640531_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1hhEuTwFKLcQ94xogOqxi3K13tMdcJtk24Cnr0xWdtrU/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1YLqu4IQrEVKfeysKJrXxBmOL9HMPvMdx/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/o6xZDwu5Cr0
เพิ่มสัมประสิทธิ์ทางอาหารของพ่อครู
พ่อครูว่า…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก อาตมาบรรยายธรรมะไปก็บำเพ็ญโพธิสัตวภูมิไป แต่มันก็เหนื่อยง่ายเมื่อยง่าย ทุกวันนี้การบริหารงานก็ปล่อยให้คณะกรรมการบริหารไป ทุกวันนี้กินข้าวก็เมื่อย 3 ชั่วโมง จะกินข้าวทีก็บอกว่าเจอสนามรบอีกแล้ว มันพยายามต้องฝืนกินเข้าไป เคี้ยวกลืนเข้าไป ให้มันมีปริมาณเพียงพอที่จะเอามาสังเคราะห์ใช้ในรูปขันธ์ รูปขันธ์ที่เป็นดินน้ำไฟลม เป็นอุตุนิยาม พีชนิยาม ที่จะเอาไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ เอาไปใช้สังเคราะห์สังขารร่างกายเอาไว้
แล้วมันซ้อน การย่อยการเผาผลาญ มันก็ไม่เก่งเหมือนกับตอนหนุ่มแน่นๆ ก็พยายาม อาตมาพยายามพิสูจน์พลังงานของ Coefficient สัมประสิทธิ์ จนกระทั่งคิดเป็นสูตรสำเร็จวิทยาศาสตร์ E=C(mc2 + A) m คือรูป หรือ mass ส่วน C ก็คือนาม คือกระแสกับแรงเคลื่อน บวกกับลบ คู่กันตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็น static กับ Dynamic เสร็จแล้วเราก็เพิ่มสัมประสิทธิ์ให้มันทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นระดับยกกำลัง ระดับ Advance สูงขึ้นไปจะต้องเป็นยกกำลัง บวกลบคูณหาร ยกกำลังถอดรูท ของเราเป็นระดับยกกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามหลักคณิตศาสตร์ ตามคณิตศาสตร์มันก็ไม่ยากแต่มันยากตรงที่จะทำให้มันได้ สูตรมันมีอยู่แล้วมาตราส่วนมีอยู่แล้ว แต่จะทำให้ได้ตามสภาวะมันยาก
ก็พยายามเร่ง บอก พวกดำจังแก ให้ทำมาเลย อาหาร จะปรุงให้อร่อยมาก็ทำเลย แต่เผ็ดไม่ได้ เพราะมีเหตุที่ไปกระตุ้นมันไม่ได้ มันจะไอมากเลย มีคนพยายามใส่พริกมานิดๆหน่อยๆ อาตมาก็ว่าไม่ต้องฝืนเลย ไม่ต้องเพิ่มพริกไม่ต้องเพิ่มรสเผ็ดมาเลย แต่เพิ่มรสอร่อยอื่นก็เอามาเลย แต่หวานอย่าไปหวานจัด ไม่รู้คำภาษาอีสานเขาว่า นัว ทำให้นัวเท่าไหร่ก็มาเลย ภาษาอีสาน นัว แปลว่า รสชาติกำลังเหมาะที่สุดเลย กำลังนัวๆเลย นัวแล้ว พอดีแล้ว กลมกล่อมมา ปรุงมาให้อร่อยๆ เลย อาตมาจะพยายามปลุกรสชาติให้มันขึ้นมา จะได้กินเร็วขึ้นมาหน่อย แต่นี่มันจะใส่ทีเจ้าประคุณเอ๋ย 2-3 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ปริมาณอาหารพอสมควร ก็คงไม่มากเท่าพวกหนุ่มสาวหรอกนะ ไม่เท่านายเพนกวิ้นแน่นอน รับรองปริมาณอาหารแต่ละมื้อไม่เท่าเพนกวิน
