640804_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 5
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1_rzUUNjLlYF2xMRIJqnNKpfpZ7_3ZQ6r5CQ5MGo9GK0/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/7ah4sg_3Nn/
สมณะฟ้าไท… วันนี้เป็นวันพุธที่ 4 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก สถานการณ์โควิดตอนนี้ระบาดไปทั่ว คนต้องหันมาพึ่งพาตนเอง ไทยเราก็ใช้สมุนไพรต้มกิน ก็หายกันได้มากมาย ตามที่มีรายงานในอินเตอร์เน็ต ราชธานีอโศกเรามีสมุนไพรมากมาย เช่น ตะไคร้ ข่า ขิง กระชาย ฟ้าทะลายโจร
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 2-3 ส.ค. 2564
_Mam Swiss (แหม่ม สวิส) : วันนี้ดูจากรายการตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง พ่อครูดูเหมือนมีความสดชื่นแจ่มใสเป็นพิเศษ สาธุ? น้อมกราบนมัสการค่ะ
_Gd : กราบนมัสการครับ Fa เงินทองเป็นของมายา..แล้วเมื่อไหร่คนจะมองเห็นพืชพันธัญญาหารเป็นของจริง
พ่อครูว่า…ผู้มุ่งมั่นศึกษาธรรมะจริงๆ ก็จะได้ เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นฉีกหน้าโลกียะจริง เรียนรู้ไส้สัมมาทิฏฐิ คุณจะเห็นเรื่องมายา เงินทองก็เป็นมายา จนกระทั่งละเอียดไปถึงที่สุด ก็จะเห็นว่า ทุกอย่างมันเป็นมายาหลอกเราทั้งนั้น ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นในอะไร
แต่ถ้าเราสามารถรู้จักกาละเทศะสถานะ แล้วใช้อาศัยสิ่งสมมุตินี่แหละ รู้แจ้งจริงไม่ได้ถูกสิ่งสมมุติหรอก เราก็อาศัยสิ่งสมมุตินั้นในแต่ละปัจจุบันได้ นี่คือตัวสำคัญ บทสรุปของผู้มีชีวิตที่ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในอะไร และรู้ว่าอะไรต้องอาศัยกันไป
ยุคสมัยที่ยากแก่การบริหารบ้านเมือง
_สถานีวิทยุ เสียงธรรมร่วมใจ : บ้านเมืองในยุคนี้ “ตำรวจ-อัยการ-ศาล” ใช้เมตตาธรรม-เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ นำหน้ากฎหมายบ้านเมืองกับม๊อบผู้ชุมนุม เป็นความสวยงามมาก เจ้าหน้าที่ต้องอดทนสูงมากครับ
พ่อครูว่า…คนที่มีดวงตาก็มองออก อ่านเห็นเป็นความจริงตามที่สะท้อนมา จริงอาตมาก็เห็นอย่างนั้น ทุกวันนี้ ผู้ที่อยู่ในฐานะทำงานกับมวลประชาชน ทำงานอย่างหนักหนาสาหัส ทั้งภัยโควิด ทั้งภัยบ้านเมือง เรื่องกระแสต่างๆ ไม่ว่ากระแสเศรษฐกิจ สังคม กระแสสัจจะที่ไม่เป็นสัจจะมันรวนเรไป ก็พยายาม มันไม่เที่ยง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถบริหารอภิบาลปกครองกันให้ดี
