650107_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1T9YfKply7JpDmVKBPeH9vZi_Gioqo_MXimXVH1rcvQA/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1ncgbirctqlXM171Hc2BZ213XdYLY-W8G/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/1038502010340589
และ
สมณะเดินดิน… วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันเด็กปีนี้นายกให้คำขวัญว่า “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” รู้สึกว่าไม่ใช่เพียงเด็กเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม สถานการณ์ตอนนี้ ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมเพียงพอ แต่ตอนนี้สงครามโรค ยังไม่จบ การติดเชื้อ ยังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ ทั้งโรคติดเชื้อ 299 ล้าน เกือบ 300 ล้านคน ตายไป 5 ล้านคน
ประเทศไทยจากเดิมยอดลงมาเหลือ 3,000 ตอนนี้ขึ้นไปเป็น 7,000 แล้ว มีนายแพทย์ใหญ่ๆคาดการณ์ว่า ตัวเลขต้องขึ้นไปถึง 10,000 หรือ 30,000 ก็ได้
มีหมอหลายคนออกมาบอกประชาชนว่า เชื้อ Omicron ที่กลายพันธุ์ไปนี้จะไม่รุนแรง จะไม่ลงปอดลึก จะอยู่ช่วงต้นๆของปอด พยายามพูดในมุมที่ไม่น่าห่วงไม่น่าวิตกเท่าไหร่ แต่คุณหมอประกิตที่เป็นคณบดีแพทย์ศิริราช ติงว่า อย่าให้ประชาชนประมาทว่าติดแล้วไม่เป็นไร เพราะจริงๆแล้วถ้าติดเชื้อแม้แต่ Omicron ก็ไม่มีใครรับประกันว่าจะไม่เสียชีวิตจะไม่เป็นอันตรายได้ บางคนก็ฉีดบ้างไม่ฉีดบ้างกับวัคซีนเปอร์เซ็นต์ก็ยังเสี่ยงอยู่ สรุปแล้วก็ไม่ควรประมาท ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ พยายามอยู่ในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศได้ดี จะทำให้สังคมเกิดความปลอดภัย
พ่อครูว่า… ขอโอภาปราศรัยกับ SMS สักหน่อย
_ประทีปธรรม : ในการสอบว.บบบ.ครั้งนี้ ลูกได้รับประโยชน์ตอนทำข้อสอบอัตนัยค่ะ
มันเกิดอาการอึ้ง..เขียนไม่ออก เพราะได้สำนึกรู้ว่า การสอบอัตนัยครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา เป็นการตอบจากความรู้ จึงได้ข้อสรุปแก่ตนเองว่า… การเขียนคำตอบจากความรู้ มันไม่ใช่ของจริง
สิ่งที่ดียิ่งกว่า คือ เขียนคำตอบ จากสภาวะตนเอง
“ลูกยังสู้เพื่อพัฒนาตนเองให้เจริญยิ่งขึ้นค่ะ”
กราบขอบพระคุณพ่อครู และท่านสมณะสิกขมาตุทุกรูปค่ะ
พ่อครูว่า…มีนัยยะสำคัญ ความรู้ของเราเองมันเป็นความรู้ ก็แค่บัญญัติ พยัญชนะแค่ภาษา แค่ตรรกะ หรือมันเป็นความจริง มันเป็นความรู้ในขั้นถึงความจริงของปรมัตถ์ ความจริงของจิตเจตสิก รูป นิพพาน สภาวะธรรมเลย นี่เป็นความรู้ที่เจริญขึ้นดีขึ้นมากเลย
อาหารเลี้ยงโลก อาหารเป็น 1 ในโลก
SMS วันที่ 5 – 6 มกราคม 2565