ที่จริงเปลี่ยนได้มันก็มีขึ้นมาได้ มันก็ช้าก็เลยอยากจะเร่งให้มันเกิดรสกาม พูดกันชัดๆก็คือกามคุณ 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันจะมีประตูไหน รูไหนที่จะ stimulate เร่งรัดให้มันมีความรู้สึกตัวตื่น ตัวเวทนาตัวนี้ เร่งรัดให้มันมีอาการที่เกิดความต้องการ ความอยากความปรารถนา อาตมามาสอนพวกเราจนกระทั่งว่า มีเจตนาแต่อย่าอยาก มันก็เลย เราก็เป็นได้แล้วล่ะถึงมาสอน มันก็เลยมีแต่เจตนา ทุกวันนี้ใช้แต่เจตนา สอนด้วยเจตนา
คือมันกลับไปกลับมา สูงสุดคืนสู่สามัญ เพื่อจะทำงานให้แก่โลก ตัวเองไม่มีปัญหาหรอก แต่มันก็จะมีประโยชน์ขึ้นเช่นการแต่งเพลง มันปรุงไม่ขึ้นเลย เช่น เพลงสมรรถนะ
เพลงสมรรถภาพ เพลงรากไท เพลงไทยแท้
อาตมามาทบทวน เป็นเพลงสุดท้ายที่แต่งขึ้นมา ตั้งชื่อใหม่ว่าเป็น เพลงชีวิตรากไท หรือจะบอกว่า ชีวิตไทยแท้ ก็ได้ เนื้อเพลงสมรรถภาพนี่แหละ
…มาเถิดอย่าช้า อยู่ไหนรีบมาคว้ามีดพร้าและจอบเสียม มาปลูกย้ำธรรมเนียม เตรียมไถไร่นาป่าสวนมวลพืชพันธุ์ มาสร้างคนร่วมกันรังสรรค์บ้านเมือง ประเทืองประทีปไทย เมื่อเกิดมาเป็นคน ทุกชีพชนม์ฝันใฝ่ สูงสุขจริงยิ่งใหญ่ ต่างไขว่ต่างคว้า ทุกข์ทนฟันฝ่า เพื่อจะพาชีวิตดี หากใครเชื่อกรรม สมรรถะทำเต็มที่ ขยันสร้างสรรแล้วพลี ย่อมมีคุณค่าแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ ผู้แผ่บุญหนุนโลก
เมื่อเกิดเป็นคนแล้ว จะแคล้วคลาดความทุกข์โศก ก็เพราะฝึกตนทวนโลก โชคดีหลุดพ้น พลิกตนพาชาติ ปราศอบายเสริมบุญ สร้างคนสร้างงาน สามารถจานเจือจุน สมรรถะนี้คือทุน ยอดคุณค่าแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ผู้แผ่บุญหนุนโลก
(เพลง สมรรถภาพ/ครูรัก รักพงษ์)
พ่อครูว่า…วันนี้ตั้งเป็นชื่อใหม่ว่าเพลงชีวิตรากไท หรือเพลงชีวิตไทยแท้ ทำไมอาตมาตั้งอย่างนั้นก็หมายความว่า อยากจะให้คนไทย พยายามทำความเข้าใจกับความเป็นชีวิต เกิดมาอะไรยิ่งใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก
แล้วท่านก็ตรัสอีกอย่างหนึ่งว่า ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง
ข้าวนี่ ทุกชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวอะไรก็ตามที่เป็นพืชเมล็ดๆตระกูลหญ้า มีแป้งเป็นส่วนใหญ่ในนั้น ต้องอาศัยข้าว มีข้าวสักอย่างหนึ่งไม่ตายง่ายๆหรอกมนุษย์ ส่วนพืชพรรณธัญญาหารก็เป็นส่วนเสริมมีวิตามินอื่นๆเสริม ก็มาช่วยร่างกายได้เหมือนกัน แต่ในข้าวนี้มันจะครบแล้ว ที่จริงมันครบแต่มันมีอ่อนมีแก่ มีวิตามิน ธาตุต่างๆที่อาจจะไม่สมบูรณ์ดีนัก ก็มีอันอื่นมาเสริมจากพืชพันธุ์ธัญญาหาร คนไม่พอก็เอาจากวิตามินจากเนื้อสัตว์มาเสริมอีก คนมันเสื่อมลงก็ไปกินเนื้อสัตว์ เอาธาตุอะไรทางเนื้อสัตว์มาใช้ คนก็เลยกลายเป็นยักษ์เป็นมารมากขึ้น จนทุกวันนี้ซับซ้อนด้วยนะ ดุเดือดซ่อนเชิงเลวร้ายเรียกว่ากินกันไม่รู้เรื่องเลย กัดกันทำร้ายกันอย่างไม่เห็นร่องรอย