641201_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน1
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1XzMZoBO0fGFAq2FMU58I_Yt5qP4FYu9B7lCbFt0-Mhk/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1sg5yvjhyy1RLvAhqw7TNUfnu4t-MAgfB/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/709050486730156
และ
https://youtu.be/pfg7CXL5xBM
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ฤดูหนาว ตอนนี้พ่อครูอายุ 87 ปีย่างเข้าไป 88 ปี หมอเห็นพวกเรา ปัจฉาฯหรือเด็กๆไม่ใส่แมส ก็เลยบอกว่าพ่อครูควรฉีดวัคซีน แต่คุยไปคุยมากับพ่อครูก็บอกว่ายังไม่ฉีด พวกเราก็เลยต้องระมัดระวัง ใสแมสกัน ไม่ว่าจะเป็นสมณะสิกขมาตุ ญาติธรรม เด็กเล็กก็ตาม พวกเราพยายามระวังป้องกันจะได้สบายใจ ปัจฉาฯบอกว่า 2 ปีมานี้พ่อครูไม่ได้เป็นหวัดเลย เพราะมีการระมัดระวังป้องกันใส่แมส เราก็อยากให้พ่อครูอยู่นานๆ อายุจะได้ยืนยาว เราก็ลุ้นว่าพ่อครูจะอายุถึง 100 ปีหรือไม่ แล้วค่อยลุ้นต่อไปว่าจะเป็น 120 หรือ 140 ปีต่อไป เราลุ้นไปทีละช่วงๆไป
พ่อครูว่า… เขาโพสต์ในเน็ต คนอายุ 300 ปี โอ้โห เป็นผู้หญิง แหม มันยิ่งกว่ารากไม้ ที่ซ้อนกันเป็นริ้วๆ มันมีตัวอย่าง จะจริงหรือเท็จอย่างไรก็ไม่รู้อายุ 300 ปี มันก็มีหลักฐานตัวอย่างยืนยันมาก็เอา ก็เป็นไปได้ ลีชุงยุน ยังอายุ 256 ปี นี่ 300 ว่างั้น ก็ว่าไป
สมณะฟ้าไท… เราก็ลุ้น เชียร์ให้ถึง 100
พ่อครูว่า… เอา 90 ก่อน มันฝืน มันเมื่อยเร็ว ถ้าอาการเมื่อยเร็วๆนี้ลดลงก็คงจะดี มันเมื่อยเร็วอะไรนิดหน่อย แต่ก่อนเดิน 3-4 กิโลเมตรก็เฉย แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่ถึง 3 กิโลเมตรก็ไม่ไหว เมื่อยแล้ว
SMS วันที่ 26-28 พ.ย. 2564
ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้า มีนัยยะที่แตกต่างโดยละเอียด
_ฝน : พระพุทธเจ้ากับ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าผู้ไม่ประกาศและเงียบ จะไม่แย่งซีนกัน สุภาพชน โดยแท้ กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า… พระพุทธเจ้าคือผู้ประกาศศาสนากับมนุษย์โลกและเป็นเจ้าของศาสนาพุทธขึ้นมา ขึ้นทำเนียบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆมา เขาก็ไล่ชื่อเรียงกันมา มีทำเนียบ ก็คือพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ส่วนพระปัจเจกพระพุทธเจ้านั้น เรียกปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสัมมาสัมโพธิญาณเท่ากันกับพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ แต่ที่ได้ชื่อว่าพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในโลกก็เพราะว่าไม่ประกาศตนเอง ต่อมนุษย์โลก ว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ทำหน้าที่สอนประกาศธรรมะ
เพราะถ้าพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ในยุคใดก็ตามตรัสรู้แล้ว ก็จะต้องไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธก็สูญเสื่อมไปหมดแล้ว ถ้าท่านประกาศออกมาแล้ว ก็จะเป็นเจ้าของศาสนาพุทธ ชื่อว่านี่คือศาสนาของพระองค์ เพราะฉะนั้นคำว่าพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็หายไปเฉพาะตัว เป็นพระพุทธเจ้าเฉพาะตัว ก็กลายเป็นพระพุทธเจ้าที่ประกาศ
เมื่อไม่เห็นสมควรที่จะประกาศ เพราะว่าประกาศไปแล้วจะเสียของ คนในยุคนี้ประกาศไปก็รับไม่ได้หรอก รับได้ก็เพียง 100-200 เสียชื่อพระพุทธเจ้า ประกาศขึ้นมาครั้งหนึ่ง โพธิรักษ์เป็นโพธิสัตว์ยังมีคนมารับได้เป็นหมื่นเป็นแสน พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านจะไม่ประกาศ แต่ท่านจะปรินิพพานเป็นปริโยสานหรือไม่ก็แล้วแต่