_คอยใคร : กราบเคารพพ่อครูครับ หลายวันก่อนได้ยินคนมาบ่นเรื่องของแต่งบนเวที ผมว่าเขาคงฟังธรรมเป็นอย่างเดียวแต่ไม่เคยฟังทำ ดูแล้วเขาฟังธรรมแบบพวกนั่งหลับตาไม่รู้ไม่เห็นอะไรที่คนเขาทำดีๆมาให้ดู
ผมมองว่า ผลหมากรากไม้ที่มาวางบนโต๊ะหน้าเวที เป็นการบอกถึงชาวอโศกที่ฟังธรรมพ่อครูแล้วทำครับ ทำที่ว่าคือ สามอาชีพกู้ชาติ
ของที่มาวางบนโต๊ะนั้นก็คือ 1ในธรรมะที่พ่อครูให้ทำคือ กสิกรรมไร้สารพิษ เมื่อทำได้ดีก็เอามาบอก มาให้เห็นมาอวดของดี ๆ ที่พ่อครูชอบพูดว่าอวดของดี ๆ ผิดตรงไหน แล้วก็ไม่มีจิตหวงของเหล่านั้น ทำแล้วก็แจกจ่ายในและนอกชุมชน การมาวางผลผลิตของชุมชน ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันผิดตรงไหน หรือเขาอยากให้วางกระป๋องผ้าป่า กระป๋องกฐินติดแบงค์ปลิวว่อนถึงจะเป็นพุทธแท้ ๆ
ผมเข้าใจผิดถูกประการใด กราบขอพ่อครูชี้แนะด้วยครับ
พ่อครูว่า…คุณเข้าใจถูกต้องแล้วดีมาก ขยายความแทนอาตมาไปได้อย่างดีมากทีเดียว เพราะฉะนั้นผู้ที่ฟังอยู่ก็คงมีปฏิภาณปัญญาพอ จะเข้าใจได้ดีว่า ผลผลิตที่เราเอามาโชว์ เป็นเจตนาโชว์จริงๆ เจตนาแสดงออกให้เห็นว่านี่แหละเป็นของที่ควรทำ แล้วอาตมาก็พยายามเร่งรัดพัฒนา พยายามที่จะส่งเสริม พยายามจะปลุกเร้ากัน ให้ทำกสิกรรมธรรมชาติ กสิกรรมไร้สารพิษ ให้เจริญ ให้ล้น ให้เกิน ให้เหลือเฟือเลยในประเทศไทย แล้วเราจะได้แจกจ่ายออกไปเลย
เพื่อจะพิสูจน์คำว่า อาหารเลี้ยงโลก อาหารนี่แหละเป็นหนึ่งในโลก ที่คนมีอาหารเป็น กวฬิงการาหาร ต้องจำกัดความตรงนี้ด้วยเพราะมันจะมี ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร จะไม่ลงลึกในอาหาร 4
กวฬิงการาหาร เป็นอาหารคำข้าวที่กินเข้าไปเลี้ยงรูปขันธ์ นี่แหละคือสิ่งที่จะยังชีพได้ทั้งเดรัจฉาน ทั้งมนุษยชาติ ทุกระดับ ไม่ว่าคนดีคนไม่ดี ไม่ว่าคนจนคนรวย คนชั้นต่ำชั้นสูงทั้งนั้น ไม่มีใครละเว้น เรื่องอาหาร
อาตมาเห็นว่าเป็นหนึ่งในโลกดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้จริงที่สุด
ท่านตรัสว่า “ข้าวเปลือก เป็นทรัพย์อย่างยิ่ง” “ อาหารเป็นหนึ่งในโลก “
ข้าวที่แต่ละประเทศก็เน้นเป็นแป้งชนิดที่มีวิตามินต่างๆ ในแป้งนั้นๆหรือข้าวนั้นๆ แต่ละพันธุ์ ก็สำคัญยิ่ง ทีนี้ก็คัดสรรคัดพันธุ์ สิ่งที่มีประโยชน์ ไทยเราก็มีเยอะพันธุ์ ที่จะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิต
เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถเข้าใจจุดสำคัญอันนี้ แล้วทำตามที่อาตมาว่า เร่งรัดพัฒนาสร้างอาหารคือ พืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้เจริญงอกงามจริงๆ เราจะเป็นผู้ที่มีประโยชน์ จะเป็นประเทศเจริญ เจริญชนิดที่พิสูจน์ให้โลกรู้เลย ในอนาคตว่า
“คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ”
เอาจบไปที่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน
เพราะฉะนั้นคนที่หลงอยู่ทุกวันนี้ให้ศึกษาดีๆ อย่าไปหลงสร้างอาวุธเป็นอำนาจ แต่อาตมาขอยืนยันว่า อาหารนี่แหละเป็นอำนาจ แต่เราจะไม่เรียกเป็นอำนาจ จะเรียกว่าเป็นคุณค่าประโยชน์หนึ่งในโลก ถ้าอาวุธนั้นเป็นโทษเด็ดขาดแน่นอน
เปิดใจคือปรโตโฆษะจึงมนสิการอย่างมีอัญญธาตุได้
_เดชา อำพร : ข่าวสารของกลุ่มคนไทยในต่างประเทศ(บางกลุ่ม,มีปรากฏในยูทูป) พูดถึงบางเรื่องที่สัมพันธ์เชิงการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งต่างจากที่ผู้นำอโศกสรุป…
ซึ่งเราขอพูดคร่าวๆ คือผู้นำอโศกไปสรุปว่า ท่านนั้นท่านนี้เป็นโพธิสัตว์ระดับ6บ้าง5บ้าง4บ้าง หรือกระทั่งระดับปุถุชนคนธรรมดาท่านก็ยังไปตีขลุมเหมาให้ว่าเป็นโพธิสัตว์ไปด้วย แต่มีการวิเคราะห์และเผยแพร่ข่าวสาร(ซึ่งกลุ่มท่านอาจมองว่าเป็น”Fake news”ก็ได้)
พ่อครูว่า…อาตมาขอยืนยันว่า คนนอกนั้นที่มาวิเคราะห์วิจารณ์ธรรมะที่อาตมาพูดอยู่นี้ยังเข้าถึงธรรมะโลกุตระไม่ได้ ยังเป็นเทวนิยมอยู่โดยเฉพาะทางตะวันตก เป็นเทวนิยมทั้งนั้นเลย คุณยังแยกเทวนิยม อเทวนิยมหรือโลกียะ โลกุตระยังไม่ออกหรอกคุณเดชา ถ้าแยกออกคุณจะไม่กล้าที่จะมาท้วงอาตมาถึงป่านนี้จริง
คนที่มีปัญญามีภูมิรู้จะแยกโลกุตระกับโลกียะออก คนนี้มี อัญญธาตุ เป็นธาตุอื่นที่ต่างจากโลกีย์หรือเทวนิยม ซึ่งคนส่วนใหญ่ในโลกเป็นโดยมาก
คนที่รู้โลกุตรธรรมนั้นเป็นคนส่วนน้อยในโลก ที่รู้พุทธธรรมที่เป็นโลกุตระเป็นคนส่วนน้อย เพราะเป็นยอดของพีระมิด คนส่วนใหญ่เป็นฐานของพีระมิด เป็นธรรมดา ธรรมชาติ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่รู้กัน
ในยุคพระพุทธเจ้า พระสารีบุตรเรียนอยู่กับอาจารย์ สัญชัยเวลัฏฐบุตร พอท่านได้ข่าวว่ามีพระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้ว ท่านก็เข้าไปพบเลย ยังไม่ทันได้พบพระพุทธเจ้าแท้ๆ ได้พบลูกศิษย์ พบพระอัสสชิ ที่เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า พระสารีบุตรก็ถามว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร ครูของท่านสอนอะไร พระอัสสชิก็ตอบง่ายๆ ประโยคไม่ยาว ทุกอย่างเกิดมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียได้ทุกอย่างก็ดับ เท่านี้แหละพระสารีบุตรซึ่งเป็นยอดปัญญาอยู่แล้ว เข้าใจทันทีเลย โอ้โห..อย่างนี้ใช่ อาจารย์ท่านคือใคร ก็คือพระสมณโคดม เท่านั้นแหละ สารีบุตรไปหาสัญชัยเวลัฏฐบุตรที่เป็นอาจารย์ ชวนกันไปพบพระพุทธเจ้าเลย ก็เกิดการวิเคราะห์วิจัยขึ้นระหว่างพระสารีบุตรกับสัญชัยเวลัฏฐบุตรที่เป็นอาจารย์
