641206 รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 19
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1qhNa2H_uLi7P0gprmhq56Agke7bidPVbXzIRFQTn89Y/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1F0tYOQka5yC-X-z0M2iwi_CcisDctAm7/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/9JLJ6XUQNH/
และ
https://youtu.be/nRHCJioQV_8
สู่แดนธรรม…วันนี้วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก พ่อท่านสอนธรรมะจะดูว่าลูกๆรับได้หรือไม่ ยุคแรกก็สอนให้ละอบายมุข ต่อมาก็สอนให้ละนิวรณ์ 5 ทุกวันนี้ ยุคนี้พ่อครูสอนให้ละตัวตน
โลกุตระสอนให้ละตัวตนเช่นไร
พ่อครูว่า… คำว่า ความไม่มีตัวตน ก็ต้องเข้าใจคำว่าตัวตนกันก่อน ตัวตนคืออะไร แล้วเราก็ไม่มีอันนั้น ถ้าเราเข้าใจคำว่า ตัวตนดี ว่าคืออย่างนี้ แล้วอย่างนี้ไม่มีในตัวเรา นี่แหละ เมื่อความเป็นอย่างที่ว่า ถ้ามีอยู่ในตัวเรามันก็เป็นความเป็นตัวตน ถ้าเราทำให้ไม่มีตัวนั้นได้ เราก็ไม่มีตัวตนอันนั้น ไม่มีตัวตนอย่างนั้น
เช่น เราเป็นคน โหดร้าย เจอความเป็นสัตว์ เราไม่มีจิตเมตตา ไม่เคยมีจิตเอ็นดูกรุณาอะไรเลย เจอสัตว์ เราอยากฆ่า ฆ่าได้ฆ่าเลย เช่นเจอมด ปลวก เจอสัตว์เล็กสัตว์น้อย มันสู้ไม่ได้เราก็ฆ่ามันไปเรื่อย แม้กระทั่งสัตว์โตถึงขั้นคน คนก็เป็นสัตว์ ถ้าเราฆ่าได้ เราก็ไม่มีใจเอ็นดูกรุณา ไม่เห็นใจอะไรกับสัตว์อะไรเลย… ฆ่า
โดยไม่เข้าใจเลยว่า การฆ่านี้เป็นวิบากบาป ซึ่งจะตามติดเล่นงานเราไปอีก ลึกซึ้งเข้าไป ศาสนาพุทธสอนไว้หมด เขาไม่รู้หรอก ศาสนาเทวนิยมเขาไม่ได้สอนเรื่องกรรมวิบาก มีกรรมวิบากที่จะต้องหมุนเวียนชดใช้ เขาเชื่อว่าตายชาติเดียวไปอยู่กับพระเจ้า จบชาติเดียว เทวนิยมเขามีแค่นั้น เขาก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร
ทีนี้ คนเทวนิยมในโลกมีเยอะแยะมากมายกว่าคนโลกุตระ ที่เป็นอเทวนิยม คือชาวพุทธ มันน้อย น้อยกว่าเยอะนะ โดยเฉพาะพุทธที่เป็นโลกุตรธรรม เป็นสมาชิกเฉยๆ เป็นมวลที่ชื่อว่าฉันเป็นพุทธนับถือพุทธเฉยๆ ไม่มีความรู้ของพุทธหรอก ไม่มีความรู้ที่เป็นโลกุตระธรรม ความรู้ก็เหมือนชาวเทวนิยม เหมือนชาวโลกีย์นั่นแหละ
ละชั่วประพฤติดีอย่างนั้นพยายามเหมือนกัน สอนเหมือนกัน เรียนเหมือนกัน ปฏิบัติฝึกฝนเหมือนกัน ยังไม่เข้าขั้นโลกุตระ เพราะฉะนั้นเหลือคั้นเอาที่โลกุตระจริงๆนั้น ยิ่งยุคนี้ยุคกึ่งพุทธกาล
“พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร ล.16
[672] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี … พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟังจักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษาแต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[673] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ”
พ่อครูว่า… แม้จะมีชื่อคำว่าโลกุตระอยู่ แต่สาระแท้เนื้อหาเนื้อแท้หัวใจโลกุตรธรรมนั้นได้สูญหายไปแล้ว ขออภัยที่อาตมาจะต้องพูดตรงๆ มันหายไปหมดจริงๆ มันไม่มีใครรู้จัก พอมีภาษาโลกุตระอยู่บ้างก็เอามาพูด อย่างท่านพุทธทาสก็หยิบเอามาพูด นอกนั้นไม่เห็นมีใครกล่าวถึงนอกจากท่านพุทธทาส
เหมือนโครงกลองหนังยังอยู่ นอกนั้น ส่วนประกอบเป็นของปลอมของใหม่อันอื่นมาทดแทนหมด อาตมาเกิดมายุคกึ่งพุทธกาล อย่างไรก็ต้องขอโทษขออภัยจริงๆ ไม่ได้อยากเด่นอยากดังอยากยกตัวยกตนอะไรหรอก แต่มันเป็นเรื่องจริงต้องพูดความจริงสู่กันฟัง
ว่าอาตมาก็นำเรื่องนี้ขึ้นมาขยาย ขยายจนทุกวันนี้ ขยายไปมาก หนังสือก็เขียนเอาไว้ ไม่ใช่พูดแล้วไม่มีหลักฐานยืนยัน อธิบายความเป็นโลกุตรธรรม จนมีคนเข้าใจแล้วนำมาปฏิบัติบรรลุโลกุตรธรรม จนมาเป็นหมู่กลุ่มชุมชนชาวอโศก ถึงขั้นสาธารณโภคี มี สาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างสบาย อันนี้เป็นหลักฐานยืนยันความจริงที่เป็นจริง เกิดอยู่เป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นปรากฏการณ์แท้ ไม่ได้พูดพล่อยๆ เพ้อเจ้อไป หาความเป็นจริงอย่างที่ว่าไม่ได้ แต่มีอย่างแท้จริง แม้จะเป็นจำนวนน้อยก็เป็นความจริง มันมีได้น้อย มันมีไม่ได้มากหรอกเพราะว่าคนเข้าไม่ถึง พูดชัดๆคือ บารมีเขายังไม่ถึง เขาเข้าถึงไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันใกล้กลียุค เป็นภาวะที่เป็นเป็นไปตามสัจธรรม องค์ประกอบต่างๆนานาตรงกันหมด
ก็พูดไว้ประมาณนี้ก่อนเรื่องนี้ จะต้องพูดไปจนกระทั่งอาตมาตาย
มาเอาเรื่องที่เข้ากับสมัย