หรือท่านจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุจิตนิยามของท่านเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยจบ ก็ไม่ได้หมายความว่าปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยสอนใครมา ท่านก็สอนมาตลอดเหมือนโพธิรักษ์ ผ่านโพธิสัตว์ระดับไหนมาเหมือนกันหมดจนเบื่อ น่าเบื่อ เป็นแต่เพียงว่าชาตินี้ ปางนี้ ยุคนี้เกิดมาได้ร่างมนุษย์ แต่ไม่ประกาศตนเองเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้น
เพราะฉะนั้นอย่างที่ฝนตั้งข้อสังเกต ว่าไม่แย่งซีนพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เขาว่าเป็นสุภาพชนโดยแท้ ก็คือท่านเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่ท่านไม่เป็นท่านก็ปรินิพพานหายไปเลย แต่ว่าจริงๆแล้วไม่มี อัตตา ยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า หายไปเลย ไม่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในทำเนียบของโลก
สู่แดนธรรม… ผมคิดว่า เป็นสมมติฐานที่ถูกต้องหรือไม่ครับว่า ที่เขามองว่าพระพุทธเจ้า 2 องค์ไม่มาแย่งซีนกัน ผมคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพระพุทธเจ้า 2 องค์จะไม่มาเกิดร่วมกัน
พ่อครูว่า… คำว่าไม่แย่งซีนของฝน ก็คือหมายความว่าไม่แข่งเป็นพระพุทธเจ้า แต่อย่าง สู่แดนธรรม… พูดก็ถูกแล้วว่าผู้ที่มีภูมิธรรมเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า 2 พระองค์นั้นจะเกิดใกล้กันไม่ได้จะห่างกันมาก แต่มันอยู่ในเหตุปัจจัยองค์ประกอบเท่านั้นว่า พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าสมควรจะประกาศหรือไม่ประกาศ
แม้ไม่ประกาศในขณะที่ท่านเองก็ ประกาศแล้วมันไม่เหมาะสมคือมันน้อยไปไม่ควร ท่านก็ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เกิดมาอีกในขณะที่มี ก็ตอนนั้นศาสนาพุทธไม่มีแล้วในโลกมันหายไปหมดแล้ว ท่านจะเอามาสถาปนาคืนลงไปในโลก ท่านก็ประกาศในเวลาที่มนุษย์ควรจะรับได้สมควรท่านก็เกิดมา หรือจะรอจนกว่าคนจะมากพอสมควรแล้วค่อยมาประกาศ ให้เหมาะสมก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ตามเหมาะควรของท่าน แต่ท่านไม่ทำท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย นี่คือนัยยะที่ละเอียดเพิ่มขึ้นพวกเราก็รับรู้ไว้ไม่ถึงฐานะของพวกเราก็ฟังไว้อย่างนั้นอย่างนั้น
เหตุของวิบากโรคไอของพ่อครู
_อุ่นเรือน เกิดพินธ์ : เห็นพ่อครูไอแล้ว ก็ใจไม่ดีอยากจะถวายความรู้บ้างเพราะว่า เมื่อก่อนดิฉันเคยไอเกือบทุกปี ตั้งแต่หันมากินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเป็นยาถ่ายเดี๋ยวนี้ไม่ไอมาหลายปีแล้วลำคอไม่เคยมีขี้เสลดเลย เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… โรคที่อาตมามีมันมีเหตุ คือมีกระเปาะ หนึ่งในร้อยล้านคนอาจจะมีสักคน ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอย่างนี้ หมอจึงได้จนแต้ม หมอเขาก็พยายาม หมอที่รู้กันทั่วโลก ที่จะมีภูมิปัญญาจัดการรู้เหตุอะไรหมด เอ็กซเรย์รู้ได้หมด ว่าเป็นอะไร แต่มันจัดการไม่ได้ผ่าตัดไม่ได้ แล้วก็หายาหาอะไรมาให้มันฝ่อ ยังไม่ได้ ถ้าจะทำได้ก็คงหาอะไรที่ทำให้มันฝ่อลง หายาหรืออะไรมา บางคนไปคิดจะใช้สเต็มเซลล์ แล้วมันจะทำให้ฝ่อได้หรือ อาตมาก็ไม่รู้ว่าสเต็มเซลล์มันเป็นอย่างไรแค่ไหน ตอนนี้มันก็เป็นไปได้ มันดีอยู่อย่างนึง ไอแต่มันไม่เจ็บ ไอแรงๆ เมื่อยบ้าง ใช้แรงหน่อยนึง ประเดี๋ยวก็หายเท่านั้นเอง นอกนั้นมันก็ไม่มีอะไรมากก็พอทน จะว่าไปแล้วมันก็เป็นวิบากของอาตมาที่มันพิเศษเหลือเกิน เพราะว่ากว่าจะมาถึงปางนี้อาตมาว่าคน ใช้ภาษาไทยชัดๆว่าด่าคน ด่าผู้ที่ทำไม่ถูกต้อง เหมือนเป็นแม่บ้าน ปากแรงปากดุ ดุคนในบ้าน ดุลูกหลานเก่ง คล้ายๆอย่างนี้ ก็ขอบคุณคุณอุ่นเรือนแนะนำมา โรคอาตมามันเกินกว่าที่คุณพูด