สัญชัยเวลัฏฐบุตรถามว่า แล้วคนในโลกนี้ มีคนโง่มากหรือคนฉลาดมาก ฟังดีๆนะคุณเดชา พระสารีบุตรก็ตอบด้วยความจริงเลยว่า คนฉลาดมีน้อย คนโง่นี้มีมาก ตอบอย่างนี้
สัญชัยเวลัฏฐบุตรมีโลกียธรรมก็ชอบความมาก ความมหัปปิจฉะ บอกว่าสารีบุตรเธอจงไปอยู่กับคนหมู่น้อยกับพระสมณโคดม เราจะอยู่กับคนหมู่มากที่เป็นคนโง่ คนฉลาดต้องอยู่กับคนที่หมู่มากเป็นนักประชาธิปไตยด้วย นี่ซ้อนไว้นิดนึง ไม่วิจัยต่อตรงนี้ จะซับซ้อนลึกซึ้ง
พระสารีบุตรจากวันนั้นก็ชวนพระโมคคัลลานะ มาอยู่กับพระพุทธเจ้า มาอยู่กับคนจำนวนน้อย ส่วนน้อยที่เป็นยอดพีระมิด สัญชัยเวลัฏฐบุตรก็อยู่กับคนส่วนมาก ก็คือคนในโลกที่เป็นเทวนิยมที่เป็นโลกีย์ เป็นคนส่วนมากนั่นแหละตราบจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นอยู่อย่างนี้
ฟังดีๆ คุณฟังดีๆ ตั้งใจฟังศึกษาให้ดีแล้ว อย่าทิ้งกันนะ ไปด้วยกันฟังกันดีๆนะ
เพราะฉะนั้นที่คุณเดชาวิจารณ์ถึงอาตมาว่า ไปชี้คนนั้นคนนี้ว่าเป็นโพธิสัตว์ อาตมากำลังมาเผยแพร่สัจธรรม ธรรมะที่เป็นพุทธศาสนา ที่มีทั้งอรหันต์และโพธิสัตว์ เป็นอันเดียวกันแต่ก็เป็น 2 มี 1 ในส่วน 2 ติดตามดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเล่นๆ อาตมาพูดเล่นไม่ได้ พูดผิดไม่ได้ มันเป็นกรรมเป็นอันทำ มันเป็นบาป อาตมาเชื่อกรรมเชื่อวิบากนะ ไม่พูดอะไรพล่อยๆเล่นๆเพราะกรรมเป็นอันทำ มันเป็นวิบากของอาตมา อาตมาจะไม่พูดผิด ฟังความนี้ให้ชัด อาตมาพูดทุกคำถูกทั้งนั้น โดยเฉพาะยิ่งแสดงธรรม จะไม่ให้ผิดเด็ดขาด เพราะผิดแล้วมันเป็นอันทำ บาปหนักเป็นอนันตริยกรรม อาตมาถือเป็นอย่างนั้น
ว่า.. “โพธิสัตว์หลายท่าน”โดยเฉพาะบางท่านที่ท่านผู้นำอโศกไปสรุปยกย่องให้นั้น ยังมีเรื่องผิดศีล 5 โดยเฉพาะข้อกินเนื้อสัตว์(ศีลข้อ1) และ”โพธิสัตว์บางท่าน”(ที่ท่านยกย่อง มากๆ) มีการเล่าถึง(ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์)ว่า..ผิดหมดในศีล5 ทั้ง 5ข้อนั่นเลยเทียวนะ โดยเฉพาะข้อที่ยังมีการดื่มสุราดังต่างประเทศ และยังสูบบุหรี่ของต่างประเทศเช่นกัน(ตอนสมัยที่ยังไม่ละสังขาร)..อยู่เป็นประจำด้วยนะ(และยังมีเรื่องเล่าลือเรื่องตัวจริง,ตัวปลอมดัวยครับ)
พ่อครูว่า… คุณเดชาคงกินมังสวิรัติ กินมังสวิรัติได้คงถือตัวว่ามีศีลข้อ 1 แล้วนะ
นี่ก็เป็นรายละเอียดที่คุณเดชาเอามาแย้ง อาตมาคงไม่ใช้เวลานี้เอามาวิเคราะห์ อาตมากำลังย้อนกลับไปอธิบายธรรมะตั้งแต่ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 อธิบายจรณะ 15 วิชชา 8 อาตมากำลังย้อนอธิบายไปละเอียดตามลำดับ ให้งดงาม ให้ดีๆ ติดตามฟัง
ข้อมูล,ข่าวสารที่มากกว่านี้ ขอให้คนอโศก,กลุ่มอโศกไปแสวงหา,ค้นคว้า(เพื่อนำมาเล่าให้ผู้นำอโศกฟัง)เอาเองนะจ๊ะ เพราะพูดให้มากกว่านี้ไม่ได้จ้ะ..
