640602_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1lViKbJo6OmejwI-l1SZ7JvtWMUmrv-4JFaKSUprR_rQ/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1nneW1ser4_aD_ZnU6hBenPYAdqiBkt67/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/yEWgar_2i4w
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้อากาศร้อนจัด เขาบอกว่าฝนจะตกในช่วงงานอโศกรำลึก 4-6 มิถุนายน 2564
ในหนังสือสัจจะชีวิต ภาคที่ 3 (ชาวอโศกเพื่อมวลมนุษยชาติ) เขาบันทึกไว้ว่า..งานอโศกรำลึกเกิดจากคนที่คิดว่าพ่อครูทำงานมาถึง 12 ปี ควรจะมีอะไรเกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงบุญคุณของพ่อครูที่ได้ทำงานศาสนามา แต่พ่อครูไม่มีความประสงค์จะให้ระลึกถึงวันเกิดของตน จึงจัดงานในวันที่ 6-10 มิถุนายน เมื่อเกิดคดีสันติอโศก วันที่ 10 มิถุนายน 2532 จึงมีการเปลี่ยนรูปแบบการแต่งกายของสมณะชาวอโศก ต่อมาก็มีการจัดงานอโศกรำลึกในวันที่ 5-10 มิถุนายน ของทุกปี พ่อครูกล่าวถึงความสำคัญของงานอโศกรำลึกว่ามี 17 ประการ
พ่อครูว่า…แต่ละคนที่ส่ง SMS มา แม้ว่าจะมีการด่ากันบริภาษ ก็เป็นประโยชน์ เมื่อมีการกระทบกับเขาเขาก็ไม่ชอบใจก็บริภาษออกมาก็เป็นธรรมดา เราก็จะต้องขออภัยเขาบ้างเป็นธรรมดา ในการอยู่ร่วมกัน ก็ยืนยันความจริงเท่านั้น ขออภัยแล้วก็ต้องขอยืนยันความจริง เป็นธรรมดามันมีความเห็นต่างกันก็ต้องเป็นอย่างนั้น
SMS วันที่ 21-25 พ.ค. 2564
_Pligdin D พลิกดิน ดี : ปี 2531คดีพ่อท่านกำลังดังมาก จะมีรูปวาดของสมณะใส่โซ่ตรวนที่มือ
พ่อครูว่า…ใช่ เราไม่ได้ตามหารูปภาพนั้น แต่มาจากหนังสือพิมพ์ เป็นภาพที่ดูดีเป็นลายเส้นแล้วก็ใช้มาตลอด ทีนี้โซ่อันนี้แหละ ท่านตถภาโว ปั้นรูปปั้นอาตมาท่ายืนยกมือนี่แหละ เป็นการให้อภัย ก็เรียกชื่อกันว่า ปางอภัย ทีนี้ก็เลยปั้นแล้วแต่ก่อนอยู่ที่พระวิหารพันปีสันติอโศก ติดอยู่ที่แผงใหญ่ด้านหลัง แต่ดูแล้วไม่ค่อยมีใครไปมองเห็น ไม่เข้าท่าก็เลยเอาออกมา ที่สันติอโศกมันไม่มีที่ไว้ ก็เลยเอามาที่นี่ เอามานี่ก็เลยได้ที่อยู่ ที่หน้าปากทาง ปากทางเข้าน้ำตกผาแหงน แต่ก่อนนี้เคยเป็นทางผ่าน ทีหลังมีลำธารก็เลยปิดทาง ไม่อยากให้ใช้เท่าไหร่ แต่คงจะปิดตายตัวเมื่อสะพานโค้งรุ้งเสร็จเรียบร้อย ถ้าจะเข้าก็ไปเข้าตรงถนนตรงแก่งโน่นเลย ก็ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ก็ปิดๆเปิดๆอยู่ แต่ต่อไปมีสะพานโค้งรุ้งถาวร ก็คงปิด
ก็คิดอยู่ว่าให้หาโซ่ที่เหมาะสมมาห้อยที่มือรูปปั้น เคยบอกว่าเอาโซ่ทองคำมาห้อย อย่าไปบอกเขาสิว่าโซ่ทองคำ เอาแค่โซ่เหล็กทาสีทองคำก็ได้
_0852 : พ่อครูอ่านบทความของ เปลว สีเงิน ซึ่งก็นิยมชมชอบพระวัดป่าสายมหาบัวซึ่งก็พาคนไปตามความเห็นเทวนิยมแสดงว่า…?