_ฟ้าพรห์มไพร นาวาบุญนิยม : พ่อท่านอายุใกล้จะเก้าสิบแล้วเสียงยังกังวานไม่ตกเลย..แข็งแรง.เดินกระฉับกระเฉงว่องไว..ผิดกับคนแก่ธรรมดาข้างนอกถ้าอายุขนาดนี้เดินเหินไม่ไหวแล้ว.บางคนอายุแค่สี่สิบห้าสิบก็แก่งักแล้ว..คนที่ฟังพ่อท่านแล้วเห็นแย้ง…..ดูผิดพ่อท่าน..ไม่คิดสะดุดอะไรบ้างเลยเนาะ…หนูว่าพวกนี้คงไม่มีดวงตา…กราบพ่อท่านด้วยความเคารพและบูชายิ่งค่ะ
ศาสนาพุทธ ลดอัตตาตัวเดียวนี่จบเลย
_ปะตรงเตือน นาวาบุญนิยม : · รายการภาคค่ำ วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ได้ประโยชน์ช่วยให้รู้จักอัตตาตนเอง สู่การฝึกฝนลดละ กราบขอบพระคุณท่านสมณะเดินดิน ติกขวีโร พุทธสถานราชธานีอโศก จ.อุบลฯ ท่านสมณะบินบน ถิรจิตโต พุทธสถานลานนาอโศก จ.เชียงใหม่ และท่านสมณะแก่นหล้า วัฒฑโน พุทธสถานศีรษะอโศก จ.ศรีสะเกษ
รายการดีมากนี้ ควรฟังซ้ำหลายๆครั้งค่ะ
ยอมคนอื่น มองต่าง บ้างเถิดหนา
ให้เขาด่า ว่าเราได้ ไม่หวั่นไหว
เรียนรู้ทุกข์ หุบปากไว้ คลายที่ใจ
เห็นโทษภัย อัตตาเรา เขลามานาน
สรุปการฟังธรรม สู่การลงมือทำ
พ่อครูว่า… อ่านแล้วก็นึกถึง สมณะรูปหนึ่งของชาวอโศก อัตตาโต ก็ออกไปเลย ลาออกไปแล้ว ก็ไปอยู่ที่อื่น ก็น่าสงสาร อัตตาไม่ยอมลด ถ้าลดอัตตาได้โอ้โห จะเจริญกว่านั้นเยอะ นี่แบกอัตตาไปเลย ฝากอธิบายไป ถ้าเข้าใจจะได้ประโยชน์มาก แล้วไปแก้ไขถึงแม้ไปอยู่ทางโน้นจะไม่เวียนกลับมาก็ตาม แก้ไขจริงๆ ลดอัตตา ไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะยิ่งใหญ่กันไปใหญ่เลย ก็จะดิ้นแบบนี้
ดูเหมือนซ้อนๆนะ ดูเหมือนเรายอมเราหนี ศาสนาพุทธไม่มีหนีอะไรที่ไหน สุดท้าย ลดอัตตาตัวเดียวนี่จบเลย ไม่มีตัวมีตนยอมแพ้ อาตมาอยู่ได้เพราะอันนี้เลยในยุคนี้โดยตรง
เพราะฉะนั้นอาตมาจึงไม่สงสัยว่าทำไมอาตมาถึงต้องแต่งเพลงผู้แพ้ เป็นเพลงที่ดังมากของตนเองเต็มรูป มันมีเพลงที่ดังก่อนหน้านั้น ไม่ใช่ที่ตนเองแต่งทั้งเนื้อและทำนอง เช่นเพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน เพลงผกาดั่งนารี หรือเพลงอีกหลายเพลงที่แต่งกับคนอื่นที่เขาเป็นนักดนตรีรุ่นใหญ่กว่าอาตมาในยุคก่อนนี้ อาตมาตอนนั้นเด็กๆ อายุไม่ถึง 20 อย่าเผยอไปเป็นนักแต่งเพลงเลย ถ้าแต่งทำนองเนื้อร้องด้วย หาไม่ได้เลย มีแต่คนอายุ 40-50 ขึ้นไป ถึงจะถือว่าเป็นอาจารย์ เป็นครูเพลง เดี๋ยวนี้คนอายุไม่ถึง 20 แต่งเพลงเจ๋งๆขึ้นมาทั้งนั้นเลย เก่ง
_สายันต์ ธนานันท์ · ?กราบนมัสการท่านแก่นหล้าค่ะ รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันเสาร์ที่ 27 พย. 2564 ท่านเทศน์ชัดเจนมากค่ะ เข้าถึงใจ เห็นภาพ อัตตาทำให้หมู่ของเราเล็กลง
_ตุ๊ก อัศวิน : น้อมกราบท่านสมณะเจ้าค่ะ..อาจารย์หมอ พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ท่านเป็นความหวังของการแพทย์แผนไทย แต่…ตราบใดที่ ‘ความโลภ ยึดครองโลกย์ ‘ (ค่าคอมมิชชั่น) อาจารย์ท่านต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกมากกกก คงต้องขอให้..ฝ่ายทางธรรม ‘โลกุตระ’ ร่วมด้วยช่วยแผ้วถางทางให้ถึงจุดหมาย ด้วยการ ‘มาจนแต่รุ่มรวยกุศล’ เถอะ..เจ้าค่ะ สาาาธุๆๆ
SMS วันที่ 29 พ.ย. 2564
_1945 ผักผลไม้ของสันติอโศกสดๆน่ากินทุกอย่าง ชอบดูเวลาใช้ประกอบฉาก
พ่อครูว่า…อ้าว แหม อุตส่าห์บอกให้ลดลง ก็เอาพอสมควร