_กราบนมัสการครับ คนเรา เรื่องความตายไม่น่ากลัวสำหรับคนมีศีลธรรม เพราะชีวิตจริงๆของคนเราคือจิตวิญญาณที่มาอาศัยร่างอยู่ เมื่อร่างมีความเสียหายเจ็บป่วยจนใช้การไม่ได้ วิญญาณก็ต้องจากร่างนี้ไป หาร่างใหม่ ถ้าจิตวิญญาณ มีคุณธรรม มีศีลธรรมก็จะต้องไปเกิดในหมู่คนที่ดีมีคุณธรรม ญาติธรรมทั้งหลายที่ตายไปแล้ว ก็น่าจะกลับมาเกิดอยู่กับชาวอโศกอีก ( พ่อครูว่า… ถูกต้องมันเป็นจริง น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน ตามความเป็นจริงทำคุณธรรมของเราให้ได้ก็แล้วกัน) เพราะฉะนั้นบวรชาวอโศกก็น่าจะสืบทอดไปถึง 5,000 ปีได้ ความรู้สึกของผมถูกต้องหรือไม่
พ่อครูว่า… ก็ไม่ประมาท มีความรู้สึกอย่างนั้นได้ก็ดี
แต่เราก็ไม่น่าประมาท เราก็พากเพียรเติมไป ไม่ต้องประมาท ให้มันจริง แน่นอนมั่นคงเป็นได้ไม่ผิดพลาดเลยเอากันอย่างนั้น เราไม่สันโดษในกุศล ไม่หยุดไม่พอแค่นั้น
SMS วันที่ 3-5 ธ.ค. 2564
ชาวอโศกเสียภาษี 100% นั้นเป็นอย่างไร
_สว่างแสง ขวัญดาว : ลูกขอถามพ่อครูว่า ที่พ่อครูว่า ชาวอโศกเสียภาษี 100% นั้นเป็นอย่างไรคะ ลูกไม่เข้าใจ ขอพ่อครูโปรดอธิบายด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…เราทำงาน คือวันๆหนึ่งเราก็ทำงานแล้วได้ผลผลิตได้งานแต่เราไม่ยึดเอาผลผลิตต่างๆนั้นมาเป็นของเราเลยเอาเข้ากองกลางหมด เรามีหน้าที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานสร้างสรรค์ แรงงานความสามารถสมรรถนะปัญญามีทำงานเต็มที่ ผลผลิต สิ่งที่จะเกิดตามมาเป็นผลได้ ก็เอามารวมเป็นกองกลางไม่ยึดมาเป็นของเรา
แต่เรา ร่วมกินร่วมใช้อยู่กับกองกลางนี้ และเราก็ได้ฝึกฝนตนเป็นคนมักน้อย เป็นคนสันโดษ เป็นคนใจพอ เป็นคนไม่กินมากไม่ใช้มาก อยู่แต่พอเหมาะพอดีของชีวิต ประหยัดมัธยัสถ์ด้วย
ซึ่งเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มาก จะต้องอธิบายกันอีกนาน เศรษฐศาสตร์ที่เป็นโลกุตระของพระพุทธเจ้า ที่ในหลวงของเราก็ตรัสว่ามาจน คนจนนี่แหละเป็นคนประเสริฐ คนรวยไม่ประเสริฐหรอก เป็นคนจนจะทำให้สุขสำราญเบิกบานใจอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อยอยู่กันอย่างอบอุ่น
เจริญงอกงามดีจริงๆเลย ค่อยๆอธิบายไปไม่ใช่เรื่องสามัญแต่เป็นเรื่องโลกุตระเหนือสามัญ มันเป็นอีกชนิดหนึ่ง สรุปเอาแค่นี้ก็แล้วกัน
สรุปว่า ทำงาน อยู่กับหมู่กลุ่มสังคมนึ้ แล้วเราไม่เอาเป็นของเรา นี่สำหรับคนที่จริง 100% ส่วนสำหรับคนไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจะเอาไว้กับตัวเองบ้างไม่เข้ากองกลาง มีส่วนแบ่งอยู่ในนี้ก็เป็นเรื่องของความไม่หมดตัวตน ความยังมีตัวตนยังมีส่วนได้ยังมีตัวกูของกู ของเขาอยู่มากน้อยก็อยู่กับความจริง จะมากจะน้อยก็เป็นความจริง พวกเรารู้ดีถ้ามีมากก็นะอยู่ร่วมไม่ได้ จะเอาเต็มรูปหรือจะเอาเกินความเป็นจริงก็น่าอาย อยู่ไม่รอดในชาวอโศกจะต้องหนีไปอยู่ข้างนอก ต้องเป็นคนที่อยู่ในเกณฑ์ ที่เขาปฏิบัติมักน้อยสันโดษ ตัวเองจะมามากๆเอาเปรียบเอารัดมาเอาเยอะๆ มันน่าอาย จะหน้าด้านหน้าทนอย่างไร ต้องหน้าด้านหน้าทนจริงๆจึงอยู่ได้ ถ้าเรายังมักมาก ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
_นพดล ทองโคตร : ลองสมมุติ ว่าคนฟังธรรมพระเป็นอรหันต์ได้ทุกคน สังคมจะเป็นอย่างไรบ้าง ขอรับ
พ่อครูว่า…ก็ เจริญนะสิ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก คุณจะสมมุติอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ มันต้องมีขั้นตอน มันมีระดับของมันจริงๆเฉลี่ยกันอยู่ เก่งมากก็ทำให้คนเป็นอรหันต์ในสังคมนี้ได้มาก เก่งน้อยก็ทำให้เป็นอรหันต์ได้น้อย ก็เป็นไปตามสัจจะของมันจะเป็นอย่างนั้น
สู่แดนธรรม… พ่อท่านเคยบอกว่า ไว้นานแล้วหากว่าสังคมเจริญอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่ต้องเทศน์อะไรหรอก เพราะว่าไม่มีใครทำบาปอะไรแล้ว หรือพระพุทธเจ้าไม่ต้องเกิดมาก็ได้
พ่อครูว่า… ก็เคยพูดไว้ ถ้าทุกคนมีความเจริญถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ เป็นคุณธรรมอรหันต์ แล้วพระพุทธเจ้าจะเกิดมาทำไมก็จริง
_คุณป้า นะค่ะ : ลูกคิดถึงเพื่อนๆที่อยู่บ้านราช เมื่อใดบ้านราชจะเปิด ที่บวรลานนาถ้าญาติธรรมอยากเข้าวัด ท่านอาจารย์หนึ่งท่านเมตตาให้เข้ามาแต่ตรวจโควิดก่อนเข้าวัด 20 นาที ผลเป็นลบก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เลย
พ่อครูว่า…ก็นัยยะอย่างนั้นแหละ อย่างอาจารย์หนึ่งพาทำ แต่คนนอกจริงๆเลยเนี่ย เราไม่เสี่ยงไม่รับ เราป้องกันไว้ก่อน เราไม่แน่ใจว่า ตรวจแล้วนี่ เชื้อมันไม่แสดงตัวก็มีได้ เราก็จะไม่ประมาท เพราะว่าเรายังไม่ต้องการคนที่เข้ามาในจังหวะนี้ เรายังเอื้อเฟื้อคนข้างนอกไม่ได้ รักษาตัวรอดเป็นยอดดีไว้ก่อน เพราะโควิดมันเก่งจริงๆ มันปราบเซียนอยู่หมัดเลย
