641027_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ พุทธศาสตร์คือวิทยาศาสตร์แห่งพระอภิธรรม
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1gt4K4VSklF0x4bIlFp1fvE5kouyT7N74u4Vr59pFC0Y/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1IGl9RuFq2ZAnnhJfSTnkR0mbpvvjvWcs/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/8UX9Lg-v65/ และ https://youtu.be/dQLHCW1uNZs
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก เราก็ออกพรรษามาแล้ว ชาวอโศกจะมีงานมหาปวารณากันต่อ ปีที่แล้วไม่ได้จัด ปีนี้โควิดเขาก็ยังรุนแรงอยู่เหมือนเดิม ก็มีญาติธรรมที่เคยมีบ้านในชุมชน อยากมาเยี่ยมบ้าง อยากมากราบพ่อครู สมณะ สิกขมาตุบ้าง อยากมาใส่บาตร ทำกุศลเพิ่ม แต่พ่อครูก็บอกว่าตอนนี้อย่าเพิ่งเลย อย่าประมาท ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง กับญาติธรรมที่มีจิตเป็นกุศล อยากทำสิ่งที่ดี แต่ระยะนี้เป็นความจำเป็นของสังคม บางทีบางคนถูกปฏิเสธก็อาจไม่ชอบใจบ้าง ก็ต้องขออภัย เป็นเรื่องที่เราต้องดูแลคนในนี้ให้ปลอดภัยสูงสุด หากราชธานีอโศกติดขึ้นมาจะเป็น cluster ใหญ่เลยนะ เอาไว้กาละที่เหมาะสมก็คงได้มาแน่ เราก็ยังได้ฟังทางบุญนิยมทีวี
พ่อครูว่า… เราค้าง sms ไว้หลาย
SMS วันที่ 22-24 ต.ค. 2564
สาระที่แท้จริงของการตักบาตรเทโว
_บุญกอง : กราบนมัสการ ท่าน สมณะ วินยธโร ได้วิปัสสนา หรือวิเคราะห์เหตุการณ์ทำบุญของ ชาวพุทธทั่วไปในช่วงนี้ คือ ประเพณีการกวนข้าวทิพย์ ถวายพระสงฆ์ ประเพณีตักบาตรเทโว ที่มีคลิปเผยแพร่ความรู้หลากหลาย การทำบุญนี้ของพุทธแท้ ควรทำอย่างไร เราจะร่วมกับสังคมส่วนใหญ่อย่างไร กราบนมัสการท่าน วิปัสสนาด้วยครับ
พ่อครูว่า…อาตมาขอตัดหน้าท่านวินยธโรก็แล้วกัน ขออภัยขอตอบประเด็นนี้แทน ส่วนท่านวินยธโรจะตอบอีกก็ว่าไป มันมาผ่านอาตมาไง เพราะเป็นความรู้ที่ เมื่อออกพรรษาก็จะมีตักบาตรเทโว เป็นนิยาย เป็นนิทานแบบรูปธรรม ฟังดีๆนะ เป็นนิทานหรือนิยาย เป็นเรื่องเล่าตำนานติดต่อกันมา เป็นตัวตนบุคคลเราเขา
