640827_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1pmbEbgal6NzdVqN8LY_LKKjf-cSTrCOwGhOBiZor63A/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1L8PsXYI2SdtFw2Dm4uNwOL9GXKJ1GfO-/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/7EAZ1Goe4s/
สมณะเดินดิน…วันนี้วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ทุกวันนี้ใครไม่ได้ยินข่าวคุณโจ้ ก็คงจะไม่ได้ดูข่าวสารเลย มีข่าวคุณโจ้ 2 โจ้ โจ้คนยากจน อีกโจ้นึงเป็นคนร่ำรวยเป็นนายตำรวจ ทำผิดแล้วหนีความผิดไป เป็นตำรวจผู้กำกับ ร่ำรวยมากมาย ต่อมาเขาถูกจับได้ ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่าเงินที่เขาได้เป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง เขาให้ข่าวว่าที่ทำไปเพราะต้องการเค้นให้ผู้ต้องหาบอกเรื่องยาเสพติด แต่พลั้งมือทำให้คนตายไป บอกว่าเขาเป็นตำรวจอายุยังน้อยประสบการณ์ยังไม่มากเลยทำให้พลาดไป
อีกโจ้หนึ่ง เป็นชายเร่ร่อน เขานอนทั่วไป นอนได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นป้ายรถเมล์ข้างถนนหรือที่อื่นทั่วไป แต่วันหนึ่งที่เขากำลังนั่งอยู่ เห็นคนทำกระเป๋าเงินหล่น ก่อนเข้าไปในบ้าน เขารู้สึกว่า รูปแบบของเขาจะเข้าไปในบ้านไม่ได้ เราจึงตัดสินใจเอากระเป๋าเงินไปแจ้งที่สน.ตำรวจ เขาเปิดกระเป๋าเงินดูเห็นเงินมีเยอะมาก แต่ที่ไม่ได้อยากได้เพราะเงินไม่ใช่ของผม เมื่อเจ้าของกระเป๋าเงินได้คืน บอกว่าถ้าเป็นผมขนาดนั้นผมก็ไม่คืนหรอกครับ แต่โจ้ผู้เร่รอน นำเงินไปคืน สุดท้ายเจ้าของเงินพยายามให้เงิน โจ้เขาก็พยายามปฏิเสธไม่เอา ชีวิตของโจ้เร่ร่อน ตกระกำลำบากมามาก ต่อมาอานิสงส์ที่ได้เก็บเงินคืนคนอื่น ก็ได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมีงานมีเงินใช้ จะได้กลับไปหาลูกสาวได้อย่างไม่เป็นที่ลำบากคนอื่น
พระพุทธเจ้ามุ่งมาจนแต่ปุถุชนมุ่งไปรวย
พ่อครูว่า… ถ้าเป็นผู้ที่มีปฏิภาณปัญญา รู้เพียงแต่ว่า รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ ท่านเป็นคนรวย ท่านมีฐานะเป็นกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ด้วย มีทรัพย์สมบัติ มีแผ่นดิน มีข้าทาส มีฐานะเป็นเบอร์หนึ่งของแคว้นด้วย มีฐานะทุกอย่างตามที่สามัญปุถุชนอยากได้อยากมีอยากเป็น แต่ท่านก็แสดงชัดเจนว่าท่านทิ้งเลย เดินพระบาทเปล่าออกมาทำงาน ให้คนมาเป็นอย่างที่พระองค์เป็น ให้คนเข้าใจเลยแต่ไม่ได้ไปบังคับ ออกมาเป็นจริงๆ ไม่ได้มาทำในยุคหนึ่งเสร็จแล้วก็จะกลับคืน ไม่ใช่ มาเลย มาเป็นอย่างนี้ เป็นจนจบชีวิตเลย เป็นแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย ตายแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ไม่ได้ไปตายบนบัลลังก์ไม่ได้ไปตายบนกองเงินกองทองอย่างเจ้าของแผ่นดินเลย ไม่ใช่
ถ้าคนมีปฏิภาณปัญญารู้ที่สุดแห่งที่สุดของความเป็นคน ก็คืออย่างพระพุทธเจ้าเป็นนี่แหละ ท่านก็เคยดิ้นรน เคยหลงมีอวิชชามามาก เป็นไปสารพัดที่จะสูงสุดเท่าที่มนุษย์จะเป็นได้ ที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าแต่เพียงว่า
ในปางที่เป็น พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่า พระพุทธเจ้า ที่เป็นปางสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายจะร่ำรวยมีแผ่นดินมีอำนาจบาตรใหญ่เท่าไหร่กว่าที่เคยเป็นมาแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านไม่เคยเป็นผู้มีตำแหน่งยศศักดิ์ใหญ่กว่าปางที่ท่านเคยเป็น ในยุคพุทธกาล มีพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจบาตรใหญ่ยิ่งกว่าแคว้นของท่านอีก ระหว่างแคว้นของท่านเป็นแคว้นเล็กนิดเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านเคยเป็นอย่างนั้นมาหรือไม่ ท่านเคยเป็นมาหมด