ขอขอบคุณที่รับฟัง
พ่อครูว่า… ที่พูดไม่ได้นี่ไม่รู้หรือว่าพูดไปแล้วจะขายขี้เท่อหรือเปล่า พูดบ้างสิ เราจะได้ฟัง อาตมาว่า ถ้าคุณเอาแต่เพ่งโทษอาตมา เอาแต่จับผิดอาตมาตลอดไป ไม่เปิดจิต คุณจะไม่เกิดสัมมาทิฏฐิเอาเลย ไม่เกิดเลยเป็นอันขาด ลองสิ ลองเปิดจิตเปิดใจ รับอาตมาซะบ้าง ว่าเอ๊.. คนนี้เผื่อจะมีอะไรดีๆอยู่นะ เปิดจิตรับ มีปรโตโฆษะบ้าง คุณจะสามารถเข้าใจได้สัมมาทิฏฐิได้ โดยเฉพาะคุณต้องปฏิบัติด้วย คุณต้องปฏิบัติตามที่อาตมาพูดนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ตาม จรณะ 15 วิชชา 8 คุณจะสามารถเข้าใจแล้วเชื่อขึ้นมาบ้าง มันจะเกิดความเชื่อขึ้นมาเอง คุณก็จะเริ่มมีจิตเห็นดี ยินดี คือมีฉันทะเป็นมูล อันนี้เป็นข้อ 1 ของมูลสูตร 10 คำว่าฉันทะหรือยินดี ซึ่งมันเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก
อาตมาต้องอธิบายอีกนานเลย แม้แต่คำว่าฉันทะหรือยินดีในมูลสูตรข้อที่ 1 ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วคุณไม่เกิดจิตตัวที่เป็นความยินดี เป็นฉันทะเป็นมูลเป็นเค้าขึ้นมา จริงๆแล้วล่ะก็ คุณไม่มีทางที่จะศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าไปตลอด ถ้าฉันทะไม่เกิด ฉันทะในสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิจริงๆไม่เกิด คุณมนสิการ คุณทำใจในใจอย่างนั้น คุณก็ทำใจในใจอย่างที่เป็น อโยนิโสนสิการ อโยนิโสมนสิการ ทำใจในใจอย่างไรก็เป็นการทำใจในใจที่ผิดทางทั้งนั้น
คำว่า โยนิโสมนสิการ ก็ติดตามฟังให้ดีๆ วันนี้จะไม่ลงรายละเอียดของ โยนิโสมนสิการ เพราะเป็นรายละเอียดที่ลึกซึ้งมาก
ขออภัยแม้แต่ท่านประยุทธ์ ปยุตโต หรือสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ที่คนไทยนับถือมากเป็นปราชญ์เป็นผู้รู้ ก็ยังนิยามคำว่าโยนิโสมนสิการต่างกันกับอาตมา ก็บอกไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
เพราะฉะนั้นท่านประยุทธ์ ปยุตโต จึงขัดแย้งอาตมา แล้วก็เป็นผู้ที่ เป็นหัวเรือใหญ่ จัดการเปิดฉากจัดการอาตมา ตั้งแต่พ.ศ. 2532 เป็นเรื่องเป็นราวกันมา จนกระทั่งแยกดำแยกขาวออกไป เพราะอาตมาออกมาได้สำเร็จตามพระธรรมวินัย อาตมาได้ประกาศนานาสังวาสแล้ว แต่ท่านประยุทธ์ก็ไม่เข้าใจนานาสังวาส ไปรื้อคดี ไปรื้ออาตมากลับมา รัฐบาลประกาศตั้งแต่ 2518 ประกาศนานาสังวาสแล้วก็อยู่ดีมาเรื่อยๆ แต่เมื่อ พ.ศ. 2532 ท่านประยุทธ์ ปยุตโต เขียนหนังสือซัดอาตมา ซัดไปได้ 3 เล่ม อาตมาก็มีอยู่เพียง 1 เล่มอยากได้ทั้ง 3 เล่ม ใครมีนะ หามาให้อาตมาหน่อย
