641013_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหามารในตนให้พ้นปปัญจารามตา
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1J9d0XqliG3F4v2s-zrV5kMMfmeYPDE_93aQwL2fOr5g/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1V-7sYvAiXWE4nQMMtXGlUi4TX_t9kG9X/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/289207116354428
สมณะฟ้าไท…วันนี้เป็นวันพุธที่ 13 ตุลาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันคล้ายวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 ชาวราชธานีอโศกเมื่อเช้าก็มีกิจกรรมปลูกต้นแฝก 10,000 ต้น เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง แจกอาหารมังสวิรัติฟรีที่ร้านอุทยานบุญนิยม ไปร่วมกันเอาผักตบชวาขึ้นจากบุ่งในคลองกุดปลาขาว ร่วมกับทางทหาร เราทำกิจกรรมอุทิศแด่บุคคลที่สำคัญในโลก เป็นโพธิสัตว์ที่เกิดมาช่วยเหลือมนุษยชาติให้พ้นภัย
วันนี้ก็มีหนังสือชื่อลำธารชีวิต เขียนโดยโพธิรักษ์ รวบรวมข้อเขียนของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ในสมัยก่อน
พ่อครูว่า… อยากจะบอกด้วยว่า ในหนังสือเล่มนี้ที่เขียนไปเปรียบเทียบกับปัจจุบันจะต่างกัน หลายอย่างอาจจะดูขัดแย้งกันบ้าง เพราะว่านัยยะละเอียดมันจะเป็นอย่างนั้นเป็นภาวะสิริมหามายาย้อนแย้งกลับไปมา ลึกซึ้งอยู่ ศึกษาดีๆเถอะธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาก็จนใจเก่งเท่านี้ พยายามจะไขความจริงกันออกมาให้รู้ ให้เหมือนกับหงายของที่คว่ำ ได้เก่งเท่านี้
สมณะฟ้าไท… แสดงว่าพ่อครูพัฒนาในการแสดงธรรมขึ้น เป็นเรื่องลึกซึ้งมากแต่ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
พ่อครูว่า… ก็เป็นอย่างนั้น คือมันเป็นเรื่องโลกุตรธรรมจริงๆ เป็นธรรมะที่นอกไปจากโลกียธรรม คือธรรมะของปุถุชน ธรรมะของคนสามัญในกรอบโลกิยะและของพระพุทธเจ้านี้ออกนอกกรอบโลกียะออกมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆไม่ใช่เรื่องพลิกแพลงแต่มันเป็นสัจธรรมที่ ถ้าไม่มีคนอย่างพระพุทธเจ้า ไม่มีสิทธิ์รู้หรอก ไม่มีสิทธิ์จะรู้ได้เลย
เพราะว่า ความจนดีกว่าความรวยเป็นต้น สรรเสริญเป็นเรื่องต่ำทราม ไม่พอที่จะให้ละหน่ายคลาย พูดอย่างไร คนฟังแล้วหูหัก และกว่าจะมีปัญญาปฏิภาณว่าท่านตรัสนี้เป็นความจริงในความจริง อันที่ไม่ใช่โลกียะ มันเป็นความจริงขั้นโลกุตระจริงๆ เป็นความจริงชนิดใหม่ที่มันใหม่ ไม่มีเก่าเลย จะเก่าสมัยขนาดไหนก็ใหม่เสมอตลอดกาลนาน ของพระพุทธเจ้าก็ยังใหม่อยู่เสมอไม่เคยมีเก่าเลย ไม่รู้จะว่าอย่างไร เมิดคำเว่า คือ ไม่มีคำจะพูดแล้วมัน สุดจะพูดแล้ว มันสุดยอดจบอยู่ตรงนี้ เป็นต้น
