650207 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1ILLTize7-49GWuoy5rIjLbOerPEy2ufzLqIYp9nXtTk/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1XuNrmmSpte8I37eKS3GNiFGghhcvVmEt/view?usp=sharing และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/b0P5EQvaUQ/ และ https://youtu.be/qJXAvqDMDNc สู่แดนธรรม… วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก มีผู้ถามมาว่า ทำไมธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าต้อง ลาดลุ่มลึกด้วย … พ่อครูว่า…วันนี้เช่นเคย บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ประดับตกแต่งเต็มสดเขียวเหลืองแดงชมพูม่วงมีทุกสีสัน เราก็โชว์สิ่งเหล่านี้ เรามีของเราเองเราอุดมสมบูรณ์ได้ของเรามา แล้วเราก็ชื่นใจที่น่าจะโชว์ด้วย พอใจ เป็นสิ่งที่น่าโชว์น่าจะให้แก่คนทั้งหลายได้รับรู้รับเห็นไปด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษยชาติ อาตมายืนยันว่ามนุษยชาติเป็นสัตว์กินพืช แต่ก็ห้ามไม่ได้หรอกเขาติดเขาหลง อย่าว่าแต่เนื้อสัตว์เลย เนื้อคนเขาก็กินกันได้ติดยึดกันได้หลงกันไปได้ หรือไปกินสิ่งที่ไม่น่ากินทั้งๆที่มันกินไม่ได้ กินได้บ้างแต่ว่ามันไม่ใช่อาหารจริงเช่นกินหมากกินพลูอะไรอย่างนี้เป็นต้นก็กินกันไป ด้วยความอวิชชาโง่เง่าไม่รู้ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของมัน ผู้ที่ไม่รู้ในการติดยึดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ติดยึดกันไป อย่างที่เห็นที่เป็นอยู่แล้วเราก็ ติงกันบอกกันเตือนกัน ถึงขั้นพูดกันย้ำซ้ำซากแรงๆคนก็หาว่า ว่าด่า ก็เป็นไป ที่จริงก็เจตนาให้รู้ตัวให้เข้าใจ ผู้ที่จะไปหลงในสิ่งที่ไม่ดีงามไม่ควรมันเสียเวลา ผู้ที่รู้ตัว ผู้ที่เข้าใจก็ได้ละเลิกมาพูดที่ไม่เข้าใจก็หลงต่อไปก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอบปัญหาคนที่ยึดถือในการเป็นที่หนึ่ง _กราบนิมนต์พ่อครูช่วย ตอบในรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง…ให้เด็กฟังด้วยครับ คนเคยได้ที่ 1 แล้วไม่ได้ ให้ทำใจอย่างไรดี รู้แต่หลักการที่บอกว่า ให้แข่งกับตนเอง ไม่ต้องไปแข่งก็ใคร แต่ยังทำใจ ปล่อยวางไม่ได้ หลวงปู่ช่วยแนะนำวิธีให้ได้มั้ยครับ พ่อครูว่า… แนะนำให้ไปหาท่านเพาะพุทธ ถ้าถามท่านจะได้รู้ดีกว่าอาตมา เพราะอาตมามันไม่เคยติดยึดในการศึกษาการเรียนได้ที่ 1 หรือไม่ได้ที่ 1 แต่ก็เคย เรียนอยู่ได้ที่ 1 ถ้าตั้งใจจริงๆแล้วก็จะได้ที่ 1 ถ้าไม่ตั้งใจแล้วที่โหล่ ถึงอย่างนั้นเลยอาตมานี้เรียนมา อย่าว่าแต่ที่โหล่เลยตก สอบตก ตกมานักต่อนักแล้ว ม. 6 ก็ตกรอบ 8 ไม่ต้องพูดเลยตกแล้วตกอีก 2-3 ปี จนไม่ต้องสอบม 8 ก็มาเรียนทางอาชีวะจนผ่านอาชีวะมาถึง 5 ปี จบศิลปะ 5 ปีมาก็เทียบได้ เกิน ม.8 แล้ว เขายังไม่ให้ปริญญาตรีเขาให้แค่ ปวส. ก็มีเท่านี้การศึกษาของตัวเองก็ไม่ได้น้อยใจไม่ได้เสียใจอะไร สอบไม่ได้ที่ 1 ก็ไม่ได้ติดใจ ได้ที่ 1 ก็ดีไม่ได้ก็แล้วไป ตกก็รู้ว่าตัวเองไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นก็รู้ข้อบกพร่อง จะทำใจอย่างไร ก็คือตรงนี้แหละรู้ข้อบกพร่องของตัวเองตรวจสอบ ว่า เราบกพร่องอะไรถึงทำข้อสอบไม่ได้ตามที่เคยได้ที่ 1 สู่แดนธรรม.. ผมก็เคยเรียนชั้นป. 3 ถึง ป. 4 เรียน ได้ที่ 1 ครองมาตลอด พอขึ้นป.5 ต้องเจอคนที่เก่งกว่าจากหมู่บ้านอื่น ผมเคยได้ที่ 1 แล้วผมก็ได้อันดับที่ 14 มันไม่น่าเชื่อว่า แชมป์ของโรงเรียนเซนต์โยเซฟ ได้ที่ 1 แต่ว่าไปเจอคนเก่งต่างหมู่บ้าน เราตกไปอันดับที่ 14 ก็เลยทำใจว่า คนที่เก่งกว่าเราก็มี เราจะไปหมายมั่นสำคัญว่าเราจะครองแชมป์ตลอดได้อย่างไร พ่อครูว่า… ความเก่งตลอดกาลมันไม่เที่ยงหรอก ก็พากเพียรอยากได้ที่ 1 อีกก็พากเพียรจริงๆถึงจะได้ ได้แล้วก็ไม่เที่ยง ถ้าเราไม่พากเพียรอ่อนด้อยลงไปบ้าง อ่อนเยาว์เมาขี้เกียจไปไม่เต็มที่ คนอื่นเขาพากเพียรก็ชนะ เพราะฉะนั้นความเพียรจึงเป็นตัวสำคัญมาก อย่าไปยึดมั่นถือมั่นจนกระทั่งต้องได้ที่ 1 ถ้าไม่ได้ก็เสียใจนั้นมันโง่ตายเลย ไอ้พวกนี้มันเป็นสิ่งสมมุติ ที่ 1 ที่ไม่ 1 ก็เป็นสิ่งสมมุติที่โลกเขาใช้วัด ก็เป็นประโยชน์เป็นเครื่องวัด แต่ว่าเราอยากได้ก็พากเพียรเอาทำเอาเสร็จแล้วมันก็จะได้ ถ้ามันบกพร่องไม่ได้ตามสิ่งที่เราหย่อน มันหย่อนจริงตรงนั้นตรงนี้ไป เราก็แก้ไขปรับปรุง สู่แดนธรรม… ในคำถามมีรายละเอียด ที่บอกว่าต้องแข่งกับตัวเองไม่แข่งกับใครถ้าจะทำใจปล่อยวางไม่ได้ พ่อครูว่า… ก็ตอบตรงที่ปล่อยวางไม่ได้ไง ก็คงจะพอเข้าใจให้แข่งกับตัวเองนี่คงพอเข้าใจ แต่มันก็ยังอยากแข่งกับคนอื่น แล้วมันก็จะเอาชนะคนอื่น ทั้งๆที่ถูกแนะนำว่าให้แข่งกับตัวเองไม่ต้องแข่งกับคนอื่นหรอก แข่งกับตัวเองกับแข่งกับผู้อื่นมันต่างกันอย่างไร แข่งกับผู้อื่น มันไม่แน่ไม่นอนหรอก อย่างคู่ชกมวย ตอนนี้เป็นแชมป์ชนะ คู่แชมป์คนนี้สู้เราไม่ได้เราชนะ ไปเจอคู่แชมป์ที่มันแข็ง