ซึ่งก็เป็นภาวะที่หนัก เป็นความเสื่อมจัด ความเสื่อมจัดคืออะไร คือผู้ที่เคยครองอำนาจว่าเป็นผู้นำโลก เช่น อเมริกาเป็นต้น กำลังจะเสื่อมหนัก ที่จริงได้เสื่อมหนักลงไปแล้ว แต่เขาก็พยายามที่จะประคองตนเอง รักษาสถานะตนเองด้วยความรู้เท่าที่เขามี
นัยยะสำคัญของ 1.เรื่องมนุษยชาติหรือสังคมมันต้องมีสภาพ 2 ที่ภาษาบาลีว่า เทวฺ อยู่อย่างนั้นตลอดกาลนี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก เป็นความรู้ที่สุดยอดมาก ผู้ที่รู้ใน เทวฺ เข้าใจ เทวฺ แล้วสามารถอยู่กับ เทวฺ มีปฏิภาณปัญญาหรือว่าต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง เปรียบเทียบกันได้ว่าอันหนึ่งต้องเด่น อีกอันหนึ่งต้องเป็นรองไม่เด่น หรืออันนึงดีอีกอันหนึ่งต้องไม่ดี อย่างนี้เป็นต้น
และรู้ว่าสองนี้ก็ไม่ได้อยู่ยั่งยืนถาวรมันเป็นเพียงสังขารธรรมตามเหตุปัจจัย และรู้ว่าเหตุของจิตวิญญาณที่เป็นประธาน สามารถปล่อยวาง สามารถสร้างพลังงานที่เป็นตัวเชื่อมตัวรักษา ทำให้มันเจือจางทำให้มันปล่อยวางหมดฤทธิ์ความดูดดึง แยกธาตุ ไม่รวมตัวกันอีกสลายตัวกันต่างคนต่างไป คือเป็นผู้รู้ชัดเจนในเรื่องของชีวถึงขั้นระดับจิตนิยาม ซึ่งเป็นธรรมนิยาม 5 แล้วก็รู้จักการทำ ธรรมนิยาม ให้มาพักอยู่ที่ พีชนิยาม หรือแยกพีชนิยาม ไปเป็นอุตุนิยามสลายไปหมดเลย เพราะฉะนั้นจึงยืนอยู่ระหว่างกรรมกับธรรมะ ธรรมะคือการทรงไว้ กรรมคือการกระทำ
ก็อยู่กับการกระทำที่จะให้ทรงไว้ในสถานะใด สภาวะใดเท่าใด จัดการได้หมดเลย จะให้อยู่ในสภาวะจิตนิยามที่ยอดเยี่ยมก็ได้ เป็นผู้ที่สามารถยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ สามารถทำให้เป็นพืชก็ได้ สามารถทำให้เป็นอุตุได้ ที่สุดสามารถทำให้ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จบ แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ทำตัวจบที่เราจะไม่เกี่ยวข้องเลย เอ็งก็อยู่ของเอ็ง พวกชาวนรกพวกชาวอบาย เป็นต้น เอ็งก็อยู่ของเอ็ง..เราไม่เกี่ยว แม้มันจะมากระแทกกระทบกระเทือนก็เหมือนกับเราไม่มีตัวตน มันก็ทำอะไรเราไม่ได้
พวกนี้ภาษาที่จะอธิบายมันยาก แต่ก็พยายามใช้ภาษาอธิบาย ฟังดูแล้วจะพบความจบอันนี้ ซึ่งอาตมาจริงใจ ไม่ได้เดาไม่ได้คาดคะเน ไม่ได้เก็งความจริง แต่ว่าอาตมาบรรลุธรรม รู้ความจริง มีความสัตย์จริง สภาวะที่พูดไปทั้งหมดนั้น มีสภาวะจริง จะใช้ภาษามาแทนมันไม่รู้เท่ากันได้ ตัวเองทำเอง ถึงเอง บรรลุจุดนั้นเอง จะรู้เองด้วยตนเองอย่างชัดเจนเองเลย ไม่ต้องไปเชื่อใคร ไม่ต้องไปเห็นตามใครแล้ว เพราะเห็นเองเป็นเองได้สูงสุด จบ