เรื่องความเกิดความเป็นความตายการสั่งสมสัมภาระวิบาก อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ผ่านอะไรมามากก็เพราะรู้ พัฒนาการของสัมภาระวิบากของการเกิดมาเป็นชีวิต มันนับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่ง อย่างอาตมาทุกวันนี้ก็ยิ่งเห็นว่า มันทรมานจริงๆ การเป็นคน คือมันมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
แต่ดีที่เรามีภูมิปัญญาตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าจึงไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไร สุดเบื่อจริงๆเลยชีวิต มันอาจจะปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยเดี๋ยวนี้ แต่อาตมามีสัมภาระวิบากที่ได้ตั้งปณิธานจิตไว้แล้ว จึงไม่ได้จะเป็นอย่างที่พูดเสียทีเดียว มันก็จะมีพัฒนาการ ยังมีความยินดี ยังมีความพอใจที่จะมุ่งมาดปรารถนาดำเนินชีวิตให้ดำเนินไปยิ่งๆขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออายุศาสนาด้วย ต่อภพภูมิตนเองด้วย เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติด้วย เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แม้มันจะเหน็ดเหนื่อยมันจะน่าเบื่อ มันจะทรมานทรกรรมอย่างไร เราก็วาง ก็รู้ความจริงพวกนั้นหมดเราก็วาง ดำเนินไป ตั้งหน้าตั้งตามุ่งมั่นทำกิจที่เราตั้งปณิธานไว้ต่อไป
ก็วนเวียนไปวนเวียนมา ตอนนี้โทรทัศน์ จนกระทั่งไม่ได้เป็นโทรทัศน์มานานหลายปี ตอนนี้จะกลับไปเป็นโทรทัศน์ดาวเทียมอีก ก็บอกกล่าวให้รู้กัน จะได้บอกต่อๆกันไป วิธีกดดูทางโซเชียลมีเดียจะได้ดูได้ง่ายขึ้น
หมายเลขช่องบุญนิยมทีวี ในกล่องดาวเทียมต่างๆ
1.กล่อง ที่เริ่มทำ OTA ตั้งแต่ 1 ก.ย. 64
1.1 Infosat หมายเลขช่อง 211
1.2 thaisat, ideasat, Ks Tv หมายเลขช่อง 171
1.3 GMMz หมายเลขช่อง 155
2.กล่อง PSI หมายเลขช่อง.. (รอแจ้งอีกครั้ง) เริ่ม 1 ต.ค. 64
SMS วันที่ 25-26 ส.ค. 256
อัปปิจฉะกับอปจยะต่างกันอย่างไร
_สว่างแสง ขวัญดาว : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ ในวรรณะ๙ ข้อ๓ อัปปิจฉะ มีเนื้อหาต่างกับ ข้อ๘ อปจย อย่างไรคะ น้อมกราบพ่อด้วยเศียรเกล้าค่ะ
พ่อครูว่า… อัปปิจฉะ แปลว่ามักน้อย คือชอบที่จะมีน้อยๆไม่ชอบที่จะมีมากๆ แปลเป็นภาษาสั้นว่า มักน้อย สรุปคือคนไม่ชอบไปรวยเป็นคนที่จะชอบไปทางจน คนนี้ก็มีนะ มีไหม(โยมว่ามี) คนที่จะชอบจน แล้วจนนั้นมีความสุขด้วย มีความดีงามได้ด้วยและเป็นประโยชน์ต่อโลกเขาได้ด้วยอีก เป็นประโยชน์กว่าคนรวย คนรวยนั้นเป็นคนโลภโมโทสันเป็นโทษเป็นภัยต่อโลก แต่คนจนนั้นมีประโยชน์ต่อโลก พูดจาให้ฟัง ไม่รู้ว่าคนรวยเขาจะฟังกันใหม่ เขาก็อาจจะไปดูหุ้นดูกิจการ คนมีบ้านหรูมีรถหรู อย่างผู้กำกับโจ้ เขาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผกก.โจ้เขาก็อาจจะคิดว่าจะมีใครมาว่าเขาได้
อปจยะ แปลว่าไม่สะสม หรือกล้าจนเป็นคนมักน้อยชอบจะมีน้อยๆกับไม่สะสม
ไม่สะสมก็ไม่มีมาก มีน้อยๆก็ไม่สะสมได้แต่มีน้อยๆค่อยสะสมก็ได้นะ แต่ไม่สะสมนี่สูงกว่า ไม่สะสมอยุ่ระดับ 8 ในวรรณะ 9 แต่ อัปปิจฉะนี้มักน้อย อยู่ลำดับ 3
พวกเราไม่สะสมเป็นส่วนใหญ่ หรือบางคนอาจมีสะสมไม้จิ้มฟัน แต่จะไปสะสมอย่างเมื่อก่อน สะสมเพชร สะสมทอง สะสมบ้านช่องเรือนชาน หรือบางคนสะสมภรรยาสามีหลายคน เป็นต้น พวกเราก็ไม่สะสมแล้ว เป็นคนที่หมดเนื้อหมดตัวนั้นเอง สุดท้ายไม่สะสมจนรู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพานจนไม่สะสมตัวตน รู้สึกอย่างนั้น
อัปปิจฉะ คือมักน้อย ก็อาจจะมีสะสมอยู่
แต่ อปจยะ คือไม่สะสมเลย สูงกว่า