เก่งกว่าเราอีก เราก็แพ้ได้ ทำไมเราแพ้ ทำไมเราเก่งสู้ไม่ได้ ก็เพราะเราไม่แข็งแรงไม่เร็วไม่ไว ไม่มีเทคนิค ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะเอาชนะเขาได้ เราก็แพ้ แพ้มันก็อยู่ที่ความพากเพียรที่จะต้องเอาชนะในแง่มุมเหลี่ยมใด อย่างใด ที่เราจะเก่งกว่าเขา เร็วกว่าเขา หนักกว่าเขา มากกว่าเขา สูงส่งกว่าเขาอย่างไร เราก็ต้องศึกษาเอา ฝึกฝนเอา ฝึกฝนได้มันก็ได้ผล ไม่ถึงมันก็ไม่ได้ ผู้ที่จะเอาแต่ชนะๆ เมื่อยนะ เพราะฉะนั้นในชีวิตผู้ที่จะเอาแต่ชนะคนอื่นเขา ก็เมื่อย เราเอาสาระ ที่บอกว่าแข่งกับตัวเองนั่นแหละคือมองถึงสาระ ตนเองทำสาระอะไรได้ดี ได้มาก ได้ถูกต้องได้เจริญงอกงามไพบูลย์ ก็ดูสาระนั้นตามสมมติของโลกเขาด้วย โลกที่เราอยู่ด้วยเขาสมมุติอย่างนั้นอย่างนี้ก็เรามีดีมีมากได้เก่งตามที่เขายอมรับไหม ถ้าเราอยากจะเก่งหรืออยากจะได้รับเบอร์ 1 เบอร์ 0 ขึ้นไป เราก็ทำตามที่เขายอมรับที่เขาสมมุติ ที่เขาตั้งขึ้นมา เราก็ทำอันนั้นให้ได้ ถ้าได้จริงๆคนก็ต้องยอมรับ อย่างหลวงปู่ คนเขาไม่เข้าใจโลกุตระ ซึ่งมันทวนกระแสกับที่เขาเองเขายึดถือด้วยซ้ำ มันย้อนแย้งกับที่เขาถือ บางคนเขาเข้าใจผิดเพราะว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่เขาเป็น เพราะฉะนั้นคนเขาเห็นอย่างเราไม่ได้ เราก็ดูว่าเขาเองเขายึดนั้นเป็นอย่างไร เขายึดเขาถือเขาเป็นเขามีอยู่เป็นอย่างไร เทียบเคียงกับที่เราเป็นเรามีอยู่เราถือว่าอย่างนี้ดีนะ เช่นเรามันจน เขาแย่งไปรวยๆเขาก็ได้รวยๆได้สำเร็จสูงๆและรวยมาก แต่เรามาจน เราก็เห็นว่ามาจนนี้ดีกว่า เราก็ดูดีกว่าด้วยมิติอะไร ด้วยมุมไหนแง่ไหน เหลี่ยมไหนประเด็นไหน อ๋อ! มันดีกว่าเพราะประเด็นนี้มุมนี้ มิตินี้ เหลี่ยมนี้ประเด็นนี้ มันดีกว่า ไม่ต้องไปแบกไปหามากมายไม่ต้องไปแย่งชิง ไม่ต้องไปหนักหนาสาหัสต้องแข่งขันอะไรต่ออะไรต่างๆนานา ดีไม่ดีก็ต้องรุนแรง ดีไม่ดีก็ต้องใช้วิธีโกง วิธีไม่ซื่อไม่สัตย์ มันก็ไม่เข้าที เราก็ดูเนื้อแท้ของสิ่งที่เราทำ เนื้อแท้ของสาระชีวิต 1 ที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน 2 รู้ความจริงให้สุดว่ามันไม่มีอะไร มันมารวมกันอยู่เฉยๆตามที่เราพากเพียรให้มันรวมกันอยู่ ถ้าเราไม่มีพลังงานอะไรให้มันรวมกันอยู่ดึงดูดมันอยู่ มันก็จะสลาย มันจะคลายตัว มันจะไม่ยึดโยงอะไรเลยมันก็จะแยกกันไปหมด ตามสถานะของดิน น้ำ ไฟ ลม การยึดเป็นจิต ยึดเป็นแรงพืช พลังงานตัวพืชมันยึดนะ มะเขือเทศมันก็ยึดตัวมันเอาวัตถุสสารใช้พลังงานอย่างนี้ได้มา มันก็ต้องทำอันนี้ตามที่มันรู้กำหนด มันเอาอันนี้ มันไม่เอาอย่างอื่นหรอก พืชมันพยายามเอาที่มันดูดดึงมาได้มันไม่แย่ง มันก็เอาตามพลังงานของมันพลังงานมันน้อยกว่ามันก็ไม่ได้ พลังงานมันมากหน่อยก็ได้ ได้เท่าไหร่มันก็เท่านั้น ได้มากก็เจริญดีเต็มดีได้ไม่ครบไม่มากพอ มันก็เว้าก็แหว่งไม่เต็มอ้วน ไม่อ้วนพีไม่มากไม่พอ มันก็เป็นจริงตามนั้น ข้อสำคัญก็คือพืชนั้นต่างกับจิตนิยามตรงที่มันไม่สุข ไม่ทุกข์ มันไม่เดือดร้อนอะไรแล้วมันก็ไม่จดไม่จำไม่จองเวรจองกรรมอะไรแก่ใครด้วย มันก็มีแต่ตัวของมัน หรือทำตัวมันเองทำได้มันก็รอด ไม่รอดสุดท้ายมันมีแรงจะยึดให้ตัวมันสมบูรณ์ได้ มันก็เสื่อมสลายไปในที่สุด แยกเป็นดินน้ำไฟลม ดินน้ำไฟลมก็สั่งสมตัวเองจนกระทั่งมีแรงดูดเป็นตัวเป็นตนถึงขั้นเป็นพืช แล้วก็สั่งสมการดึงดูดเป็นตัวเป็นตนไปจนถึงเป็นจิต แล้วก็มีธาตุรู้เขาก็ทำด้วยอวิชชาหรือด้วยความรู้ ทำได้เอาอวิชชาก็ก่อตัวเองให้เป็นหนึ่งให้ได้เสร็จแล้วมันก็ไม่เที่ยง มันได้ในขณะที่เราเองพยายามดูดจึงพยายามเอาความเป็นหนึ่งอย่างนี้ไว้ รักษาไว้ แต่มันไม่เที่ยงหรอกสักเวลาใดเวลาหนึ่งมันก็จะมีคนที่โง่ๆหลงเข้าไปเป็นหนึ่งเหมือนกันขึ้นมาแย่งชิง เรียกว่าสมบัติผลัดกันชม ในโลกนี้เป็นสมบัติผลัดกันชมไม่เที่ยงหรอก ไม่เป็นเรื่องถาวรได้ นิรันดรไม่มี เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาแต่ความเป็นหนึ่งๆ อย่างเดียวนี้เหนื่อย ลำบากลำบนทรมาน แล้วสุดท้ายจริงๆแล้วมันต้องสลายไปเลย เลิกยึดถือเป็นชีวะหรือเป็นจิตนิยาม แม้แต่เป็นพืชก็ไม่เป็นไร เป็นวัตถุไปเลยมันก็ไม่มีตัวตน มันก็สุดจบ วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ มีอุตุธาตุ พืช มีจิตนิยาม ความจริงมีเท่านี้พระพุทธเจ้าตรัสรู้หลวงปู่ก็เรียนรู้ตามมาเห็นจริงว่าชีวิตเป็นอย่างนี้ ชีวิตนี้รู้ความจริงเรานี้หมดแล้วล่ะ แต่จะต้องรักษาศาสนาพระพุทธเจ้าให้ครบ 5000 ปีต้องช่วยสืบทอดเนื้อหาของโลกุตระไปให้ได้ ก็เลยต้องรับหน้าที่อยู่ ก็ดีได้ช่วยเหลือ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ระดับ 8 ไปเรื่อยๆ ยังมีปณิธานสูงสุดเท่าที่จะสูงสุดได้เป็นระดับ 9 โพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่ง ก็ไปเรื่อยๆ ยังไม่ถอดถอย จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบในโลกให้ได้ ถ้าไม่ถึงก็ไปเป็นปัจเจกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความรู้เท่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้วแต่ยังไม่เป็นโอกาสหรือเห็นแล้วว่าเมื่อยแล้ว ไม่ต้องหาเวลาโอกาสจะประกาศศาสนาหรอก ไม่ต้องไปแย่งคิวพระพุทธเจ้าองค์ใดหรือไม่ต้องไปเรียงลำดับที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ พอแล้ว มันก็เท่านี้ ชีวิตสูงสุดก็เท่านี้เท่าพุทธเจ้าแล้ว แม้จะไม่ได้ประกาศตัวเอง ให้โลกได้รับรู้บันทึกลงในทำเนียบว่า มีผู้นี้ชื่อนี้นามนี้เป็นธาตุจิตวิญญาณสะสมมามีความสามารถเก่งเท่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วประกาศตัวเองขึ้นมาทำงานเป็นปรากฏทุกคนก็ยอมรับความจริงนั้น แต่ท่านไม่ได้ทำ ไม่ต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรอก เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเองเป็นแล้วแต่ไม่ได้ประกาศให้โลกรู้แล้วก็ตาย ตายโดยปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายโดยแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยจบ สู่แดนธรรม… ถ้าพระโพธิสัตว์รูปนี้ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วว่า อย่างไรอย่างไรต้องเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแน่นอน แล้วท่านผู้นี้ท่านจะยอมรีไทร์ไหมครับ พ่อครูว่า… ก็อยู่ที่ท่าน ว่า 1 ท่านจะรักษาสถานะของพระพุทธเจ้าไหม คำทำนายแม่นนะ ถ้าเราเสียตรงนี้ก็จะเสียพระพุทธเจ้า เราจะยอมให้พระพุทธเจ้าเสียไหม ก็ต้องทำให้ได้ถึงที่สุด เมื่อทำไม่ได้ถึงที่สุด แบบนี้โง่ ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่สูงสุดแล้วตัวเองจะเอาไปเอาสิ่งที่สูงสุด ก็เอาที่สูงสุดได้แล้วเพียงแค่ไม่ประกาศตัวเอง ภูมิเท่ากับปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้า มันขัดแย้งกับความเป็นจริงท่านจะมีสำนึกอันนี้ชัดเจน เราทำเสียพระพุทธเจ้าได้อย่างไรเพราะเราเดินทางนี้มาแท้ๆ ได้แท้ๆเราไม่เอา ก็เป็นความเลวของเราที่เราไม่เอา หรือเป็นความด้อยของเราที่เราไม่เอา สู่แดนธรรม.. ผู้ที่พระพุทธเจ้าประกาศ ก็คือผู้ที่แข็งแรงตั้งมั่นจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแน่นอน พ่อครูว่า… ต้องบอกว่าเธอถามเลยปัญหาไปแล้ว _ผู้ชมทางบ้านถามซ้อน เคยมีประสบการณ์ไม่อยากสอบได้ที่ 1 เพราะถ้าสอบได้ที่ 1 แล้วรางวัลที่ได้มันจะเป็นขนมปังกล่องใหญ่ ขนมปังปี๊บ ตอนนั้นอยากสอบได้ที่ 3 เพราะว่าจะได้รางวัลเป็น ลิงตีกลอง แบบนี้ถือว่าเป็นกามฉันทะใช่ไหม พ่อครูว่า… ใช่ เขาชอบเล่น เขาไม่ชอบกินคนนี้ _ครูเคร่ง : ขอถามพ่อครูครับ ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ ๖ มีอะไรบ้างครับ ทุกข์อริยสัจ มี ๔ มีอะไรบ้างครับ พ่อครูกล่าวถึง แต่ไม่มีรายละเอียด ขอเมตตา ขยายได้ไหมครับ พ่อครูว่า…วันนี้ขอยกไปก่อนยังไม่อธิบายในวันนี้ SMS วันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2565 _9706 : ส่ง SMS แพงนัก สู้ไม่ไหว พ่อครูว่า…ทุกวันนี้ SMS ราคาข้อความละ 3 บาท หากไม่ส่งทางนี้ก็ไปส่งทาง Facebook และทางไลน์ อาตมาใช้คอมพิวเตอร์เพียงแค่เขียนหนังสือเป็นหลัก บางทีก็ต้องอาศัยคนรอบข้าง ยอมรับความจริงอาตมาไม่คิดจะเก่งพวกนั้นมากมาย ได้ตอนนี้ก็ทำงานเต็มที่แล้วยังไม่จบเลยยังค้างคาอยู่เลย ทำปัญญา 8 เล่มหนึ่งก็ยังไม่จบ ยังทวนแล้วก็ให้ออกมา ยังทบทวนไม่ถึงครึ่งเลย ก็ต้องขออภัยมันอยากให้ดีๆไปแล้วจะไม่ต้องไปทำอีก จะได้ต่อเล่ม 2 ที่มีแล้ว ถ้าได้รู้ปัญญา 8 2 เล่มนี้ก็คิดงสนว่าพอนะ ความรู้ในโลกที่จะใช้เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่านในชีวิต คิดว่ามากพอ ไม่อยากใช้คำว่าสมบูรณ์แบบ _ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : กราบนมัสการพ่อท่านอย่างสูง ได้ฟังเรื่องอาหารแล้ว เข้าใจ แล้วอาหารของพ่อเป็นอาหารพระอรหันต์ฉัน เพื่ออาศัยดูแลขันธ์ ถ้าปรับรสชาตินิดหน่อยด้วย ผักพื้นบ้าน ประกอบด้วยข้าวคั่วบ้าง รสขมหน่อยจะได้เจริญอาหาร กราบสาธุค่ะ พ่อครูว่า…เอาน่ะ ใครทดลองดู สู่แดนธรรม… พ่อท่านความดึงดูดที่เป็นแม่เหล็กแล้วมันหมดไป กลายเป็นเหล็กไปแล้ว หากจะให้เป็นแม่เหล็กอีกจะทำยังไง พ่อครูว่า… อย(อะยะ) ยางเหนียวไม่มีแล้ว มันเป็น Normal นิวตรอน ไม่มีแรงดูดแรงผลักแล้ว แตะก็แค่แตะไม่ดูดไม่ผลักอะไร เป็นลักษณะนิวตรอน กลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ เข้าใจได้ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากอะไร ถ้าอยากให้มีแรงดูดกลับมา ถ้าให้มีรสชาติดึงดูดกลับมามันก็จะทำให้ง่ายในการที่จะรับ คนที่กินด้วยแรงกิเลสมันรับเร็ว ดูดๆๆๆ ถ้าไม่มีกิเลสมันใช้เวลานาน กว่าจะได้ปริมาณพอสมควร ก็ต้องทำให้ได้ปริมาณในแต่ละวันๆ วันหนึ่งใช้เวลากิน ทุกวันนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง เขากินกัน 15 