ไม่ให้รู้ตัว ถึงขนาดนั้น แต่พวกที่ยังทำหยาบๆอยู่ก็เยอะ หรือทำอย่างเนียนสนิทจนคนจะไม่รู้เลยว่าถูกหลอกกิน ยิ่งกว่าแดร็กคูล่า กับนางเอกหนัง ถึงเวลานางเอกหนังก็จะมายื่นคอให้แดร็กคูล่าดูดเลือด ทางศาสนาเทวนิยมเขาก็รู้ มันเก่งขนาดนั้นเป็นปรนิมมิตวสวัตตี ยิ่งกว่านิมมานรดี จตุมหาราชิกา อย่างนั้นมันตื้น พอยิ่งสูงขึ้นกินเนียนสนิทให้คนอื่นมาประเคนเหมือนอย่างธัมมชโย ทำ เนียนมากเลย แต่มีเหตุให้คนอื่นเอามาให้แก่ตนเอง
แต่ธัมมชโยก็ยังเนียนไม่เท่ามหาบัวที่เอาไปช่วยประเทศชาติอย่างเด่นชัด มหาบัวเนียนกว่า เป็นเสือร้ายเนียนกว่าธัมมชโย แล้วก็บอกว่าชาตินี้ฉันช่วยไว้นะ ธัมมชโยสู้ไม่ได้ทางฝีมือ ขออภัยลูกศิษย์ของมหาบัว อาตมาเอาธรรมะมาขยายความเรียนรู้ดีๆ ที่พูดอยู่ทุกวันนี้พยายามจะจี้จะไชพวกที่นั่งหลับตาปฏิบัติ ให้ตื่นออกเรียนรู้ จรณะ 15 วิชชา 8 ของพระพุทธเจ้าให้ดีๆ ปฏิบัติให้ตรง ให้มีอปณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติไม่มีหรอกไปนั่งหลับตา ในจรณะ 15 ไม่มีไปนั่งหลับตา ไปตีขลุมเอาวิชชา 8 ไปนั่งหลับตายิ่งไม่ได้ใหญ่ เพราะอันนั้นมันเป็นผลที่เกิดจากนามธรรมทางจิตใจ ส่วนรูปธรรมนั้นเป็นจรณะ 15 พระพุทธเจ้าบริภาษภิกษุสาติ ที่ไปหาวิธีที่ไม่มีวิญญาณฐีติ ไปปฏิบัติเข้าใจว่าวิญญาณล่องลอย เป็นวิญญาณสัมพเวสี วิญญาณไม่เกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยนี่ ไม่มีกามไม่มีกาย เป็นเรื่องโมฆะ เป็นเรื่องเดียรถีย์เป็นเรื่องสูญเปล่าจากศาสนาพุทธ
อาตมาพยายามดึงกลับเป็นปัจจุบันณชาติ ชื่อว่าความจริงคือสภาพที่เกิดในระดับ status quo ปัจจุบันนี้เลย Suddenly บัดเดี๋ยวนี้เลย สัมผัสกันอยู่หลัดหลัดแล้วมีเหตุปัจจัยอยู่ยืนยันกันได้ต่อกันและกันเลย ไม่ใช่ไปหลับตา ไม่ใช่ไปอยู่ในภวังค์คิดเอาแล้วเอามาพูดไม่ใช่ แต่เอาตรงๆปัจจุบันสั้นนิดเดียวเล็กๆแต่เป็นเรื่องจริง เต็มไปหมดโลกนี้แหละจะต้องรู้ความเป็นจริงของโลกของทั้งหมดมันจะรวมไปหมดเลย ทั้งโลกทั้งอัตตา
ลองฟังเพลงซ้อนอีกที เป็นเพลงที่อาตมาเขียน เรียกว่าเพลงชีวิต
เพลงชีวิต หมายเลข ๓ เพลงรากไท เพลงไทยแท้
แม้เจ้าจะตาบอด มาแต่กำเนิด
แต่เจ้าก็ยัง “เห็น” แสงสว่างของโลกได้
เจ้ายัง “เห็น” แมกไม้ และเกลียวคลื่น
เจ้ายังสามารถ “เห็น” คนเศร้าโศก “เห็น” คนระเริงสุขได้
แม้เจ้าจะหูหนวกมาแต่กำเนิดอย่างสนิทปานใด
เจ้าก็ยัง “ได้ยิน” เสียงของนกร้องละเมอ…
เสียงของความอลวนของโลก
เจ้ายัง “ได้ยิน” เสียงคนด่าทอ และเสียงสรรเสริญเยินยอได้
แม้คนผู้หนึ่งจะพยายาม ปิดตา ปิดหูของตน
ให้มันบอด และหนวกสนิท เช่นนั้นก็ตาม
คนผู้นั้นก็จะต้อง “รู้” ต้อง “ทราบ”โลก “ทราบ”ชีวิต
ที่มันเป็นไปอยู่ ในโลกนี้ได้
ไม่น้อยไปกว่าคนดีๆ ธรรมดา ๆ เลย
เพราะโลกนี้ มี “วิญญาณ” ! !