ชาวอโศกโชคดีแค่ไหนที่ได้รู้จักทางโลกุตระ
_สินอโศก : กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพเจ้าค่ะ นึกอยู่ว่าหากแม่เสถียรไม่นำพาให้มารู้จักอโศก ดิฉันก็คงไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหนเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…ดีนะที่พบทาง พระพุทธเจ้าเป็นคนเหมือนเรา ผ่านชีวิตมามาก จนสุดท้ายจะมีอะไรก็ได้นะ แต่ก็ไม่เอา มาเป็นคนไม่มีอะไรเลย ทรงดำเนินด้วยพระบาทเปล่า ไม่ต้องไปมีอะไร มีแต่ผ้านุ่งห่ม 3 ผืน ไปอย่างไม่สะสมอะไรเลย แม้แต่ข้าวในแต่ละวันก็ไม่สะสมกินแล้วก็เลิก บิณฑบาต ถ้าให้กินอยู่ก็กิน ถ้าไม่ศรัทธาจะให้กินแล้วก็ไม่ต้องกิน แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะท่านมีคุณธรรม ขนาดเราเป็นพระบาตรก็ยังได้เต็มบาตร ซึ่งเป็นสัจธรรมที่สุดยอดจริงๆ
ผู้ที่รู้จักทางแล้ว อาตมาก็พยายามบอกความจริงให้รู้อย่างมีสติสัมปชัญญะ ปัญญาปฏิภาณ ชีวิตมันไปอย่างนั้น ถ้าเราจะเพลิดเพลินไป เรายังไม่เป็นเศรษฐีพันล้านหมื่นล้าน ยังไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ครองโลก เราก็ต้องไปเป็นก่อนถึงจะมา คนคนนั้นก็สร้างวิบากไปเรื่อยๆ มันจะมีกรรมวิบากที่สร้าง กว่าจะได้เป็นอย่างนั้นต้องมีคู่วิบากไป
คู่วิบากมีทั้งคู่รักคู่วิบากมีทั้งคู่แค้นคู่แย่งคู่ชิง คุณก็จะต้องมีสัมภาระวิบากไป คุณไม่รู้กรรมวิบากเป็นอจินไตย ที่เกิดในแต่ละชาติมันเป็นทุกข์ในทุกชาติ แต่คุณอวิชชา คุณไม่รู้ทุกข์ เพราะฉะนั้นคำว่าทุกข์คำนี้มันจึงลึกซึ้งมากจริงๆเลย
อาตมาพูดมาตั้งแต่ต้นว่าเบื่อชีวิตจริง แต่เมื่อเรารู้แล้วเราไม่ได้ติดยึด เราก็เห็นมันมีประโยชน์คุณค่า ก็ยังประโยชน์คุณค่าไปก่อน อาตมาติดอยู่ที่เห็นประโยชน์คุณค่า ก็พยายามทำประโยชน์คุณค่า ไม่ยึดติด ไม่พยายามทำจิตเราไม่ให้ได้ยินดี แต่ให้ทำจิตยินดีปฏิภาณปัญญาทำประโยชน์ โดยเฉพาะสืบสานศาสนา
อันนี้ก็สำคัญ หากว่าอาตมาไม่เกิดมาต่อโลกุตระธรรมมันก็จะสูญไปหมด เพราะมันกลายเป็นกลองอานกะแล้ว อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสพยากรณ์ไว้ ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ อาตมาก็ได้แต่พูดความจริงเท่านั้นใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่มีปัญหา
การที่เกิดมาเป็นคน ผู้ที่จบเป็นพระอรหันต์แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ไม่ต้องมารับสัมภาระวิบากให้ทรมานทรกรรมอีกต่อไป ก็ทำการปรินิพพานเป็นปริโยสานไป เพื่อนๆที่เป็นโพธิสัตว์ด้วยกันมาหลายท่านก็รีไทร์ไม่เอาแล้ว อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 มีเพื่อนโพธิสัตว์มาแล้วตั้งเยอะ หนีไปกลางทางตั้งเยอะแล้ว อาตมาก็ไปพบเจอพระโพธิสัตว์ที่พอจะมีบ้างในระหว่างทาง
เป็นเรื่องลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องพูดเล่นพูดผิด มันเป็นกรรมวิบาก พูดออกไปสู่สาธารณะด้วยมันเป็นบาปไม่ใช่น้อยถ้าพูดผิด อาตมาไม่กล้าพูดไม่กล้าทำสิ่งผิด ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมก็ไม่กล้าทำอยู่แล้ว
_ประดับ คนเปลี่ยนโลก : นมัสการพ่อครูครับ ณ วันนี้มีข่าวดีสำหรับชาวอโศก ต่อไปทุกคนที่เป็นญาติธรรม และผู้สนใจบุญนิยมทีวี จะได้รับชมทางดาวเทียมอีกแล้ว ขอบพระคุณพ่อครูและชาวอโศกครับ
_ประดับ อินทร์แป้น : นมัสการพ่อครู สมณะ สิกขมาตุ เจริญธรรมท่านผู้ชมบุญนิยมทีวีครับ ดีใจกับข่าวที่ว่า บุญนิยมทีวีจะได้ออนแอร์ทางดาวเทียมอีกแล้ว
_นพพล จรัสวิกรัยกุล : อาหารเป็นหนึ่งในโลกแต่ผมก็คิดเองว่าอาหารก็คือธรรมะ
: ประชาธิปไตย ถ้ารวมและกลมกลืนกับคอมมิวนิสต์อย่างลงตัว อย่างถูกสภาพ ก็คือเป็น ..ธรรมาธิปไตย ..
