640322_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 ที่บ้านราชฯ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1pPPoAnNT4D2NtlXH8mHUyGwPZUFZJE-OErIFvDsg7fc/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1vhexeLb4zqOmYT7YW-TfcHiG3WGZwIRZ/view?usp=sharing
ยูทูปที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/548674049435808
_สู่แดนธรรม…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก หมู่บ้านนี้เป็นแผ่นดินพุทธ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ทำให้เห็นว่าเป็นพุทธ มีโลกุตรธรรมและโลกียธรรมผสมผสานกัน การเจริญพัฒนาของสังคมอย่างไรให้เห็นได้ควรจะมาดูที่นี่
_ดช.ธัมโม กราบนมัสการครับหลวงปู่วันนี้ผมจะมาถามหลวงปู่ครับ …
_สมณะบินบน (ลานนาอโศก)…วันนี้ในอดีต เมื่อ 28 ปีก่อน ปี 2536 ตรงกับวันจันทร์ 7:45 หมู่สงฆ์ลงปาฏิโมกข์ทบทวนปาฏิโมกข์ พ่อท่านสายตาจะมีอาการเบลอ เพราะเมื่อคืนจำวัดดึก เนื่องจากร่วมประชุมหมู่วิศวกรสร้างพระวิหารของพุทธสถานสันติอโศก อีกทั้งยังมีกิจศาสนาต่อเนื่องมาตลอดวัน ช่วงก่อนฉันก็ไม่มีการแสดงธรรมเพราะเครื่องแบคโฮตักดินใส่รถบรรทุกและเครื่องทำหินเสียงดัง สร้างพระวิหารพันปีบรมสารีริกธาตุ
พ่อท่านรับผิดชอบหลายอย่างแม้กระทั่งประชุมแม่ครัวทำอาหารให้คนงาน พ่อท่านก็มาเป็นประธาน ซึ่งลูกๆก็ยังไม่เก่งพอจะรับภาระให้พ่อท่านเบาแรงลงได้ พ่อท่านเป็นตัวอย่างของการทำงานพร้อมสู้งานเป็นตัวอย่างแก่ลูกๆในยุคปัจจุบัน
พ่อครูว่า…ดีมีบันทึกเหล่านี้ไว้ก็ดีเหมือนกัน ใส่แฟ้มข้อมูลเก็บไว้ ส่วน Google หรือ YouTube จะเอาไปบันทึกให้ก็ดีเหมือนกัน
จะรู้ว่าตนหลุดพ้นต้องดูอย่างไร
_ในปางฝัน…ตั้งแต่เรามาศึกษาธรรมะเราก็มีสิ่งที่เราชัดเจนว่าเราไม่ติดมันแล้ว แม้เราสัมผัสเราก็ไม่ดูดไม่ผลัก อย่างเช่น ในเรื่องการพนัน การสูบบุหรี่ การกินเหล้า การแต่งหน้าทาปากเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเราพ้นมันแล้วหรือยังคะ
พ่อครูว่า…ก็คิดว่าพ้นหรือยัง
ในปางฝัน…สำหรับตัวเองก็ไม่ติด ไม่ดูด ไม่ผลัก ก็พ้นค่ะ
พ่อครูว่า…แล้วพ้นไหม เราสัมผัสแล้วไม่ผลักไม่ดูด เห็นก็เฉยๆไม่คิดเกิดอยากอะไรขึ้นมาเลย เป็นสภาวะที่เรียกได้ว่ามันหลุดพ้น มันนิโรธ มันดับ มันไม่มีอาการเกิด มันจะต้องมีความรู้คือปัญญา ที่คุณกำลังถามนี่แหละมันเป็นความรู้ขั้นฉลาดเรียกว่าปัญญา
มันไม่ใช่ความเป็นแค่ว่ามันไม่ติด ไม่ยึด มันไม่ดูด ไม่ผลักอยู่เท่านั้น มันเป็นได้แล้ว เราก็รู้ของเราอธิบายมาถูก ว่าจิตของเราขณะนั้นแม้สัมผัสอยู่หลายทีหลายครั้งเราก็เฉยๆ ไม่ผลักไม่ดูด ไม่ติด ไม่ยึด ไม่อยากอะไร แต่เราก็ยังสงสัยแสดงว่าเรายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนยืนยันแท้คือความรอบรู้หรือปัญญาอันยิ่ง ปัญญาอันรอบ ยังไม่ชัดเจนในใจตนเอง นี่แหละ อันนี้แหละมันจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบที่รู้ว่า อ๋อ.. ความรู้ที่รู้รอบกับความเป็นได้ มันไม่ติด มันไม่ยึด มันไม่ผลักมันไม่ดูด มันเฉยๆ นี่มันเป็นได้
แต่ความรอบรู้ที่รู้ว่า อ๋อ.. ทำไมเราถึงไม่ติดไม่ยึด ทำไมเราถึงไม่ผลักไม่ดูดมันล่ะ เราถามวนซ้อนลงไปอีก เพราะเราไม่เห็นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตเราไม่เห็นจำเป็น ไม่เห็นต้องการ ชีวิตเราไม่ต้องมีมันได้ไหม มันก็ได้นี่ ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร สุขภาพเราไม่มีเสีย ขาดมันแล้วสุขภาพเราจะ (ไมค์เสียงเบาไป) ขาดแล้ว ทำให้
-
ชีวิต ร่างกายขันธ์ต่างๆของเรามันทรุดโทรมเสื่อมไป
-
เป็นอยู่ก็ไม่เจริญ ไม่ดีงามอะไรได้อีก มันมีแต่ไม่เจริญ มีแต่ทำอะไรก็เป็นโทษเป็นภัยไป มันมีไหมล่ะ อย่างนี้เป็นต้น เอาไปพิจารณารอบในประเด็นอื่นๆต่างๆดู ถ้าเราพิจารณาแล้วมันไม่ทำให้เกิดโทษภัยอะไร มีแต่ดีไม่ต้องเปลืองแรงงาน ไม่ต้องเปลืองเวลา ไม่ต้องเปลืองทุนรอน ไม่ต้องไปทำอีก ไม่ต้องไปลงทุนอะไรกับมันอีก เราก็ทิ้งมาได้เลย เราก็ชัดว่า อันนี้ เราไม่จำเป็นในชีวิตของเรา เราตัดปล่อยได้เลยก็เป็นภาวะทำให้เกิดความรอบรู้หรือปัญญารู้ชัดเจนขึ้นว่า มันควรจะเป็นความขาดสิ้นจากชีวิตเรา ไม่จำเป็นจะต้องมี ไม่ต้องเอามาใช้ ไม่ต้องเอามานึกมาคิด ไม่ต้องเอามาประพฤติ
_ในปางฝัน…พอเราปฏิบัติแล้ว.เราก็รู้ว่า สิ่งที่เราปฏิบัตินั้นบางอย่างก็ทำได้โดยไม่ยากไม่ลำบาก อย่างเช่นการฝึกมาเป็นคนที่มีวรรณะ 9 มากินง่ายอยู่ง่าย เรารู้สึกว่ามันทำโดยไม่ยากไม่ลำบาก ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นบารมีเก่าหรือเปล่าคะ
พ่อครูว่า…เป็นบารมีที่ได้แล้ว เราจึงรู้สึกว่าไม่ยากไม่ลำบาก ถ้าคน ที่เขาไม่มีบารมีถ้าจะต้องมาเลี้ยงง่าย มาจน มามีศีลธรรม มันยาก นั่นก็เป็นความจริงของเขามันยาก แต่เราได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบาก มันก็เป็นบารมีของเรา บารมีคือสิ่งที่ได้มาในตัวเราแล้ว เดี๋ยวนี้มันก็มีอยู่ มันจะได้มาก่อนหรือ เราปฏิบัติมาเพิ่งมาตรวจสอบตอนนี้ ว่ามันเป็นอย่างนี้ ก็ได้ มันพึ่งจะได้เต็ม มันถึงจะได้มีบารมี มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพที่เป็นคุณวิเศษได้ ในเมื่อเรายังตรวจสอบไม่ได้ทีเดียว ว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้คุณภาพขนาดนี้ มันมีผล มีประสิทธิภาพสูง อินทรีย์พละขนาดนี้เริ่มมีตั้งแต่เมื่อไหร่ เราอาจจะกำหนดตรวจสอบไม่ได้ทีเดียวก็ไม่ต้องไปกังวลนะ เป็นแต่เพียงว่าตอนนี้เราได้แล้ว เราก็รู้ความจริงว่าเราได้แล้ว เราก็จะได้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆแข็งแรงไปตลอดหรือไม่ ถ้าได้ต่อเนื่องแข็งแรงตลอดไปแสดงว่าอันนี้เป็นได้ถาวรแล้วยั่งยืน นิรันดร์ ยั่งยืนไปได้โดยไม่วอบแวบมาอีกเลย นาน โดยไม่ต้องไปหลบลี้ ไปหนีไปห่างเอา ให้มันห่างเหินแล้วก็มีพลังไปกดข่ม มันก็อยู่เป็นชีวิตสามัญธรรมดาปกติ มีไปมีมามีมากมีน้อย มีผ่านไปผ่านมาได้อยู่ แต่จิตของเราก็ยังดับสนิทอยู่ มันก็ให้คำตอบได้ว่า มันหลุดพ้น
_ในปางฝัน…พอเราปฏิบัติไปถึงจุดหนึ่ง มันจะมีจุดที่เราทำได้ยากขึ้น มันต้องใช้ทั้งพลังทั้ง เจโต ปัญญา ต้องคิดต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกมันก็ยังไม่ได้ อะไรอย่างนี้ค่ะ ในกรณีแบบนี้หมายถึงว่ามันเป็นสิ่งใหม่ที่เรายังไม่เคยที่จะประสบพบเจอ
พ่อครูว่า…อย่างที่อธิบายมานั้นก็แสดงว่าเรายังไม่บรรลุยังทำไม่สำเร็จ เพราะว่าอธิบายโดยความหมายของมันชัดเจนอยู่ เราก็รู้อยู่ว่ามันยังไม่ได้ มันยังไม่หลุดพ้น เหมือนอย่างที่เราพูดในสิ่งที่หลุดพ้นมาแล้ว เราก็ยังไม่ได้จริง เราก็ต้องพากเพียรพยายามต่อไป
ที่พูดนี้ก็พอรู้อยู่ พูดถูกมา แต่ไม่ได้ชัดว่าไอ้ที่รู้นี้ถูกหรือเปล่า ก็ยืนยันให้ว่าถูกแล้ว ก็รู้ให้จริงอย่าไปหลงผิดว่าเราได้แล้ว เราหลุดพ้นแล้ว แล้วก็ยังวนเวียนอยู่ ไม่หลุดได้อย่างไรก็ในเมื่อของเราไม่เกิดผลักเกิดดูด มันไม่เกิดต้องการ ไม่เกิดรสชาติอะไรที่จะต้องโหยหาหรือ บังคับให้เราต้องอยากได้ อยากมี อยากเป็นอะไรอีกเป็นต้น ก็ค่อยๆศึกษาตรวจสอบนัยยะสำคัญของมัน ที่มันมีประเด็น นัยยะย่อยๆต่างๆที่อาตมาพูดไป แล้วจะค่อยๆมีปฏิภาณรู้ ช่างสงสัยมากมันจะนานนะ ต้องพยายามชัดเจนตัดสินให้ได้ในตัวเอง ให้ตัวเองมีการตัดสินวินิจฉัยว่าอย่างนี้ใช่แล้วจบแล้ว ถ้าไม่รู้จักขีดจบของอะไรต่ออะไรเลย โอ้โห จะวนไปตลอดกาลนาน หมายความว่า กตญาณ ญาณรู้จบ จึงเป็นญาณสำคัญอันหนึ่งของศาสนาพุทธ
_จริยา มีประเสริฐ…วันนี้ไม่ได้สงสัยอะไรมากมายแต่จะรายงาน 4 ข้อ ว่า
-
ดิฉันซาบซึ้งในคำพูดของพ่อสอน การตายเพราะความเพ่งเพียร ปฏิบัติธรรมอย่างสัมมาทิฏฐินั้นประเสริฐยิ่งกว่าการอยู่ด้วยกิเลสตัณหา จะประเสริฐอะไร ฉันซาบซึ้งในคำนี้
-
ดิฉันซาบซึ้งตอนที่พ่อให้โอวาทสิกขมาตุทองพราย คลิปแรกที่ดิฉันดูว่า สิกขมาตุทองพราย สังขารเสื่อมโทรมไปมากแต่น้ำเสียงและพลังของท่านยังสดใส และรายงานพ่อ พ่อก็ให้โอวาท ซึ่งเหตุการณ์นี้ ถ้าดิฉันอยู่ข้างนอกก็จะไม่เคยเจอเลยแล้วไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิตเลยว่าคนปฏิบัติธรรม พอถึงเวทนาสุดท้ายจริงๆ จะมีสภาวะเหมือนสิกขมาตุทองพราย ดิฉันซาบซึ้งตรงนี้ค่ะ
-