_ตุ๊ก อัศวิน : “มหาปเทส ๔” เป็นดังเครื่องเทียบวัดที่ทันสมัยในทุกกาละ อาศัยเป็นหลักเทียบว่า..สิ่งนั้นๆ ควร? หรือไม่ควร ? ซึ่งเข้าใจได้ยาก.(เพราะกำลังปัญญายังไม่พอ.เจ้าค่ะ) จักขออนุญาตเอา “กิเลส” เป็นเครื่องวัดว่า..สิ่งใดทำแล้วทำให้มีกิเลส/กิเลสที่มีอยู่แล้วเฟื่องฟู=สิ่งนั้นไม่ควร ดังนี้…จักได้ไหม..เจ้าคะ!! /
ทุกครั้งที่เห็น..พ่อครู ไอ หนักมากกกก!! จิตของลูก..เป็นทุกข์ยิ่งนัก..ด้วยว่าไม่สามารถแบ่งเบาเวทนาใดๆได้..ทำได้แต่ ลุ้น ช่วยด้วยใจระทึก!! ดังนั้น..ทุกครั้งที่พ่อครูสาธยายธรรมด้วยความเมตตา..จึงรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระคุณอย่างยิ่ง /
จักขอขอบพระคุณด้วยการตั้งใจฟังเพื่อเข้าถึงธรรม..เจ้าค่ะ
อยากมาวัดในยุคโควิดเป็นกิเลสไหม
_น้อมอภัย : ..กราบนมัสการหลวงปูค่ะ ได้เห็นภาพนี้ แล้วดีใจมากค่ะ ข่าวจากช่องNBT ตอนสามทุ่ม วันที่ 26 ค่ะ กทม.พ้นสภาพการเป็นพื้นที่สีแดงเข้มแล้วค่ะ แต่ก็ทราบว่า หากมีการผ่อนปรนให้เปิดสถานบันเทิงอีกครั้ง โควิดก็ตามมาแน่นอน เหมือนเมื่อต้นปี ที่ สส.ไปติดเชื้อจากสถานบันเทิงออกมา แพร่เชื้อยืดยาวจนทุกวันนี้ ร้านค้า ชาวบ้านต้องเดือดร้อน กันทั่วหน้า อยากให้เขาปิดตลอดไปค่ะ ช่วงนี้เป็นขาขึ้น น่าจะได้เข้าบ้านราชได้นะคะหลวงปู่(กิเลสอ้อนค่ะ) อยากมาวัด เป็นกิเลสมั้ยคะ
พ่อครูว่า…จะว่าเป็นกิเลสก็เป็น ประเดี๋ยวมันมากๆแรงๆมันทุกข์นะ เอาเถอะ ไม่ผิดทีเดียว มันเป็นวิภวตัณหาเป็นตัณหาอุดมการณ์ มันอยากอย่างเป็นอุดมการณ์ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของคน
ในเรื่องของการปิด อาตมาอยากจะให้เข้มๆเอาไว้ แม้แต่ในบ้านราช แม้แต่ที่ไหนๆ ตอนนี้ที่สันติอโศกได้ข่าวว่าติดเข้าไปแล้ว 1 คน ระวังเถอะ ตอนนี้เป็นอย่างไร ช่วยกันดีๆเถอะอย่าให้มันแพร่ออกไปอีกเป็นอันขาด ที่อื่นยังไม่ได้ข่าว ชาวอโศก ถ้าติดจะเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ระวังให้ดีนะ
_Emty (เอ็มตี้) : กราบนมัสการหลวงปู่ครับ(ข้อความนี้อาจจะยาวหน่อยน่ะครับ) ขอโอกาสเปิดเผยตัวตนนะครับผมใช่นามแฝงว่า Emty ตอนแรกก็ไม่อยากจะเปิดเผยแต่รู้สึกว่ามันคือกิเลสมีโลกธรรม กิเลสมันอายที่คนอื่นจะรู้ตัวตนเรากลัวท่านอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา ก็รู้ตัวเลยว่านี้คืออัตตาหยาบของผม ก็เลยคิดมาล้างอัตตาโดยการเผยตน คิดว่ายอมที่ใครจะคิดอย่างไรกับเราก็ได้ใครจะทำไม่ดีกับเราก็ได้ โลกนี้หนีไม่พ้นวิบากกรรมถ้ามันจะมาถึง พอคิดไปคิดมา ตัวเราก็ทำในสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ดีเพื่อผู้อื่นก็ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และตนเองได้เป็นแรงเหนี่ยวนำที่ดี
ขออนุญาตเปิดเผยน่ะครับ ชื่อจริงแสงสว่าง ชื่อเล่น ภู ชื่อทางธรรม ภูแสงศีล อายุ 22 ปี เป็น นร.วิชชาราม ตอนนี้ก็กำลังปฏิบัติธรรมกับ อ.หมอเขียว ที่ภูผาฟ้าน้ำ จ.เชียงใหม่ อยู่ได้ที่นี้ประมาณ 1 ปีแล้วครับ ตัวผมนั้นจากเมื่อก่อนเป็นเด็กที่ติดยาเสพติดเกือบครบทุกประเภท ทำให้พ่อแม่เสียใจ ทำตัวเหลวไหลไม่เอาการเอางาน ทำแต่สิ่งชั่ว ๆ ในชีวิตคิดว่าตอนนั้นชีวิตเกิดมาเพื่อเสพให้สุดเกิดมาใช้ชีวิตให้คุ้มในชีวิตนี้ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมาปฏิบัติธรรม เพราะไม่เชื่อในศาสนาพุทธ ตอนนั้นเป็นคนรุ่นใหม่ที่คิดว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไม่ทันสมัยไม่ค่อยเชื่อเรื่องวิบากกรรม และเห็นการกระทำของพระข้างนอกที่ปฏิบัติรับเงินรับทอง ซื้อหวย ขอหวย บูชาสิ่งต่าง ๆ ก็เลยขาดความศรัทธาในศาสนาพุทธ
พ่อครูว่า…ขอแวะวิจัยของคุณนิดนึง คุณอายุ 22 เองก็ไหวตัวทันทีทันเวลา คนที่จะมีบารมีแบบนี้มันไม่ง่ายทีเดียว ผู้ที่อาตมา ลุ้นๆๆอยู่ อยากให้เขาเข้าใจ เห็นอะไรเป็นอะไร เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นดอกบัวเป็นกงจักร