ว่าพระพุทธเจ้าขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นภพเป็นชาติ เป็นแดนสวรรค์ อะไรแดนหนึ่ง เป็นแดนสวรรค์ เพราะว่าท่านบอกว่า พระมารดาสิ้นพระชนม์แล้วจิตวิญญาณไปอยู่ที่ดาวดึงส์อะไรอย่างนี้ ก็ว่ากันไป เสร็จแล้วพระพุทธเจ้า เขาก็เล่ากันเป็นภาษาตัวตนบุคคลเราเขา มีสถานที่มีแหล่งเป็นรูปธรรมเลย ว่าพระพุทธเจ้าทรงไปโปรดพุทธมารดา ในวาระที่เข้าพรรษา 3 เดือน แล้วก็ไปเทศน์อภิธรรม โปรดพระมารดา จนจบครบ 3 เดือน
เสร็จแล้วยังมีต่อไปอีกนะในนิทานว่า พระสารีบุตรนั่งอยู่ตีนเขาสิเนรุ ซึ่งดาวดึงส์ก็อยู่บนยอดสูง แต่พระสารีบุตรอยู่ตีนเขาก็ได้ยินคำสอนพระพุทธเจ้า ซาบซึ้งเลย พอเสร็จแล้วออกพรรษาท่านก็ลงจากดาวดึงส์ เทวโลก ว่างั้นเลยนะ แล้วก็บอกว่าบิณฑบาตลงมาเลย ใครได้ใส่บาตรตอนที่พระพุทธเจ้าลงจากดาวดึงส์ จะมีอานิสงส์มาก เป็นการสืบสานตำนานให้มีรูปธรรม พวกญาติโยมอยากได้บุญมากๆก็ไปคอยใส่บาตรพระ ที่จะเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธเจ้าเดินลงมาจากดาวดึงส์ให้ใส่บาตรหรอก มีแต่พระสงฆ์ สมมติว่าเดินลงมาจากที่สูง วัดไหนมีภูเขาก็ใช้ภูเขาเดินลงมา ญาติโยมข้างล่างรอใส่บาตรก็ชื่นใจ ได้ใส่บาตรวันสำคัญวันที่ท่านโปรดพุทธมารดาแล้ว ก็ลงมาจากดาวดึงส์มาให้ใส่บาตร
ก็เป็นตำนานที่ทำให้บุคคลเขาสนใจ โดยติดยึดที่คำว่า ได้บุญ ได้ทำทาน ได้เสียสละ แต่ยังไม่รู้ว่า เสียสละคืออะไร เสียสละนั้นคือ อ่านจิตตัวเอง แล้วก็รู้จักกิเลสของตัวเอง แล้วสละกิเลสออกไปให้ได้ ละกิเลสออกไปให้ได้ ตัดกิเลสออกไปจากตัวตนให้ได้ เนกขัมมะให้ได้ นัยยะนี้คืออภิธรรมอย่างนี้ไม่เข้าใจ ได้แต่รูปร่าง มันก็ได้รูป ได้เรื่อง ได้ตำนาน ได้นิทานได้นิยาย สืบสานกันไป แล้วนิยายก็จะบานปลายปรุงแต่งกันไป จนกระทั่ง เล่าอีกทั้งรายการวันนี้แค่ 1-2 ชั่วโมงมันไม่พอหรอก มันก็มีสารพัดที่จะยึดติด เป็นตำนาน เป็นการยึดถือ มีรูปแบบวิธีการอะไรยืดยาด ยาวเยอะแยะ แล้วก็กลายเป็นเรื่องไม่มีสิ้นสุด
เช่น ทิเบต เป็นต้น พระพุทธเจ้าไม่ไปผุดไปเกิดหรอก เพราะกลายเป็นพระโพธิสัตว์หมุนเวียนอยู่ที่ทิเบตแห่งเดียว มาเป็นดาไลลามะ องค์เก่านั่นแหละ ต้องตามหาให้ได้นะไปเกิดที่ไหนก็เอามาเป็นดาไลลามะ ตามหาอีก ตายอีกก็ตามมาอีก ตายอีกก็ตามมาอีก เวลๆ (เวรๆ) เวรจริงๆเลย นี่คือความเสื่อมของการยึดถือในความเข้าใจ ทิเบตกลายเป็นสัสสตทิฏฐิสมบูรณ์แบบ
