640716_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 2 ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1RwpoRHLrf9eZjq1hTTvWNKxhXAm2sacIfkos1MGfLi0/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1L_o5WgW6JLODB_qXzq4C273lfCqi_skg/view?usp=sharing และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/_806BTmSaP4 สมณะเดินดิน…วันนี้วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8-8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก ใกล้เข้าพรรษาแล้วแต่ก็เหมือนกัน เพราะชุมชนเราปิดสนิทอยู่กับที่ปักหลัก ในภาวะโควิด ก็เกิดความเดือดร้อนพอสมควร ประเทศอินโดนีเซีย ยอดติดเชื้อวันละหกหมื่น เขามีบริการ ใครเดือดร้อนบ้านไหนเดือดร้อนให้เอาผ้าขาวผูกไว้หน้าบ้าน ส่วนเมืองไทยเอาอย่างบ้าง ใครขาดแคลนน้ำอาหารให้ติดธงขาวหน้าบ้าน ใครเดือดร้อนเรื่องการตรวจเชื้อการหาที่รักษาให้ติดธงแดงที่หน้าบ้าน ขณะที่คนเดือดร้อนพวกป่วนก็ป่วนหนักวันนี้มีบุกไปหน้ากระทรวงสาธารณสุข มีการไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย ตำรวจก็ตามจับได้ คุณวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ใครสร้างโควิดขึ้นมาหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ที่รู้ในเมืองไทยมีคนใช้ covid เป็นอาวุธชีวภาพมาทำลายกัน เพื่อใช้ทำลายทางการเมือง จนส่งผลเดือดร้อนแก่คนทั่วไป ทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าชาติกำเนิดไม่ชั่วจริงทำไม่ได้ พ่อครูว่า…SMS วันที่ 14-15 ก.ค. 2564 _กินมังเจ บริสุทธิ์ : ต่อไปนี้ตั้งจิตไว้จะไม่ดุดัน มองคนอื่นแบบเพ่งโทษจะดูตัวเองก่อนที่จะคอมเมนท์อะไรลงไป ไม่ว่าผิด หรือถูก ทุกอย่างเป็นวิบากทั้งนั้น / ชีวิตคนมีกรรม – วิบาก เป็นที่กำหนด คนอยู่ในวัด เรามีโอกาสทำงานที่เป็นกุศลในหมู่คนดีมีศีลเป็นที่ตั้ง และมีผัสสะทุกเวลา ขัดเกลากันอย่างไม่มีทางเลือก เราอยู่นอกวัดทำกุศลก็จริง แต่ต่างกับเราอยู่กับหมู่ ถ้าเราไม่แข็งแรงรับรองว่ามีศีลไม่บริสุทธิ์ เพราะส่วนมากข้อ 1 กินเนื้อสัตว์ (สำหรับคนไม่กินมังสวิรัตินะ) 2 เอาเปรียบแย่งชิง 3 ประพฤติผิดในกามก็เห็น ๆ กันอยู่ 4 พูดยิ่งหยาบกว่ามาก 5 หลง ขี้เกียจ มัวเมา ส่วนเรียนรู้ผัสสะอยู่ข้างนอกเราเลือกผัสสะได้ หนีผัสสะได้ และไม่มีหมู่กลุ่มช่วยดึง ช่วยผลักดัน แต่ถ้าอยู่ในวัด ในหมู่กลุ่ม เราจะไม่หนีผัสสะมีมาให้เห็นชัด ๆ เช่น อยู่รวมกัน กินรวมกัน นอนรวมกัน ขัดเกลาเห็นกันอยู่ทุกวัน เราจะเจริญขึ้นแน่นอน แม้เราอยู่นอกวัด ถ้าได้โสดาบัน ถือว่ามีบุญบารมีเก่ามา เพราะทำได้ด้วยพละอินทรีย์ที่แข็งแรง ยิ่งได้สกิทาคามี อนาคามีด้วยแล้วก็ต้องสาธุ เพราะคุณมีบารมีเก่าและคุณมาสร้างใหม่จนได้มรรคผลอย่างแท้จริง ของใครก็ของใคร สาธุ _ตุ้ม พรทิพย์ ฮีโร่ : ได้ข้อสรุปให้กับตัวเองว่า อิตถีภาวะ หนัก นาน ที่สุดค่ะ พ่อครูว่า…เป็นคู่ที่ต้องศึกษาให้ดีๆกว่าจะมาเป็นปุริสภาวะ _สว่างแสง ขวัญดาว : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ลูกและแม่อายุ 85 