ที่พ่อท่านมาเอื้อไออุ่นที่สันติอโศก ดิฉันรู้สึก เหมือนกับพระโพธิสัตว์ท่านมาเอื้อไออุ่นยิ่งกว่าพ่อ เป็นความอบอุ่นในทางธรรม ซึ่งมันต่างกับการได้รับความอบอุ่นทางโลกีย์ มันไม่เหมือนกันเลยในความรู้สึกนั้น
-
แล้วที่พ่อจะกลับแล้วพ่อบอกว่า ให้ลูกๆทำตามคำที่พ่อสอน อย่าได้แค่ภาษาให้ปฏิบัติให้ได้สภาวะจริง แล้วต่อไปนี้พ่อคงจะมายากมาก ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกว่า ดิฉันเศร้าขึ้นมาในหัวใจแล้วมันก็หนาว แต่เสร็จแล้วมาปรับจิตปรับใจอีกครั้งระหว่างที่พ่อพูด ปรับจิตว่า เราถึงแม้จะอยู่ห่างพ่อ พ่อไม่ได้อยู่สันติฯ แต่คำที่พ่อสอนแล้วเราทำได้ ก็เกิดความอบอุ่นในหัวใจแล้ว แล้วเราก็ซาบซึ้งในสิ่งที่เราทำได้ปฏิบัติได้ ถึงแม้ว่าจะห่างไกลแค่ไหนก็จะยึดคำสอนที่พ่อสอนแล้วอยู่ในแวดวงของเรา ให้เราที่ทำได้แล้ว เราก็จะขอทำต่อไป ที่ทำไม่ได้จะเพ่งเพียรปฏิบัติต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้น
พ่อครูว่า…ดี ที่รายงานมาดีทั้งนั้นใช้ได้ ผู้ฟังก็ไตร่ตรองตาม ให้คุณธรรมคุณสมบัติที่พูดมานี้ที่พูดมานี้ก็ยิ่งใหญ่นะสำคัญ
_แซมดิน…ที่จริง เป็นความรู้สึกที่พ่อท่านจะอยู่ตรงไหน ลูกๆคิดว่ามีความปรารถนาที่จะให้พ่อท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยู่ตรงไหนแล้วสุขภาพแข็งแรงคิดว่าลูกๆทุกคนก็พอใจมากแล้วครับ
พ่อครูว่า…ดีมาก สาธุ
_ฟังฝน มีคำถามว่า
-
การสรุปว่าตนเองบรรลุธรรมแต่ละเหตุปัจจัยหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากหลักสำคัญ 2 ประการ ใช่หรือไม่คะ … หลักสำคัญ 2 ประการ ได้แก่
ก. ใจที่หลุดพ้นจากกิเลสขณะกระทบผัสสะไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม
ข. ปัญญาที่รู้แจ้งว่าเราหลุดพ้น โดยนำสภาะจิตมาเทียบเคียงกับคำสอนภาคปริยัติที่พระพุทธเจ้าทรงสอนหรือบัญญัติไว้ เป็นต้นว่า ศีล อุปกิเลส มรรค 8 อุเบกขา 5 ฌาน 4 วิชชา 3 วิชชา 8 หรือ เจโตปริญาญาณ 16
พ่อครูว่า…ถูกต้อง ใช่นะ เมื่อตรวจสอบแล้วตามหมวดธรรมต่างๆแล้วเราบรรลุผลตามธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า หลายหมวดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น ถ้าหากหมวดใดที่เราดูแล้วยังไม่สมบูรณ์เราก็ทบทวนดู แล้วก็ปฏิบัติเข้าให้มันชัดเจน ว่ามันขาดตกบกพร่องก็ทำต่อ แต่ถ้าตรวจแล้ว 2 หมวด 3 หมวด 4 หมวด 5 หมวด 6 หมวด 7 หมวด 8 หมวดมากเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นคำตอบ ได้คำตอบว่า เราหลุดพ้น สมจริงตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา
-
หากเป็นเช่นดังที่กล่าวมา … นักปฏิบัติธรรม ต้องเรียนรู้ทั้งสองสภาพ คือ พัฒนากรรมสามตามแนวทางมรรคแปด แล้วนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกตรงมาเทียบเคียง ใช่หรือไม่คะ …