_มุ่ง ตรงธรรม : พ่อครูยอมฝืนอยู่เพื่อลูกทั้งที่ตื่นแล้วและที่ยังไม่ตื่น ลูกเข้าใจพ่อครูยิ่ง เมื่อผู้สิ้นหวังหมดหวังแล้ว ก็เหลือเพียงแต่อยู่ไปแบบรอวันตาย ขบฉันก็ยังต้องฝืนขบฉันเพราะหมดหวังสิ้นหวังในรสแล้ว ก็ย่อมขอบเคี้ยวเพียงรักษาธาตุขันธ์เพื่อผู้อื่นเพียงอย่างเดียว เมื่อจักเคี้ยวขบฉันเหมือนออกรบแบบฝืนรบทุกครา จึงเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายความซ้ำซาก ลูกรู้สึกทราบซึ้งในความเมตตา กรุณา ที่พ่อครูให้ความเอ็นดูทุกสรรพสัตว์ ลูกฟังพ่อครูแล้วจิตมันเห็นตามถึงความยากลำบากในการฝืนอยู่นี้
_พันธุ์ พอเพียง : ที่ว่า ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผมว่าน่าจะเปลี่ยนเป็น ป่วยเจ็บมีคนรักษา ใบไม้หล่นมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน น่าจะดีกว่าไหมครับ เพราะทุกสถานที่ของชาวอโศก นิยมปลูกต้นไม้หนะครับ กราบนมัสการครับ
_ธรรมธารทิพย์ วงษ์รักษ์ มาลิณี : ถนนเส้นทางกุดระงุมบ้านราชมีถนนแบ่งปัน ชื่อส้มตำ ถ้าน้ำแห้งถนนเส้นคำกลางก็จะมีกระท่อมแบ่งปัน ต่อไปอาจมีเพิงแบ่งปันที่บ้านคำกลาง เมื่อผลผลิตมีพอ ชาวบ้านราชที่อยู่คำกลางหลายอยู่จับมือกัน ตามนโยบายพ่อครูค่ะ
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ : มองโลกมองธรรมตามธ.พ่อครูสอนฝึกกายใจให้อยู่กับวิกฤติโคโรนาเศรษฐกิจโควิทฯ ด้วยศีลสมาธิปัญญาเข้าใจความจริงของสิ่งที่ถูกรู้(รูป) กับตัวผู้รู้(นาม)จึงจะเข้าถึงความเป็นอิสระจากสภาวะบีบคั้นเป็นทุกข์ในปัญหาต่าง ๆได้ด้วยหลักธรรมตถาคตฯและคำสอนพ่อ ร.๙ ที่พาก้าวออกจากความทุกข์ในทุกวิกฤติได้ดียิ่งกว่า ๑๐๘ วาทะกรรมใดๆสาธุ! รักพ่อฯ ภักดิ์นิรันดร์ฯ?
ไม่มีเงินทองแล้วจะมีความมั่นคงอบอุ่นในสังคมได้อย่างไร
_วิชัย : ทำไมพ่อครูสอนให้มาจน การมาจนจะพ้นทุกข์ได้อย่างไรครับ
พระพุทธเจ้าให้พรากจากญาติพี่น้อง,จากการครองเรือน,จากทรัพย์สิน มาเป็นนักบวชไม่มีเงินทอง เพื่อไปสู่ทางพ้นทุกข์ แล้วจะมีอะไรเป็นความมั่นคงของชีวิต จะมีความอบอุ่นใจได้อย่างไรครับ
พ่อครูว่า… พระพุทธเจ้าให้พรากจากญาติพี่น้อง จากการครองเรือน จากทรัพย์สินมาเป็นนักบวช ไม่มีเงินมีทอง ก็มาจน เพื่อไปสู่ทางพ้นทุกข์ ก็นั่นแหละคือการไม่มีเงินมีทอง คือการมาจนจะพ้นทุกข์
“แล้วจะมีอะไรเป็นความมั่นคงของชีวิต จะมีความอบอุ่นใจได้อย่างไร “
พ่อครูว่า… คุณสงสัยว่าจะมีความมั่นคงความอบอุ่นใจในชีวิตได้อย่างไร
สู่แดนธรรม… ผมช่วยตอกย้ำว่า ถ้าพ่อท่าน ปรุงธรรมะจานนี้ให้อร่อย สังคมจะได้คำตอบมาก เพราะเขาคิดไม่ออก ว่าคนพี่ไม่มีเงินจะอยู่ได้อย่างอบอุ่นอย่างไรถ้าไม่มีเงิน
พ่อครูว่า… คุณกำลังอยู่ในภพ ในสังคม ใน Concept ในความคิด ที่มีเงินเป็นพระเจ้า พึ่งพาเงินทอง ถ้าไม่มีเงินแล้วจะอยู่ได้อย่างไร จะมั่นคง จะอบอุ่นอย่างไร นี่คือคนที่มีเงินเป็นพระเจ้า ถ้าไม่มีเงินก็หมดความมั่นคง จะไม่อบอุ่น อันนี้เป็นความซับซ้อนลึกซึ้งมาก
ขอขยายความบ้าง
จิตวิญญาณของคน มันมีความโง่ มีความไม่ฉลาด มันหลง อะไรก็อร่อย ภาษาพระท่านเรียกว่า อัสสาทะ มันมีอะไรก็น่าได้ น่ามีน่าเป็น
สรุปแล้วก็คือขี้โลภ มีราคะ เอามาสัมผัสเกี่ยวข้องก็น่าเสพน่าอร่อยไปหมด มีวัตถุก็หอบไว้เป็นของตัวของตน อย่างนี้ถึงจะมั่นคงแข็งแรงอบอุ่นมั่นใจ มันไม่สูญเสีย มันจะอยู่กับเรา มันพึ่งเรา เราพึ่งมัน เงินนี่และทรัพย์สินนี่แหละ
ทรัพย์สินมันสู้จิตวิญญาณมนุษย์ไม่ได้ จิตวิญญาณมนุษย์ ที่ไม่เห็นแก่ตัว มีแต่เห็นแก่คนอื่น และเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ขยันอีกด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดจะเจริญ สร้างสิ่งที่จะกินใช้ จะอาศัยอย่างไรก็แล้วแต่ มากพอเกิน แต่ละคน มีสมรรถนะกับความขยัน เกินกินเกินใช้กันทั้งนั้นแหละคน ศึกษาฝึกฝน สัตว์เดรัจฉานมันก็ยังสามารถมีสมรรถนะในการสร้างตนเอง เลี้ยงตนเองเลี้ยงลูกและครอบครัวได้ เกินกินเกินใช้ได้
ถ้าคนนี่โง่กว่าเดรัจฉานก็หมดคำตอบ ถ้าคนพึ่งพาตนเองทำกินทำใช้ไม่ได้ แล้วยังจะสะสมเหลือเฟือเกินไปอีก นี่แหละคือกิเลสสุดโง่ของคน สะสมไว้มากๆ โลภโมโทสันไว้เป็นของตัวของตน ของครอบครัวตน เกิน จนทำให้คนอื่นขาดแคลน
เพราะในโลกมันมีสมบัติจำกัดส่วนหนึ่ง คนไหนโลภเข้ามาไว้มากๆ คนอื่นก็ขาดแคลน อันนี้เป็นวิบากของเขา เขาไม่จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เขาตะกละตะกลาม เขาจะฉลาดแกมโกงหาทางเอาเปรียบหาทางชนะเอาเปรียบสังคม แม้จะตามกฎเกณฑ์สังคม