ฉะนั้นจารีตประเพณีวิธีการก็ไม่เกี่ยงเวลา ขอให้บำเพ็ญธรรมด้วยการทรมานตัวเองหรือจะทำอะไรอย่างไรก็แล้วแต่ ทำเต็มที่เลย ถือว่าถวายพระพุทธเจ้า ถวายพุทธศาสนา สร้างบารมี บารมีจะยาววววววว ไม่มีสิ้นสุด นานไม่มีที่จบ วนเวียนอยู่ที่เดิม น่าสงสาร นั่นคือสายยึดติดเป็น static
ส่วนสายมหายาน เกิดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังไม่ยอมให้ตาย ไปอยู่ที่พุทธเกษตรเต็มไปหมดเลย พระอมิตาภะพุทธเจ้า อะไรต่ออะไร ไม่สามารถจำชื่อได้หวาดไหว เต็มอยู่ในพุทธเกษตร พระพุทธเจ้าอยู่ในนั้นทั้งนั้นเลย เยอะเหลือเกินพระพุทธเจ้า มหายาน มหายานก็โตงเตง เถรวาทแบบทิเบตก็สั้นกุด แล้วนิ่งแช่อยู่ที่เดิม สุดโต่งไปคนละแบบ คนละนัยยะ ขออภัยอธิบายสั้นๆง่ายๆให้เข้าใจได้ชัดเจน ฟังแล้วอาจจะแรง ไปตำหนิติเตียนอันนั้นอันนี้
อาตมามันต้องมีวิบากอยู่ทุกวันนี้ แม้เป็นวิบากถึงขันธ์ต้องเป็นโรคเป็นภัย โรคประจำตัวคืออาการไอ ไอทีหนึ่งก็เหนื่อย ต้องใช้แรง เสมหะมันเหนียวมากเลย ยังหวังอยู่ว่าจะมี Stem Cell ขึ้นมาช่วยได้อย่างไรหรือไม่ นอกนั้นหมอผ่าตัดเขาจนปัญญา มันติดกันอยู่กับหลอดลมเลย ผ่าไม่ได้ เหมือนจะแงะกระดาษ เอาออกจากกันไม่ได้ มันต้องตัดหลอดลมด้วยไปเลย ก็ไม่เข้าที ก็เลยเอา ถึงอะไรอย่างนี้ก็เอา เป็นวิบากที่อจินไตยจริงๆเลย อาตมาก็ได้แต่ยิ้มรับ รู้ว่าเป็นวิบากก็ไม่มีปัญหาอะไร ตอนไหนมันมาก็รับไป ตอนไหนไม่มีอาการก็สบายหน่อย ไม่มีปัญหาอะไร ก็ทำประโยชน์ได้อยู่ ก็เท่าที่ทำได้ ไม่เป็นไร ทรมานตอนที่มันเป็นเท่านั้นเอง มันไม่เป็นก็ปกติ
เพราะฉะนั้นในเรื่องของการตักบาตรเทโวของพระพุทธเจ้าอย่างที่ว่านี้ มันเป็นตำนานมันไม่มีจริงหรอก มันเล่าเป็นรูปเป็นเรื่องเป็นนิยายไปเท่านั้นเอง จริงๆแล้วเป็นอย่างนี้
คำว่า อยู่สูง ก็แน่นอน พระพุทธเจ้าสถิตอยู่ที่สูง คำว่าที่ล่าง ที่พระสารีบุตรก็คือบุตรที่เอาแต่สาระ รับสาระธรรมของพระพุทธเจ้าเต็มๆทุกองค์ คือ เข้าพรรษา พระพุทธเจ้าก็จำพรรษาร่วมอยู่กับพระสงฆ์เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ แล้วท่านก็เทศน์โปรด สารีปุตโตทั้งหมดเป็นผู้รับเป็นพระบุตร ตามสำนวนของเทวนิยมเขา พระพุทธเจ้าก็เหมือนพระเจ้าก็เทศน์โปรด ซึ่งเป็นพระเจ้าที่มีตัวตน ไม่ใช่พระเจ้าไม่มีตัวตนหาตัวตนไม่ได้ แล้วก็ไปแฝงว่า