เขาแยกออกเป็น 2 คือ ตาทิพย์แบบเห็นไปในทางงมงายเลย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
เพราะฉะนั้นตาทิพย์ที่มองไปเห็นกลับกันเลย ตาทิพย์แบบงมงาย มันหลอกตนเองหลอกไป ไม่ว่าจะหลอกในด้านพวกลึกลับ ตาทิพย์แบบลึกลับ magic ต่างๆ สร้างวิมานนิรมาณกายสร้างภพชาติ หลอกเป็นตัวเป็นตน เป็นเรื่องเป็นราว เป็นวิมาน เป็นเทวดา เป็นอสูร พวกอินเดียมีเยอะเลย รบกันฆ่าแกงกันจองเวรกัน เมืองจีนก็มี อินเดียก็มีเยอะกว่า เรื่องธรรมาธรรมะสงครามเยอะแยะเหมือนกับ Star Wars สร้างออกไปเป็นเรื่องราวสมมติออกไปนอกโลก ไปมีดาวดวงนั้นดวงนี้ มีสัตว์ในโลกดาวดวงนั้นดวงนี้ออกมา สร้างสถานีอวกาศออกมารบกันในอวกาศ โอ้ เลอะเลย ทำให้เอาอากาศเขาเลอะเทอะหมดเลย มันคิดได้สร้างเรื่องราวขึ้นไปสารพัดยิ่งกว่านิยายมหานิยายอะไรก็ไม่รู้ สารพัดที่จะคิดขึ้นมา แล้วก็สนุกสนานหลอกกันไปต่างๆนานาสารพัด ซึ่งมันก็คิดได้เป็น โลกจินตา เป็นความคิดของมนุษย์โลกไม่มีจบสิ้นหรอกหลากหลาย ส่วนมากก็มีแต่เรื่องจินตนาการ เรื่องจินตา เรื่องคิดเอา เป็นจริงไม่ได้ไม่มีหรอก จะเป็นบ้างก็เล็กๆน้อยๆ อาศัยหลักฐานเล็กๆน้อยๆนอกนั้น เลอะเทอะ
เพราะฉะนั้น ตาปัญญาจึงเป็นตาที่รู้แจ้งจบ ทั้งส่วนที่มันไม่เข้าเรื่อง มันผิด ทั้งส่วนที่พอใช้ได้กันเป็นตาเนื้อ มันจะแบ่งเป็น 3 พวกที่ไม่ได้เรื่องเลย เลอะเทอะเลวร้ายด้วย ไม่มีจริงด้วยก็อย่างนึง และ 2. เป็นตาเนื้อที่จะเป็นของจริงของมนุษยชาติที่เป็นโลกียะ มันมีดีมีชั่ว ก็ยึดถือตามสมมติสัจจะอาศัยอย่างนั้นไป โลกอาศัยโลกียะที่ละชั่วประพฤติดี แต่ชั่วดีมันไม่เที่ยงเป็นไปตามกรรมวิบากอันนี้เป็นอจินไตย ยาก สายเทวนิยมไม่เข้าใจเป็นเรื่องกรรมวิบาก มันเป็นอจินไตยคิดไม่ออก มาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจึงจะค่อยๆเข้าใจกรรมวิบาก เข้าใจฌานวิสัย ซึ่งพัฒนาเป็นโพธิสัตว์ก็จะไปมีพุทธะวิสัย วิสัยสูงสุด
ฌาน คือ การสร้างพลังงานจิต ที่สามารถไปทำลายพลังงานที่มันเป็นต้นตอ เรียกว่าวิญญาณ พลังงานธาตุรู้ ธาตุไฟ หรือธาตุเย็นก็แล้วแต่ สามารถรู้ความจริงของสภาวะพวกนี้ แล้วก็ทำได้ สร้างได้ เอามาใช้ได้ เป็น วสวัตตีโก ผู้ที่มีอำนาจเหนือพลังงานเหล่านี้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิต สามารถสร้างพลังงานจิตของตัวเองได้ตามต้องการ ที่ใช้ถูกสัดส่วน ถูกกับเรื่องราว ถูกกับโอกาส ในขณะที่จะทำให้เป็นประโยชน์คุณค่า มีแต่เจตนาดีไม่มีเจตนาร้ายไม่สร้างสิ่งที่ร้าย สร้างแต่สิ่งที่ดี ตามปัญญาจะรู้