นาทีก็เสร็จแล้ว เราชั่วโมงนึงเป็นอย่างน้อย บางที 2 ชั่วโมงบางที 3 ชั่วโมง ก็เมื่อย ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยแต่มันสุดวิสัย มันไม่ได้ปริมาณ เจตนาเราจะพยายามไม่ให้ขันธ์มันบกพร่อง ให้มันยังขันธ์นี้ไปให้ยาวนานเป็นเจตนา เพราะฉะนั้นก็ต้องพยายามให้บกพร่อง พูดไปก็มีความรู้มีประโยชน์ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ _สู่แดนธรรม.. คราวที่แล้วพ่อท่านสอนให้ทำ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ส่วนเทศนาปาฏิหาริย์หรืออิทธิปาฏิหาริย์ให้ทำ บางคนอาจมองว่าถ้าคนหมดกิเลสแล้วคือเป็นปาฏิหาริย์ แต่ทำไมปาฏิหาริย์นี้ไม่ช่วยให้เจริญอาหารได้เลย มันเป็นปาฏิหารที่ธรรมดาเกินไปหรือไม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น จนให้หมดสุขหมดทุกข์ได้ให้ถึง 0 พ่อครูว่า… ที่จริง เตรียมไว้จะพูดถึงองค์ประชุม เรื่องปาฏิหาริย์ก็น่าจะต่อ ความจนมหัศจรรย์ สามัญสำนึกของคนทุกคนด้วยปุถุชนปกติ ต้องการโดยต้องการมีมากๆ จะได้จับจ่ายใช้สอยบำเรอความต้องการของตัวเองให้เต็มที่ ความเร็วด้วยการซื้อวัตถุต่างๆที่ต้องการก็ดี ด้วยการที่จะซื้อของบำเรอ รูปรสเสียงกลิ่นสัมผัสเสียดสี ที่ตัวเองมีอุปาทานยึดว่าอย่างนี้มันสุขอย่างนี้มันพอใจอย่างนี้มันดี มันพอใจของสมมุติ บางคนก็ชอบรุนแรง บางคนก็ชอบนิ่มนวล บางคนก็ชอบกลางๆพอดีมันไม่เท่ากันเลย มากบ้างน้อยบ้างจนกระทั่งละเอียดตัดสินยาก ก็แล้วแต่คนยึดถือ บางคนยึดถือเอามา พอได้ก็เอามาสัมพันธ์กัน ตามที่เราต้องได้มาแตะต้องกันเกี่ยวข้องกันแล้ว ก็สมใจ ถ้ายังติดอยู่อย่างนี้มันก็ต้องติดไปอีกนานเท่านาน จนกว่าจะไม่ต้องหรอก ทุกอย่างก็เป็นอิสระของตัวเอง มันไม่มีอะไรไม่พรากจากกัน ต่างคนต่างอิสระเสรี แต่ที่นี้คงไม่ถึงขั้นนี้ เมื่อมาถึงขั้นนี้ก็ต้องมีคู่ จะต้องมีสิ่งดูดไว้ อย่างอาตมา ดูสภาพที่ควรจะต้องให้คนได้รู้ ใช่เข้าใจได้เห็นว่าดี แล้วเขาก็ควรจะต้องเอาอันนี้ ก็มีภาษาจบว่า เอาอะไร เอาสิ่งที่ไม่ต้องเอา เอาสิ่งที่ไม่ต้องมี มันเป็นภาษาจบแล้ว เพราะความมีนี่แหละทำให้คนที่ไม่หลุดพ้นไปจากทุกอย่างในโลก ในมหาจักรวาลในวัฏสงสาร เขาก็จะต้องมี จนกว่าจะเข้าใจว่าโอ้โห! ก็เพราะไปจะเอาไปมีนี่แหละ มันถึงไม่เลิกไม่จบในการที่จะมี สิ่งที่เป็นจิตนิยามก็ดี แม่เป็นพีชนิยามก็ดี เพราะฉันนั้นยังเป็นชีวจิตนิยามก็ต้องมีทุกข์มีสุขอะไรอีกเยอะแยะ ลดลงมาเป็นพีชนิยามก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีวิบากบาปบุญแล้วไม่จองเวรไม่ทำลาย ตัวของตัวก็เฉพาะตัว ก็ยังเหลือแต่ตัวของตัว จนกว่าจะเข้าใจว่า พีชะนี้ผสมด้วยธาตุ 3 ถ้า 1 ถ้าตัวประธาน กับอีกธาตุหนึ่งเป็นธาตุ 2 เลขภาษาวิทยาศาสตร์บวกกับลบ เรียกภาษาคณิตศาสตร์ 1 กับ 2 หรือ 1 กับ 0 ถ้าสภาพของ 0 เราทำ 0 ได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว 1 ไม่มี 2 ไม่มี ก็เป็นผู้รู้คือประธาน เราก็รู้ที่จบว่า 0 คือความไม่มี ทำให้มีความเกาะยึดความเป็นตัวตนแม้แต่ยึดแค่เป็นพืชก็ไม่ต้องยึดแล้ว ทำได้รู้ได้ พระอรหันต์ ทำเป็นพูดก็รู้ได้แล้ว เพราะฉะนั้นทำเป็นพืชให้หมดโศกหมดทุกข์เราก็ต้องทำเป็นพืชได้แล้วหมดสุขหมดทุกข์ จบ จากหมดสุขหมดทุกข์เป็นไม่มีสุขไม่มีทุกข์เลย หมดโศกหมดทุกข์มันก็คล้ายๆกับไม่มีสุขไม่มีทุกข์เลย แต่มันยังมีนัยยะเป็นสิริมหามายาละเอียดว่ายังมีสุขมีทุกข์อยู่นะ มันยังมี 2 อยู่ แยกไม่ออกหรอก 2 มองในมุมหนึ่งก็เป็นสุข เพราะฉะนั้นเห็นทุกข์นี่แหละเป็นสุข พวกที่ไปเห็นทุกข์เป็นสุขจนกระทั่งไม่รู้ว่าทุกข์มันหนักขึ้นหนักขึ้นก็ไม่รู้ตัว เพราะโง่ขึ้นโง่ขึ้นเรื่อยๆเจริญงอกงามไพบูลย์ด้วยความโง่ ก็เลยไม่รู้ทุกข์มากมายทุกข์หนักทุกข์ใหญ่ก็ไม่รู้ตัว จนกระทั่งไม่รู้ตัวแล้วแบกทุกข์ไว้ก็คือไปหลงสุขนั่นแหละ ก็ทำให้หมดทุกข์ หมดทุกข์ก็หมดสุข หมดภาษาแล้วตอนนี้ อาศัยกระดาษ 1 แผ่นอธิบายหน้าหนึ่งเป็นด้านสุขอีกด้านหนึ่งเป็นทุกข์ จะแยกออกจากกันไม่ได้ ทำให้มันเหลือหน้าเดียวไม่ได้ จะสลายก็ต้องสลายไปทั้งสองหน้า สลายทั้งความสุขและความทุกข์ ไม่มี 2 เป็น 0 ไปเลย ก็จบตรงนี้ รู้จัก 0 0 ได้ก็จบ สุดแล้วก็กลายเป็นอุตุธาตุ ดินน้ำไฟลม มันไม่มีตัวตนไม่มีตัวกูของกูแล้ว มีแต่พลังงานอื่นจะมาจัดการกับมันไป เป็นพลังงานตั้งแต่พลังงานพระอาทิตย์ มีบริวารมากที่สุดก็ 9 บริวารน้อยที่สุดก็ 9 ในจักรวาลที่น้อยที่สุดก็มี 9 ดวง ซึ่งมีคนอุตริจะให้เหลือ 8 มันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะมันมีสภาพของสัจธรรม 9 นี้มีเลข 3 ตัวสมดุลกันอยู่ เอาออกก็กลายเป็นตัวเขย่ง มีความบกพร่องเดี๋ยวก็กลายเป็นอุกกาบาตไม่มีวงโคจรแน่นอน ซึ่งมันเป็นได้ เปลี่ยนไปเป็นอันนั้นได้ แต่ด้วยแรงดึงดูดมันไม่ยอมให้จากกันง่ายๆหรอก จนกว่าคนจะถึงขั้นสร้างพลังงาน ผลัก รู้จักพลังงานดูดพลังงานผลักและสลายการดูดการผลัก จนไม่ดูดและผลักเลยอันนี้มีจิตวิญญาณเท่านั้นที่ทำได้ ดินน้ำไฟลมทำไม่ได้ พีชนิยามก็พอทำได้บ้าง ดินน้ำไฟลมนั้นเป็นพลังงานแม่เหล็ก พลังงานไฟฟ้า ไฟฟ้านี่สลาย ตัวแม่เหล็กนี่ดูดไว้แน่น ก็เป็น 2 สภาพ อันนึงดูด อันหนึ่งผลัก มันมีรายละเอียดพวกนี้อาตมาก็ไม่ได้ลงลึกฟิสิกส์ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สู่แดนธรรม.. ตอนนี้พ่อท่านพยายามเคลียร์รันเวย์เตรียมบิน เตรียมคนคัดเลือกเฟ้นคนดูดเอาแต่คนที่มีคุณสมบัติประเภทนี้มารวมกันได้ไหม พ่อครูว่า… ได้พูดอย่างนี้ก็ได้ พวกที่ไม่ดีก็อย่าไปรวมกับเขาเลย เขาก็เป็นของเขา เขาอยากจะมากวนเขาก็มารวนได้ แต่เราก็พยายามไม่ได้เป็นศัตรู ไม่ได้ทำอะไรเขา จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร เขาก็ไม่มากวนเรา เราก็ทำประโยชน์กับหมู่ที่เราอยู่ด้วย ส่วนจะไปเป็นโทษเป็นภัยกับคนอื่นๆ เราก็ไม่หมดแล้ว คนอื่นก็มีลึกๆรู้เหมือนกันว่าเขาไม่อยากหาเรื่อง หรือยิ่งมีภูมิธรรมรู้แล้วว่าคนนี้เขาไม่ได้มาหาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนเลย มีแต่เขาทำประโยชน์คุณค่าสัจธรรมความดีงามพวกนี้ เขาก็ยิ่งจะไม่ทำเลย เพราะฉะนั้นคนที่จะไปทำคนดีอยู่ ไปตอแยคนที่ดีอยู่ก็คือคนโง่เท่านั้น คนโง่จะไม่เข้ามาใกล้เรามากนักหรอกเป็นอจินไตย คนที่มันต่างกันมากจะไม่เข้ามาใกล้ แต่คนที่โง่หนัก ก็พยายามจะไปเบ่ง ไปเบ่งกับคนที่ด้อยกว่าอยู่เรื่อยๆ อย่างที่เห็นอยู่ในโลก ทำให้ตัวเองใหญ่ตัวเองมีอำนาจ มันก็หลงอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะเลิกหลง ทีนี้เราจะไปบังคับเขาไม่ได้ ให้เขาเลิกหลง เราไปบังคับเขาไม่ได้ เขาเองเขายึดอย่างนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างที่มันเป็นอยู่ในโลก มันก็ต้องปล่อยไปตามที่เขาเป็น เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง เขามายุ่งกับเราหรือเขาจะมาทำร้ายเรา เขาก็ไม่รู้หรอก เพราะฉะนั้นก็อย่าไปทำ เราก็ทำประโยชน์นี่แหละกับคนที่ควร อย่างเช่นอยู่ด้วยกันเป็นประโยชน์ต่อกันไปให้สูงสุด เสร็จแล้วใครจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เลิกจบแล้วชีวะชีวิตมนุษย์ เป็นจิตนิยามสูงสุดแล้วก็ทำไปสิ ทำได้แล้ว ถ้าใครยังไม่อยากปรินิพพานเป็นปริโยสานยังจะช่วยมนุษย์อยู่ มีปณิธานเหมือนพระอวโลกิเตศวรก็เอา ท่านก็มีตัวอย่างมีอยู่ในโลก ใครจะทำมากทำน้อยก็แล้วแต่ จะเอาอย่างพระอวโลกิเตศวรหรือพระเจ้าแม่กวนอิม ก็เอาสิ หรือจะเอาครึ่งนึงของท่านครึ่งทางของท่าน แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป หรือจะไม่เอาครึ่งนึงเอาแค่เศษหนึ่งส่วนสี่ก็เอาได้ คนจนที่เป็น 0 ผู้เจริญอย่างไม่มีใครเทียม วันนี้พูดถึงเรื่อง จนมหัศจรรย์ การมีน้อยนี้มันไม่แย่งคนอื่น ให้คนอื่นแย่งไปหมดแล้วเราเป็น 0 แต่เรา 0 นี่นะ มันย่อมไม่เป็นคน 0 ที่ไร้ค่า เราเป็นคนที่มีความรู้มีสถานะอันเจริญ เป็นผู้รู้เป็นผู้ไม่ขี้เกียจขี้คร้าน ขยันหมั่นเพียรด้วย มีความรู้ความสามารถด้วย เราก็อยู่กับความรู้ความสามารถกับความไม่ขี้เกียจ ขยันหมั่นเพียร ผู้ทรงความรู้ความสามารถก็ขยัน ปรารภความเพียรอยู่ตลอดกับความรู้ความสามารถของเรามี มันเป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษกับมนุษยชาติ เป็นประโยชน์ที่ดีประโยชน์ที่ควร คนอื่นรับไว้ได้ประโยชน์จริงๆ มันมีที่สุดของมันอยู่แล้ว มันไม่ต้องเลือกอะไรอีกแล้ว เราก็จบอยู่ตรงหน้าที่อยู่กับงานอันนี้ จนกว่าเราจะเลิก แยกธาตุไปเป็นดินน้ำไฟลมไป ถ้ายังไม่เลิกเราก็สร้างประโยชน์คุณค่าให้ดียิ่งขึ้น เท่าที่จะมีมนุษย์แต่ละท่านพากเพียรจะสร้างได้ดีได้มากขึ้น สูงสุดถือว่าเป็นพระพุทธเจ้า เราก็ทำ คุณจะรู้เองว่าคุณเทียบไปหาพระพุทธเจ้าได้แค่ไหน อย่างอาตมาก็เทียบไป ระดับ 7 ระดับ 8 ขึ้นไป แล้วเราจะรู้เองว่าเราห่างไกลคนอื่นเขามากเลย ไม่ว่าจะในยุคนี้ที่มีคนดีน้อย ในยุคที่มีคนเจริญมากเจริญน้อยเราก็ยังสูงที่สุดอีก จนกว่าเจริญมากๆกว่าคนที่เขาไม่เจริญเท่าเรา มีระยะห่างมากจนกระทั่ง เขาไล่ไม่ทัน เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้ากับผู้ที่รอง ในยุคใดเมื่อใดก็แล้วแต่ มันห่างจนเขาไม่มีทางไล่ทัน นานกี่กัป กี่ล้านปีแสงก็ยังยากที่จะมาไล่ทัน จะมีความรู้เลยว่ามันสุดวิสัย ไม่มีใครไล่ทันหรอก ก็ตัดสินได้ ว่าสูงสุด เราจะรู้ทั้งระยะเวลาและคุณภาพคุณสมบัติที่จะประมวลสั่งสมมาที่จะให้เท่าเทียมเราจะต้องใช้ทั้งเวลาใช้ทั้งมวลคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ซึ่งมันจะมาเท่าเทียมเรานี้ ไม่ได้ เพราะเราเองก็ไม่ได้อยู่เปล่าเราก็เดินทางเจริญขึ้นไปเรื่อย แล้วอัตราการก้าวหน้าของเรามากกว่าอัตราการก้าวหน้าของผู้ที่เป็นรอง มันคนละขนาดเลย แล้วมันจะมีวันไล่ทันไหม มันไม่มีทางไล่ทันเลยเพราะฉะนั้นเป็นเรื่องสุดวิสัยแล้ว ผู้นั้นจะรู้เองตัดสินได้เลยว่า สุดแล้ว สูงสุดแล้ว พวกเรานี้เป็นคนจน จนตรงไหน