แล้วท่านยังทิ้งท้ายไว้ในเล่มที่ 3 ว่า เดี๋ยวจะยังมีอีกที จะซัดอีก แต่จากนั้นท่านก็ไม่ได้เขียน ซัดอาตมาต่อ อันนี้อาตมาจะเข้าใจเอาเองว่าท่านอาจจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง ยังดีใจลึกๆอยู่ว่า แหม.. จะไปพูดถึงขั้นที่พระพุทธเจ้าตรัสกับโกณฑัญญะก็ไม่ได้นะ โอ้! โกณฑัญญะ รู้แล้วหนอ คงจะยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น ถ้ารู้ได้ถึงขั้นนั้นนะ เกิด อัญญธาตุ ขึ้นในจิตท่านประยุทธ์ ปยุตโต แล้วก็สุดยอด เมืองไทยไปลิ่วเลย
ขออภัยที่อาตมาพูดเหมือนคนอวดดี หลงตัวตนมาก มันพูดเหมือนคนอย่างนั้น แต่อาตมาพูดอย่างมีน้ำหนัก พูดอย่างจริงใจ พูดอย่างเชื่อมั่นว่าอาตมาเจตนาดี แล้วก็พยายามที่จะพูดเพื่อให้เข้าใจกันด้วยดี เอ้า ผ่านอันนี้ก่อน
_Pipat Suwapat (พิพัฒน์ สุวพัฒน์) : ชอบความคิดท่านฟ้าไทครับ
มหัศจรรย์ของความเป็นบุญนิยม
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพอย่างสูง การทำการค้าบุญนิยม 4 ระดับที่ ชมร. มีเรื่องมหัศจรรย์ เกิดใน ชมร. มีการแจกฟรีเป็นเวลา 6 เดือน เนื่องจากการแจกมีคนร่วมบุญ ครั้งนี้จะเรียกเหตุการณ์นี้ว่า มหัศจรรย์ของการแจกฟรีถูกไหมค่ะ กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า…แค่ประเด็นนัยยะสำคัญอันนี้ก็อธิบายมา 50 กว่าปีแล้ว แต่อธิบายความต่างกันของบุญกับกุศลนี้เพิ่งอธิบายมาไม่กี่ปีนี้ อาตมาถึงว่าเสียดาย ตอนนี้สังขารร่างกายชักไม่ค่อยไปก็เลยเห็นว่า เอ๊ จุดนี้ มันเปิดแล้วก็สำคัญมากเลยถ้าอาตมาทิ้งไปก่อน ก็ยังไม่น่าจะแข็งแรงพอความรู้จุดนี้อยู่คำว่าบุญ ก็เลยพยายามต่อสังขาร อายุสังขารร่างกายของตนเองให้ยาวไปอีก ซึ่งเป็นการพิสูจน์สัมประสิทธิ์ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะต่ออายุให้ยาวเกินกว่า กัป
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน… พระสารีบุตรคุยกับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร ก็นึกถึงสำนวนพวกเราที่ชอบพูดกันว่า ให้เลือกเอาระหว่าง ไปเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์กับเป็นปราชญ์ในหมู่เปรต
พ่อครูว่า… เป็นหนึ่งในคลองหรือเป็นสองในทะเล
สมณะเดินดิน… ถ้าเป็นปราชญ์ในหมู่เปรต ก็อาจกลายเป็นเปรตไปในที่สุดก็ได้
พ่อครูว่า… จะเรียกว่ามหัศจรรย์ของการแจกของฟรีก็ถูก เราชาวอโศกกำลังสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นในโลก เป็นความมหัศจรรย์ของโลก เป็นความมหัศจรรย์ ชัดยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ แต่ก่อนนี้ที่เขายกไว้ 7 อย่าง ในโลก มีอะไรๆซึ่งเป็นเครื่องก่อสร้างส่วนใหญ่