วันนี้อาตมาเอาประเด็นมาจากพระไตรปิฎก เล่ม 15 ตั้งแต่ข้อ 522
_SMS วันที่ 8-9 ต.ค. 2564
_จรรยา อิ่มประเสริฐ : ชัดกับเด็กที่มาอยู่กับพ่อครูตั้งแต่เกิด เด็กมีบารมี สาธุค่ะ น้องปุณ ภูมิพุทธ และอีกหลาย ๆ คน เป็นเด็กดีมีวาสนากว่าผู้ใหญ่อย่างเรา(ดิฉัน) สาธุ
พ่อครูว่า…ฟังดูจะริษยานิดๆนะ คนที่ได้ฟังบอกกรอกหูด้วย ดีไม่ดีแทงด้วยหอก หอกอาตมาหักวันละ 300-400 เล่มก็ยังยากอยู่ก็มี
_อุบาสิกาน้อมอภัย : กลิ่นซาลาเปาของนร.บ้านราช ทะลุจอเลยค่ะ อยากมาช่วยค่ะ
พ่อครูว่า…นี่แฝงนะ
สัจธรรมของการเป็นหนี้และการใช้หนี้
_พันธุ์ พอเพียง : เรื่องอเมริกาต้องใช้หนี้ กระผมฟังผ่านๆมาจาก คุณนงค์วดี ถนิมมาลย์ กับคุณ โสภณ องค์การณ์ คุยกัน ในรายการ นิวส์ทอล์ค นี่แหละครับ แต่ไม่ได้วิตกอะไร เพราะยึดการใช้ชีวิตแบบวรรณะ 9 และพอเพียงของในหลวง ร.9 ครับ
พ่อครูว่า…มันก็จะกลายเป็น npl ในที่สุด และเขาก็จะต้องเป็นหนี้ติดต่อไปในชาติต่อๆไป อาตมาชาตินี้มีคนเป็นลูกหนี้อาตมามาก ก็ไม่ไปทวง แล้วเขาก็เอามาคืนอาตมาเอง พวกคุณเอามาคืนอาตมา อาตมาไม่ได้เป็นหนี้พวกคุณนะ เพราะฉะนั้นอาตมาจะไม่ไปทวงใคร ใครเอามาก็เป็นสำนึกของคุณ หรือแม้คุณว่าคุณไม่ได้เอามาคืนอาตมา ผู้มาฝากอาตมา อาตมาก็ไม่มีดอกเบี้ยให้พวกคุณ มันก็เป็นของคุณ คุณจะเอาคืนเมื่อไหร่ก็คืน อาตมาไม่มีดอกเบี้ยให้ แต่มันมีดอกเบี้ยทางธรรมะทางปรมัตถธรรมทางจิตวิญญาณ มันมีดอกเบี้ยสูงด้วย เป็นดอกเบี้ยที่ยิ่งจิตสะอาด ไม่ต้องการเอาคืน ไม่ต้องการดอกเบี้ย แต่นั่นแหละคุณจะได้กลับไปเต็มๆอีกหลายทบ นี่เป็นสัจธรรม ส่วนคนจะเอาเปรียบไปเท่าไหร่ก็แล้วแต่ เรามีให้เราก็จะให้คุณทั้งนั้นแหละ ด้วยความยินดี
_ใบฟ้า ธัมทะมาลา : กราบขอโอกาสเรียนถาม การแสดงข้อมูลในเชิงความเห็นต่างจากสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ ตามหลักประชาธิปไตยอย่างอ่อนน้อมจะนำไปสู่การสร้างความแตกแยกของกลุ่มได้อย่างไร กราบขอสัมมาทิฏฐิในเรื่องนี้ด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…อ.แป้งขอตอบครับ
สู่แดนธรรม… ผมมีความเห็นว่า แม้คำถามไม่ว่าจะขัดแย้งกับหมู่กลุ่มใหญ่ด้วยความอ่อนน้อมหรือความทรนงองอาจ กลุ่มใหญ่ที่เขามีทิฏฐิสามัญญตา มีความสามัคคี มีเอกีภาวะ อย่างไรๆ กลุ่มก็ไม่แตกแยกอยู่แล้ว มีแต่เพียงกลุ่มน้อยที่ไม่เห็นด้วยเท่านั้นที่จะไปเป็นช้างมาตังคะ แสดงฝีมือให้ดูเลยว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงกลุ่มใหญ่ไม่ได้ ฉันก็จะไปสร้างกลุ่มตัวเอง ตามธรรมชาติมีแค่นี้ครับ