ถ้าหากเราไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรเรา อยู่กับกองกลาง อาหารการกิน ยารักษาโรค ก็ไม่ต้องสะสมไว้ที่เรา เป็นโรคแล้วค่อยใช้ อยู่ที่กองกลาง เราใช้จริงๆก็คือเครื่องนุ่งห่ม กันร้อนกันหนาว กันแมลงสัตว์กัดต่อย กันอุจาด มีเท่านี้ชุดเท่านี้ชิ้นก็พอแล้ว มันรู้จักคุณค่าคุณประโยชน์ เท่านี้ก็พอ จะไปหอบไปหามาทำไม มันก็หมุนเวียนที่จะซักเปลี่ยนใช้ สบาย ไม่ต้องเก็บต้องสะสม จะต้องมีที่เก็บจะต้องรักษาจากพวกฝุ่นพวกแมลงอีก ที่อยู่อาศัยก็ไม่มีปัญหาอะไรมากเลย ที่อยู่อาศัยพวกเราเหลือเฟือ สมัยพุทธเจ้าอยู่ร่มไม้เรือนว่างที่ไม่มีเจ้าของ ชาวอโศกเรามีเรือนว่างเรือนอาศัย คนยังมาอาศัยอยู่ร่วมกัน บ้านที่ว่างๆไม่มีใครอาศัยอยู่ก็มีเยอะ เรือนเรือ เรือเรือน อาตมาหาเรือมาให้ บูรณะเรือขึ้นมาก็จะมีเรือที่อยู่บนบก ก็เรียกว่า เรือนเรือ ก็มีคนมาอยู่อาศัยได้ยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ว่ามาอยู่ที่นี่จะต้องมาเป็นคนเช่นชาวเรา เช่นชาวเราพื้นฐานอย่างน้อยที่สุดก็คือไม่มีอบายมุข ไม่กินเนื้อสัตว์ ถือศีล 5 เป็นอย่างต่ำ ถ้าหากไม่ต่ำกว่ามาตรฐานก็อยู่ได้ตลอด ตั้งชื่อที่นี่ว่า บ้านราช เมืองเรือ ก็เป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง แต่หลายประการ อจินไตยข้อ 1 แต่มันมีหลายประการ เช่นที่ว่า แล้วตกลงเอาแค่ว่า เรือ กับเรือน เอาอะไรกันแน่ เรือกับเรือน จะเอาเรือหรือเอาเรือน ถ้าเอาเรือนนี่มันอยู่บนบก แต่ถ้าเอาเรือนี่มันอยู่บนน้ำ อาตมาทำสำเร็จเอาเรือมาอยู่บนบกก็ได้ เอาเรือมาอยู่บนน้ำก็ได้ เรืออยู่บนน้ำไม่ต้องเรือหรอก ทำแพก็อยู่บนน้ำได้ จะทำเสาทำทุ่นรองก็เป็นเรือนได้ ถ้าจะเรียกว่า เรือน คือมีเสา เรือคือไม่มีเสา มีแต่ท้องเรือลอยบนน้ำจะเอาแบบใดก็ได้ ได้ทั้งสองอย่างเราก็เอาทั้ง 2 อย่าง แต่เราจะเอารูปของเรือ ถึงอย่างไรบ้านเราก็มีเสามากกว่าเรืออยู่ดี จริงๆแล้วเรือนี่ถ้าน้ำมาเรือมันก็ลอยได้ ไปไหนๆตามน้ำก็ลอยไปได้จะน้ำจะขึ้นมาอีกเท่าไหร่ก็ลอยได้ ส่วน เรือนมันต่อกับดิน น้ำมามันลอยไม่ได้ ถ้าทำกึ่งเรือกึ่งเรือนก็คือแพ ครึ่งบกครึ่งน้ำ สรุปแล้วเป็นที่พักที่อาศัย คนอาศัยก็มีอาศัยอยู่บนน้ำกับอาศัยอยู่บนบก คนจะไปอาศัยอยู่บนอากาศไม่ได้มันต้องเคลื่อนที่ ซึ่งมันก็ยาก ไม่เคลื่อนที่มันก็อยู่บนน้ำหรืออยู่บนบกก็ได้ก็มีเท่านี้ เราก็มีทั้ง 2 อย่างที่อยู่บนบกสะดวกก็อยู่บนน้ำ อยู่บนน้ำมันก็ไปยากไหม.. ยาก มันช้ากว่า อยู่บนบกกับอยู่บนอากาศมันเร็วกว่า (นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ) สู่แดนธรรม..พ่อท่านเมื่อไม่ติดอะไรแล้วจะอยู่ไปทำไม ความทุกข์ที่มีก็เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ พ่อท่านบอกว่า พระโพธิสัตว์บางรูป คนที่ใกล้เคียงก็ก้าวตามไม่ทัน แล้ว พระอิสีติสาวกต่างๆ ที่มาบำเพ็ญกับพระพุทธเจ้า บางรูปก็ ใช้เวลาบำเพ็ญต่างๆกัน แล้วพระสารีบุตรจะบำเพ็ญมากี่กัป แต่ไปดูตัวเลขแล้วมันเทียบกันไม่ได้ จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก พ่อครูว่า… เข้าสู่จุดความจนมหัศจรรย์ ความจนนี่คือความไม่มีอะไร วัตถุก็ไม่ต้องไปมีอะไรมากมายเลย มันมีวิธีการสาธารณโภคี เป็นวิธีการเป็นกระบวนการที่ยิ่งใหญ่ มันไม่เป็นของใครมันเป็นของส่วนกลาง เราก็อาศัย จะยังชีพก็อยู่กับส่วนกลางหรือจะอาศัยทำงานก็อาศัยส่วนกลาง จะทำงานแล้วก็จะต้องใช้วัสดุ วัสดุใดหาได้ก็ใช้ วัสดุหาไม่ได้ก็ไปเบิกเงินมาซื้อใช้เขาก็ให้ก็เอาเงินไปซื้อ เขาไม่ให้ก็ทำเท่าที่มี มันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอกดินน้ำไฟลมพืชมากมายมีไม้มีเหล็ก มันหาได้เท่าที่หาได้ทำได้ แม้ที่สุดไม่ต้องทำอย่างวิศวะทำอย่างกสิกรรมกสิกร ก็ปลูกได้ ไม่มีอะไรก็เอาหญ้ามาปลูก นี่เขาเอาต้นกล้าลูกเดือยมาประดับโต๊ะ ลูกเดือยก็มีคาร์โบไฮเดรตเยอะ มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่าโปรตีนก็แล้วแต่ก็คล้ายๆกับข้าว อาตมาไม่มีความรู้ละเอียดลงลึก ลูกเดือยก็นิยมกินกันอยู่เหมือนกัน ก็ทำขึ้นมายังชีพช่วยชีพได้ มีผักกาดหัว หรือเรียกว่าไช้เท้า ก็มีรสมีกลิ่นมีสัมผัส อย่างนั้นอย่างนี้ ก็อาศัย มีธาตุในตัวของมัน ทีนี้คนจนจนอย่างเราก็อยู่บนพื้นดิน มันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจริงๆหรอก มันสามารถดูวิธีการปลูก ปลูกพืชผักอะไรต่ออะไรให้ได้ คนที่เขาร่ำรวยมากๆเขาปลูกไม่เป็น เพราะเขาอาศัยความรวยซื้อมากินใช้พออยู่แล้ว จนกระทั่งเขาจะปลูก ปลูกไม่เป็น มันก็เป็นความจริง ถ้าไม่มีใครปลูกเลยเขาก็ตาย หาคนปลูกให้กินเลยไม่ได้ เอาเงินไปซื้อไม่ได้เขาก็ตาย เป็นอย่างนั้นจริง แต่เขามีเงินอยู่ อย่างพวกที่มีเงินมากๆ ประเทศที่มีเงินมากๆ พวกไม่จน มันก็ทำให้เขา พูดชัดๆหน่อย ขอใช้สัจธรรมพูด ก็ทำให้เขาโง่ที่ปลูกกินปลูกใช้ไม่เป็น แล้วคนที่จะไปตกอยู่ในที่ที่ปลูกกินใช้ไม่เป็น