641213 รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1150C17VId7ZfZKWHupfH2trPwto5VnrtMtUkjtJt5I4/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1gF91IFeev4TZMsWDdbZELvxHnBxnKvfi/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/9S_qdPsMYq/ และ
https://youtu.be/IFo18VNqXGE
สู่แดนธรรม…วันนี้วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ติดตามฟังบรรยายธรรมะพ่อครูมาหลายปี จะได้เห็นแกนที่พ่อครูนำมาอธิบายเป็นแกนที่เอาปัญญามาอธิบาย ซึ่งทั่วไปในโลกจะอธิบายโดยใช้แกนศรัทธา โดยที่ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นมีความเป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 10-12 ธ.ค. 2564
จนแต่กดข่มแบบศาสนาเชนยังไม่ใช่คนจนโลกุตระ
_ใบฟ้า ธัมทะมาลา : กราบขอยืนยันค่ะว่า เป็นคนจนโลกุตระนี้เบาสบายและ สุขสำราญเบิกบานใจจริงๆค่ะ กราบขอบพระคุณกราบนมัสการพ่อครูด้วยเศียรเกล้าค่ะ
พ่อครูว่า…ต้องมีการกำกับด้วยว่าเป็นคนจนโลกุตระ ถ้าเป็นคนจนโลกียะไม่สามารถปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาได้มรรคผลที่แท้จริงก็ไม่จริง กดข่ม ทำได้ ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็เวียนคืน อาจจะได้ระยะเวลายาวนานจนกระทั่งกลายเป็นศาสดา กดข่มเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ศาสดาที่มักน้อยสันโดษลึกซึ้งมากที่สุดได้แก่ ศาสดาพระมหาวีระ ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ เป็นศาสดาของศาสนาเชน ศาสดาที่ไม่นุ่งผ้านุ่งผ่อนเลย ไม่เอาอะไรเลยมากน้อยจนสุดโต่ง แล้วเขาก็มีลัทธิคล้ายพระพุทธเจ้าตรงที่ว่า เขาบรรลุอนัตตาเหมือนกัน แต่เขาไม่มีอะไรจนสุดโต่ง สังคมก็ไม่เอามนุษยชาติก็ไม่เอาหนีไปคนเดียวปลีกเร้นเข้าป่าเขาถ้ำ ทนไม่ได้ทนไม่ได้เลิกงามยามดีก็ออกมาโชว์ตัวให้คนเขาซึ่งเขามาอัศจรรย์เคารพนับถือ เดินแก้ผ้าโทงๆแล้วก็ถือบิณฑบาตกิน มีบาตรใบเล็กๆใบเดียว กับไม้ปัด ถือว่าทุกสัตว์มีชีวิตเป็นวิบากทั้งนั้น ก็ปัดออก ก็เป็นคนไม่เข้าใจความจนที่แท้จริงแต่จนจนเลยเถิด แต่จนของพระพุทธเจ้านี้จนอย่างมีภูมิปัญญา ค่อยๆฟังไปอย่างเป็นลำดับ มันไม่ง่าย หากง่ายก็เป็นพระอรหันต์ได้หมดแล้ว
_โกศล สุขเล็ก : กราบคารวะพ่อท่าน..พุทธวจน..ใดใดในโลกล้วนสมมุติ..รวยจนเป็นเรื่องสมมุติ..ชั่วดีเป็นเรื่องสำคัญ..
พ่อครูว่า…ชั่วกับดียังเป็นเรื่องสมมตินั้นถูกแล้วเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณคนนี้เห็นว่ารวยจนเป็นเรื่องสมมุติ ชั่วดีเป็นเรื่องสำคัญ รวยจนก็เป็นเรื่องสมมุตินั้นถูก ชั่วดีก็เป็นเรื่องสมมุติอีกสำคัญอยู่ ไม่ใช่ไม่สำคัญ รวยจนก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าจิตไม่มีปัญญา จิตไม่ลดกิเลสจนกระทั่งไม่มีตัวตน มันก็จะยังมีอยู่นั่นแหละ จะต้องรวยต้องจนอยู่นั่นแหละ มากน้อยก็แล้วแต่ มันก็ค่อยๆศึกษาไป
_เคียงดิน ชาติบุญนิยม : ?นักเศรษฐศาสตร์ต้องมาเรียนรู้ดูงานที่บ้านราชหรือชาวอโศกแล้วจะรู้ว่าคนจนแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างไร ค่ะ???
พ่อครูว่า…เชิญชวนให้มาดู เอาละ ยังไม่มีปฏิภาณปัญญาถึงขั้นว่าเป็นอย่างไร คนจนนั้นเป็นคนสุขสำราญเป็นคนช่วยเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ เป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์สูงส่งลึกซึ้ง แล้วเป็นคนช่วยเศรษฐกิจได้อย่างไร มันก็เป็นเรื่องลึกซึ้ง ที่คนจะต้องค่อยๆศึกษากันไป พวกเราทำได้เป็นตัวอย่างแล้วเป็นจริงเป็นจัง ทำให้ดีทำให้ลึกซึ้งทำให้สมบูรณ์แบบไปเรื่อยๆเถอะ เขาจะมาดู เราก็ไม่ได้ฝืนอะไรทำได้แล้วกับเรื่องสัจจะสบายจริงๆไม่ได้ทำเป็นเต๊ะ ไม่ได้ทำอวดอ้างทำเป็นเล่น แต่ทำจริงมันเป็นจริงมันต้องเป็นอย่างนี้ แล้วมันก็เป็นจนตาย สบาย พิสูจน์กันไป