พ่อครูว่า… ง่ายๆสั้นๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จักจบ ผู้ที่ยังไม่รู้จักจบจะต้องค่อยๆทำความเข้าใจแล้วจะค่อยๆจบลงไปในตัวเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายก็ไม่มีอะไรที่จะสงสัยในสิ่งที่เป็น 2 สภาวะ ไม่สงสัยคู่นี้ๆๆ คู่ไหนก็อธิบายได้ รู้ในเหลี่ยมในมุมทั้งนั้น
_พลังเพ็ญ คำด้วง : กราบนมัสการค่ะ ยากมากที่จะรู้ว่าสุขเป็นเรื่องหลอก ทุกข์คือของจริง (อาริยสัจความจริงอันประเสริฐ) สาธุค่ะ
_ปะตรงเตือน : วันนี้ที่ฟังท่านสมณะเดินดินอธิบาย ได้รับประโยชน์และเห็นภาพชัดเจนมากในความเป็นพระเจ้า ที่แท้พระเจ้าอยู่ในความคิดที่จะทำดีเพื่อผู้อื่น แต่ต้องให้ได้สมใจตน คนดีตีแตกยาก ทำดีมันผิดตรงไหน ถ้าไม่อยู่ในขบวนการกลุ่มในสาธารณโภคีอย่างทุกวันนี้ ก็คงจะยึดมั่นในสุขที่ได้ทำตามสมใจอยากอย่างแน่นอนค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังมีสิ่งที่จะทำให้สมใจอยาก แต่การมีหมู่และได้มีการประชุม มีมติหมู่ จึงเกิดการขัดเกลาไม่เอาแต่ใจตัวเอง ดิฉันคิดว่าจะปฏิบัติธรรมให้เจริญถึงขั้นจัดการอัตตาต้องมอบตนอยู่กับหมู่มิใช่อยู่โดดเด่นโดดเดี่ยวค่ะ
พ่อครูว่า…ดี ศึกษาต่อไปจะรู้ว่าเราติดข้องอยู่ตรงไหน เราจะทำอย่างไร
_แดง ลานกราบ : อัตตาคือความถือสาคนอื่นที่ทำให้เราไม่ถูกใจใช่ไหมคะ โกรธที่ไม่ได้ดังที่ใจมุ่งหวังไว้ใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า…ตัวหยาบเลย ยังไม่ละเอียดเท่าไหร่หรอกใช่ อัตตาคือถือสาคนอื่นที่ทำให้เราไม่ถูกใจ โกรธที่ไม่ได้ดั่งใจที่มุ่งหวังไว้ก็ใช่ ตัวใหญ่เบ้อเร่อยังไม่เล็กละเอียดอะไรหรอกเห็นให้ดี ศึกษาไป ค่อยๆได้ ค่อยๆรู้ ค่อยๆทำความเจริญให้แก่ตัวเองไป
SMS วันที่ 11-12 ต.ค. 2564
เรากินเนื้อสัตว์ที่เราไม่ได้ฆ่าเองมันจะมาพยาบาทเราได้อย่างไร
_ทำเป็นธรรม : การกินเนื้อสัตว์เป็นผู้เกี่ยวพันในสังสารวัฏ คำถามคือ ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้ฆ่า แต่คนอื่นฆ่ามาขาย สัตว์ตัวนั้นเวลาถูกฆ่ามันก็ต้องพยาบาทคนฆ่าคนถูกต้องไหมครับ? แล้วเมื่อสัตว์มันตาย เวลามันไม่มีร่างกาย มันจะมีจิตพยาบาทคนกินได้อย่างไรครับ? พ่อท่านอธิบายว่า ร่างกายเหมือนอุปกรณ์ในการใช้จิตวิญญาณ แต่สัตว์ตัวนั้นถูกทำลายร่างกายไปแล้ว ทีนี้จิตของมันจะมาพยาบาท คนที่กินต่อ ๆ ไป เป็นทอด ๆ ได้ยังไงครับ? ซึ่งผมคิดว่าคนที่กิน ร้อยทั้งร้อย คือเข้าข้างตัวเอง ฉันไม่ได้เป็นผู้ฆ่า..มันจะมาพยาบาทฉันได้อย่างไร..คนฆ่าเท่านั้นที่บาป..มันตายแล้วจะมาพยาบาทฉันได้ยังไง..จึงเป็น “ข้ออ้างยอดฮิต”..ของผู้ที่ติดเนื้อสัตว์ อยากให้พ่อท่านไขความตรงนี้ชัด ๆ อีกทีครับ (คำถามนี้ผมเคยถามเมื่อตอนเกือบ 10 ปีที่แล้วครับ สมัย FETV ครับ..อยากฟังปฏิภาณญาณของพ่อท่านในปัจจุบันนี้ครับ ว่าจะหงายของที่คว่ำได้ชัดกว่าสมัยก่อนไหมครับ กราบนมัสการครับ)