ที่จริง กฎเกณฑ์สังคมก็มักจะเอียงๆเข้าข้างคนได้เปรียบนั่นแหละ คนที่เสียสละจริงๆจะไปออกกฎอะไร ในสังคมที่เป็นสภาที่จะเป็นสถานที่ออกกฎหมาย จะต้องแย่งกันไปที่นั่น ไปเป็น ส.ส.หรือเป็นนักออกกฎหมาย ก็จะต้องแข่งขันแย่งชิง ซึ่งมันซับซ้อน
เพราะฉะนั้น มาเรียนรู้ดีๆ ในความลึกซึ้ง โลกุตรธรรม มีคำว่า
มีวรรณะ 9 เป็นต้น มาจน มักน้อย สันโดษ ใจพอ สิ่งเหล่านี้เป็นสัจจะที่ประกอบด้วยปัญญา ความฉลาด มันหมายถึงอย่างนี้แล้ว มันดีจริง มันชัดเจน
เพราะฉะนั้นอธิบายมากกว่านี้ก็ยังยาก กำลังเขียนหนังสือปัญญา 8 ได้ 600 หน้า 700 หน้า ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
ปัญญานี้ คนก็ยังเข้าใจไม่ได้ เพราะคนไปปู้ยี่ปู้ยำ ปัญญาว่าเหมือนเฉโกไปหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ปัญญาเป็นความรู้ของโลกุตระ ความเข้าใจแค่นี้ก็ยังยากมาก
กว่าจะฟื้นคืนได้ นำพาความเป็นสภาวะที่เป็นจริงนี่มายืนยันได้ แล้วก็ต้องมีมวลหมู่คนที่ประพฤติได้ คนที่มีปัญญาเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่มีปัญญาเป็นอย่างนั้น คนที่มีปัญญาจะเห็นจริงเห็นจังว่า ความจนเป็นความประเสริฐ แล้วอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกคนจน ต้องมีหมู่มวลพอสมควรทีเดียว อย่างประเทศไทยมีชาวอโศกมีหมู่มวลพอสมควร พึ่งพากันเกิดแก่เจ็บตายกันได้จริงๆ
คนที่มีความเห็นแก่ตัวซ้อนอยู่ลึกๆโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น จะเห็นว่าสังคมนี้ มันพึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันไม่ได้จริงๆ เป็นความเห็นแก่ตัวจุกจิกจุกจิกในตัวเอง แล้วก็เลยมององค์รวม ว่ามันพึ่งพากันไม่ได้ แต่ที่จริงส่วนใหญ่เขาสบายพึ่งพากันได้จริง แต่ตัวเองนั้น มันตะกละตะกลามโดยไม่รู้ตัว อยากจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ดั่งใจ ยังมีอยู่บ้างในชาวอโศก แม้แต่ในราชธานีอโศกก็มี
นี่ เขียนขึ้นไปหาอาตมา ก็ไม่อยากจะมาเปิดเผย เขาไม่รู้ตัว เพราะ ความเห็นแก่ตัวนี้มันลึกละเอียด จุกๆจิกๆ เล็กๆน้อยๆก็ถือ แล้วไประแคะระคายกับคนนั้นคนนี้ ส่วนตัวบ้างอะไรต่ออะไรบ้าง ทั้งๆที่องค์รวมมันสมบูรณ์แบบแล้ว
ทำไมอเมริกาไม่เชิญประเทศไทยไปร่วมประชุม
พ่อครูว่า… มาเข้าประเด็นร่วมสมัยที่อาตมาอยากจะพูด คือ อเมริกา ไม่เชิญชาวไทยไปร่วมประชุม ประเด็นนี้อยากจะร่วมเม้นกับเขาบ้าง
ทำไมอเมริกาไม่เชิญประเทศไทยไปร่วมประชุม เป็นเรื่องที่เสียหน้าประเทศไทยตกกระป๋องหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เลยฟังดีๆ
การที่อเมริกาไม่เชิญไทยร่วมประชุมนั้น เป็นเรื่องชัดเจนมาก ชัดเจนว่าอเมริกา ยังไม่ใช่ประชาธิปไตย ยังเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว เห็นแก่อำนาจ เห็นแก่ทุนนิยม เห็นแก่หมู่พวก
เพราะฉะนั้นอเมริกาเขาจะเชิญหมู่พวกที่เขาจะครอบงำได้ ฟังประเด็นให้ดีๆนะ ประเทศที่เขารู้มีปฏิภาณว่าครอบงำได้ยาก เช่น ประเทศไทย เป็นต้น หรือประเทศที่เขาไม่ได้ประโยชน์เลย แต่ประเทศไทยเขาได้ประโยชน์ แต่เขาก็รู้ว่ามันยาก นี่คือความฉลาดแกมโกงของอเมริกา เขาไม่เชิญ
มันส่อแสดงให้เห็นจิตลึกๆ ความเฉลียวฉลาดแกมโกงหรือบริสุทธิ์ใจ ของอเมริกัน ชัดเจนที่สุดเลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องไขความจริงให้ชัดเจนแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ง่ายไทยก็ สบายๆเขาไม่เชิญก็ไม่ต้องไป ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะฉะนั้นแสดงถึง จิตของชาวอเมริกาคนอเมริกัน ผู้บริหารปกครองอเมริกันเป็นตัวหลัก เขาเริ่มรู้ขึ้นมาแล้วว่า ไทยนั้นมีลักษณะแตกต่างจากอเมริกา เขาจะได้ศึกษาต่อไปอีกว่าไทยแตกต่างจากอเมริกาอย่างไร
เอาง่ายๆ อเมริกายังหลงความร่ำรวย แต่ไทยนั้นหยุดแล้ว หยุดความร่ำรวย โดยเฉพาะในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศเลย เราไม่ไปแย่งชิงความร่ำรวย เราก็ร่ำรวยพอสมควร เราพอกินพอใช้ เราไม่เอาร่ำรวยก้าวหน้า โลภโมโทสัน อย่างเช่นคนอเมริกาก็ตาม คนประเทศไหนๆส่วนใหญ่ก็ตาม เขาก็จะต้องเอาให้มากโลภโมโทสันให้มีมากๆเป็นเจ้าโลก ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองอำนาจหมู่พวก เขาก็จะเอาหมดแหละ ง่ายๆก็ทรัพย์สินเงินทองอำนาจหมู่พวก เขาจะให้ได้พวกมากๆ ได้อำนาจยิ่งใหญ่ ทรัพย์สินเงินทองจะได้มีกองอยู่ที่เขามากๆ ซึ่งมันง่ายๆ เอาหมู่ใหญ่เป็นบรรทัดฐานตื้นๆ เขาก็ยังหลงความรวยอย่างหัวปักหัวปำ