: หลักสำคัญ คนชั้นสูงสุด จะต้องเป็น อาริยะ ถึงจะเข้าขีดคั่นคุณสมบัติของ ‘ธรรมาธิปไตย’ พ่อท่านคือพระโพธิสัตว์โดยแท้ กราบนมัสการพ่อท่านครับ
คอมมูนิสต์คือเปลือกไข่ ปัญญาคือหัวเจาะ
พ่อครูว่า… ผู้มี “ปัญญา” เท่านั้น จะเจาะกระเปาะไข่ของอวิชชาออกมาได้
หัวเจาะของปัญญาคือ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
คอมมูนิสต์คือเปลือกไข่ ปัญญาคือหัวเจาะ
ดังนั้น ผู้สามารถทำพุทธพจน์ 7 นั้นให้เกิดจริงเป็นจริงได้สำเร็จ ก็คือ ผู้มี “ปัญญา” เท่านั้น จะเจาะกระเปาะไข่ของอวิชชาออกมาได้ ….
ทำไมเปลือกไข่เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะคอมมิวนิสต์นั้นบังคับ ยังมีตัวตน แต่ประชาธิปไตยนั้นมีความเป็นอิสรเสรีภาพสมบูรณ์ ถึงยิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่ธรรมดา สหรัฐอเมริกาพยายามเข้าใจแต่ไม่เข้าใจหรอก เพราะเขาไม่ได้เรียนรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ได้เรียนรู้ถึงจิต แม้แต่ว่าเป็นจิตที่ต้องเป็นทาสพระเจ้า เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นทาสพระเจ้า เป็นทาสผู้ปล่อยไม่ไป เป็นทาสผู้ไม่เคยมีอิสรเสรีภาพไม่จริงเลย ศาสนาเทวนิยมที่มีพระเจ้าครอบงำอยู่ เป็นศาสนาที่ไม่มีความรู้ในเรื่องความอิสรเสรีภาพสมบูรณ์ Absolute ยังเป็นทาสพระเจ้า
ส่วนศาสนาพุทธนี่แหละถึงจะเป็นประชาธิปไตย ที่ไม่มีความเป็นทาสเหลืออยู่อีกเลยสำเร็จได้จริง ถึงจะเป็นประชาธิปไตยจริง
เพราะฉะนั้นเทวนิยมหรือพวกไม่นิยมศาสนาเลยอย่างคอมมิวนิสต์ ปิดประตูที่จะมี อิสรเสรีภาพอย่าง Absolute ปิดเลย
เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นคอมมิวนิสต์ต้องศึกษาหาความรู้ให้มีหัวเจาะ 7 หัวเจาะนี้ให้ได้
มาขยายความหัวเจาะ 7 ดอก จะได้รู้คุณสมบัติอันวิเศษ
ตัวที่ 7 เอกีภาวะ เป็นเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว
ความเป็นเอกภาพที่ไม่มีอิสระไม่ใช่ความมีเอกภาพที่มีปัญญา แต่เป็นเอกภาพที่ยังเป็นทาสอยู่ เอกภาพขณะนี้มีพลเมืองเยอะอย่างประเทศจีน ดูเหมือนว่าเขาเป็นเอกภาพโดยพฤติการณ์ เขาดูสงบนะ ไม่มีความวุ่นวายยุ่งยากอะไรเท่าไหร่ ไม่มีการทะเลาะวิวาท อวิวาทะดูเขามีสามัคคียะ พร้อมเพรียงกันไม่ขัดแย้งกัน แต่พวกคุณรู้ไหมว่าที่จีนมีการทะเลาะเบาะแว้งกันไหม …ก็มีเป็นธรรมชาติ จะเป็นผู้ที่มีจิตใจเจริญ เป็นกัลยาชนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ มันก็ยังมีโลกธรรม หลงในลาภยศสรรเสริญ หลงโลกียสุขอยู่
คำว่า สุข คำนี้ สุดยอดจริงๆเลย พระเจ้าเป็นเจ้าของความสุขโดยที่เขาไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีความทุกข์อยู่ด้วยอย่างแยกกันไม่ออก พระเจ้ากับซาตานจึงเป็นอันเดียวกัน แต่เขาไม่รู้ตัว เพราะว่าพระเจ้าหรือศาสดาเทวนิยมไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้อัตภาพ ไม่รู้จักอัตตา มีความรู้แค่นี้ ไม่ใช่ว่าศาสดาเทวนิยมองค์ไหน ก็ไม่รู้จักตัวเอง ที่ได้มีความรู้สั่งสมมากในแต่ละชาติ จนกระทั่งได้ความรู้ มีบารมีขนาดได้เป็นพระศาสดา เป็นความรู้ที่ตนเองสั่งสมในสัมภาระวิบากของตนเองแท้ๆก็ไม่รู้ ทั้งที่มีความรู้อื่นใดๆตั้งมากมาย
แต่ไม่เชื่อตัวเองว่าตัวเองจะรู้ได้อย่างนี้ เห็นไหมว่าเป็นความมั่นใจ รู้อย่างไม่ครบถ้วนแต่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะรู้ว่าจริงๆแล้วทุกอย่างเป็นสังขารปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น มันไม่ใช่สิ่งถาวรแน่นอน มาศึกษาตามพระพุทธเจ้าแล้วจะรู้ว่าไม่ต้องไปเป็นพระศาสดาอะไรหรอก มันเมื่อยชะมัด เป็นแต่แค่คนธรรมดานี่ก็แย่ ไม่ต้องเป็นศาสดาหรอกแค่คนธรรมดา แค่คนดาๆ ธรรมดาก็ยังเหน็ดเหนื่อยสารพัดภาระยุ่งยาก ผู้ที่เป็นพระอรหันต์จริงแม้จะเป็นพระอรหันต์ที่ไม่มีกุศลอะไรมาก ก็ยังรู้ว่าไม่น่าจะยังคิดอะไรไปมาก
พระพุทธเจ้าสอนผู้ที่บรรลุอรหันต์ในรุ่นแรกๆยังไม่สมบูรณ์แบบ พากันฆ่าตัวตายไปเยอะแยะ จ้างคนอื่นฆ่า ไม่มีอะไรจะจ้างก็เอาบาตรให้เขาและบอกว่าช่วยกันฆ่าตัวเองให้ตาย ตัวเองไม่กล้าฆ่าตัวเองตาย แต่ให้คนอื่นฆ่า ฟังแล้วมันตลกไหมเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
อาตมาเป็นโพธิสัตว์มาได้เรียนรู้สิ่งที่มันสังเคราะห์สังขารซับซ้อนต่างๆนานา ถึงได้มีปณิธานจะเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ แล้วก็มีประโยชน์ต่อโลก ต่อการสืบสานพระศาสนา ก็ทำ พยายามยังชีพยังชีวิตไปทำงานไปตลอด
เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่เชื่ออาตมาฟังอาตมาอธิบาย ในยุคนี้จะมีใครอธิบายธรรมะอย่างนี้ อธิบายขยายสภาวะต่างๆ คนที่ฟังมีสภาวะและเอาไปปฏิบัติจนเกิดสภาวะให้ตนเองได้ อย่างเช่นหัวเจาะ 7 ดอก จนเกิดสภาวะคุณสมบัติ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ มันมีจริงเป็นจริงที่ยืนยันได้เป็นเอหิปัสสิโก เชิญให้มาพิสูจน์ได้ ชาวอโศกมีคุณสมบัติพวกนี้ทั้งนั้น ระลึกถึงกัน รักกัน แล้วก็ไม่ได้รักกันด้วยมิติที่ต่ำๆ แต่เป็นความรักมิติที่สูงซึ่งอาตมาอธิบายไปหมดแล้ว
เคารพกัน อย่างที่พวกเราเป็น ศีล 5 เคารพศีล 8 ศีล 8 เคารพศีล 10 มันดูไม่มีบัญญัติบอกเปรี้ยงๆ แต่มีนัยยะ ที่เป็นสภาวะธรรมชัดๆ ที่เคารพกัน ยอมรับกันในที่ เช่น เราศีล 5 ท่านมีศีล 8 ศีล 10 เราก็ต้องเคารพท่าน แต่ไม่ใช่ผู้ที่ซื่อๆเซ่อๆไม่มีสติปัญญานะ ผู้มีปฏิภาณปัญญาจะเคารพกัน
เราก็ช่วยเหลือกันเอื้อเฟื้อเจือจาน เกื้อกูลแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไร ก็ไม่อดตาย ไม่ใช่ว่าเจ็บป่วยแก่ไปไม่มีคนดูแล ไม่ใช่ เราพึ่งพากันช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้อย่างไม่ใช่ญาติโกโหติกา ก็เพิ่งพากันได้จริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์ ที่สังคมมีคุณสมบัติอย่างนี้มีคุณธรรมอย่างนี้ มันยิ่งใหญ่นะ
อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็สบายใจที่ได้ช่วยพลเมืองประเทศชาติ เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสอนให้พวกเราได้คุณธรรมมีคุณสมบัติอันนี้ แล้วอาศัยคุณธรรมอันนี้ พวกเราก็เป็นสุข มีสัปปายะ สังคมก็ไม่เดือดร้อน ดีไม่ดีก็ได้สังคหะช่วยเหลือเกื้อกูลสังคม มันเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่พวกเราทำ เป็นเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ สาธารณโภคี
ในความรู้ของเศรษฐศาสตร์ ผู้ที่จะพัฒนาประเทศจะต้องทำให้คนร่ำรวยไปหมด คนนี้ยังเป็นคนไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จริง การบริหารประเทศจะไปสร้างให้คนร่ำรวยนั้นผิดมันทะเลาะกัน แย่งกัน ใครมันก็อยากรวยใช่ไหม แล้วคนเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ แต่จะไปพัฒนาให้คนไปรวยมากๆมันก็เบียดเบียนกัน เบียดเบียนกันในประเทศเองไม่พอก็ไปเบียดเบียนกันในต่างประเทศอีก เบียดเบียนต่างประเทศไม่พอก็รุกรานเลย ดีไม่ดีฆ่าเขาเลย คนอวิชชา มีอำนาจบาตรใหญ่ไปฆ่าเขาเล่นๆ เอาระเบิดไปทิ้งประเทศเขา ตายไปทีละเป็นแสน หลายแสน อย่างนั้น
ประเทศที่บอกว่าเขาเจริญอย่างอเมริกา เอาระเบิดไปทิ้งญี่ปุ่น ไปทิ้งตะวันออกกลางไปทำร้ายเขา พูดแล้วอย่างนี้ไม่ใช่ผู้เจริญแต่เป็นคนเถื่อน มองในมุมให้ลึกๆและชัดๆ การมาพัฒนาให้คนฉลาด แต่ทำไมไม่รู้จักความเสื่อมของตนเอง เป็นความเลวร้าย ใจอำมหิต
นี่คือสัจจะที่ยากที่จะมีวิชชา ยากจะมีความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคุณจะบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคนเป็นประชาธิปไตยคนที่ใจร้ายใจดำแบบนี้ คุณจะเป็นเจ้าโลกทางประชาธิปไตย มันจริงหรือเปล่า (โยมว่า.. ไม่) เห็นไหม ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้งมาก สุดยอด
ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ
พ่อครูว่า… อาตมาพยายามอธิบายเรื่องการบริหารปกครอง รัฐของตนเอง ประเทศของตนเอง
ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน
-
สมบูรณาญาสิทธิราช เต็มรูปคือเผด็จการ
-
ประชาธิปไตยทุนนิยมสามานย์ ขาเดียว เช่น อเมริกา
-
คอมมูนิสต์ สืบสันตติวงศ์ เช่น เกาหลีเหนือ
-
ประชาธิปไตย ที่เริ่มมีปัญญา แต่ยังขาเดียว
-
ประชาธิปไตย มีปัญญาเริ่มเข้าข่ายโลกุตระและเข้าใจ ประชาธิปไตย 2 ขา
-
คอมมูนิสต์ ที่กำลังผนวกประชาธิปไตย แต่ยังขาเดียว
-
ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เจริญโลกุตระตามลำดับ
-
คอมมูนิสต์ ที่มีการเลือกตั้ง ปรับตัวเป็น “ประชาธิปไตยคอมมูน” (คือมีทั้งประชาธิปไตย + คอมมูน) ข้อดียังไม่มีในสังคมโลก แต่ต่อไปเขาจะมี
-
ประชาธิปไตยที่เป็นคอมมูน พร้อม “ภาวะ 2” คือ “ราชประชาสมาสัย” ที่สัมบูรณ์ เป็น “สาราณียธรรม 6” ชัดเจนถึงที่สุดแห่ง “บุญนิยม” นั่นคือ เป็น “สังคมสาธารณโภคี” ที่มี “กายปาคุญญตา” และ “จิตปาคุญญตา” เจริญทั้ง “กาย” และ “จิต” สัมบูรณ์
-
ประชาธิปไตยทุนนิยมสามานย์ ขาเดียว เช่น อเมริกา
คำว่า สองขา กับขาเดียวนี่ยิ่งใหญ่ กว่าจะรู้ว่า ประชาธิปไตยต้องมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขต้อง 2 ขา อาตมาก็เคยบอกว่าต้องมีทั้งกายทั้งใจ ต้องมีทั้งสองส่วนเป็นสภาพสองในความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นจะมีระบบ มีวิธีแล้วก็ทำสำเร็จรูปว่าเป็นประชาธิปไตยขาเดียว มันเป็นความไม่เต็มเต็งของความเป็นคน ของความเป็นมนุษย์ ของความเป็นจิตนิยาม เพราะฉะนั้นมันจึงกลายเป็นความไม่ฉลาด อวิชชา
ประชาธิปไตยที่แท้ก็คือ พยายามจะมีอำนาจ อำนาจในทุน อำนาจที่จะทำให้คนอื่นเขากลัวเรา ก็สร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ เป็นเหมือนเขี้ยวเล็บ เป็นเครื่องมือที่จะข่มขู่คนอื่น นั่นแหละคุณก็ทำอย่างนั้น คุณฉลาดที่ไหน อย่างนั้นมันเป็นคนไม่เจริญมันเป็นคนเถื่อน อย่างนี้เป็นต้น
ที่เรียกว่าทุนสามานย์ จึงเป็นประชาธิปไตยที่รวมทั้งทุนสามานย์ ผู้ที่สร้างตนเองด้วยเขตและอาวุธยุทธภัณฑ์ ให้ฆ่าคนได้เก่งๆยิ่งกว่าหนังจีน ปล่อยแสงยิ่งกว่า หรือไม่เห็นแสง แค่ยกมือก็ตายระนาว ยิ่งกว่าสตาร์วอร์ เครื่องไม้เครื่องมือก็ฝันไป สารพัดต่างๆนานา จะไม่ได้มีความคิดว่าประชาชนเป็นลูกเป็นหลานที่ต้องดูแล
-
คอมมูนิสต์ สืบสันตติวงศ์ เช่น เกาหลีเหนือ คอมมิวนิสต์ที่จริงไม่มีระบบสืบสันตติวงศ์ แต่สุดท้ายเขาก็จะสืบสันตติวงศ์ อย่างเช่น ประเทศเกาหลีเหนือ เพราะมันเป็นอวิชชามันก็มีลักษณะความเห็นแก่ตัวอย่างถอดไม่ออก เมื่อได้อำนาจแล้วมันก็ทำหมด
อย่านึกว่า อเมริกา จะไม่มีการสืบสันตติวงศ์นะ ลึกๆเขาก็ยังมีการสืบสันตติวงศ์ ประธานาธิบดีที่ถูกปลดแล้ว ก็ยังกุมอำนาจอยู่อย่างนั้น ต้องเป็นอาวุโส ต้องเป็นภันเตของประธานาธิบดีรุ่นต่อไป แล้วอวดดีด้วยนะว่าฉันเหนือกว่า อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้นแสดงออกมาเต็มรูป ข้อ 3 นี้ คอมมิวนิสต์สืบสันตติวงศ์ก็คือ จิตวิญญาณที่มันอวิชชา เป็นตัวกูของกู เป็นตระกูลของกูอยู่อย่างนั้น
-
ประชาธิปไตย ที่เริ่มมีปัญญา แต่ยังขาเดียว เช่น ฝรั่งเศส โหยหากษัตริย์ เขาก็ขาเดียวอยู่นั่น ประธานาธิบดี หรือแม้แต่อินเดียก็ไม่มีกษัตริย์แล้ว แต่จิตลึกๆมีศักดินา เชื่อผู้มีศักดิ์สูง เชื่อมั่นและเคารพผู้ที่มีคุณธรรม ยกย่องผู้ที่มีคุณธรรม เพราะฉะนั้นผู้ที่มีคุณธรรมนั่นแหละคือเนื้อแท้ของผู้ที่สูงศักดิ์จริงๆ อย่างเช่น เขาเคารพมหาตมะคานธี เป็นต้น ประชาธิปไตยอย่างนี้เริ่มมีปฏิภาณปัญญา ยังเป็นขาเดียวแต่ก็เริ่มรู้ว่ามันมียอดคน มีผู้ที่สูงยอด ผู้ที่มีคุณค่าประโยชน์จริงๆ อย่างมหาตมะคานธี มีรูปธรรมชัด กอบกู้ประเทศ ปลดแอก ทำอะไรต่ออะไรมาได้มากมายเลย
เพราะฉะนั้นเริ่มมีปัญญาเข้ามา จนกระทั่งเป็นข้อ 5
-
ประชาธิปไตย มีปัญญาเริ่มเข้าข่ายโลกุตระและเข้าใจ ประชาธิปไตย 2 ขา
สิ่งเหล่านี้มีนัยยะอย่างนี้ในจิตวิญญาณ แต่ในประเทศต่างๆ มันยังไม่มีตัวอย่างครบ 9 ข้อนี้ อย่าง ประชาธิปไตย สองขา อย่างประเทศไทย เข้าข่ายโลกุตระสำหรับผู้มีสัจธรรมที่เรียกว่าโลกุตระ แม้ไม่มีบัญญัติ อย่างอาตมารู้บัญญัติ รู้ภาษา รู้ลักษณะด้วย
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเข้าใจโลกุตตรธรรมและท่านก็ทำ แต่มวลยังไม่รู้ยังตามท่านไม่ได้ แต่มันก็เกิดพลัง มีฤทธิ์ที่ค่อยๆเป็น รับถ่ายทอดกันมา ออสโมซิส กันมา ซึมซับกันมาอย่างลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
-
คอมมูนิสต์ ที่กำลังผนวกประชาธิปไตย แต่ยังขาเดียว
เข้าใจแล้ว ว่า ที่จริงจะต้องให้อำนาจแก่ประชาชนเฉลี่ยกันไป คอมมิวนิสต์นี้เป็นอำนาจเฉพาะกลุ่ม แล้วก็บังคับคนอื่นก็ไม่ค่อยดี เขาก็พอจะมีปฏิภาณปัญญาขึ้นมา ก็เลยได้พยายามที่จะให้ประชาชนได้รับอำนาจเพิ่มขึ้นบ้าง ให้มีพลังอำนาจ เป็นของตัวเอง ก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์ที่กำลังผนวกประชาธิปไตยเข้าไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังเป็นขาเดียว ยังไม่มีกษัตริย์ที่สืบทอดสันตติวงศ์ ซึ่งความเป็นกษัตริย์สืบสันตติวงศ์นี้ลึกซึ้งมาก มันเป็นเรื่องของกรรมวิบาก เป็นเรื่องของ DNA ทางจิต ซึ่งเป็นเรื่องของ อจินไตยที่ เกี่ยวกับกรรมวิบากที่เขาไม่เข้าใจกันได้ง่ายๆ
ที่อาตมาพูดนี้ ผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนาก็อาจจะไม่เข้าใจได้ทันทีหรือง่ายๆ
-
ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เจริญโลกุตระตามลำดับ
ถือเป็นประชาธิปไตยที่เจริญยิ่งขึ้นๆของประเทศไทย จะชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นผู้อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ที่มีบารมี เป็นผู้ที่เข้าไปบริหารประเทศร่วมกัน ก็จะมีภูมิธรรมที่มีปัญญารู้จักโลกุตระ แม้จะไม่ได้กล่าวชื่อภาษาว่าเป็นโลกุตระ