พระเจ้าก็ต้องไม่มีตัวตน เพราะว่าท่านอนัตตา ก็ว่ากันไป แต่ของผู้ที่จะต้องตรัสรู้ ผู้บรรลุธรรม ต้องมีตัวตนของสภาพคู่ มีสัมผัสเป็นปัจจัย เรียนรู้ครบครัน ไม่ใช่พระเจ้าประเภทที่ว่าพระเจ้าคือพระจิตวิญญาณ พระจิตที่สัมผัสไม่ได้เลยทางตาหูจมูกลิ้นกาย ก็เป็นพระเจ้าลึกลับ ไม่สมบูรณ์ ไม่เต็มสภาพ
เพราะฉะนั้นการตรัสรู้เทวนิยมพระเจ้ามีสิ่งเดียว แต่ของพระพุทธเจ้านั้นพระพุทธเจ้าต้องมี 2 ต้องมีสภาวะธรรมครบครัน ไม่ใช่เป็นตัวตนบุคคล พระเจ้าจะเป็นตัวตนบุคคลอยู่ไม่ได้ พระเจ้าก็คือธรรมะ ไม่มีตัวตนแต่สัมผัสได้ เรียนรู้ได้ มีรูปนาม มีวิญญาณ มีเทวะ ที่เป็นมหาเทวะขนาดไหนก็ตาม เป็นฮินดูก็เรียกพระพรหม ทางสายตะวันตกก็เรียกพระเจ้า เรียกเป็นศัพท์ต่างๆไปหลายนัย ก็คือ องค์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นนามธรรมสัมผัสไม่ได้เขาก็ยกให้สิ แล้วถือว่าเที่ยงด้วยนะคำสอนของพระเจ้านี้เที่ยง ไม่ขึ้นอยู่กับ กาละ เทศะ ฐานะ คำสอนอย่างเดียวใช้ได้ทุกอย่าง สารพัดประโยชน์ ใช้อย่างเดียวนี้ ครอบจักรวาลเลย แล้วไม่ขึ้นอยู่กับ กาละเทศะฐานะ ซึ่งมันไม่เที่ยงมันไม่อยู่ที่เดิม เทศะสถานที่ก็ต่างไป กาละก็ต่างไป ฐานะของจิตวิญญาณของบุคคล องค์ประกอบต่างๆก็ตามไปหมด มันไม่ได้อยู่อย่างเดิมเหมือนเดิมนี่ไม่ใช่ แต่ว่าพระเจ้าบอกว่าเที่ยง มันก็เลยโมเม เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
_ศิริพัฒน์ ชมภูรัตน์ : รับชมรายการจากที่บ้านเจียงใหม่เจ้า ติดตามตลอดคะ เพราะมีสาระดีธมีประโยชน์ต่อการพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองได้ดีมาก กราบขอบพระคุณสาธุเจ้า
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ : อาจารย์ไพศาล พืชมงคล อดีตแกนนำแนวร่วมกู้ชาติทำงานทั้งภาคการเมืองภาคประชาชนอยู่ข้างหลังมวลชนให้ความรู้ร้อยเรื่องการบ้านการเมืองทาง ๑๓ สยามไทยฯเป็นแขกรับเชิญทุกสื่อมวลชนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน มาตลอดกราบอนุโมทนาอ.สาธุ?
_สติพล จนพัฒนา : **คุณโจนใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกวัด..แต่มีชีวิตที่เรียบง่ายสมถะติดดิน..ผมคนหนึ่งติดตามคุณโจนมานานเห็นด้วยกับแนวคิดนี้นะครับ..ขอบคุณที่ให้ข้อคิดดี ๆ ครับ.