ปีได้มาปฏิบัติธรรมตามทางที่พ่อครูพาทำได้ปีกว่าแล้ว พอเริ่มปฏิบัติธรรมลูกก็สามารถเลิกกินยาคลายเครียดได้ทันที กินได้ นอนหลับ มีอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกปฏิบัติอย่างระมัดระวัง คือการบอกธรรมะกับแม่ โดยลูกจะกราบแม่ก่อนที่จะบอกธรรมะทุกครั้ง เพราะแม่อ่อนน้อมเคารพพ่อครูมากค่ะ มาถึงวันนี้มีโรคโควิด ระบาดมาถึงหมู่บ้านใกล้เคียง ผู้ป่วยต้องไปอาศัยพักที่เถียงนาตนเอง รอโรงพยาบาลเรียกตัวไปรักษาเพราะเตียงเต็ม พอดีลูกได้ทราบข่าวว่าหมอแตงไทสามารถรักษาโรคโควิดได้จนผู้ป่วยหายและมีผลเลือดเป็นลบได้ ลูกจึงติดต่อหมอแตงไทโดยหมอแตงไทจะรักษาให้ฟรี และลูกก็ได้โทรติดต่อไปยังผู้ป่วยที่เถียงนา ก็พอดีกับที่ทีมหมอจากโรงพยาบาลอำเภอเสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มารับตัวไปรักษา สำหรับแม่นั้นลูกยึดมั่นในแนวทางที่พ่อครูพาทำ โดยลูกป้องกันแม่โดยล้อมบริเวณที่แม่พักอยู่ด้วยเชือกฟาง เป็นเชิงสัญลักษณ์และเขียนป้ายว่า”งดเยี่ยม แม่เป็นโรคหอบหืด ป้องกันโควิด” ลูกเก็บผักไปฝากบ้านใกล้ แล้วบอกให้มาช่วยเก็บผักไปกินด้วยและมีชาวบ้านมาเก็บไปกินค่ะ ลูกพยายามเลียนแบบชีวิตที่พ่อครูพาทำ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นแบบของชีวิตที่รอดพ้นวิกฤตโควิดและประเสริฐสุดค่ะ กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ _แดง ลานกราบ : แดงขอเสนอมะขามป้อมปลอดสารเคมีเอามาปั่นกรองเอาน้ำให้พ่อครูฉันจะได้ไหมคะเพราะมะขามป้อมยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ดีที่หนึ่งของผลไม้เลยค่ะใบมะละกอด้วยเพราะช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงค่ะ แต่มะขามป้อมเปรี้ยวมากใบมะละกอก็ขมมากไม่รู้ว่าพ่อครูจะฉันได้หรือเปล่าค่ะ พ่อครูว่า…อาตมาตอนนี้ คนที่จะให้อะไรมามันเยอะแล้วนะ มันจะตายเพราะมันเยอะ คงไม่ได้หาย ก็มันเยอะเลยไปรบกันในท้องไม่รู้จะเอาสูตรไหน มันจะแย่เอา เพลาก่อนก็ได้อย่าเพิ่ง ขอบคุณทุกคน ก็หวังดีเข้าใจ ขอบคุณ อย่าเปรี้ยวมากขมมากมาให้เลยเนาะ อาตมายังพอเป็นไป ถ้ามันสู้ไม่ไหวก็ค่อยช่วยกัน _สตาร์แอร์ ทุ่งคอก : ผมเป็นคนนึงที่ได้ประโยชน์จากพ่อท่าน ขอชาวอโศกที่ดูแลท่านช่วยเซพพ่อ จักเป็นบุญคุณอย่างยิ่งครับ☺️? _ศรณภักดิ์ จึงตั้งสิราวงศ์ : เกิดมาชาติหนึ่งนายแน่มากอยู่ท่องเที่ยวทำมาหากินใช้ในโลกเสรีกามวัตถุนิยมจนรวยมากหมกมุ่นมึนเกินใครได้จัดอันดับดิบเถื่อนโหดอำมหิตผิดมนุษย์เบียดเบียนชีวิตคนสัตว์สิ่งของทรัพย์สินสมบัติผู้อื่นลองสาธารณโภคี? สานสาธารณโภคีสมดังสังคมนิยมพระนิยตโพธิสัตว์ตั้งแต่โบราณกาลนานมาจากรุ่นสู่ท่านนำประชาชนออกจากชีวิตอุดมกามตัณหาไป(ดูในพระสูตรได้ด่วนเลยยืนยันตามหลายพระชาติชาดกอดีตพระพุทธตถาคตสมณโคดมศาสดาเจ้า)รักษาศีล8 พ่อครูว่า…ฟังแล้วประโยคอยู่ในภพ เขียนเองฟังเข้าใจเอง ยังไงๆเขียนมาใหม่ค่ะมาเข้าใจได้บ้างอาตมาก็ไม่ฉลาดเกินไป ที่ว่าใครว่าอย่างไรก็เข้าใจได้หมด ไม่ใช่ อาตมาไม่ใช่คนฉลาดปานนั้น ลองเขียนมาใหม่ดู ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 2 มาเข้าสู่เรื่องที่เรากำลังพูดกันก็คือ อัมพัฏฐสูตร สูตรที่ 3 ของ พระไตรปิฎก เล่ม 9 ตอนนี้ก็มาถึง…อัมพัฏฐมานพ มาพบ พระพุทธเจ้า ก็ไม่เคารพ เดินพูดไปมา แต่ พระพุทธเจ้า.