พ่อครูว่า…คุณดูถูกว่าจิตมันยึดมั่นถือมั่นร่างกายของมันเท่านั้น พอมันตายไปแล้วสัตว์มันจะไม่ ยึดถือร่างกายนั้นอีกแล้ว มันฉลาดปานนั้นหรือเดรัจฉาน หมูหมากาไก่พอมันตายแล้วมันก็จะบอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราแล้ว เราก็อันตรธานหายไป มันเป็นอย่างนั้นได้จริงหรือสัตว์เดรัจฉาน
ขนาดเป็นคนแล้วยังยึดถือร่างกายนั้นเป็นของเรา ขนาดมาเป็นอาริยบุคคลแล้ว กว่าจะยึดร่างกายหรือกว่าจะยึดจิตที่ติดเป็นกายในกาย ในเวทนาในเวทนาเข้าไปอีกต้องละเอียดกี่ชั้น ค่อยๆศึกษาดีๆนะจะรู้ อาตมาจะไม่ขอขยายความยาวไปกว่านั้น เพราะว่าคุณยังพูดอยู่ในระดับพื้นฐานเบื้องต้นแล้ว จิตวิญญาณที่ไม่มีร่างกาย ตายแล้วไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้แล้ว มันหมดความพยาบาทด้วยเลยหรือ มันง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ
อาตมาว่าอาตมาหงายของเสมอ แต่คุณจับคว่ำเองอยู่เรื่อย คุณก็เลยไม่เห็นข้างในสักที อธิบายมาเป็นลำดับไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว อาตมาไม่ขยายความเพิ่ม
อยากจะสรุปตรงนี้ก็แล้วกัน ความลึกละเอียดของจิตที่มันพยาบาท พยาบาทเป็นตัวบาป การพยาบาทของอวิชชาของสัตว์โลก การพยาบาทของสัตว์โลกที่มันยังอวิชชาอยู่ มันไม่รู้หรอกเพราะมันอวิชชาจริงๆ มันไม่รู้มันพยาบาท
พระพุทธเจ้าท่านสรุปในชีวกสูตร 5 ข้อนี้ คนไม่ได้เข้าใจง่ายๆเลย
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) มันแสดงเจตนาของคุณ ที่เป็นตัวตั้งต้น เจตนาตัวที่ 2 3 4 5 6 ก็จะตามมา เพราะฉะนั้นเริ่มต้นจุดแรกบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย คุณได้ก่อขึ้นมา ด้วยการกล่าวชื่อสัตว์นั้น ก่อจุดจิตเจตนา เริ่มมีจิตเจตนาแล้ว
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส ก็เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส มันก็ต้องเป็นบาปซ้ำเป็นข้อ 4 หนักเข้าไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเลย แม้แต่ในมหาประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเลย เป็นสิ่งที่ปฏิเสธเลย อย่างไรอย่างไรก็ไม่มีวันควร อกัปปิยะ
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.13 ข.60