เพราะฉะนั้นตาทิพย์ก็ยังมีปนเปเลอะเทอะ เสียก็มีดีก็มี แต่ยังไม่เข้าขั้นโลกุตระ มีดีก็ทำดีไป ไม่ทำชั่ว ก็กลายเป็นหมู่คนที่เป็นโลกีย์ ไม่ทำชั่วทำแต่ดีสูงสุด ก็มีหลักเกณฑ์ มีวิชาการมีทฤษฎีมีคัมภีร์ มีคำสอน ผู้ใดที่ทำได้สูงสุดก็ไปเป็นศาสดา ก็สอนกัน ตัวศาสดาก็ไม่เที่ยงเขาจะหมุนวนกับวิบากแล้วก็ลงไป สมบัติผลัดกันชมก็มีศาสดาอยู่ในโลกนี้นับไม่ถ้วนมากกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ แต่เขาจำไม่ได้เขาจะไม่รู้เรื่อง ถ้าเขาจำได้มากกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มีเท่านี้ ศาสดาก็มีเยอะกว่าแล้วก็ไปแย่งกันตำแหน่งก็จองกันแบ่งกันไปเป็นเจ้า ของกลุ่มมนุษย์กลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ก็แล้วแต่ใครจะชิงได้มากได้น้อยก็แย่งกันไป
เพราะฉะนั้นพวกที่เขาเป็นอยู่ ก็ใช้ภาษาไทยว่า ผู้รู้ด้วยตาปัญญา ที่อาตมานี่แหละที่รู้โดยตัวเองก็พยายามใช้ความรู้ตัวเองมาขยายมาแบ่งกันให้เรียนกัน ก็ขอให้รู้เจตนาของอาตมาด้วยว่าไม่ได้ต้องการไปว่าไปด่าไปทับถมไปทำร้าย แต่ต้องการให้เป็นวิชาการให้รู้ความจริงว่านายทุนมีลักษณะอย่างไร ศักดินามีลักษณะอย่างไร นักวิชา หรือจะเรียกเต็มๆว่านักวิชาการก็แล้วแต่ แต่อาตมาตัดคำว่าการออก เป็นนักวิชา แล้วก็ข้าราชการ แล้วก็พาลชน
ขยายความไปถ้าคุณไม่เป็นจริงอย่างที่อาตมาพูดก็ไม่ต้องเดือดร้อนแต่ถ้าคุณเป็นจริงด้วยนะเข้าเป็นจริงอย่างเลวร้ายด้วย ก็ต้องรู้สึกตัวรู้ความจริงให้ได้ว่าเราเลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ ถ้ารู้สึกตัวแล้วก็แก้ไขถ้าพวกคุณมีสำนึกดีๆ คุณก็จะรู้ว่าอาตมานี้บอกด้วยเจตนาดี เป็นสิ่งที่ควรเคารพ ควรนับถือควรเกรงกลัวควรละอายอาตมา เพราะอาตมาบอกด้วยดี ถ้ารู้จักสัตบุรุษรู้จักผู้รู้ดีๆรู้จักพระพุทธเจ้าท่านจะพูดความจริง รู้ความจริงว่าเราเลวเหลวไหลขนาดนี้ คุณรู้สึกตัวสำนึกจะเกิดความละอายอย่างแรงกล้าละอายอย่างเกรงกลัว เกรงกลัวอย่างแรงกล้าและคุณก็จะรักเคารพและนับถือ ไปศึกษาเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่คนที่สำนึกก็จะเป็นอย่างนั้น
คนไม่สำนึกก็จะมีความจองเวรจองกรรมด้วยอาตตมาพูดไปก็จะมีวิบาก ผู้ไม่สำนึกเขาก็จะโกรธ กิเลสเขามีจริงเขาต้องโกรธเขาถือสาเขาต้องยึดถือจริงๆเขาก็จองเวรจองกรรมอาตมาจริง แต่อาตมาเองอาตมามั่นใจในสัจธรรม ธัมโมหะเวรักขะติธัมมะจาริง ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรมอาตมาก็พอเป็นไปไม่ได้อวดดีไม่ได้ท้าทาย
ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน
นายทุน คือ พวกที่หลงวัตถุหนัก เงินทองเพชรนิลจินดา ที่เป็นราคาสมมุติโลกตั้ง ที่ดอนที่ดินป่าเขาลำเนาไพรต่างๆนานาเขาจะเอาหมด เป็นรูปธรรม เป็นวัตถุเต็มๆเลย เพราะฉะนั้นเจ้าเปรียบอะไรใครเอาหมด แล้วพยายามจะเอาหน้ามืดตามัวโลภโมโทสันไม่รู้จักจบได้เท่าไหร่ไม่รู้จักพอ แต่เสร็จแล้วก็จะตายจากไปเพราะแค่นี้เขาก็ไม่รู้แล้ว ตายจากไปคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรอกแต่วิบากบาปของคุณคุณจะต้องไปใช้หนี้เขาคุณไปโกงเขาคนไปเบียดเบียนไปข่มขี่เอาเปรียบเขา ดีไม่ดีถึงฆ่าแกงทำร้ายไอ้นั่นมันหนักวิบากกรรมมันหนักเขาไม่รู้ ไม่ได้ศึกษา เขาไม่รู้ด้วยว่าการเกิดการตายจะมีอีก เทวนิยมยิ่งตายชาติเดียวไปอยู่กับพระเจ้าประจบประแจงพระเจ้าเข้าไว้ พระเจ้าไม่ให้ตกนรกก็อยู่กับพระเจ้าอยู่ในสวรรค์ตลอดกาล ถ้าประจบประแจงไม่ได้พระเจ้าให้ตกนรกก็แล้วแต่เสี่ยงเอา อย่างนี้เป็นต้น นี่คือนิยายของทุนนิยม
ศักดินา ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นอารมณ์เป็นความรู้สึก เป็นทางนามธรรม กอบโกยนามธรรมกอบโกยความสุข จะสุขเพราะวัตถุ จะสุขเพราะได้ประพฤติ ได้ประพฤติตน มีกรรมกิริยาทางกาย ทางวาจา ไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ยิ่งไปเกี่ยวข้องถึงขนาดซาดิส ไปซัดคนอื่นรุนแรงเท่าไหร่ยิ่งชอบใจ คนอื่นชิบหายคนอื่นตายโหงคนอื่นเจ็บปวดทรมาน พวกซาดิสจะชอบ คนอื่นแพ้ พวกนี้จิตใจซาดิส อาการหนักกว่านั้นมาโซคิส ตัวเองเจ็บเองแล้วยิ่งชอบ พวกนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย พวกนี้จะจมในเรื่องของความหลงอัตตา
ธรรมดาธรรมชาติมันเจ็บมันก็ไม่ชอบ แต่นี่ตัวเองเจ็บแล้วชอบ มันไม่รู้กี่ชั้น สลับที่ไปติดยึดหลงผิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดเลยพวกมาโซคิส ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติกว่าจะสำนึก ตื่นจากมาโซคิส มาแค่รู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นเรื่องไม่ดีกันเรื่องทรมานไปหลงความเจ็บปวดดีเจ็บ ตัวเองเจ็บตัวเองปวดเท่าไหร่ชอบๆๆ มาโซคิสมันหนักขั้นนั้น เมื่อมาเป็นซาดิสตัวเองจะไม่ชอบแล้วแต่ชอบให้คนอื่นเจ็บปวดหนักหนา พวกที่ชอบซาดิส ชอบคนชกกัน ชอบคนฆ่ากันตีกันรุนแรง พวกนี้ยังต้องแก้ไขจิต จิตหลงผิดหลงชั่วเลวร้าย กว่าจะมาหายซาดิส ไม่ต้องการให้คนเจ็บป่วยทำร้ายทำร้ายกันก็จะมีเมตตาขึ้น
นามธรรมรูปธรรม ระหว่างนายทุนกับศักดินา ก็มีการศึกษาการเป็นนักวิชาการ