พ่อครูว่า…โจน จันได เป็นศิลปินเดี่ยว ส่วนอาตมาเป็นวงออร์เคสตรา วงใหญ่มาก ส่วนโจน เป็นศิลปินเดี่ยว ต่างคนต่างทำไปตามถนัด
_รุ่งศรี แก้วดวงสี : กราบคารวะพ่อครูที่เคารพอย่างสูงค่ะ ..ทำไมการกินเวลาเดียวทำได้ยากยิ่งเหลือเกินคะ การกินมังสวิรัติ ลูกก็ได้ 90%เท่านั้น เต็มร้อย ยากมาก เห็นโทษของมันชัดเจนมาก พยายามสุดๆ จะสู้ และเอาจริงเต็มที่ เผื่อมาบำเพ็ญที่นี่ จะได้ไม่เป็นภาระค่ะ
พ่อครูว่า…อ่านตัวเองให้ชัดๆ เรียนรู้ไปจะได้มีปัญญาแหลมคมไปได้เรื่อยๆ
พระอภิธรรมคือรู้รูปนาม
_ลอย แคนาดา : พ่อครู มีความเห็นอย่างไรกับ อภิธรรมปิฎก 7 เล่ม ครับ มีความจำเป็น ให้นักบวชศึกษาหรือไม่
พ่อครูว่า… ตอบง่ายๆว่า ไม่จำเป็น แต่เรียนรู้ไว้บ้างก็ดี ความรู้ที่มากเกินนี่แหละเป็นผู้ที่น่าสงสาร ไม่สรุปไปทีละลำดับ เรียนไปทีละคู่ๆ ตัดกิเลสไปทีละวัฏฏะ ทีละ cyclic ทีละคู่ มีตัวเราเป็นประธาน อ่านกิเลสทีละคู่ไปตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะได้ลำดับที่น่าอัศจรรย์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส
เพราะฉะนั้นใครที่จับภาวะเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ที่จะเป็นสัจจะไปตามลำดับไม่ได้ไปยินดีกับความรู้ที่มากเหมือนมหายานเหมือนมหาประยุทธ์ ท่านพุทธโฆษาจารย์ เหมือนใครๆอีกเยอะที่ยังหลงในความรู้ ผู้ที่หลงในความรู้นี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะความรู้ไม่มีจบ มันขยายไปได้เรื่อยๆๆ
เพราะฉะนั้นต้องรู้จุดเริ่มต้นตั้งแต่ 1 กาย คู่หนึ่ง 2 รูปนาม ซึ่งเป็นความหมายที่ลึกซึ้งมาก รูปกับนาม ในวิญญาหาร ในปุตตมังสสูตร ผู้ที่ใช้นามรูปทำงานกับวิญญาณไปตลอดเลย จบ ผู้ที่รู้วิญญาณแล้วรู้นามรูปก็ไม่ต้องรู้อะไรอีก เพราะรู้แค่นี้แหละเป็นตัวหลักในการปฏิบัติ
เมื่อดูนามรูปวิญญาณก็ปฏิบัติไปตั้งแต่ภาษา มีมโนสัญเจตนาแล้วก็อ่านจิต เจตนาที่มันไปหลงอยู่ในผัสสะในเวทนาต่างๆ ที่เกิด กวฬิงการาหาร โภชเนมัตตัญญุตาต่างๆ เรียนรู้มีเหตุปัจจัยที่สัมผัสและอ่านกิเลสที่เกิดจากผัสสะในปัจจุบัน กิเลสที่เกิดในปัจจุบันชาติคือกิเลสที่แท้จริงๆคือกิเลสตัวจริง ถ้ากิเลสผ่านปัจจุบันชาติไปแล้วเป็นอดีต มันก็เป็นสัญญา หรือยังมาไม่ถึงมันก็เป็นอนาคต
ส่วนที่เป็นอดีตกับส่วนที่เป็นอนาคต คนไม่รู้เป็นอวิชชาในอวิชชา 8
-
ไม่รู้..ทุกข์ (ทุกฺเข อญฺญาณํ)
-
ไม่รู้..ทุกขสมุทัย (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ)
-
ไม่รู้..ทุกขนิโรธ (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)
-
ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)
-
ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง) ปุพพันเต อัญญาณัง
-
ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง) อปรันเต อัญญาณัง
-
ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง)
-
ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์ ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา)