640823_รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 6
https://www.boonniyom.net/50697.html
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/16-5RM-qBW_DpXivOeOkcKIZKTQsAQUt66oT8T4_9ZgM/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Pq5zQLlEjIxM34WzNQeKvMDPP4PDbBSY/view?usp=sharing
พ่อครูว่า…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2564 ที่อุบลราชธานี วันนี้มีหัวข้อขึ้นแล้วว่าอาตมาจะเทศน์เรื่อง เจาะใจคอมมิวนิสต์ พิชิตประชาธิปไตย
ทุกวันนี้มันมีปรากฏการณ์จริง (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สู่แดนธรรม… พ่อท่านคิดได้อย่างไรว่าไก่เจาะกะเปาะไข่
พ่อครูว่า… ไม่ใช่อาตมาคิด แต่พระพุทธเจ้าท่านคิดมาก่อน พระพุทธเจ้าก็ใช้คำว่าเป็นไก่ตัวพี่ เจาะกะเปาะไข่ออกมาก่อน
_Pratan : เนื่องจากดอกเหลืองไม่หยุดกำลังบานที่บ้านราช ผมขอฝากถวายโคลงนี้ให้พ่อท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้รักษาสุขภาพให้เเข็งเเรงยิ่งขึ้น เเละขอให้บ้านราชปลอดภัยไร้โควิดครับ ขอบพระคุณครับ
ทรัมเป็ต ฟลาวเวอร์
ต้นดอกละครฉากไม้ มงคล
ทองอุไรอร่ามจน จิตต้อง
หวนให้คิดทุกหน ที่ห่วง ใยเฮย
ขอกุศลปกป้อง ภยะร้ายพ่ายภินท์
ยินเสียงแตรทุกครั้ง ยังคง
ใจตอบตามจำนง หนึ่งนั้น
กราบเท้าปิตุรงค์ โพธิ รักษ์เอย
อุปสรรคใดไป่กั้น แก่นแท้ศรัทธา
โทนทองเรืองระย้า ทุกทาง
เนรมิตกำลังกลาง เกิดกล้า
กายแกร่งเพราะจิตจาง จากกิเลส
โลกุตระยังทายท้า ทั่วหล้าเหลืองไม่หยุด
23 ส.ค. 64
พ่อครูว่า… ต้นไม้นี้เดิมมันชื่อทองอุไร เหลืองอร่าม
อาตมาเองเป็นคนปฏิสันถารไม่เก่ง ไม่เหมือนท่านเพาะพุทธ ที่ปฏิสันถารเก่ง พบใครก็โอภาปราศรัย ไม่ว่าเด็กน้อยถึงคนแก่ ท่านก็เลยมีเพื่อนมาก อาตมามีเพื่อนน้อยเพราะปฏิสัมพันธ์ไม่เก่ง แต่ก็เป็นคนอยากได้เพื่อนมากๆ พยายามในชีวิตอยากได้เพื่อนมากๆ แม้แต่ตอนเป็นฆราวาส ก็พยายามเชื่อมโยงผูกพันเพื่อนเอาไว้ อาตมาเรียน ม.6 2 ปี กว่าจะจบก็เลยมีเพื่อน 2 รุ่น มา ม.8 เรียนตั้ง 3 ปี ก็เลยมีเพื่อนเยอะเลย นี่คือวิธีการหาเพื่อนเหมือนกันนะ แต่ไม่ฉลาดเท่าไหร่ มาเข้าเพาะช่างก็มีเพื่อนเพาะช่าง เพราะเรียนตั้ง 5 ปี ก็มีตั้งหลายคณะ มีเพื่อนเป็นประธานนักเรียน ก็เลยยิ่งมีเพื่อนเยอะ ก็พยายามหาวิธี ไม่เหมือนท่านเพราะมีปฏิสันถารดีจึงมีเพื่อนเยอะ
จิตเป็นกลางเป็นจิตที่ยิ่งใหญ่ จากคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา เขาอธิบายมิจฉาทิฏฐิกัน เข้าใจมัชฌิมาปฏิปทาไม่ได้ ซึ่งมันเป็น 2 อย่างแต่เอาไปรวมเป็นอย่างเดียว กลายเป็นทางสายกลาง เส้นทางเดินทางหนึ่งแล้วคุณก็เดินสายกลางไป จะไปไหนคุณก็ไม่รู้ สิ่งที่อยู่ข้างๆคุณไม่รู้เรื่องไม่ได้เรียน คุณเอาแต่เดินสายกลาง ความหมายมันก็พาคุณออกนอกขอบเขตพุทธไปแล้ว ไม่ได้เข้าเรื่องศาสนาพระพุทธเจ้าเลย
ทั้งๆที่มัชฌิมะ ก็คือจิตมันเป็นกลาง ส่วนปฏิปทาก็คือทางปฏิบัติหรือทางเดิน หรือมรรคา ทางปฏิบัติเพื่อที่จะมาบรรลุความเป็นกลาง จิตเป็นกลาง แค่นี้ก็เข้าใจผิดในบัญญัติมันก็ไม่มีผลสำเร็จ จึงไม่บรรลุธรรมแน่นอน
คำว่าเหลือง ตอนนี้ก็เป็นสัญลักษณ์อันหนึ่งที่คนไทยใช้กันอยู่ ก็ค่อยๆว่ากันไป
_ตั้งแต่ทราบว่าพ่อครูมีเสมหะติดคอจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงขอเสนอแนะวิธีแก้ไขดังนี้ ผู้สูงอายุมักมีอาการไอเพราะเสมหะติดคอ จึงมีคำแนะนำให้ขูดโคนลิ้น โดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ หรืออาจจะใช้ช้อนกินข้าวหากจำเป็น โดยขูดจากโคนลิ้นมาทางด้านของปลายลิ้นเบาๆ ก็จะเห็นคราบอาหารและเสมหะออกมาได้จริงๆ ขูดช่วงตื่นนอน หลังอาหาร ก่อนนอน และทุกครั้งที่รู้สึกมีเสมหะจะบรรเทาอาการไอลงได้มาก หลายคนทดลองทำแล้วได้ผล ควรมิควรแล้วแต่ท่านจะพิจารณาค่ะ ..ชาวชเลขวัญ
พ่อครูว่า… ก็ขอบคุณนะ ก็ได้ ก็คงเป็นประโยชน์บ้างในการบรรเทา การบรรเทาเหล่านั้นก็ได้ ท่านเรียกภาษาทางหมอว่า Symptomatic Treatment เป็นการบรรเทาแต่ไม่ได้เป็นการตัดเหตุทำลายเหตุต้นทางที่มันทำให้เกิดการไอ ซึ่งอาตมามีเหตุใหญ่ จะบรรเทามันก็ทำอยู่บ้างแล้วรักษาตามอาการ แต่มันไม่หายสนิทหรอก ถ้าไม่จัดการเหตุให้เรียบร้อย ที่นี้เหตุของอาตมามันเป็นกระเปาะที่ผลิตเสมหะ แล้วมันเก่งด้วย ผลิตเสมหะได้เหนียว ขากออกมาก็เคยบอกว่า เอาไปกลั่นทำกาวขายแข่ง epoxy มันเหนียวมาก คงจะขายดี พูดเย้าๆ
มันเป็นวิบากของอาตมาก็รับไป ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
สัปปุริสธรรม สมณะกับการทำงานกับสตรีเพศ
_การทำงานที่ขาด สัปปุริสธรรม 7 จะทำให้เสื่อมได้ไหม ลูกได้ติดตามรายการโพธิรักษ์โพธิกิจ ดีมากได้ทราบว่าพ่อท่านมีกิจวัตรกิจกรรมอะไรบ้าง รู้สึกว่ามีอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นคือรูปภาพเยอะมาก เก็บทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ 6 โมงเช้ายังไม่เปิดตา จนเวลาปิดตา 20:00 บ้าง 21:00 น. บ้าง เหมือนจะขาดอยู่อิริยาบถเดียวคือเวลาเข้าห้องน้ำ แต่บางภาพรู้สึกตำหนิอยู่ในใจ ไม่น่าลง ดูแล้วไม่งาม เช่นท่าออกกำลังกาย แล้วก็คิดต่ออีกว่า ท่านเป็นนักบวช ได้มีผู้หญิงที่เป็นตากล้องมาเก็บภาพท่านจะทำได้สะดวกไหม แต่ที่สะดุดใจมากๆคือ ภาพที่พ่อได้เวลาพักผ่อนกลางคืน 20:00 น 21:00 น แล้วเรียกว่ายามวิกาล แต่ผู้ที่เก็บภาพเวลานี้เป็นผู้หญิงบนชั้น 4 เป็นที่พักของพระโพธิสัตว์ของนักบวชทั้งนั้น มีความจำเป็นมีความสำคัญมากเพียงใดจึงต้องมีผู้หญิงอยู่บนชั้น 4 ในยามวิกาล ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ปัจฉาสมณะที่อยู่แวดล้อมพ่อท่าน ก็มีอุปกรณ์มีพร้อมจะทำงานได้ไม่ใช่หรือ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า สตรีคือข้าศึกของการประพฤติพรหมจรรย์ คำว่าข้าศึก ไปที่ไหนคือทำลาย พระพุทธเจ้าท่านเปรียบไว้น่าสะดุ้งกลัว สตรีเหมือนข้าศึกสงครามทำลายค่ะ
การทำงานที่ขาดองค์ธรรม 7 สัปปุริสธรรม 7 คือ 1.ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ 2.อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักเป้าหมายจุดประสงค์ 3.อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตน ตัวเราแค่ไหนแล้ว 4.มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ 5.กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล 6.ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักชุมชน สิ่งแวดล้อม 7.ปุคคลปโรปรัญญุตา เป็นผู้รู้จักบุคคล ก็จะนำพาไปสู่ความเสื่อมได้ไหมคะ
พ่อครูว่า… ได้ โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม มีสตรีร่วมอยู่ด้วย มันเป็นเรื่องการปฏิบัติธรรมที่สำคัญมาก เรื่องนี้ฟังดีๆนะ ในชาวอโศกเรา ชุมชนชาวอโศกก็ตามทุกชุมชน สตรีเพศนี้มากกว่าผู้ชาย และดูเหมือนจะทั้งโลกด้วยที่ไหนก็มีสตรีเพศมากกว่าผู้ชายทั้งนั้น มันเป็นยุคสมัยแล้ว ยุคสมัยที่สตรีเพศมีมาก เพราะฉะนั้นสตรีเพศจึงทำงานเท่าเทียม หรือต้องช่วยงานของสังคมได้เท่าเทียมหรือพอกันหรือเก่งกว่าชายก็ได้ แล้วก็เป็นจริงในยุคนี้ ประธานาธิบดีหญิง หรือผู้บัญชาการทหารหญิงก็คงจะมีในสักวัน เดี๋ยวนี้เป็นเช่นนั้นเลย
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเป็นองค์ประกอบต่างๆ เอาละ มันลงจุดสำคัญตรงนี้แหละ ในขณะที่ยังไม่บรรลุธรรม จิตยังไม่บรรลุ หรือแม้บรรลุใหม่ๆ จิตยังไม่แน่พอ ยังไม่แข็งแรงพอก็ยังไม่ควรมี แต่จิตใจแข็งแรงพอและควรจะมี จะเป็นเหตุปัจจัยให้ได้ฝึก สำหรับผู้บรรลุแล้วนะ เพราะฉะนั้นมีเป็นประโยชน์ ผู้บรรลุแล้วพอสมควรหรือมีฐานะที่ควรจะมีเหตุปัจจัย ได้ถูกกระทบสัมผัสด้วย เป็นประโยชน์มาก มีสองขั้นสองแบบ ใหม่ๆอย่า ถ้าพอสมควรแล้วมีดี
แบบที่ 3 อย่างอันนี้แหละคือในภาวะที่อาตมากำลังเผชิญ ในยุคกลียุค ในยุคผู้หญิงมาเท่าเทียมผู้ชายอะไรก็แล้วแต่ ทั้งหมด จึงเป็นยุคที่ ทั้งสองนี้ได้หมดเลย อะไรก็แล้วแต่ แล้วทีนี้มันก็เป็นการลงตัว สำหรับแต่ละบุคคลบารมีของบุคคล อันนี้เป็นวิบากหรือสัมภาระวิบากหรือบารมีของอาตมา ให้คนต้องมองเพ่งศึกษา
แล้วศึกษา 1 ศึกษาเพื่ออย่าเอาอย่าง จนกว่าคุณจะบรรลุ จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าน่าทดลองเอาอย่าง จนกระทั่งสุดท้าย มันก็เป็นอย่างนี้แหละ ต้องเป็นอย่างนี้ เมื่อถึงยุคกาล ที่ผู้หญิงมาเยอะแล้วทำงานมาก ที่อธิบายต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่เป็นเรื่อง อจินไตย ยากมากที่จะเข้าใจ
เพราะฉะนั้นจะจบลงที่ตรงประมาทไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครทุกคน ผู้หญิงที่อยู่ก็ประมาทไม่ได้ ผู้ชายที่อยู่ก็ประมาทไม่ได้ ผู้แวดล้อมช่วยกันอยู่ทั้งหมดก็ประมาทไม่ได้ทุกคน ช่วยกันระวัง ระวังทั้งหมู่ ระวังทั้งตัวเอง เพราะฉะนั้นคำว่าไม่ประมาทจึงเป็น อุปกิเลสตัวสุดท้ายของอุปกิเลส 16 ทีเดียว ต้องไม่ประมาท ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นอาตมาทุกวันนี้ก็ต้องไม่ประมาท ทุกคนก็ต้องไม่ประมาท พลาดพลั้งไม่ได้ ชั่ว 1 ที พาให้ดี 100 หนป่น
ชั่วครั้งเดียว ดี ทำมาร้อยหนแหลกลาญหมด ลบล้างไปเลย มันต้องระวังอย่างยิ่ง ประมาทไม่ได้ แม้จะอายุย่างใกล้ 90 แล้วก็ตาม ประมาทไม่ได้ แม้จะบรรลุธรรมเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ตาม ประมาทไม่ได้ อย่าทำเป็นเล่นไป
เพราะฉะนั้นอาตมาจะมี สมณะ อยู่ใกล้เคียงเป็นปัจฉาสมณะ 5 รูปนะ มี ข้างๆจนถึงชิดเลย ตลอดเวลา บางทีเข้าห้องน้ำเข้าด้วย บางครั้งบางคราว ซึ่งจำเป็นต้องช่วยตอนป่วยไง ลากน้ำเกลือเข้าไปด้วย เป็นธรรมดาไม่ได้ประหลาดอะไร ถ้าไม่ป่วยก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
แม้แต่อุจจาระทุกครั้งถ่ายรูปหมดทุกครั้ง แล้วต้องเอามาศึกษามาดู ตลอดเวลา รายละเอียดพวกนี้ ต่างๆนานา อาตมาพูดไปแล้วก็บอกความจริงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่เจตนาดี แต่มันก็ทำให้คนกังวล กลัวว่ามันจะพลาดพลั้งมันจะไม่ดี ก็ต้องขอบคุณผู้ที่กลัว แต่มันมีประโยชน์อย่างที่อาตมาอธิบายไปแล้ว ก็อาจจะยังไม่สมบูรณ์ทั้งหมด แต่ก็คงชัดเจนไปหลายนัยยะ ขอบคุณคนที่ได้แสดงความคิดเห็นต่างๆมา
เจาะใจคอมมูนิสต์ พิชิตประชาธิปไตย
เจาะใจคอมมูนิสต์ พิชิตประชาธิปไตย
ผู้มี “ปัญญา” เท่านั้น จะเจาะกะเปาะไข่ของอวิชชาออกมาได้
หัวเจาะของปัญญาคือ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
คอมมูนิสต์คือเปลือกไข่ ปัญญาคือหัวเจาะ
ดังนั้น ผู้สามารถทำพุทธพจน์ 7 นั้นให้เกิดจริงเป็นจริงได้สำเร็จ ก็คือ ผู้มี “ปัญญา” เท่านั้น จะเจาะกะเปาะไข่ของอวิชชาออกมาได้ ….
ความสำคัญคือปัญญาและหัวเจาะ
หัวเจาะมี 7 หัว สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
ประชาธิปไตยรวมหมดทั้งไก่ที่จะเจาะออกมา และไก่ข้างนอกด้วย ไก่ข้างในมีหัวเจาะ 7 หัวนี้เจาะออกมาได้ จึงเป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่
พูดนี้ไม่ได้พูดเพื่อให้แตกแยก แต่ไม่ได้พูดเพื่อข่ม เอาประชาธิปไตยมาข่มไม่ใช่
ประชาธิปไตย นี่ มันมี ประชา กับ อธิปไตย
ประชาคือคน อธิปไตยคือพลังงาน ประชาธิปไตย คือพลังงานหรืออำนาจของคน เป็นภาวะ 2
อำนาจคนองค์รวมเรียกอำนาจของ ประชาชน แล้วมีทั้งอำนาจของแต่ละคน
อำนาจของแต่ละคน 1. อำนาจของสมบูรณาญาสิทธิราชย์
-
อำนาจของคอมมิวนิสต์
-
อำนาจของประชาธิปไตย
คำว่าประชาธิปไตย มี 3 แบบง่ายๆ
-
ประชาธิปไตยขาเดียว
-
ประชาธิปไตย 2 ขา
-
ประชาธิปไตยทุนนิยม
เอาตัวอย่างประเทศ ซึ่งไม่ได้ยกมาเพื่อข่มไม่ชมหรือตำหนิ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนหรือข่มอะไร และไม่ใช่ยกย่องชมเชยแต่พูดถึงวิชาการทางธรรมะ อธิบายสาธยาย
ขอยกตัวอย่างประเทศ อย่างน้อย 5 ประเทศ
-
อินเดีย
-
จีน
-
สหรัฐอเมริกา
-
เกาหลีเหนือ
-
ประเทศไทย
เป็นเรื่อง phenomenology ปรากฏการณ์วิทยาเหนือชั้นกว่าปรัชญา philosophy เหนือชั้นกว่าญาณวิทยา epistemology
ปรากฏการณ์วิทยาเป็นสิ่งเกิดจริงมีจริงยืนยันของจริงให้ศึกษาได้ มีทั้งรูปทั้งนาม มีรายละเอียดองค์รวมทั้งเดี่ยวและรวมทั้งหมด ศึกษากันดีๆก็ได้ประโยชน์และความรู้ ความจริง
ขอขยายความอีกนิดหน่อยอินเดียกับจีน คู่หนึ่ง เป็นเรื่องของศรัทธากับปัญญา แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริง ทุกวันนี้ประเทศจีนก็ตามยังไม่ใช่ปัญญาแท้ๆ แต่เริ่มจะศึกษาเข้าไปมีปัญญาเป็นลำดับ ส่วนอินเดียเป็นสายศรัทธา เจโตเต็มรูป จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังเจโต ศรัทธาเต็มรูปและในโลกมหาจักรวาลเอกภพ ศรัทธาเป็นแกนของมนุษยชาติ
ในศรัทธามีอวิชชา แล้วจะขยายเป็นความรู้ ตั้งแต่ความรู้โลกียะแล้วไปเป็นความรู้โลกุตระ เมื่อไปถึงที่สุดแห่งความรู้โลกุตระก็จบ ฟังดีๆฟังง่ายๆ
อินเดียเป็นตัวแทนของจิตของศรัทธา จีนเป็นตัวแทนของปัญญาของความรู้ ทุกวันนี้เขาเป็นตัวอย่างได้ดีไม่น้อย มวลชนส่วนรวมก็ใช้ได้ สงบ เจริญ อุดมสมบูรณ์ ไม่เดือดไม่ร้อน ทั้งในเชิงความรู้ ในเชิงพัฒนาการทางวัตถุ หรือความเจริญทางจิตวิญญาณองค์รวมก็ได้คะแนนดีไม่น้อย
องค์รวมเขามีประชากรเยอะปริมาณมาก แล้วมีโลกุตระธรรมไหม มี โลกุตรธรรมคือ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ จีนทุกวันนี้ เอกีภาวะเป็นปึกแผ่นแน่นหนา เขารู้ว่ารวมกันไม่พยายามให้ใครมาตีแตก เขาเหนียวแน่นได้ดี สามัคคีกัน มีพฤติกรรม แม้จะมีจิตที่มีความเห็นต่าง เขาก็รวมกันได้อย่างกลมกลืนสามัคคี เขาอาจจะมีความขัดแย้งกัน แต่ไม่ถึงขั้นมีรูปของการทะเลาะวิวาทกัน
เพราะฉะนั้นจีนยังไม่มีสงคราม แม้จะทะเลาะกันในระดับตาลีบันก็ไม่มาก อย่าว่าแต่ตาลีบันเลย ขนาดประเทศไทยจีนก็ไม่มี ที่จริงในประเทศไทยไม่ได้ทะเลาะกันหรอก แต่มันมีหมาน้อยเห่าอยู่ ซึ่งมันเป็นตามธรรมชาติห้ามมันไม่ได้มันเป็นอวิชชา ไม่รู้เรื่องก็ทำไปตามจริง เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจอะไร เขาก็จัดการกันไป แล้วก็จัดการได้ดี อาตมาก็ขอชม ว่ายังรักษาสถานะความเป็นประชาธิปไตยที่ใช้ความสงบสยบความรุนแรงได้ดี ประเทศไทยก็ทำได้ดี อันนี้แหละล่อแหลม ประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่สวยงามมาก เพราะว่ามันล่อแหลม แต่ก็อย่าประมาทเท่านั้นเอง จะพูดว่าไม่น่ากลัวก็จะประมาทไป ซึ่งไม่น่ากลัวหรอก แต่อย่าพูดเลย ให้พูดว่าอย่าประมาท เท่านั้นเอง ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอก
ก็ต้องขอชมพวก 3 กีบ พวกหมาน้อยเห่าบ๊องๆ เขาก็พยายามรักษาความสงบ ยึดความสงบ แต่มันสุดวิสัยก็เลยละเมิดกัน มีคดีมีการจับเป็นหลักฐานกันอยู่ มันทำเกินขอบเขตไป เดี๋ยวตุลาการเขาก็จัดการวินิจฉัยขึ้นมาเอง เดี๋ยวก็รู้
สิ่งนี้เป็นหลักฐานเป็นปรากฏการณ์ความจริงของโลกทั้งนั้นเลย เขาก็ใส่ความว่าตุลาการลำเอียงตัดสินไม่ถูกตรง ก็แน่นอนเพราะไม่เข้าข้างตัวเอง แต่ผู้เป็นกลางจะมองเห็นว่า มันพอดีลงตัวดีที่สุดหรือยังยุติธรรมดีหรือยัง เขาจะดูเอง
เมืองไทยเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นประชาธิปไตยโลกุตระ นักรัฐศาสตร์ก็ต้องศึกษาสิ่งเหล่านี้ อาตมาเอาจากไหนมาพูด อาตมาต้องขอพูด ถ้าไม่พูดก็ไม่มีหลักฐาน หลักฐานอาตมานั้นยาก อาตมาเคยเป็นนักบริหารมาก่อนไม่รู้กี่ชาติแล้ว เป็นนักบริหารระดับสูงของประเทศ ของรัฐ ของเผ่ามาแล้วด้วย เพราะฉะนั้นจึงมีความจริงนี่มาเอามาพูด ไม่ใช่เอามาจากตำราไหน แต่เป็นความจริงที่เป็นตำราอันเป็นโลกุตรธรรม ที่อาตมาสืบทอดมา ก็มีความรู้ประมาณนี้ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7
คุณจะได้เข้าใจว่าโพธิสัตว์มีนัยยะลึกซึ้งอะไรบ้าง ระดับ 4 ระดับ 5 6 7 8 จนถึงระดับ 9 ก็เป็นพระพุทธเจ้า จะได้เข้าใจนัยยะธรรมะที่เป็นโลกุตระธรรมลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์
ประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์
อเมริกากับเกาหลีเหนือ หรือจะมีอีกคู่หนึ่งก็คืออังกฤษกับไทย หรือไทยกับภูฏาน 2 อันหลังนี้ยังไม่เอา มาเอาสหรัฐอเมริกากับเกาหลีเหนือก่อน
สหรัฐ แน่นอนเขายืนยันว่าเขาเป็นประชาธิปไตย 100% เป็นมหาอำนาจของโลกใหญ่ยิ่ง จริงจัง ชัดเจนตามความคิดของเขา ซึ่งในความคิดของคำว่าประชาธิปไตยนี้ เขาก็แยกไปเป็นประชาธิปไตยขาเดียวแล้ว ซึ่งมันผิดธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์ไม่ใช่สภาวะหนึ่งเดียว มนุษย์ต้องเป็นสภาวะ 2 เพราะต้องมีรูปนาม ต้องมีกายมีจิต มนุษย์เป็นเทวะหรือมนุสโส คือมนุษย์ผู้เจริญก็มีเทวะ จะต้องมี 2 เป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ ไม่เป็นหนึ่งก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยด้วย
เอาง่ายๆว่า อเมริกานี้บอกว่าเป็นประชาธิปไตยขาเดียวมันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว เพราะฉะนั้นความพยายามของประชาธิปไตยขาเดียว ในทุกประเทศ สหรัฐอเมริกาเป็นต้น
จริง ที่มีบัญญัติว่าเขามีฝ่ายค้าน แต่คุณก็พยายามสร้างค่ายกลอำนาจตำแหน่งหรืออะไรต่างๆเป็นค่ายกลเหมือนหนังจีน เพื่อที่จะให้ตัวเองมีอำนาจบาตรใหญ่ จิตลึกๆของประธานาธิบดีอเมริกา ลึกๆ ของผู้อวิชชา 100% เช่น โดนัลด์ทรัมป์ เป็นต้น ที่เป็นตัวอย่างในยุคนี้ นั่นแหละคือหนึ่งเดียวๆๆๆ
ถ้าแกใหญ่หนึ่งเดียวได้ โดยไม่คำนึงว่าเขาจะว่าฉันเป็นเผด็จการ แกก็กลัวตรงนี้เท่านั้น แต่ด้วยความต้องการลึกๆของโดนัลด์ทรัมป์ แกต้องการเป็นเผด็จการหนึ่งเดียว เหมือนสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ให้ทุกคนเป็นทาสเลย แกต้องการอย่างนั้น แต่ความรู้ของรัฐศาสตร์ประชาธิปไตย มันจะต้องมีฝ่ายค้านจะต้องเห็นแก่ส่วนรวม เขาก็เลยจำนนเท่านั้นเอง แต่จิตลึกๆนั้นถ้าเกิดสามารถเผด็จการสุดยอดได้ แกจะเป็นเผด็จการสุดยอดยิ่งกว่าฮิตเลอร์ หรือมุสโสลินี แกจะยิ่งใหญ่อย่างนั้น
เทียบคอมมิวนิสต์เป็นหนึ่งเดียวยิ่งใหญ่ด้วยสั่งฆ่าใครก็ได้ เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แล้วก็สืบทอดตระกูล ทั้งๆที่ตระกูลก็ไม่ยืนยาว มีไม่กี่เจนเนอเรชั่น คิมจองอึนเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ก็เห็นรูปรอยแล้วว่าเป็นเผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แล้วเขาจะต้องเป็นอย่างนั้น ให้จัดจ้านที่สุด เพราะฉะนั้นในโลกจึงเหลือหย่อมเดียวที่เป็นคอมมิวนิสต์ 100% ตรงนี้
ทีนี้มาคอมมิวนิสต์แปลง อาตมาจะไม่ลงรายละเอียดแม้ที่สุดจีนก็เป็นคอมมิวนิสต์แปลง คอมมิวนิสต์แก้ แก้มาหา ประชาธิปไตย แต่เขาก็ไม่วายจะมีทุนนิยมอยู่ในจีนอยู่นั่นเอง เพราะเขาจะไม่เข้าใจ เขาอาจจะมีความเข้าใจบ้างแต่เข้าใจไม่สุด สีจิ้นผิงยังไม่ถึงขนาดในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีความเข้าใจ ว่าต้องมาจน คอมมิวนิสต์จะไม่กล้าพูด แต่ทุกวันนี้ดีที่คอมมิวนิสต์เขาทำให้เกิดความเข้าใจในการใช้มวลพลังงานของประชากร ทั้งประเทศ ให้มีความขยัน ให้มีความรู้มีความสามารถมีวิชาการ สร้างสรรค์ขึ้นมาได้
ผลผลิตต่างๆจึงเหลือ จึงเก่ง ช่วยตัวเองรอดไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น คนมากเขาก็ควบคุมได้สามารถทำให้คนเข้าใจได้ เพราะบทเรียนของเขาเป็นประเทศเก่าแก่ สะสมองค์ความรู้เป็นทางรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ มานานมาก เหมือนอินเดีย แต่อินเดียยังไม่ค่อยกระเตื้องเข้ามาหาโลกนอกเท่าไร จึงอยู่อย่างนั้น เมื่อเปรียบเทียบอินเดียกับจีนจึงเห็นได้ง่าย แทบทุกด้าน เพราะมวลมันโต พฤติกรรมมันชัด
ลองมาเปรียบเทียบจีนกับไทย
ไทย อาตมาบอกแล้วว่าไม่ว่า รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ไทยมีคุณสมบัติเป็นโลกุตรธรรม ซึ่งโลกุตรธรรม คือเป็นลัทธิ เป็นศาสนา เป็นธรรมะ ที่เรียนรู้เข้าไปถึงจิต เจตสิกรูป นิพพาน เรียนรู้เข้าไปถึงจิตละเอียดมากจนละเอียดสมบูรณ์สัมบูรณ์ ทุกวันนี้ก็อยู่ในฐานสัมบูรณ์ สัมบูรณ์คือ อย่างน้อยเป็นอรหันต์ ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานให้แก่ตัวเองได้ หมดตัวตนได้รับใช้ผู้อื่นได้ นี่คือ 3 ประเด็นหลักของประชาธิปไตย
หมดตัวตน รับใช้ผู้อื่น พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
สรุปอีกทีว่า คอมมิวนิสต์ ยังไม่ใช่ความสมบูรณ์ในระบอบการบริหาร ประชาธิปไตยจึงจะสมบูรณ์ในการบริหาร การอภิบาลปกครอง และคงจะไม่ลืมนะว่า ต้องประชาธิปไตยสองขา ต้องมีทั้งรูปและนาม มีกายและจิต ต้องมีกษัตริย์และประชาชน เป็นราชประชาสมาสัยอย่างได้สัดส่วน
เพราะฉะนั้นคุณสมบัติคุณธรรมต่างๆที่ได้กล่าวไปนี้ เรียกได้ว่าเป็นคุณวิเศษ ไทยมีแล้ว ในทางรัฐศาสตร์ เป็นประชาธิปไตยที่เป็นโลกุตระ ที่ถึงขั้น สาธารณโภคี
สาธารณโภคีคืออะไร ก็คือคอมมูน คือคอมมิวนิสต์ ที่ประเทศคอมมิวนิสต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคาร์ลมาร์กซ์ เลนิน เหมา ก็ตาม พยายามที่จะทำ ความเป็นคอมมิวนิสต์
แต่ คอมมิวนิสต์มีภาวะของการข่ม command บังคับ ไม่อิสรเสรีภาพแท้ แต่ประชาธิปไตยมีอิสรเสรีภาพสมบูรณ์ แม้แต่ทางธรรมะ เทวนิยมก็ไม่ใช่อิสระ สมบูรณ์ เทวนิยมก็เป็นทาสของพระเจ้า พระเจ้าเป็นนาย ประชาชนที่เป็นบริวารของพระเจ้าคือ ทาสผู้ปล่อยไม่ไป ลึกลับอยู่อย่างนั้นแต่เขาก็ไม่รู้ตัว เพราะมันเป็นโลกียธรรมไม่ใช่โลกุตรธรรม นั้นแตกต่างกัน