ทรงนั่งอยู่ พระพุทธเจ้าท่านก็เลยบอกให้ [145] ฝ่ายอัมพัฏฐมาณพ เดินปราศรัยบ้าง ยืนปราศรัยบ้าง กับพระผู้มีพระภาคผู้ประทับนั่งอยู่ พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า อัมพัฏฐะ เธอเคยสนทนาปราศรัยกับพวกพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์เหมือนดังเธอ เดินบ้างยืนบ้าง สนทนาปราศรัยกับเราผู้นั่งอยู่เช่นนี้หรือ? อ. ข้อนี้หามิได้ พระโคดมผู้เจริญ เพราะว่าพราหมณ์ผู้เดินก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้เดิน พราหมณ์ผู้ยืนก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้ยืน พราหมณ์ผู้นั่งก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้นั่งพราหมณ์ผู้นอนก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้นอน. พ่อครูว่า…เขายึดมั่นถือมั่น พราหมณ์ก็อย่างหนึ่งกษัตริย์ก็อย่างหนึ่ง เขายึดว่า กษัตริย์ต้องเคารพกราบไหว้ พราหมณ์ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ แต่ผู้ใดเป็นสมณะโล้น เป็นคฤหบดีเชื้อสายกัณหโคตร เกิดจากพระบาทของท้าวมหาพรหม ข้าพเจ้าย่อมสนทนาปราศรัยกับผู้นั้น เหมือนกับที่สนทนาปราศรัยกับพระโคดมผู้เจริญนี้. อัมพัฏฐะ ก็เธอมีธุระจึงได้มาที่นี้ ก็พวกเธอมาเพื่อประโยชน์อันใดแล พึงใส่ใจถึงประโยชน์นั้นแหละไว้ให้ดี ก็อัมพัฏฐมาณพ ยังไม่ได้รับการศึกษาเลย สำคัญตัวว่าได้รับการศึกษาดีแล้ว จะมีอะไรอีกเล่า นอกจากไม่ได้รับการศึกษา. ลำดับนั้น อัมพัฏฐมาณพถูกพระผู้มีพระภาคตรัสตำหนิด้วยพระวาจาว่า เป็นคนไม่ได้รับการศึกษา โกรธ ขัดใจ เมื่อจะด่าข่มว่ากล่าวพระผู้มีพระภาค คิดว่าเราจักต้องให้พระสมณโคดมได้รับความเสียหาย ได้กล่าวคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า ท่านโคดม พวกชาติศากยะดุร้าย หยาบช้า มีใจเบา พูดพล่าม เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ ยังไม่สักการะพวกพราหมณ์ ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์ ท่านโคดม การที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย. อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งแรกด้วยประการ ฉะนี้. พ่อครูว่า…เมืองไทยอย่างไรกษัตริย์ก็ยังต้องไหว้ภิกษุ แสดงว่ายังไม่เสื่อมเท่าสมัยนั้นเลย [146] อัมพัฏฐะ ก็พวกศากยะได้ทำผิดต่อเธออย่างไร?. ท่านโคดม ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ไปยังนครกบิลพัสดุ์ ด้วยกรณียกิจบางอย่างของพราหมณ์โปกขรสาติผู้อาจารย์ ได้เดินเข้าไปยังสัณฐาคารของพวกศากยะ เวลานั้นพวกศากยะและศากยกุมารมากด้วยกัน นั่งเหนืออาสนะสูงๆ ในสัณฐาคารเอานิ้วมือสะกิดกันและกันเฮฮาอยู่เห็นทีจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าเป็นแน่ ไม่มีใครเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้านั่งเลย. ท่านโคดม