ข้อ 5 มีเจตนาบริสุทธิ์ อยากให้ท่านอร่อย กินแล้วเหาะได้เลย สุดยอดอาหารแล้วทำอย่างประณีต อย่างนั้นแหละเป็นเจตนาที่ดีเป็นกุศลเจตนา แต่มันกลับเป็นอกุศล ที่บาปซับซ้อนอย่างกลับตาลปัตรคนละเรื่องเลย ข้อที่ 5 นี้เขาไม่มีเจตนาชั่วเลย แต่ข้อ 1 ถึงข้อ 4 เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน เขามีเจตนาเป็นบาปตั้งแต่กล่าวชื่อสัตว์นั้นเลย มีการปฏิบัติบาปมาตามลำดับ 5 ข้อนี้เป็นเรื่องสุดยอดลึกซึ้งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในชีวกสูตร 5 ข้อนี้ นี่เป็นหลักฐานที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ ฟังแล้วชัดเจนขึ้นใช่ไหม
แต่เขาอธิบายบอกว่าไม่เห็นไม่ได้ยินไม่สงสัย บริสุทธิ์โดยส่วน 3 ไม่ได้เห็นกับตาว่าเขาฆ่าสัตว์นี้มา มันเป็นสัตว์เดนสัตว์กิน เป็นปวัตตมังสะ กินได้ไม่ใช่อุทิศมังสะ ไม่ใช่สัตว์ที่ถูกฆ่าตายโดยคน แต่ไปเบี้ยวบาลีบอกว่าไม่ใช่สัตว์ที่ฆ่าระบุบุคคล
ฆ่าสัตว์ที่ตายเพราะถูกฆ่าโดยคน กับสัตว์ที่เจตนาอุทิศมุ่งเจาะจงโดยคน กับสัตว์นี้ตายโดยระบุบุคคลโดยชื่อ
ซึ่งในพระบาลีก็ไม่มีหรอกที่แปลอย่างนั้น ซึ่งมาจากประโยคว่า สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง แปล คนมีเจตนาฆ่าสัตว์ที่มีชีวิต
พระพุทธเจ้าอนุโลม ปวัตตมังสะ จะตายจะเป็นก็กินไปเถอะ เป็นบาปน้อยที่สุดแล้ว คือเป็นเดนสัตว์กินกับสัตว์มันตายเอง สัตว์มันตายเองไม่ใช่ว่ามันจะไม่ยึดถือว่าเป็นเนื้อตัวของมัน ถ้ามันสุดแล้วคุณจะกิน ก็อนุโลมให้แค่ 2 ประเด็นนี้ เดนสัตว์กิน ถึงแม้เป็นเดนสัตว์กิน สัตว์ที่ตายมันก็ยึดถือว่านี่เป็นเนื้อเลือดของข้า เพราะจิตวิญญาณมันยึดถือเป็นตัวกูของกู ถ้าไม่อย่างนั้นวิบากที่มันมากมายซับซ้อนในความผูกพันกันว่าเป็นตัวกูของกู ไม่ว่าจะเป็นร่างกายก็เป็นตัวกูของกู ยิ่งเป็นจิตในจิตก็ยิ่งละเอียดกว่า มันจะไปรู้ได้ง่ายๆที่ไหน ขนาดกายยังยึดถือเป็นเราเป็นของเรา แล้วจิตมันจะไม่ยึดถือเป็นเราเป็นของเราได้ไง มันละเอียดกว่านั้น กายยังไม่รู้เลย
เพราะฉะนั้นความยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวกูของกูอย่าทำเป็นเล่นไป มาศึกษาให้เป็นลำดับ ลดความยึดมั่นถือมั่นตั้งแต่หยาบจนถึงละเอียด แล้วถึงจะบรรลุได้
พูดไปตอนนี้ก็อยู่ในยุคสมัยเทศกาลกินเจกันอยู่ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ก็ยังดีมีวัฒนธรรมนี้ในโลก อยู่เก้าอ๊วงเจ กินเจ 9 วัน
เครื่องนำทางให้ปฏิบัติให้ถึงจุดหมายในสัมมาธิปไตย
_พลอยแผ้ว ชาวหินฟ้า : ขอกราบนมัสการเรียนถามพ่อครูว่า พ่อครูบอกว่าอีก 30 ปี จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นอรหันต์นั้น แสดงว่าในหมู่สัมมาบัณฑิตหรือศิษย์เก่าสัมมาสิกขานั้น มีอรหันต์, อรหัตมรรค, มีภูมิธรรมใกล้ๆอรหันต์หรือมีภูมิธรรมใกล้ๆเฉียดๆอรหัตมรรค กล่าวเช่นนี้พอจะได้ไหมคะ?