ทุนนิยมสามานย์อย่างอเมริกาแท้จริงเป็นหนี้กับคนทั้งโลก
_ส.คิดถูก : พ่อครูทำให้คนจนสุขสำราญเบิกบานใจ รัฐบาลทั่วโลกก็ทำให้คนจนได้มากแต่เป็นคนจนที่ทรมานจิตใจ เพราะหนี้สินท่วมตัว น่าสงสาร
พ่อครูว่า…มันไม่เหมือนกัน ของเราทำให้คนจนแบบสุขสำราญเบิกบานใจ อย่าว่าแต่คนจนที่เขาเป็นหนี้สินเลย ประเทศชาติก็เป็นหนี้สิน อาจจะตัวประธานาธิบดีที่เป็นตัวใหญ่ของประเทศไม่เป็นหนี้สิน อาจจะ.. แต่ก็ยังมีเยอะที่เป็นหนี้สินอยู่ด้วย โดยที่คนไม่รู้ เขาก็มีวิธีการของเขาต่างๆนานา ซึ่งมันซับซ้อน แทรกแซงอยู่ในระบบหุ้น การหมุนเวียนอะไรกันเยอะแยะวิธีการทางด้านการเงินการหมุนเวียน การเล่นทรัพย์สินพวกนี้ อาตมายังไม่เก่งเท่าไหร่เลย พูดไปได้อย่างไส้เดือนกิ้งกือ งูๆปลาๆยังไม่ถึงเลย เชิงได้เปรียบเอารัด เชิงอาชญากรรมพวกนี้อาตมาไม่เก่งเลย ปล่อยเขาเถอะอาตมาไม่เก่งก็ไม่ไปแข่ง ไม่ไปเอาอย่างกับเขาหรอก เขาทำกันไปก็เรื่องของเขา เพราะว่าเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อน
อย่างอเมริกา ถ้าให้คนเอาเงินดอลลาร์ที่เป็นกระดาษปั๊มแจกไปทั่วโลกไปตั้งราคา เอากลับไปแลกทรัพย์สินคืนมาใช้ มาผลาญ ในประเทศของเขา แล้วคนอื่นๆก็นึกว่าเขาเป็นเจ้าหนี้ของอเมริกา ถือธนบัตรดอลลาร์เอาไว้ ถ้าคนทั้งโลกเอาธนบัตรดอลลาร์มาคืนให้อเมริกาทั้งหมด แล้วก็คิดค่าตามราคาที่เขาตั้งเอาไว้ อย่างเมืองไทย 1 ดอลลาร์เท่ากับ 30 กว่าบาท
ให้เอาสิ่งที่เป็นทองคำหรือเป็นสิ่งมีค่า หรือแม้แต่พืชพันธุ์ธัญญาหาร ตีราคาตามสามัญตลาดโลก คืนมาให้แก่ประเทศไทยหรือประเทศอื่นใดที่มีดอลลาร์และเอาดอลลาร์ไปคืนให้อเมริกา แล้วคุณจะใส่เก๊ะหรือเผาทิ้งก็แล้วแต่คุณ เพราะคุณปั๊มมาเป็นตัวแทน ก็เอาทรัพย์สินคืนกลับมา ใบธนบัตรดอลลาร์จะเอาไปห่อเสื้อผ้าก็ไม่ได้ ไปห่อเกลือก็อาจจะได้หน่อยนึง
ที่พูดไปก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เขาก็ยืนยันยืนยันจะมีอำนาจ เหมือนเขามีทรัพย์สินเหมือนเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่เขารวมหัวกัน ที่พูดไปเปิดเผยอย่างใจจริง ว่าที่พูดไปนี้ไม่ผิด หลายร้อยปีแล้วที่อเมริกาตั้งประเทศมาประมาณ 300 ปี แล้วเขาก็มีระบบทุนนิยมอย่างนี้
ซึ่งไม่ได้มาเป็นคนจน ไม่ได้เป็นคนกินน้อยใช้น้อย ไม่เลย แต่คนอเมริกันนั้นจนไม่ลงเลย หรูหราฟู่ฟ่ามีหน้ามีตา ออกจากบ้านขับรถเบนซ์ กลับเข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู เป็นคนเอาหน้าเอาตาอย่างนั้น ขออภัยเถอะ อาตมาพูดตรงพูดชัดๆ ก็สงสารนะ ไม่ได้พูดไปเป็นเชิงดูถูก ซึ่งมันก็เป็นการดูได้อย่างถูกในสิ่งที่ดีก็ดี สิ่งไม่ดีก็ว่าไม่ดี แต่เขาไปแปลคำว่าดูถูกคือเป็นการไปข่ม ไปกด อ้าว พูดผิดก็ต้องกด จะให้ยกพูดผิดมันก็ไม่ได้ผิดธรรมชาติอีก
_ประดิษฐ อินทหอม : คนสร้างอาวุธคือคนขี้กลัว ใช่ ๆๆๆ ครับสาธุ
พ่อครูว่า…อย่างประเทศเกาหลีเหนือก่อสร้างอาวุธไว้ข่มขู่คนทั่วโลก เขาก็อยู่ได้เพราะคนมันกลัวต่างคนต่างขี้กลัว คนจะหมดความกลัวต้องมาเรียนอาริยะเรียนโลกุตระธรรมถึงจะหมดความกลัว ไม่ต้องกลัวตายแล้วก็เกิดเกิดแล้วก็ต้องตาย ตายดีเกิดมาก็ดียิ่งขึ้น ถ้าตายชั่วเกิดมาก็เสื่อมหนักลงไปทุกทีสัจจะเป็นอย่างนั้น สรุปว่าคนสร้างอาวุธคือคนขี้กลัวที่สุด
เริ่มต้นความเป็นโพธิสัตว์นับอยู่ที่ตรงไหน
_สติพล จนพัฒนา : จะเปรียบเทียบอาจารย์สมเกียรติในเรื่องความเป็นพระโพธิสัตว์ที่ถือศีล 5 และกินเนื้อสัตว์ เทียบกับพระเยซู แม่ชีเทเรซ่า ฉือจี้หรือมหาตมะคานธี เจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น ได้ไหมครับ เพราะท่านที่กล่าวมาก็มุ่งเสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่นทั้งนั้นครับ.(แต่ท่านเหล่านั้นไม่กินเนื้อสัตว์ก็มีและปฏิบัติศีลก็สูงกว่า)น่าจะเป็นโพธิสัตว์ได้นะครับ.
