650124 รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1YUj5HGmadpP6jY6z__aS31-I0BBzYUivUOZtymOZOuk/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1hAsgNSN6_XLjCxEGBgW3gxSi1e4dxwyZ/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/aKmdhRoyGP/
และ https://youtu.be/u1DXVxKDqkk
สู่แดนธรรม… วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเป็นปาฏิหาริย์ของศีลข้อ 1 ในเบื้องต้น
พ่อครูว่า… อาตมาเกิดมายุคนี้อาตมาเป็นคนแปลกประหลาด จากคนยุคนี้เขา แปลกประหลาดจนเรียกได้ว่า มหัศจรรย์
ความมหัศจรรย์นี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ภาษาบาลีท่านเรียกว่า ปาฏิหาริย์ คือความเป็นไปได้อย่างเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาเขาจะเป็นได้ เช่น คนเหาะได้ ดำดินได้ เดินบนน้ำได้ เรียกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ มีฤทธิ์มาก แสดงได้อย่างเป็นรูปธรรม เห็นอย่างโต้งๆเลย เดี๋ยวนี้ก็มี อย่าว่าแต่คนเดินได้เลย เอาเหล็กแท่งเป็นร้อยตันเหาะขึ้นไปข้างบนอากาศได้ ยิ่งใหญ่กว่ายุคพระพุทธเจ้าอีก เอาแท่งเหล็ก รู้จักไหมเด็กๆ เครื่องบิน เหาะขึ้นไปบนฟ้าได้ หนักตั้งเป็น 100 ตัน เก่งจริงๆเลยคนยุคนี้ ทำอิทธิปาฏิหาริย์
อาเทศนาปาฏิหาริย์ก็เก่งมหาศาลอีกนั่นแหละ แต่ไม่ใช่คน ใช้เครื่องพวกนี้ จิ้มๆ โอ้โห เป็นสิ่งที่ละเอียด ลอยไปกับอากาศปุ๊บปั๊บ ทั้งเร็วทั้งไว บันทึกก็ไว นิดเดียวบันทึกไว้เต็มโลกเลย เรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องที่ไม่เห็นเป็นรูปธรรมเหมือนอิทธิปาฏิหาริย์ เดี๋ยวนี้ก็เก่งกันมาก
มีอีกปาฏิหาริย์อันหนึ่งคือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ อนุสาสนีแปลว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ คนเป็นไปได้ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน มันเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งยุคนี้ยิ่งประหลาดมากเลย
เพราะฉะนั้นชาวอโศกเรามาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นไปได้ ปฏิบัติศีลก็เป็นศีลได้
ศีล ที่ปฏิบัติได้นี่นะ มันเป็นอย่างไร ประโยชน์จากการปฏิบัติศีล ผลแท้จากการเป็นศีล ท่านตรัสไว้
-
อวิปฏิสาร ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ คนมีศีลมีอานิสงส์คือไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ชาวอโศกเราปฏิบัติศีลแล้วสบายไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ลึกซึ้งมากเลยนะความไม่เดือดเนื้อร้อนใจในศีลข้อที่ 1 ผู้ปฏิบัติได้ไม่ฆ่าสัตว์ อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย คนที่ฆ่าคนอยู่นี่ เดือดเนื้อร้อนใจมาก เพราะมันอาฆาตเคียดแค้นกันมากฆ่ากัน มันไม่จบหรอก
เคยดูหนังจีนไหมมันฆ่ากันไม่จบเลย มีแต่ตามฆ่ากัน แล้วก็ต้องตามล้างแค้นให้พ่อนะ ก่อนตายก็สั่งไว้ ล้างแค้นให้ปู่นะ พยาบาทล้างแค้นกันไม่รู้จักจบ
แต่ผู้มาถือศีลได้ ปฏิบัติศีลมีอานิสงส์ ปฏิบัติศีลตามพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง ไม่ฆ่าใคร ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ หมดความเดือดเนื้อร้อนใจ
นี่คือปาฏิหาริย์ นี่คือความมหัศจรรย์ ที่คนตาถั่วมองไม่เห็น คนตาถั่วไม่รู้จักเรื่องที่วิเศษมหัศจรรย์ โดยเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว
ผู้ใดทำได้เป็นเรื่องวิเศษประเสริฐ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ยุคไหนก็มหัศจรรย์ ยิ่งในยุคนี้ยิ่งมหัศจรรย์ เพราะทำกันไม่ค่อยได้แล้ว ปฏิบัติศีลก็เป็น สีลัพพตุปาทาน หมายความว่าปฏิบัติไปตามจารีตประเพณีเก่าๆสืบทอดกันมา บอกว่าปฏิบัติศีลธรรมอย่างไรก็ไปถือศีล แม้ฆ่าสัตว์ก็ไปทำอย่างดื้อๆ เฉยๆ เหมือนกับ สูงสุดก็เหมือนกับเชน นี่ไม่ฆ่า สัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก สัตว์น้อย แต่ไม่รู้ว่า ไม่ฆ่าสัตว์แล้วจะเกิดผลที่จิตอย่างไร จิต ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่รู้จัก
อ้อ.. เราไม่ฆ่าสัตว์ เรามีแต่ความเป็นมิตร เรามีแต่ความเมตตา เราไม่ทำร้ายอะไรใครต่อใครเลย ยิ่งนับวัน ยิ่งเราไม่ฆ่าสัตว์ใด ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียนสัตว์ใดๆเลย ยิ่งปลอดภัย
แม้แต่ ในที่สุดกรรมวิบาก เราไม่ฆ่าเลย หยุดเด็ดขาด กรรมวิบากนี้จะเจริญ ประเสริฐ โอ้โห มันจะทำให้เป็นคนปลอดภัย แม้แต่เหตุร้ายอะไรที่จะมาหาเรา จะไม่มาถึงเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรียกว่า ปาฏิหาริย์
ที่เรื่องร้ายๆ อย่างอาตมา พิสูจน์ในชาตินี้ เข้าไปอำนวยการเพื่อจะให้เราไปชุมนุมประท้วงอยู่ในสนามรบ เขาก็ยิงกันตายไปไม่รู้เท่าไหร่ อาตมาก็เป็นเป้าอยู่บนเวที มันไม่ต้องใช้สไนเปอร์หรอก ใช้ปืนอะไรเล็งก็ถูก เป้าตัวโตๆอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะยิง
อันนี้มันเป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่ เป็นกรรมวิบากที่รักษา ธัมโมหเวรักขติ ธรรมจารี ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม คิดเอาไม่ได้ แต่อาตมาก็มีบารมีเรื่องนี้พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ประมาทอวดดิบอวดดีท้าทาย อย่างที่คนอื่นท้าทายไม่ได้ท้าทาย ก็ทำตามเหตุปัจจัยที่มันมี ที่มีเหตุการณ์ต่างๆผ่านมา มหัศจรรย์จริงๆ
หมดสุขหมดทุกข์คืออนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าสอน
มหัศจรรย์ทางด้านความเป็น อาเทศนาปาฏิหาริย์ เป็นนามธรรมเป็นอรูป ถ้าจะเอานามธรรมจริงๆ ต้องเอาอย่างอนุสาสนีปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์เป็นอรูป ที่เรานึกไม่ถึง มันเป็นไปได้ อย่างคนที่มีอาเทศนาปาฏิหาริย์หยั่งรู้คนที่ทำของหาย คนนี้มีอะไรลึกลับอะไรก็ทายถูกต่างๆนานาพวกนี้เรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์ มันก็เก่ง คนเป็นไม่ได้ง่ายๆ แต่มันมีคนที่ทำได้น้อย ส่วนมากเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องหลอกกัน อิทธิปาฏิหาริย์ทำไม่ได้เลยเหาะเหิรเดินน่ำดำดิน เนรมิตอะไรเป็นรูปธรรมมันเป็นไปไม่ได้แล้ว นอกจากจะเก่งอย่างอื่นใช้พลังงานวัตถุอย่างแท้จริง
ส่วนจิตหรืออรูปนั้น ก็โกหกเสียเยอะ จะมารู้รายละเอียดลึกลับอะไร ทายของหาย ทายวิญญาณ ทายนู่นทายนี่ หลอกกันเสียเยอะ ด้วยความไม่รู้ก็หลอกกันแต่ไปหมด
เช่นไม่มีความรู้ในเรื่องผีก็บอกว่า ผีมี มันมีในอวิชชาในอุปาทานของคน มีแต่ความเป็นอุปาทานความเป็นผู้โง่ ผู้อวิชชา มี ผีที่มีอันนั้นเป็นผีหลอก มันไม่มีจริง