โลกียธรรมนั้นไม่รู้เรื่องของตัวตน อัตตา เอามาตีแตกแยกแยะก็ไม่ได้ไม่รู้เรื่อง แม้แต่ในตัวของตัวเอง ของศาสดาทางเทวนิยม ทุกประเทศ ในทุกลัทธิของเทวนิยม ก็ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพานของตัวเอง เพราะฉะนั้นจะให้แยกเป็นเวทนา 108 นั้นเมินเสียเถิดไม่มีทางรู้เรื่อง ไม่มีทางรู้กิเลส ไม่มีวิธีกำจัดกิเลส กิเลสหมดไม่ได้ แม้แต่ในชาวพุทธเองที่เป็นโลกุตระ หลายประเทศไม่มีสัมมาทิฏฐิ เดี๋ยวนี้ก็ยังหาสัมมาทิฏฐิยากในประเทศที่เป็นพุทธ รอบๆเมืองไทย ก็ยังยาก ก็เริ่มๆมีบ้าง เขาจะมาเอาจาก ประเทศไทย จากผู้ที่มีโลกุตรธรรมแท้จึงจะมีประชาธิปไตยที่ถึงขั้นสาธารณโภคี
ประชาธิปไตยสุดยอดนั้น ไม่ได้แบ่งแยกคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย แต่เอาคอมมิวนิสต์มาด้วย แล้วก็มีพฤติกรรมของคอมมิวนิสต์ สมบูรณ์แบบกว่าชาวคอมมิวนิสต์เอง ถึงขั้นสาธารณโภคี สาธารณโภคีนั้นบอกแล้วว่ามันเป็นแบบคอมมิวนิสต์ เป็นองค์รวม ทรัพย์สมบัติทุกอย่างรวมเป็นกองกลาง ทุกคนมีสิทธิ์ในอันนี้ กินใช้ และทุกคนกินใช้อย่างจิตสูง ไม่ได้ตะกละตะกลาม ไม่มีกิเลสโลภโมโทสัน มันจะมีกิเลสบำเรอตัวเองจะโลภโมโทสันก็ลดให้ได้จนเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์แล้วไม่ต้องบำเรอตัวเองไม่ต้องโลภโมโทสันไม่ต้องเห็นแก่ได้ มีแต่สร้างสรรค์เอามาใส่กองกลาง กองกลางอุดมสมบูรณ์มีเหลือ
เพราะพลังงานของคนหนึ่งคนมีการทำงานและเกิดผลผลิตทางความคิด ทางวัตถุมากพอ รู้ด้วยว่าจะไม่ผลิตสิ่งที่เลวร้าย ผลิตแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษ ให้เหลือเฟือเอาไปเกื้อกูลผู้อื่นจึงเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลก พูดได้ถึงอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตย 2 ขาครบ โดยเฉพาะประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ กษัตริย์คือตัวแทนของจิตวิญญาณ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกาย ต้องไปฟังเพลง ประเทศคือชีวิต ที่อาตมาแต่ง
ที่แต่งเพลงประเทศคือชีวิต แต่งตอนที่เขาจัดประกวดเพลงมาร์ชของกรมประชาสัมพันธ์ ตอนนั้นยังอายุไม่ถึง 20 ปีดี จำไม่ได้แล้ว แต่งตอนพ.ศ.ไหน แต่ยังจำได้ว่า เพลงนี้ให้วงดนตรีประสานมิตรเล่นบรรเลง อัดประกวดแข่ง ก็ต้องแพ้เขา เพราะเราโนเนมเป็นเด็กด้วย คนชนะคือมนัส รามโยธิน ของคนในกรมประชาสัมพันธ์เองชนะ
เพราะฉะนั้น เรื่องของประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ที่กำลังแปลงกายก็คือจีน แปลงกายมาเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย 100% แต่พฤติการณ์ก็พยายามทำให้เป็นประชาธิปไตย ลึกๆเขาจะรู้หรือไม่รู้ อาตมาไม่แน่ใจว่า สีจิ้นผิงจะรู้หรือไม่รู้ แต่เขาก็พอเข้าใจแล้วด้วยหลักว่า นัยยะสำคัญของความเป็นมวลมนุษยชาติสังคม แม้จะเป็นตัวอย่างของแต่ละประเทศ ประเทศไทยเขาก็ต้องศึกษา แต่คำสอนคำอธิบายประชาธิปไตยโลกุตระของอาตมายังไม่ตีพิมพ์ ยังไม่ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน เลย
สีจิ้นผิงอาจจะเข้าใจบ้าง แปลอยู่ใน Google YouTube ก็ไปลงไว้บ้างไม่รู้จะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่รู้ ถ้าอ่านตามศึกษาบ้างก็ได้เข้าใจตามสำนวน google ไป ยังไม่แพร่หลาย เพราะคนยังไม่เห็นความสำคัญในความสำคัญ อาตมาไม่ได้พูดต่อรองหรือหลงตัวเองว่าดีจะต้องเอาแต่ของฉันในเชิงเดียว แต่รู้กาละเทศะของมัน ว่ามันค่อยๆเดินทางไป ยังไม่เร็วไวได้ง่ายหรอก หากว่าเร็วไวมันก็จะหลวมฟ่าม อาตมาก็ไม่ต้องการแบบจำบ่ม สุกก่อนห่าม ไม่อยากให้เป็นหรอก ดอกไม้มันจะบานก็บานของมันเอง จะไปจับให้มันบานมันก็เหี่ยวเฉาหมด ผลไม้มันต้องค่อยๆสุกไม่ต้องไปจำบ่ม ไม่ต้องรีบให้มันสุกด้วยวิธีการอย่างนั้นมันไม่สมบูรณ์ พวกนี้ค่อยๆเป็นไปของสังคมแต่ละประเทศ