นักวิชาการทางโลกก็จะศึกษาตำราวิทยาศาสตร์มนุษยศาสตร์ ญาณวิทยา ปรัชญา ศึกษากันไปแม้ที่สุดจะมาศึกษาปรากฏการณ์วิทยาก็ตามก็ตื้นๆ ยังไม่เข้าถึงจิตวิญญาณเป็นการศึกษาได้แค่ทางวัตถุ ทางรูปธรรม จะเข้าไปถึงความรู้สึกเป็นชีวะเข้าไปบ้างก็ไม่ลึกซึ้ง ไม่เข้าใจไปถึงขั้นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่รู้ไปถึงขั้นรูปนามขันธ์ 5 ไม่เข้าไปถึงขนาดนั้น
นักวิชาการอยู่ทุกวันนี้จะมีเยอะ เรียนไปตามมหาวิทยาลัยตักศิลา เยอะแยะ ส่วนมากก็เรียนมาจากเมืองนอก แม้แต่พุทธศาสนาก็เรียนมาจากเมืองเทวนิยมเขา เป็นอาจารย์ทางเทวนิยม อาจารย์ฝรั่ง ที่ไม่เคยเป็นพุทธจริงจัง อยู่เมืองนอกไม่เคยมาในเมืองไทย บางคนอาจจะเคยไปอินเดีย ไม่รู้จักโลกุตรธรรมหรอก แล้วโลกุตตรธรรมในอินเดียก็ไม่มีแล้ว มีแต่ในเมืองไทยเท่านั้นที่มีคนจริงสอนจริงมีเรื่องจริง เขาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว อาตมาทำงานมา 50 ปีนี้ พยายามประกาศโลกุตระไปในสังคมโลก ก็ไปยาก เพราะมันรู้ยากเป็นอจินไตยจริงๆ ยาก แค่กรรมวิบาก ก็ไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ ยิ่งฌานวิสัย
อาตมาทำงานสอนศาสนาอยู่ แค่สาธยายกระจายขยายความเรื่องกรรมวิบากกับฌานวิสัย
ฌานมีแบบโลกียะกับฌานพุทธ
ฌานพุทธ เป็นอจินไตยเดาไม่ได้ แต่ฌานฤาษีเดียรถีย์เขาเรียนกันทั่วโลกแล้วก็แตกแขนงกันไปอีกเยอะแยะ ฌานหลับตามีการเกิดภพชาติ เกิดนิรมาณกายเกิด สร้างตัวตน สร้างวิมานสวรรค์เทวดา มนุษย์ แล้วก็สัตว์นรกนับไม่ถ้วนเลยมันตั้งเอาอย่างไรก็ได้มันก็เลยเยอะไปหมด พูดถึงไม่หวาดไม่ไหว อธิบายไม่ไหว
สิ่งที่มันเป็นจริงก็อธิบายได้ว่า มันก็คือคนนี่แหละมันเป็นคนสัตว์นรก แล้วมันก็ออกอาการของสัตว์นรกในร่างของคนนี่แหละ มันเป็นพิษเป็นภัย ไอ้ที่มันจะไปออกพฤติการณ์อยู่ในจินตนาการมันจะรบกันทางจินตนาการมันไม่มีหรอก มันไปนึกเอาหน้าคนนั้นคนนี้หมู่คนนั้นคนนี้สังคมนั้นสังคมนี้มาสู้กันในจิตวิญญาณมันก็มีแต่จิตรบกัน มีแต่การปั้นตัวตนอยู่ในจิตรบกัน เป็นสงครามโมเม ปั้นลมๆแล้งๆมารบกัน จริงๆแล้วไม่มี
คนที่ยิ่งปั้นสงครามรบกัน มีผู้ชนะผู้แพ้ ส่วนมากสร้างเรื่องตัวเองต้องเป็นผู้ชนะ มันก็ยิ่งฮึกเหิม มันก็ยิ่งสร้างให้ตัวเองนั่นแหละยึดถือดีว่าตัวเองเก่งตัวเองดี มันยิ่งบ้าหนักเข้าไปใหญ่เลย ปั้นเอาอย่างไรก็ได้ ความซับซ้อนเหล่านี้เป็นเรื่องเลวร้ายเป็นเรื่องหลอก ผู้ที่ทำด้วยอวิชชา ยิ่งดิ่งลงนรกลึกไปใหญ่
ว่าจะเป็นการออกบทบาททางกายกรรม ทางรูปธรรม มาเจอกันมันก็เป็นอย่างที่เขายึดถือว่าอย่างนี้ยอด มันก็ยิ่งเลวร้ายยิ่งแรง มันก็ยิ่งซับซ้อนอย่างนี้ เพราะฉะนั้นนักวิชาการที่พยายามจะรู้นี้ ก็รู้
-
ทางทุนนิยมศักดินาและเขาก็เป็นนักวิชาการส่วนมากก็เป็นโลกีย์ ก็จะชัดเจนอย่างศักดินามันชัด