พ่อครูว่า… โพธิสัตว์ระดับที่ 1 คือ โพธิสัตว์โสดาบัน เพราะฉะนั้นคุณสมบัติของคน ต้องรู้จักกาย พ้นสักกายทิฏฐิ แล้วคนเหล่านั้นรู้จักกายกันที่ไหน เช่นแม่ชีเทเรซาหรือใครต่อใคร
ไม่ใช่ใครทั้งหมดหรอกที่เป็นโพธิสัตว์อย่างมหาตมะคานธีนี่ อาตมาบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ เพราะมหาตมะคานธีเข้าใจเรื่องกาย เข้าใจเรื่องโลกุตรธรรม แล้วได้ปฏิบัติโดยไม่ใช้พยัญชนะเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่มีสภาวะที่แท้จริง นอกนั้นพระเยซูก็ตามแม่ชีเทเรซาก็ตาม ยังไม่ได้มีความรู้พวกนี้เลย
จริง เป็นผู้ที่ช่วยเหลือมนุษย์ได้มากมาย จะเอาแต่ประเด็นรับใช้หรือช่วยเหลือเขาเท่านั้นยังไม่พอ ยังไม่รู้จักอัตตา ยังไม่รู้จักตัวตนยังไม่รู้จัก สักกายทิฏฐิ แยกกิเลสกับจิตยังไม่เป็น
โสดาบัน เริ่มแยกจิตกับกิเลสเป็น ลำดับแรกเริ่มที่การรู้จักกายภายในกับกายภายนอก 2 สภาพ แยกกันโดยปัญญา แต่แยกกันโดยสภาวะ กาย กับ จิต แยกกันไม่ได้ กายกับจิตนี่ ภาษาว่า กายกับจิต
คำว่ากาย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า กาย ตถาคตเรียกว่า จิต มโน วิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คำที่สลับกันไปสลับกันมาเป็นภาษาคู่ ยากมาก เรียกว่าสิริมหามายา คนไม่รู้ก็เป็นมายาหลอกตนเองอยู่ตลอดเวลา หลอกตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วก็ไปไม่ออก ก็หมุนเวียนอยู่ในโลกีย์ตลอดกาลนาน
ค่อยๆติดตาม อาตมาก็พยายามอยู่ ยังไม่ตายง่ายๆ ยังจะพยายามอยู่กันไปให้นานที่สุดเท่าที่จะลากสังขารไปได้ เพื่อทำงานให้ได้ยาวนานที่สุดในขันธ์นี้ กับ พิสูจน์สัมประสิทธิ์ ที่สามารถจะยืดต่ออายุให้ยาวไปได้นานที่สุด
ตอนนี้ก็ อาตมา ก็ พยายามพิสูจน์เห็นจริงของอาตมาคนอื่นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา ลากสังขารไปถึงจะ 90 แล้ว ถ้าอาตมาลากสังขารไปได้นะ เป้าหมายจริงๆที่อาตมาว่าอาตมาเก่งที่สุดนี้ 120 ปี เก่งที่สุดแล้ว แต่ก่อนที่มันมีตัวเลข 151 ก็มีประวัติมาแล้วมีตำนานก็เคยเล่าให้ฟังแล้วหลายที ว่า มันพูดกันเล่นๆไปอย่างนั้น ไม่เชื่อว่าตัวเองจะอยู่ได้ถึง 151 ปีหรอก แต่ก็นำมาใช้นำทาง ใช้ปฏิบัติพิสูจน์ยืนยันมันก็ดูดีเหมือนกันใช้ได้
แต่ถ้าเป็นจริงมันได้ถึง 120 อาตมาว่า อาตมา ชาตินี้พิสูจน์ เพราะขันธ์ของอาตมา มัน 72 ปีนี่ลากมาได้ 84 ปีเลยมา 1 นักษัตร ถ้าเป็น 96 ก็จะเป็น 12 นักษัตร ถ้าเป็น 108 ก็ 3 นักษัตร ได้ 3 นักษัตรก็เก่งเยี่ยมแล้ว เลยจากนั้นไป จะเลยไปอีกเท่าไหร่ก็แล้วแต่ 109 110 111 บวกไปอีก 6 ปีครึ่งนักษัตร ก็เป็น 114 บอกอีก 6 ปีก็เป็น 120
108 ก็สุดยอดแล้วอาตมาว่า ถ้าลากเลยไปได้อีก ก็ มหัศจรรย์แสนมหัศจรรย์เลยสุดมหัศจรรย์
สิ่งที่มันผิดพลาดที่สุด อาตมาเจอประเด็นที่มันผิดพลาดในศาสนาพุทธ เจอจากข้อเขียนของคุณเปลว สีเงินนี่เอง วันที่ 11 ธันวาคม 2564 เจอในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ โดยที่คุณเปลวยกบาลีว่า “ยัง กัมมัง กะริสสันติ, กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา, ตัสสะ ทายาทา ภาวิสสันติ” แปลว่า
“ทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือบาป จักต้องเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป”
คนเข้าถึงโลกุตรธรรมจึงสามารถให้รางวัลแก่ผู้ที่มีโลกุตรธรรมได้
พ่อครูว่า… กัลยาณัง เป็นความดีแบบโลกียะเป็นสมบัติ ดีแล้ว มันก็จะได้รับอาศัยไปเรื่อยๆ แต่ บุญนี้ ไม่ได้อาศัยเลยจบสิ้นวัฏสงสารจบสิ้นชีวะ เพราะฉะนั้นถ้าตัดกิเลสหมด อาสวะเลย บุญดับกิเลสอาสวะหมดเลย ไม่มีอะไรต่อแล้ว คนผู้นั้นตายลง ปั๊บ ไม่มีอะไรต่อ ตายลงก็หายเป็นดินน้ำไฟลมไปหมดเลย เพราะเป็นคนหมดบุญแล้วไม่มีบุญต้องทำอีกมันไม่ต้องทำบุญอีกมันหมดมันจบกิจแล้ว แหม มันยากเหมือนกันยิ่งพูดยิ่งยากคนเข้าใจไม่ได้ มันสุดมหัศจรรย์เลยคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านค้นพบตรัสรู้สิ่งเหล่านี้
ฉะนั้นศาสนาพุทธ ถ้าเข้าใจคำว่าบุญนี่ได้ ตัดกิเลสหมดบุญหมดบาป ปุญญปาปปริกขีโณ หมดบุญหมดบาปสิ้นบุญสิ้นบาป คนนี้ก็ จบกิจ ตายไปก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุจิตเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย นี่แหละ สุดแห่งที่สุดที่อาตมาเอามาขยายความอันนี้สุดมหัศจรรย์ คนในโลกนักวิทยาศาสตร์ทางศาสนา วัตถุ
นักวิทยาศาสตร์ทางจิต พวกที่เรียนจิตวิทยากันอยู่ทั้งนั้น ชัดเจน เข้าใจอย่างที่อาตมาชัด แล้วทำได้ด้วย เขาจะให้รางวัลอาตมาเลย ถ้าเขามีอิทธิพลทางโลก มีทรัพย์ศฤงคาร มีองค์กร เหมือนอย่างโนเบิลไพรซ์ หรือแมกไซไซของฟิลิปปินส์