สรุปอีกทีตรงนี้ว่า คอมมิวนิสต์ ยังมีลักษณะการ ข่ม บังคับ ส่วนประชาธิปไตยนั้นอิสระ แน่นอนยังไม่สมบูรณ์ แต่ประชาธิปไตยโลกุตรธรรมนั้นสมบูรณ์ ที่สมบูรณ์แบบได้เพราะจิตเป็นประธาน มีจิตที่ล้างตัวตน ล้างความเห็นแก่ตัวตน เห็นแก่พวกหมู่ แก่คณะ แม้แต่เห็นแก่ประเทศ ก็ไม่ได้เห็นแก่แม้แต่ประเทศของตน แต่ก็รู้ขนาดว่า ควรจะอะไรก่อนหลัง ต้องสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ ต้องสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม มันมีขั้นตอน ชัดเจนทั้งหมดคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทำตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าทุกอย่างเลย เป็นการพูดนำเพื่อให้เข้าใจและตามพิสูจน์ อาตมาไม่ตกใจหรอกว่า พวกเราชาวอโศกนี้จะทำให้อาตมาหน้าแตก อาตมาไม่ตกใจ เพราะว่าอาตมาพาทำตามคำสอนพระพุทธเจ้า แล้วก็เกิดจิตเป็นประธาน มาเรื่อยๆ จนเกิดสภาพพวกนี้ โดยเฉพาะไม่ใช่อาตมาเก่ง แต่เนื้อแท้ของชาวไทย เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิดประเทศไทย คือมีอนุสัยของโลกุตรธรรมมาแล้ว มีเชื้อโลกุตรธรรมมาแต่ก่อน
หัวเจาะทั้ง 7 ของประชาธิปไตยโลกุตระ
ขอพูดเรื่องอจินไตยหน่อยยุคก่อนๆอาตมาก็ได้นำพาโลกุตระ แต่พยัญชนะภาษายังขยายไม่ได้มาก เหมือนในยุคพระพุทธเจ้าไม่สามารถขยายสาธารณโภคีไปได้เพราะเหตุปัจจัยไม่พร้อมพอก็ทำไม่ได้ จนมาถึงในยุคนี้ นานมา 700-800 ปี มาถึงขณะนี้ อาตมาก็นำพาเอาประชาธิปไตยที่เป็นโลกุตรธรรม ออกมาพยายามจนเต็มสภาพได้ เกินกว่าพระพุทธเจ้าอาตมาไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้าแต่ในยุคพระพุทธเจ้านั้นมีข้อจำกัด ในยุคนี้แต่ละคนรู้จักสิทธิมนุษยชนทั้งโลกและตัวบุคคล จนใช้สิทธิมนุษย์เกินตัว เพราะฉะนั้นจึงทำได้อย่างเต็มที่สมบูรณ์แบบ
พระพุทธเจ้าท่านเจาะลึกลงไป ในความเป็นสภาพทั้ง 7 ของพุทธพจน์ 7 หัวเจาะทั้ง 7 หัว คุณสมบัติของวรรณะ 9 ก็ตาม ซึ่งลักษณะวรรณะ 9 นั้นกว้างกว่าหัวเจาะทั้ง 7 หัวนี้ วรรณะ 9 ยังไม่พูดถึงพูดถึงหัวเจาะ7
ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นโลกุตรธรรมด้วย ส่วนจะมี Error ก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของมนุษยชาติ นิดๆหน่อยๆในบางยุคสมัย ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกที่เป็นความสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อรู้กันแล้วเข้าใจแล้ว ก็เป็นคนตื่นรู้ เป็นความรักที่ระเบิดออกมา Bomb of love ไม่ใช่ระเบิดแบบทำลาย แต่เป็นความไม่มีตัวตนเป็นการรับใช้ประชาชนอย่างยิ่งใหญ่ อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 คนไทยมีดวงตาได้เห็น ถึงเกิดลักษณะ เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต พรึ่บ คนไทยร้องไห้กันทั้งประเทศ มารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกันหมดเลย
ซึ่งอาตมาก็ยังอธิบายไม่ค่อยเก่งเป็นความลึกซึ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้แต่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ก็ได้เขียนพยากรณ์ไว้ให้ลูกสาว ว่าต่อไปจะมีระเบิดแห่งความรัก ซึ่งไอสไตน์เองเป็นตัวต้นตอระเบิดยิ่งใหญ่ทางวัตถุ แต่นี่เป็นระเบิดทางสันติ ไม่ใช่ระเบิดทางทำลาย แต่แกก็เสียใจที่เขาเอาระเบิดไปใช้ทางทำลายกัน แต่ก็เอาไปใช้ทางสันติไม่น้อยเขาก็เอาไปใช E=MC2
ผู้ใดที่สามารถรู้จัก สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
สังคหะเป็นตัวกลาง ส่วนสามแรกกับสามหลัง
ระลึกถึงกัน รักกัน เคารพกัน
ถ้าหากระลึกถึงกันแค่คนสองคน ก็เป็นความรักมิติที่ต่ำที่สุด ไม่ขอลงรายละเอียดของความรัก 10 มิติ ระลึกถึงกันก็ไม่ใช่ระลึกถึงแค่คนเดียว แต่คนที่ควรระลึกถึงก็ควรระลึก ใครหนอรักเราเท่าชีวี เป็นต้น
พระพุทธเจ้าเช้าขึ้นมาก็นึกถึงใครที่ควรระลึกถึง จะไปโปรด เอาที่เหมาะสมที่ควรในกาละนี้มีใคร อย่างนี้เป็นต้น
ปิยกรณะ เป็นความรักที่มีมิติสูงส่งขึ้นเป็นมิติที่ 7 ขึ้นไป รักมวลมนุษยชาติ จนกระทั่งรักอย่างมีมิติของคุณธรรมโลกุตระ แบบพุทธเป็นมิติที่ 8 มิติที่ 9 ก็เป็นมิติสูงสุดของโพธิสัตวภูมิ พุทธภูมิ
คุรุกรณะ เคารพกัน คารวะกัน มันมีปัญญาประกอบกันอย่างลึกซึ้ง หากไปเคารพคนผิดๆ เคารพโจร เคารพคนทำลายทำเลวร้าย เคารพคนที่ดีขึ้นมา จนกระทั่งถึงขั้นเคารพคนที่มีคุณธรรมโลกุตระ ก็จะมีปัญญาเข้าไปเป็นตัวประกอบทั้งนั้น รักก็ตาม เคารพก็ตาม ระลึกถึงก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวปัญญาเข้าไปแทรกแซงอยู่ในนั้นทั้งหมดเลย
สรุปอีกว่า คอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยเป็นคู่ 2
สมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือเผด็จการ ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เอาคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยมาเป็นคู่
ตอนนี้ อินเดียก็เรียกว่าประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่ยังน้อยปัญญา ต้องขออภัยที่พูดอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมนุษยชาติ การบริหาร องค์รวมของสังคม เศรษฐกิจก็ตาม ก็ยังอยู่อย่างนั้น
เพราะฉะนั้น เอาประเทศไทยเป็นตัวอย่าง ประเทศไทยเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียอาคเนย์ ประเทศไทยเป็นโซนที่ อยู่กลางศูนย์สูตรที่สุด ซึ่งมีอยู่หลายประเทศ ที่อยู่โซนกลางศูนย์สูตร เพราะฉะนั้นจะบริบูรณ์ทั้งรูปและนาม จะสมบูรณ์ทั้งรูปและนาม โดยเฉพาะทางนาม แม้แต่รูป เราจะผลิตสิ่งที่จำเป็นคืออาหาร เพราะเราอยู่ในโซนที่ดีที่สุด ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพม่าญวนลาว ก็อยู่ในโซนเดียวกัน แต่ประเทศไทยนี้ นำหน้าคนอื่น คนอาจจะมองว่าสู้เวียดนามไม่ได้ ก็จะไม่ลงรายละเอียดเวียดนามกับไทย แต่พม่านี้พอเห็นได้ ประเทศลาวก็มีคนน้อย ก็พอเทียบเคียงกับประเทศอื่นได้
แต่ไทยนี่แหละ ถ้าผู้ที่มีปัญญาของประเทศอื่น ผู้บริหารประเทศอื่น ก็จะเข้าใจมองออกว่า สมมุติประเทศไทย เวียดนาม พม่า น่าจะเลือกเอาประเทศไหน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทางวัตถุ ทรัพยากรทางจิตวิญญาณ ทรัพยากรทางคุณธรรม เขาก็จะพอมองออกกัน เขาก็จะเลือก โดยเฉพาะทรัพยากรทางคุณธรรม นำอะไรทั้งหมด เป็นประธานทุกอย่าง อันนี้เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเลย จิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง
ถ้าจิตวิญญาณเป็นโลกุตรจิตก็จะมีปัญญา 8 ก็จะรู้รายละเอียดทั้งหมด จากหลักเกณฑ์ของ 8 ข้อ
เอาข้อที่ 8 มาขยายความ ข้อที่ 8 ของปัญญาเป็นความรู้ที่รู้ 1. รู้ถึงความดีความชั่ว รู้ถึงโทษภัย รู้ถึงความเกิดความดับ รู้คุณและโทษ
คุณโทษ ดีชั่ว เป็นเรื่องของโลกีย์ ความเกิด ความดับ เป็นเรื่องโลกุตระ โลกียะไม่รู้เรื่องความเกิดความดับ ทำความเกิดความดับไม่สมบูรณ์แบบ เทวนิยมหรือโลกียะทำไม่ได้ แต่โลกุตรธรรมทำได้บริบูรณ์ ให้เกิดอย่างเป็นอมตะบุคคลได้ สุดท้ายไม่เป็นอมตะบุคคล ลงไปปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ พิสูจน์ความเป็นจิตวิญญาณเลยว่าอนัตตา ไม่มีพระเจ้ามาควบคุมได้เลย สลายธาตุตัวเองออกไปเป็นดินน้ำไฟลมได้ จบหมดเลย อาตมาก็ได้อธิบายมามากมายแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อสามารถปฏิบัติธรรมตามธรรมพระพุทธเจ้ามา อย่างถูกต้องตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีตะปุ่มตะป่ำ แต่ราบเรียบเหมือนฝั่งทะเล คุณจะรู้อะไรเรียบร้อยละเอียดมากเลย แต่มันยาก แม้แต่อาตมาก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ก็ตะปุ่มตะป่ำวกไปวนมาบ้างนิดหน่อย ขนาดอาตมาสายปัญญาตรงนะ ยังไม่ง่าย อาตมายอมรับว่าอาตมาไม่ได้เรียบร้อยเหมือนฝั่งทะเลมาตลอด แต่ก็ได้ดีพอสมควร
สรุปจบ สำหรับวันนี้ก็คือ เวลาหมดลง คอมมิวนิสต์นั้นคือเปลือกไข่ ปัญญานั้นคือหัวเจาะ โดยเฉพาะมีหัวเจาะถึง 7 หัว แล้วหัวเจาะทั้ง 7 หัวจะได้ขยายความเป็นภาษาให้ฟังให้มากขึ้น มีคุณลักษณะอย่างไร จึงต้องใช้หัวเจาะตั้ง 7 หัว
หัวเจาะ 7 หัวนี้ เจาะ.. ท่านเทียบแค่กะเปาะไข่ แต่มันเป็นกรอบที่ใหญ่ที่เหนียวแน่นแข็งแรงเจาะออกยากมาก เจาะออกไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นถ้าไม่เรียนจริงๆแล้วไม่สามารถที่จะทำให้กะเปาะนี้ บางละเอียดลงไปเหมือนกะเปาะไข่แล้วจะออกมาได้ง่าย มันจะกลายเป็นเกราะที่ห้อมล้อมไว้ยังแข็งแรงมาก ยิ่งกว่าภูเขาใหญ่ คนอยู่ในกลางภูเขาจะเจาะออกมาได้ไม่รู้กี่ชั้น ยาก
กว่าจะสามารถทำให้ทุกอย่างลงตัวดีงามเหลือแต่เปลือกไข่ ก็ไม่ง่าย คนที่เจาะออกมาได้ก่อน เป็นไก่ตัวพี่ จะเจาะออกมาได้ก่อน ไก่ตัวอื่นยังเจาะออกมาไม่ได้ ไก่ที่จะออกมาได้ก่อนจึงเป็นไก่ตัวพี่ ไก่ตัวเป้ง พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบตัวท่านว่าเป็นไก่ตัวพี่ อาตมาในยุคนี้ก็เอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง ใครฟังไม่ศรัทธาก็จะหมั่นไส้ เป็นเรื่องจริงที่ยิ่งใหญ่
จบ