แต่ไทยนั้นหยุดความรวย หยุดโลภมาให้แก่ตน เป็นโลกุตระธรรม มานิยมความจนความพอเพียง ไม่แย่งชิงใคร มีปัญญาอย่างแท้จริง แต่อเมริกายังเฉโกอยู่ คือ ยังมีความฉลาดแกมโกงหรือฉลาดอย่างมีกิเลส แต่ปัญญานั้น ฉลาด อย่างไม่มีกิเลส กิเลสลดน้อยลงจนไม่มีกิเลสแล้ว
เพราะฉะนั้นความรู้ความฉลาดของไทย จึงเป็นความรู้ความฉลาดที่ซื่อสัตย์ เสียสละ เกื้อกูลผู้อื่น เห็นการได้ให้เป็นความประเสริฐ ไม่ใช่การได้เปรียบเป็นความประเสริฐ นี่ชัดๆง่ายๆ ไม่ต้องใช้ปฏิภาณปัญญาอะไรลึกซึ้ง หรือความเฉลียวฉลาดลึกซึ้งอะไร เข้าใจให้ได้แล้วทำให้ได้ก็แล้วกัน
คนที่มีปัญญาคือความเฉลียวฉลาดในตัวเองแท้จริงเห็นจริงแล้วเข้าใจได้จริงเลย แล้วจนกระทั่ง ทำตนเอง กายกรรม วจีกรรม มโโนเป็นประธาน พามามีน้อยกว่าเขา
เช่น เราอยู่กันสองคน มีเงินก้อนหนึ่ง ร่วมกัน คนที่ฉลาดก็บอกว่าคุณเอาไปเถอะ ของเราเอาไว้นิดเดียว คุณเอาไปเลย มี 100 คุณเอาไป 90 เราเอาไว้แค่ 10 ก็พอ นี่คือคนฉลาด แล้วเราก็ไม่ได้เบียดเบียนตนเองแค่มี 10 เราก็เพียงพอ เราไม่เปลือง ไม่ผลาญ ไม่ฟุ่มเฟือย มีมากไปก็เท่านั้น แบกหามไป ทำให้คนอื่นขาดแคลนด้วย
มีมากก็กระจายให้คนอื่นที่เขาจำเป็นมีความเดือดร้อนมีความจำเป็นต้องใช้ เฉลี่ยกันไปจึงเป็นหลักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่
ย้อนกลับมาเน้น อเมริกา ไม่เชิญไทยเข้าร่วมประชุม เราก็ไม่ได้ไปแสดงออกให้เป็นเรื่องที่เกิดปฏิกิริยาน่าเกลียดน่าชังอะไร เราก็ทำงานของเราไป ทำหน้าที่การงานของเรามีอีกเยอะแยะที่จะต้องช่วยประชาชน ให้ประชาชนฉลาดมีปัญญา แล้วก็สร้างสรร จะได้เผื่อแผ่คนอื่นต่อไปอีก แม้แต่คุณเอง อีกหน่อยเรามีเหลือเฟือก็จะช่วยเลี้ยงชาวอเมริกาได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องลึก เอาง่ายๆ ประเทศไทยมีความลึกซึ้งที่จะไม่เสียแรงงาน เสียเวลาไปสร้างสิ่งที่ไม่ควรสร้าง มันเคยหลงไปตามเขาจะต้องสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น ไปสร้างอาวุธ เอาไปเอามาคนไทยก็ไม่เก่งไม่ต้องไปสร้างอาวุธ แต่สร้างอาหาร
จนกระทั่ง โศลกวันนี้ ว่าไง… “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ”
เป็นโศลกที่เป็น ความคิดที่กลั่น กลั่นได้แล้ว ก็เอามากระจายออกไป ให้คนเขาได้รู้ความคิดที่กลั่นแล้ว เตือนสติ คนที่เขาได้ฟัง ได้ยิน เดี๋ยวนี้ แปลเป็นภาษาต่างประเทศก็ได้ง่าย พูดแบบนี้คนแปลเป็นภาษาต่างประเทศได้เลย ซึ่งก็ไม่ใช่ภาษาที่ยากซับซ้อนลึกซึ้งอะไร เป็นภาษาสามัญ คนฉลาดก็สร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์ก็สร้างอาวุธ ง่ายๆ
เป็นเรื่องจริง โลกที่เจริญเป็นโลกที่ไม่ฆ่าแกง ไม่ทำร้ายกัน มีแต่ช่วยเหลือกันเสียสละกันไป มันเป็นโลกเจริญ ถ้าโลกยังข่มเบ่ง ยังเป็นโลกที่เสื่อมต่ำ แต่มันสลับซับซ้อน สิริมหามายา พวกที่โฆษณา propaganda อย่างสมัยโบราณ เจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช เบ่งอำนาจ ได้อำนาจครอบงำได้เป็นผู้ชนะ อย่างนั้นเป็นนิยายเก่าแล้ว ตกกระป๋องแล้ว แต่ผู้ที่ยังงมงายงุ่มง่าม ก็ยังไม่รู้ว่าเราอยู่ในยุคไหน ที่เรายังยึดถือ ยังจะต้องเป็นอยู่นี้ คนส่วนใหญ่เขารู้หมดแล้วว่าเป็นเรื่อง เลวทราม เขาเลิกกันหมดแล้ว แต่ตัวเองยังงมงายงมโข่ง
มันส่อแสดงให้เห็น ทั้งหมดในกระบวนคนทั้งหลาย ในประเทศทั้งประเทศ สังเกตสิ ประเทศใหญ่ๆ ประเทศอินเดียใหญ่ พลเมืองมีมาก จีนมากกว่าอินเดีย 2 ประเทศนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก พลเมืองพันกว่าล้าน อินเดียเขาไม่ไปแข่งสร้างอาวุธเลย สร้างไปตามประสา สร้างดาวเทียมก็ทำเป็นประโยชน์
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สู่แดนธรรม… ในกำลัง 4 มีปัญญาพละ และสังคหพละ จะมีอานิสงส์อีก คือ พ้นภัย 5 ซึ่งชาวโลกยังตามไม่ทัน
พ่อครูว่า… มาต่ออีกที่ว่า อเมริกาไม่เชิญประเทศไทย แสดงให้เห็นที่ขยายความไปบ้าง ไทยไม่ต้องไปเดือดร้อนไม่มีเสียหน้าอะไรเลย ถ้าจะพูดไปแล้ว อเมริกาต่างหากเสียหน้า
ที่เขาเชิญไป ต้องการเชิญไปครอบงำ แต่แม้เขาเชิญเราไป เราไม่ได้ไปเพื่อให้เขาครอบงำ เราก็จะไปแสดงวิสัยทัศน์ของเรา แต่เมื่อเขาไม่เชิญก็ไม่มีปัญหาอะไร
คือมันซับซ้อนตรงประเด็นที่ว่า คนที่คบคน ใครจะคบใครก็แล้วแต่ ถ้าเราคบผู้นี้รู้ว่าผู้นี้ควรคบ ควรเคารพยกย่องบูชา เกรงใจอย่างแรงกล้า และละอายท่านอย่างแรงกล้า เพราะท่านทำแต่สิ่งที่น่าเชิดชูชื่นชม แต่เราทำสิ่งน่าเกลียดน่าละอายเยอะ เพราะฉะนั้นจะเข้าไปหาท่าน นี่ เรามีแต่สิ่งน่าละอายที่แสดงออก แสดงความเห็นแก่ตัวเป็นต้น แสดงความโลภไม่รู้จักจบ เป็นต้น มันน่าอาย แสดงความหลง ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเยอะแยะ เป็นต้น น่าอาย ท่านไม่มีแล้ว ท่านไม่เอา ท่านมีฐานะสูง