พ่อครูว่า…คุณเปลวเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีปัญหา เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็เป็นคนที่ศึกษาอยู่ จิตใจเขาจริงๆจะเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ จะเห็นจริงเห็นชอบอย่างไร คุณไปอ่านเขาว่าชอบ วัดป่าสายมหาบัว เขาจะชอบก็จะไปบังคับเขาได้อย่างไร อาตมาเคยว่า ข่ม นิคคัณเห นิคหารหัง เขาก็คงเข้าใจอาตมาตำหนิก็ตำหนิ ความเห็นต่างกันก็ว่ากันไป เรื่องของความชอบก็เป็นความชอบ ส่วนเรื่องความเป็นกลางเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็แสดงออกอย่างเป็นกลาง ส่วนจริงเขาจะเป็นอะไรแค่ไหนเราจะไปว่าอย่างไร อาตมาก็ว่าเขาต่างกับสนธิญาณ ซึ่งสนธิญาณแสดงออกเลยว่าเขาเห็นดีเห็นงามกับอาตมา สนธิญาณก็เป็นนักหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ก็ว่ากันไป ก็ต่างคนต่างความเห็น ต่างคนต่างกล้าแสดงออก คำว่ากล้าแสดงออกมันก็เป็นการไขความจริงอันหนึ่ง เป็นการเปิดเผยความจริงอันสำคัญอันหนึ่ง ก็ค่อยๆเป็นไป สามารถรู้ได้ สามารถเห็นจริงได้ อย่างซับซ้อนลึกซึ้งประมาณใดก็พอได้ ก็ค่อยว่ากันไป
_0852 : นักการเมือง ข้าราชการได้รับสิทธิฉีดวัคซีนก่อน ไหนว่าทำงานเพื่อประชาประชาชนมาก่อน นี่กลัวตายก่อนประชาชน
พ่อครูว่า…อาตมาไม่วิจารณ์เรื่องนี้ คงลงตัวจนได้ล่ะ อย่างไรอย่างไรนักการเมืองก็มีจำนวนน้อยกว่าประชาชน นักการเมืองได้ก่อนจบก่อนก็เป็นธรรมดา เล็กๆน้อยๆน่า ขอกันกินมากกว่านี้
คนระดับไหนจึงคุยกับเทวดาได้
_สว่างแสง ขวัญดาว : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ลูกเคยได้ยินมาว่าพ่อครูคุยกับเทวดา คุยมีเสียงดังไหมคะ หรือว่าคุยในใจ พ่อครูตื่นแล้วก็นอนคุยหรือหลับไปด้วยคุยไปด้วยคะ ลูกไม่เข้าใจ แล้วคนระดับไหนที่จะคุยกับเทวดาได้น้อมกราบพ่อครูด้วยเศียรเกล้าค่ะ
พ่อครูว่า…เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน เป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องสมมติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ ถ้าบอกสมมติสัจจะ ถ้าบอกว่าเทวดา ในสมมติสัจจะเราก็หมายถึงภาษาธรรมดาง่ายๆ แค่เป็น Common noun หรือสามัญนาม ก็หมายถึงความหมายกว้างๆ ทั่วไป เทวดาหมายถึงจิตใจอันเจริญ จิตใจอันสูงขึ้นจากความเป็นมนุษย์สามัญ
บางทีจิตใจสูงขึ้นในแง่แค่โลกีย์ เป็นโลกียธรรมของเทวนิยมทั้งหลาย เป็นผู้เจริญแบบโลกีย์เท่านั้น ก็เรียกว่าผู้นี้มีจิตใจเป็นเทวดา เพราะฉะนั้นเขาก็เข้าใจได้ เราก็รู้ร่วมกับเขาได้ว่าเขาเข้าใจอย่างนี้ แต่ถ้าไปจำเพาะเจาะจงลงไปถึงโลกุตระ จิตใจของเทวดาก็คือ
เทวดา พระพุทธเจ้าท่านแบ่งเป็น 3 อย่าง
-
สมมติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเสพโลกียสุขได้สมใจ)
-
อุปปัตติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเกิดความเป็นอาริยะ)
-
วิสุทธิเทพ (คนที่มีสภาวะจิตบริสุทธิ์ขั้นอรหัตตผล)