การสัมผัสต่างๆ ที่ทำให้คน “รู้” ได้ นั่นแหละ คือ “วิญญาณ”
ผู้มี “วิญญาณ ” ชาญฉลาดแท้ จะสามารถเห็นแจ้ง ว่า…
อย่างนั้นแหละคือ “โลกที่ยังวนเวียน ไม่รู้จบ”
อย่างนั้นแหละคือ “อารมณ์โลกที่ดึงดูดใจมนุษย์”
อย่างนั้นแหละ คือ “ความเจ็บปวด”
อย่างนั้นแหละ คือ “ความเอร็ดอร่อย”
และนั่นเอง คือ “ความทุกข์” กับ “ความสุข”
“ฆ่า” มันเสียสิ ! ! !
อย่าให้ “เจ้าสิ่งต่างๆ” เหล่านั้น มาเป็นของเรา
โลกมันต้อง “มี” สิ่งเหล่านั้นเป็นธรรมดา
สำหรับผู้ ไม่รู้ ว่า มันเป็น “มายา”
แต่ “เรา” ต้องเรียนรู้
ต้องลด ต้องฆ่าสิ่งเหล่านั้น อย่าให้ “มี” ในตน
มันเกิดอยู่ มีอยู่ อย่างเก่งฉลาด และพัฒนาเจิดจ้าเต็มโลก
หรือ แม้ในตัวเรานั่นแหละ
ที่มันยังหลง “มี”อยู่ อย่างแฝงซ่อนแท้จริง
แต่ มันไม่ใช่ “ของจริง” หรือ “ของเรา” หรอก
อย่าหลงผิดว่า มันคือ “เรา” เลย
และ อย่าหลงผิดว่า มันเป็น”ชีวิตชีวา” ของเราเลย
เมื่อผู้ใด “ฆ่า” มันได้จนตายดับสนิท
ไม่เหลือเชื้อเป็นตัวเป็นตนอีกแน่
แล้วเมื่อนั้น เราจะยืนอยู่สูงสุด “เหนือโลก” อย่างแท้จริง”
๒๐ เมษายน ๒๕๑๔
พ่อครูว่า…จำได้ว่าเพลงชีวิตหรือเพลงอริยะ เขียนไปก็ทยอยส่งให้เขาพิมพ์ไป เขียนที่โรงพิมพ์สดๆแล้วก็ส่ง กระดาษฉีกไปเรียงพิมพ์ แต่ก่อนต้องเรียงพิมพ์ แล้วค่อยเอามาพิมพ์ออกมา ทบทวนงานที่ตัวเองทำมาแล้วตั้งแต่ออกมาบวช พ.ศ. 2513 อันนี้เพลงเขียน 2514 ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ก็ทำงานมาตลอดเป็นงานโลกุตระ ที่มันยิ่งมาถึงทุกวันนี้แล้ว พ.ศ. 2564 มันย่าง 51 ปีแล้ว มันก็ยิ่งเข้าใจยิ่งเห็นจริงยิ่งเห็นลึกแล้วยิ่งเห็นว่าเมืองไทย จะเป็นเมืองหลัก เป็นเมืองที่จะต้องมีอาริยธรรม เป็นหลักให้แก่โลกเขา
อาตมาว่าอาตมาไม่ได้ละเมอเพ้อพก แต่ยืนบนฐานความเป็นจริงของความเป็นมนุษย์และเป็นโลกเป็นอัตตา อาตมาชัดเจนเรื่องความเป็นโลกความเป็นอัตตา เรื่องธรรมะเรื่องโลกุตระ เพราะฉะนั้นจึงพยายามระดมให้พวกเราศึกษาตั้งใจ ปราชญ์ทั้งหลาย ผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันหน่อย มาทำสิ่งที่ควรจะต้องสนับสนุนส่งเสริมกันนี้ คือส่งเสริมกันให้รู้ว่าเมืองไทย จะเอาเด่นเอาดีทางกสิกรรม ในเรื่องของประมงหรือปศุสัตว์ก็เป็นเรื่องรอง เป็นเรื่องเคียง อาศัยกันไปสำหรับผู้ที่ยังต้องอาศัย สำหรับผู้ที่ยังติดยึดอยู่ ถ้าจิตมนุษย์ไม่ต้องไปทำอะไรกับสัตว์ สัตว์ก็ปล่อยตามยถากรรมเขา เพราะสัตว์มันจิตนิมียาม มันมีรักมีชัง มันมีผูกพยาบาท มันมีแก้แค้น มีความรัดรึง ก็จะเสียพลังงานซ้อน แต่ถ้าพืชก็ไม่มีปัญหา อาศัยพืชเป็นอาหาร ไม่ต้องไปอาศัยสัตว์เป็นอาหารได้อย่างนี้ก็ลึก ไกล แต่ก็ต้องเดินไปสู่จุดสูงสุด ผู้ใดได้แล้วก็นำพากันไป ผู้ที่ยังไม่ได้ก็ค่อยๆศึกษาฝึกฝนขึ้นมาช่วยโลก