คือเห็นเราดอกบัว เห็นเป็นกงจักรอยู่นานเหลือเกิน ก็น่าสงสารเหลือเกินก็ฝากไปกับสายลมหนาว ไม่ใช่สายลมเหนือนะ ฝากไปกับสายลมหนาวหน่อย ถึงใครบ้างก็ไม่รู้ล่ะ
ที่พูดไม่ใช่ว่าหลงตัวหลงตนอะไร แต่เห็นจริง พิสูจน์มา 50 ปี อาตมายิ่งมั่นใจ ไม่ใช่ยิ่งลังเลสงสัยไม่แน่ไม่นอน แต่มันยิ่งชัดเจนยิ่งมั่นใจ มันยิ่งจริงยิ่งตรวจสอบตามพระไตรปิฎกมีรายละเอียดเจาะลึกลงไปอีก ตอนนี้ถึงขั้นอภิภายตนะ 8 ลึกซึ้งละเอียด
ต่อจากสูตรนี้ จะมีสูตรต่อมา วิโมกข์ 8 ดูเหมือนมันจะตื้นกว่าอภิภายตนะ 8 เดี๋ยวอาตมาจะหยิบมาอธิบายให้ฟังอีกทีมันไม่ใช่ แต่มันลึกกว่า หมุนรอบเชิงซ้อนไปอีกเชิงหนึ่งทำให้คนเห็นว่าไอ้ที่ว่าลึกนี้ตื้นขึ้น แต่ที่จริงมันยิ่งลึกซ้อนต่อไปอีกชั้นหนึ่ง เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนที่สลับซับซ้อน ซ้ายและก็ขวาซ้ายและก็ขวา สูงขึ้นไปเรื่อยๆรอบแล้วรอบๆมันก็ซ้ายขวาเหมือนเดิม แต่เป็นซ้ายขวาที่มีมิติเจริญสูงขึ้นซับซ้อนกว่านั้นอีก อันนี้พูดมิติเดียว
_Emty (เอ็มตี้)(ต่อ) : จนกระทั่ง ผมก็ได้มาพบ อ.หมอเขียวและหลวงปู่ ได้เห็นการปฏิบัติที่แปลกและแตกต่าง ก็เลยสนใจได้นำตัวมาปฏิบัติ ถือศีล 5 ละเว้นเนื้อสัตว์ ละอบายมุข มาเป็นคนจน มาเสียสละ ใช้ธรรมมะรักษาอาการติดยาเสพติดของผม ตอนนี้อาการติดยา ก็ได้หายไป 100 % ตอนแรกผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อ ลังเลสงสัยอยู่ แต่พอผมได้พิสูจน์ ปฎิบัติตามหลักจรณะ 15 และได้เห็นผลทั้งภายนอกและภายในที่เจริญและมีความสุขกว่ามากกว่าเมื่อก่อนมาก จากที่ไม่ค่อยศรัทธาตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาสูง พุ่งขึ้นสูง เป็นความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมและพากเพียรตั้งมั่น เป็นไปตามสัทธรรม 7 เป็นลำดับๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ จึงได้สภาวะมาสัมผัสภาษา ของอย่างนี้ต้องขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและเห็นผลจริง ก็เลยเชื่อชัดเลยครับว่า เส้นทางนี้และเป็นหนทางเดียวจริง ๆ ที่จะนำพาผมสู่ความพ้นทุกข์และช่วยเหลือผู้อื่น
ขอกราบพระคุณหลวงปู่ อ.หมอเขียว ท่านสมณะและสิกขมาตุ ชาวอโศก ที่ปฏิบัติจนเป็นหมู่เป็นกลุ่มเป็นคนวรรณะ 9 อยู่แบบคนจน ประหยัดพอเพียง พิสูจน์หลักคำสอนที่แท้จริงเป็นแบบอย่างที่ดี ทำให้ผมได้เห็นและน้อมนำมาปฏิบัติ สำหรับเด็กรุ่นใหม่อย่างผมก็ขอปฏิบัติแบบนี้ตลอดไป ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ตอนนี้ผมเชื่อมั่นในศาสนา 1000 %แล้วครับ คงไม่กลับไปนรกการเสพโลกีย์ภายนอกอีกแล้วครับ เพราะได้เห็นโลกภายนอกที่วุ่นวายโกลาหลมีแต่ความทุกข์ ต่างกับโลกพุทธะที่มีแต่ความสุขสงบ ตอนนี้ก็ปฎิบัติกับท่านอ.หมอเขียวและกลุ่ม พวธ. รูปและนามกำลังเจริญก้าวหน้าได้ดีมาก วันใดวันหนึ่งถึงกาละเวลาอันควรจะไปกราบหลวงปู่นะครับ สาธุครับ หลาบจำแล้วครับ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท… ความจริงพวกเราก็เจอธรรมะตั้งแต่ยังสาวอยู่นะ ตอนนี้เป็นไง สาวเหลือน้อย แต่ก่อนอาตมาเจอธรรมะใหม่ๆ มีแต่หนุ่มสาว ตอนนี้ผ่านมา 40 ปีแล้ว ดูหน้าตาก็ยังเป็นหนุ่มสาวอยู่นะ ยกเว้นผม
ตอนนี้พ่อครูต้องใช้กำลังมาก หากเป็นอาตมาคงกำลังไม่พอ แค่ไอเอาเสมหะออกคงตาย ไม่มีกำลังภายในดันเสลดออกมาได้ เสลดคงพันหลอดลมตาย ไปหาร่างใหม่ดีกว่า
หากเราลดอัตตายอมแพ้ได้ เอาชนะมันเมื่อย ชนะแล้วได้อะไร ไม่ได้อะไรก็เหนื่อยแทบตายด้วย เรามุ่งมาลดตัวตน ออกให้หมดตัวตนจะได้จบ
คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 1
พ่อครูว่า… ลองฟังดู โน้ตมา ตั้งใจจะพูด ความจน 2 แบบ
คนจนแบบอวิชชา กับ คนจนแบบโลกุตระ หรือจะเรียกอย่างอื่นอีกก็ได้
คนจนแบบอวิชชาหรือคนจนแบบโลกีย์ คนจนแบบเทวนิยม คนจนแบบเดียรถีย์ คนจนแบบชาวโลกปุถุชนคนส่วนใหญ่ในโลก กับ คนจนแบบโลกุตระ
ซึ่ง เกิดจากเศรษฐศาสตร์ 2 แบบ คือเศรษฐศาสตร์แบบโลกีย์มีแต่เฉโก มีแต่ความรู้ความฉลาดแบบเฉโก กับแบบโลกุตระที่มีปัญญา
คนทั่วไปในโลก โดยเฉพาะเทวนิยมไม่มีความรู้ที่จะแปลกแยกไปจากเฉโก ความรู้เทวนิยมจะวนอยู่ในกรอบอยู่ในโลกเดิมโลกเก่า โลกเทวนิยม โลกโลกีย์ เป็นอย่างนั้น
ลองมาขยายความกันให้ชัดขึ้น
คำว่า คนจน ก็พื้นต้น พื้นฐาน ก็พอเข้าใจกันว่า คือคนที่มีไม่มาก โดยเฉพาะพื้นๆตื้นๆง่ายๆ คือ ไม่มีเงิน
คนที่ไม่มีเงิน ทั่วโลกใช้แทนได้เลย เงินคือ bank note ใบตั๋วแทนเงิน ตั๋วแทนคุณค่าของอะไรก็ได้ ถ้ามีธนบัตรนี้คุณจะไปซื้ออะไรก็ได้ ซื้อแม้แต่ศักดิ์ศรีของมนุษย์ยังได้เลย มีอำนาจมากมายใหญ่ยิ่งเหลือเกิน นั่นแหละคนจนชนิดพื้นๆตื้นๆ
นอกจากจนที่ไม่มีธนบัตรแล้ว อะไรที่เป็นวัตถุที่เขาถือว่าเป็นราคา เช่นเป็นทองคำเป็นเพชรที่เป็นของหายากโดยวัสดุธรรมชาติ ที่มันหายากจริงๆ แล้วก็ตั้งราคากันแพงๆสูงๆตามค่านิยมของสังคม ก็เอาสะสมไว้แทนธนบัตร มีทองคำมากๆ มีเพชร แต่เพชรก็ยังราคาไม่แน่นอนเท่าทองคำและปลอมง่ายกว่า ต่างๆนานาก็ยึดถือกันไป มีสิ่งเหล่านั้นมากถือว่าไม่จน ถ้ามีน้อยหรือไม่มี..ถือว่าจน ยังไม่ข้ามขีดไปถึงนี่นะ ถ้าเป็นหนี้ไม่ใช่แค่เป็นคนจนแต่เป็นคนทุกข์เป็นคนขี้ทุกข์แล้ว เป็นหนี้ อาตมาขอข้ามตรงนี้ไว้ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าอย่าไปเป็นหนี้เลย
แม้เป็นคนจนที่ยังไม่ฉลาด เป็นคนจนอย่างอวิชชาก็เป็นทุกข์เพราะอยากรวย ทั้งๆที่ชีวิตของเขาก็พอไป ก็พออยู่พอกินเลี้ยงตนเองรอดไปได้ แต่เพราะตนเองไม่ศึกษา ไม่ขวนขวายศึกษาไม่ฉลาดพอ ก็เลย สร้างสรรทำงาน ใช้สมรรถนะของตนเองไม่เป็นไม่ทำ มันก็เลยไม่ได้ไม่มี ไม่มีผลผลิตอะไรมาก จะไปเกี่ยงว่า ฉันจนฉันจึงไม่มี
จริงๆอาตมาเคยพูดว่า ที่ดินคุณไม่มีคุณจะมีที่อาศัยอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ คุณปลูกผักคอนโด จะเช่าเขาอยู่หรือจะอาศัยอย่างไรก็แล้วแต่ คุณยังไม่ตายคุณมีตัวตน คุณทำผักคอนโดมันก็ได้แล้ว ก็แนะนำไปแล้วคิดไม่ออกก็บอกไปแล้ว
หรือใช้แรงงาน มันก็ได้ ขยันหมั่นเพียรอย่าขี้เกียจ รับใช้แม้แต่พื้นฐานแรงงานอะไร พื้นๆตื้นๆง่ายๆใครก็ทำเป็นทำได้ตั้งแต่กวาดเช็ดถู เก็บ ถอนหญ้า เป็นแรงงานในโลกเยอะแยะไป นับไม่ถ้วนหรอก ถ้าไม่ขี้เกียจ พยายามเป็นคนเอาใจใส่ในการทำงานมันพออยู่พอกิน เหลือกินได้ด้วย เพราะการศึกษาของพระพุทธเจ้านั้น นอกจากคุณจะไม่ต้องสะสมมาก มีเท่าไหร่ก็พออยู่พอกิน คุณจะอยู่อย่างนั้นได้เพราะคุณไม่ไปโง่หลงโลกหลอก ไปเติมกิเลส
กิเลสมาจากคำว่า กิร + เอสะ คำว่า เอสะ คืออย่างนั้นๆ กิระหรือกิละ แปลว่าดั่งได้ยินมา ได้ยินแล้วก็โง่ๆ เขานิยมกันเขามีแฟชั่นอะไรกันก็ตามอย่างเขาหมด จะเอาให้ได้เขาจะมีอย่างไรสนุกสนานอย่างไรอะไรต่ออะไร ตามโง่เขาไปหมด คุณก็เป็นหนี้ คุณก็ไม่พออยู่พอกินแน่นอน นี่พูดไปแล้วจะเห็นซับซ้อนไปอีกเยอะ
สุริยเปยยาลทั้ง 7 ต้องมาก่อนมรรคมีองค์ 8
สรุปอีกทีเป็นเบื้องต้น ว่า ถ้าไม่มาเรียนกับผู้รู้ มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีหรือสัตบุรุษ เราไม่มีพระพุทธเจ้าก็มีสัตบุรุษประกาศตัวประกาศตนอยู่ หรือ ผู้มีสัมมาทิฏฐิ อยู่ในฐานะครู ก็มีอยู่ ไม่สิ้นไร้ไม้ตอกในยุคนี้ ถ้าแสวงหาก็มาพบคบคุ้น ศึกษาตาม ปฏิบัติตาม ก็จะเจริญขึ้นตามลำดับ แม้แต่แค่ สุริยเปยยาล 7 คือ