ก็คือผืนแผ่นดินที่เขาอยู่ เป็นพื้นแผ่นดินที่ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารยากด้วย มันก็ลงตัว เช่น มีแต่ทราย หรือมีแต่น้ำแข็ง ก็ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ยาก หรือมีแต่ความร้อนมากๆพืชพันธุ์ธัญญาหารก็ขึ้นยาก ดินแดนที่มีแต่ความร้อนก็มีพืชที่ขึ้นรกๆเลอะๆ สัตว์กิน แต่คนกินไม่ได้ ก็เลี้ยงตัวเองไม่รอด มีทั้งเป็นทรายเป็นน้ำแข็งหรือพื้นดินที่คนอาศัยได้ยาก รายละเอียดพวกนี้ยังมีอีกมาก อาตมาคิดออกในปัจจุบันนี้เท่านี้ สรุปแล้วคนเราอาศัยชีวิตอยู่บนโลกแผ่นดินนี้นี่ มันก็เป็นบารมีของคน มีวิบากของคนเหมือนกัน คนที่อยู่ในภูมิประเทศแถบเอเชีย ประเทศไทยในย่านนี้คล้ายกัน ขยันแล้วไม่มีตาย ปลูกอยู่ปลูกกินปลูกใช้ไม่มีตาย ดีกว่าอยู่ขั้วโลกเหนือ ดีกว่าอยู่ทะเลทราย ดีกว่าอยู่ที่แอฟริกาหรือเอธิโอเปีย อย่างนี้เป็นต้น หรือนิวกินี สิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตย กรรมวิบากของแต่ละคนที่จะต้องไปอยู่เป็นเช่นนั้นๆ ซ้อนลึก ตรงที่ว่ามีจนกับมีรวย คนในประเทศที่รวยจนกระทั่งปลูกพืชผักกินไม่เป็น ก็ฉลาดน้อยกว่าผู้ที่ปลูกพืชผักกินเองได้ ก็เท่ากับเดรัจฉาน มันปลูกให้ตัวเองกินไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น พูดไปเดี๋ยวจะว่าไปด่าเขาอีก แต่เขารวยนะ คนเหล่านั้นมองไปอีกมุมหนึ่ง รวย อย่างมีประเทศที่รวยๆ เขามีสมบัติอะไรบางอย่าง เขาอาจจะมีทองคำ หรือทองดำ บางประเทศก็มีทองคำเยอะ ทองดำก็คือน้ำมัน ทองคำก็คือโลหะ บางประเทศมีทั้งทองคำและทองดำเยอะ เช่น ประเทศบรูไน แล้วพลเมืองในประเทศเขาก็มีน้อย จะว่าไปแล้วประเทศซาอุมีทองดำเยอะ มีน้ำมันเยอะ มีอาณาบริเวณเยอะ ทองดำก็เยอะ แต่บรูไนมีทองดำด้วย มีทองคำด้วย แต่ประเทศเขาเล็ก พลเมืองเขาน้อย เทียบเคียงแล้วเขาก็รวยน่าดูเหมือนกัน ซาอุฯก็รวย ประเทศไทยนี้ไม่รวย นอกจากไม่รวยแล้วเข้าใจสิ่งที่เป็นอจินไตยลึกซึ้งด้วย มาจน นอกจากไม่รวยแล้วไม่แย่งรวย พากเพียรมาเป็นคนจนที่มีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถขยันสร้างสรรสิ่งที่มนุษย์อาศัย สิ่งที่มนุษย์อาศัยสูงสุดคือ อาหาร นอกจากอาหาร ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่านั้น อาหารคือ กวฬิงการาหาร นี่แหละ สิ่งที่จะกินเข้าไปเลี้ยงสังขารขันธ์ ย่อสรุปลงมาแล้วชีวิตก็มาจบที่ กวฬิงการาหาร แม้แต่ในอาหารคำข้าวนี่เอง คนที่โง่ คุณต้องกินอาหารที่เป็นอาหารธาตุเป็นข้าวกับกับข้าวไปเลี้ยงขันธ์ คนที่ไปโง่กว่านั้น ติดสิ่งเสพติดยิ่งกว่าข้าว ได้เสพสิ่งเสพติดแล้วไม่ให้กินข้าว อยู่ได้ พออยู่ได้แบบลำลองเดี๋ยวก็ตาย เช่น พวกติดน้ำมันเบนซิน มันกินแต่น้ำมันเบนซินมันไม่ค่อยกินข้าวเลย เคยเห็นไหมเคยได้ยินข่าวรู้เรื่องไหม กินน้ำมันเบนซิน แล้วเขากินวิธีไหน เขามีผ้าชุบน้ำมันเบนซินแล้วมาดูด กิน มันก็เลี้ยงขันธ์ได้ แต่ไม่นานก็ตาย เพราะไม่ใช่อาหารที่แท้จริง มันลึกซึ้งละเอียดจนกระทั่งอาตมาว่า แล้วเบนซินเข้าไปสังเคราะห์ร่างกายสรีระของเขา ก็คงใช้อันนี้เป็นอาหารเป็นธาตุที่จะปรุงแต่งกันได้ นี่มีคนที่กินเบนซิน มีข่าวคราวอาตมาก็จำได้ คนไทยนี่แหละ ก็ประหลาดที่สุด อายุไม่ยืนหรอก บางคนไม่กินเบนซินไม่กินข้าวมากหรอก กินแต่หมากกับพลู เขาก็ถือว่าหมากพลูไปเลี้ยงขันธ์ เหมือนกับเบนซินไปเลี้ยงขันธ์ หมากพลูก็น่าจะเลี้ยงขันธ์ได้มากกว่าเบนซิน ก็เลยพอไปได้ จะลึกซึ้งเข้าไป ที่จริงเขาก็ไม่ได้กลืนกินเข้าไปทีเดียวแต่มันซึมเข้าไป อาจจะกลืนบ้างนิดๆหน่อยๆ กลืนเป็นน้ำหมาก เป็นธาตุน้ำ ไหลซึม กลืนเป็นน้ำหมากไป โดยเขารู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ก็คงจะเอร็ดอร่อยหรือไม่อร่อยก็ตามแต่ เราไม่ได้ติดยึดอย่างเขา เราก็ไม่รู้รายละเอียด แต่ที่ยกตัวอย่างเพราะมันมีจริงในคน เขาติดกินหมากกินพลูมากกว่ากินอาหารกินข้าวกับกับกับแกง กินมันทั้งวัน กินมากไม่หยุดไม่หย่อน กินอาหารพวกนี้ก็พอยังขันธ์ไป ถ้าเขาเลิกอาหารกินแต่หมากพลูก็จะอายุสั้นเหมือนพวกกินเบนซิน แต่พวกกินเบนซินก็กินข้าวน้อยมากแล้วมันก็ตายเร็ว เพราะไม่ใช่ของไปเลี้ยงขันธ์ คนเรารู้จักสิ่งที่เป็นสารสังเคราะห์กันในตัวเรา แล้วรับมายังสมดุล แล้วทำให้สังขารขันธ์ ดินน้ำไฟลม มันสังเคราะห์กัน สังขารกันอยู่ ปรุงแต่งกันอยู่ ได้สัดส่วน ได้สมดุลอยู่ไป ให้ยืดยาว ขาดอะไรก็เติมตามที่จะมีความรู้เรียกว่าโภชนาการ เติมให้มันสมดุล อย่างอาตมาก็พยายาม มีคนช่วย พยายามรู้ บางทีรู้เกินความจริงด้วย อาตมาก็ว่าเราขาดอันนี้หรือ เขาก็เอามาให้จัง มันอยู่ที่ตัวเราตัดสินสุดท้ายว่าเราจะเอาเข้าเนื้อเข้าตัวเราแค่ไหนอย่างไรหรือไม่ ก็มีสิ่งที่จะเอามาไว้ในตัว สังเคราะห์สังขารตัวเองไม่มากเลย น้อย อาหารที่จะกินเข้าไปสังเคราะห์ บอกแล้วผ้านุ่งก็ไม่หนักหนาไม่ยากเลย ยิ่งที่อยู่และยารักษาโรค ยารักษาโรค มันก็ตอนจำเป็น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง ที่อยู่ที่พักก็บอกไปแล้วบนน้ำบนดิน ก็อาหารการกินนั่นแหละ กินสังเคราะห์ร่างกายไป เพราะฉะนั้นคนเรามีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปมีเพชรพลอย ไม่ต้องไปมีทองคำ มีธนบัตรอะไรมากมาย แต่เราทำได้ ใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารได้อุดมสมบูรณ์มากมายมีความรู้ ซึ่งคนทุกคนไม่ว่าคนในประเทศไหน ภาคไหน ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ ภาคกลาง ทะเลทรายหรือน้ำแข็งก็แล้วแต่ ก็ต้องกินอาหาร พืชพันธุ์ธัญญาหารได้ทั้งนั้น แม้แต่คนขั้วโลกเหนือกินแต่เนื้อสัตว์เป็นหลัก ให้เขากินพืชพันธุ์ธัญญาหารแทนเนื้อสัตว์ เขาก็จะอายุยืนมากกว่าที่เขากินแต่เนื้อสัตว์ แต่เขาไม่มี เขาก็จำนน ต้องกินเนื้อสัตว์ กินปลากินปู แต่ว่าปูอยู่ในน้ำแข็งมีไหม สรุปแล้วเราอยู่กับเครื่องอาศัยที่ภาษาบาลีเรียกว่า อาหาระ เราต้องมีอาหารกิน เรียกว่าอาหารบริโภค เครื่องใช้เราเรียกอุปโภค เครื่องกินเราเรียกว่าบริโภค เราก็มีเครื่องกินเครื่องใช้มีจานชามส้อมกระดาษ คอมพิวเตอร์ อะไรก็แล้วแต่ พวกนี้กินไม่ได้หรอก มันเป็นเครื่องใช้ก็แยกกันได้ แยกเป็นเครื่องกินกับเครื่องใช้ 2 อย่างก็มีอาศัยอยู่แค่นั้นแหละสุดท้าย เครื่องใช้ก็พัฒนาการกันสร้างกันจนกระทั่ง จนจะกลายเป็นสิ่งวิเศษ อย่างเช่นคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งวิเศษแล้ว ในคอมพิวเตอร์มีอีกสารพัดชื่อ มันทำอะไรได้พิลึกพิลือเก่ง ก็ว่ากันไปทางด้านวัตถุ ทางด้านพืชก็ว่ากันไป เมืองไทยสามารถปลูกพืช เราไม่เก่งทางวิศวกรรมทางวัตถุ อุตสาหกรรม เพราะจริงๆแล้ววัตถุมันยังชีพไม่ได้เหมือนกับพืช พื้นภูมิประเทศเราก็เหมาะสมที่จะทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร มากกว่าที่จะทำพวกนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไปโง่ เราทำเป็นบ้างก็ทำ ใครถนัดใครชอบก็พออาศัย อาศัยไม่ได้ก็ซื้อเขา ซื้อไม่ได้ก็เอาพืชพันธุ์ธัญญาหารไปแลกเปลี่ยนเอา เขาก็ต้องให้อยู่ดี เพราะว่าเรามีอันนี้มากแล้วก็ดีด้วย คุณภาพสูงด้วย อะไรพวกนี้ไร้สารพิษก็ดี มีธาตุอาหารอีกเยอะแยะ สรุปลงแล้ว เรา เป็นมนุษย์อยู่กับพืชพันธุ์ธัญญาหาร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละให้มีคุณภาพดีสุด มากเยอะแยะ แล้วก็คนคนละโลก ก็คุณต้องกินอันนี้ต้องอาศัยอันนี้ กินนะไม่ใช่เป็นการใช้อุปโภค แต่เป็นการบริโภค คุณอาศัยกินมากกว่าอาศัยใช้ สัตว์เดรัจฉานมันใช้เครื่องใช้น้อย มันต้องกิน เพราะเป็นสัตว์ คุณก็เป็นสัตว์คนก็เป็นสัตว์ สุดท้ายมันก็เป็นตรงนั้น เพราะฉะนั้นเรามามีความรู้ความสามารถที่จะสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้ได้ดีได้มาก จบเลย แล้วเกื้อกูลเลี้ยงโลก เราก็อาศัยกินใช้ในนั้นซึ่งมันพอ ยิ่งมีมากคนคนละไม้คนละมือต่างคนต่างเก่งต่างคนต่างขยัน ที่จะสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่ดินของเรายังมีมากพอจะสร้างได้อีกเหลือแหล่เลย ทำให้เต็มที่นี่อาตมาว่า ที่ของชาวอโศก แม้แต่ที่ของบ้านราช ทำไปเต็มที่เลย อาศัยกินใช้อาศัยกินเป็นหลัก บริโภคเป็นหลักกว่าใช้ สร้างให้มากเลย เพราะคนต้องกินต้องใช้ เพราะฉะนั้นเราจน สิ่งที่เป็นธนบัตร ทองคำ เพชรนิลจินดา อะไรที่โลกเขาติดยึดหรือแม้แต่ของสมมุติ ขี้หมาทาสีอะไรขึ้นมาก็ว่าราคาแพง สีทากระดาษสีทาผ้าใบแพง เราไม่ต้องไปหลงใหลได้ปลื้มแบบโง่เง่าเหล่านั้น เราเอาสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์โลกคืออาหาร กินเข้าไปสังเคราะห์ นี่แหละ ทำอันนี้เป็นที่หนึ่ง คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ เป็นวิบาก บารมีของคน ชาวเอธิโอเปียก็ดี ชาวตะวันออกกลางก็ดี ชาวตะวันออกกลางเขากินน้ำมันไม่ได้หรอก น้ำมันดิบหรือน้ำมันสุกก็ตาม กินไม่ได้ กินได้ก็อย่างที่พูดไปแล้วหรือจะกินแบบเบนซิน มันจะอายุยืนยาวได้อย่างไร ซึ่งมันไม่ใช่ธาตุที่จะไปสังเคราะห์ร่างกายได้ อันนี้จึงดีที่สุด เราจนที่สุดในสิ่งที่คนทั้งโลกเขาหลงใหล แต่เรารวยที่สุดในสิ่งที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันเป็น 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งขั้วรวย อีกขั้วหนึ่งขั้วจน คนที่จนที่สุด แต่รวยพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันถึงที่จบได้แล้ว รวยพืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วรู้จักสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีมีคุณภาพ ยอดเยี่ยมสุด มาเป็นอันนี้กัน แล้วเราก็อยู่ในนี้ด้วย เป็นบารมีของเรานะ ได้เป็นคนมาอยู่ในชมพูทวีปนี้ Category: ศาสนาBy Samanasandin7 กุมภาพันธ์ 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:นสพ.ข่าวอโศก ๕๔๒(๕๔๖) มกราคม’๖๕ รวมปักษ์NextNext post:650209 ไม้กวาด ไทบ้านราชRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024