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาสำนึกว่า เรานี่ ยังต่ำมาก ท่านเจริญ แล้วก็เคยหลงผิดมานานก็สำนึกตนเอง เราโง่มานานน่าอาย รู้สึกตัว เป็นคุณสมบัติ คุณธรรม คุณวิเศษของคนที่สำนึก พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แค่นี้ มาได้พบผู้ที่สูงส่งจริงๆ ผู้เป็นโลกุตระบุคคล โอ้โห เราเป็นโลกียะต่ำต้อยจริงๆ เราทำเลวทรามมานานแล้ว หลงผิดว่าถูก หลงรวย แย่งอำนาจแย่งพรรคพวก มันสุดประเสริฐ แย่งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสมันสุดประเสริฐ โง่ไม่เสร็จ โง่มานาน โง่แรงโง่ลึกด้วย ตอนนี้มาสำนึกแล้ว จึงเกิดความละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัว
เราจะเข้าไปนี้ท่านจะยอมรับเราหรือไม่ ท่านจะช่วยเราหรือไม่ หรือท่านจะคัดออก คนที่อยู่นอกทะเบียนสอนไม่ได้จะเป็นอย่างนั้นไหม เกรงกลัว ต้องเคารพอย่างแรงกล้า ต้องรักอย่างแรงกล้า เต็มที่เข้าไป อ่อนน้อมถ่อมตน อย่างยิ่งเข้าไป
คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีอะไรในตัวตนเลย เข้าไปหาคนที่ท่านไม่มีตัวตนแล้ว เราต้องทำตนไม่มีตัวตนอย่างยิ่งเข้าไปด้วย ก็จะค่อยๆสอดประสาน เข้ากับท่านติด เราเข้าไปหากมีแต่ตัวตนเบ่งๆ เหมือน อัมพัฏฐมานพ ไปหาพระพุทธเจ้า จะได้อะไร
เพราะฉะนั้นความซับซ้อนลึกซึ้งพวกนี้ มันยิ่งสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลทำให้เห็น คนเช่น อเมริกาก็ชนิดหนึ่ง คนเช่นเกาหลีเหนือก็อีกชนิดหนึ่ง
เกาหลีเหนือน่ะเบ่งใหญ่ไม่ออก อเมริกาเบ่งใหญ่มาได้แล้วพยายามเบ่งต่ออีก แต่ตอนนี้คนเขารู้ทัน อเมริกาก็เลยเบ่งต่อได้ยากขึ้น
แต่ก่อนนี้ พูดให้ชัด ไทยก็ยังไม่ตื่นตัวเท่าไหร่ ก็ยังไปหลงอเมริกาอยู่ พอในหลวง ร.9 ขึ้นมา แถมอาตมาขึ้นมาอีก สองสำทับ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านสุขุมคัมภีรภาพ ท่านก็ทำของท่านไปนำร่องก่อน ทำนำร่องไปได้จนกระทั่งคนเห็น โลกุตรธรรมติดตลาดขึ้นมา ยังไม่ถึงขั้นนิยม ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟชั่น แต่ว่าติดตลาดขึ้นมา อยู่ในเกณฑ์ที่คนรู้แล้วก็เอาขึ้น ขึ้นบอร์ด ขึ้นลำดับ จัดลำดับไปแล้ว ว่า โลกุตรธรรมนี้สุดยอด
เพราะฉะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงเป็นที่รับได้ของ แม้แต่อเมริกาหรือสหประชาชาติที่อเมริกาเป็นหัวเรือใหญ่ ก็ยังต้องยอมรับในทีไปแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้นมาจากในหลวงรัชกาลที่ 9 บริหารประเทศมา 70 ปี อาตมาได้มาเสริมหนุนเข้าไป อาตมาเสริมหนุนทางเนื้อธรรมะ ทางเนื้อหาความรู้ทางธรรมะ ส่วนในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงพระจริยวัตร ทรงงานจริงๆเลย ทำให้เห็นว่า
คุณธรรมโลกุตรธรรมนั้น จะต้องรู้จักสาระที่แท้ และทำสาระที่แท้นั้นไป ทำไปอย่างเผื่อแผ่เกื้อกูลกันเจือจานกัน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปรวยกับเขา จนกว่าเขานั้นถูกแล้ว เพราะเราเป็นผู้มีความสามารถ มีสมรรถนะ มีปัญญาแข็งแรง เพราะฉะนั้นเราสร้างให้มากก็จะเหลือกินเหลือใช้ตลอดเวลา ยิ่งมีมวลหมู่เพิ่มก็มาช่วยกันสร้างก็เหลือเฟือเพิ่มขึ้นอีก มวลหมู่มากร่วมกันสร้างเพิ่มไปอีก เหลือมากเพิ่มอีก ก็ช่วยคน เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ไปได้อีกๆ
คนที่ได้รับความช่วยเหลือได้รับความช่วยเหลือเจือจานเกื้อกว้างออกไป เขารู้จัก เขาเข้าใจ Action reaction ปฏิกิริยาก็ คนที่ดีอย่างไรหนอจะได้ตอบแทนบุญคุณ เขาก็พยายามที่จะเมื่อมีอะไรพอจะมีจะได้ แม้ว่าเขาจะยังไม่เจริญเท่า แต่ก็เริ่มมีคุณธรรม เริ่มตอบแทนคืนมา โดยที่เราไม่ได้อยากได้ แต่คนที่เขาได้รับธรรมะ เห็นธรรมะ เขาเกิดธรรมะของเขา เขาก็ตอบแทนคืน ตอบแทนผู้ที่ควรตอบแทน แม้ว่าเขาจะมีน้อย เขาก็ตอบแทนคืนขึ้นมา
เรายิ่งเป็นผู้ที่ไม่รับเพิ่มแล้ว เอาการตอบแทน เขาไม่ตอบแทนมามาก มันก็มากสำหรับเรา เพราะว่าเรามีเหลือมีมากมีเกินให้คนอื่นอยู่แล้ว เขาตอบแทนมา มันก็มีเพิ่มขึ้นไปอีก ระบบอย่างนี้มันล้อเลียนกับทุนนิยมเหมือนกัน แต่ทุนนิยมประกันเข้าหาตัวเอง โลภโมโทสันไม่รู้จักพอ แต่นี่ มันยิ่งน้อยลงไปจากตัวเอง มากขึ้นๆ ยิ่งน้อยลงไป ลึกซึ้งขึ้น มันตีกลับกันอย่างนี้ นี่เป็นสัจจะที่จะปรากฏขึ้นในโลกในยุคต่อๆไป
สู่แดนธรรม… อเมริกาพอเขามีอำนาจ ที่จะทำแล้วนี้เขามีภูมิเท่าที่มี เขาถึงได้เบียดเบียนชาวโลก ซึ่งต่างจากที่พ่อท่านสอน ว่า ต่อไปเรามีอำนาจอีกเชิงพระคุณ ความต่างกันในการใช้อำนาจของเรา อีกสัก 70-100 ปีต่อไป พ่อท่านเคยบอกว่า เราจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งไปคอยสอดส่องประเทศอื่นที่เขาขาดแคลน เราก็จะได้ไปช่วยเหลือเขา