คบหาหมู่กลุ่มได้รับฟังธรรมะ ก็จะเกิดปฏิบัติศีล พอมาสู่หมู่กลุ่มของชาวพุทธ จะพาปฏิบัติศีลเป็นหลักต้นเลย พอปฏิบัติศีลไปแล้ว อย่างคุณแสงสว่าง(ภู)ว่ามา ก็จะรู้สึกว่าโอ้โห.. ดีจังเลยในการปฏิบัติศีล เรามองข้าม เราไม่รู้คุณค่าของศีลที่ยอดประเสริฐ
สุริยเปยยาล ข้อที่ 2 ก็จะเห็นค่าของการมี ศีล
ข้อที่ 3 ก็ตามมาเลย แหม เราไม่เข้าใจตามพระพุทธเจ้าที่สอน ว่า ศีลนี่แหละ ในจรณะ 15 เป็นข้อที่ 1 เป็นข้อหลักเลย แต่เราไม่เข้าใจเรื่องศีลเลย ไปเป็น สีลพตุปาทาน ไม่ต้องพูดเลยถึง สีลัพพตปรามาส ไปวัดฟังเทศน์ รับศีล มะยังภันเตวิสุงวิสุง ดีไม่ดีถูกหลอกให้ทำทาน เสียเงิน พระบอกว่ามาทำงานศาสนา แต่ตนเองเอาพลเมือง เอาประชาชน เอาบริวารเป็นเหยื่อ ไอ้นี่ก็ซับซ้อน บาปกินหัวกันไม่รู้ตัว เป็นกรรมวิบากซับซ้อนเยอะ ไม่ลงลึกเดี๋ยวจะแวะไปหามหาบัว
เพราะท่านซับซ้อนหลอกคนได้สนิทชั้นสูง ได้โอกาสใหญ่ก็เลยหลอกซ้ำซ้อน จนกระทั่งตัวเองกล้าประกาศว่าตัวเองเป็นอรหันต์
อาตมายังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ท่านรู้ตัวจริงๆว่าท่านไม่เป็นอรหันต์หรอก แต่ท่านไปหลงตัวเอง ดูถูกคนอื่นว่าโง่หมด ไม่มีใครรู้หรอก ข้ารู้ ก็ประกาศตนว่าตนหลุดพ้น ไม่กล้าประกาศตรงๆว่าเป็นอรหันต์ พูดแต่ว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่กล้าพูดตรงๆทีเดียวหรอก ดูเหมือนไม่ได้ประกาศว่าตนเป็นพระอรหันต์อย่างโพธิรักษ์ อรหันต์เป็นอย่างไรอธิบายไม่ออกหรอก ก็เลยพูดข้ามๆไปว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ก็ไม่ต้องอธิบายไง ฉลาดเฉโก ฉลาดหลอกอีก
ถ้าประกาศว่าเป็นพระอรหันต์เขาก็จะถามว่าพระอรหันต์เป็นอย่างไร แต่บอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย คนก็ไม่รู้จะถามต่ออย่างไร จะไปถามว่าเกิดอีกหรือไม่เกิดอย่างไรก็ไม่ต้องถามเพราะท่านไม่เกิดอีก นี่ฉลาดหาภาษาคำลวงคำหลอก เปิดเผยไปก็จะชัดเจนทุกอย่าง
แม้แต่พยัญชนะก็รู้ ถ้าประกาศว่าตนเองเป็นอรหันต์มันจะยากแต่ประกาศว่าตนเองชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็ชั่วอยู่ดี
คนจนที่เป็นโลกียะ อยากรวยอยากได้แต่มันจำนน หาธนบัตรมาให้ตัวเองไม่ได้ หาเพชรนิลจินดาของที่โลกเขานับถือว่าต้องมีเยอะแยะมาสะสมให้ตัวเองให้เยอะๆไม่ได้ ข้อใดเป็นคนจน ก็ไม่ผิดถูกต้องทีเดียว มันไม่มีมากนี่แหละคือคนจน
แต่ที่นี้โลกุตระนั้น คนจนไม่ต้องมีมาก ไม่มีมากจริงๆด้วย เป็นคนไม่ต้องไปสะสมธนบัตร ไม่ต้องไปสะสมเพชรนิลจินดา สะสมอย่างที่โลกเขาว่า ไม่ต้องจริงๆด้วย แล้วอยู่ได้มั้ย เพราะมันต้องมีหมู่ มีกลุ่ม มีมิตรดีสหายดี มีสังคมสิ่งแวดล้อมดี มีสัปปายะ 4 ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ก็มีตัวอย่างแล้ว ชุมชนชาวอโศกเป็นต้น มันยืนยันได้เลยว่านี่ ชุมชนคนจน
เพราะฉะนั้นคำว่าคนจนนี้ แม้แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ยืนยันว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ท่านขยายความไม่ได้อย่างอาตมาเท่านั้นเอง มันไม่จนเพราะท่านก็ขยันทำงาน เหมาะสมกับฐานะของท่าน ทรงงานเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนติดดินที่ยิ่งใหญ่มาก นัยยะที่จะต้องขยายความโลกุตรธรรมที่ละเอียดก็เป็นหน้าที่ของอาตมา
ท่านสวรรคตไปตอนอายุ 89 ปี อาตมาก็ไล่ๆแล้ว กำลังจะไป 88 ปีเต็ม มิถุนายน 65 ก็อายุ 88 ปีเต็ม ก็ไล่ไปหา 89 ถ้าอาตมา 89 เท่าๆกับท่าน ท่านอายุไม่ถึง 89 ก็นั่งวีลแชร์แล้ว แต่อาตมายังไม่มีท่าทีว่าอาตมาจะนั่งรถวีลแชร์ ยังไม่น่าจะนั่งวีลแชร์ แต่ก็ประมาทไม่ได้ พูดไปจะหาว่าประมาท