พ่อครูว่า… จะมีหรือไม่มีก็แล้วแต่อาตมาก็คาดคะเนไป แต่คิดว่าเป็นเครื่องนำพาให้พวกเราตั้งอกตั้งใจซึ่งมันไม่เสียหายหรอก คนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสัมมาปฏิบัติจนเป็นสัมมาธิปไตย มันไม่เสียหายอะไร ถ้าจะได้คนอย่างนี้ไปเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม มันก็เป็นภาษาที่อาตมานำมาและก็ปฏิบัติจริงไม่ใช่จะเอาแค่ภาษา เพราะฉะนั้นผู้ที่จะปฏิบัติอยู่นี้ก็อย่ามานั่งมุ่งหมายที่จะไปเป็นนายกอย่างเดียว ปฏิบัติเป็นหลักเถอะแล้วก็ทำไป เหตุปัจจัยนั้นจะนำพาไปเอง จริง เหตุปัจจัยจะนำพาไปเอง เมื่อเหตุปัจจัยมันครบบริบูรณ์แล้วทุกอย่างมันถ้วนแล้วมันจะเกิดขึ้นมาได้
ภาษาอังกฤษบอกว่า born to be มันต้องเกิดมันต้องเกิด ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรมาห้ามมันจะเกิด เกิดอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น เหมือนอย่างอาตมามันจะต้องเกิดอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ ไม่ได้สมมุติเอา มันสมมุติไม่ได้ สมมติมามันไม่จริงหรอก แต่นี่มันจริง มันจริงตรงที่มันเป็นจริง ส่วนที่สมมติมันไม่จริงหรอก ที่มันจริง มันเป็นจริงของอาตมา
และที่เป็นจริงของอาตมาพาทำและเป็นได้ เช่น มาเป็นคนจน มาเป็นสาธารณโภคี มามีเมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรมกันอยู่นี้ มาเป็นคนครอบครัวเดียวกันอย่างที่เรียกว่า พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ยิ่งกว่าสายเลือด มันสมมุติหรือ? มันเกิดจริงเป็นจริงได้ สมมุติอย่างไรก็ไม่เหมือน ออกแบบล่วงหน้าก็ไม่ได้ ไม่ได้ ออกแบบล่วงหน้าจะให้เป็นอย่างว่ามันก็ไม่จริงหรอก ถ้าเกิดว่าคนรับกับผู้ต้องการให้เป็นมันไม่สอดคล้องกันจริงๆ มันไม่เป็น นี่มันสอดคล้องกัน ผู้จะเป็นก็เห็นจริงเป็นจริง ทำเอง ได้เอง เป็นเอง
แล้วจริงๆ อาตมาไม่ใช่เป็นคนบังคับนะ ไม่ เปิดเผยความจริง แล้วคุณก็ตัดสินใจเอง เข้าใจเอง สมัครใจเอง ปฏิบัติเอง หน้านองน้ำตาอยู่อย่างไรก็เอา เป็นต้น ก็เรื่องของคนทั้งนั้นแล้วคุณก็ได้เอง ถ้าเป็นจริงก็อย่างยั่งยืนถาวร นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เลย นี่อาตมาพูดพวกนี้ย้ำซ้ำซาก พวกเราฟังแล้วจะรู้สึกรำคาญแล้ว แต่ไม่รำคาญหรอก บอกว่ายิ่งซาบซึ้ง ความจริงมันก็ซ้ำซากสุดท้ายมันก็อย่างนี้ ลงตัวจบ ตัวลึกจะไม่มีอะไรมาก คนไม่รู้เรื่องก็ยังไม่รู้ คนรู้แล้วก็จะซ้ำอย่างนั้น แล้วก็จะเข้าใจ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท… ทำตัวเราให้ถึง ทำเหตุปัจจัยให้ถึงแล้วก็จะได้เอง