พ่อครูว่า… คือไทยเป็นแผ่นดินทอง ที่ไม่ใช่ทองคำหรือทองดำ ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศที่มีสมบัติในแผ่นดินมากเป็นน้ำมันมีทองคำเยอะ ไม่ต้อง แต่ไทยเราปลูกพืช ยิ่งกว่าทองคำหรือยิ่งกว่าทองดำ ให้พืชนี่แหละเป็นสมบัติ พืชนี่แหละเป็นอาวุธ พืชนี่แหละเป็นอาหาร
ให้มีคุณภาพของพืชที่ดี มีสารที่ประเสริฐ สารที่เหมาะสมกับมนุษยชาติ เหมือนอย่างเขาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไบโอโลยี่ก็ตาม อะไรจะเสริมธาตุวิตามิน หรือให้คนที่ขาดแคลนให้สมบูรณ์ เติมมุมนั้นมุมนี้ฉันเดียวกัน
เราได้พิสูจน์แล้วว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารนี่ มันเป็นยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองดำ ทองพืชนี่ ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองดำ แล้วก็สร้างขึ้นมาได้ อย่าง ไม่มีวันหมด
ทองคำกว่าจะสะสมตัวเองเป็นทองคำ ใช้เวลาเป็นล้านๆปี แล้วมีจำกัด หมดไปก็ต้องหมด ทองดำ ก็กำลังจะหมดตอนนี้ เพราะดูดขึ้นมา แต่เขาคำนวณกันแล้วว่าอีกกี่ปีจะหมดโลก ตอนนี้ก็เลยต้องมาเอาพลังงานทางแดด พลังงานทองดำ จากน้ำมัน จะหมดแล้ว
แต่พลังงานทางพืช ไม่มีวันหมดหรอก แผ่นดินมีอยู่ตราบใด มันหมุนเวียนอยู่ได้ตลอด แล้วพืชนี่ ใครไปยับยั้งมันทำงานอาจจะได้บ้าง ถ้ามันไปต่อไม่ได้ มันก็สร้างตัวมันเองให้เจริญอยู่ตลอด ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีพักนะ มันสุดยอด เป็นธาตุพีชนิยาม สุดยอด ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
แล้วคนก็อาศัยพืชนี้เป็นอาหารทั้งนั้นเลย คนทั่วโลกเลย ยอดขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ตะวันออกตะวันตกไหนก็แล้วแต่ กินพืชได้ทั้งนั้น เป็นอาหารจริงๆของคนด้วย
เพราะฉะนั้นอาหารจึงเป็นหนึ่งในโลก พืชนี่เป็นอาหารหนึ่งในโลก เราจับฐานนี้ เมืองไทยอยู่ในโซนที่ สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดีที่สุดแล้ว
สู่แดนธรรม… ผมจำได้ว่า พ่อท่านเคยพูดว่า พวกหลงความก้าวหน้า หลงอุตสาหกรรมก็อยากร่ำรวย การที่เขาจะร่ำรวยได้ ก็มีทางเดียวคือต้องไปเอาทรัพยากรธรรมชาติมาทำให้รวย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จำกัด
ส่วนพวกเราเป็นผู้มีปัญญาแล้ว เราปลูกพืชผักไปก็ไม่ได้ทำลายสิ่งที่มี
พ่อครูว่า… เราบำรุงดินบำรุงน้ำ ทำให้ได้สัดส่วนที่เหมาะแก่การปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร เรามาเรียนรู้สร้างความเฉลียวฉลาดในการบูรณะ พืชพันธุ์ธัญญาหารให้เจริญ ให้อุดมสมบูรณ์ ให้มากจนล้นจนเกิน
การคมนาคมของทุกวันนี้ก็เจริญมากแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะส่งไปแจกจ่ายเจือจานกันทั่วไปก็ง่ายขึ้น การถนอมอาหารก็มีวิธีการมีความรู้ ที่จะส่งกันไปถึงกันเผื่อแผ่กันไปถึงไกลสุดขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ ตะวันออกสู่ตะวันตกก็แล้วแต่ มันย่นย่อเวลาลงหมดแล้ว มันดีแล้ว
เพราะฉะนั้นสรุปเข้าไปเป้าอีก
ใครยังเข้าใจไม่ได้ พยายามทำความเข้าใจให้ดีๆ มาช่วยกัน โชคของเรามากแล้วที่อยู่ในโซนของที่ที่เหมาะจะสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ถ้าเราไปตกในโซนที่ไม่เหมาะสมอยู่ในโซนทะเลทรายหรือขั้วโลกเหนือ มีแต่หิมะหรือมีแต่น้ำแข็ง แน่นอนมันก็ยาก แต่เราทำได้มากกว่าในโซนใกล้เส้นศูนย์สูตร มีดินน้ำไฟลมที่อุดมสมบูรณ์พร้อมที่จะมาทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร
พืชพันธุ์ธัญญาหารมันก็เอาความเหมาะสมของมันซึ่งมันไม่รู้ตัวหรอก แล้วมันก็จะจำกัดของมัน มันต้องได้น้ำได้อาหารได้ธาตุที่มันต้องการในแต่ละชนิดแต่ละตระกูล มันก็ต้องเป็นไปของมัน
สู่แดนธรรม… เราไม่ต้องกลัวเขาวิจารณ์ว่าเราพัฒนาไปสู่ความล้าหลัง เพราะว่าเรากำลังจะถอยหลังเข้าคลอง
พ่อครูว่า… ไม่เลย คำว่าถอยหลังเข้าคลอง คลองคือ ครรลองครองธรรม เราเข้าสู่ครรลองครองธรรมที่สมบูรณ์แบบ ที่ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง ไม่เกินไปไม่น้อยไป เข้ามาสู่ความเหมาะสมที่สุด เราทำเข้ามาแล้ว
ที่ว่า ถอยหลังเข้าคลอง เพราะว่าคนมันเลยเถิดออกนอกความพอเหมาะพอดี ออกไปไกลเลยเถิด
สู่แดนธรรม… เขากำลังจะตกเหวแล้วใช่ไหมครับ เราก็เลยต้องดึงกลับมาสู่ครรลอง