คนที่เขาบอกว่าผีมีจริงอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นการหลอกตนเอง หลอกคนอื่น พากันหลอกกันไป เมืองไทยนี่แหละหลอกกันเป็นผี ที่อื่นเขาก็ไม่กระไร ไม่เหมือนเมืองไทย กลัวผี
คนตายแล้ววิญญาณคนตายยังหวงวิญญาณ จะมาหลอกคนนั้นคนนี้ จะมาปรากฏตัว จะมาแสดงตัวให้รู้กัน คนไทยขี้กลัวผีกันเยอะ แล้วก็มีนิยายสร้างกัน เป็นนิยายหลอกโลกกันไม่รู้นิยายตั้งเท่าไหร่เรื่องผี ของคนไทย สร้างเป็นหนัง เป็นละคร ซีรีส์ยาวๆเยอะแยะเลย นับถือศาสนาพุทธแท้ๆ แทนที่จะรู้ความจริงในเรื่องพวกนี้…ไม่.. โง่ดักดาน โง่เง่า
แม้แต่มาปฏิบัติธรรมะแล้ว เรียนรู้ตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมิจฉาทิฏฐิ เรียนผิด เรียนไป มีวิญญาณเป็นตัวเป็นตน เป็นวิญญาณเป็นผีมาหลอก
ขอยืนยันว่า ผี ที่จะมาหลอกเรา เป็นรูปเป็นร่างเป็นตัวเป็นตนไม่มีในโลก ที่ไหนๆในโลก โลกสันนิวาสที่คนรับรู้ร่วมกันได้ ผีมันไม่มี มันมีแต่ในโลกสัมภเวสี เป็นโลกในการนึกคิดเอาเอง หลับตาแล้วไปตามความนึกคิดของใครต่อใคร แล้วคนไทยนี้งมงายเรื่องนี้เยอะ ฝันเพ้อไป เป็นอะไรต่ออะไรต่างๆนานา แล้วก็หลอกกันไป หลอกกันได้หลอกกันดีมากมาย
จนกระทั่งคนที่จะสัมมาทิฏฐิ มาเรียนรู้ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้รู้จักจิตวิญญาณ ความเป็นพลังงานชีวะ ที่เรียกว่า จิตนิยาม ที่เอามาสาธยาย อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม จนสามารถจัดการกับจิตตัวเองได้เรียกว่า กระทำกับจิตตัวเองเรียกว่า มนสิการ ทำกับจิตตัวเองได้อย่างเก่ง อย่างถ่องแท้ จริงแท้แยบคายละเอียดลออแยยบคายเรียกว่า โยนิโส ลงไปถึงที่เกิดที่ตั้งที่เป็น สัมภวะหรือปภวะ แล้วให้จิต เป็นเช่นนั้นเช่นนี้
สูงสุดเลย ทำใจในใจหรือทำจิตของตนเองให้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ ทำได้อย่างเก่ง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าถึงขั้นว่าทำจิตของเรานั้นให้ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข หมดทุกข์หมดสุข หมดบาปหมดบุญ หมดเลวร้าย
แม้ที่สุด รู้ถึงขั้นรู้ว่าจิตวิญญาณนั้นเป็นอนัตตา จิตวิญญาณไม่ใช่ตัวตน แล้วก็ทำให้จิตวิญญาณของเราเองนี้ สลายหมดตัวตนไปได้เลย สลายเป็นดินน้ำไฟลมเป็นอุตุธาตุ
สลายเป็นอุตุธาตุไปได้เลย ตามคำสอนตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า
เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์เป็นเรื่องมหัศจรรย์เหล่านั้น พระพุทธเจ้าไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งมันเป็นจริงอยู่ แต่ว่ามันไม่มีความสำคัญกับชีวิต มันไม่มีความสำคัญเท่าคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้
ตรัสรู้แล้วก็มาสอนให้รู้จักจิตวิญญาณ จิตเจตสิกรูปนิพพาน สามารถเรียนรู้จิตจนกระทั่งถึงดับทุกข์ดับสุขเรียกว่านิพพาน ดับทุกข์ ดับสุขได้รอบเรียกว่า ปรินิพพาน ดับทุกข์ ดับสุขแล้วก็ดับจิตวิญญาณทำให้สลายแยกธาตุไปได้เลยสมบูรณ์แบบเรียกว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
นิพพาน 3 ขั้น
นิพพาน มี 3 ขั้นง่ายๆ
-
นิพพาน
-
ปรินิพพาน
-
ปรินิพพานเป็นปริโยสาน