_พลังเพ็ญ คำด้วง : กราบนมัสการค่ะพ่อครู พ่อครูบอกว่าพูดเท็จไม่เป็น พูดเป็นแต่ความจริง ลูกจะพยายามระมัดระวัง สำรวมสังวรศีลข้อนี้ ตามรอยพ่อครู ให้สะอาด บริบูรณ์มากขึ้น (ธรรมะประทับใจ) กราบสาธุด้วยความเคารพค่ะ
พ่อครูว่า…มันก็จะเป็นเช่นนั้นอยู่อย่างนั้น ไม่มีภาษาจะพูดแล้ว ถ้าจะพูดเชิงเล่นๆเหมือนโกหกก็จะเห็นร่องรอยว่าจับรู้ได้ว่าไม่จริงยังเล่นยังโกงอย่างสนุกสนาน จะพอจับได้เลย แม้จะพยายามเล่นอย่างอาตมาพยายามเล่น ไม่ตรงทีเดียวให้สนุกสนานพูดพลิกแพลง ทุกคนก็รู้ เล่นๆยั่วเย้าพลิกแพลงพวกคุณก็รู้ แต่ถ้าเผื่อว่าอาตมาพูดธรรมะแล้วอาตมาไม่มีพริกแพลง พูดธรรมะแล้วพระพุทธเจ้าเข้าทรงลย จริง อาตมาพูดธรรมะเมื่อไหร่เหมือนพระพุทธเจ้าเข้าทรงเลย ตายเป็นตายเลย เหมือนคนไม่มีเหน็ดไม่มีเหนื่อย มันเต็มที่ มันเหยาะแหยะไม่เป็น
_จรรยา อิ่มประเสริฐ : ดูคลิปพ่อตอบหมอฟ้ารัก ทั้งคนถาม กับที่พ่อตอบเข้าใจเรื่องไม่ทั่วเลยค่ะ ต้องฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็พอได้อยู่ ดูพ่อผอมมาก เหมือนคนแก่ทั่ว ๆ ไป แต่น้ำเสียงพ่อมีพลังไม่เหมือนคนแก่ทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ นึกถึงท่านดาวดิน ท่านมีโอกาสเข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มได้อีกไหม เสียดายที่ท่านปฏิบัติมานาน เพียงแค่หลงทางไป เมื่อไรจะกลับมา ท่านอุตส่าห์ทิ้งทางโลกมาหมดตัวตนแล้ว
พ่อครูว่า…ก็เป็นวิบากชนิดหนึ่ง ก็ว่าไป ส่วนจะมาอย่างไร จะต้องมีทัณฑ์อย่างไร ก็ต้องมีแน่นอน เขาคงไม่ปล่อยแน่นอนก็คงมีบทลงโทษบ้าง แต่จะมาหรือไม่มาก็เป็นเรื่องของท่านอีกเหมือนกัน แม่ก็ได้แต่นั่งเศร้าสร้อยอยู่ในนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ลูกชาย ก็ว่าไป ก็เป็นความเป็นจริง เป็นวิบาก มันก็เป็นไปได้ อาตมาไม่มีเดา ไม่มานั่งเพ่งเล็งหยั่งรู้อะไรมากกว่านั้นแล้วแต่เหตุปัจจัยมันจะเป็นไป เจตนาก็ประสงค์จะให้ทุกอย่างดีทั้งนั้น อย่าว่าแต่ท่านดาวดินเลย ไม่ใช่ไผ่ดาวดินนะ ชื่อเดิมท่านอะไรนะ อาตมาก็จำไม่ได้
_พันธุ์ พอเพียง : ที่ จ.กาฬสินธุ์ มีเรื่องที่ให้เจ้าคุณบัวศรีต้องตัดสินคดีคือ หญิงคนหนึ่งหวังทรัพย์จากพระแก่ เลยยั่วยวนให้พระเสพกามจนสำเร็จ คณะสงฆ์เลยตัดสินกันว่า พระไม่ต้องสึก เพราะโดนหญิงหลอก อีกฝ่ายหนึ่งก็ร้องว่า พระแก่นั้นปาราชิกแล้ว คดีนี้เลยทำให้เก้าอี้เจ้าคุณบัวศรีสะเทือน กรณีนี้ถ้าเกิดในนักบวชชาวอโศก จะตัดสินอย่างไรครับ ทำผิดเพราะหลงคำล่อลวงรู้ไม่ทันมายาหญิง แต่ก็เสพกามไปแล้ว กราบขออภัยที่ถามเรื่องหยาบๆครับ