ยุคนี้ เห็นสภาวะที่เกิดบทบาทอยู่อย่างนี้ ที่สถานีวิทยุเสียงธรรมร่วมใจสื่อแสดงออกมา
อาตมาใช้ อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ สุญตภาพ สุนทรียภาพ 7 สภาพนี้ อาตมาตั้งชื่อว่า บรมภาวะสุดประเสริฐ สังคมชาวอโศกเรามีได้จริง
_วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ ยโสธร : กราบนมัสการท่านพ่อครูที่เคารพอย่างสูงครับ
? มีคนเขียนจดหมายถึงลุงตู่ครับ.. ➡️ เราเกิดปีเดียวกัน เคยเป็นเด็กมาเหมือนๆ กัน คุณพ่อของคุณเป็นทหาร คุณพ่อฉันก็เป็นทหาร คุณเป็นผู้ชาย จึงเดินตามรอยเท้าพ่อของคุณไปสู่โรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเข้า ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นวันโน้นหรือวันนี้เพราะเขาต้องคัดคนเก่ง สุดยอดแกร่งเข้าเรียน ถ้าเข้าสวนกุหลาบวิทยาลัย หรือเตรียมอุดมศึกษาไม่ได้ ก็ยังมีโรงเรียนอื่นในระดับเดียวกันให้เลือกมากมาย แต่ไม่ใช่เตรียมทหาร ที่ๆ ฝึกให้ลูกผู้ชายเก่ง แกร่ง รักชาติ และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
พ่อครูว่า…ทหารต้องมีสภาพเช่นนี้ แต่ละประเทศก็ต้องมี แต่ใครจะมีความรู้ลึกซึ้งในคุณธรรมทั้งหลายอย่างที่ว่านี้ได้
เส้นทางของเรา ต่างรับราชการ ทำหน้าที่ต่อบ้านเมืองตามบทบาทของแต่ละคน
ถึงวันนี้ ฉันแก่และเกษียณอายุแล้ว ตื่นเช้ามา ได้สวดมนต์ ใส่บาตร กินข้าว ดูโทรทัศน์ พอสายๆ ก็ “งีบ” ตื่นขึ้นมา ก็เดินชมนกชมไม้ เช่นเดียวกับคนวัยเกษียณอื่นๆ แต่คุณสิ ยังมีความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ต่อชาติบ้านเมือง เต็มอยู่บนบ่า ท่ามกลางพายุร้ายของโรคระบาด ที่ทำให้ผู้คนล้มตาย เศรษฐกิจพังพินาศไปทั่วโลก ไม่ต่างอะไรกับยุคสงคราม ในอดีตยามนี้ คนไทยเราเคยสามัคคี ร่วมมือกันฟันฝ่าอุปสรรค ทิ้งความขัดแย้ง วางปัญหาส่วนตัวไว้ก่อน และร่วมมือกัน เพื่อปัดเป่าปัญหาของชาติ