อาตมาได้รับรางวัลของแมนเฮ เขาให้รางวัลอาตมาเพราะเห็นตรงนี้ แมนเฮ นี้เป็นองค์กร ของประเทศเกาหลีใต้ องค์กรศาสนาพุทธ เป็นองค์กร มีมรดกของท่านแมนเฮ แล้ว เป็นองค์กรที่ดูมีความรู้ทางโลกุตรธรรม จึงมองอาตมาออก ว่า อ๋อ.. อาตมานี่ เป็นผู้ที่เผยแพร่ สร้างสันติภาพให้แก่โลก อย่างปรมัตถ์ อย่างโลกุตระ แมนเฮนี้รู้เห็น จึงให้รางวัลประกาศรางวัลแก่อาตมา ได้รางวัล 100 ล้านวอน อาตมาก็ว่า ก็สาธุ ให้แก่นฟ้า เป็นตัวแทนไปรับรางวัลมา เขาก็มีใบประกาศนียบัตรมาใบรับรองมา แล้วก็มีองค์กรเล็กอีกองค์กรหนึ่ง ของเกาหลีใต้ วัดชิลซังซา ก็เห็นด้วยสนับสนุนด้วยเข้าใจด้วย ก็มอบรางวัลมาให้ด้วย
ประเทศไทยก็ไม่ได้ขานรับอะไรหรอก เงินรางวัลอาจจะน้อยกว่ารางวัลNobel prize จำนวนเงินที่ได้ 2 ล้านหกแสนสองหมื่นหนึ่งพันเศษ เท่ากับ 100ล้านวอน เทียบกับ nobel prize ไม่ได้หรอก
เพราะฉะนั้นคนเทวนิยมยังไม่ใช่โลกุตระ จะยังมองไม่ออก เข้าใจไม่ได้ คนเข้าใจได้ก็เริ่มเข้าใจได้บ้างแต่มีน้อย นี่ ในระดับต่างประเทศนะ อยู่ในเมืองไทยก็มีคนมาเป็นชาวอโศก อยู่ในชุมชนชาวอโศก ที่กระจายทั่วไปอยู่ในประเทศ กว่า 10 ชุมชน นับปลีกย่อยน่าจะถึง 50 ชุมชน แต่นับเป็นหลักใหญ่ๆ 10-20 ชุมชน เป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรม มีกลุ่มหมู่ มีสาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี ลาภได้มาโดยธรรมก็เอาเข้ากองกลางกินใช้ร่วมกัน พึ่งแก่เจ็บตายกันได้ยิ่งกว่าพี่น้อง
แล้วก็เป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนมีวรรณะ 9 กันจริงๆ ซึ่งค่าเฉลี่ยของความมีวรรณะ 9 นี้ มีสัจธรรม มีสภาวะธรรม ตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งถึงผู้ใหญ่คนแก่ มีคุณธรรมอันนี้จริงทั้งนั้นเลยพิสูจน์ได้
ถ้าผู้ใดเห็นจริงแล้ว มันเป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์โลก ในยุคนี้โดยตรง ยุคพระพุทธเจ้าทำได้เฉพาะในภิกษุ ฆราวาสยังเป็นไม่ได้ เพราะมันเป็นยุคที่มีข้อจำกัด เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคสังคมทาส ยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไร ก็เลยขยายไม่ออก ไม่ได้หมายความว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้านะ แต่มันมีข้อจำกัดในยุคพระพุทธเจ้า แต่ในยุคนี้ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตยกันหมดแล้ว ทาสก็ไม่มี สิทธิชนมีสิทธิใช้สิทธิกันเกินสิทธิมนุษยชนกันทุกวันนี้ ถึงบอกว่าเป็นไปได้อาตมาถึงทำสิ่งนี้ได้ ไม่ใช่อาตมาเก่งอะไร แต่มันเป็นยุคสมัยที่เป็นไปได้ เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาให้ปฏิบัติ
และพวกชาวอโศกเองไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หรือคนแก่ที่อยู่กับชาวอโศกได้ เขาเก่งเขามีปัญญา มีธาตุรู้ รู้ว่าอย่างนี้เป็นมวลมนุษยชาติที่เป็นอาริยกะ ไม่ใช่พวกมิลักขะ พวกคนมิลักขะ เถื่อนๆ ยังไม่เจริญ เป็นคนที่รู้ว่าชีวิตที่เจริญเป็นอย่างนี้ รู้จักชีวิตที่แท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทรัพย์ศฤงคาร สรรเสริญยกย่อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโลกีย์ อันนี้จึงสุดยอด
เกิดแล้วเป็นแล้วในประเทศไทย เป็นกอบเป็นกำ เป็นหมู่กลุ่มสังคมเป็นชุมชน 10-30 ชุมชนอยู่ในประเทศไทย เป็นมาแล้วถึง 50 กว่าปี มีเนื้อแท้ มีเนื้อหามาก
บุญ กับกัลยาณธรรม นั้นต่างกันไฉน
พ่อครูว่า… ขอกลับที่ประเด็นที่ผิดตรงนี้ กัลยาณธรรมมาเป็นบุญ คำนี้ยิ่งใหญ่มาก ไปเห็นโลกียะว่าเป็นโลกุตระ แล้วก็ทำลายโลกุตระไปเป็นโลกียะ ทำลายคำว่าบุญ ไปเป็นกัลยาณธรรม
ท่านประยุทธ์ ปยุตโต ก็บอกว่ามัชเฌกัลยาณธรรม ซึ่งที่จริงแล้วมัชฌิมะ เป็นโลกุตระไม่ใช่กัลยาณธรรม มันเป็นเรื่องสุดยอดเลย มัชฌิมะคือผู้เป็นกลาง เป็นผู้ที่อนุปคัมมะ
ขออภัยเถอะ วิจัยสัจธรรม ท่านยังเข้าไม่ถึงความเป็น อนุปคัมมะได้ หรือ ความเป็นกลาง ท่านก็ยังสับสนในพยัญชนะไม่ลงกับสภาวะ เข้ามาในจิตวิญญาณของคนจริงๆเลย
ขออภัยที่วิจารณ์ท่าน เพราะท่านเป็นผู้รู้ในสังคมไทย แต่มหาบัวนั้นลุกขึ้นมาทำอะไรอาตมาไม่ได้ แต่ท่านเป็นสมเด็จพุทธโฆษาจารย์รองจากสมเด็จสังฆราชอยู่นะตอนนี้
อันนี้ อาตมาก็พูดถึงเรื่องวิชาการพูดถึงเรื่องธรรมะ แต่มันไปเกี่ยวข้องกับบุคคลตัวตน เกี่ยวข้องกับตัวท่าน ซึ่ง อาตมาจริงๆก็แยกออกอยู่ว่า ตัวท่านก็คือตัวท่าน ตัวท่านเป็นคนดี เป็นคนที่อาตมาเคารพ เพราะท่านจริงใจกับธรรมะ แต่ท่านมีภูมิธรรมกับธรรมะของท่านเท่านั้น
อาตมาก็เห็นใจจริงๆ ท่านพากเพียรเป็นนักศึกษาเก่งlearned man ขวนขวายศึกษาธรรมะซื่อสัตย์ต่อธรรมะ สุดยอดเลย อาตมานับถือคุณธรรมคุณสมบัติอันวิเศษของท่านตรงนี้ แต่มันไม่เป็นโลกุตระ ตรงนี้แหละมันสำคัญ มันไม่เป็นอาริยธรรมที่เป็นโลกุตระของพระพุทธเจ้า