พ่อครูว่า… ใช่ เราเข้ามาอยู่ในขอบเขตพอดี เราต้องมีปัญญารู้ด้วยว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้า แต่เราเข้าใจ เราชัดเจน ถึงคนอื่นจะไม่เข้าใจชัดเจนเหมือนเรา แต่เราชัดเจนของเรา มั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำไปเลย
เช่น ขณะนี้เราสรุปว่า เราจะเป็นประเทศที่มีพลเมืองและพื้นดิน ทำได้ ดินน้ำไฟลม เราปรุงแต่งให้เหมาะสมที่จะทำพืชพันธุ์ธัญญาหารได้
อย่างบ้านราชฯเรา แต่เดิม ปลูกอะไรก็ยังไม่ดีหรอก จนทุกวันนี้ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดี ก็อย่างที่เห็นจริง ไม่ได้พูดโม้จนเกินไป
เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่คน คนฉลาด เข้าใจที่จะทำอะไร ทำอย่างไร ผลออกมาเป็นอย่างไรเราก็เข้าใจหมด รู้ แล้วก็มีผลออกมายืนยันพิสูจน์ เราก็สืบขยายความเจริญ ให้มากยิ่งขึ้นของสิ่งที่มันเจริญนั้นๆไป
เราเอาความฉลาด ความรู้ พลังงาน ทุนรอนมาลงกับอย่างนี้ ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เต็มที่ แล้วก็มีอุดมการณ์หรืออุดมคติหรือใจจริง ไม่ได้มี ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้มากให้เยอะให้ดีเพื่อไปเอาเปรียบใคร หรือเพื่อให้แลกเปลี่ยนเอากลับคืนมา เราจะได้มากขึ้น เอามาหอบหวงแหนไว้ ไม่เลย
สู่แดนธรรม… พ่อท่านได้เคลียร์ตรงนี้ดีนโยบายของเรานี้คนอาจมองได้ว่า เดี๋ยวเราจะทำเหมือน CP
พ่อครูว่า… พูดไปก็ ดูเผินๆดูเหมือนดีว่าเขาสร้างอาหาร แต่ วิธีการ นโยบายของเขานั้น เขากอบโกยร่ำรวย คนต้องกินอาหาร เขาจับประเด็นนี้ได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่เกี่ยงอาหารเขาทำทั้งหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประมงหรือปศุสัตว์ ทั้งพืช
แล้วอาศัยสิ่งที่จำเป็นของคนนี่แหละ เอาไปเป็นอำนาจ เป็นตัวประกันที่เขาจะได้เปรียบเอามามากๆ แล้วเขาก็รวยกันมากมาย
อาตมานี่ ขออภัยเถอะ ไม่เอาอย่างเด็ดขาดเลย ในภาวะซับซ้อนลึกซึ้ง ไม่อยากพูดมากกว่านี้
อาหารเหมือนกัน แต่วิธีการความรู้ความเข้าใจความโลภความเห็นแก่ตัวประชาชนมันต่างกัน อย่างชาวอโศกเราเข้าใจอย่าง CP ทำ แต่ไม่ได้ทำอย่าง CP แต่เราก็ไม่ได้ทำเก่งเท่าเขา เพราะคนส่วนใหญ่ประชาชนเป็นปุถุชน ยังติดในลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เขาจึงได้มวลได้สมาชิกมากกว่าเรา
สมาชิกของเราแม้น้อย แต่มีคุณสมบัติ คุณวิเศษ คุณธรรม ราคาสูงกว่ากันเยอะ คนอย่างพวกเราราคาสูงกว่ากันเยอะ ราคาของกรรมก็แพง ราคาของแรงงานก็แพง ราคาของคุณค่าต่างๆ คุณธรรมซ้อนอยู่ในตัว แล้วก็เป็นคนอยู่ในสังคมนี้ซ้อน
เพราะฉะนั้นวิเคราะห์รวมแล้ว คนคนหนึ่ง คุณค่าคุณวิเศษมันแพงกว่าคนโลกีย์ คนปุถุชนเขาเยอะ ขออภัยพูดแล้วเหมือนยกตัวยกตน แต่อธิบายวิชาการสัจธรรมสู่ฟัง
สรุปที่โลกุตรธรรม เป็นอาริยธรรมของ อาริยชน ไม่ใช่ของคนที่ไม่เจริญ มิลักขะ แต่เขาหลงตัวว่าเป็นคนเจริญอย่างอเมริกา เป็นคนเถื่อนอเมริกาเนี่ยเอาเปรียบและข่มเหงคนอื่นแล้วนึกว่าตัวเองเจริญ คุณยังเอาเปรียบคนอื่นไม่ใช่คนเจริญ ง่ายๆสั้นๆ
คนที่ช่วยเหลือเขาไม่ไปข่มเขา ตนเองต้องพึ่งตนเองรอดแล้วทำในสิ่งจำเป็นสำคัญแจกจ่ายเกื้อกูลเขาได้ อย่างนั้นต่างหากเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนประเสริฐ
เพราะฉะนั้นเขาจะแข่งอาวุธ แข่งอำนาจ แข่งพรรคพวกอะไร เราไม่ต้องไปแข่งกับเขาเลย เราเพิ่มศักยภาพในการสร้างสิ่งที่สำคัญจำเป็นของมนุษยชาติให้ดี ให้มีทั้งปริมาณและคุณภาพที่เพิ่มขึ้นมากขึ้น
สู่แดนธรรม… วันนี้เด็กๆ ได้ฟังอะไรที่ดีๆมาก ฟังแล้วคงไม่อยากไปไหนแล้วล่ะ อยู่ช่วยพ่อท่านทำประเทศชาติบ้านเมืองให้เป็นตัวอย่าง
พ่อครูว่า… คุณไม่ต้องทำเป็นลวงๆหรอก เขารู้จริงเขาก็อยู่จริง ถ้าไม่รู้ดีรู้จริงจะถูกบังคับอยู่ก็ไม่ได้เรื่องหรอก มันของจริง เราต้องการของจริง ของจริงมันได้เท่าไหร่ก็เอา ของไม่จริงยิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี มันลบล้างกันในตัว มันทำลายตัวเองในตัว
ตัวอย่างของคนติดสรรเสริญในโลกและสังคมยุคนี้
เฉลี่ยเวลาให้แก่เกาหลีเหนือเขาบ้าง … ที่จริงเกาหลีเหนือน่าสงสาร เขาตกกระไดพลอยโจน ที่หลงตัวเองแล้วก็ทำตัวเองให้เป็นใหญ่ ใหญ่ในที่เล็ก เกาหลี ตั้งแต่เริ่มต้นต้นตระกูลของคิม ปู่ของคิมจองอึน เขาก็ได้คนจำนวนหนึ่ง
ที่จริง ลัทธิคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นและกระจายไปแล้ว เขาก็เอาคอมมิวนิสต์อย่างเข้ม ก็ได้จำนวนหนึ่ง ได้สถานที่ประเทศตรงนั้นอยู่ แล้วเขาก็ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ เป็นคอมมิวนิสต์เข้มๆ ใช้อำนาจทางสรรเสริญเป็นใหญ่
-
อำนาจในอำนาจ
-
อำนาจสรรเสริญ