➡️ แต่วันนี้ หลายคนกลับชี้มือไปที่คุณ หยิบยกปัญหาของตัวเองขึ้นมา และเรียกร้องทุกสิ่งทุกอย่างจากคุณ โดยไม่คิดจะร่วมมือรับผิดชอบซึ่งยังไม่รวมถึงการก่นด่าอย่างไร้สติ ใช้คำหยาบสุดหยาบเพื่อทิ่มแทง บั่นทอนกำลังใจคุณ คนในวัยฉัน คงไม่มีอะไรที่จะมอบให้คุณ มากไปกว่าความนับถือในหัวใจที่แข็งแกร่งของคุณ และเชื่ออย่างยิ่งว่าคุณนั้น มี “เกียรติศักดิ์ทหารเสือ” ที่จะไม่ละทิ้งประเทศชาติ เพียงเพราะลมปาก เหล่าสวะปฏิกูล ที่พยายามเหยียบย่ำความรู้สึกของคุณ เพราะคุณเป็นปราการด่านสุดท้าย ที่ยืนหยัดเพื่อคนไทย…
พ่อครูว่า…ใครมีหัวใจอย่างนี้บ้าง…ยกมือหมด นี่เพราะเรามีดวงตามองเห็นความจริง โดยไม่ใช่มีแว่นตาสีมาใส่ แต่เรามีความซื่อตรงดวงตามองเห็นความจริงอย่างไม่มีคติ อาตมาว่าอาตมาก็ใช้ภูมิปัญญาเท่าที่อาตมามี แล้วพูดไปตลอดเวลา ไม่ได้มาปะเหลาะอะไร พูดด้วยความจริงใจ อาตมาจำไม่ได้เลยว่าอาตมากับพลเอกประยุทธ์เคยเจอหน้ากันหรือเปล่า เผชิญกันตัวต่อตัว ดูเหมือนจะไม่เคยผ่านกันเลย ไม่เคยเผชิญหน้ากันเลย ต่างคนต่างทำงาน จะรู้จักกันก็คงจะผ่านสื่อสารสนเทศต่างๆ พลเอกประยุทธ์จะรู้จักอาตมาหรือไม่อาตมาไม่รู้ แต่อาตมารู้จักพลเอกประยุทธ์แน่นอน เป็นผู้นำประเทศทำงานอย่างหนัก อาตมาก็ทำงานตามประสาอาตมาตามหน้าที่อาตมา
อาตมาก็ให้กำลังใจจริงๆ แล้วก็ไม่ได้พูดเล่นลิ้นไม่ได้พูดปะเหลาะอะไรเลย แต่ไหนแต่ไรมา เพราะอาตมานับถือจริงๆว่า เป็นผู้บริหาร เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในโลก เป็นได้อย่างยอดเยี่ยม ในนายกประเทศไทย 29 คนผ่านมา อาตมาถือว่าให้เหรียญทองได้สำหรับพลเอกประยุทธ์ ต้องพูดเข้าสมัยโอลิมปิก นี่ไม่ใช่พูดเล่นแต่พูดจริง ก็ยังดูสุขภาพร่างกายแข็งแรง รักษาสุขภาพให้ดีๆนะ
_Warangpon Datchawat (วรางค์ภร เดชวัฒน์) : ตบะธรรม เป็นการกำหนดกรอบเพื่อพากเพียรลดละสักกายทิฐิ โดยควบคู่ไปกับอปัณณกปฏิปทา 3 ทำให้พ้นทุกข์ไปตามลำดับ โลกุตระธรรมที่เห็นชัดมีเฉพาะชาวอโศกนะคะ แม้จะเหนื่อยกายแต่ใจไม่ทุกข์คะ
ทำจิตเศร้าลึกๆให้หายเศร้าหมอง
_ใช่เลย : กราบนมัสการค่ะ ทำไมจิตลึกๆของเรามันเศร้าหมองค่ะ
พ่อครูว่า…คุณจะเศร้าหมองหรือคุณจะแจ่มใส คุณเองเป็นคนยังจิตให้เป็นไปในอำนาจ หรือคุณทำจิตของคุณเอง อาการของความเศร้าหมองเป็นอย่างไร อาการของความเบิกบานแจ่มใสมันเป็นอย่างไร ซึ่งอันนี้เป็นเพียงแต่ใช้สมถะ ใช้ตบะ ใช้พลังงานเจโตสมถะ แบบเจโต เปลี่ยนแปลงเอา ก็ได้ ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนา ไม่ถึงขั้นเป็นปัญญาที่มีพลังงานอำนาจพิเศษ พลังงานความเฉลียวฉลาดธาตุรู้ พอมันรู้เท่านั้นมันก็เปลี่ยนแปลงไปเองเลย อันนี้ก็ไม่มีภาษาจะอธิบายคำนี้ มันเป็นปัญญาเป็นพลังงานที่สุดวิเศษ เป็นคุณวิเศษที่ยิ่งใหญ่
