640329_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 ที่บ้านราชฯ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/13j80FfjIMtKsOKX1v1UfVED6HPlw4Ih5Jn4TfLH9dho/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/13xg0IClYGZpSLkDLh2VBEV-z7Fve_cZj/view?usp=sharing
ยูทูปที่ https://youtu.be/eboCNdhzaug
_สู่แดนธรรม…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้างานปลุกเสกฯครั้งที่ 44
_สมณะบินบน…วันนี้ในอดีตเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2536 หรือเมื่อ 28 ปีที่แล้ว วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการอบรมครูและผู้นำชาวบ้านจำนวน 161 คน ประสานงานโดยอาจารย์สวัสดิ์ มุณีเวช อบรมที่ปฐมอโศก การอบรมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการอบรมครั้งแรกของชาวอโศกหลังจากมีคดีกรณีสันติอโศกเมื่อ 2532 จากวันนั้นก็มีครอบครัวที่แจ้งเกิดคือ ครอบครัวมุณีเวช
_บุญระบบ มุณีเวช…เมื่อได้เข้าอบรม เมื่อ 2536 ก็ประทับใจในเมืองพุทธยูโทเปีย สิ่งที่ได้เห็น ตอนนั้นรู้สึกว่าท่านโสรัจโจเป็นเจ้าอาวาส มีหมอฟากฟ้าหนึ่ง และชาวชุมชนพาดูสถานที่ ประทับใจบ้านหลังเล็กๆแต่ละหลัง ปลูกผักหลากหลายกินได้ทั้งหมด ในแปลงผักมีดอกไม้แซมเพื่อล่อแมลง หลังจากอบรมครั้งนั้นก็ได้สมัครเป็นสมาชิก ยืมเทปธรรมะ อ่านหนังสือชาวอโศก จากนั้นก็ได้ไปงานชาวอโศกบ่อยๆ
_สมณะบินบน จากนั้น คุณบุญระบบ ก็ได้ถือศีลกินมังสวิรัติ และต่อมาลูกๆ รอยใบไม้ และเพชรพันศิลป์ ก็ได้มาถือศีลปฏิบัติธรรมด้วย
วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพ คุณแม่วิราวรรณ จูเฉย ได้จากไปอย่างสงบด้วย ที่ โรงพยาบาลอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ สิริอายุ 81 ปี
ชาตะ 30 กันยายน พ.ศ. 2483 มรณะ 25 มีนาคม 2564
โดย ตั้งศพสวดพระอภิธรรม ที่วัดใหม่ หรือ วัดสามัคยาราม ท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ และจะทำการฌาปนกิจ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลาประมาณ 15.00 น.
_ในปางฝัน…ตอนที่ยังไม่รู้จักชาวอโศกดิฉันก็ไม่มีความชัดเจนว่าต้องลดละ เช่นเราไม่ชัดเจนว่าการไม่กินเนื้อสัตว์ เราก็เห็นว่าคนทั้งโลกยังกินอยู่ เราไม่ชัดเจน แต่เมื่อมาอยู่กับหมู่กลุ่มชาวอโศก ดิฉันก็ชัดเจนขึ้น คนทางโลกสอนให้รวย แต่พ่อครู ชาวอโศกสอนให้เราต้อง
มาจน เป็นผู้ให้ ทำให้รู้สึกว่า นี่คือสังคมที่สุดยอด มหัศจรรย์มากๆ หนูเกิดมาชาตินี้ภูมิใจที่สุดที่ได้มาพบศาสนาพุทธ และได้มาอยู่กับหมู่กลุ่มชาวอโศก ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 สัก 10 ใบ
_วันนี้ที่จังหวัดอุบลราชธานีก็มีญาติธรรมชาวอโศกคือคุณยายสีบุญ(อดีตแม่ครัวพ่อเฒ่า) ได้เสียชีวิตแล้วที่บ้าน.เดชอุดม ฌาปนกิจวันนี้ ที่บ้านเดชอุดม สิริ อายุ 90 ปี
ทำไมพระพุทธเจ้าไม่บัญญัติห้ามสาวกไม่ให้กินเนื้อสัตว์