มันแยกกิเลส แยกจิตวิญญาณ แยกกายแยกจิตยังไม่ออก ท่านแยกบุญกับกุศลไม่ออกมันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะว่าแปลในพจนานุกรม อปุญญะ มันก็แปลว่า กลับไปเป็นบาปได้ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่ง อปุญญะ มันหมดบุญแล้วจะไปเป็นบาปอีกไม่ได้ แต่ท่านก็แปลเป็นบาปอีกได้อย่างนี้เป็นต้น มีหลักฐานอยู่ในพจนานุกรมของท่าน อยู่ในหนังสือพุทธธรรมของท่าน
อาตมาพูดนี้เป็นวิชาการไม่ได้ไป ข่ม ท่านประยุทธ์ อาตมาเคารพนับถือยกย่องท่านจริงๆ เพราะท่านขวนขวาย แต่ท่านทำได้เท่านั้น บารมีหรือภูมิของท่านท่านทำได้เท่านั้นจริงๆ
ถ้าท่านเปิดจิต รับอาตมา ฟังอาตมาบ้าง ในยุคนี้นะ แน่นอน ถ้าเป็นคนอื่นท่านจะไม่รับ ท่านจะรับอย่างที่เรียกว่า ท่านถือว่าท่านใหญ่กว่า แต่อาตมานี่ ลึกๆท่านก็ถือว่าท่านสูงกว่าอาตมาอยู่ โดยทิฏฐิ โดยสัจธรรม ซึ่งก็เป็นธรรมดาธรรมชาติท่านจะต้องเป็นอย่างนั้น
ถ้าท่านยอมรับจริงๆว่า ท่านยัง แม้ กายะ ยังไม่พูดถึงบุญ เพราะอันนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าท่านผิด ท่านเข้าใจไม่ได้ แม้แต่กาย ไม่ต้องพูดถึงคำว่า ฌานกับสมาธิ อาตมามั่นใจว่าท่านยังไม่ชัดในฌาน
เพราะฌาน ของพระพุทธเจ้า เป็นฌาน ที่มี อปัณณกปฏิปทา 3 มีศีล มีสัทธรรม 7 แล้วก็เป็นฌาน อาตมาเชื่อว่าฌานของท่านยังอยู่ในภพ อยู่ในภวังค์หลับตา หรือเพ่ง อาจจะพอเข้าใจว่าลืมตาก็ได้ แต่เป็นการเพ่ง หนึ่งเดียวอยู่ที่จุดหนึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่ ฌาน ของพระพุทธเจ้าเป็นพลังงานไฟ เผากิเลสไปได้ เผาได้เท่าไหร่ก็เป็นส่วนบุญเท่านั้น หมดส่วนบุญก็กิเลสหมดเกลี้ยงสิ้นอาสวะ อย่างนี้เป็นต้น ฌานก็หมดหน้าที่ บุญก็หมดหน้าที่
แต่ฌาน ยังใช้ภาษาว่าเป็นฐานพลังงานที่เอามาใช้ ไม่ใช่เอาไปใช้ในการเผากิเลสแล้ว แต่ใช้เป็นพลังงานอาศัย โดยมันมีวิตกวิจาร มีปีติ สุข และมันมีเอกัคคตา เป็นเนื้อหาของคุณธรรมที่จะต้องอาศัยใช้ เป็นเอกัคคตา เป็นหนึ่ง อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นสุขสงบ หรือ จะเป็นปีติ อาศัยบ้าง ยินดี และแน่นอนมีการวิตกวิจาร คือการวินิจฉัย แยกแยะ ต้องทำอยู่แล้ว ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์นั่นเอง อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังไม่เป็น ยังไม่ถึง ยังไม่ได้ มันก็เป็นจริงอยู่ ซึ่ง อาตมามองเห็นและอาตมามั่นใจว่า อาตมาที่กล้าพูดนี้ก็มั่นใจว่าไม่ผิด ถ้าผิดมันโอ้โห ไม่ดีแน่นอน นอกจากไม่ดีแล้วโดนแย้งมาอย่างสำคัญ อาตมาพูดนี้พูดเพื่อเป็นวิชาการ พูดเพื่อเป็นความรู้ ให้ไปศึกษาตามที่อาตมาพูดให้ดีๆ
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่า ท่านประยุทธ์เปิดจิต มีปรโตโฆษะ รับฟังอาตมาบ้าง อธิบายไปแต่ละคำ ท่านเป็นคนมีปฏิภาณปัญญาลึกๆ เฉลียวฉลาดอยู่ไม่ใช่น้อย แต่การไม่เปิดจิต มันกั้นให้ตัวเอง เจริญต่อไปอะไรต่อไม่ได้ โดยเฉพาะปิดกั้นกับผู้ที่สัมมาทิฏฐิ ผู้ที่มีสัจธรรมที่เราควรจะได้ แต่เราไปกั้นตัวเอง ไม่เปิดรับผู้ที่มีสิ่งที่ควรจะได้ แล้วมันจะได้อะไรล่ะ
สิ่งที่ไม่ได้ตามหลักธรรมก็คือ เมื่อไม่มีปรโตโฆษะ โยนิโสมนสิการก็ไม่เกิด ทำใจในใจก็ไม่ถ่องแท้ ไม่แยบคาย ทำใจในใจ แบบโลกีย์อยู่
เขาก็ทำใจในใจ ทางโลกีย์แบบเดียรถีย์ เขาก็บอกว่าทำใจในใจแบบโลกีย์แบบ เดียรถีย์ แบบเทวนิยม มันยังไม่เข้าแกน แบบโลกุตระ
วันนี้ต้องขออนุญาตท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านประยุทธ์จริงๆ ที่พาดพิงถึงท่าน เอาสัจธรรมมาพูดและอ้างอิงตัวตนเพื่อการศึกษา สิ่งที่อาตมานำมาพูด เป็นเรื่องที่ยากมาก เป็นเรื่องที่เป็นจริงเกิดในโลกเกิดในมนุษย์
ทิ้งท้ายไว้ก่อนว่าไปศึกษา กัลยาณธรรมกับบุญ ให้ได้ ว่า มันคนละเรื่องกันเลย คนละโลกกันเลย กัลยาณธรรมเป็นโลกียธรรม บุญเป็นโลกุตรธรรม บุญเป็น One way Traffic วิ่งตรงไปถ่ายเดียวไม่มีสอง ส่วนกัลยาณธรรม วิ่งไปเป็น 2 วิ่งไปเป็น 4 เป็น 6 8 10 ไปไม่รู้จบ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สู่แดนธรรม… วันนี้ผมต้องทำ โยนิโสมนสิการให้มากยิ่งขึ้น สิ่งที่พ่อครูพูดออกไปในสังคมนั้น เป็นอาสภิวาจาที่หาญกล้า
พ่อครูว่า… ก็จะต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ ตอนนี้อาตมาอธิบายถึงขั้นอภิภายตนะ 8 ของพระพุทธเจ้า เอามาขยายความ
เพราะว่าอภิภายตนะ 8 มันไม่ใช่ภาวะที่เริ่มต้น แต่เป็นภาวะที่อธิบายถึงความเป็นอาริยะ เป็นโลกุตระตั้งแต่เริ่มข้อหนึ่งเลย มันเป็นเรื่องของผู้ที่มีขั้นถึง อภิภู เป็นขั้นสูงซึ่งอาตมาจำเป็นต้องอธิบายไว้ ต้องรีบอธิบายไว้ ประเดี๋ยวไม่ทันเวลา ไม่ได้พูดอันนี้เอาไว้เลย