การละกิเลสอาสวะอนุสัยได้ด้วยปัญญาอันยิ่ง คำของพระพุทธเจ้าจบสุดท้ายอันนี้ มันเป็นจริงที่สุดยอด อาตมากำลังเขียนเรื่องปัญญา 8 อยู่ เขียนอย่างละเอียด ก็เห็นใจคนจะอ่านเหมือนกัน เขียนไปสักระดับหนึ่งก็คงจะพอแล้วเพราะมันใช้งานได้แล้ว ในยุคสมัยนี้ไม่ต้องใช้ความละเอียดละออขนาดเกินไป เอาความเฉลียวฉลาดแค่นี้ก็ไปรอดแล้ว ใกล้กลียุค คนมันเสื่อมไปเยอะแล้ว ไม่ต้องใช้คุณวิเศษชั้นเลิศยอดอะไรเท่าไหร่ ก็ใช้ได้แล้ว ก็ค่อยๆเป็นไปอาตมาก็พูดตามความจริงไปเรื่อยๆ ฟังตามไปเถอะ
คุณก็แค่คิดที่มันอยู่ลึกๆแล้วเศร้าหมองก็ทำให้มันตื่นขึ้นมา ให้มันเป็นจิตที่เบิกบานแจ่มใสขึ้นมา ให้มันเป็นจิตที่มีพลัง ใช้ปัญญาไม่ได้ก็ใช้แรงก่อน ก็ลองดู
พ่อครูพยายามยังขันธ์ให้ยืนยาวเพื่อศาสนา
_หมอกิจก้อง (จากดอยรายปลายฟ้า) : ผมอ่านหนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ของพ่อท่าน สุดยอดจริงๆครับ พ่อท่านเขียนง่ายๆ หลากหลายเรื่อง ตีแผ่ แยกความหลงผิด กับ ความแท้ ทำความจริงให้กระจ่างใส เหมือนสารส้ม แค่ แกว่งๆน้ำที่ขุ่นก็ใสใช้ประโยชน์ได้ เช่น..หน้า 243 – 244 อ่านแค่แผ่นเดียว ก็เข้าใจได้ทะลุ ” ศาสนาที่มีพระเจ้า ” จบข่าวเลยครับท่าน น่าอัศจรรย์มาก
ผมไปเจอคลิปที่มีลูกศิษย์หลวงตา มหาบัว ออกมาตอบโต้พ่อท่าน น่าสงสารครับ ฟังแล้วก็กราบพ่อท่าน สมณะ และ สิกขมาตุ ได้สนิทใจสบายใจมากขึ้นไปอีก
กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า… ก็ขออภัย ที่จะพูดต่อไปนี้ไม่ใช่ซ้ำเติม แต่อยากทำให้ชัดเจนกระจ่างเพิ่มขึ้นอีก ขอย้ำอย่างจริงใจที่สุดเลยไม่ได้ข่มเบ่ง ไม่ได้ไปกดไม่ได้ดูถูกดูแคลนอะไร แต่สงสารจริงๆเลย ผู้ที่หลับตาปฏิบัติ ในสายหลับตา อย่างเช่นสายหลวงตามหาบัวสายอาจารย์มั่นหรือแม้แต่สายธัมมชโยก็ตาม มันจะมีนัยยะสำคัญต่างกัน สายธัมมชโยเป็นอาภัสรา แต่สายหลวงตาบัว อ.มั่นเป็นสายสุภกิณหะ มันคนละอย่าง
ศึกษาให้ดีๆแล้วจะเข้าใจ อาตมาเอาสิ่งเหล่านี้มาขยายความสาธยายแจกแจงให้เห็นความต่าง ลิงคะ ต่างในนัยสำคัญของมัน ให้รู้สัจธรรมพวกนี้ ไม่ใช่ไปข่มธัมมชโยไม่ได้ไปข่มมหาบัว อาตมาไม่จำเป็นต้องไปข่มใคร คนข่มอาตมาด้วยซ้ำ อาตมายอมให้คนข่ม เขาข่มก็ข่มไป อาตมาไม่มีจิตที่อยากจะไปข่มใครเลย อาตมาเองชาตินี้แสดงลักษณะเป็นผู้แพ้ อาตมาชาตินี้เกิดมาปางนี้ ยืนอยู่ในฐานะเป็นผู้แพ้มาตลอด ไม่เคยคิดจะไปเป็นผู้ชนะ มีคนยุอาตมา เพลงผู้แพ้ดังนะ แต่งแล้วทำไมไม่แต่งเพลงผู้ชนะ อาตมาก็ว่าไม่เคยเห็นจะสนใจความชนะจะไปชนะอะไรเลย เป็นแต่เพียงอาตมาทำความจริงให้กระจ่างให้คนได้รับ ใครรับได้ก็คือของเขา ทำให้ได้เท่านั้นแหละ จะทำได้มากเท่าไหร่ก็พยายามอุตสาหะเต็มที่ไม่ได้แข่งใคร จะทำได้เหนือกว่าเด่นกว่าใครก็ไม่เคยคิดจะไปแข่งเด่นแช่งดีอะไรเลยกับใคร ไม่ใช่พูดเอาดีเข้าตัว แต่มันเป็นความจริงใจเห็นจริงอย่างนั้น ก็ขอให้ทุกๆคนศึกษาให้ดีเถอะ
อาตมาทุกวันนี้เขาบอกตรงๆ อาตมาพยายาม ยังขันธ์ ให้มันต่อไปได้ เพราะมันเมื่อยจริงๆ อาตมาเองต่ออายุใครมาได้ 1 นักษัตร จาก 72 มาเป็น 84 ถ้าไปถึง 96 ก็เป็น 2 นักษัตร ก็อยากจะพิสูจน์พลังอิทธิบาท สัมประสิทธิ์ของธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ได้ใช้อย่างอื่น ไม่ได้ใช้ยาอย่างที่จินซีฮ่องเต้คิดค้น หรือยาอายุวัฒนะของใครหรอก แต่ใช้สูตรของพระพุทธเจ้านี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น 8 อ. หรือ E=C(MC2 + A)
อาตมาทำด้วยความจริงใจพยายามอยู่ทั้งรูปและนาม ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ตอนนี้น้ำหนักก็ลดลงไปอีกเหลือ 46 แล้ว ก็พยายามให้มันเป็นไป ทุกคนก็ช่วยกันเต็มที่ อาตมาก็ไม่เท่าไหร่ คนอื่นจะช่วยก็อนุโลมสนองต่อเขาบ้าง บางอย่างก็ไม่ต้อง ก็พยายามอยู่
ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 5
มาเข้าสู่อัมพัฏฐสูตร
เล่าเรื่อง ความเป็นนักบวชกับความเป็นฆราวาสที่เขายึดมั่นถือมั่นกัน แต่มันเป็นสิริมหามายา ในยุคนั้น อัมพัฏฐมานพ เป็น พราหมณ์มหาศาลในยุคนี้มี พระมหาศาล ก็นัยยะเดียวกัน แต่ พราหมณ์มหาศาล แย่กว่าพระในยุคนี้มุมหนึ่ง แต่พระมหาศาลก็แย่อีกมุมหนึ่ง คนละมิติที่แย่กว่ากัน
เช่น พระมหาศาล ทุกวันนี้มีเดรัจฉานวิชชาเยอะมาก ในยุคพระพุทธเจ้าเดรัจฉานวิชชาไม่มากขนาดนั้น ไสยศาสตร์ก็ไม่มากขนาดนั้น ในวงการของธรรมะนะ แต่ทุกวันนี้ศาสนาพุทธในเมืองไทยเต็มไปหมดทั้งไสยศาสตร์และเดรัจฉาน เห็นแล้วสุดสงสารน่าสงสารน่าเวทนาจริงๆก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ยังไม่ได้ถอดใจก็พยายามช่วยให้เกิดความรู้ให้เกิดความเข้าใจ ด้วยสื่อสารสนเทศอธิบายสาธยายกันนี่ อาตมาไม่มีทางหยุด ไม่มีประตูอื่นเลยที่จะไปช่วยได้ ก็ช่วยกันแสดงความจริงเอาหลักฐานความจริงอ้างอิงยืนยันตามพระไตรปิฎกที่เราเชื่อถือร่วมกัน ก็เอามายืนยันกันไป