นครวัดนครธม ทัชมาฮาล กำแพงเมืองจีนอะไรพวกนี้ ซึ่งเป็นวัตถุก่อสร้างส่วนใหญ่ แต่ ความมหัศจรรย์ที่อาตมากำลังพูดถึงนี้ก็คือ คุณธรรมในตัวมนุษย์ ที่เป็นคุณธรรมในระดับโลกุตรธรรม ทวนกระแสโลก ไม่ได้เป็นได้คนเดียวเท่านั้น เป็นได้เป็นหมู่เป็นกลุ่ม เรียกว่าบ้ากันเป็นหมู่เลย คนทั้งโลกเขาว่าบ้า อย่างโยมหลอย ก็นึกว่าเราบ้าอยู่คนเดียว มาเจอบ้ากันเป็นหมู่อย่างนี้ชื่นใจชื่นใจ อย่างนี้เป็นต้น
มันเป็นการทวนกระแส เป็นสิริมหามายา เป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้งยิ่งกว่านักมายากลที่เล่นมายากล แม้แต่คำว่าสิริมหามายา คำว่านักมายากลนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันดีๆเลยว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องหลอก ไม่ใช่เรื่องมายากล แต่เป็นเรื่องจริงนะ เป็นความจริงตามความจริง ที่มันเร็ว แล้วมันกลับไปกลับมาๆ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ นี่มันสุดยอดถึงขนาดนี้ ให้ติดตามดีๆ
คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
_Pornthip Mungklad (พรทิพย์ มุ่งกลัด) : ในมหาสมุทรหรือทะเลไม่เกลื่อนด้วยซากศพเพราะคลื่นในทะเลจะซัดขึ้นฝั่งเปรียบได้กับคนที่มี seal ไม่ครบจะพบกับทะเล (ขาดตัว l ) แปลว่าอยู่นอกขอบเขตของพุทธใช่มั้ยคะ และ season ซึ่งพ่อครูได้แปลว่า ลูกทะเล เปรียบได้กับโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์ใช่มั้ยคะ
พ่อครูว่า… มันมีทั้งส่วนถูกและส่วนไม่ถูก แม้แต่คำว่า season ที่แปลว่าทะเลอาตมาก็ไม่ใช่เป็นคนแปล แต่ท่านประยุทธ์ท่านเป็นคนแปลก ท่านเจตนาเพื่อจะยัดเยียดว่าอาตมาแปล season ว่า sea แปลว่าทะเล son แปลว่าลูกชาย ท่านยกตัวอย่างอาตมาพูดถึงพยัญชนะภาษาบาลีอธิบายเหมือนกับแยกวิเคราะห์ ไม่ได้ตรงตามที่ท่านเรียนมาเป็นเปรียญ 9 อาตมาไม่ได้เรียนมาก็ไม่ได้ขยายความไม่ได้แยกวิเคราะห์วิจัยพวกนี้ตามที่ท่านเรียนกันมา
ท่านก็ว่าอาตมานี้ผิด เหมือนกับไปแยก sea เป็นทะเล อีกคำว่า son
พอไปแปล season ก็บอกว่าลูกทะเล ซึ่งท่านก็บอกว่าไม่ใช่ มันแปลว่าฤดูกาลต่างหาก ก็ถูกของท่าน แต่อาตมาไม่ได้แปล ท่านเอามาใส่อัตโนมัติเอง นี่ก็เป็นรายละเอียดที่จริงๆ ท่านเองอาจจะพยายาม คนเราพยายามจะเอาความฉลาดของตนเอง ขยายความให้คนอื่นเข้าใจตามที่ตนเองต้องการได้ ท่านก็อธิบายอย่างนี้
อาตมาก็ว่าท่านต้องการให้เป็นอย่างนี้ แต่อาตมาเห็นว่าท่านอธิบายผิด พยายามเอาสิ่งที่มันไม่ค่อยถูกมาใส่อาตมา season อาตมาขยายความอย่างนี้ ซึ่งอาตมาไม่ได้ขยายความเลยนะ เรื่องของคำว่า sea
แม้แต่คำว่าตัณหา คนก็มายัดเยียดอาตมาว่าอาตมาแปล ตัน แต่ว่าไปไม่ได้ หา แปลว่าหา ตัณหาก็แปลว่าหาไม่เจอ ซึ่ง อาตมาไม่ได้เป็นคนแปลไปอย่างนั้น