โลกุตระคืออะไร ดโลกุตระแท้ๆคือการรู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน รู้จักอาการของจิต และรู้จักแยกกิเลสออกจากจิต แล้วทำให้กิเลสลดได้ เกิดเป็นอาริยบุคคล
สายสัทธานุสารี มาเป็นสัทธาวิมุติ ก็ยังไม่ค่อยกระจ่างเรื่องเหล่านี้ แต่ค่อยๆเข้าใจประเทศจีนในขณะนี้ ก็คือคอมมิวนิสต์ ที่ผนวกเอาประชาธิปไตยที่อย่างเป็นขาเดียวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นๆ ต่อไปก็คอยดูว่า คอมมิวนิสต์ที่มีการเลือกตั้ง เขาจะทำการเลือกตั้งใหม่ เหมือนคำทำนายของอาตมา คอมมิวนิสต์ที่มีการเลือกตั้ง
ถ้าหากคอมมิวนิสต์มีการเลือกตั้งขึ้นมา เขาต้องกล้าพอเลยนะ ต้องกล้าพอที่จะแสดงต่อสาธารณะโลก เพราะการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย คนจะบอกว่า เอ็งจะทิ้งคอมมิวนิสต์ไปหรือ เอ็งจะมีการเลือกตั้งก็แสดงว่าละทิ้งคอมมิวนิสต์หรือ เพราะคนมีความรู้ว่าประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง อยู่ที่ว่า จีน จะกล้าประกาศเลือกตั้งไหม
ตอนนี้ ถ้า สีจิ้นผิง ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเหมือนอเมริกา เขาจะได้ไหม …ได้ ตอนนี้ความเห็นเขาให้เลย จีน ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นสีจิ้นผิงเปิดเลย ให้มีการเลือกตั้ง ก็จะสนุกนะ
คอมมิวนิสต์ บริหารเป็นคณะอำนาจเป็นคณะ ประชาธิปไตยเฉลี่ยอำนาจให้ประชาชนทั่วไปเลย ให้ช่วยกันบริหารประเทศด้วยกัน ซึ่งมันก็จะเจริญขึ้น เขาจะมีปัญญาเจริญขึ้นอย่างนี้หรือไม่ ถ้าเขามีปัญญาเจริญขึ้นเขาก็จะกล้าทำ ใช่ไหม สีจิ้นผิงก็จะกล้าทำ ซึ่งเขาจะกล้าหรือไม่
เพราะฉะนั้นลองไปเปรียบเทียบกับเกาหลีเหนือดู หากว่าคิมจองอึนบอกว่าให้มีการเลือกตั้ง คิมจองอึนจะกล้าไหม ซึ่งได้ฆ่าใครต่อใครไว้เยอะ แต่เขาก็จำนนด้วยการถูกอำนาจกดข่มไว้ตั้งเยอะแยะ ดีไม่ดีจะรอดชีวิตหรือไม่ถ้าหากเปิดเลือกตั้ง
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน… สีจิ้นผิง จะต้องมาดูเมืองไทยว่า มีการเลือกตั้งแล้วมีการโกงกันเยอะแยะ ประเทศจีนเขามีประชากรเยอะน่าจะมีการโกงเยอะ
พ่อครูว่า… อินเดียเขาก็มีการเลือกตั้งนะ ลักษณะการโกงของจีนมีเยอะกว่าอินเดียมาก ถ้าขืนเลือกตั้งขึ้นมา ประเทศจีนจะฆ่ากันขนาดไหน
สมณะเดินดิน… พ่อครูกำลังให้พวกเราได้เห็นว่า สภาพการปกครองที่สมบูรณ์ต้องมี 2 ลักษณะ มีทั้งประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ จีนเขามีความลงตัวแม้เป็นคอมมิวนิสต์แต่ให้อิสระค้าขายร่ำรวยได้ ปล่อยพอสมควร เรียกว่าคอมมิวนิสต์แต่มีประชาธิปไตย แต่ยังไม่ใจถึงจะปล่อยให้มีการเลือกตั้งได้ คงจะคิดมากทีเดียวฃ
แต่ประเทศประชาธิปไตยแต่มีการบังคับในตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ ก็ได้รับการยกย่องว่า มีความเจริญก้าวหน้ากว่าประเทศใดๆ นี่ก็เป็น ประชาธิปไตยนะ แต่มีกฎหมายบังคับเด็ดขาด แต่ประเทศไทยอิสรเสรีภาพมาก มีม็อบอย่างไม่หยุดยั้ง ตำรวจก็อดทนไปเรื่อยๆ ถ้าหากไปทางสิงคโปร์บ้างก็คงจะสงบสุขกว่านี้ แต่หัวใจคือ ต้องมีหัวเจาะ 7 ของ ประชาธิปไตย นี้
พ่อครูว่า… อันที่ 9
-
ประชาธิปไตยที่เป็นคอมมูน พร้อม “ภาวะ 2” คือ “ราชประชาสมาสัย” ที่สัมบูรณ์ เป็น “สาราณียธรรม 6” ชัดเจนถึงที่สุดแห่ง “บุญนิยม” นั่นคือ เป็น “สังคมสาธารณโภคี” ที่มี “กายปาคุญญตา” และ “จิตปาคุญญตา” เจริญทั้ง “กาย” และ “จิต” สัมบูรณ์