จนกระทั่งจุดสำคัญที่พระพุทธเจ้าบอกว่าตระกูลคุณก็แพ้ ไล่กันตามตระกูล DNA อัมพัฏฐะก็แพ้ เมื่อมาชี้ทางคุณธรรมแท้ อัมพัฏฐะก็ไม่ได้มีจรณะสมบัติ วิชชาสมบัติ
จุลศีล คือศีลหลักที่จะเอาตัวความหมายแต่ละข้อมาปฏิบัติ พระพุทธเจ้าประมวลไว้แล้ว 26 อย่าง เอามาปฏิบัติแล้วจะครบ ทั้งในลักษณะของ 1.จิตนิยาม 2. พีชนิยาม 3. อุตุนิยาม มาเรียนรู้และเอาปฏิบัติกรรม แล้วให้ทรงไว้ซึ่งธรรมะ ให้เกิดสภาพที่เป็นที่ได้ที่บรรลุ อาศัยไปเรื่อยๆ อาศัยธรรมะที่บรรลุได้แล้วก็อาศัยได้ โดยการกระทำ โดยกรรม โดยธรรมะ เป็นคู่สำคัญคือกรรมกับธรรมะ
ที่ทำให้เกิดเป็นจิตนิยาม แล้วเราจะต้องเรียนรู้ธาตุ ในความเป็นสัตว์ จิตธาตุทั้งหลายแหล่ แยกแยะแล้วจัดการ อะไรที่เป็นจิตธาตุที่เป็นอกุศลจิต ก็กำจัด อะไรที่เป็นกุศลจิตก็รักษา ส่งเสริมให้ยั่งยืนเป็นฐานอาศัยเป็นธาตุ พลังงานจิตที่อาศัย จะอาศัยในระดับ พีชนิยามก็ได้ อุตุนิยามก็อาศัย แต่อาศัยอุตุไม่ใช่อาศัยอย่างชีวะ แต่อาศัยส่วนที่จะปรุงแต่งอยู่ในองค์ 3 คือ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม
อุตุนิยาม เป็นพลังงานหรือสสาร หรือในอุตุเป็นธาตุสองที่แยกพลังงานบวกลบได้แล้วอาศัยใช้ในชีวิตของเรา จนกว่าเราจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน
อาศัย จุลศีล แต่ละข้อ ไปก็จะบรรลุธรรมไปตามลำดับ ที่เป็น จรณะ 15 วิชชา 8 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้กับอัมพัฏฐมานพ ว่า เนื้อแท้ของศาสนาคือวิชชาจะระณะสัมปันโน
วิชชาจรณะ คือพุทธคุณ แก่นสารสาระของศาสนาคือ วิชชาจรณะ
ในพุทธคุณ 9 ก็มีจรณะ วิชชาเป็นแก่นสารของสัจธรรม นอกนั้นเป็นเครื่องอลังการที่ชมเชยพระพุทธเจ้าทั้งนั้น พุทธคุณ 9
-
อรหํ เป็นพระอรหันต์
-
สมฺมาสมฺพุทโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ
-
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
-
สุคโต เสด็จไปดีแล้ว
-
โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก
-
อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ มีความรู้เหนือ และเป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า
-
สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
-
พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว
-
ภควา ติ เป็นความจบในความเจริญ