ซึ่งตอนนั้นมีฆราวาส ไปพบกันที่ลานตักศิลา วัดมหาธาตุ ลานอโศก ตอนนั้นเป็นตลาดนัดธรรมะ ถกกันน่าดู พอถึงวันอาทิตย์ก็เต็มแน่นเลย ถกกันสนุก เสร็จแล้วมีคนนี้แยกวิเคราะห์ปัญหาแบบนี้ ก็คล้ายกันกับที่ท่านประยุทธ์แยก season แล้วเอามายัดให้อาตมาว่าจะมาเป็นคนแปลซึ่งไม่ใช่ อาตมาไม่ได้แปลอย่างนั้น
ก็มีคำ 2 คำที่ขยายความอย่างนี้เยอะเหมือนกันแต่มันไม่ใช่อย่างนั้น อาตมาเอาสัจจะที่เป็นสภาวะธรรมเป็นหลัก ส่วนพยัญชนะอาตมาก็แปลใช้อาศัย แต่อาตมามุ่งหมายเอาสภาวะแท้ๆ ที่ต่างกันกับที่นักวิชาการทุกวันนี้ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ว่าเมื่อมีคนประดิษฐ์ประดอยคำให้ไพเราะหรูหรางดงาม ตามความรู้ที่ท่านขยายออกไป แต่มันออกนอกโลกุตระ
ติดตามฟังให้ดีๆ ซึ่งจะมีจุดพิสูจน์กันตรงนี้ ตรงที่ว่า
คำอธิบายของอาตมา ผู้ศึกษาธรรมะโลกุตรธรรมจริงๆ ของพระพุทธเจ้าคือโลกุตรธรรม ซึ่งอาตมายืนยันว่าอาตมาเป็นผู้นำโลกุตรธรรมมาเปิดเผยกระจาย ซึ่งมันสูญหายไปแล้ว ยกอ้าง อาณิสูตร หรือกลองอานกะ พระพุทธเจ้าทำนายไว้ในอนาคตว่า ต่อไปโลกุตรธรรมจะหายไปเหมือนกับกลองอานกะ ที่จะเป็นการปลอมไป อาตมาก็ต้องเอาเนื้อแท้ของกลองอานกะ คือ เอาสิ่งที่ถูกต้องกลับคืนมาให้ได้
อาตมาก็ได้พิสูจน์มาแล้วจน 50 ปี ค่อยๆอธิบายค่อยๆสร้างความเข้าใจ ซึ่งก็มีคนที่ติดตามอาตมา ตั้งแต่ผู้มีบารมีเดิม เป็นพวกเป็นหมู่เก่ามาด้วย เป็นพวกใหม่ด้วยเข้ามารวมกัน ใช้เวลา 51-52 ปีแล้ว ก็ได้หมู่ขนาดนี้เป็นรูปขึ้นมาขนาดนี้ มีชุมชนชาวอโศก ซึ่งเป็นสาธารณโภคีเป็นสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีพุทธพจน์ 7 อะไรพวกนี้ต่างๆ ซึ่งอาตมายืนยันหลักฐานของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ติดตามฟังดีๆ แล้วก็จะค่อยๆเข้าใจ ค่อยๆรู้อะไรต่ออะไรเพิ่มขึ้น
ที่คุณพรทิพย์ ถามสุดท้ายว่า Season ที่พ่อครูแปลว่าลูกทะเลนั้นเปรียบเสมือน โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือไม่
อันนี้ก็เปรียบเสมือนในมหาสมุทรมีปลาใหญ่ต่างๆฉันใด ฉันเดียวกันกับมนุษยชาติ ก็มีมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ เช่น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ท่านนับว่าเป็นความมหัศจรรย์อันหนึ่ง
สมณะเดินดิน… สังเกตว่านักวิชาการจะแยกไม่ออกระหว่างความรู้กับความจริง แล้วหลงว่าความรู้นั้นเป็นความจริง
พ่อครูว่า… มาเริ่มต้นด้วย ภาษาตื้นๆก่อน ภาษาตื้นๆคือ ความมหัศจรรย์หรือเรียกด้วยภาษาวิชาการว่า ปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าแบ่งปาฏิหาริย์นี้เอาไว้ 3 อย่าง
-
อิทธิปาฏิหาริย์ 2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ 3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์