ธาตุวิญญาณ มันลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ เทวนิยม ไม่ได้ตีแตกเรื่องวิญญาณ อาตมาตอนนี้เขียนหนังสือ “รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร” เล่ม 4 ขยายละเอียดมากเลยและก็แยกแยะให้เห็นเทวะ เป็นวิชาการไม่ได้ข่มขี่เขาหรอก ให้เห็นเทวนิยมซึ่งเป็นมวลมากของมนุษย์ เพราะมนุษย์จะต้องอวิชชามากกว่าคนที่วิชชา คนที่มีวิชชาก็อยู่ยอดพีระมิด คนที่อวิชชาก็จะไล่ระดับลงมาหากลางหาฐานอยู่ระดับเบื้องล่าง มันเป็นสัจจะที่แย้งไม่ได้หรอก เป็นสัจจะเมื่อใดเมื่อใดก็ต้องเป็นเช่นนั้นตถตา
สูงสุด คนที่สูงแล้วก็ต้องพยายามให้ความรู้แล้วก็ต้องยืนหยัดยืนยันตัวเอง มีหลักฐานยืนยันด้วย อย่างที่เป็นกันมาโลกุตรธรรม พวกเราถึงขั้นสาราณียธรรม 6 สาธารณโภคี เป็นสูตรสมบูรณ์แบบแล้ว พวกเราก็พิสูจน์ความจริงอันนี้ไป
ในเพลงนี้ อาตมาก็ว่า เวอร์ชั่นเร็วหรือช้าก็ฟังดีทั้งสองเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นช้า อาตมามาแต่งเนื้อร้องเพิ่มเป็นวรรคที่ 2 ตอนนั้นให้นายป็อบปี้ร้อง ต่อมานายโอ๋ร้อง ลองฟังเวอร์ชั่นเร็วของนายโอ๋ซิ
…มาเถิดอย่าช้า อยู่ไหนรีบมาคว้ามีดพร้าและจอบเสียม มาปลูกย้ำธรรมเนียม เตรียมไถไร่นาป่าสวนมวลพืชพันธุ์ มาสร้างคนร่วมกันรังสรรค์บ้านเมือง ประเทืองประทีปไทย เมื่อเกิดมาเป็นคน ทุกชีพชนม์ฝันใฝ่ สูงสุขจริงยิ่งใหญ่ ต่างไขว่ต่างคว้า ทุกข์ทนฟันฝ่า เพื่อจะพาชีวิตดี หากใครเชื่อกรรม สมรรถะทำเต็มที่ ขยันสร้างสรรแล้วพลี ย่อมมีคุณค่าแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ ผู้แผ่บุญหนุนโลก
เมื่อเกิดเป็นคนแล้ว จะแคล้วคลาดความทุกข์โศก ก็เพราะฝึกตนทวนโลก โชคดีหลุดพ้น พลิกตนพาชาติ ปราศอบายเสริมบุญ สร้างคนสร้างงาน สามารถจานเจือจุน สมรรถะนี้คือทุน ยอดคุณค่าแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ผู้แผ่บุญหนุนโลก
(เพลง สมรรถภาพ/ครูรัก รักพงษ์)
นั่นครบทั้งสองเนื้อบริบูรณ์เวอร์ชั่นนายโอ๋ร้องนี่ นายไก่เป็นคน Arrange ฟังดูปลุกเร้าดี มาขยายความ เพื่อเน้นเนื้อหาความเข้าใจความรู้และเป็นให้ได้จริงๆตามนี้