เอา แสงอรุณ 7 นี้ก่อน เมื่อกี้ว่าศีลแล้ว มาปฏิบัติศีลแล้วจะเห็นอย่างคุณแสงสว่าง โอ้โห มันทำให้เจริญอย่างนี้เอง ทำให้เกิดพัฒนาการแก่ตัวเองอย่างชัดเจนอย่างนี้เอง ก็เกิดฉันทะสัมปทา ตามมา
เดี๋ยวคุณแสงสว่างจะรู้เรื่อง อัตตา ต่อจาก ฉันทะสัมปทา อัตตสัมปทา คนจะรู้จักอัตตา ไม่ใช่เรื่องตื้นๆ คนจะรู้จัก อัตตา คือคนจะรู้จัก สักกะ จะต้องรู้ กายะ ต้องมีความเข้าใจเรื่อง สักกะ กายะ ต้องพ้นความไม่รู้ ความงง ความสงสัยในเรื่องของ สักกะ กับกายะ
สักกะคือตนเอง กายะคือสภาพ 2 สภาพคู่ รูปนาม อีกเยอะ กายะ อาตมายังจะขยายความไปอีกเยอะ ในคำว่า กาย
ผู้ที่สามารถจะชัดเจนสัมมาทิฏฐิในคำว่า กาย แล้วก็ตน อัตตา ตน อยู่ที่ตนเอง ไม่ได้ไปมัวแต่ไปมองเพ่งคนอื่น มัวแต่ไปมองเพ่งพยัญชนะบัญญัติภายนอกหมดเลย ให้เอาถึงจิตเจตสิกรูปนิพพานของตัวเองเลย มันต้องลึกเข้าไป อ่านอันนั้นออกจริงๆ เห็น อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของอาการจิต ต้องลึกเข้าไปถึงขั้นอาการของจิต
แล้วเวลาจะกระทบสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วเกิด อาการ เกิดอาการทางกายในองค์ประชุมจากนอกมาหาใน คือกายในกาย แล้วก็จะเลื่อนไปหาจิตเจตสิก คือเวทนา คุณก็จะต้องอ่านตามพวกนี้รู้ทันเลยรู้ตามเลย จนกระทั่งรู้จัก กาย มันเปลี่ยนจากรูปนาม มาหาความรู้สึก
กาย ก็เป็นจิต มีความรู้สึกอยู่ในนั้น แต่ยังชี้บ่งความหมายที่หยาบภายนอกก่อน พอมาถึงเวทนาก็เกิดความรู้สึก จนเต็มเวทนา พระพุทธเจ้าก็ขยายเวทนาไปถึง 108
รู้เวทนาแล้ว ในเวทนาแยกแยะเจโตปริยญาณ 16 ออก ก็คือ จิตในจิต แยกออก และก็จัดการ เรียกว่า ธรรมในธรรม
โลกียะเป็นอย่างนี้ กิเลสเป็นอย่างนี้ อกุศลเป็นอย่างนี้ กุศลเป็นอย่างนี้ บาปเป็นอย่างนี้ บุญเป็นอย่างนี้ บุญคือพลังงานที่อาตมาขยายความ ซ้อน เป็นพลังงานจิตที่เราทำใจในใจเป็น นี่คือตัวที่ 7 พูดทิ้งเอาไว้ ให้เข้าใจว่า แสงอรุณ 7 ตัวโยนิโสมนสิการเป็นตัวที่ 7
กว่าจะถึงการทำใจในใจเป็น กว่าคุณจะทำใจในใจของคุณเป็น ถูกสักกายะของคุณจริงๆ ถูกต้องลงไปถึงที่เกิด โยนิโส ไม่ใช่เรื่องตื้น แยบคายถ่องแท้เลยก็แล้วแต่ ถึงที่เกิดอะไรเกิด กิเลสเกิดจิตเกิด บาปเกิดทำให้บาปหายไปบุญเกิด แต่มันไม่เกิดหรอก เพราะว่าบุญเป็นตัวทำลายตัวเดียว บุญ พลังงานที่ฆ่าอย่างเดียว แล้วมือเพชฌฆาตมือที่ 4 ด้วย
ฌาน เป็นเพชฌฆาตมือที่ 1 2 3 ฆ่าๆๆๆ เพื่อความแน่นอน มือที่ 4 ลงอีก ที่จริงตายไปแล้ว คือ มือที่ 3 เรียกว่า ฌานที่ 3 มันสงบแล้ว จิตเป็นเอกกัคคตา มันกิเลสตายแล้วสงบแล้ว แต่เพื่อความแน่ชัดจริงๆ จึงได้มีเพชฌฆาตมือที่ 4 คือฌานที่ 4 ตัดอีกที ทั้งๆที่คอมันขาดแล้ว ไปตัดที่หัวที่ตัวก็แล้วแต่ ไปสับให้แหลก เดี๋ยวหัวกับตัวมันจะมาต่ออีก ต้องสับให้แหลก ทำให้มันตายสนิทแน่นอน ตายอย่าง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
อาตมาว่าอาตมาอธิบายธรรมะละเอียดลออต่างๆนาๆ พวกคุณฟังมาจนกระทั่ง หูเปียกหูแฉะไปหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นจนกระทั่งสุดท้าย ชัดเจนรู้จัก อัตตา
มาไล่ ตั้งแต่ยินดี แล้วมาเรียนรู้อัตตา อ๋อ.. อัตตา มี 3
ในพระไตรปิฎกชุดสยามรัฐ มีขยาย อัตตาไว้ที่ โปฏฐปาทสูตร มีอัตตา 3 โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา
-
การยึดครองหรือได้ตัวตนวัตถุภายนอก (โอฬาริกอัตตา ฯ)
-
การยึดครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ปั้นรูปสัญญา ไม่อาศัยวัตถุภายนอกหยาบๆ แล้ว (มโนมยอัตตา ฯ)
-
การยึดครองหรือได้อัตตาที่หารูปมิได้ หรือรูปละเอียดที่ปั้นสำเร็จขึ้นด้วยสัญญา (อรูปอัตตา ปฏิลาโภ) .