ตอนนี้เพื่อนๆ หรือคนที่อายุไล่เลี่ยกัน ที่ยังไม่น่าตายก็ตายไป ตอนนี้ เช่น สมเด็จช่วง ตาย แม่ชีศันสนีย์ ตาย ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ
อาตมาก็เพิ่งรู้ว่า ประยอม ซองทอง เกิดปีเดียวกับอาตมา แถมเกิดเดือนมกราคมแก่กว่าอาตมาด้วย อาตมานึกว่าประยอมอายุน้อยกว่าอาตมา เพราะว่า ยุคที่อาตมาแต่งกลอน เขาก็ยังไม่รู้ว่าอาตมาเป็นนักกลอน ไม่ว่าจะเป็น เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ก็ตาม เนาวรัตน์อ่อนกว่าอาตมาเป็น 10 ปี ก็นึกว่าประยอมจะอ่อนกว่าอาตมา แต่ที่จริงแล้วเปิดเผยว่าเกิด 1 มกราคม 2477 ก็แก่กว่าอาตมาตั้ง 6 เดือน
จบอักษรศาสตร์มาด้วย เป็นศิลปินแห่งชาติ แต่งโคลงแต่งกลอนมา บางทีวันนักขัตฤกษ์ วันสำคัญหนังสือพิมพ์ไม่รู้กี่ฉบับเอาของเขาไปออก เขาแต่งเก่ง แต่งใช้ได้ แต่งเก่งทีเดียว
ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก
พ่อครูว่า… เข้าสู่ ความมหัศจรรย์ที่อาตมาจะพูด ความมหัศจรรย์นี้ต้องขออภัยต่อสังคมว่า ความมหัศจรรย์นี้เกิดแล้วในสังคมมนุษยชาติ มีวัฒนธรรมที่เป็นวัฒนธรรมโลกุตรธรรม เกิดที่ชาวอโศก เกิดที่คนไทย ในประเทศไทย กลุ่มคนที่มีชื่อเรียกว่า ชาวอโศก มีคุณวิเศษ หรือคุณสมบัติ วัฒนธรรมถึงขั้น สาธารณโภคี เศรษฐกิจในระดับสาธารณโภคี
แม้แต่ รัฐศาสตร์ การเมือง ก็เป็นการเมืองระดับสาธารณโภคี สังคมศาสตร์ก็เป็นสังคมระดับสาธารณโภคี เอาเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์มาขยายความก่อนจัดการบริหารจัดการของเงินประเทศกองกลางของประชาชนของประเทศสาธารณะ แล้วผู้บริหารก็เอามาจัดการกับประชาชนในประเทศบริหารจัดการให้ยังไงวิธียังอายุเท่าทัน
อาตมาอธิบายหลายทีแล้วว่า วิธีการบริหารประเทศมันก็มีกองกลาง เรียกว่า เงินกองกลางของรัฐบาล ผู้บริหารเป็นคนจัดการ การเงินของประเทศ เหมือนกองกลางของประชาชนของประเทศ เรียกว่า เป็นเงินกองกลางหรือเงินสาธารณะ แล้วผู้บริหารก็เอามาจัดการกับประชาชนในประเทศ จะเฉลี่ยกันหรือบริหารอย่างไรก็แล้วแต่ จะแลกเปลี่ยนหรือจะให้ยังไงก็แล้วแต่ อย่างวิธีการของพลเอกประยุทธ์ ให้คนละครึ่งบ้าง ให้ฟรีบ้าง หรือให้รายเดือน รายบุคคลไป มันก็เป็นวิธีการ
ซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็ทำงานได้จะว่าเข้าตาก็เข้าตาอาตมา เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนทำงานให้ประเทศอยู่เย็นเป็นสุข กินดีอยู่ดี แต่มันมีคนขวางที่เป็นคนยึดมั่นถือมั่นอยู่ในกลุ่มของพวกนักบริหารด้วยกัน ยังมีเยอะอยู่นะ มันก็ยังต้านยังขวางอยู่ก็ได้ประมาณนี้ ก็ถือว่าเก่ง ตัวการหนักๆลดอำนาจลงไปเยอะได้เยอะ แต่ก็ยังเหลือที่เป็นบริวาร ก็ยังต่อต้านกันอยู่ ก็ทำไป ค่อยๆสู้ไป
อาตมาก็ขอบอกพลเอกประยุทธ์ จะได้ยินหรือไม่ได้ยิน ก็ฝากลมฝากแล้งไป ว่าอย่าท้ออย่าเพิ่งออก ไม่ใช่อาตมาหลงใหลพลเอกประยุทธ์ แต่ว่าอาตมายังไม่เห็นใครที่จะมีสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด และความอดทน ทำได้ถึงขั้นนี้ ทำมา 8 ปี เห็นแล้วชัดเจน ทำต่อไปเถอะเพราะยังอายุไม่เท่าไหร่ อายุ 67 ปี ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกา อายุ 79 ปีแล้ว ให้รักษาสุขภาพไว้ เป็นทหารน่าจะรักษาสุขภาพได้ดีกว่าอาตมา
ไม่ได้พูดอย่างหลงใหลคลั่งไคล้ยกยอปอปั้นเล่น มันเป็นสัจจะ แล้วมันเป็นตัวอย่างของโลก มันเป็นการบริหาร ซึ่งเข้าหลักของโลกุตรธรรมมา จะว่าสืบทอดในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก็สืบทอดโลกุตรธรรมมาจริงๆ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ในประเทศไทยที่มีอยู่ในโลก ซึ่งคนเขายังมองไม่ออก คนมองออกก็มีน้อย
เหมือนอย่างดูอาตมาไปเข้าตารางวัลแมนเฮ กับองค์กรย่อยๆให้เป็นรางวัลมา อาตมาได้รับรางวัลมา 3 รางวัล รางวัลหนึ่งมาจากอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ให้มาเป็นโล่ อาตมาก็ลืมไปแล้ว แต่เขาไปเก็บมาได้ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สู่แดนธรรม… พ่อท่านพาพวกเรา เข้าสู่ความมหัศจรรย์
พ่อครูว่า… นักบริหารที่เลวร้ายที่สุดคือทักษิณ ชินวัตร ปู่ยี่ปู้ยำเงินกองกลางไปเป็นของตน เอาไปเป็นล้านๆ เสร็จแล้วก็ไปออกดอกจนทุกวันนี้ เป็นปฏิภาคทวี ใช้ยังไงยังไงก็ไม่ทัน แกขี้เหนียวด้วย ทุกวันนี้ก็เลยต้องพูดว่า ไปลงทุนที่ต่างประเทศ ถ้าตีค่าเป็นเงินไทยก็คงมากมาย แล้วแกก็เรียนอาชญวิทยา ถึงซับซ้อนซุกซ่อนไม่ให้โลกรู้ทันได้เก่ง ขนาดได้ข่าวว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็ยังชื่นมื่นอยู่เลย
เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า เป็นตัวอย่างที่สุดยอดแห่งตัวอย่าง ยิ่งกว่าเทวทัตอีก เป็นสมัยใหม่ สุดยอดตัวอย่างสมัยใหม่ ทำให้เห็นถึงสิ่งไม่ดีไม่งามจากที่เขาทำ มันซับซ้อน คนไม่รู้ก็ไปหลงคารมเขา หลงในพฤติกรรมความสามารถแบบนั้น หรือหลงเงินทองรายได้ เป็นทาสเขาอยู่ รวมแล้วก็ยังมีฤทธิ์ ยังไม่หมดฤทธิ์ ไม่ยอมหยุด ก็เป็นธรรมชาติของเขา ก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จริง มันก็ต้องดันทุรังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำนึกเป็นดันสุรังได้ แต่นี่มันคงทุรังไปเรื่อยๆ ทุร แปลว่าไม่ดี สุ แปลว่าดี มันก็ดันทุรังไปเรื่อยๆ แทนที่จะดันสุระ
เงินกองกลางไม่ว่าจะเป็นลักษณะของคอมมิวนิสต์หรือเป็นลักษณะของประชาธิปไตย ยิ่งเป็นลักษณะของสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว
สมบูรณาญาสิทธิรบชาชย์นั้นเป็นของตัวของตนหมดเลย แม้แต่ของประชาชน จะริิบเอามาเป็นของตัวเองหมดเลยก็ได้ เป็นฤทธิ์ขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำที่จะริบเอาของประชาชนในประเทศมาเป็นของเจ้าของประเทศ เอามาหมดตัวเองก็ตาย คนอื่นก็ต้องตายหมด แล้วมันจะอยู่กันอย่างไร ก็ต้องแบ่งให้เขาเอาไปใช้ให้น้อยๆ หือไม่ขึ้นด้วย มันมอมเมากันมากๆอะไรกันประเทศใดที่สามารถที่จะบริหารก็เท่านั้น
ที่นี้ การเข้าใจ การเฉลี่ยแบ่งแจกให้คนอื่นไปได้ เพราะคนมันมีกิเลส มันติดมันยึดมันจะต้องใช้อย่างนั้นอย่างนี้อยู่บ้าง บางทีไม่บ้าง มันมอมเมาผลาญหลงใหลกันไม่เป็นคนไปสะสมไม่เป็นคนตีกันรถแห่ใช้กันมาก
ประเทศไหนที่จะบริหารให้คนเป็นคนใช้น้อยๆเป็นคนวรรณะ 9 ที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นหลักสูตร เข้าใจแล้วจะไม่เป็นคนไปสะสมโลภโมโทสันเพิ่มกิเลส เอามาบำเรอตน เป้าหมายหลักก็คือหยุดบำเรอตน อาศัยแค่เป็นปัจจัย ยังชีพไปให้ตั้งอยู่ ไม่เอาสิ่งประเทือง สิ่งที่มาบำเรอความหรูหรา สวยงาม มากมาย เบ่งข่มอะไร ไม่
แม้ที่สุดเป็น 0 ผู้บริหารเอง สามารถทำตนเป็น 0 ได้ ยกเว้น ถ้าไปบริหารอยู่ในระดับสูง หรือเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะไม่มีเงินเลยสักบาทเป็น 0 มันทำไม่ได้ อันนี้เป็นข้อจำกัด คล้ายๆกับว่าเงินคงคลังต้องมี ถ้าไม่มีเงินคงคลัง มันไว้ใจไม่ได้หรอก มันไม่เที่ยง ถ้าไม่มีเงินคงคลัง หมดเกลี้ยงเลย ทุกอย่างสูญสิ้นหมด ล้มละลายหมด มันเป็นไปไม่ได้ อันนี้ก็เป็นภาวะซับซ้อน
เพราะฉะนั้นในฐานะถ้าเป็นในหลวงแล้ว ก็ต้องบริหารในระดับนั้น ต้องมาเป็นนักบวช อย่างพระพุทธเจ้าจะเป็นจอมจักรพรรดิ ก็คือเป็นพระเจ้าแผ่นดิน อยู่ได้ แต่ข้อจำกัดจะต้องมาทำงานถึงขั้น 0 ขั้นทำให้คนมาเป็น 0 ด้วยไม่ได้ เขาก็จะต้องเอาพระเจ้าแผ่นดินเป็นหลักพระเจ้าแผ่นดินจะต้องมีมากพอสมควร ถ้าไม่มากพอสมควร คนขาดแคลน คนที่จะต้องค่อยๆเสริมรัฐบาล เพราะฉะนั้น รัฐบาลไม่ทัน พระเจ้าแผ่นดินจะต้องเสริม ต้องมีเงินกองกลางของพระเจ้าแผ่นดิน
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อาตมาทราบมา ท่านไม่เอาเงินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาใช้ ท่านใช้แต่เงินที่ท่านมีสิทธิ์ แล้วก็ไม่ได้มีมากเพราะท่านไม่ได้สะสม ก็มีจากที่ประเทศตั้งให้ กับผู้ที่ให้โดยเสด็จพระราชกุศล ซึ่งก็ใช้อยู่ในวงพวกนี้เท่านั้นซึ่งบังคับกันไม่ได้ โดยเสด็จพระราชกุศลเนี่ย อย่างอาตมา อาตมาก็ใช้เงินในข้อจำกัด อาตมาใช้เงินจากราษฎรกุศลให้มา จะใช้ศัพท์คำว่าโดยเสด็จไม่ได้ แต่เป็นราษฎรกุศลให้มา แล้วมีข้อจำกัดอีก อาตมาไม่รับเงินคนนอกสมาชิกชาวอโศกที่จะบริจาคมาให้ ไม่รับ ไม่มีสิทธิ์
มีกติกา เพราะฉะนั้นจะมาบริจาค เราไม่เอา เช่น ไม่ได้มาคบคุ้นกับชาวอโศก ไม่ได้อ่านหนังสือ 7 เล่ม ไม่ได้ศึกษามาวัดถึง 7 ครั้งต่างๆนานา ซึ่งก็เป็นกติกาหลักมาตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้ แล้วเราก็อยู่ได้ เงินของพวกเราชาวอโศกแท้
ๆ เงินจากสมาชิกชาวอโศกจริงๆ ที่จะเอามาเข้ากองกลางหรือมาบริจาคกับส่วนกลาง แล้วก็บริหารกัน อาตมาก็เป็นผู้ที่ดูแลจับจ่ายตามสมควร ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันบริหาร
50 ปีมาแล้ว ทำได้อย่างสวยงามมหัศจรรย์มากเลย จนกระทั่งเกิดสังคมชุมชนชาวอโศก เป็นสังคมชุมชนหมู่กลุ่ม ในทะเบียน ให้เป็นหมู่บ้าน ตามทะเบียนของสังคมประเทศ
มี 2 หมู่บ้านเท่านั้นแหละ คือหมู่บ้านราชธานีอโศกกับหมู่บ้านศีรษะอโศก นอกนั้นเราก็ยัง ไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย่างเช่นที่สันติอโศก ทางการก็เคยติดต่อมา แต่เขาไม่เรียกหมู่บ้าน แต่เรียกชุมชน ให้ไปจดทะเบียนเป็นชุมชนทางการ ตามวิธีบริหารองค์การปกครองของกรุงเทพ แต่เราไม่เข้าไปจด