ข้อที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย. อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งที่สอง ด้วยประการฉะนี้. [147] อัมพัฏฐะ แม้นางนกไส้ก็ยังเป็นสัตว์พูดได้ตามความปรารถนาในรังของตนก็พระนครกบิลพัสดุ์เป็นถิ่นของพวกศากยะ อัมพัฏฐะไม่ควรจะข้องใจ เพราะการหัวเราะเยาะเพียงเล็กน้อยนี้เลย. ท่านโคดม วรรณะ 4 เหล่านี้ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ เวสส์ ศูทร บรรดาวรรณะ 4 เหล่านี้ 3 วรรณะ คือ กษัตริย์ เวสส์ ศูทร เป็นคนบำเรอของพราหมณ์พวกเดียวโดยแท้. ท่านโคดม ข้อที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย. อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งที่สาม ด้วยประการฉะนี้. [148] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงพระดำริเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพผู้นี้ กล่าวเหยียบย่ำพวกศากยะอย่างหนัก โดยเรียกว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ ถ้ากระไร เราจะพึงถามถึงโคตรเธอดูบ้าง แล้วพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กับอัมพัฏฐมาณพว่า อัมพัฏฐะ เธอมีโคตรว่าอย่างไร? กัณหายนโคตร ท่านโคดม. อัมพัฏฐะ ก็เธอระลึกถึงโคตรเก่าแก่อันเป็นของมารดาบิดาดูเถิด พวกศากยะเป็นลูกเจ้าเธอเป็นลูกนางทาสีของพวกศากยะ ก็พวกศากยะเขาพากันอ้างถึงพระเจ้าอุกกากราชว่าเป็นบรรพบุรุษ. ว่าด้วยศากยวงศ์ [149] อัมพัฏฐะ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าอุกกากราชทรงพระประสงค์จะพระราชทาน สมบัติให้แก่พระโอรสของพระมเหสีผู้ที่ทรงรักใคร่โปรดปราน จึงทรงรับสั่งให้พระเชฏฐกุมาร คือพระอุกกามุขราชกุมาร พระกรกัณฑุราชกุมาร พระหัตถินีกราชกุมาร และพระสีนิปุระราชกุมาร ออกจากพระราชอาณาเขต พระกุมารเหล่านั้น เสด็จออกจากพระราชอาณาเขต แล้วจึงไปตั้งสำนัก อาศัยอยู่ ณ ราวป่าไม้สากะใหญ่ริมฝั่งสระโปกขรณีข้างภูเขาหิมพานต์ พระราชกุมารเหล่านั้นทรงสำเร็จการอยู่ร่วมกับพวกพระภคินีของพระองค์เอง เพราะกลัวพระชาติจะระคนปนกัน. อัมพัฏฐะ ต่อมาพระเจ้าอุกกากราชตรัสถามหมู่อำมาตย์ราชบริษัทว่า บัดนี้พวกกุมารอยู่กัน ณ ที่ไหน?. พวกอำมาตย์กราบทูลว่า ขอเดชะ มีราวป่าไม้สากะใหญ่(เขาแปลกันว่าคือต้นกระเบา)อยู่ริมฝั่งสระโบกขรณีข้างภูเขาหิมพานต์ บัดนี้ พระราชกุมารทั้งหลายอยู่ ณ ที่นั้น พระราชกุมารเหล่านั้นทรงสำเร็จการอยู่ร่วมกับพวกพระภคินีของพระองค์เอง เพราะกลัวพระชาติจะระคนปนกัน. อัมพัฏฐะ ทีนั้นพระเจ้าอุกกากราชทรงเปล่งพระอุทานว่า ท่านทั้งหลาย พวกกุมารสามารถหนอ พวกกุมารสามารถยอดเยี่ยมหนอ. อัมพัฏฐะ ก็พวกที่ชื่อว่าศากยะปรากฏตั้งแต่กาลครั้งนั้นเป็นต้นมา และพระเจ้าอุกกากราชพระองค์นั้น เป็นบรรพบุรุษของพวกศากยะ และพระเจ้าอุกกากราชมีนางทาสีคนหนึ่งชื่อทิสา นางคลอดบุตรคนหนึ่ง ชื่อกัณหะ กัณหะพอเกิดมาก็พูดได้ว่า แม่จงชำระฉัน จงให้ฉันอาบน้ำ แม่จ๋า ขอแม่จงปลดเปลื้องฉันจากสิ่งโสโครกนี้ ฉันเกิดมาเพื่อประโยชน์แก่แม่. อัมพัฏฐะ มนุษย์สมัยนี้เรียกปีศาจว่า ปีศาจ ฉันใด มนุษย์สมัยนั้นก็ฉันนั้น เรียกปีศาจว่า คนดำ มนุษย์เหล่านั้นจึงกล่าวกันเช่นนี้ว่า ทารกนี้พอเกิดมาก็พูดได้ คนดำเกิดแล้วปีศาจเกิดแล้ว. อัมพัฏฐะ ก็พวกที่ชื่อว่ากัณหายนะ ปรากฏตั้งแต่กาลครั้งนั้นเป็นต้นมา และกัณหะนั้นเป็นบรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ. อัมพัฏฐะ เธอระลึกถึงโคตรเก่าแก่อันเป็นของมารดาบิดาดูเถิด พวกศากยะเป็นลูกเจ้าเธอเป็นลูกทาสีของพวกศากยะ ด้วยประการฉะนี้แล. นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะเดินดิน… ทำให้เห็นการยึดถือวรรณะกันมาก ทำให้นึกถึง เจ้าคุณโสภณคณาภรณ์ ที่เคยบอกว่า อาตมาเปรียญ 6 ปริญญาโท เป็นเจ้าคุณ แล้วโพธิรักษ์มีอะไร การได้เป็นเจ้าคุณได้เปรียญ มีความยิ่งใหญ่คล้าย เขาถือว่าเป็นเหมือนวรรณะพราหมณ์ แต่ไม่ได้เอาที่การปฏิบัติวิชชาจรณสมบัติ พ่อครูว่า… ว่าด้วยวงศ์ของอัมพัฏฐมาณพ [150] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว มาณพเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าพระโคดมผู้เจริญ ขอพระองค์อย่าทรงเหยียดหยามอัมพัฏฐมาณพด้วยพระวาทะว่าเป็นลูกทาสีให้หนักนักเลย ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อัมพัฏฐมาณพมีชาติดี เป็นบุตรผู้มีสกุล เป็นพหูสูต เจรจาไพเราะ เป็นบัณฑิต และเธอสามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับพระโคดมผู้เจริญได้. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะมาณพเหล่านั้นว่า ถ้าพวกเธอคิดเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพมีชาติทราม มิใช่บุตรผู้มีสกุล มีสุตะน้อย เจรจาไม่ไพเราะ มีปัญญาทราม และไม่สามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับพระสมณโคดมได้ อัมพัฏฐมาณพจงหยุดเสียเถิด พวกเธอจงโต้ตอบกับเราในคำนี้ ก็ถ้าพวกเธอคิดเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพมีชาติดี เป็นบุตรผู้มีสกุล เป็นพหูสูตร เจรจาไพเราะ เป็นบัณฑิต และสามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับพระสมณโคดมได้ พวกเธอจงหยุดเสียเถิดอัมพัฏฐมาณพจงโต้ตอบกับเราในคำนี้. มาณพเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อัมพัฏฐมาณพมีชาติดี เป็นบุตรผู้มีสกุลเป็นพหูสูตร เจรจาไพเราะ เป็นบัณฑิต และสามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับพระโคดมได้ พวกข้าพเจ้าจักนิ่งละ อัมพัฏฐมาณพจงโต้ตอบกับพระโคดมในคำนี้เถิด. [151] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกะอัมพัฏฐมาณพว่า อัมพัฏฐะ ปัญหา ประกอบด้วยเหตุนี้แล มาถึงเธอเข้าแล้ว ถึงแม้จะไม่ปรารถนา เธอก็ต้องแก้ ถ้าเธอจักไม่แก้ก็ดีจักกลบเกลื่อนด้วยคำอื่นเสียก็ดี จักนิ่งเสียก็ดี หรือจักหลีกไปเสียก็ดี ศีรษะของเธอจักแตกเป็นเจ็ดเสี่ยง ณ ที่นี้แหละ อัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอได้ยินพวกพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์เล่ากันมาว่าอย่างไร พวกกัณหายนะเกิดมาจากใครก่อน และใครเป็นบรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ. เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้แล้ว อัมพัฏฐมาณพได้นิ่งเสีย. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอัมพัฏฐมาณพแม้เป็นครั้งที่สองว่า อัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอได้ยินพวกพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้เป็นอาจารย์และเป็นปาจารย์เล่ากันมาว่าอย่างไร พวกกัณหายนะเกิดมาจากใครก่อน และใครเป็นบรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ. แม้ครั้งที่สอง อัมพัฏฐมาณพก็ได้นิ่งเสีย. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกะอัมพัฏฐมาณพว่า อัมพัฏฐะ เธอจงแก้เดี๋ยวนี้ บัดนี้ไม่ใช่เวลาของเธอจะนิ่ง อัมพัฏฐะ เพราะผู้ใดถูกตถาคตถามปัญหาอันประกอบด้วยเหตุถึงสามครั้งแล้วไม่แก้ ศีรษะของผู้นั้นจะแตกเป็นเจ็ดเสี่ยง ณ ที่นี่แหละ. พ่อครูว่า… หมายถึงว่ามันอัดอั้นมากเลย ใครทำเช่นนี้กับ พระพุทธเจ้า. หากไม่พูดตอบมันเป็นความเสียหายหนัก จะถูกลงโทษหนักเหมือนถูกตีด้วยอาวุธหัวแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงเลย [152] สมัยนั้น ยักษ์วชิรปาณีถือค้อนเหล็กใหญ่ลุกโพลงโชติช่วงยืนอยู่ในอากาศเบื้องบนอัมพัฏฐมาณพ คิดว่า ถ้าอัมพัฏฐมาณพนี้ถูกพระผู้มีพระภาคตรัสถามปัญหาที่ประกอบด้วยเหตุถึงสามครั้งแล้ว แต่ไม่แก้ เราจักต่อยศีรษะของเขาให้แตกเป็นเจ็ดเสี่ยง ณ ที่นี้แหละ. พ่อครูว่า…พวกมีอุปาทานกลัวผีหักคอก็เป็นเหมือนกับอัมพัฏฐมานพ แล้วเชื่ออย่างนั้นจริงๆด้วยนะ พระผู้มีพระภาคและอัมพัฏฐมาณพเท่านั้นเห็นยักษ์วชิรปาณีนั้น. พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้า รู้ว่าคืออุปาทานเกิดกับอัมพัฏฐมานพ แต่อัมพัฏฐมานพมีอุปาทานจริง เหมือนเห็นผี คนมีอุปาทานก็เจอผีหลอกอยู่ อัมพัฏฐมานพเป็นคนมีอุปาทานมีกิเลสหนาอยู่ ครั้งนั้นอัมพัฏฐมาณพตกใจกลัวขนพองสยองเกล้า ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคนั่นเองเป็นที่ต้านทาน ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคนั่นเองเป็นที่เร้น ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคนั่นเองเป็นที่พึ่งกระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วกราบทูลว่า พระโคดมผู้เจริญ ได้ตรัสคำอะไรนั่น ขอพระโคดมผู้เจริญ โปรดตรัสอีกครั้งเถิด. อัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอได้ยินพวกพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์เล่ากันมาว่าอย่างไร พวกกัณหายนะเกิดมาจากใครก่อน และใครเป็นบรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ?. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้าได้ยินมาเหมือนอย่างที่พระโคดมผู้เจริญตรัสนั่นแหละพวกกัณหายนะเกิดมาจากกัณหะนั้นก่อน และก็กัณหะนั้นเป็นบรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ. [153] เมื่ออัมพัฏฐมาณพกล่าวเช่นนี้แล้ว มาณพเหล่านั้นส่งเสียงอื้ออึงเกรียวกราวว่าท่านผู้เจริญ ได้ยินว่าอัมพัฏฐมาณพมีชาติทราม มิใช่บุตรผู้มีสกุล เป็นลูกทาสีของพวกศากยะ ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่าพวกศากยะเป็นโอรสของเจ้านายอัมพัฏฐมาณพ พวกเราไพล่ไปสำคัญเสียว่าพระสมณโคดม ผู้ธรรมวาทีพระองค์เดียว ควรจะถูกรุกรานเสียได้. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงดำริเช่นนี้ว่า มาณพเหล่านี้พากันเหยียดหยามอัมพัฏฐมาณพด้วยวาทะว่า เป็นลูกทาสีหนักนัก ถ้ากระไรเราพึงช่วยปลดเปลื้องให้. พ่อครูว่า…เป็นเมตตาของพระพุทธเจ้าเหมือนกับพระพุทธเจ้าเมตตาพระกัสสปะ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กะมาณพเหล่านั้นว่า ดูกรมาณพพวกเธออย่าเหยียดหยามอัมพัฏฐมาณพด้วยวาทะว่า เป็นลูกทาสีให้หนักนัก เพราะกัณหะนั้นได้เป็นฤาษีคนสำคัญ เธอไปยังทักษิณาชนบทเรียนมนต์อันประเสริฐ แล้วเข้าไปเฝ้าพระอุกกากราชทูลขอพระราชธิดาพระนามว่ามัททรูปี พระเจ้าอุกกากราชทรงพระพิโรธขัดพระทัยแก่พระฤาษีนั้นว่า บังอาจอย่างนี้เจียวหนอ ฤาษีเป็นลูกทาสีของเราแท้ๆ ยังมาขอธิดาชื่อว่ามัททรูปี แล้วทรงขึ้นพระแสงศร ท้าวเธอไม่อาจจะทรงแผลง และไม่อาจจะทรงลดลง. [154] ดูกรมาณพ ครั้งนั้น หมู่อำมาตย์ราชบริษัทพากันเข้าไปหากัณหฤาษีแล้วได้กล่าว คำนี้กะกัณหฤาษีว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอความสุขสวัสดีจงมีแต่พระราชา ขอความสวัสดีจงมีแด่พระราชา ฤาษีตอบว่า ความสวัสดีจักมีแด่พระราชา แต่ว่าท้าวเธอจักทรงแผลงพระแสงศรลงไปเบื้องต่ำ แผ่นดินจักทรุดตลอดพระราชอาณาเขต อำมาตย์กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอความสวัสดีจงมีแด่พระราชา ขอความสวัสดีจงมีแก่ชนบท (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ฤาษีตอบว่า ความสวัสดีจักมีแด่พระราชา ความสวัสดีจักมีแก่ชนบท แต่ถ้าท้าวเธอจักทรงแผลงพระแสงศรขึ้นไปเบื้องบน ฝนจักไม่ตกทั่วพระราชอาณาเขตถึงเจ็ดปี อำมาตย์กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอความสวัสดีจงมีแด่พระราชา ขอความสวัสดีจงมีแก่ชนบท ขอฝนจงตกเถิด ฤาษีตอบว่า ความสวัสดี จักมีแด่พระราชา ความสวัสดีจักมีแก่ชนบท ฝนจักตก แต่พระราชาต้องทรงวางพระแสงศรไว้ที่พระราชกุมารพระองค์ใหญ่ ด้วยทรงพระดำริว่า พระราชกุมารจักเป็นผู้มีความสวัสดี หายสยดสยองดังนี้. ดูกรมาณพ ลำดับนั้นพระเจ้าอุกกากราช ได้ทรงวางพระแสงศรไว้ที่พระราชกุมารพระองค์ใหญ่ ด้วยทรงพระดำริว่า พระราชกุมารจักเป็นผู้มีความสวัสดี หายสยดสยอง ดังนี้ ครั้นท้าวเธอทรงวางพระแสงศรไว้ที่พระราชกุมารพระองค์ใหญ่แล้ว พระราชกุมารก็เป็นผู้มีความสวัสดี หายสยดสยอง พระเจ้าอุกกากราชทรงกลัวถูกขู่ด้วยพรหมทัณฑ์ จึงได้พระราชทานพระนางมัททรูปีราชธิดาแก่ฤาษีนั้น. ดูกรมาณพ พวกเธออย่าเหยียดหยามอัมพัฏฐมาณพด้วยวาทะว่า เป็นลูกทาสีให้หนัก นักเลย กัณหะนั้นได้เป็นฤาษีสำคัญแล้ว. สมณะเดินดินว่า… สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin16 กรกฎาคม 2021Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:640714_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 1NextNext post:640719_รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 1Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024