มาเถิดมาอย่าช้า ก็คือเร่งรัดเร่งเร้าปลุกเร้ากันให้มาเร็วๆอยู่ไหนก็รีบมา คว้ามีดพร้าและจอบเสียม ซึ่งภาษาไม่ได้ยากอะไร
มาปลูกจำธรรมเนียม หมายความว่ามาปลูก มาย้ำ มาฝึกฝน มากระทำมาฝึกหัดให้เป็น ธรรมนิยม ให้เป็นทำเนียมอันเที่ยงแท้ นิยมะคือเที่ยงแท้
เตรียมไถไร่นา ป่าสวนมวลพืชพันธุ์ ทั้งไร่ทั้งหนาทั้งป่าทั้งสวนมวลพืชพันธุ์ ครบทั้งเนื้อหาพยัญชนะ รวมพืชพันธุ์ธัญญาหารไว้ครบ
มาสร้างคนร่วมกันสร้างสรรค์บ้านเมือง ประเทืองประทีปไทย ไทยรุ่งเรืองเป็นประทีปเป็นแสงสว่างไปสู่ความอิสระหรือไปสู่ความเป็นไทย หรือคนไทยหรือประเทศไทย คนไทยนี่แหละให้เจริญประสบความเป็นไทยเป็นอิสระเสรีภาพอันบริสุทธิ์สมบูรณ์ทั่วโลก นี่เป็นสร้อย
เพลงโลกุตระเป็นไปเพื่อสังคมมนุษยชาติ เป็นไปไม่เพื่อตัวตน เป็นเพลงละกิเลส เป็นเพลงโลกุตระ
เมื่อเกิดมาเป็นคน ทุกชีพชนม์ฝันใฝ่ แสวงหา ใฝ่หาความสูง ใฝ่หาความสุขจริงยิ่งใหญ่ ต่างไขว่ต่างคว้า ทุกข์ทนฟันฝ่าเพื่อจะพาชีวิตดี
หากใครเชื่อกรรม สมรรถะทำเต็มที่หากใครสร้างที่กรรม กรรม เป็นตัวยิ่งใหญ่ตัวรวมทุกอย่างกรรมเท่ากับ God ของศาสนาเทวนิยม แล้วกรรมเป็นจริงกว่า God ที่ว่าอย่างนั้นเพราะว่า God มันยังไม่เคยเห็นตัวตน พระเจ้าอยู่ไหนไม่รู้มีคำสอนตายตัว ไม่เกิดเป็นความเที่ยงตายเด๋เลย อธิบายอะไรออกไม่ได้ ทั้งๆที่โลกมันเปลี่ยนไป เหตุปัจจัยต่างๆ องค์ประกอบต่างๆของดินน้ำไฟลมของมนุษยชาติของสถานที่ มันไม่ได้มีโครงเดิมเลย มันเปลี่ยนไปตลอดเวลา โลกทั้งโลกจักรวาลทั้งจักรวาลตอนนี้ถือว่ามันเสื่อมลงแล้ว มันก็เสื่อมไป แต่มันนานไม่รู้กี่ล้านๆปีแสงกว่าจะสูญสิ้นไป ลองคิดชีวิตของคนแต่ละคน 100 200 ปีมันไม่นานอะไรเลย อาตมาเกิดมาในยุคนี้ อายุถึง 100 ปีก็ยังยากแล้ว ก่อนๆนี้เขาอายุหลายร้อยปี แต่อย่างพระพุทธเจ้าตรัสไว้ มนุษย์เคยอายุถึงหลายหมื่นปีเป็นแสนปี คิดไม่ออกหรอก คน ตะบันน้ำกินหรือไง อยู่กันตั้ง 80,000 ปีคิดไม่ออกหรอกเป็นเรื่อง อจินไตย ไม่ต้องคิด ก็เอาที่ใกล้ๆที่เราคิดไปถึงได้ ทุกคนทำกรรมเป็นของตนเอง กัมมสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเต วิภัชชติ กรรมจำแนกสัตว์ทุกสัตว์เป็นไปตามกรรม
-
กัมมสัทธา (เชื่อกรรมเป็นเหตุ)
-
วิปากสัทธา (เชื่อผลวิบากของกรรม) &
-
กัมมัสสกตาสัทธา (เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็น สมบัติแท้ของตน กรรมเป็นพระเจ้าบันดาลแท้)
-
ตถาคตโพธิสัทธา (เชื่อความตรัสรู้ของตถาคต)