หรือแม้แต่สีมาอโศก เขาก็อยากจะให้จดทะเบียนเป็นชุมชนหรือหมู่บ้าน เหมือนอย่างที่ราชธานีอโศก ศีรษะอโศก อาตมาเองบอกว่ายังไม่ต้องไปจดหรอก สีมาอโศกทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ไปผิดอะไร เขาต้องการอะไรก็ได้อยู่ ทางสังคมทางโลกีย์เขาต้องการความสัมพันธ์ช่วยเหลือทำงานเราก็ไม่ได้ขัดข้อง เป็นแต่เพียงเราไม่ได้ขอเข้าไปจดทะเบียน เพราะมันจะต้องมีหลักเกณฑ์ต่างๆนานาอีกเยอะแยะ จึงมี 2 หมู่บ้าน คือราชธานีอโศกกับศีรษะอโศกก็พอแล้ว นอกนั้นก็ทำไป
แต่ละหมู่บ้านที่เป็นชุมชนชาวอโศกเป็นสาธารณโภคี เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจสาธารณโภคี ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของโลก ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ที่เขายกย่องกันในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อะไรอีกหลายอย่าง อันนี้แหละเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่คนจะค่อยๆเข้าใจ ค่อยๆรู้ว่ายิ่งใหญ่อย่างนี้
มันเกิดจากจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของมนุษย์ที่สามารถเป็นเช่นนี้ได้ เพราะเรียนรู้ตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มี ศีลเป็นหลัก แล้วทำได้มาตามลำดับ ได้มรรคได้ผล บรรลุศีลเป็นคนที่มีศีล อาตมายังอธิบายไม่เก่ง ว่า คนบรรลุศีลจริงๆคืออะไร
อธิบายไปบ้างแล้วก็ไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เก่ง ยังไม่สมบูรณ์แบบ
ผู้ที่ปฏิบัติศีลได้มรรคได้ผล มันจะเกิดจิตที่วิเศษ
เช่นข้อ 1 ศีลข้อที่ 1 มีสัตว์เป็นเพื่อนทุกข์ มีสัตว์ทั้งเดรัจฉานและมนุษย์ด้วยกันเป็นเพื่อนทุกข์ ไม่เบียดเบียนไม่ทำร้าย มีความกรุณา มีความเอ็นดู หวังประโยชน์ในสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้แต่คนก็คือสัตว์ คนที่เลวร้าย เป็นสัตว์โดยภาษาวิชาการเรียกว่าสัตว์นรก สัตว์ชั้นต่ำ เลวร้าย คนผิด คนไม่ดี คนชั่ว เรียกว่า สัตว์นรก
คนชนิดนั้น เราก็ยังเอ็นดู กรุณา หวังประโยชน์เพื่อเขา กลับตัว เพื่อที่เขาจะได้พัฒนาตนเองใหม่ เปลี่ยนแปลงความยึดติด เปลี่ยนแปลงความยึดถือความเห็นที่มันผิดๆ เปลี่ยนมา มาสู่ที่ดีที่ถูก หลายคนเราก็พูดไม่ได้ พูดไปก็เท่านั้น เหมือนเอาหอกแทง 100 เล่ม เช้า 100 เล่มกลางวันแทงอีก 100 เล่ม หอกหักหมด เย็นแทงอีก 100 เล่ม เขาก็ไม่รู้สึกรู้สา เราก็หาหอกมาแทง ไม่หวาดไม่ไหว ไม่รู้จะไปแทงหาหอกอะไร มันแทงยังไงก็เสียหอกเปล่าๆ นี่อาตมาพูดถูกต้องนะ ไม่ต้องไปแทงหาหอกแล้ว เพราะหาหอกมาไม่ไหวจะไปแทง ไปแทงยังไงก็เสียหอกเปล่าๆ เมื่อยด้วย
ก็เลยหันมาทำทางนี้เพราะว่าเราทำได้แล้ว เพราะว่าคนแสวงหาทางนี้ คนตั้งใจจะเป็นอย่างนี้มีอยู่ เพราะฉะนั้นเราเกิดกลุ่มคนมหัศจรรย์ คนที่อยู่กันอย่างสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้ว ลาภที่ได้โดยธรรม โดยสุจริตด้วยดี เอามาเข้ากองกลางใช้ร่วมกันในกองกลาง เรียกว่าสาธารณโภคี แล้วเป็นอยู่กันอย่างพัฒนาตัวเองด้วยศีล ด้วยทิฏฐิ
มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา หมายความว่าพัฒนาตามลำดับ ตามลำดับศีล แล้วก็จะเกิดทิฏฐิที่เจริญเป็นสัมมาทิฏฐิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมมาทิฏฐิสูงขึ้นเรื่อยๆก็บรรลุอาริยธรรม บรรลุโลกุตรธรรม จบสมบูรณ์
เมื่อจบในศีลที่ความหมายว่า 1 อย่าฆ่าสัตว์ เราก็ไม่ฆ่าสัตว์ได้อย่างถาวรแน่นอน เที่ยงแท้ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
คนนี้มีศีลระดับนึงแล้ว มีสติ สัมปชัญญะ สัตว์ตั้งแต่สัตว์เล็กจนถึงสัตว์ใหญ่ไม่ฆ่า นอกจากไม่ฆ่าสัตว์แล้ว ยังกรุณา ยังเอ็นดู เอาภาษาของพระพุทธเจ้าตรัสไว้เอามาอธิบายเป็นสภาวะธรรมให้เห็นชัดๆ
กรุณาคือลงมาช่วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา 4 คำนี้
-
เมตตาคือ อยากให้เขาได้ดี อยากให้เขาเจริญ ปรารถนาให้เขาเจริญ ประสงค์ให้เขาเจริญ
-
กรุณาลงมาช่วยเลย ทำ กรณะ แปลว่าทำ กรุณาก็ทำเลย ลงมือช่วยให้เขาเจริญตามที่เราอยาก ตามที่เมตตา กรุณาก็ช่วยทำให้เขาพ้นทุกข์ ให้เขาเจริญ ให้เขาอย่าเดือดร้อนอะไรก็แล้วแต่ ทำได้ ช่วยเขาได้ กรุณาทำได้เลยเป็นผลสำเร็จ พอเสร็จแล้วก็เป็นมุทิตา
-
มุทิตา หมายความว่า สาธุ ดีแล้ว คุณพ้นความทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นไปด้วยดี เป็นไปตามควรจะเป็นได้แล้ว เราก็ปล่อยวาง มุทิตา สาธุ ดีแล้ว ไม่ยึดติด เมื่อสาธุดีแล้วก็ได้ก็ปล่อย แล้วก็ไม่ยึดติดว่า เรามีบุญคุณ เราได้ทำให้เขาสบายทำให้เขาเจริญ ก็เป็นบุญคุณชนิดหนึ่ง ไม่เอา วาง อุเบกขา
-
อุเบกขาจิตสะอาดบริสุทธิ์ไม่เอาอะไรตอบแทน ไม่คิดอะไรตอบแทน ส่วนตัวคนที่ช่วยไปแล้วเขาจะกตัญญูกตเวที เขาจะมาตอบแทนบุญคุณอย่างไรที่ควรจะตอบแทนก็เรื่องของเขา มันเป็นคุณธรรม เป็นคุณวิเศษของเขา ซึ่งมันก็เป็นสิ่งดี แต่เราไม่เรียกร้องเราไม่ต้องการ แต่เขามาทำก็ดี มันก็เป็นตัวอย่างของโลก ซับซ้อน