พ่อครูว่า…เรื่องกินเนื้อสัตว์กับไม่กินเนื้อสัตว์พูดขอให้ชัดอธิบายให้ฟัง เขาเถียงกันว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติหรือไม่ได้บัญญัติไว้ ขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติเป็นบัญญัติเลยว่าทุกคนจะต้องหรือนักบวช มาเป็นภิกษุแล้วจะต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไม่ได้กำหนดเลย ฟังให้ชัดๆ เพราะในยุคของพระพุทธเจ้าเป็นยุคที่คนรู้จักกันดีส่วนใหญ่ นักบวชที่เจริญเขาไม่กินเนื้อสัตว์ ส่วนนักบวชที่ไม่เจริญเขาก็กินเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้บัญญัติ เพราะท่านก็ไม่ฉันเนื้อสัตว์ แม้แต่พระเทวทัตก็ไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ ภิกษุส่วนใหญ่ไม่ฉันเนื้อสัตว์ มีบ้างที่ภิกษุบางรูปที่ฉันเนื้อสัตว์ ก็ไม่ได้ตรัสว่าอะไร ปล่อยให้เป็นปัญญาพิจารณาเอง สำนึกเองเขาก็เลิกเองของเขา เพราะมันเป็นโดยปริยายโดยส่วนรวมมากพอ ที่ไม่จำเป็นจะต้องไปบัญญัติสิ่งเหล่านี้ อย่างนี้เป็นต้น
ขอให้เข้าใจดีๆเรื่องนี้อย่างนี้ ไม่อย่างนั้นก็เถียงกันอยู่อย่างนั้นแหละ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ที่ไหน ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติระบุไว้ชัดเจน แต่มีคำบรรยายบ้างอยู่ในมหายาน เราก็มีเก็บไว้บ้างว่าการฉันเนื้อสัตว์มันไม่ดีอย่างไร มันลงนรกเป็นบาปเป็นวิบากอย่างไรก็บรรยายไว้เยอะแยะมากมาย เพราะฉะนั้นผู้รู้ก็ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ผู้ที่ฉลาดแล้วรู้แล้วก็ยังไม่ฉันเนื้อสัตว์ ผู้ที่ยังโง่อยู่ไม่ฉลาดอยู่ เขาก็มีคำบรรยายพวกนี้ไว้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ไปบัญญัติ กำหนดบังคับหรือว่าอะไรไม่ นี่คือความอิสรเสรีภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด
_สู่แดนธรรม…ที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติคือมีวินัยอีกข้อหนึ่งที่เปิดทางให้มีทางออกสำหรับที่สุดที่หาอาหารไม่ได้ สามารถที่จะกินเนื้อสัตว์ที่มันตายเองได้ แต่มีวินัยอีกหลายข้อที่ห้ามภิกษุทำครัว ห้ามเก็บเนื้อสัตว์ ห้ามเก็บอาหารไว้ค้างคืน สมมุติว่าท่านบิณฑบาต0
ไม่ได้ แล้วเห็นสัตว์ตายกลางทาง ถ้างั้นก็คงต้องพิจารณาแล้วกินด้วยความไม่รังเกียจอย่างนั้นกระมังครับถึงจะพอประทังวันนั้นไปได้
พ่อครูว่า…ไม่มีปัญหามากหรอกผู้ปฏิบัติธรรมไม่ได้ฉันอาหารสักวันสองวันก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปคิดมากหรอก เป็นได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร ต้อปังไปถือเป็นเรื่องสำคัญเหลือเกิน
ที่อาตมานำเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์มาเป็น บุญญาวุธหมายเลข 1 ในการเปิดเผยธรรมะในยุคนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับศีลข้อที่หนึ่งที่เป็น อธิศีล อาตมาก็โยงใย อันนั้นเป็นเหตุเพื่อให้เข้าใจถึงความเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องไปถึงขั้นวิบากกรรม แม้ที่สุดลึกซึ้ง ถึงขั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกชัดเจนว่าเรื่องเนื้อสัตว์ ในชีวกสูตร
แล้วผู้ที่อ่านพระไตรปิฎกยังไม่แตก ฟังแล้วก็จะเฉยๆยังไม่เข้าใจซาบซึ้งอะไร ที่ท่านตรัสไว้ตั้ง 5 ข้อว่า เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.13 ข.60