พ่อครูว่า…ตอบแทนอาตมาซิ…โยมว่า ปาราชิก ชาตินี้ตายจากศาสนาพุทธไปทั้งชาติ แต่ทั่วไป เดี๋ยวนี้เขาปฏิบัติกับ สมี ปาราชิก ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัยพระพุทธเจ้าก็เลยเขาไม่กลัวเลอะเทอะไปหมด ไม่มีบทลงโทษที่หนักที่สุดตัดคอขาดไปทั้งชาติ คนเลยไม่กลัวเลยทุกวันนี้เละ เพราะฉะนั้นอโศกไม่เอา อโศกจะต้องยืนหยัดทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าไม่อย่างนั้นเละแน่ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นในวงการของชาวอโศกก็มีหลายคนอยู่ที่ปาราชิกของอโศกเรา
_สติพล จนพัฒนา **ภาพเสียงสดุดเป็นช่วง ๆ ครับ..ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร.
พ่อครูว่า…เป็นเพราะทางเทคนิคเรายังไม่ดีเท่าไหร่ ไม่รู้จะทำยังไงเราก็เต็มที่ของเราแล้ว ช่องอื่นเขาก็ได้เต็มที่ของเราก็ได้เต็มที่ตามประสาเรานะ จะบอกว่าเราจ่ายตังค์ถูกไปมันก็ไม่น่าจะเป็นก็ไม่รู้สิ ตามบารมีแล้วกัน
_คอยใคร : ผมก็ชอบฟังท่านกล้าจริงมาเทศน์ครับ เพราะเหลือแค่กล้าเดียวแล้วครับ
พ่อครูว่า…มีท่านกล้าดี กล้าจริง ยังอยู่ กล้าข้ามฝันก็ยังมี
ปฏิบัติศีลแต่ละข้อระวังไปติดในความละเอียดกลายเป็น ปปัญจารามตา
_อ๋อย เอื้อมพร : ฟังพ่อครูเทศน์เมื่อวานในรายการ “ตุ้ม ตะลุ่มตุ้มโมง” ฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ นึกทบทวนถึงสภาวะที่เกิดกับตัวเอง ดังนี้ค่ะ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปนั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนที่เขายังกินเนื้อสัตว์อยู่ ส่วนตัวเองกินมังสวิรัติแน่นอนอยู่แล้ว ปกติทานอาหารที่บ้าน พ่อบ้านก็กินมังสวิรัติด้วยกันค่ะ
แต่วันนั้นคนนั่งตรงข้าม กินขาไก่ เมื่อตาเห็นเขากินขาไก่ ความรู้สึกในจิตขณะนั้นไม่ได้รังเกียจที่เขากิน แต่นึกสงสารไก่ สงสารคนที่กำลังกิน (แต่ไม่ใช่สมเพช หรือดูถูกเหยียดหยามเขา) นึกไปถึงว่าแต่ก่อนตัวเองก็เคยเป็นอย่างเขา กินเนื้อเพื่อนด้วยความยินดี เห็นว่าเป็นของอร่อย ได้เสพ คิดไปแล้วสมเพศอดีตของตัวเองมากกว่า
นั่นคือ “หทยรูป” ที่เกิดในขณะนั้นใช่ไหมคะ? เพราะเป็นอาการ 3 เส้าที่เกิดขึ้น คือ
-
ห – อาการความรู้สึกจริงที่เกิด คือสงสารคนที่กำลังกินไก่ และสงสารไก่
-
ท – คืออาการเต็มรูป คือสงสารจริง ไม่มีความรู้อื่นเจือปน
-
ย – อาการร่วมกันของทั้งสองอย่าง